Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ????????? ??????????????????? ?.4-6 Logo_T51C

????????? ??????????????????? ?.4-6 Logo_T51C

Published by test.sks.technology, 2015-02-01 23:37:22

Description: ????????? ??????????????????? ?.4-6 Logo_T51C

Keywords: none

Search

Read the Text Version

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน / รายวิชาเพิ่มเติม ระดับชั้น ม.ปลายระดับชั้น ม.ปลาย คูมือครู , หลักสูตรแกนกลางฯ 51 ทั้งฉบับอนุญาต (อญ.) และฉบับประกันฯ 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº ตามที่ ศธ. ประกาศขึ้นเว็บไซต ตั้งแต ม.ค. 2555 เปนตนไป ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº ÍÞ. เพื่อใหสถานศึกษาเลือกใชในปการศึกษา 2555 ·Õè ȸ. ¨Ð»ÃСÒÈÃÒ¡Òú¹àÇçºä«µ µÑé§áµ‹ Á. ¤. ’55 ໚¹µŒ¹ä» รายการที่ ศธ. อนุญาตใหโรงเรียนใชได รายการที่ ศธ. จะประกาศบนเว็บไซต (โปรดดูรายการจากประกาศบนเว็บไซตของ ศธ. ในป 2553-2554) ตั้งแต ม.ค. 2555 เพื่อใหโรงเรียนใชได ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ม.4 ม.5 ม.6 หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา อญ. อญ. อญ. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม อญ. อญ. อญ. หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ วรรณกรรมทองถิ่น ม.4-6 ประกันฯ (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ การแตงคำประพันธ ม.4-6 ประกันฯ (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต ชีวิตกับสิ่งแวดลอม ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สารและสมบัติของสาร ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก ดาราศาสตรและอวกาศ ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพุทธศาสนา อญ. อญ. อญ. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พระพุทธศาสนา ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) áçáÅСÒÃà¤Å×è͹·Õè ¾Åѧ§Ò¹ Á. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน หนาที่พลเมืองฯ ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เศรษฐศาสตร ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตรไทย ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตรสากล ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภูมิศาสตร ม.4-6 อญ. (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ ศาสนาสากล ม.4-6 ประกันฯ (ชวงชั้น) - หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ กฎหมายที่ประชาชนควรรู ม.4-6 ประกันฯ (ชวงชั้น) ๖ ๔ Á. หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ โลกศึกษา ม.4-6 ประกันฯ (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ ประชากรกับสิ่งแวดลอม ม.4-6 ประกันฯ (ชวงชั้น) หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน พลศึกษา ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ทัศนศิลป ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ดนตรี ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน นาฏศิลป ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพและเทคโนโลยี ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน Upstream ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ แบบฝกหัด รายวิชาพื้นฐาน Upstream ประกันฯ ประกันฯ ประกันฯ หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม ชุดเพิ่มศักยภาพ ภาษาอังกฤษ เสริมสรางสมรรถนะการอาน Mastery in Reading 1-3 (3 เลม) ประกันฯ (ชวงชั้น) ͨ·. ¨Ñ´·Ó “¤Ù‹Á×ͤÃÙ” ãˌ㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº “˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹” ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ·Ø¡àÅ‹Á ·Ø¡¡ÅØ‹ÁÊÒÃÐ ·Ø¡ªÑé¹»‚ ·Õè ȸ. »ÃСÒÈãËŒâçàÃÕ¹㪌䴌 คูมือครู คูมือครู คูมือครู คูมือครู คูมือครู แรงและการเคลื่อนที่ฯ ม.4-6 (โปรดดูราคาหนังสือเรียนจากประกาศบนเว็บไซตของ ศธ. หรือดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. ปี ’55) 8 858649 113764 ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน

เอกสารประกอบคูมือครู กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร รายวิชา สําหรับครู แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 ประกอบดวยประกอบดวย เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 ● คําแนะนําการใชคูมือครูคําแนะนําการใชคูมือครูคําแนะนําการใชคูมือครูคําแนะนําการใชคูมือครู ● แถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครูแถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครูแถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครูแถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครูแถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครูแถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู ● ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลางตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลางตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลางตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลางตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง ● คําอธิบายรายวิชาคําอธิบายรายวิชา ● ตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรูตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด ● เฉลยกิจกรรมสําหรับผูสอนเฉลยกิจกรรมสําหรับผูสอนเฉลยกิจกรรมสําหรับผูสอนเฉลยกิจกรรมสําหรับผูสอนเฉลยกิจกรรมสําหรับผูสอนเฉลยกิจกรรมสําหรับผูสอน * ตารางแสดงความแตกตางระหวาง “คูมือครู” กับ “หนังสือเรียน ” ความแตกตาง คูมือครู หนังสือเรียน ขนาดตัวอักษร ยอลงจากปกติ 30% ขนาดปกติ 100% : ตัวอักษรใหญกวา ที่พิมพในคูมือครูนี้ ปกดานหลัง - มีใบอนุญาต/ใบประกันคุณภาพ ระบบการจัดพิมพ พิมพ 4 สี พิมพ 4 สี สวนเสริมดานหนา มี เอกสารหลักสูตร - ● ● คําอธิบายรายวิชา เนื้อหาในเลม มี กิจกรรมแบบ 5E มีเฉพาะเนื้อหาสาระตามที่ ศธ. ● พิมพสอดแทรกไวตลอดทั้งเลม อนุญาตฯ/สนพ.ประกันคุณภาพ ความรูเสริมสําหรับครู ● * ที่ ศธ. อนุญาตใหโรงเรียนใชได

คําแนะนําการใชคูมือครู : การจัดการเรียนรูสูหองเรียนคุณภาพ 1) ความรูเดิมของนักเรียน 2) ความรูเดิมของนักเรียนถูกตอง 3) นักเรียนสรางความหมาย คูมือครู แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-ม.6 จัดทําขึ้นเพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการวางแผน การสอนที่ดีจึงตองเริ่มตนจากจุดที่วา หรือไม ผูสอนตองปรับเปลี่ยนความรู สําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมให นักเรียนมีความรูอะไรมาบาง แลวจึงให ความเขาใจเดิมของนักเรียนใหถูกตอง นักเรียนนําขอมูลความรูที่ไดไปลงมือ และเตรียมการสอนโดยใชหนังสือเรียน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-ม.6 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ความรูหรือประสบการณใหมเพื่อตอยอด และเปนพฤติกรรมการเรียนรูใหมที่มี ปฏิบัติ และประยุกตใชความรูอยาง เสร�ม เปนสื่อหลัก(Core Material) ประกอบการออกแบบกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรู จากความรูเดิม คุณคาตอนักเรียน เพื่อสรางเจตคติหรือ ถูกตอง ในบริบทที่เปนจริงของชีวิต เสร�ม 3 2 และตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยจัดทํา ทัศนคติที่ดีตอการเรียน นักเรียน เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและ ตามหลักการสําคัญ ดังนี้ มีคุณคาตอตัวนักเรียนมากที่สุด 1. ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน 1. ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-ม.6 จัดทําเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระการเรียนรูที่ระบุ แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง ไวในมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศการเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความ Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณความรูใหม ผูเรียนจะพยายามปรับขอมูลใหม ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนเปาหมาย กับประสบการณที่มีอยูเดิม แลวสรางเปนความรูใหมหรือแนวคิดใหมๆ ไดดวยตนเอง การเรียนรูของแตละหนวยการเรียนรู (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลการจัดการเรียนการสอนไดอยางมั่นใจ 3. การบูรณาการกระบวนการคิด มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐานการเรียนรู การเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่รูคิด ภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และ มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐานการเรียนรู มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป ตัวชี้วัดชั้นป ตัวชี้วัดชั้นป ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของนักเรียน การจัดกระบวนการ ตัวชี้วัดชั้นป ตัวชี้วัดชั้นป ตัวชี้วัดชั้นป เรียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผูเรียนนั้น จะชวยกระตุนใหสมองรับรูและสามารถเรียนรูไดอยางมี ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1) สมองจะเรียนรูและสืบคนโดย 2) สมองจะแยกแยะคุณคาของ 3) สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ ทักษะการคิด ทักษะการคิด ทักษะการคิด ทักษะการคิด ทักษะการคิด การสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง สิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก ปฏิบัติ จนคนพบความรูความเขาใจได วิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือ เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสาน การวัดประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู อยางรวดเร็ว ตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้น กับความรู หรือประสบการณเดิมที่ถูก การเรียนรู การเรียนรู ในขณะที่เรียนรู จัดเก็บอยูในสมอง ผานการกลั่นกรอง เพื่อสังเคราะหเปนความรูความเขาใจ ใหมๆ หรือเปนเหตุผลทัศนคติใหมที่จะ ฝงแนนในสมองของผูเรียน เทคนิคการสอน จุดประสงคการเรียนรู สภาพผูเรียน แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะ เกิดขึ้นเมื่อสมองรูคิดและตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมอง โดยเริ่มตนจาก 2. การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ 1) ระดับการคิดขั้นพื้นฐาน ไดแก 2) ระดับลักษณะการคิด ไดแก 3) ระดับกระบวนการคิด ไดแก แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ พัฒนามาจากปรัชญาและทฤษฎีการเรียนรู การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดหลากหลาย กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสราง การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล คิดไกล คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล กระบวนการแกปญหา กระบวนการคิด ความรูโดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดพบเห็นกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู การสรุปผล เปนตน เปนตน สรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา นักเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีความรูความเขาใจสิ่งตางๆ ติดตัวมากอนที่จะเขาสู วิจัย เปนตน หองเรียน ซึ่งเปนการเรียนรูที่เกิดจากบริบทและสิ่งแวดลอมรอบตัวนักเรียนแตละคน ดังนั้นการจัดกระบวนการเรียนรู ในแตละบทเรียน ผูสอนจะตองคํานึงถึง คูมือครู คูมือครู

คําแนะนําการใชคูมือครู : การจัดการเรียนรูสูหองเรียนคุณภาพ 1) ความรูเดิมของนักเรียน 2) ความรูเดิมของนักเรียนถูกตอง 3) นักเรียนสรางความหมาย คูมือครู แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-ม.6 จัดทําขึ้นเพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการวางแผน การสอนที่ดีจึงตองเริ่มตนจากจุดที่วา หรือไม ผูสอนตองปรับเปลี่ยนความรู สําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมให นักเรียนมีความรูอะไรมาบาง แลวจึงให ความเขาใจเดิมของนักเรียนใหถูกตอง นักเรียนนําขอมูลความรูที่ไดไปลงมือ และเตรียมการสอนโดยใชหนังสือเรียน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-ม.6 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด ความรูหรือประสบการณใหมเพื่อตอยอด และเปนพฤติกรรมการเรียนรูใหมที่มี ปฏิบัติ และประยุกตใชความรูอยาง เสร�ม เปนสื่อหลัก(Core Material) ประกอบการออกแบบกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรู จากความรูเดิม คุณคาตอนักเรียน เพื่อสรางเจตคติหรือ ถูกตอง ในบริบทที่เปนจริงของชีวิต เสร�ม 3 2 และตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยจัดทํา ทัศนคติที่ดีตอการเรียน นักเรียน เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและ ตามหลักการสําคัญ ดังนี้ มีคุณคาตอตัวนักเรียนมากที่สุด 1. ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน 1. ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.4-ม.6 จัดทําเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระการเรียนรูที่ระบุ แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง ไวในมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศการเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความ Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณความรูใหม ผูเรียนจะพยายามปรับขอมูลใหม ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนเปาหมาย กับประสบการณที่มีอยูเดิม แลวสรางเปนความรูใหมหรือแนวคิดใหมๆ ไดดวยตนเอง การเรียนรูของแตละหนวยการเรียนรู (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลการจัดการเรียนการสอนไดอยางมั่นใจ 3. การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่รูคิด ภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และรเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่รูคิด ภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และรเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่รูคิด ภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และรเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่รูคิด ภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และรเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่ มาตรฐานการเรียนรู กา กา กา กา กา ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของนักเรียน การจัดกระบวนการองการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน องการของนักเรียน ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต ตัวชี้วัดชั้นป ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความต เรียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผูเรียนนั้น จะชวยกระตุนใหสมองรับรูและสามารถเรียนรูไดอยางมีียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผูเรียนนั้น จะชวยกระตุนใหสมองรับรูและสามารถเรียนรูไดอยางมีียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผูเรียนนั้น จะชวยกระตุนใหสมองรับรูและสามารถเรียนรูไดอยางมีียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผูเรียนนั้น จะชวยกระตุนใหสมองรับรูและสามารถเรียนรูไดอยางมีียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผู เร เร เร เร เร เร เร เร ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1 1 1 2) สมองจะแยกแยะคุณคาของ2) สมองจะแยกแยะคุณคาของ2) สมองจะแยกแยะคุณคาของ2) สมองจะแยกแยะคุณคาของ2) สมองจะแยกแยะคุณคาของ 3) สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ ) สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ ) สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ ) สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ 1) สมองจะเรียนรูและสืบคนโดย) สมองจะเรียนรูและสืบคนโดย) สมองจะเรียนรูและสืบคนโดย) สมองจะเรียนรูและสืบคนโดย 3 3 3 ทักษะการคิด การสังเกต การสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง สิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจากสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษคนหา ซักถาม และทดลอง สิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจากสิ่งตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษ ปฏิบัติ จนคนพบความรูความเขาใจได วิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือ เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือวิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือ การวัดประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู อยางรวดเร็ว ตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้น กับความรู หรือประสบการณเดิมที่ถูกตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้น จัดเก็บอยูในสมอง ผานการกลั่นกรองัดเก็บอยูในสมอง ผานการกลั่นกรองัดเก็บอยูในสมอง ผานการกลั่นกรอง การเรียนรู ในขณะที่เรียนรูในขณะที่เรียนรูในขณะที่เรียนรูในขณะที่เรียนรูในขณะที่เรียนรู จ จ เพื่อสังเคราะหเปนความรูความเขาใจื่อสังเคราะหเปนความรูความเขาใจื่อสังเคราะหเปนความรูความเขาใจ เพ เพ ใหมๆ หรือเปนเหตุผลทัศนคติใหมที่จะ ฝงแนนในสมองของผูเรียน เทคนิคการสอน จุดประสงคการเรียนรู สภาพผูเรียน แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะ เกิดขึ้นเมื่อสมองรูคิดและตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมอง โดยเริ่มตนจาก 2. การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ 1) ระดับการคิดขั้นพื้นฐาน ไดแก 2) ระดับลักษณะการคิด ไดแก 3) ระดับกระบวนการคิด ไดแก แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ พัฒนามาจากปรัชญาและทฤษฎีการเรียนรู การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดหลากหลาย กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสราง การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล คิดไกล คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล กระบวนการแกปญหา กระบวนการคิด ความรูโดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดพบเห็นกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู การสรุปผล เปนตน เปนตน สรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา นักเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีความรูความเขาใจสิ่งตางๆ ติดตัวมากอนที่จะเขาสู วิจัย เปนตน หองเรียน ซึ่งเปนการเรียนรูที่เกิดจากบริบทและสิ่งแวดลอมรอบตัวนักเรียนแตละคน ดังนั้นการจัดกระบวนการเรียนรู ในแตละบทเรียน ผูสอนจะตองคํานึงถึง คูมือครู คูมือครู

4. การบูรณาการกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ ท 2.1 ม.1/8 เขียนรายงานการศึกษาคนควาและโครงงาน กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายสงเสริมการเรียนพื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเสริมสรางทักษะที่ ท 1.1 ม.4-6/8 สังเคราะหความรูจากการอานสื่อสิ่งพิมพ สื่ออิเล็กทรอนิกส และแหลงเรียนรู จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพ และดํารงชีวิตในสังคมทองถิ่นของผูเรียนอยางมีความสุข และเปนการเตรียมความพรอม ตางๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรูทางอาชีพ เสร�ม ดานกําลังคนใหมีทักษะพื้นฐานและศักยภาพในการทํางาน เพื่อการแขงขันและกาวสูประชาคมอาเซียนหรือประชาคมโลก ท 2.1 ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบตางๆ เสร�ม 5 4 ตอไป ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผูอื่น แลวนํามาพัฒนางานเขียนของตนเอง 4.1 ทักษะพื้นฐานเพื่อการประกอบอาชีพ การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผูเรียนในรายวิชาพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตน จะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพ ทุกกลุมสาระการเรียนรูและทุกระดับชั้นเรียน ผูสอนควรบูรณาการประสบการณการเรียนรูพื้นฐานอาชีพควบคู ทุกอาชีพ และเปนการปูทางไปสูอาชีพเฉพาะเกี่ยวกับการเขียน เชน นักเขียน นักประพันธ นักหนังสือพิมพ ไปกับการเรียนการสอนดานวิชาการ โดยฝกทักษะสําคัญตามที่สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) นักวิจารณ เปนตน สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแนะไว ดังนี้ 2. กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร 1. ฝกทักษะกระบวนการคิด มีการวางแผนตลอดแนว เพื่อศึกษาขอมูลอาชีพ กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรมุงเนนการพัฒนาผูเรียนในการเชื่อมโยงความรูกับกระบวนการ 2. ฝกการตัดสินใจอยางเปนระบบ โดยใชขอมูลจากการศึกษา คนควาแหลงเรียนรูในชุมชน เพื่อลดความ มีทักษะสําคัญในการคนควาและสรางองคความรู พัฒนาวิธีการคิด ทั้งความคิดที่เปนเหตุเปนผล คิดสรางสรรค เสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มความมั่นใจเรื่องการตลาด คิดวิเคราะห วิจารณ โดยใชกระบวนการในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหาที่หลากหลาย เพื่อใหมีความรู 3. ฝกกระบวนการวางแผน การผลิต และการจัดจําหนาย โดยนักเรียนคิดตนทุน กําไรดวยตนเอง ความเขาใจในธรรมชาติและเทคโนโลยี นําความรูไปใชอยางมีเหตุผล มีคุณธรรม และอยูในสังคมแหงการเรียนรู 4. ฝกการเรียนรูเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลุม โดยมีจิตอาสาเพื่อ4. ฝกการเรียนรูเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลุม โดยมีจิตอาสาเพื่อ4. ฝกการเรียนรูเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลุม โดยมีจิตอาสาเพื่อ 4. ฝกการเรียนรูเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลุม โดยมีจิตอาสาเพื่อ ไดอยางเหมาะสม โดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน สวนรวม ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ 5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต 5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต5. ว 1.1 ม.2/4 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุง 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ การจัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง การจ การจ การจ การจ การจัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง ัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง ัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง ัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง ัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะ มีทักษะ ความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสูความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสูความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสูความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสูความสามารถ ม ม ม ม ม ม มีทักษะ ความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสููีทักษะ ีทักษะ ีทักษะ ีทักษะ ีทักษะ ีทักษะ และนําความรูไปใชประโยชน ตลาดแรงงานในอนาคต การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่ 4.2 การจัดกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรูมีความสําคัญอยางยิ่งที่จะชวยให 4.2 การจัดกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรูมีความสําคัญอยางยิ่งที่จะชวยใหการจัดกระบวนการเรียนรูมีความสําคัญอยางยิ่งที่จะชวยให นักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียน เกี่ยวกับเกษตรกร วิทยาศาสตร การเกษตร นักวิจัย เปนตน น น น น น น น น น น น นักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียนักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียนักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียนักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียนักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียนักเรียนมีการพัฒ 3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานท ดานทักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ ดานทักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ ักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ ักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ ักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ ักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะน เทคนิควิธีการตางๆ ที่ผูสอนจะตองพิจารณาใหเหมาะสมกับเนื้อหาวิชาและวัยของผูเรียน โดยใหความสําคัญกับ กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมมุงเนนการพัฒนาใหผูเรียนมีความรูความ การฝกปฏิบัติและเนนการวัดประเมินผลจากการปฏิบัติตามสภาพจริง ดวยวิธีการที่จัดกิจกรรมการบูรณาการ เขาใจเกี่ยวกับการดํารงชีวิตของมนุษย การอยูรวมกันในสังคมที่มีความเชื่อมโยงสัมพันธกัน มีความแตกตางกัน ใหเหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผูเรียน สอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดของกลุมสาระตางๆ อยางหลากหลาย สามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัด และเขาใจการเปลี่ยนแปลง เพื่อชวยใหสามารถปรับ ที่กําหนดไวในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 การวิเคราะหมาตรฐานและตัวชี้วัดที่จะนําไป ตนเองกับบริบทและสภาพแวดลอม เปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู ทักษะ คุณธรรม และคานิยมที่ จัดเนื้อหาความรูและทักษะ เพื่อพัฒนาผูเรียนดานพื้นฐานอาชีพ ดังตัวอยางตอไปนี้ เหมาะสม มีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ เชน 1. กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ส 4.3 ม.1/3 วิเคราะหอิทธิพลของวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยสมัยสุโขทัยและสังคมไทยใน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทยมุงเนนการพัฒนาใหผูเรียนมีความรูความสามารถในการใชภาษาไทย ปจจุบัน เพื่อการสื่อสาร เปนเครื่องมือในการเรียนรู การแสวงหาความรู และประสบการณตางๆ เพื่อพัฒนาความรู ส 4.3 ม.2/3 ระบุภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และอิทธิพลของภูมิปญญา กระบวนการคิดวิเคราะห วิจารณ และสรางสรรค ใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของสังคมและความกาวหนาทาง ดังกลาวตอการพัฒนาชาติไทยในยุคตอมา วิทยาศาสตร เทคโนโลยี จึงเปนกลุมสาระการเรียนรูที่เปนทักษะพื้นฐานการประกอบอาชีพทุกอาชีพ ตัวชี้วัดที่ ส 4.3 ม.3/3 วิเคราะหภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร และอิทธิพลตอการพัฒนา สามารถนํามาพัฒนาทักษะอาชีพ เชน ชาติไทย คูมือครู คูมือครู

4. การบูรณาการกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ ท 2.1 ม.1/8 เขียนรายงานการศึกษาคนควาและโครงงาน กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายสงเสริมการเรียนพื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเสริมสรางทักษะที่ ท 1.1 ม.4-6/8 สังเคราะหความรูจากการอานสื่อสิ่งพิมพ สื่ออิเล็กทรอนิกส และแหลงเรียนรู จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพ และดํารงชีวิตในสังคมทองถิ่นของผูเรียนอยางมีความสุข และเปนการเตรียมความพรอม ตางๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรูทางอาชีพ เสร�ม ดานกําลังคนใหมีทักษะพื้นฐานและศักยภาพในการทํางาน เพื่อการแขงขันและกาวสูประชาคมอาเซียนหรือประชาคมโลก ท 2.1 ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบตางๆ เสร�ม 4 ตอไป ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผูอื่น แลวนํามาพัฒนางานเขียนของตนเอง 5 4.1 ทักษะพื้นฐานเพื่อการประกอบอาชีพ การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผูเรียนในรายวิชาพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตน จะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพ ทุกกลุมสาระการเรียนรูและทุกระดับชั้นเรียน ผูสอนควรบูรณาการประสบการณการเรียนรูพื้นฐานอาชีพควบคู ทุกอาชีพ และเปนการปูทางไปสูอาชีพเฉพาะเกี่ยวกับการเขียน เชน นักเขียน นักประพันธ นักหนังสือพิมพ ไปกับการเรียนการสอนดานวิชาการ โดยฝกทักษะสําคัญตามที่สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) นักวิจารณ เปนตน สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแนะไว ดังนี้ 2. กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร 1. ฝกทักษะกระบวนการคิด มีการวางแผนตลอดแนว เพื่อศึกษาขอมูลอาชีพ กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรมุงเนนการพัฒนาผูเรียนในการเชื่อมโยงความรูกับกระบวนการ 2. ฝกการตัดสินใจอยางเปนระบบ โดยใชขอมูลจากการศึกษา คนควาแหลงเรียนรูในชุมชน เพื่อลดความ มีทักษะสําคัญในการคนควาและสรางองคความรู พัฒนาวิธีการคิด ทั้งความคิดที่เปนเหตุเปนผล คิดสรางสรรค เสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มความมั่นใจเรื่องการตลาด คิดวิเคราะห วิจารณ โดยใชกระบวนการในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหาที่หลากหลาย เพื่อใหมีความรู 3. ฝกกระบวนการวางแผน การผลิต และการจัดจําหนาย โดยนักเรียนคิดตนทุน กําไรดวยตนเอง ความเขาใจในธรรมชาติและเทคโนโลยี นําความรูไปใชอยางมีเหตุผล มีคุณธรรม และอยูในสังคมแหงการเรียนรู 4. ฝกการเรียนรูเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลุม โดยมีจิตอาสาเพื่อ ไดอยางเหมาะสม ไดอยางเหมาะสม โดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน ไดอยางเหมาะสม ไดอยางเหมาะสม ไดอยางเหมาะสม ไดอยางเหมาะสม โดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชนโดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชนโดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชนโดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชนโดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน สวนรวม ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม.1/13 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ว 1.1 ม 5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน ปรับปรุงพันธุและเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self ว 1.1 ม.2/4 อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุงิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุงิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุงิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุงิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุง อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุง ว 1.1 ม.2/4 ว 1.1 ม.2/4 ว 1.1 ม.2/4 ว 1.1 ม.2/4 ว 1.1 ม.2/4 อธ อธ อธ อธ Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน พันธุและเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน การจัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษยและสิ่งแวดลอม ว 1.2 ม.4-6/ มีทักษะ ความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพเขาสู และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน และนําความรูไปใชประโยชน ตลาดแรงงานในอนาคต การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพทการจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่ี่ 4.2 การจัดกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรูมีความสําคัญอยางยิ่งที่จะชวยให เกี่ยวกับเกษตรกร วิทยาศาสตร การเกษตร นักวิจัย เปนตน นักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียน เกี่ยวกับเกษตรกร วิทยาศาสตร การเกษตร นักวิจัย เปนตน 3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ดานทักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ เทคนิควิธีการตางๆ ที่ผูสอนจะตองพิจารณาใหเหมาะสมกับเนื้อหาวิชาและวัยของผูเรียน โดยใหความสําคัญกับ กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมมุงเนนการพัฒนาใหผูเรียนมีความรูความ การฝกปฏิบัติและเนนการวัดประเมินผลจากการปฏิบัติตามสภาพจริง ดวยวิธีการที่จัดกิจกรรมการบูรณาการ เขาใจเกี่ยวกับการดํารงชีวิตของมนุษย การอยูรวมกันในสังคมที่มีความเชื่อมโยงสัมพันธกัน มีความแตกตางกัน ใหเหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผูเรียน สอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดของกลุมสาระตางๆ อยางหลากหลาย สามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัด และเขาใจการเปลี่ยนแปลง เพื่อชวยใหสามารถปรับ ที่กําหนดไวในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 การวิเคราะหมาตรฐานและตัวชี้วัดที่จะนําไป ตนเองกับบริบทและสภาพแวดลอม เปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู ทักษะ คุณธรรม และคานิยมที่ จัดเนื้อหาความรูและทักษะ เพื่อพัฒนาผูเรียนดานพื้นฐานอาชีพ ดังตัวอยางตอไปนี้ เหมาะสม มีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ เชน 1. กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ส 4.3 ม.1/3 วิเคราะหอิทธิพลของวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยสมัยสุโขทัยและสังคมไทยใน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทยมุงเนนการพัฒนาใหผูเรียนมีความรูความสามารถในการใชภาษาไทย ปจจุบัน เพื่อการสื่อสาร เปนเครื่องมือในการเรียนรู การแสวงหาความรู และประสบการณตางๆ เพื่อพัฒนาความรู ส 4.3 ม.2/3 ระบุภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และอิทธิพลของภูมิปญญา กระบวนการคิดวิเคราะห วิจารณ และสรางสรรค ใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของสังคมและความกาวหนาทาง ดังกลาวตอการพัฒนาชาติไทยในยุคตอมา วิทยาศาสตร เทคโนโลยี จึงเปนกลุมสาระการเรียนรูที่เปนทักษะพื้นฐานการประกอบอาชีพทุกอาชีพ ตัวชี้วัดที่ ส 4.3 ม.3/3 วิเคราะหภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร และอิทธิพลตอการพัฒนา สามารถนํามาพัฒนาทักษะอาชีพ เชน ชาติไทย คูมือครู คูมือครู

ส 4.3 ม.4-6/3 วางแผนกําหนดแนวทางและการมีสวนรวมในการอนุรักษภูมิปญญาไทยและ ดนตรี วัฒนธรรมไทย ศ 2.1 ม.1/3 รองเพลงและใชเครื่องดนตรีบรรเลงประกอบการรองเพลงดวยบทเพลงที่หลากหลาย การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานและสรางเจตคติตออาชีพ ศ 2.1 ม.2/3 รองเพลงและเลนดนตรีเดี่ยวและรวมวง เสร�ม เกี่ยวกับภูมิปญญาไทยในทองถิ่น เชน นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร แพทยแผนโบราณ นวดแผนไทย ชางทอผา ศ 2.1 ม.3/3 รองเพลง เลนดนตรีเดี่ยวและรวมวง โดยเนนเทคนิคการรอง การเลน เสร�ม 7 6 จักสาน นักดนตรีไทย การทําขนมหรืออาหารไทย เปนตน และเปนรากฐานของการศึกษาเพื่อพัฒนาตอยอดอาชีพ การแสดงออก และคุณภาพเสียง ที่มีฐานของภูมิปญญาไทย 4. กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา ศ 2.1 ม.4-6/4 อาน เขียน โนตดนตรีไทยและสากลในอัตราจังหวะตางๆ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทางดนตรี กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา เปนการศึกษาเพื่อการดํารงสุขภาพ การเสริมสราง เชน นักรอง นักดนตรี นักแตงเพลง เปนตน สุขภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต มุงใหผูเรียนพัฒนาพฤติกรรมดานความรู เจตคติ คุณธรรม คานิยม และ นาฏศิลป การปฏิบัติเกี่ยวกับสุขภาพ และการใชกิจกรรมเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การเลนเกมและกีฬา เปนเครื่องมือ ศ 3.1 ม.1/3 แสดงนาฏศิลปและละครในรูปแบบงายๆ พัฒนาทั้งดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม สติปญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและกีฬา โดยมีมาตรฐาน และตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ เชน ศ 3.1 ม.2/2 สรางสรรคการแสดงโดยใชองคประกอบนาฏศิลปและการละคร พ 3.2 ม.1/2 ออกกําลังกายและเลือกเขาเลนกีฬาตามความถนัด ความสนใจ อยางเต็ม ศ 3.1 ม.3/6 รวมจัดงานการแสดงในบทบาทหนาที่ตางๆ ความสามารถ พรอมทั้งมีการประเมินการเลนของตนและผูอื่น ศ 3.1 ม.4-6/2 สรางสรรคละครสั้นในรูปแบบที่ชื่นชอบ พ 3.2 ม.4-6/1 ออกกําลังกายและเลนกีฬาที่เหมาะสมกับตนเองอยางสมํ่าเสมอและใชความ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทาง พ 3.2 ม.4-6/1 ออกกําลังกายและเลนกีฬาที่เหมาะสมกับตนเองอยางสมํ่าเสมอและใชความ พ 3.2 ม.4-6/1 ออกกําลังกายและเลนกีฬาที่เหมาะสมกับตนเองอยางสมํ่าเสมอและใชความ พ 3.2 ม.4-6/1 ออกกําลังกายและเลนกีฬาที่เหมาะสมกับตนเองอยางสมํ่าเสมอและใชความ สามารถของตนเองเพิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผล สามารถของตนเองเพ สามารถของตนเองเพ สามารถของตนเองเพ สามารถของตนเองเพ สามารถของตนเองเพ นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํากับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตน สามารถของตนเองเพ สามารถของตนเองเพ สามารถของตนเองเพิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผลิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผล ที่เกิดตอสังคม 6. กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่เกิดตอสังคม ที่เกิดตอสังคม ที่เกิดตอสังคม ที่เกิดตอสังคม ที่เกิดตอสังคม การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ กลุมสาระการ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ ดานการกีฬา ดานการกีฬา และทักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยาง ดานการกีฬา เชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะเชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะเชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะเชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะเชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะ ดานการกีฬา ดานการกีฬา ดานการกีฬา เชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะ และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําค และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําคัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวยัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวยัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวยัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวยัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวย และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําค และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําค หลากหลาย รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําค และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําคัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวย 5. กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ มาตรฐานและตัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการ กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความคิดสรางสรรค กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความคิดสรางสรรค มี กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความคิดสรางสรรค มี กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความคิดสรางสรรค มี กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใ กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความคิดสรางสรรค มี มี จินตนาการทางศิลปะ จินตนาการทางศิลปะ เพื่อพัฒนาไปสูการประกอบอาชีพตางๆ เชน จินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ซึ่งมีผลตอคุณภาพชีวิตมนุษย พัฒนาใหผูเรียนเกิดความรู จินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ซึ่งมีผลตอคุณภาพชีวิตมนุษย พัฒนาใหผูเรียนเกิดความรูชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ซึ่งมีผลตอคุณภาพชีวิตมนุษย พัฒนาใหผูเรียนเกิดความรูชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ซึ่งมีผลตอคุณภาพชีวิตมนุษย พัฒนาใหผูเรียนเกิดความรู ความเขาใจ ความเขาใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยางอิสระมีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยางอิสระมีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยางอิสระมีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยางอิสระมีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยาง ความเขาใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยางอิสระ ความเขาใจ ความเขาใจ ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ ความเขาใจ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ ง 1.1 ม.4-6/7 ใชพลังงาน ทรัพยากรในการทํางานอยางคุมคาและยั่งยืน เพื่อการอนุรักษ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน ตางๆ มากมาย เชน โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพ ทัศนศิลป สิ่งแวดลอม ศ 1.1 ม.1/5 ออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ หรือกราฟกอื่นๆ ในการนําเสนอความคิดและขอมูล ศ 1.1 ม.2/3 วาดภาพดวยเทคนิคที่หลากหลายในการสื่อความหมายและเรื่องราวตางๆ ง 4.1 ม.2/3 มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ ศ 1.1 ม.3/7 สรางสรรคงานทัศนศิลปสื่อความหมายเปนเรื่องราวโดยประยุกตใชทัศนธาตุและ ง 4.1 ม.3/3 ประเมินทางเลือกในการประกอบอาชีพที่สอดคลองกับความรู ความถนัด และความ หลักการออกแบบ สนใจของตนเอง ศ 1.1 ม.4-6/10 สรางสรรคงานทัศนศิลปไทย สากลโดยศึกษาจากแนวคิดและวิธีการสรางงาน ง 4.1 ม.4-6/2 เลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ ของศิลปนที่ตนชื่นชอบ ง 4.1 ม.4-6/3 มีประสบการณในอาชีพที่ถนัดและสนใจ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพที่แสดงออก การจัดรายวิชาพื้นฐานในกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีจึงสามารถดําเนินการ ทางศิลปะและการสรางสรรค เชน จิตรกร นักออกแบบเสื้อผา เครื่องแตงกายและเครื่องใช สถาปนิก มัณฑนากร ไดอยางหลากหลาย ทั้งอาชีพในกลุมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสรางสรรค การบริหาร เปนตน จัดการ และการบริการ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และสอดคลองกับบริบทของทองถิ่น ความพรอม ของสถานศึกษา และความตองการของผูเรียนเปนสําคัญ คูมือครู คูมือครู

ส 4.3 ม.4-6/3 วางแผนกําหนดแนวทางและการมีสวนรวมในการอนุรักษภูมิปญญาไทยและ ดนตรี วัฒนธรรมไทย ศ 2.1 ม.1/3 รองเพลงและใชเครื่องดนตรีบรรเลงประกอบการรองเพลงดวยบทเพลงที่หลากหลาย การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานและสรางเจตคติตออาชีพ ศ 2.1 ม.2/3 รองเพลงและเลนดนตรีเดี่ยวและรวมวง เสร�ม เกี่ยวกับภูมิปญญาไทยในทองถิ่น เชน นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร แพทยแผนโบราณ นวดแผนไทย ชางทอผา ศ 2.1 ม.3/3 รองเพลง เลนดนตรีเดี่ยวและรวมวง โดยเนนเทคนิคการรอง การเลน เสร�ม 7 6 จักสาน นักดนตรีไทย การทําขนมหรืออาหารไทย เปนตน และเปนรากฐานของการศึกษาเพื่อพัฒนาตอยอดอาชีพ การแสดงออก และคุณภาพเสียง ที่มีฐานของภูมิปญญาไทย 4. กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา ศ 2.1 ม.4-6/4 อาน เขียน โนตดนตรีไทยและสากลในอัตราจังหวะตางๆ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทางดนตรี กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา เปนการศึกษาเพื่อการดํารงสุขภาพ การเสริมสราง เชน นักรอง นักดนตรี นักแตงเพลง เปนตน สุขภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต มุงใหผูเรียนพัฒนาพฤติกรรมดานความรู เจตคติ คุณธรรม คานิยม และ นาฏศิลป การปฏิบัติเกี่ยวกับสุขภาพ และการใชกิจกรรมเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การเลนเกมและกีฬา เปนเครื่องมือ ศ 3.1 ม.1/3 แสดงนาฏศิลปและละครในรูปแบบงายๆ พัฒนาทั้งดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม สติปญญา รวมทั้งสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและกีฬา โดยมีมาตรฐาน และตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ เชน ศ 3.1 ม.2/2 สรางสรรคการแสดงโดยใชองคประกอบนาฏศิลปและการละคร พ 3.2 ม.1/2 ออกกําลังกายและเลือกเขาเลนกีฬาตามความถนัด ความสนใจ อยางเต็ม ศ 3.1 ม.3/6 รวมจัดงานการแสดงในบทบาทหนาที่ตางๆ ความสามารถ พรอมทั้งมีการประเมินการเลนของตนและผูอื่น ศ 3.1 ม.4-6/2 สรางสรรคละครสั้นในรูปแบบที่ชื่นชอบ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทาง พ 3.2 ม.4-6/1 ออกกําลังกายและเลนกีฬาที่เหมาะสมกับตนเองอยางสมํ่าเสมอและใชความ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทาง การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทาง การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพทาง นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํากับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตน นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํากับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตนกับการแสดง นักแตงบทละคร เปนตน นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา สามารถของตนเองเพิ่มศักยภาพของทีม ลดความเปนตัวตน คํานึงถึงผล นาฏศิลปหรือการแสดง เชน นาฏลีลา นักแสดง นักจัดการแสดง ผูกํา 6. 6. 6. 6. 6. 6. กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่เกิดตอสังคม 6. กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวนอกจากจะเปนการสรางทักษะพื้นฐานในอาชีพ กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ ดานการกีฬา เชน นักฟุตบอล นักวอลเลยบอล นักมวย นักเทนนิส นักลีลาศ ฯลฯ ยังชวยเสริมสรางปลูกฝงทักษะ และทักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยาง และท และทักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยางักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยางักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยางักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยางักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยาง และท และท และท และเจตคติในการทํางานเปนทีมและทํางานกับผูอื่น ซึ่งเปนสิ่งสําคัญในการประกอบอาชีพทุกประเภทอีกดวย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ หลากหลาย รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาต หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย หลากหลาย 5. กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ มาตรฐานและต มาตรฐานและต มาตรฐานและต มาตรฐานและต มาตรฐานและต มาตรฐานและต มาตรฐานและต มาตรฐานและตัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการัวชี้วัดของกลุม มาตรฐานและต มาตรฐานและตัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะกระบวนการ กลุมสาระการเรียนรูศิลปะเปนกลุมสาระการเรียนรูที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความคิดสรางสรรค มี ท ท ท ท ท ท ทํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียนและทองถิ่นได ํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียนและทองถิ่นได ํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียนและทองถิ่นได ํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียนและทองถิ่นได ํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตอง ทํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียนและทองถิ่นได จินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ซึ่งมีผลตอคุณภาพชีวิตมนุษย พัฒนาใหผูเรียนเกิดความรู เพื่อพัฒนาไปสูการประกอบอาชีพตางๆ เชน ความเขาใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณคาของศิลปะ เปดโอกาสใหผูเรียนแสดงออกอยางอิสระ ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอย ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน โดยมีตัวอยางมาตรฐานและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน ง 1.1 ม.4-6/7 ใชพลังงาน ทรัพยากรในการทํางานอยางคุมคาและยั่งยืน เพื่อการอนุรักษ ทัศนศิลป สิ่งแวดลอม ศ 1.1 ม.1/5 ออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ หรือกราฟกอื่นๆ ในการนําเสนอความคิดและขอมูล ศ 1.1 ม.2/3 วาดภาพดวยเทคนิคที่หลากหลายในการสื่อความหมายและเรื่องราวตางๆ ง 4.1 ม.2/3 มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ ศ 1.1 ม.3/7 สรางสรรคงานทัศนศิลปสื่อความหมายเปนเรื่องราวโดยประยุกตใชทัศนธาตุและ ง 4.1 ม.3/3 ประเมินทางเลือกในการประกอบอาชีพที่สอดคลองกับความรู ความถนัด และความ หลักการออกแบบ สนใจของตนเอง ศ 1.1 ม.4-6/10 สรางสรรคงานทัศนศิลปไทย สากลโดยศึกษาจากแนวคิดและวิธีการสรางงาน ง 4.1 ม.4-6/2 เลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ ของศิลปนที่ตนชื่นชอบ ง 4.1 ม.4-6/3 มีประสบการณในอาชีพที่ถนัดและสนใจ การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวจะเปนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาไปสูอาชีพที่แสดงออก การจัดรายวิชาพื้นฐานในกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีจึงสามารถดําเนินการ ทางศิลปะและการสรางสรรค เชน จิตรกร นักออกแบบเสื้อผา เครื่องแตงกายและเครื่องใช สถาปนิก มัณฑนากร ไดอยางหลากหลาย ทั้งอาชีพในกลุมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสรางสรรค การบริหาร เปนตน จัดการ และการบริการ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และสอดคลองกับบริบทของทองถิ่น ความพรอม ของสถานศึกษา และความตองการของผูเรียนเปนสําคัญ คูมือครู คูมือครู

เพื่อเปนแนวทางการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนใหสนองตามนโยบายการจัดการเรียนการสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand) พื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ผูจัดทําจึงวิเคราะหมาตรฐาน เปนขั้นที่ผูสอนไดใชเทคนิควิธีการสอนที่จะชวยพัฒนาผูเรียนใหนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนตอๆ ไป การเรียนรูและตัวชี้วัดในรายวิชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ที่สอดคลองกับทักษะปฏิบัติเพื่อชวยเตรียมความพรอม เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน เสร�ม ดานพื้นฐานอาชีพ โดยเสนอแนะกิจกรรมการเรียนรูไวเปนแนวทางจัดการเรียนการสอนบูรณาการประสบการณ นักเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยงกับประสบการณเดิม โดยนําขอสรุปที่ไดไปอธิบาย เสร�ม 8 การทํางานแกผูเรียน ใหบรรลุเจตนารมณของพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ที่ระบุ ในเหตุการณตางๆ หรือนําไปปฏิบัติในสถานการณใหมๆ ที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของตนเอง เพื่อขยาย 9 ใหการจัดการศึกษาตองปลูกฝงใหเยาวชนมีความรูอันเปนสากล มีจิตสํานึกในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ตลอดจนมีความสามารถในการประกอบอาชีพ รูจักพึ่งตนเอง และมีความคิดสรางสรรค เพื่อ ความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น สมองของผูเรียนทําหนาที่คิดริเริ่มสรางสรรคอยางมีคุณภาพ เสริมสราง การดํารงชีวิต การศึกษาตอและการประกอบอาชีพอยางมีคุณภาพของผูเรียนตอไปในอนาคต วิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป 5. การใชวัฏจักรการเรียนรู 5E ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) รูปแบบการสอนที่สัมพันธกับกระบวนการคิดและการทํางานของสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย เปนขั้นที่ผูสอนใชประเมินมโนทัศนของผูเรียน โดยตรวจสอบจากความคิดที่เปลี่ยนไปและความคิดรวบยอด คือ วัฏจักรการเรียนรู 5E ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในคูมือครู ที่เกิดขึ้นใหม ตรวจสอบทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพ ฉบับนี้ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการสรางสรรคความรูรวมกัน ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage) นักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage) มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิด เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจ เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจ เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจ เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจ เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อก โดยใชเทคนิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาส โดยใชเทคน โดยใชเทคนิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสููิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียน โดยใชเทคน โดยใชเทคน โดยใชเทคน บทเรียนใหม บทเรียนใหม บทเรียนใหม บทเรียนใหม การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน บทเรียนใหม บทเรียนใหม ชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนชว การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเ การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเ การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเ การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเ ผูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนการคิด และ การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเ การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียนรียนรูแกผูเรียนรียนรูแกผูเรียนรียนรูแกผูเรียนรียนรูแกผูเรียนรียนรูแกผูเรียน กระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการ ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา (Explore) ปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเกตและรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเกตและรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเกตและรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเกตและรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเกตและรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเก คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คณะผูจัดทํา คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อนักเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลวก็ลงมือปฏิบัติ เพื่อเก็บ รวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว ขั้นที่ 3 อธิบายความรู (Explain) เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา หรือตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนไดคนหา คําตอบ และนําขอมูลความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห แปลผล สรุปผล และนําเสนอผล ที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน สมองของผูเรียนจะทําหนาที่คิดวิเคราะห สังเคราะหอยางเปนระบบ คูมือครู คูมือครู

เพื่อเปนแนวทางการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนใหสนองตามนโยบายการจัดการเรียนการสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand) พื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ผูจัดทําจึงวิเคราะหมาตรฐาน เปนขั้นที่ผูสอนไดใชเทคนิควิธีการสอนที่จะชวยพัฒนาผูเรียนใหนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนตอๆ ไป การเรียนรูและตัวชี้วัดในรายวิชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ที่สอดคลองกับทักษะปฏิบัติเพื่อชวยเตรียมความพรอม เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน เสร�ม ดานพื้นฐานอาชีพ โดยเสนอแนะกิจกรรมการเรียนรูไวเปนแนวทางจัดการเรียนการสอนบูรณาการประสบการณ นักเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยงกับประสบการณเดิม โดยนําขอสรุปที่ไดไปอธิบาย เสร�ม 9 8 การทํางานแกผูเรียน ใหบรรลุเจตนารมณของพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ที่ระบุ ในเหตุการณตางๆ หรือนําไปปฏิบัติในสถานการณใหมๆ ที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของตนเอง เพื่อขยาย ใหการจัดการศึกษาตองปลูกฝงใหเยาวชนมีความรูอันเปนสากล มีจิตสํานึกในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ตลอดจนมีความสามารถในการประกอบอาชีพ รูจักพึ่งตนเอง และมีความคิดสรางสรรค เพื่อ ความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น สมองของผูเรียนทําหนาที่คิดริเริ่มสรางสรรคอยางมีคุณภาพ เสริมสราง การดํารงชีวิต การศึกษาตอและการประกอบอาชีพอยางมีคุณภาพของผูเรียนตอไปในอนาคต วิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป 5. การใชวัฏจักรการเรียนรู 5E ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) รูปแบบการสอนที่สัมพันธกับกระบวนการคิดและการทํางานของสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย เปนขั้นที่ผูสอนใชประเมินมโนทัศนของผูเรียน โดยตรวจสอบจากความคิดที่เปลี่ยนไปและความคิดรวบยอด คือ วัฏจักรการเรียนรู 5E ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในคูมือครู ที่เกิดขึ้นใหม ตรวจสอบทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพ ฉบับนี้ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการสรางสรรคความรูรวมกัน นักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง ักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง ักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง ักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง ักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมา นักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage) น น น น มากนอยเพ มากนอยเพ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิดียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิดียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิดียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิดียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรีย มากนอยเพ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิด มากนอยเพ มากนอยเพ มากนอยเพ มากนอยเพ มากนอยเพ เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริงปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเ โดยใชเทคนิควิธีการสอนและคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสู บทเรียนใหม ชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอน การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนารจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนารจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนารจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนารจัด ก ก ก ก การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน ผูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนการคิด และูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนการคิด และูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนการคิด และูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนก ผ ผ ผ ผ ผ ผ ผ ผูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนการคิด และ กระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการ ก ก ก ก ก ก ก ก กระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการร ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา (Explore) ปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ ปฏิรูปก ปฏิรูปก ปฏิรูปก ปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการารศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการารศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการารศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการารศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ ปฏิรูปก เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนไดสังเกตและรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ คณะผูจัดทํา เมื่อนักเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลวก็ลงมือปฏิบัติ เพื่อเก็บ รวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว ขั้นที่ 3 อธิบายความรู (Explain) เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา หรือตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนไดคนหา คําตอบ และนําขอมูลความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห แปลผล สรุปผล และนําเสนอผล ที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน สมองของผูเรียนจะทําหนาที่คิดวิเคราะห สังเคราะหอยางเปนระบบ คูมือครู คูมือครู

แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง (เฉพาะชั้น ม.4-ม.6)* ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง (เฉพาะชั้น ม.4-ม.6)* 1. แถบสี สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ มาตรฐาน ว 4.1 เขาใจธรรมชาติของแรงแมเหล็กไฟฟา แรงโนมถวง และแรงนิวเคลียร มีกระบวนการสืบเสาะ เสร�ม แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชนอยางถูกตองและมีคุณธรรม เสร�ม แบบ 5E เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด 10 11 สีแดง สีแดง สีเขียว สีเขียว สีสม สีสม สีฟา สีฟา สีมวงสีมวง ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ม.4-6 1. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ • ในสนามโนมถวงจะมีแรงกระทําตอวัตถุ ทําใหวัตถุมีนํ้าหนัก ซึ่งเมื่อ ปลอยวัตถุ วัตถุจะตกแบบเสรี สนามโนมถวงทําใหวัตถุตางๆ ไมหลุด ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของ • เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช • เปนขั้นที่ผูสอนให • เปนขั้นที่ผูสอนให • เปนขั้นที่ผูสอนให • เปนขั้นที่ผูสอน วัตถุในสนามโนมถวง และนํา จากโลก เชน การโคจรของดาวเทียมรอบโลก และอาจใชแรงโนมถวง เทคนิคกระตุนความ ผูเรียนสํารวจปญหา ผูเรียนคนหาคําตอบ ผูเรียนนําความรูไป ประเมินมโนทัศน ความรูไปใช ไปใชประโยชนเพื่อหาแนวดิ่งของชางกอสราง สนใจ เพื่อโยงเขาสู และศึกษาขอมูล จนเกิดความรูเชิง คิดคนตอๆ ไป ของผูเรียน บทเรียน ประจักษ 2. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ • เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาอยูในสนามไฟฟา จะมีแรงกระทําตอ ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของ อนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ยนไป 2. สัญลักษณ อนุภาคในสนามไฟฟา และนํา สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางเครื่องมือบางชนิด เชน เครื่อง กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป ความรูไปใชประโยชน สัญลักษณ @ @ @ @ NET B 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ • เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทํา ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของ ตออนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ยนไป B B B B B B B B B B B B B B B B B B B B B B อนุภาคในสนามแมเหล็ก และนํา สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางหลอดภาพโทรทัศน ความรูไปใชประโยชน เปาหมาย หลักฐาน เกร็ดแนะครูเกร็ดแนะครูเกร็ดแนะครูเกร็ดแนะครูเกร็ดแนะครูเกร็ดแนะครูเกร็ดแนะครู นักเรียน มุม IT ขอสอบ พื้นฐาน 4. วิเคราะหและอธิบายแรงนิวเคลียร • อนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวย นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน ควรรู ควรรู การเรียนรู แสดงผล ควรรู อาชีพ และแรงไฟฟาระหวางอนุภาค โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย การเรียนรู ในนิวเคลียส แรงนิวเคลียร ซึ่งมีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟาระหวางนิวคลีออน นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได • ขยายความรู ขยายความรู ขยายความรู ขยายความรู • แทรกความรู • • • • • • • • • • แสดงรองรอย แสดงรองรอย • แนะนําแหลง แนะนําแหลง แนะนําแหลง วัตถุประสงค • แสดงเปาหมาย • แสดงรองรอย • แทรกความรู แทรกความรู แทรกความรู แทรกความรู • ขยายความรู • แนะนําแหลง • วิเคราะหแนว • กิจกรรม เสริมสําหรับครู เพิ่มเติมจาก หลักฐานที่ การเรียนรูที่ หลักฐานที่ หลักฐานที่ เพิ่มเติมจาก เพิ่มเติมจาก เพิ่มเติมจาก ขอสอบ O-NET สําหรับครู คนควาจาก เนื้อหา เพื่อให แสดงผล เพื่อใหครู นักเรียนตอง ขอเสนอแนะ เว็บไซต เพื่อให เพื่อใชเปน บรรลุตาม แนวทางใน และจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ตามตัวชี้วัด ไดเขาถึงขอมูล ที่มักออก ขอสังเกต ตัวชี้วัด การเรียนรู ขอควรระวัง นักเรียนไดมี ครูและนักเรียน เนนยํ้าเนื้อหา การชวยพัฒนา มาตรฐาน ว 4.2 เขาใจลักษณะการเคลื่อนที่แบบตางๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู ความรูมากขึ้น แนวทางการ ความรูที่ ขอสอบ O-NET อาชีพใหกับ จัดกิจกรรม หลากหลาย • ขอสอบ O-NET นักเรียน ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง และอื่นๆ พิจารณาออก เพื่อประโยชน ขอสอบจาก ม.4-6 1. อธิบายและทดลองความสัมพันธ • การเคลื่อนที่แนวตรงเปนการเคลื่อนที่ในแนวใดแนวหนึ่ง เชน แนว ในการจัดการ เนื้อหา ม.4, 5 ระหวางการกระจัด เวลา ความเร็ว ราบหรือแนวดิ่งที่มีการกระจัด ความเร็ว ความเรง อยูในแนวเสนตรง เรียนการสอน และ 6 ความเรงของการเคลื่อนที่ใน เดียวกัน โดยความเรงของวัตถุหาไดจากความเร็วที่เปลี่ยนไปในหนึ่ง แนวตรง หนวยเวลา * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 55 - 104. คูมือครู คูมือครู

แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง (เฉพาะชั้น ม.4-ม.6)* ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง (เฉพาะชั้น ม.4-ม.6)* 1. แถบสี สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ มาตรฐาน ว 4.1 เขาใจธรรมชาติของแรงแมเหล็กไฟฟา แรงโนมถวง และแรงนิวเคลียร มีกระบวนการสืบเสาะ เสร�ม แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชนอยางถูกตองและมีคุณธรรม เสร�ม แบบ 5E เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด 11 10 สีแดง สีแดง สีเขียว สีเขียว สีสม สีสม สีฟา สีฟา สีมวงสีมวง ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ม.4-6 1. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ • ในสนามโนมถวงจะมีแรงกระทําตอวัตถุ ทําใหวัตถุมีนํ้าหนัก ซึ่งเมื่อ ปลอยวัตถุ วัตถุจะตกแบบเสรี สนามโนมถวงทําใหวัตถุตางๆ ไมหลุด ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของ • เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช • เปนขั้นที่ผูสอนให • เปนขั้นที่ผูสอนให • เปนขั้นที่ผูสอนให • เปนขั้นที่ผูสอน วัตถุในสนามโนมถวง และนํา จากโลก เชน การโคจรของดาวเทียมรอบโลก และอาจใชแรงโนมถวง เทคนิคกระตุนความ ผูเรียนสํารวจปญหา ผูเรียนคนหาคําตอบ ผูเรียนนําความรูไป ประเมินมโนทัศน ความรูไปใช ไปใชประโยชนเพื่อหาแนวดิ่งของชางกอสราง สนใจ เพื่อโยงเขาสู และศึกษาขอมูล จนเกิดความรูเชิง คิดคนตอๆ ไป ของผูเรียน บทเรียน ประจักษ 2. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ • เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาอยูในสนามไฟฟา จะมีแรงกระทําตอ ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของ อนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ยนไป สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางเครื่องมือบางชนิด เชน เครื่อง 2. สัญลักษณ อนุภาคในสนามไฟฟา และนํา สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางเครื่องมือบางชนิด เชน เครื่อง กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป ความรูไปใชประโยชน กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป กําจัดฝุน ออสซิลโลสโคป • เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทํา 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ สัญลักษณ @ NET B 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ • • เมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทําเมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทําเมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทําเมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทําเมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทําเมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื่อนที่ในสนามแมเหล็ก จะมีแรงกระทําเมื่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟาเคลื ตออนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ยนไป นไป นไป นไป ตออนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ย ตออนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ย ตออนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ยนไป ตออนุภาคนั้น ซึ่งอาจทําใหสภาพการเคลื่อนที่ของอนุภาคเปลี่ย ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ข ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ข ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของ ระหวางแรงกับการเคลื่อนที่ของององ B B B B B B B B B B B B B B B B B B B B B B สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางหลอดภาพโทรทัศน สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางหลอดภาพโทรทัศน สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางหลอดภาพโทรทัศน อนุภาคในสนามแมเหล็ก และนําุภาคในสนามแมเหล็ก และนําุภาคในสนามแมเหล็ก และนํา อน อน สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางหลอดภาพโทรทัศน อนุภาคในสนามแมเหล็ก และนํา สามารถนําสมบัตินี้ไปประยุกตสรางหลอดภาพโทรทัศน ความรูไปใชประโยชน ความรูไปใชประโยชน ความรูไปใชประโยชน เปาหมาย หลักฐาน เกร็ดแนะครู นักเรียน มุม IT ขอสอบ พื้นฐาน 4. วิเคราะหและอธิบายแรงนิวเคลียร • • อนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวยอนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวยอนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวยอนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวยอนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวยอนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ป 4. วิเคราะหและอธิบายแรงนิวเคลียร • อนุภาคในนิวเคลียส เรียกวา นิวคลีออน ซึ่งนิวคลีออน ประกอบดวย การเรียนรู แสดงผล ควรรู อาชีพ และแรงไฟฟาระหวางอนุภาค โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย โปรตอนและนิวตรอน นิวคลีออนในนิวเคลียสยึดเหนี่ยวกันดวย การเรียนรู ในนิวเคลียส แรงนิวเคลียร ซึ่งมีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟาระหวางนิวคลีออน แรงนิวเคลียร ซึ่งมีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟาระหวางนิวคลีออน แรงนิวเคลียร ซึ่งมีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟาระหวางนิวคลีออน แรงนิวเคลียร ซึ่งมีคามากกวาแรงผลักทางไฟฟาระหวางนิวคลีออน นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได นิวคลีออนจึงอยูรวมกันในนิวเคลียสได วัตถุประสงค • แสดงเปาหมาย • แสดงรองรอย • แทรกความรู • ขยายความรู • แนะนําแหลง • วิเคราะหแนว • กิจกรรม คนควาจาก การเรียนรูที่ ขอสอบ O-NET หลักฐานที่ เสริมสําหรับครู เพิ่มเติมจาก สําหรับครู เว็บไซต เพื่อให เพื่อใชเปน แสดงผล ขอเสนอแนะ เนื้อหา เพื่อให นักเรียนตอง เพื่อใหครู แนวทางใน บรรลุตาม และจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ตามตัวชี้วัด ขอสังเกต ความรูมากขึ้น ไดเขาถึงขอมูล ที่มักออก ตัวชี้วัด การเรียนรู ขอควรระวัง นักเรียนไดมี ครูและนักเรียน เนนยํ้าเนื้อหา การชวยพัฒนา มาตรฐาน ว 4.2 เขาใจลักษณะการเคลื่อนที่แบบตางๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู แนวทางการ ความรูที่ ขอสอบ O-NET อาชีพใหกับ จัดกิจกรรม หลากหลาย • ขอสอบ O-NET นักเรียน ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง และอื่นๆ พิจารณาออก เพื่อประโยชน ขอสอบจาก ม.4-6 1. อธิบายและทดลองความสัมพันธ • การเคลื่อนที่แนวตรงเปนการเคลื่อนที่ในแนวใดแนวหนึ่ง เชน แนว ในการจัดการ เนื้อหา ม.4, 5 ระหวางการกระจัด เวลา ความเร็ว ราบหรือแนวดิ่งที่มีการกระจัด ความเร็ว ความเรง อยูในแนวเสนตรง เรียนการสอน และ 6 ความเรงของการเคลื่อนที่ใน เดียวกัน โดยความเรงของวัตถุหาไดจากความเร็วที่เปลี่ยนไปในหนึ่ง แนวตรง หนวยเวลา * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 55 - 104. คูมือครู คูมือครู

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง ม.4-6 2. สังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่ • การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่วิถีโคงที่มีความเร็วใน 4. อธิบายคลื่นแมเหล็กไฟฟา • คลื่นแมเหล็กไฟฟาประกอบดวยสนามแมเหล็กและสนามไฟฟาที่ แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม และ แนวราบคงตัวและความเรงในแนวดิ่งคงตัว สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟาจะมีความถี่ เสร�ม แบบฮารมอนิกอยางงาย • การเคลื่อนที่แบบวงกลมปนการเคลื่อนที่ที่มีความเร็วในแนวเสน และนําเสนอผลการสืบคนขอมูล ตอเนื่องกัน คลื่นแมเหล็กไฟฟาชวงความถี่ตางๆ มีลักษณะเฉพาะตัว เสร�ม ซึ่งสามารถนําไปใชประโยชนไดแตกตางกัน เชน การรับ-สงวิทยุ เกี่ยวกับประโยชน และการ 13 12 • การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายเปนการเคลื่อนที่กลับไปกลับมา ปองกันอันตราย โทรทัศน การปองกันอันตรายจากคลื่นแมเหล็กไฟฟา เชน ไมอยูใกล สัมผัสวงกลม และมีแรงในทิศทางเขาสูศูนยกลาง ซํ้าทางเดิม เชน การแกวงของลูกตุมอยางงาย โดยที่มุมสูงสุดที่เบน เตาไมโครเวฟขณะเตาทํางาน จากแนวดิ่งมีคาคงตัวตลอด 5. อธิบายปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน • ปฏิกิริยานิวเคลียรเปนปฏิกิริยาที่ทําใหนิวเคลียสเกิดการเปลี่ยนแปลง 3. อภิปรายผลการสืบคนและประโยชน • การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลสามารถนําไปใชประโยชน เชน การเลน ฟวชัน และความสัมพันธระหวาง ปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของธาตุที่มีเลขมวลมากแตกตัว เรียกวา ฟชชัน เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล เทนนิส บาสเกตบอล มวลกับพลังงาน ปฏิกิริยาที่เกิดจากการหลอมรวมนิวเคลียสของธาตุที่มีเลขมวลนอย แบบวงกลม และแบบฮารมอนิก • การเคลื่อนที่แบบวงกลมสามารถนําไปใชประโยชน เชน การวิ่งทางโคง เรียกวา ฟวชัน ความสัมพันธระหวางมวลและพลังงานเปนไปตาม สมการ E = mc 2 อยางงาย ของรถยนตใหปลอดภัย • การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายสามารถนําไปใชประโยชนใน 6. สืบคนขอมูลเกี่ยวกับพลังงานที่ได • ปฏิกิริยานิวเคลียรทําใหเกิดผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม การสรางนาฬกาแบบลูกตุม จากปฏิกิริยานิวเคลียรและผลตอ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดลอม สาระที่ 5 พลังงาน 7. อภิปรายผลการสืบคนขอมูล • โรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งได มาตรฐาน ว 5.1 เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ เขาใจความสัมพันธระหวา ระหวางสารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะ ระหวางสารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะ ระหวางสารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะ ระหวางสารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะ ระหวางสารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน สาระการเรียนรูแกนกลาง สาระการเรียนรูแกนกลาง สาระการเรียนรูแกนกลาง ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง 8. อธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจาก • รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ธาตุกัมมันตรังสี • คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน 1. ทดลองและอธิบายสมบัติของคลื่นกล ม.4-6 1. ทดลองและอธิบายสมบัติของคลื่นกล • คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน และอธิบายความสัมพันธระหวาง • อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นมีความสัมพันธกัน ดังนี้ อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นมีความสัมพันธกัน ดังนี้ อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นมีความสัมพันธกัน ดังนี้ อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นมีความสัมพันธกัน ดังนี้ 9. อธิบายการเกิดกัมมันตภาพรังสี • กัมมันตภาพรังสีเกิดจากการสลาย อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น และบอกวิธีการตรวจสอบรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี อ อ อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น ในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน แตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามาก 2. อธิบายการเกิดคลื่นเสียง บีตสของ • คลื่นเสียงเกิดจากการสั่นของแหลงกําเนิดเสียง ผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและ • รังสีมีประโยชนในดานอุตสาหกรรม การเกษตร การแพทย โบราณคดี เสียง ความเขมเสียง ระดับความเขม • บีตสของเสียงเกิดจากคลื่นเสียงจากแหลงกําเนิดสองแหลงที่มีความถี่ สิ่งแวดลอม รังสีในระดับสูงมีอันตรายตอสิ่งมีชีวิต เสียง การไดยินเสียง คุณภาพเสียง ตางกันเล็กนอยมารวมกัน ทําใหไดยินเสียงดังคอยเปนจังหวะ และนําความรูไปใชประโยชน • ความเขมเสียง คือ พลังงานเสียงที่ตกตั้งฉากบนหนึ่งหนวยพื้นที่ใน หนึ่งหนวยเวลา • ระดับความเขมเสียงจะบอกความดังคอยของเสียงที่ไดยิน • เครื่องดนตรีแตละชนิดที่ใชตัวโนตเดียวกัน จะใหรูปคลื่นที่แตกตางกัน เรียกวามีคุณภาพเสียงตางกัน 3. อภิปรายผลการสืบคนขอมูล • มลพิษทางเสียงมีผลตอสุขภาพมนุษย ถาฟงเสียงที่มีระดับความเขม เกี่ยวกับมลพิษทางเสียงที่มีตอ เสียงสูงกวามาตรฐานเปนเวลานาน อาจกอใหเกิดอันตรายตอการไดยิน สุขภาพของมนุษย และการ และสภาพจิตใจได การปองกันโดยการหลีกเลี่ยงหรือใชเครื่องครอบหู เสนอวิธีปองกัน หรือลดการสั่นของแหลงกําเนิดเสียง เชน เครื่องจักร คูมือครู คูมือครู

ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง ม.4-6 2. สังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่ • การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่วิถีโคงที่มีความเร็วใน 4. อธิบายคลื่นแมเหล็กไฟฟา • คลื่นแมเหล็กไฟฟาประกอบดวยสนามแมเหล็กและสนามไฟฟาที่ แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม และ แนวราบคงตัวและความเรงในแนวดิ่งคงตัว สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟาจะมีความถี่ เสร�ม แบบฮารมอนิกอยางงาย • การเคลื่อนที่แบบวงกลมปนการเคลื่อนที่ที่มีความเร็วในแนวเสน และนําเสนอผลการสืบคนขอมูล ตอเนื่องกัน คลื่นแมเหล็กไฟฟาชวงความถี่ตางๆ มีลักษณะเฉพาะตัว เสร�ม ซึ่งสามารถนําไปใชประโยชนไดแตกตางกัน เชน การรับ-สงวิทยุ เกี่ยวกับประโยชน และการ 12 • การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายเปนการเคลื่อนที่กลับไปกลับมา ปองกันอันตราย โทรทัศน การปองกันอันตรายจากคลื่นแมเหล็กไฟฟา เชน ไมอยูใกล 13 สัมผัสวงกลม และมีแรงในทิศทางเขาสูศูนยกลาง ซํ้าทางเดิม เชน การแกวงของลูกตุมอยางงาย โดยที่มุมสูงสุดที่เบน เตาไมโครเวฟขณะเตาทํางาน จากแนวดิ่งมีคาคงตัวตลอด 5. อธิบายปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน • ปฏิกิริยานิวเคลียรเปนปฏิกิริยาที่ทําใหนิวเคลียสเกิดการเปลี่ยนแปลง 3. อภิปรายผลการสืบคนและประโยชน • การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลสามารถนําไปใชประโยชน เชน การเลน ฟวชัน และความสัมพันธระหวาง ปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของธาตุที่มีเลขมวลมากแตกตัว เรียกวา ฟชชัน เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล เทนนิส บาสเกตบอล มวลกับพลังงาน ปฏิกิริยาที่เกิดจากการหลอมรวมนิวเคลียสของธาตุที่มีเลขมวลนอย แบบวงกลม และแบบฮารมอนิก • การเคลื่อนที่แบบวงกลมสามารถนําไปใชประโยชน เชน การวิ่งทางโคง เรียกวา ฟวชัน ความสัมพันธระหวางมวลและพลังงานเปนไปตาม สมการ E = mc 2 อยางงาย ของรถยนตใหปลอดภัย • การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายสามารถนําไปใชประโยชนใน 6. สืบคนขอมูลเกี่ยวกับพลังงานที่ได • ปฏิกิริยานิวเคลียรทําใหเกิดผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม การสรางนาฬกาแบบลูกตุม จากปฏิกิริยานิวเคลียรและผลตอ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดลอม สาระที่ 5 พลังงาน 7. อภิปรายผลการสืบคนขอมูล อภิปรายผลการสืบคนขอมูล • • โรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งไดโรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งไดโรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งไดโรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งไดโรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งไดโรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งไดโรงไฟฟ 7. อภิปรายผลการสืบคนขอมูล • โรงไฟฟานิวเคลียรเปนโรงไฟฟาพลังงานความรอนประเภทหนึ่ง ซึ่งได 7. มาตรฐาน ว 5.1 เขาใจความสัมพันธระหวางพลังงานกับการดํารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ เกี่ยวกับโรงไฟฟานิวเคลียร พลังงานความรอนจากพลังงานนิวเคลียร เกี่ยวกับโรงไฟฟานิวเคลียร เกี่ยวกับโรงไฟฟานิวเคลียร เกี่ยวกับโรงไฟฟานิวเคลียร พลังงานความรอนจากพลังงานนิวเคลียร พลังงานความรอนจากพลังงานนิวเคลียร พลังงานความรอนจากพลังงานนิวเคลียร พลังงานความรอนจากพลังงานนิวเคลียร ระหวางสารและพลังงาน ผลของการใชพลังงานตอชีวิตและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะ และนําไปใชประโยชนและนําไปใชประโยชน และนําไปใชประโยชน หาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชน • รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา 8. 8. อธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจาก ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง 8. อธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจากอธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจาก • รังสีจากธาตุกัมมันตรังสีมี ๓ ชนิด คือ แอลฟา บีตา และแกมมา ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ธาตุกัมมันตรังสี ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ซึ่งมีอํานาจทะลุผานตางกัน ม.4-6 1. ทดลองและอธิบายสมบัติของคลื่นกล • คลื่นกลมีสมบัติการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน กัมมันตภาพรังสีเกิดจากการสลายของไอโซโทปของธาตุที่ไมเสถียร กัมมันตภาพรังสีเกิดจากการสลายของไอโซโทปของธาตุที่ไมเสถียร กัมมันตภาพรังสีเกิดจากการสลายของไอโซโทปของธาตุที่ไมเสถียร และอธิบายความสัมพันธระหวาง • อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่นมีความสัมพันธกัน ดังนี้ 9. อธิบายการเกิดกัมมันตภาพรังสี • กัมมันตภาพรังสีเกิดจากการสลายของไอโซโทปของธาตุที่ไมเสถียร สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี และบอกวิธีการตรวจสอบรังสี และบอกวิธีการตรวจสอบรังสี และบอกวิธีการตรวจสอบรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี อัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น อัตราเร็ว = ความถี่ x ความยาวคลื่น และบอกวิธีการตรวจสอบรังสี สามารถตรวจจับไดโดยเครื่องตรวจวัดรังสี ในธรรมชาติมีรังสี ในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน ในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน ในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน แตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามาก ในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน แตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามากแตสวนใหญอยูในระดับตํ่ามาก 2. อธิบายการเกิดคลื่นเสียง บีตสของ • คลื่นเสียงเกิดจากการสั่นของแหลงกําเนิดเสียง ผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและ • รังสีมีประโยชนในดานอุตสาหกรรม การเกษตร การแพทย โบราณคดี เสียง ความเขมเสียง ระดับความเขม • บีตสของเสียงเกิดจากคลื่นเสียงจากแหลงกําเนิดสองแหลงที่มีความถี่ สิ่งแวดลอม รังสีในระดับสูงมีอันตรายตอสิ่งมีชีวิต เสียง การไดยินเสียง คุณภาพเสียง ตางกันเล็กนอยมารวมกัน ทําใหไดยินเสียงดังคอยเปนจังหวะ และนําความรูไปใชประโยชน • ความเขมเสียง คือ พลังงานเสียงที่ตกตั้งฉากบนหนึ่งหนวยพื้นที่ใน หนึ่งหนวยเวลา • ระดับความเขมเสียงจะบอกความดังคอยของเสียงที่ไดยิน • เครื่องดนตรีแตละชนิดที่ใชตัวโนตเดียวกัน จะใหรูปคลื่นที่แตกตางกัน เรียกวามีคุณภาพเสียงตางกัน 3. อภิปรายผลการสืบคนขอมูล • มลพิษทางเสียงมีผลตอสุขภาพมนุษย ถาฟงเสียงที่มีระดับความเขม เกี่ยวกับมลพิษทางเสียงที่มีตอ เสียงสูงกวามาตรฐานเปนเวลานาน อาจกอใหเกิดอันตรายตอการไดยิน สุขภาพของมนุษย และการ และสภาพจิตใจได การปองกันโดยการหลีกเลี่ยงหรือใชเครื่องครอบหู เสนอวิธีปองกัน หรือลดการสั่นของแหลงกําเนิดเสียง เชน เครื่องจักร คูมือครู คูมือครู

สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คําอธิบายรายวิชา มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจิตวิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหา รูวาปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นสวนใหญมีรูปแบบที่แนนอน สามารถอธิบายและ รายวิชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ตรวจสอบได ภายใตขอมูลและเครื่องมือที่มีอยูในชวงเวลานั้นๆ เขาใจวาวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ภาคเรียนที่ ……… เสร�ม เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอมมีความเกี่ยวของสัมพันธกัน รหัสวิชา ว………………………………… เวลา 60 ชั่วโมง/ป เสร�ม 14 15 ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง ศึกษา อธิบาย ทดลอง สืบคนขอมูล วิเคราะห สํารวจ ตรวจสอบ เกี่ยวกับความสัมพันธระหวางแรงกับ ม.4-6 1. ตั้งคําถามที่อยูบนพื้นฐานของความรูและความเขาใจทางวิทยาศาสตร หรือความสนใจ - การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโนมถวง อนุภาคในสนามไฟฟา และอนุภาคในสนามแมเหล็ก แรงนิวเคลียร หรือจากประเด็นที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ที่สามารถทําการสํารวจตรวจสอบหรือศึกษา และแรงไฟฟาระหวางอนุภาคในนิวเคลียส ความสัมพันธระหวางการกระจัด เวลา ความเร็ว และความเรงของ คนควาไดอยางครอบคลุม การเคลื่อนที่ในแนวตรง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย สมบัติของคลื่นกล 2. สรางสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับ หรือคาดการณสิ่งที่จะพบ หรือสรางแบบจําลอง หรือ - และอธิบายความสัมพันธระหวางอัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น การเกิดคลื่นเสียง บีตสของเสียง ความ สรางรูปแบบ เพื่อนําไปสูการสํารวจตรวจสอบ เขมเสียง ระดับความเขมเสียง การไดยินเสียง คุณภาพเสียง และนําความรูไปใชประโยชน มลพิษทางเสียง 3. คนควารวบรวมขอมูลที่ตองพิจารณาปจจัยหรือตัวแปรสําคัญ ปจจัยที่มีผลตอ - ที่มีตอสุขภาพของมนุษยและเสนอวิธีการปองกัน คลื่นแมเหล็กไฟฟา สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา และนําเสนอผล ปจจัยอื่น ปจจัยที่ควบคุมไมได และจํานวนครั้งของการสํารวจ ตรวจสอบ การสืบคนขอมูลเกี่ยวกับประโยชนและการปองกันอันตรายจากคลื่นแมเหล็กไฟฟา ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน ฟวชัน เพื่อใหไดผลที่มีความเชื่อมั่นอยางเพียงพอ และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม 4. เลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยาง 4. 4. 4. 4. 4. 4. 4. - โรงไฟฟานิวเคลียร และการนําไปใชประโยชน ชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุกัมมันตรังสี การเกิดกัมมันตภาพรังสี 4. เลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยางเลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยางเลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยางเลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยางเลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยางเลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยางเลื ถูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพ ถ ถ ถ ถ ถูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพ บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม 5. รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง - โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร การสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการ 5. รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง . รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง . รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง . รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง . รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง 5 5 5 5 ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ความเหมาะสม หรือความผิดพลาดของขอมูล ความเหมาะสม หรือความผิดพลาดของขอมูล ความเหมาะสม หรือความผิดพลาดของขอมูล ความเหมาะสม หรือความผิดพลาดของขอมูล ความเหมาะสม หรือความผิดพลาดของขอมูล อภิปราย เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ไดเรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคา 6. จัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และ และ. 6. 6. 6. 6. 6. 6. จัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง จัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และจัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และจัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และจัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และจัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และจัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรา 6 - ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรม คุณธรรม และคานิยมที่เหมาะสม นําเสนอขอมูลดวยเทคนิควิธีที่เหมาะสมําเสนอขอมูลดวยเทคนิควิธีที่เหมาะสมําเสนอขอมูลดวยเทคนิควิธีที่เหมาะสม นําเสนอขอมูลดวยเทคนิควิธีที่เหมาะสม น น 7 7. วิเคราะหขอมูล แปลความหมายขอมูล และประเมินความสอดคลองของขอสรุป หรือ - 7. วิเคราะหขอมูล แปลความหมายขอมูล และประเมินความสอดคลองของขอสรุป หรือ. วิเคราะหขอมูล แปลความหมายขอมูล และประเมินความสอดคลองของขอสรุป หรือ สาระส สาระส สาระส สาระสําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไวําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไวําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไวําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไวําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว สาระส สาระสําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว ตัวชี้วัด 8. พิจารณาความนาเชื่อถือของวิธีการและผลการสํารวจตรวจสอบ โดยใชหลักความคลาด - ว 4.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 เคลื่อนของการวัดและการสังเกต เสนอแนะการปรับปรุงวิธีการสํารวจตรวจสอบ ว 4.2 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 9. นําผลของการสํารวจตรวจสอบที่ได ทั้งวิธีการและองคความรูที่ไดไปสรางคําถาม - ว 5.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ม.4-6/9 ใหม นําไปใชแกปญหาในสถานการณใหมและในชีวิตจริง ว 8.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ม.4-6/9 10. ตระหนักถึงความสําคัญในการที่จะตองมีสวนรวมรับผิดชอบการอธิบาย ลงความเห็น - ม.4-6/10 ม.4-6/11 ม.4-6/12 และการสรุปผลการเรียนรูวิทยาศาสตร ที่นําเสนอตอสาธารณชนดวยความถูกตอง 11. บันทึกและอธิบายผลการสํารวจตรวจสอบอยางมีเหตุผล ใชพยานหลักฐานอางอิง - รวม 28 ตัวชี้วัด หรือคนควาเพื่อเติม เพื่อหาหลักฐานอางอิงที่เชื่อถือได และยอมรับวาความรูเดิมอาจ มีการเปลี่ยนแปลงได เมื่อมีขอมูลและประจักษพยานใหมเพิ่มเติมหรือโตแยงจากเดิม ซึ่งทาทายใหมีการตรวจสอบอยางระมัดระวัง อันจะนํามาสูการยอมรับเปนความรู 12. จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผล - ของโครงงานหรือชิ้นงานใหผูอื่นเขาใจ คูมือครู คูมือครู

สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คําอธิบายรายวิชา มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจิตวิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหา รูวาปรากฏการณทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นสวนใหญมีรูปแบบที่แนนอน สามารถอธิบายและ รายวิชา แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ตรวจสอบได ภายใตขอมูลและเครื่องมือที่มีอยูในชวงเวลานั้นๆ เขาใจวาวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ภาคเรียนที่ ……… เสร�ม เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอมมีความเกี่ยวของสัมพันธกัน รหัสวิชา ว………………………………… เวลา 60 ชั่วโมง/ป เสร�ม 14 15 ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแกนกลาง ศึกษา อธิบาย ทดลอง สืบคนขอมูล วิเคราะห สํารวจ ตรวจสอบ เกี่ยวกับความสัมพันธระหวางแรงกับ ม.4-6 1. ตั้งคําถามที่อยูบนพื้นฐานของความรูและความเขาใจทางวิทยาศาสตร หรือความสนใจ - การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนามโนมถวง อนุภาคในสนามไฟฟา และอนุภาคในสนามแมเหล็ก แรงนิวเคลียร หรือจากประเด็นที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ที่สามารถทําการสํารวจตรวจสอบหรือศึกษา และแรงไฟฟาระหวางอนุภาคในนิวเคลียส ความสัมพันธระหวางการกระจัด เวลา ความเร็ว และความเรงของ คนควาไดอยางครอบคลุม การเคลื่อนที่ในแนวตรง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย สมบัติของคลื่นกล 2. สรางสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับ หรือคาดการณสิ่งที่จะพบ หรือสรางแบบจําลอง หรือ - และอธิบายความสัมพันธระหวางอัตราเร็ว ความถี่ และความยาวคลื่น การเกิดคลื่นเสียง บีตสของเสียง ความ สรางรูปแบบ เพื่อนําไปสูการสํารวจตรวจสอบ เขมเสียง ระดับความเขมเสียง การไดยินเสียง คุณภาพเสียง และนําความรูไปใชประโยชน มลพิษทางเสียง 3. คนควารวบรวมขอมูลที่ตองพิจารณาปจจัยหรือตัวแปรสําคัญ ปจจัยที่มีผลตอ - ที่มีตอสุขภาพของมนุษยและเสนอวิธีการปองกัน คลื่นแมเหล็กไฟฟา สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา และนําเสนอผล ปจจัยอื่น ปจจัยที่ควบคุมไมได และจํานวนครั้งของการสํารวจ ตรวจสอบ การสืบคนขอมูลเกี่ยวกับประโยชนและการปองกันอันตรายจากคลื่นแมเหล็กไฟฟา ปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน ฟวชัน เพื่อใหไดผลที่มีความเชื่อมั่นอยางเพียงพอ และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม พลังงานที่ไดจากปฏิกิริยานิวเคลียร และผลตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน 4. เลือกวัสดุ เทคนิควิธี อุปกรณที่ใชในการสังเกต การวัด การสํารวจตรวจสอบอยาง - โรงไฟฟานิวเคลียร และการนําไปใชประโยชน ชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุกัมมันตรังสี การเกิดกัมมันตภาพรังสีีโรงไฟฟานิวเคลียร และการนําไปใชประโยชน ชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุกัมมันตรังสี การเกิดกัมมันตภาพรังสีโรงไฟฟานิวเคลียร และการนําไปใชประโยชน ชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุกัมมันตรังสี การเกิดกัมมันตภาพรังสีโรงไฟฟานิวเคลียร และการนําไปใชประโยชน ชนิดและสมบัติของรังสีจา โรงไฟฟานิวเคลียร และการนําไปใชประโยชน ชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุกัมมันตรังสี การเกิดกัมมันตภาพรังส ถูกตอง ทั้งทางกวางและลึกในเชิงปริมาณและคุณภาพ บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต บอกวิธีการตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดลอม การใชประโยชน และผลกระทบต 5. รวบรวมขอมูลและบันทึกผลการสํารวจตรวจสอบอยางเปนระบบ ถูกตอง - โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร การสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการ โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร การสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการการสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการการสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการการสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการการสืบเสาะหาความรู การสํารวจตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการ โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ครอบคลุมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยตรวจสอบความเปนไปได ความเหมาะสม หรือความผิดพลาดของขอมูล อภิปราย เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ไดเรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคาื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ไดเรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคาื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ไดเรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคาื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ไดเรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคาื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สาม เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ไดเรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคา เพ เพ เพ เพ เพ เพ เพ 6. จัดทําขอมูล โดยคํานึงถึงการรายงานผลเชิงตัวเลขที่มีระดับความถูกตอง และ - ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรม คุณธรรม และคานิยมที่เหมาะสม ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร ของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรม คุณธรรม และคานิยมที่เหมาะสมจริยธรรม คุณธรรม และคานิยมที่เหมาะสม นําเสนอขอมูลดวยเทคนิควิธีที่เหมาะสม 7. วิเคราะหขอมูล แปลความหมายขอมูล และประเมินความสอดคลองของขอสรุป หรือ - สาระสําคัญ เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว ตัวชี้วัด 8. พิจารณาความนาเชื่อถือของวิธีการและผลการสํารวจตรวจสอบ โดยใชหลักความคลาด - ว 4.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 เคลื่อนของการวัดและการสังเกต เสนอแนะการปรับปรุงวิธีการสํารวจตรวจสอบ ว 4.2 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 9. นําผลของการสํารวจตรวจสอบที่ได ทั้งวิธีการและองคความรูที่ไดไปสรางคําถาม - ว 5.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ม.4-6/9 ใหม นําไปใชแกปญหาในสถานการณใหมและในชีวิตจริง ว 8.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ม.4-6/9 10. ตระหนักถึงความสําคัญในการที่จะตองมีสวนรวมรับผิดชอบการอธิบาย ลงความเห็น - ม.4-6/10 ม.4-6/11 ม.4-6/12 และการสรุปผลการเรียนรูวิทยาศาสตร ที่นําเสนอตอสาธารณชนดวยความถูกตอง 11. บันทึกและอธิบายผลการสํารวจตรวจสอบอยางมีเหตุผล ใชพยานหลักฐานอางอิง - รวม 28 ตัวชี้วัด หรือคนควาเพื่อเติม เพื่อหาหลักฐานอางอิงที่เชื่อถือได และยอมรับวาความรูเดิมอาจ มีการเปลี่ยนแปลงได เมื่อมีขอมูลและประจักษพยานใหมเพิ่มเติมหรือโตแยงจากเดิม ซึ่งทาทายใหมีการตรวจสอบอยางระมัดระวัง อันจะนํามาสูการยอมรับเปนความรู 12. จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผล - ของโครงงานหรือชิ้นงานใหผูอื่นเขาใจ คูมือครู คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate 12 ✓ ✓ ✓ ✓ 11 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 ✓ ✓ ✓ ✓ ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ✓ ✓ ✓ ✓ 9 เสร�ม 8 ✓ ✓ ✓ ✓ แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน 16 สาระที่ 8 มาตรฐาน ว 8.1 ตัวชี้วัด 7 6 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 4 5 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ✓ ✓ ✓ ✓ 3 กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบความสอดคลองของเน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป 2 ✓ ✓ ✓ ✓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 1 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ผูเรียบเรียง 9 ÇÔà¤ÃÒÐˏÁҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ÃÒÂÇÔªÒ áçáÅСÒÃà¤Å×è͹·Õè ¾Åѧ§Ò¹ Á. 4 - Á. 6 8 ✓ นางอรุณี เรืองวิเศษ 7 ✓ ✓ ผูตรวจ นางอรุณี ศรีสวรรค สาระที่ 5 มาตรฐาน ว 5.1 ตัวชี้วัด 6 5 4 ✓ ✓ ✓ นางสาวอบพวรรณ กายพันธ นายปยะพงษ ทวีพงษ 3 3 ✓ ✓ ✓ ✓ บรรณาธิการ ✓ ✓ ดร.ฤทธิ์ วัฒนชัยยิ่งเจริญ 2 2 1 1 ✓ ✓ ✓ นางสาววราภรณ ทวมดี มาตรฐาน ว 4.2 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด 3 3 3 2 2 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ คณะผูจัดทําคูมือครู สาระที่ 4 1 4 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ อบพวรรณ กายพันธ ปยะพงษ ทวีพงษ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.1 ว 4.1 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด 3 2 2 ✓ ✓ ✓ ✓ 1 ✓ พิมพครั้งที่ 1 สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด การเคลื่อนที่ คลื่น กัมมันตรังสีและพลังงาน นิวเคลียร รหัสสินคา 3018003 รหัสสินคา 3048010 ตาราง คําชี้แจง : หนวยการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 1 : หนวยการเรียนรูที่ 2 : สนามของแรง หนวยการเรียนรูที่ 3 : หนวยการเรียนรูที่ 4 : ¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡ G ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก EB UIDE ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate 12 ✓ ✓ ✓ ✓ 11 ✓ ✓ ✓ ✓ 10 ✓ ✓ ✓ ✓ ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ✓ ✓ ✓ ✓ 9 เสร�ม 8 ✓ ✓ ✓ ✓ แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน 16 สาระที่ 8 มาตรฐาน ว 8.1 ตัวชี้วัด 7 6 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ 4 5 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ✓ ✓ ✓ ✓ 3 กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบความสอดคลองของเน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป 2 ✓ ✓ ✓ ✓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 1 ✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ผูเรียบเรียง 9 ÇÔà¤ÃÒÐˏÁҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ÃÒÂÇÔªÒ áçáÅСÒÃà¤Å×è͹·Õè ¾Åѧ§Ò¹ Á. 4 - Á. 6 8 ✓ นางอรุณี เรืองวิเศษ 7 ✓ ✓ ผูตรวจ นางอรุณี ศรีสวรรค สาระที่ 5 มาตรฐาน ว 5.1 ตัวชี้วัด 6 5 4 ✓ ✓ นางสาวอบพวรรณ กายพันธ นายปยะพงษ ทวีพงษ 3 ✓ บรรณาธิการ ✓ ดร.ฤทธิ์ วัฒนชัยยิ่งเจริญ 2 1 ✓ นางสาววราภรณ ทวมดี มาตรฐาน ว 4.2 ตัวชี้วัด 3 2 ✓ ✓ คณะผูจัดทําคูมือครู สาระที่ 4 1 4 ✓ ✓ อบพวรรณ กายพันธ ปยะพงษ ทวีพงษ มาตรฐาน ว 4.1 ตัวชี้วัด 3 2 ✓ ✓ 1 ✓ พิมพครั้งที่ 1 สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด การเคลื่อนที่ คลื่น กัมมันตรังสีและพลังงาน นิวเคลียร รหัสสินคา 3018003 รหัสสินคา 3048010 ตาราง คําชี้แจง : หนวยการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 1 : หนวยการเรียนรูที่ 2 : สนามของแรง หนวยการเรียนรูที่ 3 : หนวยการเรียนรูที่ 4 : ¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡ G ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก EB UIDE ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate ¤íÒ¹íÒ ¤íÒá¹Ð¹íÒ¡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร นอกจาก หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน เลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียน จะกําหนดมาตรฐานที่ผูเรียนจะตองผานเกณฑการประเมินแลว ยังไดกําหนดตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู การสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 แกนกลางไวอยางชัดเจน ซึ่งเมื่อผูเรียนศึกษาจบแลวจะตองมีคุณลักษณะเปนไปตามที่หลักสูตรกําหนดไว เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวยพัฒนาผูเรียน สําหรับหนังสือเรียนสาระการเรียนรูพื้นฐาน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา สะดวกแกการจัดการเรียนการสอน เลมนี้ ประกอบดวยสาระที่ผูเรียนตองศึกษา 3 สาระ ไดแก สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ สาระที่ 5 พลังงาน และการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําใหผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ และสาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี µÑǪÕéÇÑ´µÒÁ·ÕèËÅÑ¡ÊٵáíÒ˹´ สําหรับเนื้อหาสาระที่นักเรียนจะไดศึกษาตามตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง ประกอบไปดวย ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ¾ÔÁ¾ 4 ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРเรื่องการเคลื่อนที่ สนามของแรง คลื่น กัมมันตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร โดยจะแบงเนื้อหาแยกเปน Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒ㨧‹Ò หนวยการเรียนรู อานทําความเขาใจไดงาย ชัดเจน ไดรับความรูตรงตามประเด็ดในสาระการเรียนรูแกนกลาง 1. สนามแมเหล็ก เปนสื่อที่สามารถใชสอนไดจบภายใน 1 ภาคเรียน และเมื่อนําแมเหล็กมาวางไวดวยกันจะสามารถดูดหรือผลักกันได ซึ่ง ประมาณ 4 × 10 -7 เมตร หรือ 400 นาโนเมตร) คราม น้ําเงิน เขียว แมเหล็ก (magnet) คือ สารที่สามารถดูดสารแมเหล็กได 4) แสง (light) เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ประสาทตารับรู แมเหล็ก มี 2 ชนิด คือ แมเหล็กถาวร ซึ่งพบอยูในธรรมชาติ และ ไดดวยการมองเห็นแสง ซึ่งมี 7 สี คือ สีมวง (มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด แมเหล็กชั่วคราว ที่เกิดจากการประดิษฐขึ้น ท ท ท ท ท เหลือง แสด และแดง (มีความยาวคลื่นยาวที่สุด ประมาณ 7 × 10 -7 เมตร ทั้งนี้คณะผูเรียบเรียงคาดหวังวา จะเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียนการสอน ที่จะชวยพัฒนาผูเรียนั้งนี้คณะผูเรียบเรียงคาดหวังวา จะเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียนการสอน ที่จะชวยพัฒนาผูเรียนั้งนี้คณะผูเรียบเรียงคาดหวังวา จะเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียนการสอน ที่จะชวยพัฒนาผูเรียนั้งนี้คณะผูเรียบเรียงคาดหวังวา จะเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียนการสอน ที่จะชวยพัฒนาผูเรียนั้งนี้คณะผูเรียบเรียงคาดหวังวา จะเปนสื่ substance) เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม โคบอลต แมงกานีส เปนตน เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก เชน ซึ่งมีความยาวคลื่นประมาณ 5.6 × 10 -7 เมตร หรือ 560 นาโนเมตร ผงตะไบเหล็ก ลวดหนีบกระดาษ เปนตน จะพบไดวา ผงตะไบเหล็ก หรือ ใหเปนคนที่มีความรู มีความมุงมั่น มีความรับผิดชอบ รูจักรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น มีความสามารถี่มีความรู มีความมุงมั่น มีความรับผิดชอบ รูจักรับฟงความคิดเห็นของผูอื่นี่มีความรู มีความมุงมั่น มีความรับผิดชอบ รูจักรับฟงความคิดเห็นของผูอื่นี่มีความรู มีความมุงมั่น มีความรับผิดชอบ รูจักรับฟงความคิดเห็นของผูอื่นี่มีความรู มีความมุงมั่น มีความรับผิดชอบ รูจักรับฟงความคิดเห็นของผูอื่นี่มีความรู มีความมุงมั่น มีคว ใหเปนคนท ตัวชี้วัดชวงชั้น ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก 400 cm 500 nm 600 mn 700 nm ใหเปนคนท ใหเปนคนท ใหเปนคนท ใหเปนคนท ใหเปนคนท ใหเปนคนท ใหเปนคนท ใหเปนคนท ไมตองสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ รวมทั้งแทงแมเหล็กยังสามารถออกแรงดัน แมเหล็กแทงอื่นใหเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือตําแหนงที่ตองการได ซ ึ ่ ง แ ร ง ท ี ่ แ ม  เ ห ล ็ ก ก ร ะ ท ํ า ต  อ ว ั ต ถ ุ ห ร ื อ ก ร ะ ท ํ า ต  อ แ ท  ง แ ม  เ ห ล ็ ก ด  ว ย ก ั น น ี ้ ว 5.1 (ม.4-6/5-9) เรียกวา แรงแมเหล็ก (magnetic force) ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ■ อธิบายปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน ฟวชัน แรงแมเหล็กจะมีอํานาจมากที่สุดบริเวณปลายทั้งสองขางของแทง จากสารแมเหล็กได ในการสื่อสาร รูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิต การสืบเสาะหาความรู สามารถทํางานรวมกับรูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิต การสืบเสาะหาความรู รูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิต การสืบเสาะหาความรู รูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิตรูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิตรูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิต การสืบเสาะหาความรู ■ อภิปรายผลการสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ จ และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน (ที่มาของภาพ : http://www.natural (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ■ สืบคนขอมูลเกี่ยวกับพลังงานไฟฟาที่ได pole) ซึ่งหากแขวนกึ่งกลางแทงแมเหล็กดวยเชือกเสนเล็กแลวให bodyhealing.com) จากปฏิกิริยานิวเคลียรและผลตอสิ�งมีชีวิต และสิ�งแวดลอม แทงแมเหล็กวางตัวในแนวระดับ และสามารถจะหมุนไดอยางอิสระ 5) รังสีอัลตราไวโอเลต (ultraviolet rays) มี ความถี่อยูในชวง 10 15 - 10 18 เฮิรตซ ดวงอาทิตยเปนแหลงกําเนิด โรงไฟฟานิวเคลียรและนําความรูไปใช ประโยชน ผูอื่นไดอยางสรางสรรค เปนผูมีจิตวิทยาศาสตร มีจริยธรรม และคานิยมในการใชความรูทางวิทยาศาสตรผูอื่นไดอยางสรางสรรคผูอื่นไดอยางสรางสรรค เปนผูมีจิตวิทยาศาสตร มีจริยธรรม และคานิยมในการใชความรูทางวิทยาศาสตรเปนผูมีจิตวิทยาศาสตร มีจริยธรรมผูอื่นไดอยางสรางสรรค เปนผูมีจิตวิทยาศาสตร มีจริยธรรม และคานิยมในการใชความรูทางวิทยาศาสตร 4 ■ อธิบายการเกิดกัมมันตภาพรังสี และบอก แมเหล็กจะหยุดหมุนเมื่อปลายหนึ่งชี้ไปท และคานิยมในการใชความรูทางวิทยาศาสตร ขั้วเหนือ (N) และอีกปลายหนึ่งนั้นจะชี้ไปทางทิศใต เรียกปลายนี้วา รังสีอัลตราไวโอเลตที่สําคัญในระบบสุริยะ บรรยากาศชั้นบนของโลก ■ อธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุ กัมมันตรังสี จะดูดกลืนรังสีนี้ เชน ชั้นสตราโทสเฟยร (stratosphere) ประกอบ ขั้วใต (S) ดวยแกสโอโซน (ozone : O 3 ) ซึ่งเกิดจากแกสออกซิเจนทําปฏิกิริยา ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè วิธีการตรวจสอบรังสีในสิ�งแวดลอม การ ตอกัน เมื่อรังสีอัลตราไวโอเลตตกกระทบ แกสโอโซนจะเปลี่ยนรังสี ใชประโยชน ผลกระทบตอสิ�งมีชีวิตและ สิ�งแวดลอม และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแ และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแ และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแ และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแ และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแวดลอมวดลอมวดลอมวดลอมวดลอมวดลอม ป จจุบันสังคมมนุษยขยายตัวมากขึ้น จึงมีการใชประโยชนจากพลังงานตางๆ มากขึ้น ปจจุบันโอโซนบางสวนถูกทําลายดวยแกสที่ใชในทางอุตสาหกรรม เชน และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแ ¡ÑÁÁѹµÀÒ¾ÃѧÊÕáÅйÔÇà¤ÅÕÂÏ ฟรีออน ที่ใชทําความเย็นของตูเย็น และใชผสมกับสารบางชนิดใน กระปองสเปรย เปนตน ปจจุบันมักนิยมใชรังสีอัลตราไวโอเลตในการเปลี่ยนสีผิวให อยางไ อยางไรก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนเลมนี้ กลาวถึงเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม รก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนเลมนี้ กลาวถึงเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม รก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนเลมนี้ กลาวถึงเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม รก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนเลมนี้ กลาวถึงเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม รก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนเลมนี้ กลาวถึงเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม รก็ตาม เนื่ อยางไ อยางไ จากการเผาไหม แตโรงไฟฟาพลังงานนิวเคลียรก็ยังมีขอเสีย คือ ตองอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ซึ่งเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหเกิดโรคมะเร็ง มากเกินไป เพราะอาจทําใหเกิดมะเร็วผิวหนังหรือตาบอดได โดยควรสวม อยางไ อยางไ อยางไ อยางไ อยางไ เปนสีน้ําตาล รวมทั้งเพื่อการสรางวิตามินดีใหกับผิวหนัง อยางไรก็ตาม ในขณะที่แหลงพลังงานจากเชื้อเพลิงธรรมชาติมีอยูอยางจํากัด จึงมีความพยายามหาแหลง รังสีนี้ก็มีอันตราย ซึ่งตองระวังอันตรายไมใหผิวหนังและลูกนัยนตาถูกรังสี พลังงานอื่นๆ เขามาทดแทน พลังงานนิวเคลียรเปนแหลงพลังงานทางเลือกที่ใหพลังงานอยาง และหันขั้วใตไปทางทิศใตเสมอ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) มหาศาลโดยใชวัตถุดิบเพียงเล็กนอยเทานั้น ทั้งยังไมกอปญหาดานฝุนละอองหรือเขมาที่เกิด ภาพที่ 3.37 แสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต แวนตาสีดําปองกันไวทุกครั้ง นอกจากนี้การเชื่อมโลหะดวยไฟฟายังทําให ผิวหนังได ดังนั้นผูเรียนพึงศึกษาเพิ่มเติมจากแหลงขอมูลสารสนเทศ จะชวยใหผูเรียนไดรับความรูเพิ่มเติมและเปนปจจุบัน ังนั้นผูเรียนพึงศึกษาเพิ่มเติมจากแหลงขอมูลสารสนเทศ จะชวยใหผูเรียนไดรับความรูเพิ่มเติมและเปนปจจุบัน ังนั้นผูเรียนพึงศึกษาเพิ่มเติมจากแหลงขอมูลสารสนเทศ จะชวยใหผูเรียนไดรับความรูเพิ่มเติมและเปนปจจุบัน ังนั้นผูเรียนพึงศึกษาเพิ่มเติมจากแหลงขอมูลสารสนเทศ จะชวยใหผูเรียนไดรับความรูเพิ่มเติมและเปนปจจุบัน ังนั้นผูเรี เกิดรังสีอัลตราไวโอเลตความเขมสูง ซึ่งจะเปนอันตรายตอนัยนตาจึงจําเปน ด ด ด ด ด ด ด ด ด สารกัมมันตรังสีซึ่งจะกอใหเกิดผลเสียอยางมากตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม 26 72 (ที่มาของภาพ : http://bayhealing.com) ตองสวมแวนสําหรับปองกันโดยเฉพาะ และการดูแลอยางมีประสิทธิภาพ เพื่อควบคุมไมใหเกิดการระเบิดหรือการรั่วไหลของ อันจะชวยใหการจัดการเ อันจะชวยใหการจัดการเ อันจะชวยใหการจัดการเ อันจะชวยใหการจัดการเ อันจะชวยใหการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมายรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมายรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมายรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมายรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมายรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมา อันจะชวยใหการจัดการเ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ผ ผ ผ ผ ผูเรียบเร ผ ผ ผูเรียบเรียง ียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียงูเรียบเรียง ผ ผ ผ ผ ผ àÊÃÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁ ¾Ñ²¹Ò·Ñ¡ÉÐÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¡Ô¨¡ÃÃÁ¡Ò÷´Åͧ ผ ผ ¤ÇÒÁÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ à¾×èÍ¢ÂÒ¢ͺࢵ¤ÇÒÁÃÙŒ ãËŒ¡Ñº¼ÙŒàÃÕ¹ ÊíÒËÃѺãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹½ƒ¡»¯ÔºÑµÔ à¾×èͪ‹ÇÂÊÌҧ·Ñ¡ÉÐ ÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ áÅЪ‹Ç¾Ѳ¹Ò¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒÁդسÀÒ¾ µÒÁµÑǪÕéÇÑ´ เสริมประสบการณ พัฒนาทักษะ 2.3 วิทยาศาสตร วิทยาศาสตร วิทยาศาสตร วิทยาศาสตร และกัน ซึ่งขั้วแมเหล็กชนิดเดียวกันจะมีแรงผลักกัน แตหากมีขั้วตางกัน สรางนาฬกาที่มีความเที่ยงตรงสูง แตปรากฏวาไมมีใครประดิษฐได จนกระทั่ง อุปกรณ เมื่อนําแมเหล็ก 2 แทง มาวางใกลกัน จะเกิดแรงกระทําซึ่งกัน นาฬกาแบบลูกตุม ผลของสนามแมเหล็กตอการเคลื่อนที่ของตัวนําที่มีกระแสไฟฟาผาน จะมีแรงดูดกัน โดยขั้วเหนือกับขั้วเหนือจะผลักกัน ขั้วใตกับขั้วใตจะผลักกัน เมื่อป ค.ศ. 1600 นักวิทยาศาสตรและนักประดิษฐ ไดพยายามที่จะ สวนขั้วเหนือกับขั้วใตจะดูดกัน สวนขั้วเหนือกับขั้วใตจะดูดกัน คริสเตียน ฮอยเกน นักดาราศาสตรชาวดัตช เปนคนแรกที่ประสบความสําเร็จ 1. แถบอะลูมิเนียมฟอยล 1 แผน 2. เครื่องแปลงกระแสไฟฟาโวลตตํ่า 1 เครื่อง โดยเขาได คนพบวา คาบการแกวงของลูกตุมนาฬกา ขึ้นอยูกับความยาวของ เสนเชือกที่แขวนลูกตุมนาฬกาเทานั้น ไมขึ้นอยูกับมวลของลูกตุม 3. แทงแมเหล็ก 2 แทง 4. หลอดไฟฟา 1 หลอด วิธีทํา ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน มนุษยเริ่มมีการใชนาฬกาแบบลูกตุมมาตั้งแตป ค.ศ. 1659 ซึ่งใน ภาพท ภาพท ภาพที่ 2.4 ขั้วแมเหล็กตางกันจะดูดกัน สวนๆ จะยังคงมีขั้วคูเสมอ ขณะนั้นถือวามีความเที่ยงตรงสูงมาก โดยชิ้นสวนสําคัญของนาฬกาแบบ ภาพที่ 2.4 ขั้วแมเหล็กตางกันจะดูดกัน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ลูกตุม มีดังนี้ 1. นําแถบอะลูมิเนียมฟอยลที่ตออยูกับเครื่องแปลงกระแสไฟฟาโวลตตํ่า ไปวางระหวางแมเหล็ก 2 แทงที่ ภาพที่ 2.3 ขั้วแมเหล็กเหมือนกันจะผลักกัน (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : physics for you.) ■ หนาปดมีเข็มชั่วโมง นาที และวินาที หันขั้วตางชนิดกันเขาหากัน โดยจัดใหแผนอะลูมิเนียมฟอยลตั้งฉากกับสนามแมเหล็ก (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ขึ้นมา จะใชสปริงขดเปนวงแทน) 2. กดสวิตชใหกระแสไฟฟาผานแถบอะลูมิเนียมฟอยล สังเกตการเปลี่ยนแปลงของแถบอะลูมิเนียมฟอยล ■ มีตุมนํ้าหนักจํานวน 1 หรือมากกวา (ถาเปนนาฬกาที่ทันสมัย แลวรีบตัดวงจรทันที ที่แบงออกมายังคงเปนแทงแมเหล็กโดยสมบรูณ คือ มีทั้งขั้วเหนือและ จะแกวง 1 ครั้งตอ 2 วินาที ภาพที่ 1.26 นาิกาแบบลูกตุม 4. ทําการทดลองซํ้า โดยใหกระแสไฟฟาที่ไหลผานแถบอะลูมิเนียมฟอยล มีทิศเดียวกับสนามแมเหล็ก ในกรณีที่นําแทงแมเหล็กมาแบงออกเปนสวนๆ พบวา แตละสวน วินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามาก 3. ทําการทดลองซํ้า โดยกลับทิศของกระแสไฟฟาหรือทิศของสนามแมเหล็ก สังเกตการเปลี่ยนแปลงของแถบ อะลูมิเนียมฟอยล เปรียบเทียบกับการทดลองในครั้งแรก ■ ลูกตุมที่แกวงไปมา ซึ่งการแกวงทั่วๆ ไป คือ หนึ่งครั้งตอหนึ่ง ขั้วใต โดยไมสามารถแยกขั้วทั้งสองของแมเหล็กออกเปนขั้วแมเหล็ก ขั้วเดี่ยวได (เปนขั้วเหนืออยางเดียว หรือขั้วใตอยางเดียว) จึงอาจ สังเกตและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของแถบอะลูมิเนียมฟอยล 5. สรุปผลของสนามแมเหล็กตอการเคลื่อนที่ของแถบอะลูมิเนียมฟอยล 5. สรุปผลของสนามแมเหล็กตอการเคลื่อนที่ของแถบอะลูมิเนียมฟอยล กลาวไดวา แทงแมเหล็กแตละแทงจะมีขั้วคูเสมอ (ที่มาของภาพ : http://www. เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก แมเหล็กจะ ภาพที่ 2.6 ลักษณะเสนแรงแมเหล็ก รอบๆ แทงแมเหล็ก ออกแรงดูดวัตถุนั้น และเมื่อนําเข็มทิศมาวางบริเวณรอบๆ แทงแมเหล็ก ภาพที่ 2.6 ลักษณะเสนแรงแมเหล็ก kingwoodlaser.com) แมเหล็ก อะลูมิเนียมฟอยล (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) จะพบวาเข็มทิศเบี่ยงเบนไปจากทิศทางปกติ ซึ่งเกิดจากมีแรงแมเหล็กที่ กระทําตอเข็มทิศ โดยแรงที่กระทํานี้จะเกิดขึ้นรอบแทงแมเหล็ก ซึ่งบริเวณ อะลูมิเนียมฟอยล รอบแทงแมเหล็กที่แมเหล็กสงแรงกระทําไปถึง เรียกวา สนามแมเหล็ก สนามแมเหล็กไมสามารถมองเห็นได แตสามารถตรวจสอบไดโดย (magnetic fi eld) คําถาม ชวนคิด ใชผงตะไบเหล็ก หรือเข็มทิศ โดยนําแทงแมเหล็กไปวางลงบนกระดาษขาว 2. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย มีความเรงหรือไม เพราะเหตุใด ภาพที่ 2.21 การจัดอุปกรณการทดลอง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) เครื่องแปลงกระแสไฟฟา โรยผงตะไบเหล็กลงบนกระดาษอยางสม่ําเสมอ แลวเคาะเบาๆ จะเห็น การเรียงตัวของผงตะไบเหล็กเปนแนวรอบๆ แทงแมเหล็ก แสดงวา มี โวลตตํ่า motion) ของวัตถุ มีลักษณะอยางไร สนามแมเหล็กในบริเวณนั้น ซึ่งแนวการเรียงตัวของผงตะไบเหล็กรอบ 1. การเคลื่อนที่แบบครบรอบ (periodic motion) และฮารมอนิกอยางงาย (simple harmonic แทงแมเหล็กนี้ เรียกวา เสนแรงแมเหล็ก (magnetic lines of force) ภาพที่ 2.21 การจัดอุปกรณการทดลอง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) หรือเสนสนามแมเหล็ก (magnetic fi eld lines) 3. ปจจัยใดบางที่มีผลตอการแกวงของลูกตุมนาฬกา และจะสงผลตอการทํางานของนาฬกา อยางไร สามารถนําไปสรางเปนอุปกรณหรือเครื่องมือชนิดใดไดอีกบาง 24 4. หลักการของการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย นอกจากนําไปสรางนาฬกาแบบลูกตุมแลว EB G UIDE 27 http://www.aksorn.com/LC/Force/M4-6/03 36 Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ ¤íÒ¶ÒÁªÇ¹¤Ô´ ໚¹¤íÒ¶ÒÁà¾×èÍ¡Ãе،¹ ¢ŒÍÁÙÅà¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online ¤ÇÒÁ¤Ô´ÊÌҧÊÃ䏢ͧ¼ÙŒàÃÕ¹

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate ¤íÒ¹íÒ ¤íÒá¹Ð¹íÒ¡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร นอกจาก หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน เลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียน จะกําหนดมาตรฐานที่ผูเรียนจะตองผานเกณฑการประเมินแลว ยังไดกําหนดตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู การสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 แกนกลางไวอยางชัดเจน ซึ่งเมื่อผูเรียนศึกษาจบแลวจะตองมีคุณลักษณะเปนไปตามที่หลักสูตรกําหนดไว เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวยพัฒนาผูเรียน สําหรับหนังสือเรียนสาระการเรียนรูพื้นฐาน แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 ตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา สะดวกแกการจัดการเรียนการสอน เลมนี้ ประกอบดวยสาระที่ผูเรียนตองศึกษา 3 สาระ ไดแก สาระที่ 4 แรงและการเคลื่อนที่ สาระที่ 5 พลังงาน และการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําใหผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ และสาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี µÑǪÕéÇÑ´µÒÁ·ÕèËÅÑ¡ÊٵáíÒ˹´ สําหรับเนื้อหาสาระที่นักเรียนจะไดศึกษาตามตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง ประกอบไปดวย ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ¾ÔÁ¾ 4 ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРเรื่องการเคลื่อนที่ สนามของแรง คลื่น กัมมันตภาพรังสีและพลังงานนิวเคลียร โดยจะแบงเนื้อหาแยกเปน Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒ㨧‹Ò หนวยการเรียนรู อานทําความเขาใจไดงาย ชัดเจน ไดรับความรูตรงตามประเด็ดในสาระการเรียนรูแกนกลาง 1. สนามแมเหล็ก เปนสื่อที่สามารถใชสอนไดจบภายใน 1 ภาคเรียน และเมื่อนําแมเหล็กมาวางไวดวยกันจะสามารถดูดหรือผลักกันได ซึ่ง ประมาณ 4 × 10 -7 เมตร หรือ 400 นาโนเมตร) คราม น้ําเงิน เขียว แมเหล็ก (magnet) คือ สารที่สามารถดูดสารแมเหล็กได 4) แสง (light) เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ประสาทตารับรู แมเหล็ก มี 2 ชนิด คือ แมเหล็กถาวร ซึ่งพบอยูในธรรมชาติ และ แมเหล็ก มี 2 ชนิด คือ แมเหล็กถาวร ซึ่งพบอยูในธรรมชาติ และ ไดดวยการมองเห็นแสง ซึ่งมี 7 สี คือ สีมวง (มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด แมเหล็กชั่วคราว ที่เกิดจากการประดิษฐขึ้น แมเหล็กชั่วคราว ที่เกิดจากการประดิษฐขึ้น แมเหล็กชั่วคราว ที่เกิดจากการประดิษฐขึ้น สารที่ถูกแมเหล็กดูดได เรียกวา สารแมเหล็ก (magnetic เหลือง แสด และแดง (มีความยาวคลื่นยาวที่สุด ประมาณ 7 × 10 -7 เมตร ทั้งนี้คณะผูเรียบเรียงคาดหวังวา จะเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียนการสอน ที่จะชวยพัฒนาผูเรียน สารที่ถูกแมเหล็กดูดได เรียกวา สารแมเหล็ก (magnetic หรือ 700 นาโนเมตร) ประสาทตาของคนปกติไวตอแสงสีเหลืองแกมเขียว สารที่ถูกแมเหล็กดูดได เรียกวา substance) เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม โคบอลต แมงกานีส substance) เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม โคบอลต แมงกานีส เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม โคบอลต แมงกานีส substance) เชน เหล็ก นิกเกิล อะลูมิเนียม โคบอลต แมงกานีส เปนตน เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก เชน เปนตน เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก เชน เปนตน เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก เชน เปนตน เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก เชน เปนตน เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก เชน ซึ่งมีความยาวคลื่นประมาณ 5.6 × 10 -7 เมตร หรือ 560 นาโนเมตร ผงตะไบเหล็ก ลวดหนีบกระดาษ เปนตน จะพบไดวา ผงตะไบเหล็ก หรือ ผงตะไบเหล็ก ลวดหนีบกระดาษ เปนตน จะพบไดวา ผงตะไบเหล็ก หรือ ผงตะไบเหล็ก ลวดหนีบกระดาษ เปนตน จะพบไดวา ผงตะไบเหล็ก หรือ ผงตะไบเหล็ก ลวดหนีบกระดาษ เปนตน จะพบไดวา ผงตะไบเหล็ก หรือ ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก ใหเปนคนที่มีความรู มีความมุงมั่น มีความรับผิดชอบ รูจักรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น มีความสามารถ ตัวชี้วัดชวงชั้น ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ลวดหนีบกระดาษจะเคลื่อนมาติดแทงแมเหล็ก โดยแทงแมเหล็ก 400 cm 500 nm 600 mn 700 nm ไมตองสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ รวมทั้งแทงแมเหล็กยังสามารถออกแรงดัน ไมตองสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ รวมทั้งแทงแมเหล็กยังสามารถออกแรงดัน ไมตองสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ รวมทั้งแทงแมเหล็กยังสามารถออกแรงดัน ไมตองสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ รวมทั้งแทงแมเหล็กยังสามารถออกแรงดัน ไมตองสัมผัสกับวัตถุนั้นๆ รวมทั้งแทงแมเหล็กยังสามารถออกแรงดัน แมเหล็กแทงอื่นใหเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือตําแหนงที่ตองการได แมเหล็กแทงอื่นใหเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือตําแหนงที่ตองการได แมเหล็กแทงอื่นใหเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือตําแหนงที่ตองการได แมเหล็กแทงอื่นใหเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือตําแหนงที่ตองการได แมเหล็กแทงอื่นใหเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหรือตําแหนงที่ตองการได ซ ึ ่ ง แ ร ง ท ี ่ แ ม  เ ห ล ็ ก ก ร ะ ท ํ า ต  อ ว ั ต ถ ุ ห ร ื อ ก ร ะ ท ํ า ต  อ แ ท  ง แ ม  เ ห ล ็ ก ด  ว ย ก ั น น ี ้ ั น น ี ้ ั น น ี ้ ั น น ี ้ ั น น ี ้ ซ ึ ่ ง แ ร ง ท ี ่ แ ม  เ ห ล ็ ก ก ร ะ ท ํ า ต  อ ว ั ต ถ ุ ห ร ื อ ก ร ะ ท ํ า ต  อ แ ท  ง แ ม  เ ห ล ็ ก ด  ว ย ก  ว ย ก  ว ย ก  ว ย ก ซ ึ ่ ง แ ร ง ท ี ่ แ ม  เ ห ล ็ ก ก ร ะ ท ํ า ต  อ ว ั ต ถ ุ ห ร ื อ ก ร ะ ท ํ า ต  อ แ ท  ง แ ม  เ ห ล ็ ก ด ล ็ ก ด ล ็ ก ด ซ ึ ่ ง แ ร ง ท ี ่ แ ม  เ ห ล ็ ก ก ร ะ ท ํ า ต  อ ว ั ต ถ ุ ห ร ื อ ก ร ะ ท ํ า ต  อ แ ท  ง แ ซ ึ ่ ง แ ร ง ท ี ่ แ ม  เ ห ล ็ ก ก ร ะ ท ํ า ต  อ ว ั ต ถ ุ ห ร ื อ ก ร ะ ท ํ า ต  อ แ ท  ง แ ม  เ ห ม  เ ห ว 5.1 (ม.4-6/5-9) เรียกวา แรงแมเหล็ก (magnetic force) แรงแมเหล็ก (magnetic force) แรงแมเหล็ก (magnetic force) เรียกวา แรงแมเหล็ก (magnetic force) เรียกวา แรงแมเหล็ก (magnetic force) ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา ภาพที่ 2.1 แมเหล็กสามารถดูดวัตถุที่ทํา แรงแมเหล็กจะมีอํานาจมากที่สุดบริเวณปลายทั้งสองขางของแทง แรงแมเหล็กจะมีอํานาจมากที่สุดบริเวณปลายทั้งสองขางของแทง แรงแมเหล็กจะมีอํานาจมากที่สุดบริเวณปลายทั้งสองขางของแทง ■ อธิบายปฏิกิริยานิวเคลียรฟชชัน ฟวชัน แรงแมเหล็กจะมีอํานาจมากที่สุดบริเวณปลายทั้งสองขางของแทง จากสารแมเหล็กได ในการสื่อสาร รูจักใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร ในการดํารงชีวิต การสืบเสาะหาความรู สามารถทํางานรวมกับ ■ อภิปรายผลการสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ จากสารแมเหล็กได เรียกวา แรงแมเหล็กจะมีอํานาจมากที่สุดบริเวณปลายทั้งสองขางของแทง ภาพที่ 3.36 สเปกตรัมของแสง และความสัมพันธระหวางมวลกับพลังงาน (ที่มาของภาพ : http://www.natural แมเหล็ก เรียกบริเวณปลายแทงแมเหล็กวา ขั้วแมเหล็ก (magnetic แมเหล็ก เรียกบริเวณปลายแทงแมเหล็กวา ขั้วแมเหล็ก (magnetic ขั้วแมเหล็ก (magnetic (ที่มาของภาพ : http://www.natural (ที่มาของภาพ : http://www.natural ขั้วแมเหล็ก (magnetic (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ■ สืบคนขอมูลเกี่ยวกับพลังงานไฟฟาที่ได pole) ซึ่งหากแขวนกึ่งกลางแทงแมเหล็กดวยเชือกเสนเล็กแลวให bodyhealing.com) pole) ซึ่งหากแขวนกึ่งกลางแทงแมเหล็กดวยเชือกเสนเล็กแลวให pole) ซึ่งหากแขวนกึ่งกลางแทงแมเหล็กดวยเชือกเสนเล็กแลวให bodyhealing.com) bodyhealing.com) จากปฏิกิริยานิวเคลียรและผลตอสิ�งมีชีวิต และสิ�งแวดลอม แทงแมเหล็กวางตัวในแนวระดับ และสามารถจะหมุนไดอยางอิสระ แทงแมเหล็กวางตัวในแนวระดับ และสามารถจะหมุนไดอยางอิสระ pole) pole) แทงแมเหล็กวางตัวในแนวระดับ และสามารถจะหมุนไดอยางอิสระ แทงแมเหล็กวางตัวในแนวระดับ และสามารถจะหมุนไดอยางอิสระ 5) รังสีอัลตราไวโอเลต (ultraviolet rays) มี แมเหล็กจะหยุดหมุนเมื่อปลายหนึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ เรียกปลายนี้วา แมเหล็กจะหยุดหมุนเมื่อปลายหนึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ เรียกปลายนี้วา แมเหล็กจะหยุดหมุนเมื่อปลายหนึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ เรียกปลายนี้วา แมเหล็กจะหยุดหมุนเมื่อปลายหนึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ เรียกปลายนี้วา ความถี่อยูในชวง 10 15 - 10 18 เฮิรตซ ดวงอาทิตยเปนแหลงกําเนิด โรงไฟฟานิวเคลียรและนําความรูไปใช ประโยชน ผูอื่นไดอยางสรางสรรค เปนผูมีจิตวิทยาศาสตร มีจริยธรรม และคานิยมในการใชความรูทางวิทยาศาสตร 4 ■ อธิบายการเกิดกัมมันตภาพรังสี และบอก แมเหล็กจะหยุดหมุนเมื่อปลายหนึ่งชี้ไปทางทิศเหนือ เรียกปลายนี้วา อัลตราไวโอเลตเปนความรอน ทําใหรังสีอัลตราไวโอเลตมาถึงโลกนอยลง ขั้วเหนือ (N) และอีกปลายหนึ่งนั้นจะชี้ไปทางทิศใต เรียกปลายนี้วา ขั้วเหนือ (N) และอีกปลายหนึ่งนั้นจะชี้ไปทางทิศใต เรียกปลายนี้วา ขั้วเหนือ (N) และอีกปลายหนึ่งนั้นจะชี้ไปทางทิศใต เรียกปลายนี้วา ขั้วเหนือ (N) และอีกปลายหนึ่งนั้นจะชี้ไปทางทิศใต เรียกปลายนี้วา รังสีอัลตราไวโอเลตที่สําคัญในระบบสุริยะ บรรยากาศชั้นบนของโลก อธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุ ■ อธิบายชนิดและสมบัติของรังสีจากธาตุ กัมมันตรังสี จะดูดกลืนรังสีนี้ เชน ชั้นสตราโทสเฟยร (stratosphere) ประกอบ ขั้วใต (S) ขั้วใต (S) ขั้วใต (S) อธิบายการเกิดกัมมันตภาพรังสี และบอก ดวยแกสโอโซน (ozone : O 3 ) ซึ่งเกิดจากแกสออกซิเจนทําปฏิกิริยา ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè วิธีการตรวจสอบรังสีในสิ�งแวดลอม การ การ วิธีการตรวจสอบรังสีในสิ�งแวดลอม ตอกัน เมื่อรังสีอัลตราไวโอเลตตกกระทบ แกสโอโซนจะเปลี่ยนรังสี ใชประโยชน ผลกระทบตอสิ�งมีชีวิตและ สิ�งแวดลอม ใชประโยชน ผลกระทบตอสิ�งมีชีวิตและ และเทคโนโลยีอยางมีคุณธรรมตอสังคมและสิ่งแวดลอม ป จจุบันสังคมมนุษยขยายตัวมากขึ้น จึงมีการใชประโยชนจากพลังงานตางๆ มากขึ้น ปจจุบันโอโซนบางสวนถูกทําลายดวยแกสที่ใชในทางอุตสาหกรรม เชน ¡ÑÁÁѹµÀÒ¾ÃѧÊÕáÅйÔÇà¤ÅÕÂÏ ฟรีออน ที่ใชทําความเย็นของตูเย็น และใชผสมกับสารบางชนิดใน กระปองสเปรย เปนตน ปจจุบันมักนิยมใชรังสีอัลตราไวโอเลตในการเปลี่ยนสีผิวให อยางไรก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนเลมนี้ กลาวถึงเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม จากการเผาไหม แตโรงไฟฟาพลังงานนิวเคลียรก็ยังมีขอเสีย คือ ตองอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ซึ่งเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหเกิดโรคมะเร็ง มากเกินไป เพราะอาจทําใหเกิดมะเร็วผิวหนังหรือตาบอดได โดยควรสวม เปนสีน้ําตาล รวมทั้งเพื่อการสรางวิตามินดีใหกับผิวหนัง อยางไรก็ตาม ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ภาพที่ 2.2 การวางตัวของแมเหล็กในแนวทิศเหนือ-ใต โดยแมเหล็กจะหันขั้วเหนือไปทางทิศเหนือ ในขณะที่แหลงพลังงานจากเชื้อเพลิงธรรมชาติมีอยูอยางจํากัด จึงมีความพยายามหาแหลง รังสีนี้ก็มีอันตราย ซึ่งตองระวังอันตรายไมใหผิวหนังและลูกนัยนตาถูกรังสี พลังงานอื่นๆ เขามาทดแทน พลังงานนิวเคลียรเปนแหลงพลังงานทางเลือกที่ใหพลังงานอยาง และหันขั้วใตไปทางทิศใตเสมอ และหันขั้วใตไปทางทิศใตเสมอ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ภาพที่ 3.37 แสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต แวนตาสีดําปองกันไวทุกครั้ง นอกจากนี้การเชื่อมโลหะดวยไฟฟายังทําให มหาศาลโดยใชวัตถุดิบเพียงเล็กนอยเทานั้น ทั้งยังไมกอปญหาดานฝุนละอองหรือเขมาที่เกิด ผิวหนังได เกิดรังสีอัลตราไวโอเลตความเขมสูง ซึ่งจะเปนอันตรายตอนัยนตาจึงจําเปน ดังนั้นผูเรียนพึงศึกษาเพิ่มเติมจากแหลงขอมูลสารสนเทศ จะชวยใหผูเรียนไดรับความรูเพิ่มเติมและเปนปจจุบัน สารกัมมันตรังสีซึ่งจะกอใหเกิดผลเสียอยางมากตอสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม 26 26 72 (ที่มาของภาพ : http://bayhealing.com) ตองสวมแวนสําหรับปองกันโดยเฉพาะ และการดูแลอยางมีประสิทธิภาพ เพื่อควบคุมไมใหเกิดการระเบิดหรือการรั่วไหลของ อันจะชวยใหการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตรสาระพื้นฐานรายวิชานี้ ประสบผลสําเร็จตามความมุงหมาย à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ผูเรียบเรียง àÊà àÊà àÊà àÊà ¾Ñ²¹Ò·Ñ¡ÉÐÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¡Ô¨¡ÃÃÁ¡Ò÷´Åͧ àÊÃÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁ àÊÃÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁÔÁ»ÃÐʺ¡ÒóÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ໚¹¢ŒÍÁÙÅàÊÃÔÁ ¤ÇÒÁÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ à¾×èÍ¢ÂÒ¢ͺࢵ¤ÇÒÁÃÙŒ ãËŒ¡Ñº¼ÙŒàÃÕ¹ ÊíÒËÃѺãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹½ƒ¡»¯ÔºÑµÔ à¾×èͪ‹ÇÂÊÌҧ·Ñ¡ÉÐ ÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ áÅЪ‹Ç¾Ѳ¹Ò¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒÁդسÀÒ¾ µÒÁµÑǪÕéÇÑ´ เสริมประสบการณ พัฒนาทักษะ 2.3 วิทยาศาสตร วิทยาศาสตร วิทยาศาสตร วิทยาศาสตร และกัน ซึ่งขั้วแมเหล็กชนิดเดียวกันจะมีแรงผลักกัน แตหากมีขั้วตางกัน สรางนาฬกาที่มีความเที่ยงตรงสูง แตปรากฏวาไมมีใครประดิษฐได จนกระทั่ง อุปกรณ เมื่อนําแมเหล็ก 2 แทง มาวางใกลกัน จะเกิดแรงกระทําซึ่งกัน นาฬกาแบบลูกตุม ผลของสนามแมเหล็กตอการเคลื่อนที่ของตัวนําที่มีกระแสไฟฟาผาน จะมีแรงดูดกัน โดยขั้วเหนือกับขั้วเหนือจะผลักกัน ขั้วใตกับขั้วใตจะผลักกัน เมื่อป ค.ศ. 1600 นักวิทยาศาสตรและนักประดิษฐ ไดพยายามที่จะ สวนขั้วเหนือกับขั้วใตจะดูดกัน สวนขั้วเหนือกับขั้วใตจะดูดกัน คริสเตียน ฮอยเกน นักดาราศาสตรชาวดัตช เปนคนแรกที่ประสบความสําเร็จ 1. แถบอะลูมิเนียมฟอยล 1 แผน 2. เครื่องแปลงกระแสไฟฟาโวลตตํ่า 1 เครื่อง โดยเขาได คนพบวา คาบการแกวงของลูกตุมนาฬกา ขึ้นอยูกับความยาวของ เสนเชือกที่แขวนลูกตุมนาฬกาเทานั้น ไมขึ้นอยูกับมวลของลูกตุม 3. แทงแมเหล็ก 2 แทง 4. หลอดไฟฟา 1 หลอด วิธีทํา มนุษยเริ่มมีการใชนาฬกาแบบลูกตุมมาตั้งแตป ค.ศ. 1659 ซึ่งใน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ภาพท ภาพท ภาพที่ 2.4 ขั้วแมเหล็กตางกันจะดูดกัน ภาพที่ 2.5 แทงแมเหล็กที่ถูกตัดออกเปน ลูกตุม มีดังนี้ 1. นําแถบอะลูมิเนียมฟอยลที่ตออยูกับเครื่องแปลงกระแสไฟฟาโวลตตํ่า ไปวางระหวางแมเหล็ก 2 แทงที่ ภาพที่ 2.4 ขั้วแมเหล็กตางกันจะดูดกัน ขณะนั้นถือวามีความเที่ยงตรงสูงมาก โดยชิ้นสวนสําคัญของนาฬกาแบบ สวนๆ จะยังคงมีขั้วคูเสมอ ภาพที่ 2.3 ขั้วแมเหล็กเหมือนกันจะผลักกัน (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : physics for you.) ■ หนาปดมีเข็มชั่วโมง นาที และวินาที หันขั้วตางชนิดกันเขาหากัน โดยจัดใหแผนอะลูมิเนียมฟอยลตั้งฉากกับสนามแมเหล็ก (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ขึ้นมา จะใชสปริงขดเปนวงแทน) 2. กดสวิตชใหกระแสไฟฟาผานแถบอะลูมิเนียมฟอยล สังเกตการเปลี่ยนแปลงของแถบอะลูมิเนียมฟอยล ■ มีตุมนํ้าหนักจํานวน 1 หรือมากกวา (ถาเปนนาฬกาที่ทันสมัย แลวรีบตัดวงจรทันที ที่แบงออกมายังคงเปนแทงแมเหล็กโดยสมบรูณ คือ มีทั้งขั้วเหนือและ จะแกวง 1 ครั้งตอ 2 วินาที ภาพที่ 1.26 นาิกาแบบลูกตุม 4. ทําการทดลองซํ้า โดยใหกระแสไฟฟาที่ไหลผานแถบอะลูมิเนียมฟอยล มีทิศเดียวกับสนามแมเหล็ก ในกรณีที่นําแทงแมเหล็กมาแบงออกเปนสวนๆ พบวา แตละสวน วินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามาก 3. ทําการทดลองซํ้า โดยกลับทิศของกระแสไฟฟาหรือทิศของสนามแมเหล็ก สังเกตการเปลี่ยนแปลงของแถบ อะลูมิเนียมฟอยล เปรียบเทียบกับการทดลองในครั้งแรก ■ ลูกตุมที่แกวงไปมา ซึ่งการแกวงทั่วๆ ไป คือ หนึ่งครั้งตอหนึ่ง ขั้วใต โดยไมสามารถแยกขั้วทั้งสองของแมเหล็กออกเปนขั้วแมเหล็ก ขั้วเดี่ยวได (เปนขั้วเหนืออยางเดียว หรือขั้วใตอยางเดียว) จึงอาจ สังเกตและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของแถบอะลูมิเนียมฟอยล 5. สรุปผลของสนามแมเหล็กตอการเคลื่อนที่ของแถบอะลูมิเนียมฟอยล 5. สรุปผลของสนามแมเหล็กตอการเคลื่อนที่ของแถบอะลูมิเนียมฟอยล กลาวไดวา แทงแมเหล็กแตละแทงจะมีขั้วคูเสมอ (ที่มาของภาพ : http://www. เมื่อนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุที่ทําดวยสารแมเหล็ก แมเหล็กจะ ภาพที่ 2.6 ลักษณะเสนแรงแมเหล็ก รอบๆ แทงแมเหล็ก ออกแรงดูดวัตถุนั้น และเมื่อนําเข็มทิศมาวางบริเวณรอบๆ แทงแมเหล็ก ภาพที่ 2.6 ลักษณะเสนแรงแมเหล็ก kingwoodlaser.com) แมเหล็ก อะลูมิเนียมฟอยล (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) จะพบวาเข็มทิศเบี่ยงเบนไปจากทิศทางปกติ ซึ่งเกิดจากมีแรงแมเหล็กที่ กระทําตอเข็มทิศ โดยแรงที่กระทํานี้จะเกิดขึ้นรอบแทงแมเหล็ก ซึ่งบริเวณ อะลูมิเนียมฟอยล รอบแทงแมเหล็กที่แมเหล็กสงแรงกระทําไปถึง เรียกวา สนามแมเหล็ก (magnetic fi eld) คําถาม สนามแมเหล็กไมสามารถมองเห็นได แตสามารถตรวจสอบไดโดย ชวนคิด ใชผงตะไบเหล็ก หรือเข็มทิศ โดยนําแทงแมเหล็กไปวางลงบนกระดาษขาว 2. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย มีความเรงหรือไม เพราะเหตุใด ภาพที่ 2.21 การจัดอุปกรณการทดลอง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) เครื่องแปลงกระแสไฟฟา โรยผงตะไบเหล็กลงบนกระดาษอยางสม่ําเสมอ แลวเคาะเบาๆ จะเห็น การเรียงตัวของผงตะไบเหล็กเปนแนวรอบๆ แทงแมเหล็ก แสดงวา มี โวลตตํ่า motion) ของวัตถุ มีลักษณะอยางไร สนามแมเหล็กในบริเวณนั้น ซึ่งแนวการเรียงตัวของผงตะไบเหล็กรอบ 1. การเคลื่อนที่แบบครบรอบ (periodic motion) และฮารมอนิกอยางงาย (simple harmonic แทงแมเหล็กนี้ เรียกวา เสนแรงแมเหล็ก (magnetic lines of force) ภาพที่ 2.21 การจัดอุปกรณการทดลอง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) หรือเสนสนามแมเหล็ก (magnetic fi eld lines) 3. ปจจัยใดบางที่มีผลตอการแกวงของลูกตุมนาฬกา และจะสงผลตอการทํางานของนาฬกา อยางไร สามารถนําไปสรางเปนอุปกรณหรือเครื่องมือชนิดใดไดอีกบาง 24 4. หลักการของการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย นอกจากนําไปสรางนาฬกาแบบลูกตุมแลว EB G UIDE 27 http://www.aksorn.com/LC/Force/M4-6/03 36 Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ ¤íÒ¶ÒÁªÇ¹¤Ô´ ໚¹¤íÒ¶ÒÁà¾×èÍ¡Ãе،¹ ¢ŒÍÁÙÅà¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online ¤ÇÒÁ¤Ô´ÊÌҧÊÃ䏢ͧ¼ÙŒàÃÕ¹

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Elaborate Evaluate ÊÒúÑÞ เปาหมายการเรียนรู 1 ¡ÒÃà¤Å×è͹·Õè 1 - 26 1. อธิบาย ทดลอง และคํานวณ หาปริมาณตางๆ ที่เกี่ยวของกับ การเคลื่อนที่ในแนวตรง แบบ โพรเจกไทล แบบวงกลม และ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè แบบฮารมอนิกอยางงายได ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·Õèá¹ÇµÃ§ 2 2. สังเกตและอธิบายลักษณะ ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèẺâ¾Ãਡä·Å 16 การเคลื่อนที่แบบตางๆ และ ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèẺǧ¡ÅÁ 19 นําความรูไปประยุกตใชใหเกิด ประโยชนได ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèẺÎÒÏÁ͹ԡÍ‹ҧ§‹Ò 22 กระตุนความสนใจ จากนั้นรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè 2 ʹÒÁ¢Í§áç 27 - 48 ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย ● ʹÒÁáÁ‹àËÅç¡ 28 เครื่องเลนในสวนสนุกพรอมทั้งใช ʹÒÁä¿¿‡Ò ● ʹÒÁä¿¿‡Ò 39 ตัวชี้วัดชวงชั้น คําถามเชื่อมโยงใหเกิดการเรียนรู ʹÒÁ⹌Á¶‹Ç§ ʹÒÁ⹌Á¶‹Ç§ ● ʹÒÁ⹌Á¶‹Ç§ 43 ว 4.2 (ม.4-6/1-3) • เครื่องเลนในสวนสนุกมีลักษณะ การเคลื่อนที่อยางไรบาง áç¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ áç¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ ● ● ● áç¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ 46 ■ อธิบายและทดลองและความสัมพันธระหวาง • นอกจากเครื่องเลนในสวนสนุก การกระจัด เวลา ความเร็ว ความเรงของการ เคลื่อนที่แนวตรง ■ สังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบโพรเจก ในชีวิตประจําวันของนักเรียนมี ความเกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ ไทล แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè 3 ¤Å×è¹ 49 - 74 ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ■ อภิปรายผลการสืบคนและประโยชนเกี่ยวกับ อยางไรบาง และแบบฮารมอนิกอยางงาย ● ¤Å×蹡Š50 ● ● ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ 52 1 ¡ÒÃà¤Å×è͹·Õè ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ Í§¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ Í§¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ Í§¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ Í§¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ ● ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹ 55 ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹ ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹ ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹ ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹ ● àÊÕ§áÅСÒÃä´ŒÂÔ¹ 61 ก ารเคลื่อนที่เปนการเปลี่ยนแปลงอยางหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของเรา ● ¤Å×è¹áÁ‹àËÅç¡ä¿¿‡Ò 67 ไมวาจะเปนการเคลื่อนที่ของตัวเราเอง หรือการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งการเคลื่อนที่ 4 ¡ÑÁÁѹµÀÒ¾ÃѧÊÕáÅоÅѧ§Ò¹¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ 75- 106 การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว และความเรงของวัตถุ โดยการเคลื่อนที่ของวัตถุสามารถเกิดขึ้น ของสิ่งตางๆ จะกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณที่เกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ ไดแก ระยะทาง ไดหลายรูปแบบ ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่แนวตรง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล การเคลื่อนที่ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè แบบวงกลม ซึ่งมนุษยสามารถนําความรูเกี่ยวกับการเคลื่อนที่มาใชในประโยชนในชีวิตประจําวันได ● ¡ÑÁÁѹµÀÒ¾ÃѧÊÕ 76 ● ÃѧÊաѺÁ¹Øɏ 86 ● ¾Åѧ§§Ò¹¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ 97 ºÃóҹءÃÁ 107 บูรณาการสูอาเซียน อาเซียนมีเปาหมายที่จะรวมตัวเปนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 โดยจะมีการเคลื่อนยายสินคา บริการ การลงทุน เงินทุนและแรงงานฝมือไดอยางอิสระ ซึ่งแรงงานฝมือในที่นี้ หมายถึง ผูประกอบวิชาชีพดาน วิศวกร แพทย ทันตแพทย พยาบาล สถาปนิก นักสํารวจ นักบัญชี จะเห็นไดวาความรูทางดานวิทยาศาสตร ลวนแตเปนพื้นฐานที่จะนําไปสูการประกอบอาชีพดังกลาวได ดังนั้น นักเรียนจึงควรใหความสนใจศึกษาวิทยาศาสตร เพื่อพัฒนาตนเองใหมีศักยภาพซึ่งนําไปสูการเปนแรงงานฝมือที่มีคุณภาพของประชาคมอาเซียนในอนาคต คูมือครู 1

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Elaborate Evaluate ÊÒúÑÞ เปาหมายการเรียนรู 1 ¡ÒÃà¤Å×è͹·Õè 1 - 26 1. อธิบาย ทดลอง และคํานวณ หาปริมาณตางๆ ที่เกี่ยวของกับ การเคลื่อนที่ในแนวตรง แบบ โพรเจกไทล แบบวงกลม และ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè แบบฮารมอนิกอยางงายได ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·Õèá¹ÇµÃ§ 2 2. สังเกตและอธิบายลักษณะ ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèẺâ¾Ãਡä·Å 16 การเคลื่อนที่แบบตางๆ และ ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèẺǧ¡ÅÁ 19 นําความรูไปประยุกตใชใหเกิด ประโยชนได ● ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèẺÎÒÏÁ͹ԡÍ‹ҧ§‹Ò 22 กระตุนความสนใจ จากนั้นรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè 2 ʹÒÁ¢Í§áç 27 - 48 ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย ● ʹÒÁáÁ‹àËÅç¡ 28 เครื่องเลนในสวนสนุกพรอมทั้งใช ● ʹÒÁä¿¿‡Ò 39 ตัวชี้วัดชวงชั้น คําถามเชื่อมโยงใหเกิดการเรียนรู ตัวชี้วัดชวงชั้น ตัวชี้วัดชวงชั้น ตัวชี้วัดชวงชั้น ● ʹÒÁ⹌Á¶‹Ç§ 43 ว 4.2 (ม.4-6/1-3) • เครื่องเลนในสวนสนุกมีลักษณะ ว ว ว 4.2 (ม.4-6/1-3)4.2 (ม.4-6/1-3)4.2 (ม.4-6/1-3) การเคลื่อนที่อยางไรบาง ● áç¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ 46 ■ ■ อธิบายและทดลองและความสัมพันธระหวางอธิบายและทดลองและความสัมพันธระหวางอธิบายและทดลองและความสัมพันธระหวางอธิบายและทดลองและความสัมพันธระหวาง • นอกจากเครื่องเลนในสวนสนุก การกระจัด เวลา ความเร็ว ความเรงของการ การกระจัด เวลา ความเร็ว ความเรงของการารกระจัด เวลา ความเร็ว ความเรงของการารกระจัด เวลา ความเร็ว ความเรงของการ ก ก เคลื่อนที่แนวตรงวตรงวตรง ■ ■ สังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบโพรเจกสังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบโพรเจกสังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบโพรเจกสังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบโพรเจกสังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบโพรเจก ในชีวิตประจําวันของนักเรียนมี เคลื่อนที่แน เคลื่อนที่แนวตรง เคลื่อนที่แน ความเกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ ไทล แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย ไทล ไทล ไทล ไทล ไทล แบบวงกลม และแบบฮารมอนิกอยางงาย การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม ารเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม ารเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม ารเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม ารเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล แบบวงกลม ก ก ก ก ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè 3 ¤Å×è¹ 49 - 74 ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ■ ■ ■ อภิปรายผลการสืบคนและประโยชนเกี่ยวกับอภิปรายผลการสืบคนและประโยชนเกี่ยวกับอภิปรายผลการสืบคนและประโยชนเกี่ยวกับอภิปรายผลการสืบคนและประโยชนเกี่ยวกับอภิปรายผลการสืบคนและประโยชนเกี่ยวกับ อยางไรบาง และแบบฮารมอนิกอยางงาย และแบบฮารมอนิกอยางงาย และแบบฮารมอนิกอยางงาย และแบบฮารมอนิกอยางงาย ● ¤Å×蹡Š50 ¡ÒÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·ÕèÃà¤Å×è͹·Õè ● ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤Å×è¹ 52 1 ¡Ò ¡Ò ¡Ò ¡Ò ¡Ò ¡Ò ¡Ò ¡Ò ● ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹ 55 ● àÊÕ§áÅСÒÃä´ŒÂÔ¹ 61 ก ารเคลื่อนที่เปนการเปลี่ยนแปลงอยางหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของเรา ● ¤Å×è¹áÁ‹àËÅç¡ä¿¿‡Ò 67 ไมวาจะเปนการเคลื่อนที่ของตัวเราเอง หรือการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งการเคลื่อนที่ 4 ¡ÑÁÁѹµÀÒ¾ÃѧÊÕáÅоÅѧ§Ò¹¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ 75- 106 การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว และความเรงของวัตถุ โดยการเคลื่อนที่ของวัตถุสามารถเกิดขึ้น ของสิ่งตางๆ จะกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณที่เกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ ไดแก ระยะทาง ไดหลายรูปแบบ ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่แนวตรง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล การเคลื่อนที่ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè แบบวงกลม ซึ่งมนุษยสามารถนําความรูเกี่ยวกับการเคลื่อนที่มาใชในประโยชนในชีวิตประจําวันได ● ¡ÑÁÁѹµÀÒ¾ÃѧÊÕ 76 ● ÃѧÊաѺÁ¹Øɏ 86 ● ¾Åѧ§§Ò¹¹ÔÇà¤ÅÕÂÏ 97 ºÃóҹءÃÁ 107 บูรณาการสูอาเซียน อาเซียนมีเปาหมายที่จะรวมตัวเปนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 โดยจะมีการเคลื่อนยายสินคา บริการ การลงทุน เงินทุนและแรงงานฝมือไดอยางอิสระ ซึ่งแรงงานฝมือในที่นี้ หมายถึง ผูประกอบวิชาชีพดาน วิศวกร แพทย ทันตแพทย พยาบาล สถาปนิก นักสํารวจ นักบัญชี จะเห็นไดวาความรูทางดานวิทยาศาสตร ลวนแตเปนพื้นฐานที่จะนําไปสูการประกอบอาชีพดังกลาวได ดังนั้น นักเรียนจึงควรใหความสนใจศึกษาวิทยาศาสตร เพื่อพัฒนาตนเองใหมีศักยภาพซึ่งนําไปสูการเปนแรงงานฝมือที่มีคุณภาพของประชาคมอาเซียนในอนาคต คูมือครู 1

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล สํารวจคนหา ขยายความเขาใจ Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Explore Ev Elaborate Explain Elaborate Evaluate Engage Explore Explain Elaborate Evaluatealuate กระตุนความสนใจ (หนาพิมพและตัวอักษรในกรอบนี้มีขนาดเล็กกวาฉบับนักเรียน 20%) อธิบายความรู ครูใหนักเรียนดูภาพการแขงขัน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ วายนํ้าแลวถามคําถามใหนักเรียน หาระยะทางและการกระจัด แลวให รวมกันแสดงความคิดเห็น 1. การเคลืื่อนที่แนวตรง ตัวอยางที่ 1.1 นักเรียนรวมกันสรุปความแตกตาง • นักกีฬาคนที่สวมหมวกวายนํ้า การเคลื่อนที่แนวตรง เปนการเคลื่อนที่ที่อยูในแนวเสนตรง การเคลื่อนที่ของวัตถุจาก A ไป B ตามแนวเสนทาง ดังภาพที่ 1.2 จงบอกระยะทางและการกระ ระหวางระยะทางและการกระจัด สีเหลืองมีโอกาสชนะหรือไม ซึ่งอาจเคลื่อนที่ไปขางหนาและถอยหลังได เชน รถยนตเคลื่อนที่บน จัดของการเคลื่อนที่ในแตละเสนทาง โดยครูใชคําถามนําเพื่อหาขอสรุป เพราะเหตุใด ถนนตรง นักวายน้ําแขงในลูวาย กอนหินตกลงในแนวดิ่ง วัตถุถูกโยน (1) s 1 B • การเคลื่อนที่ของวัตถุแตละครั้ง (แนวตอบ มีโอกาสหากสามารถ ขึ้นไปในแนวดิ่ง เปนตน ซึ่งการเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีปริมาณตางๆ ระยะทางและการกระจัดที่ (2) เพิ่มความเร็วขึ้น และระยะทาง เกี่ยวของกัน ไดแก ระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว และความเรง A ภาพที่ 1.1 (3) s 2 เกิดขึ้นมีลักษณะอยางไร การวายนํ้ายังคงเหลืออยู เมื่อปริมาณใดปริมาณหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงก็จะมีผลใหปริมาณอื่น (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) s 3 (แนวตอบ ระยะทางและ พอสมควร) ภาพที่ 1.1 การแขงขันวายน้ําในลูวาย มี เปลี่ยนแปลงตามไปดวย ภาพที่ 1.2 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) การกระจัดในการเคลื่อนที่มี 2 ลักษณะการเคลื่อนที่ในแนวตรง (ที่มาของภาพ : swimmingpictures.org) 1.1 ระยะทางและการกระจัด วิธีทํา จากภาพที่ 1.2 วัตถุเคลื่อนที่จาก A ไป B ใน 3 เสนทาง ดังนี้ ลักษณะ ดังนี้ สํารวจคนหา การเคลื่อนที่ของวัตถุเปนการเปลี่ยนตําแหนงของวัตถุ เชน ขณะ ตามเสนทางที่ (1) ไดระยะทาง = s 1. ระยะทางมากกวาการกระจัด 2. ระยะทางเทากับการกระจัด) 1 การกระจัด = s มีทิศจาก A ไป B ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 1.1-1.3 ที่รถยนตแลนไปตามถนน การเปลี่ยนตําแหนงจะพิจารณาได ดังนี้ ตามเสนทางที่ (2) ไดระยะทาง = s • จากตัวอยางที่ 1.2 ถาเด็กคนนั้น 2 จากหนา 3-4 แลวบอกความแตกตาง 1) ระยะทาง (distance) คือ ระยะทั้งหมดที่วัดไดตาม การกระจัด = s มีทิศจาก A ไป B วิ่งกลับมายังจุด A ระยะทาง 2 ระหวางระยะทางและการกระจัด แนวการเคล 2 และการกระจัดมีคาเทาใด แนวการเคลื่อนที่จริงของวัตถุจากตําแหนงเริ่มตนไปจนถึงตําแหนงสุดทายื่อนที่จริงของวัตถุจากตําแหนงเริ่มตนไปจนถึงตําแหนงสุดทาย แนวการเคลื่อนที่จริงของวัตถุจากตําแหนงเริ่มตนไปจนถึงตําแหนงสุดทาย ของการเคลื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปนื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปนื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปนื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปนื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปน ของการเคลื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปน ตามเสนทางที่ (3) ไดระยะทาง = s (แนวตอบ ของการเคล ของการเคล ของการเคล ของการเคล 3 ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัด = s มีทิศจาก A ไป B ระยะทาง = AB + BA 2 2) การกระจัด (displacement)) การกระจัด (displacement)) การกระจัด (displacement) 2 2 2 2 2 2) การกระจัด (displacement) คือ ระยะที่วัดไดในแนว 2) การกระจัด (displacement)) การกระจัด (displacement)) การกระจัด (displacement)) การกระจัด (displacement) เกร็ดแนะครู เสนตรงจากตําแหนงเริ่มตนไปยังตําแหนงสุดทาย ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอรนตรงจากตําแหนงเริ่มตนไปยังตําแหนงสุดทาย ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอรนตรงจากตําแหนงเริ่มตนไปยังตําแหนงสุดทาย ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอรนตรงจากตําแหนงเริ่มตนไปยังตําแหนงสุดทาย ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอร = 500 + 500 = 1,000 เมตร เส เส เส เสนตรงจากตําแหนงเริ่มตนไปยังตําแหนงสุดทาย ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอร ครูอาจใหนักเรียนแตละคนบอก ที่ตองระบุทั้งขนาดและทิศทาง มีหนวยเปนเมตร (m) สัญลักษณแทน ตัวอยางที่ 1.2 การกระจัด = 0 ที่ตองระบุทั้งขนาดและทิศทาง มีหนวยเปนเมตร (m) สัญลักษณแทนี่ตองระบุทั้งขนาดและทิศทาง มีหนวยเปนเมตร (m) สัญลักษณแทนี่ตองระบุทั้งขนาดและทิศทาง มีหนวยเปนเมตร (m) สัญลักษณแทนี่ตองระบุทั้งขนาดและทิศทาง มีหนวยเปนเมตร (m) สัญลักษณแทน ท ท ท ตําแหนงของเพื่อน และระยะหาง เวกเตอร คือ เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน A ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทาง เนื่องจากเมื่อสิ้นสุดการเคลื่อนที่ เวกเตอร คือ เวกเตอร คือ sss ระหวางตัวนักเรียนกับเพื่อน เพื่อให ด ด ด และการกระจัดของเด็กคนนี้วามีคากี่เมตร แลวไมมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู) ดังนั้น จะเห็นไดวาระยะทางขึ้นอยูกับเสนทางการเคลื่อนที่จริง ดังนั้น จะเห็นไดวาระยะทางขึ้นอยูกับเสนทางการเคลื่อนที่จริงังนั้น จะเห็นไดวาระยะทางขึ้นอยูกับเสนทางการเคลื่อนที่จริงังนั้น จะเห็นไดวาระยะทางขึ้นอยูกับเสนทางการเคลื่อนที่จริงังนั้น จะเห็นไดวาระยะทางขึ้นอยูกับเสนทางการเคลื่อนที่จริง เขาใจความแตกตางระหวาง สวนการกระจัดจะขึ้นอยูกับตําแหนงเร่ิมตนและตําแหนงสุดทายของการ C ส ส สวนการกระจัดจะขึ้นอยูกับตําแหนงเร่ิมตนและตําแหนงสุดทายของการวนการกระจัดจะขึ้นอยูกับตําแหนงเร่ิมตนและตําแหนงสุดทายของการวนการกระจัดจะขึ้นอยูกับตําแหนงเร่ิมตนและตําแหนงสุดทายของการ B การกระจัดกับระยะทาง เคลื่อนที่ ในการเคลื่อนที่โดยทั่วไประยะทางจะมีคามากกวาการกระจัด A 50 100 150 200 250 300 350 400 450 500 เคลื่อนที่ ในการเคลื่อนที่โดยทั่วไประยะทางจะมีคามากกวาการกระจัด เสมอ เสมอ เสมอ ภาพที่ 1.3 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) เกร็ดแนะครู เสมอ เสมอ เสมอ ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง เสมอ ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s วิธีทํา ระยะทาง วัดความยาวตามเสนทางวิ่ง A → B → C การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s นักเรียนควรรู เสริมประสบการณ จะได ระยะทาง = 500 เมตร + 250 เมตร ครูควรฝกใหนักเรียนเติมหนวย ของปริมาณตางๆ ทุกครั้งระหวาง วิทยาศาสตร การกระจัด ถาวัตถุเคลื่อนที่โดย ปริมาณทางฟสิกส เปนปริมาณทางกายภาพ แบงออกได 2 ประเภท ดังนี้ = 750 เมตร การคํานวณ เพื่อชวยใหจดจําหนวย มีตําแหนงเริ่มตนและตําแหนง 1. ปริมาณสเกลาร คือ ปริมาณที่บอกแตขนาดเพียงอยางเดียว เชน มวล ระยะทาง อัตราเร็ว เวลา พื้นที่ การกระจัด วัดจากจุดเริ่มตน A ไปในแนวตรงถึงจุดสุดทาย C ของปริมาณตางๆ ไดอยางถูกตอง สุดทายเปนตําแหนงเดียวกัน เชน ปริมาตร ความหนาแนน เปนตน จะได ระยะทาง = 250 เมตร 2. ปริมาณเวกเตอร คือ ปริมาณที่ตองบอกทั้งขนาดและทิศทาง เชน นํ้้าหนัก การกระจัด แรง ความเร็ว การวิ่งรอบสนามครบ 1 รอบ การ 2. ปริมาณเวกเตอร คือ ปริมาณที่ตองบอกทั้งขนาดและทิศทาง เชน นํ้้าหนัก การกระจัด แรง ความเร็ว ดังนั้น เด็กคนนี้วิ่งระยะทาง 750 เมตร และมีการกระจัด 250 เมตร กระจัดจะมีคาเปนศูนย เนื่องจาก ความเรง โมเมนต เปนตน มีทิศจาก A ไป C ตอบ ไมมีการเปลี่ยนตําแหนงเมื่อสิ้นสุด การเคลื่อนที่ 2 3 @ มุม IT นักเรียนควรรู ดูการทดลองเสมือนจริงเกี่ยวกับ ระยะทางและการกระจัด ไดจาก ปริมาณเวกเตอร การเขียนปริมาณเวกเตอร www.physics.gatech.edu ทําไดหลายแบบ เชน A , A , a 2 คูมือครู คูมือครู 3

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล ขยายความเขาใจ สํารวจคนหา Explain Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluatealuate Elaborate Explain Elaborate Evaluate Engage Explore Explain Elaborate Ev กระตุนความสนใจ (หนาพิมพและตัวอักษรในกรอบนี้มีขนาดเล็กกวาฉบับนักเรียน 20%) อธิบายความรู ครูใหนักเรียนดูภาพการแขงขัน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ วายนํ้าแลวถามคําถามใหนักเรียน หาระยะทางและการกระจัด แลวให รวมกันแสดงความคิดเห็น 1. การเคลืื่อนที่แนวตรง ตัวอยางที่ 1.1 นักเรียนรวมกันสรุปความแตกตาง • นักกีฬาคนที่สวมหมวกวายนํ้า การเคลื่อนที่แนวตรง เปนการเคลื่อนที่ที่อยูในแนวเสนตรง การเคลื่อนที่ของวัตถุจาก A ไป B ตามแนวเสนทาง ดังภาพที่ 1.2 จงบอกระยะทางและการกระ ระหวางระยะทางและการกระจัด สีเหลืองมีโอกาสชนะหรือไม ซึ่งอาจเคลื่อนที่ไปขางหนาและถอยหลังได เชน รถยนตเคลื่อนที่บน จัดของการเคลื่อนที่ในแตละเสนทาง โดยครูใชคําถามนําเพื่อหาขอสรุป เพราะเหตุใด ถนนตรง นักวายน้ําแขงในลูวาย กอนหินตกลงในแนวดิ่ง วัตถุถูกโยน (1) s 1 B • การเคลื่อนที่ของวัตถุแตละครั้ง (แนวตอบ มีโอกาสหากสามารถ ขึ้นไปในแนวดิ่ง เปนตน ซึ่งการเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีปริมาณตางๆ ระยะทางและการกระจัดที่ (2) เพิ่มความเร็วขึ้น และระยะทาง เกี่ยวของกัน ไดแก ระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว และความเรง A ภาพที่ 1.1 (3) s 2 เกิดขึ้นมีลักษณะอยางไร การวายนํ้ายังคงเหลืออยู เมื่อปริมาณใดปริมาณหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงก็จะมีผลใหปริมาณอื่น (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) s 3 (แนวตอบ ระยะทางและ พอสมควร) ภาพที่ 1.1 การแขงขันวายน้ําในลูวาย มี เปลี่ยนแปลงตามไปดวย ภาพที่ 1.2 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) การกระจัดในการเคลื่อนที่มี 2 ลักษณะการเคลื่อนที่ในแนวตรง (ที่มาของภาพ : swimmingpictures.org) 1.1 ระยะทางและการกระจัด วิธีทํา จากภาพที่ 1.2 วัตถุเคลื่อนที่จาก A ไป B ใน 3 เสนทาง ดังนี้ ลักษณะ ดังนี้ สํารวจคนหา การเคลื่อนที่ของวัตถุเปนการเปลี่ยนตําแหนงของวัตถุ เชน ขณะ ตามเสนทางที่ (1) ไดระยะทาง = s 1. ระยะทางมากกวาการกระจัด 2. ระยะทางเทากับการกระจัด) 1 การกระจัด = s มีทิศจาก A ไป B ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 1.1-1.3 ที่รถยนตแลนไปตามถนน การเปลี่ยนตําแหนงจะพิจารณาได ดังนี้ ตามเสนทางที่ (2) ไดระยะทาง = s • จากตัวอยางที่ 1.2 ถาเด็กคนนั้น 2 จากหนา 3-4 แลวบอกความแตกตาง 1) ระยะทาง (distance) คือ ระยะทั้งหมดที่วัดไดตาม การกระจัด = s มีทิศจาก A ไป B มีทิศจาก A ไป B มีทิศจาก A ไป B วิ่งกลับมายังจุด A ระยะทาง 2 ระหวางระยะทางและการกระจัด แนวการเคลื่อนที่จริงของวัตถุจากตําแหนงเริ่มตนไปจนถึงตําแหนงสุดทาย 2 และการกระจัดมีคาเทาใด ของการเคลื่อนที่ ระยะทางจะระบุแตขนาดเพียงอยางเดียว จึงจัดวาเปน ตามเสนทางที่ (3) ไดระยะทาง = s (แนวตอบ 3 การกระจัด = s= s การกระจัด ปริมาณสเกลาร มีหนวยเปน เมตร (m) โดยทั่วไปแทนดวยสัญลักษณ s การกระจัด = s มีทิศจาก A ไป B มีทิศจาก A ไป B มีทิศจาก A ไป B มีทิศจาก A ไป B มีทิศจาก A ไป B ระยะทาง = AB + BA 2 2 2 2) การกระจัด (displacement) คือ ระยะที่วัดไดในแนว 2) การกระจัด (displacement) เกร็ดแนะครู เสนตรงจากตําแหนงเริ่มตนไปยังตําแหนงสุดทาย ซึ่งเปนปริมาณเวกเตอร = 500 + 500 = 1,000 เมตร ครูอาจใหนักเรียนแตละคนบอก ที่ตองระบุทั้งขนาดและทิศทาง มีหนวยเปนเมตร (m) สัญลักษณแทน ตัวอยางที่ 1.2 การกระจัด = 0 ตําแหนงของเพื่อน และระยะหาง เวกเตอร คือ s เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน A ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทางA ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทางA ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทางA ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทางA ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทางA ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทางA ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระย เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน A ไปยังตําแหนง B แลววิ่งยอนกลับไปตําแหนง C จงหาระยะทาง เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน เด็กคนหนึ่งวิ่งจากจุดเร่ิมตน ระหวางตัวนักเรียนกับเพื่อน เพื่อให ดังนั้น จะเห็นไดวาระยะทางขึ้นอยูกับเสนทางการเคลื่อนที่จริง และการกระจัดของเด็กคนนี้วามีคากี่เมตร แลวไมมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู) เขาใจความแตกตางระหวาง สวนการกระจัดจะขึ้นอยูกับตําแหนงเร่ิมตนและตําแหนงสุดทายของการ C B B การกระจัดกับระยะทาง เคลื่อนที่ ในการเคลื่อนที่โดยทั่วไประยะทางจะมีคามากกวาการกระจัด A 50 100 150 200 250 300 350 400 450 500 เสมอ ยกเวนกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปนเสนตรงและไมเปลี่ยนแปลงทิศทาง ภาพที่ 1.3 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) เกร็ดแนะครู (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) การกระจัดจะมีขนาดเทากับระยะทาง ซึ่งใชแทนดวยสัญลักษณ s วิธีทํา ระยะทาง ระยะทาง ระยะทาง ระยะทาง ระยะทาง วัดความยาวตามเสนทางวิ่ง A → B → Cวัดความยาวตามเสนทางวิ่ง A วัดความยาวตามเสนทางวิ่ง A วัดความยาวตามเสนทางวิ่ง A วัดความยาวตามเสนทางวิ่ง A นักเรียนควรรู เสริมประสบการณ จะได ระยะทาง = 500 เมตร + 250 เมตร ครูควรฝกใหนักเรียนเติมหนวย ของปริมาณตางๆ ทุกครั้งระหวาง วิทยาศาสตร การกระจัด ถาวัตถุเคลื่อนที่โดย ปริมาณทางฟสิกส เปนปริมาณทางกายภาพ แบงออกได 2 ประเภท ดังนี้ = 750 เมตร การคํานวณ เพื่อชวยใหจดจําหนวย มีตําแหนงเริ่มตนและตําแหนง 1. ปริมาณสเกลาร คือ ปริมาณที่บอกแตขนาดเพียงอยางเดียว เชน มวล ระยะทาง อัตราเร็ว เวลา พื้นที่ การกระจัด วัดจากจุดเริ่มตน A ไปในแนวตรงถึงจุดสุดทาย C ของปริมาณตางๆ ไดอยางถูกตอง สุดทายเปนตําแหนงเดียวกัน เชน ปริมาตร ความหนาแนน เปนตน จะได ระยะทาง = 250 เมตร 2. ปริมาณเวกเตอร คือ ปริมาณที่ตองบอกทั้งขนาดและทิศทาง เชน นํ้้าหนัก การกระจัด แรง ความเร็ว การวิ่งรอบสนามครบ 1 รอบ การ 2. ปริมาณเวกเตอร คือ ปริมาณที่ตองบอกทั้งขนาดและทิศทาง เชน นํ้้าหนัก การกระจัด แรง ความเร็ว ดังนั้น เด็กคนนี้วิ่งระยะทาง 750 เมตร และมีการกระจัด 250 เมตร กระจัดจะมีคาเปนศูนย เนื่องจาก ความเรง โมเมนต เปนตน มีทิศจาก A ไป C ตอบ ไมมีการเปลี่ยนตําแหนงเมื่อสิ้นสุด การเคลื่อนที่ 2 3 @ มุม IT นักเรียนควรรู ดูการทดลองเสมือนจริงเกี่ยวกับ ระยะทางและการกระจัด ไดจาก ปริมาณเวกเตอร การเขียนปริมาณเวกเตอร www.physics.gatech.edu ทําไดหลายแบบ เชน A , A , a 2 คูมือครู คูมือครู 3

อธิบายความรู กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล ขยายความเขาใจ ขยายความเขาใจ อธิบายความรู อธิบายความรู Engage Explore Expand Evaluate Explain Elaborate Evaluatealuatealuate Ev Ev Elaborateate Elabor Explain Explain (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การหาระยะทาง ครูถามคําถามใหนักเรียนแสดง จากแตละจุด สามารถนําระยะหาง ความคิดเห็น ของแตละจุดมารวมกันไดเลยตามวิธี ตัวอยางที่ 1.3 1.2 อัตราเร็วและความเร็ว • ในการเคลื่อนที่นั้น การ มาชากับ การบวก ลบปริมาณสเกลาร แต D นายโจเดินไปตามขอบสนามรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ABCD ที่มีดาน AB = CD = 4 เมตร ดาน การเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งนั้น นอกจากจะคํานึง มาเร็ว มีปริมาณใดที่แตกตาง C การกระจัดตองใชวิธีการแบบเวกเตอร AD = BC = 3 เมตร และระยะ AC = 5 เมตร จงหาระยะทางและการกระจัดที่ ถึงระยะทางและการกระจัดแลว ตองคํานึงถึงเวลาที่ใชเคลื่อนที่ดวย กันบาง หรือลากลูกศรจากจุดเริ่มตนไปยัง นายโจเดินจาก A → B, จาก A → B → C, จาก A → B → C → D ถามีเสนทางใหเลือกหลายเสนทาง โดยทั่วไปจะเลือกเสนทางที่สั้นที่สุด (แนวตอบ หากระยะทางในการ จุดสุดทายเปนเสนตรงแลวจึงวัดขนาด และจาก A → B → C → D → A และใชเวลานอยที่สุด เพื่อใหถึงจุดหมายปลายทางเร็วที่สุด ในการ เคลื่อนที่เทากัน การมาถึงชาหรือ A B แขงขันกีฬาหลายประเภท เชน การวิ่งหรือวายน้ําจะใชนาิกาจับเวลา เร็วตางกันนั้น คือการใชเวลา ภาพที่ 1.4 (ที่มาของภาพ : photo ของนักกีฬาแตละคน ซึ่งผูชนะจะเปนผูที่ใชเวลานอยที่สุดในระยะทาง ในการเคลื่อนที่ตางกัน ซึ่งนั่น bank ACT.) ที่กําหนด หมายถึงการใชความเร็วตางกัน นักเรียนควรรู วิธีทํา เดินจาก A → B การบอกวาวัตถุใดเคลื่อนที่เร็วหรือชา จะพิจารณาถึงระยะทาง ภาพที่ 1.5 การหาอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ หากมาชา คือ ใชเวลามาก แสดง ของวัตถุจะคิดเปนอัตราเร็วเฉลี่ยเพราะ AB + BC หาขนาดของ ระยะทาง = การกระจัด ที่ไดหรือการกระจัดเทียบกับเวลาที่ใชในการเคลื่อนที่ ซึ่งเกี่ยวกับ วัตถุเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วไมคงที่ วาใชความเร็วตํ่า ในทางตรงขาม 2 2 ดาน AC ดวยทฤษฎีปทาโกรัส = ระยะ AB ปริมาณการเคลื่อนที่ของวัตถุ (ที่มาของภาพ : www.caradvice.com.au) หากมาเร็ว คือใชเวลานอย ของสามเหลี่ยมมุมฉาก = 4 เมตร 1) อัตราเร็ว (speed) คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไดใน แสดงวาใชความเร็วสูง) C b = a + c 2 เดินจาก A → B → C 1 หนวยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลงระยะทางโดยไมกําหนดทิศทาง เดินจาก A → B 2 2 ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC b a b = a + c 2 ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC เปนปริมาณสเกลาร แทนดวยสัญลักษณ v 2 = = 4 เมตร + 3 เมตร = 4 เมตร + 3 เมตร4 เมตร + 3 เมตร สํารวจคนหา A c B = ระยะทาง ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 1.4 -1.6 = 7 เมตร7 เมตร = 7 เมตร การกระจัด เวลา การกระจัด = ระยะจาก A → C= ระยะจาก A = ระยะจาก A = ระยะจาก A อัตราเร็ว = เมื่อ v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) จากหนา 7-8 การกระจัด การกระจัด = = 2 2 2 2 2 2 2 2 หรือ v s s = ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m) ใหนักเรียนแบงกลุมปฏิบัติกิจกรรม = AB + BCAB + BC + BC + BC + BC + BC + BC + BCAB + BCABABABAB + BC + BC + BC + BC + BC + BC + BC + BC + BCABABABABAB 2 = = √(4 เมตร) + (3 เมตร)(4 เมตร)(4 เมตร)(4 เมตร) = √√√ เกร็ดแนะครู = 2 2 t พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.1 หนา 15 = = = 5 เมตร 5 เมตร 5 เมตร ครูอาจนําตัวอยางอื่นๆ อีก 2-3 เดินจาก A → B B t = เวลา หนวยเปน วินาที (s) เดินจาก A → B → C → D D เดินจาก A เดินจาก A B → C → → → เดินจาก A → ตัวอยาง มาใหนักเรียนฝกคํานวณ ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC + ระยะ CD ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC + ระยะ CD ถานักเรียนคนใดตอบถูกอาจมีการ = 4 เมตร + 3 เมตร + 4 เมตร ในกรณีการเคลื่อนที่ของวัตถุดวยอัตราเร็วที่ไมเปลี่ยนแปลง เกร็ดแนะครู ใหคะแนนเพิ่ม เพื่อเปนการชวยให = 11 เมตร 11 เมตร แสดงวา วัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวย ครูอาจนําแผนที่ประเทศไทย หรือ แสดงวา วัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวย = = 11 เมตร นักเรียนมีความเขาใจเนื้อหามากขึ้น การกระจัด อัตราเร็วคงที่เสมอไป ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ภาพอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวััน การกระจัด = ระยะจาก A → D = ระยะจาก A = ระยะจาก A = ระยะจาก A = ระยะจาก A = ระยะจาก A การกระจัด การกระจัด การกระจัด การกระจัด = 3 เมตร ซึ่งเคลื่อนที่ไปดวยอัตราเร็วไมเทากันตลอดระยะทาง บางชวงเวลาอาจมีการ มาแสดงประกอบการอธิบายเพิ่มเติม เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว เดินจาก A → B → C → D → A เคล เคล เพื่อใหไดขอสรุปเกี่ยวกับระยะทาง ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC + ระยะ CD + ระยะ DA ลดลง เพื่อจอดรับผูโดยสาร เมื่อคิดอัตราเร็วโดยรวมตลอดระยะทาง จะคิด และการกระจัด = 4 เมตร + 3 เมตร + 4 เมตร + 3 เมตร เปนอัตราเร็วเฉลี่ย = 7 เมตร ดังนั้น การคํานวณหาอัตราเร็วของการเคลื่อนที่ จาก การกระจัด = 0 เมตร อัตราสวนระหวางระยะทางทั้งหมดที่เคลื่อนที่ไดกับชวงเวลาที่ใชเคลื่อนที่ จึงเปนการบอกคา อัตราเร็วเฉลี่ย (average speed : v ) และคาอัตราเร็ว เกร็ดแนะครู av 4 5 ครูอาจแนะนําใหนักเรียน จําสูตรโดยใชกฎสามเหลี่ยม s นักเรียนควรรู นักเรียนควรรู v t อัตราเร็ว สัตวบกที่วิ่่งเร็วที่สุดในโลก คือ เสือชีตาร อัตราเร็วคงที่ วัตถุที่วางนิ่งนั้นมี ซึ่งสามารถวิ่งไดอัตราเร็วสูงสุดถึง 100 กิโลเมตรตอ อัตราเร็วเปนศูนย ก็ถือวามีอัตราเร็ว ชั่วโมง คงที่เชนกัน 4 คูมือครู คูมือครู 5

อธิบายความรู กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล ขยายความเขาใจ อธิบายความรู ขยายความเขาใจ อธิบายความรู Engage Explore Expand Evaluate Explain Elaborate Evaluatealuatealuate Ev Ev Elaborateate Elabor Explain Explain (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การหาระยะทาง ครูถามคําถามใหนักเรียนแสดง จากแตละจุด สามารถนําระยะหาง ความคิดเห็น ของแตละจุดมารวมกันไดเลยตามวิธี ตัวอยางที่ 1.3 1.2 อัตราเร็วและความเร็ว • ในการเคลื่อนที่นั้น การ มาชากับ การบวก ลบปริมาณสเกลาร แต D นายโจเดินไปตามขอบสนามรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ABCD ที่มีดาน AB = CD = 4 เมตร ดาน การเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งนั้น นอกจากจะคํานึง มาเร็ว มีปริมาณใดที่แตกตาง C การกระจัดตองใชวิธีการแบบเวกเตอร AD = BC = 3 เมตร และระยะ AC = 5 เมตร จงหาระยะทางและการกระจัดที่ ถึงระยะทางและการกระจัดแลว ตองคํานึงถึงเวลาที่ใชเคลื่อนที่ดวย กันบาง หรือลากลูกศรจากจุดเริ่มตนไปยัง นายโจเดินจาก A → B, จาก A → B → C, จาก A → B → C → D ถามีเสนทางใหเลือกหลายเสนทาง โดยทั่วไปจะเลือกเสนทางที่สั้นที่สุด (แนวตอบ หากระยะทางในการ จุดสุดทายเปนเสนตรงแลวจึงวัดขนาด และจาก A → B → C → D → A และใชเวลานอยที่สุด เพื่อใหถึงจุดหมายปลายทางเร็วที่สุด ในการ เคลื่อนที่เทากัน การมาถึงชาหรือ A B แขงขันกีฬาหลายประเภท เชน การวิ่งหรือวายน้ําจะใชนาิกาจับเวลา เร็วตางกันนั้น คือการใชเวลา ภาพที่ 1.4 (ที่มาของภาพ : photo ของนักกีฬาแตละคน ซึ่งผูชนะจะเปนผูที่ใชเวลานอยที่สุดในระยะทาง ในการเคลื่อนที่ตางกัน ซึ่งนั่น bank ACT.) ที่กําหนด หมายถึงการใชความเร็วตางกัน นักเรียนควรรู วิธีทํา เดินจาก A → B การบอกวาวัตถุใดเคลื่อนที่เร็วหรือชา จะพิจารณาถึงระยะทาง ภาพที่ 1.5 การหาอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ หากมาชา คือ ใชเวลามาก แสดง ของวัตถุจะคิดเปนอัตราเร็วเฉลี่ยเพราะ AB + BC หาขนาดของ ระยะทาง = การกระจัด ที่ไดหรือการกระจัดเทียบกับเวลาที่ใชในการเคลื่อนที่ ซึ่งเกี่ยวกับ วัตถุเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วไมคงที่ วาใชความเร็วตํ่า ในทางตรงขาม 2 2 ดาน AC ดวยทฤษฎีปทาโกรัส = ระยะ AB ปริมาณการเคลื่อนที่ของวัตถุ (ที่มาของภาพ : www.caradvice.com.au) หากมาเร็ว คือใชเวลานอย ของสามเหลี่ยมมุมฉาก = 4 เมตร 1) อัตราเร็ว (speed) คือ ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไดใน แสดงวาใชความเร็วสูง) C b = a + c 2 เดินจาก A → B → C 1 หนวยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลงระยะทางโดยไมกําหนดทิศทาง 2 2 b a b = a + c 2 ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC เปนปริมาณสเกลาร แทนดวยสัญลักษณ v 2 = 4 เมตร + 3 เมตร สํารวจคนหา A c B = 7 เมตร ระยะทาง ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 1.4 -1.6 เมื่อ v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = อัตราเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) เมื่อ เมื่อ เมื่อ เมื่อ การกระจัด = ระยะจาก A → C อัตราเร็ว = เมื่อ จากหนา 7-8 เวลา = AB + BCAB + BC + BC 2 หรือ v s s = ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m)= ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m)= ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m)= ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m)= ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m)= ระยะทาง หนวยเปน เมตร (m) ใหนักเรียนแบงกลุมปฏิบัติกิจกรรม 2 2 2 s s s s s = 2 เกร็ดแนะครู = √(4 เมตร) + (3 เมตร) 2 t พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.1 หนา 15 = 5 เมตร t = เวลา หนวยเปน วินาที (s) )t t t = เวลา หนวยเปน วินาที (= เวลา หนวยเปน วินาที (= เวลา หนวยเปน วินาที (= เวลา หนวยเปน วินาที (s)= เวลา หนวยเปน วินาที ( ครูอาจนําตัวอยางอื่นๆ อีก 2-3 เดินจาก A → B → C → D t t ตัวอยาง มาใหนักเรียนฝกคํานวณ ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC + ระยะ CD ถานักเรียนคนใดตอบถูกอาจมีการ = 4 เมตร + 3 เมตร + 4 เมตร ในกรณีการเคลื่อนที่ของวัตถุดวยอัตราเร็วที่ไมเปลี่ยนแปลง เกร็ดแนะครู ในกรณีการเคลื่อนที่ของวัตถุดวยอัตราเร็วที่ไมเปลี่ยนแปลง ใหคะแนนเพิ่ม เพื่อเปนการชวยให = 11 เมตร แสดงวา วัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวย ครูอาจนําแผนที่ประเทศไทย หรือ แสดงวา วัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวยวัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวยวัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวยวัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวยวัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวย แสดงวา วัตถุนั้นมีอัตราเร็วคงที่ แตในบางครั้งวัตถุอาจไมไดเคลื่อนที่ดวย แสดงวา แสดงวา แสดงวา แสดงวา นักเรียนมีความเขาใจเนื้อหามากขึ้น การกระจัด = ระยะจาก A → D อัตราเร็วคงที่เสมอไป ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ภาพอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวััน อัตราเร็วคงที่เสมอไป อัตราเร็วคงที่เสมอไป อัตราเร็วคงที่เสมอไป ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง ตัวอยางเชน การเคลื่อนที่ของรถโดยสารประจําทาง อัตราเร็วคงที่เสมอไป อัตราเร็วคงที่เสมอไป อัตราเร็วคงที่เสมอไป = 3 เมตร ซึ่งเคลื่อนที่ไปดวยอัตราเร็วไมเทากันตลอดระยะทาง บางชวงเวลาอาจมีการ มาแสดงประกอบการอธิบายเพิ่มเติม เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วื่อนที่ดวยอัตราเร็วมาก และบางชวงเวลาอาจมีการเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว เดินจาก A → B → C → D → A เคล เพื่อใหไดขอสรุปเกี่ยวกับระยะทาง ระยะทาง = ระยะ AB + ระยะ BC + ระยะ CD + ระยะ DA ลดลง เพื่อจอดรับผูโดยสาร เมื่อคิดอัตราเร็วโดยรวมตลอดระยะทาง จะคิด และการกระจัด = 4 เมตร + 3 เมตร + 4 เมตร + 3 เมตร เปนอัตราเร็วเฉลี่ย = 7 เมตร ดังนั้น การคํานวณหาอัตราเร็วของการเคลื่อนที่ จาก การกระจัด = 0 เมตร อัตราสวนระหวางระยะทางทั้งหมดที่เคลื่อนที่ไดกับชวงเวลาที่ใชเคลื่อนที่ จึงเปนการบอกคา อัตราเร็วเฉลี่ย (average speed : v ) และคาอัตราเร็ว เกร็ดแนะครู av 4 5 ครูอาจแนะนําใหนักเรียน จําสูตรโดยใชกฎสามเหลี่ยม s นักเรียนควรรู นักเรียนควรรู v t อัตราเร็ว สัตวบกที่วิ่่งเร็วที่สุดในโลก คือ เสือชีตาร อัตราเร็วคงที่ วัตถุที่วางนิ่งนั้นมี ซึ่งสามารถวิ่งไดอัตราเร็วสูงสุดถึง 100 กิโลเมตรตอ อัตราเร็วเปนศูนย ก็ถือวามีอัตราเร็ว ชั่วโมง คงที่เชนกัน 4 คูมือครู คูมือครู 5

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล ขยายความเขาใจ ขยายความเขาใจ อธิบายความรู Explain Explore Engage สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Evaluatealuatealuate Explore Elaborate Evaluate Explain Elaborate Ev Ev Explain Elaborateate Elabor (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ครูถามคําถามใหนักเรียนแสดง จากโจทยในตัวอยางที่ 1.4 ความคิดเห็น นักเรียนคิดวาอัตราเร็วและความเร็ว • นักเรียนคิดวา ความเร็วตางจาก ของการเคลื่อนที่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหรือจุดใดจุดหนึ่ง เรียกวา อัตราเร็ว การใชความเร็วบอกปริมาณการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทําใหเรา จะมีขนาดเทากันหรือไม เพราะเหตุใด อัตราเร็วหรือไม อยางไร ขณะหนึ่ง (instantaneous speed : v) เชน อัตราเร็วในชวงเวลาหนึ่ง ทราบวาการเคลื่อนที่นั้นมีขนาดความเร็วเทาใดและมีทิศทางใด เชน การ (แนวตอบ ไมเทากัน เพราะ t (แนวตอบ ตางกัน โดยอัตราเร็ว ของรถยนตที่กําลังเคลื่อนที่ จะอานคาไดจากมาตรวัดอัตราเร็วของรถยนต บอกความเร็วลม ทําใหทราบวาลมพัดมาทางทิศไหน มีขนาดความเร็ว การกระจัด และระยะทางมี เปนระยะทางที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอัตราเร็วขณะหนึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยสังเกตจากเข็ม มากนอยเพียงใด เพื่อประโยชนสําหรับการเตรียมตัวปองกัน ในกรณีลม ขนาดไมเทากัน) ใน 1 หนวยเวลา เปนปริมาณ ของมาตรวัดที่ไมไดชี้ที่คาเดิมตลอดการเคลื่อนที่ มีความเร็วสูงในลักษณะที่เปนพายุ ซึ่งนักเรียนสามารถศึกษาการคํานวณ สเกลาร สวนความเร็วเปนการ ภาพที่ 1.6 มาตรวัดความเร็วบนหนาปด ถาวัตถุเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงที่ อัตราเร็วเฉลี่ยและอัตราเร็ว ความเร็วของวัตถุไดจากตัวอยาง ตอไปนี้ กระจัดที่เปลี่ยนแปลงไปใน 1 รถยนตจะบอกอัตราเร็วเทียบกับเวลา ขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับอัตราเร็วคงที่นั้น สํารวจคนหา (ในที่นี้เปนกิโลเมตรตอชั่วโมง) 2) ความเร็ว (velocity) หนวยเวลา เปนปริมาณเวกเตอร) (ที่มาของภาพ : www.seriouswheels. 2) ความเร็ว (velocity) คือ การกระจัดที่เปลี่ยนแปลง ตัวอยางที่ 1.4 ใหนักเรียนลองหาคําตอบจาก com) ไปใน 1 หนวยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลงการกระจัด เนื่องจาก จากภาพ มนตรีออกเดินจากจุด A ไป B ไป C จนถึงจุด D ในเวลา 20 วินาที จงหาอัตราเร็วและ ตัวอยางดวยตนเอง การกระจัดเปนปริมาณเวกเตอร ความเร็วจึงเปนปริมาณเวกเตอร ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมนตรี สํารวจคนหา และมีทิศเดียวกันกับการกระจัด ความเร็วแทนดวยสัญลักษณ v B 50 เมตร C ใหนักเรียนพิจารณาสมการของ 40 เมตร 30 เมตร อธิบายความรู อัตราเร็วและความเร็ว และศึกษาวา การกระจัดการกระจัดการกระจัดการกระจัดการกระจัด ครูอธิบายตัวอยางที่ 1.4 โดยอาจ ความเร็ว ความเร็ว เมื่อ เมื่อ v = ความเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = ความเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)v = ความเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) จะสามารถหาปริมาณอื่น เชน การ ความเร็ว = = = เมื่อ A 90 เมตร D เปรียบเทียบการกระจัดเหมือน เวลา เวลา เวลา เวลา เวลา กระจัด ระยะทาง หรือเวลาไดหรือไม s s s s s s s s s s s s s s ภาพที่ 1.7 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ทางลัดที่ทําใหเดินทางไดเร็วกวา s s s s s s โดยการปรับรูปสมการ หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v หรือ v = = = = = = = = = = s = การกระจัด หนวยเปน เมตร (m)= การกระจัด หนวยเปน เมตร (m)= การกระจัด หนวยเปน เมตร (m)= การกระจัด หนวยเปน เมตร (m)= การกระจัด หนวยเปน เมตร (m)= การกระจัด หนวยเปน เมตร (m)= การกระจัด หนวยเปน เมตร (m) วิธีทํา ระยะทาง (s) = AB + BC + CD = 40 + 50 + 30 = 120 เมตร ดังนั้น ความเร็ t t หรือเทากับอัตราเร็วเสมอ t = เวลา หนวยเปน วินาที (s)= เวลา หนวยเปน วินาที (s)= เวลา หนวยเปน วินาที (s)= เวลา หนวยเปน วินาที (s)= เวลา หนวยเปน วินาที (s) t t t t t = เวลา หนวยเปน วินาที (s) ใชเวลา (t) = 20 วินาที อธิบายความรู จาก v s = t 120 เมตร ครูใหนักเรียนออกมาอธิบาย โดยปกต แทนคา v = NET ขอสอบ ป 50 โดยปกต โดยปกต โดยปกต โดยปกติแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการิแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการิแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการิแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการิแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการิแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการ โดยปกต ความแตกตางระหวางอัตราเร็วกับ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงนิยมบอกความเร็วของวัตถุเปน ความเร็ว 20 วินาที เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงนิยมบอกความเร็วของวัตถุเปน ี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงนิยมบอกความเร็วของวัตถุเปน ี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงนิยมบอกความเร็วของวัตถุเปน ี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงนิยมบอกความเร็วของวัตถุเปน เปล เปล เปล ความเร็ว จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติม เฉล v = 6 เมตร/ วินาที ชายคนหนึ่งเดินทางไปทางทิศเหนือ เฉลี่ยี่ย (average velocity : v เฉลี่ย (average velocity : v ) ถาความเร็วเกิดขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง av วาเหตุใด ความเร็วจึงเปนปริมาณ ของการเคลื่อนที่ ซึ่งเปนชวงเวลาที่มีคานอยมาก เรียกความเร็วขณะนั้นวา ดังนั้น มนตรีเดินดวยอัตราเร็ว = 6 เมตร/วินาที ตอบ 100 เมตร ใชเวลา 60 วินาที แลวเดิน เวกเตอร วาความเร็วที่เกิดจาก ความเร็วขณะหนึ่ง การกระจัด (s) = ระยะ AD = 90 เมตร ตอไปทางตะวันออกอีก 100 เมตร ความเร็วขณะหนึ่ง (instantaneous velocity : v) โดยขนาดของ ความเร็วขณะหนึ่ง ความเร็วขณะหนึ่ง ความเร็วขณะหนึ่ง (instantaneous velocity : v(instantaneous velocity : v การหารการกระจัดซึ่งเปนปริมาณ ความเร t ใชเวลา 40 วินาที เขาเดินทางดวย ความเร ความเร ความเร ความเร็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาด ความเร ความเร ความเร เวกเตอรดวยเวลา ทําใหความเร็ว จะไมเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ใชเวลา (t) = 20 วินาที อัตราเร็วเฉลี่ยเทาใด ตองเปนปริมาณเวกเตอรไปดวย ถาวัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงที่ ความเร็วเฉลี่ยและความเร็ว จาก v = s 1. 1.0 m/s 2. 1.4 m/s 3. 2.0 m/s 4. 2.8 m/s ขณะหนึ่งจะมีคาเทากับความเร็วคงที่นั้น และในกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปน t (วิเคราะหคําตอบ 90 เมตร เสนตรงในทิศทางเดียว ขนาดของการกระจัดจะมีคาเทากับระยะทาง ดังนั้น แทนคา v = 20 วินาที หาอัตราเร็ว v = s t ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย นักเรียนควรรู ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ใชแทนดวยสัญลักษณ v v ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย = 4.5 เมตร/ วินาที 200 = 100 เหมือนกัน ความเร็ว คําวา ความ สื่อถึงปริมาณ ดังนั้น มนตรีเดินดวยความเร็ว = 4.5 เมตร/วินาที ตอบ = 200 m/s ที่เปนเวกเตอร สวนคําวา อัตรา สื่อถึง 6 http://www.aksorn.com/LC/Force/M4-6/01 7 ตอบ ขอ 3.) ปริมาณที่เปนสเกลาร ตัวอยางเชน EB G UIDE ความเร็ว อัตราเร็ว ความเรง อัตราเรง เกร็ดแนะครู นักเรียนควรรู ครูอาจยกตัวอยางโจทยที่ไมมี รูปภาพแลวฝกใหนักเรียนวาดภาพ สัญลักษณ v แมความเร็วและอัตราเร็วจะแทนดวยสัญลักษณ v เหมือนกัน แสดงการเคลื่อนที่อยางคราวๆ เพื่อ แตวาความเร็วเปนปริมาณเวกเตอร ตองมีลูกศรกํากับเปน v ทุกครั้ง ใหเห็นภาพการเคลื่อนที่ดวยตนเอง 6 คูมือครู คูมือครู 7

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล ขยายความเขาใจ ขยายความเขาใจ อธิบายความรู Explain Explore Engage สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Ev Ev Explore Elaborate Evaluate Explain Elaborate Evaluatealuatealuate Elabor Elaborateate Explain (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ครูถามคําถามใหนักเรียนแสดง จากโจทยในตัวอยางที่ 1.4 ความคิดเห็น นักเรียนคิดวาอัตราเร็วและความเร็ว • นักเรียนคิดวา ความเร็วตางจาก ของการเคลื่อนที่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหรือจุดใดจุดหนึ่ง เรียกวา อัตราเร็ว การใชความเร็วบอกปริมาณการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทําใหเรา จะมีขนาดเทากันหรือไม เพราะเหตุใด อัตราเร็วหรือไม อยางไร ขณะหนึ่ง (instantaneous speed : v) เชน อัตราเร็วในชวงเวลาหนึ่ง ทราบวาการเคลื่อนที่นั้นมีขนาดความเร็วเทาใดและมีทิศทางใด เชน การ (แนวตอบ ไมเทากัน เพราะ t (แนวตอบ ตางกัน โดยอัตราเร็ว ของรถยนตที่กําลังเคลื่อนที่ จะอานคาไดจากมาตรวัดอัตราเร็วของรถยนต บอกความเร็วลม ทําใหทราบวาลมพัดมาทางทิศไหน มีขนาดความเร็ว การกระจัด และระยะทางมี เปนระยะทางที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอัตราเร็วขณะหนึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยสังเกตจากเข็ม มากนอยเพียงใด เพื่อประโยชนสําหรับการเตรียมตัวปองกัน ในกรณีลม ขนาดไมเทากัน) ใน 1 หนวยเวลา เปนปริมาณ ของมาตรวัดที่ไมไดชี้ที่คาเดิมตลอดการเคลื่อนที่ มีความเร็วสูงในลักษณะที่เปนพายุ ซึ่งนักเรียนสามารถศึกษาการคํานวณ สเกลาร สวนความเร็วเปนการ ภาพที่ 1.6 มาตรวัดความเร็วบนหนาปด ถาวัตถุเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงที่ อัตราเร็วเฉลี่ยและอัตราเร็ว ความเร็วของวัตถุไดจากตัวอยาง ตอไปนี้ กระจัดที่เปลี่ยนแปลงไปใน 1 รถยนตจะบอกอัตราเร็วเทียบกับเวลา ขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับอัตราเร็วคงที่นั้น สํารวจคนหา (ในที่นี้เปนกิโลเมตรตอชั่วโมง) 2) ความเร็ว (velocity) หนวยเวลา เปนปริมาณเวกเตอร) (ที่มาของภาพ : www.seriouswheels. 2) ความเร็ว (velocity) คือ การกระจัดที่เปลี่ยนแปลง ตัวอยางที่ 1.4 ใหนักเรียนลองหาคําตอบจาก com) ไปใน 1 หนวยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลงการกระจัด เนื่องจาก จากภาพ มนตรีออกเดินจากจุด A ไป B ไป C จนถึงจุด D ในเวลา 20 วินาที จงหาอัตราเร็วและ ตัวอยางดวยตนเอง การกระจัดเปนปริมาณเวกเตอร ความเร็วจึงเปนปริมาณเวกเตอร ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมนตรี สํารวจคนหา และมีทิศเดียวกันกับการกระจัด ความเร็วแทนดวยสัญลักษณ v B 50 เมตร C ใหนักเรียนพิจารณาสมการของ 40 เมตร 30 เมตร อธิบายความรู อัตราเร็วและความเร็ว และศึกษาวา การกระจัด ครูอธิบายตัวอยางที่ 1.4 โดยอาจ จะสามารถหาปริมาณอื่น เชน การ ความเร็ว = เมื่อ v = ความเร็ว หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) A 90 เมตร D DD เปรียบเทียบการกระจัดเหมือน เวลา กระจัด ระยะทาง หรือเวลาไดหรือไม s ภาพที่ 1.7 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ทางลัดที่ทําใหเดินทางไดเร็วกวา โดยการปรับรูปสมการ หรือ v = s = การกระจัด หนวยเปน เมตร (m) วิธีทํา ระยะทาง (s) = AB + BC + CD = 40 + 50 + 30 = 120 เมตร ระยะทาง (s) = AB + BC + CD = 40 + 50 + 30 = 120 เมตร ระยะทาง (s) = AB + BC + CD = 40 + 50 + 30 = 120 เมตร ดังนั้น ความเร็วจึงมีคามากกวา t หรือเทากับอัตราเร็วเสมอ = = = 20 วินาที ใชเวลา (t) ใชเวลา (t) ใชเวลา (t) t = เวลา หนวยเปน วินาที (s) ใชเวลา (t) = 20 วินาที20 วินาที20 วินาที อธิบายความรู จาก v s s s s s s s s จาก v = = = = = จาก v จาก v จาก v t t t t ครูใหนักเรียนออกมาอธิบาย โดยปกติแลวความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีการ แทนคา v = 120 เมตร NET ขอสอบ ป 50 120 เมตร 20 วินาที ความแตกตางระหวางอัตราเร็วกับ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงนิยมบอกความเร็วของวัตถุเปน ความเร็ว 20 วินาที = 6 เมตร/ วินาที ความเร็ว จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติม เฉลี่ย (average velocity : v ) ถาความเร็วเกิดขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง v v = 6 เมตร/ วินาที ชายคนหนึ่งเดินทางไปทางทิศเหนือ av วาเหตุใด ความเร็วจึงเปนปริมาณ ของการเคลื่อนที่ ซึ่งเปนชวงเวลาที่มีคานอยมาก เรียกความเร็วขณะนั้นวา ดังนั้น มนตรีเดินดวยอัตราเร็ว = 6 เมตร/วินาที ตอบ 100 เมตร ใชเวลา 60 วินาที แลวเดิน เวกเตอร วาความเร็วที่เกิดจาก ความเร็วขณะหนึ่ง (instantaneous velocity : v) โดยขนาดของ การกระจัด (s) = ระยะ AD ระยะ AD ระยะ AD ระยะ AD ระยะ AD = = = = ตอไปทางตะวันออกอีก 100 เมตร การกระจัด (s) = ระยะ AD = 90 เมตร90 เมตร90 เมตร90 เมตร90 เมตร = 90 เมตร t การหารการกระจัดซึ่งเปนปริมาณ ความเร็วขณะหนึ่งจะเทากับอัตราเร็วขณะหนึ่ง แตขนาดของความเร็วเฉลี่ย ใชเวลา 40 วินาที เขาเดินทางดวย เวกเตอรดวยเวลา ทําใหความเร็ว จะไมเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ใชเวลา (t) = 20 วินาที อัตราเร็วเฉลี่ยเทาใด ตองเปนปริมาณเวกเตอรไปดวย ถาวัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงที่ ความเร็วเฉลี่ยและความเร็ว จาก v = s 1. 1.0 m/s 2. 1.4 m/s 3. 2.0 m/s 4. 2.8 m/s ขณะหนึ่งจะมีคาเทากับความเร็วคงที่นั้น และในกรณีที่วัตถุเคลื่อนที่เปน t (วิเคราะหคําตอบ 90 เมตร s เสนตรงในทิศทางเดียว ขนาดของการกระจัดจะมีคาเทากับระยะทาง ดังนั้น แทนคา v = 20 วินาที หาอัตราเร็ว v = t ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ใชแทนดวยสัญลักษณ v ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย นักเรียนควรรู ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย ใชแทนดวยสัญลักษณ v v ขนาดของความเร็วเฉลี่ยจะเทากับอัตราเร็วเฉลี่ย = 4.5 เมตร/ วินาที 200 = 100 เหมือนกัน ความเร็ว คําวา ความ สื่อถึงปริมาณ ดังนั้น มนตรีเดินดวยความเร็ว = 4.5 เมตร/วินาที ตอบ = 200 m/s ที่เปนเวกเตอร สวนคําวา อัตรา สื่อถึง 6 http://www.aksorn.com/LC/Force/M4-6/01 7 ตอบ ขอ 3.) ปริมาณที่เปนสเกลาร ตัวอยางเชน EB G UIDE ความเร็ว อัตราเร็ว ความเรง อัตราเรง เกร็ดแนะครู นักเรียนควรรู ครูอาจยกตัวอยางโจทยที่ไมมี รูปภาพแลวฝกใหนักเรียนวาดภาพ สัญลักษณ v แมความเร็วและอัตราเร็วจะแทนดวยสัญลักษณ v เหมือนกัน แสดงการเคลื่อนที่อยางคราวๆ เพื่อ แตวาความเร็วเปนปริมาณเวกเตอร ตองมีลูกศรกํากับเปน v ทุกครั้ง ใหเห็นภาพการเคลื่อนที่ดวยตนเอง 6 คูมือครู คูมือครู 7

สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Expand Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) สํารวจคนหา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ใหนักเรียนลองหาคําตอบจาก ครูใหนักเรียนดูภาพนักวิ่งแลว ตัวอยางดวยตนเอง ถามคําถามใหนักเรียนชวยกัน ตัวอยางที่ 1.5 1.3 ความเรง ยกตัวอยางสถานการณที่คลายกัน สุนทรซอมวิ่งรอบสนามรูปวงกลมที่มีความยาวเสนรอบวง 400 เมตร ครบ 3 รอบ ใชเวลา 3 นาที บางครั้งการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีความเร็วเพ่ิมขึ้นหรือลดลง กับสถานการณนี้ อธิบายความรู จงหาอัตราเร็วเฉลี่ยและความเร็วเฉลี่ยในการเคลื่อนที่ของสุนทร และมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของการเคลื่อนที่ได การเคลื่อนที่ที่มีการ ครูถามคําถามใหนักเรียนรวมกัน ครูอธิบายตัวอยางเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เปลี่ยนแปลงขนาดหรือทิศทางของความเร็ว จะเรียกวา การเคลื่อนที่ แสดงความคิดเห็น วิธีการหาอัตราเร็วและความเร็ว แลว วิธีทํา ระยะทางที่ว่ิงได (s) = 400 x 3 = 1,200 เมตร แบบมีความเรง • นักเรียนเคยไดยินคําวา ความเรง ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหและสรุป ความเรง (acceleration) หมายถึง ความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปใน หรือไม แลวคิดวามันคืออะไร ใชเวลา (t) 3 นาที = ความแตกตางระหวางอัตราเร็วและ ใชเวลา (t) 3 นาที = 3 x 60 = 180 วินาที3 x 60 = 180 วินาที 1 หนวยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เปนปริมาณเวกเตอร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น = ความเร็ว จาก v s ซึ่งทิศทางของความเรงจะเปนทิศเดียวกันกับความเร็วที่เปลี่ยนไปเสมอ ภาพที่ 1.8 นักวิ่งเพ่ิมความเร็วในการวิ่ง ของนักเรียน) t = ดังนั้น สุนทรวิ่งดวยอัตราเร็วเฉลี่ย 1,200 เมตร = 6.68 เมตร/วินาที ตอบ ถาพิจารณาอัตราความเร็วที่ปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด เรียกวา ความเรง เพื่อแซงคูแขงขัน ซึ่งทําใหเกิดความเรง • การเรงฝเทาหมายถึงอะไร เกี่ยวกับความเรงหรือไม (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ขยายความเขาใจ การกระจัด (s) = 0 180 วินาที เนื่องจากวิ่งครบรอบ เฉลี่ย (average acceleration : a ) และถาชวงเวลาที่พิจารณามี (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น av คานอยมากหรือการเปลี่ยนแปลงความเร็วเกิดขึ้นในชวงเวลาสั้นหรือ ครูใหนักเรียนยกตัวอยางโจทย ใชเวลา (t) 3 นาที = 3 นาที x 60 = 180 วินาที ชวงเวลาที่มีคานอยมาก เรียกวา ความเรงขณะหนึ่ง (instantaneous ของนักเรียน) คํานวณหาปริมาณอื่นๆ เมื่อกําหนด acceleration : a) t จาก v จาก v จาก v จาก v = = = = = จาก v จาก v อัตราเร็วหรือความเร็วมาให โดยอาจ จาก v = = s เมื่อการเคลื่อนที่ของวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วอยาง t ปรับจากตัวอยางในหนังสือเรียน สม่ําเสมอ ไมวาจะเปนชวงเวลาใด แสดงวา วัตถุนั้นมีความเรงคงที่ ซึ่งคา สํารวจคนหา 0 0 0 ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย = = สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย ดังนั้น สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย = = = = = = = = = = ครูเพิ่มเติมวิธีการปรับคาจาก ดังนั้น 180 วินาที = 0 ตอบ ของความเรงเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่ ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 1.7 - 1.9 180 วินาที 180 วินาที 180 วินาที 180 วินาที เมตร/วินาที เปนหนวยอื่น เชน ของวัตถุนั้น กรณีที่วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วลดลง (v < u ) ความเรง จากหนา 10-11 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวอยางที่ 1.61.61.61.61.61.6 ( a ) จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก ) จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก ตัวอยางที่ ตัวอยางที่ ตัวอยางที่ ตัวอยางที่ ตัวอยางที่ ตัวอยางที่ 1.6 นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ 6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ ความเรง ( a ) ที่เปนลบวา ความหนวง (decelerate) อธิบายความรู นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ เหนื่อย จึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ย ครูใหนักเรียนแบงกลุมกัน แตละ เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย จึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ย เหนื่อย จึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ยจึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ยจึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ยจึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ยจึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ยจึงเดินดวยอัตราเร นักเรียนควรรู ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ความเรง (a) = = = v - u กลุมยกตัวอยางการเคลื่อนที่ที่มี ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไป Δv s sssssss จะได v v = = v = v = v = จะได จาก จาก จาก จาก ใชเวลา (t) 3 นาที ในการคํานวณ วิธีทํา จาก t = t = เวลา Δt t ความเรงแลวอธิบายใหเพื่อนๆ ฟง s t t 2 2 ตองปรับคาปริมาณตางๆ ใหอยูใน 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร 180 เมตร เมื่อ a = = = = = = = = = = = = = = = = = เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก 180 เมตร หนวยมูลฐาน เชน กิโลเมตรเปน เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก 6 เมตร/วินาที = 30 วินาที Δv = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) การเคลื่อนที่นั้นๆ มีความเรง 6 เมตร/วินาที 6 เมตร/วินาที เมตร กรัมเปนกิโลกรัม นาทีเปน เวลาที่ใชในการเดิน 220 เมตร ตอมา = = 110 วินาที u = ความเร็วตน หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) 220 เมตร วินาที เปนตน 2 เมตร/วินาที ดังนั้น เวลารวมที่ใชทั้งหมด = 30 วินาที + 110 วินาที = 140 วินาที v = ความเร็วปลาย หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) นักเรียนควรรู ไดระยะทาง = 180 เมตร + 220 เมตร = 400 เมตร Δt = เวลาที่เปลี่ยนไป หนวยเปน วินาที (s) นักเรียนควรรู t = เวลา หนวยเปน วินาที (s) มีคาเปนลบ หากความเรงมีคาเปน ลบ ไมไดแสดงวาความเรงมีคานอย 400 เมตร อัตราเร็วเฉลี่ย การหาอัตราเร็ว ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยการเคลื่อนที่นี้ = = 2.86 เมตร/ วินาที ตอบ แตแสดงถึงทิศทางการเคลื่อนที่ของ 140 วินาที เฉลี่ย หามนําอัตราเร็วแตละชวง วัตถุ เนื่องจากความเรงเปนปริมาณ มารวมกันแลวหารดวยจํานวนชวง 8 9 เวกเตอร จึงตองบอกทิศทางดวย เหมือนอยางการหาความสูงเฉลี่ย ของเด็กในหองหรือนํ้าหนักตัวเฉลี่ย แตตองคํานวณตามนิยาม คือ ตองหา @ อัตราสวนของระยะทางทั้งหมดตอ NET ขอสอบ ป 52 (วิเคราะหคําตอบ (วิเคราะหคําตอบ มุม IT เวลาที่ใชในการเคลื่อนที่ทั้งหมด เด็กคนหนึ่งวิ่งเปนเสนตรงไปทางขวา 20 เมตร ในเวลา 4 วินาที การกระจัดทั้งหมด s = 20 - 2 m การกระจัดทั้งหมด s = 20 - 2 m ศึกษาการทดลองเสมือนจริงเกี่ยว จากนั้นก็หันกลับแลววิ่งเปนเสนตรงไปทางซายอีก 2 เมตร เวลาที่ใชทั้งหมด t = 5 sเวลาที่ใชทั้งหมด t = 5 s กับความเรง ไดจาก www.atom. ในเวลา 1 วินาที ขนาดความเร็วเฉลี่ยของเด็กคนนี้เปนตามขอใด ∴ ∴ ความเร็วเฉลี่ย v = s = 18 ความเร็วเฉลี่ย v = s = 18 rmutphystes.com t 5 8 คูมือครู 1. 3.5 เมตรตอนาที 2. 3.6 เมตรตอวินาที = 3.6 m/s = 3.6 m/s คูมือครู 9 3. 6.0 เมตรตอวินาที 4. 7.0 เมตรตอวินาที ตอบ ขอ 2.) ตอบ ขอ 2.)

สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Expand Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) สํารวจคนหา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ใหนักเรียนลองหาคําตอบจาก ครูใหนักเรียนดูภาพนักวิ่งแลว ตัวอยางดวยตนเอง ถามคําถามใหนักเรียนชวยกัน ตัวอยางที่ 1.5 1.3 ความเรง ยกตัวอยางสถานการณที่คลายกัน สุนทรซอมวิ่งรอบสนามรูปวงกลมที่มีความยาวเสนรอบวง 400 เมตร ครบ 3 รอบ ใชเวลา 3 นาที บางครั้งการเคลื่อนที่ของวัตถุอาจมีความเร็วเพ่ิมขึ้นหรือลดลง กับสถานการณนี้ อธิบายความรู จงหาอัตราเร็วเฉลี่ยและความเร็วเฉลี่ยในการเคลื่อนที่ของสุนทร และมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของการเคลื่อนที่ได การเคลื่อนที่ที่มีการ ครูถามคําถามใหนักเรียนรวมกัน ครูอธิบายตัวอยางเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เปลี่ยนแปลงขนาดหรือทิศทางของความเร็ว จะเรียกวา การเคลื่อนที่ แสดงความคิดเห็น วิธีการหาอัตราเร็วและความเร็ว แลว วิธีทํา ระยะทางที่ว่ิงได (s) = 400 x 3 = 1,200 เมตร แบบมีความเรง • นักเรียนเคยไดยินคําวา ความเรง ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหและสรุป ความเรง (acceleration) หมายถึง ความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปใน หรือไม แลวคิดวามันคืออะไร ใชเวลา (t) 3 นาที = ความแตกตางระหวางอัตราเร็วและ ใชเวลา (t) 3 นาที = 3 x 60 = 180 วินาที3 x 60 = 180 วินาที 1 หนวยเวลา หรืออัตราการเปลี่ยนแปลงความเร็ว เปนปริมาณเวกเตอร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น ความเร็ว จาก v s ซึ่งทิศทางของความเรงจะเปนทิศเดียวกันกับความเร็วที่เปลี่ยนไปเสมอ ภาพที่ 1.8 นักวิ่งเพ่ิมความเร็วในการวิ่ง ของนักเรียน) = t = ดังนั้น สุนทรวิ่งดวยอัตราเร็วเฉลี่ย 1,200 เมตร = 6.68 เมตร/วินาที ตอบ ถาพิจารณาอัตราความเร็วที่ปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด เรียกวา ความเรง เพื่อแซงคูแขงขัน ซึ่งทําใหเกิดความเรง • การเรงฝเทาหมายถึงอะไร เกี่ยวกับความเรงหรือไม (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ขยายความเขาใจ การกระจัด (s) = 0 180 วินาที เนื่องจากวิ่งครบรอบ เฉลี่ย (average acceleration : a ) และถาชวงเวลาที่พิจารณามี (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น av คานอยมากหรือการเปลี่ยนแปลงความเร็วเกิดขึ้นในชวงเวลาสั้นหรือ ครูใหนักเรียนยกตัวอยางโจทย ใชเวลา (t) 3 นาที = 3 นาที x 60 = 180 วินาที ชวงเวลาที่มีคานอยมาก เรียกวา ความเรงขณะหนึ่ง (instantaneous ของนักเรียน) คํานวณหาปริมาณอื่นๆ เมื่อกําหนด acceleration : a) t อัตราเร็วหรือความเร็วมาให โดยอาจ จาก v = s เมื่อการเคลื่อนที่ของวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วอยาง เมื่อการเคลื่อนที่ของวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วอยาง เมื่อการเคลื่อนที่ของวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วอยาง เมื่อการเคลื่อนที่ของวัตถุมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วอยาง t ปรับจากตัวอยางในหนังสือเรียน สม่ําเสมอ ไมวาจะเปนชวงเวลาใด แสดงวา วัตถุนั้นมีความเรงคงที่ ซึ่งคา สํารวจคนหา ส ส ส สม่ําเสมอ ไมวาจะเปนชวงเวลาใด แสดงวา วัตถุนั้นมีความเรงคงที่ ซึ่งคาม่ําเสมอ ไมวาจะเปนชวงเวลาใด แสดงวา วัตถุนั้นมีความเรงคงที่ ซึ่งคาม่ําเสมอ ไมวาจะเปนชวงเวลาใด แสดงวา วัตถุนั้นมีความเรงคงที่ ซึ่งคาม่ําเสมอ ไมวาจะเปนชวงเวลาใด แสดงวา วัตถุนั้นมีความเรงคงที่ ซึ่งคา 0 ครูเพิ่มเติมวิธีการปรับคาจาก ดังนั้น สุนทรวิ่งดวยความเร็วเฉลี่ย = 180 วินาที = 0 ตอบ ของความเร ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 1.7 - 1.9 ของความเรงเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่ี่งเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่งเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่งเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่งเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่งเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงที่ ของความเร ของความเรงเฉลี่ยและคาความเรงขณะหนึ่ง จะมีคาเทากับความเรงคงท ของความเร ของความเร ของความเร เมตร/วินาที เปนหนวยอื่น เชน ของวัตถุนั้น จากหนา 10-11 ของวัตถุนั้น ของวัตถุนั้น ของวัตถุนั้น กรณีที่วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วลดลง (v กรณีที่วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วลดลง (v < u) ความเรง ) ความเรง กรณีที่วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วลดลง (v < u) ความเรง กรณีที่วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วลดลง (v ของวัตถุนั้น กรณีที่วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็วลดลง (v < u ) ความเรง กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวอยางที่ 1.6 ( a ) จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก ) จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก ) จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก จะมีคาเปนลบและมีทิศตรงขามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียก ) ) ) ความหนวง (decelerate) ความหนวง (decelerate) ความหนวง (decelerate) นพพรวิ่งออกกําลังกายดวยอัตราเร็วคงที่ 6 เมตร/ วินาที เมื่อวิ่งไดระยะทาง 180 เมตร เขารูสึก ความเรง ( a ) ที่เปนลบวา ความหนวง (decelerate) อธิบายความรู เหนื่อย จึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ย ครูใหนักเรียนแบงกลุมกัน แตละ เหนื่อย จึงเดินดวยอัตราเร็วคงที่ 2 เมตร/ วินาที ในระยะทาง 220 เมตรตอมา อัตราเร็วเฉลี่ย นักเรียนควรรู ในการวิ่งออกกําลังกายของนพพรมีคาเทาใด ความเรง (a) = = Δvv = = = = v v v - u กลุมยกตัวอยางการเคลื่อนที่ที่มี Δ ความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไป Δv v - u t t t Δ s จะได v = ใชเวลา (t) 3 นาที ในการคํานวณ วิธีทํา จาก s t = เวลา Δt t t t t ความเรงแลวอธิบายใหเพื่อนๆ ฟง t t หนวยเปน เมตร/วินาที 2 เมื่อ a = ความเรง 2 ตองปรับคาปริมาณตางๆ ใหอยูใน 180 เมตร เมื่อ a = ความเรง หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s ) วาเปนอยางไร หรืออะไรบงบอกวา = หนวยมูลฐาน เชน กิโลเมตรเปน เวลาที่ใชในการวิ่ง 180 เมตร แรก 6 เมตร/วินาที = 30 วินาที Δv = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) การเคลื่อนที่นั้นๆ มีความเรง v v v v v v v = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที = ความเร็วที่เปลี่ยนไป หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s)(m/s) เมตร กรัมเปนกิโลกรัม นาทีเปน เวลาที่ใชในการเดิน 220 เมตร ตอมา = = 110 วินาที u = ความเร็วตน หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) 220 เมตร วินาที เปนตน 2 เมตร/วินาที ดังนั้น เวลารวมที่ใชทั้งหมด = 30 วินาที + 110 วินาที = 140 วินาที v = ความเร็วปลาย หนวยเปน เมตร/วินาที (m/s) นักเรียนควรรู ไดระยะทาง = 180 เมตร + 220 เมตร = 400 เมตร Δt = เวลาที่เปลี่ยนไป หนวยเปน วินาที (s) นักเรียนควรรู t = เวลา หนวยเปน วินาที (s) มีคาเปนลบ หากความเรงมีคาเปน ลบ ไมไดแสดงวาความเรงมีคานอย 400 เมตร อัตราเร็วเฉลี่ย การหาอัตราเร็ว ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ยการเคลื่อนที่นี้ = = 2.86 เมตร/ วินาที ตอบ แตแสดงถึงทิศทางการเคลื่อนที่ของ 140 วินาที เฉลี่ย หามนําอัตราเร็วแตละชวง วัตถุ เนื่องจากความเรงเปนปริมาณ มารวมกันแลวหารดวยจํานวนชวง 8 9 เวกเตอร จึงตองบอกทิศทางดวย เหมือนอยางการหาความสูงเฉลี่ย ของเด็กในหองหรือนํ้าหนักตัวเฉลี่ย แตตองคํานวณตามนิยาม คือ ตองหา @ อัตราสวนของระยะทางทั้งหมดตอ NET ขอสอบ ป 52 (วิเคราะหคําตอบ (วิเคราะหคําตอบ มุม IT เวลาที่ใชในการเคลื่อนที่ทั้งหมด เด็กคนหนึ่งวิ่งเปนเสนตรงไปทางขวา 20 เมตร ในเวลา 4 วินาที การกระจัดทั้งหมด s = 20 - 2 m การกระจัดทั้งหมด s = 20 - 2 m ศึกษาการทดลองเสมือนจริงเกี่ยว จากนั้นก็หันกลับแลววิ่งเปนเสนตรงไปทางซายอีก 2 เมตร เวลาที่ใชทั้งหมด t = 5 sเวลาที่ใชทั้งหมด t = 5 s กับความเรง ไดจาก www.atom. ในเวลา 1 วินาที ขนาดความเร็วเฉลี่ยของเด็กคนนี้เปนตามขอใด ∴ ∴ ความเร็วเฉลี่ย v = s = 18 ความเร็วเฉลี่ย v = s = 18 rmutphystes.com t 5 8 คูมือครู 1. 3.5 เมตรตอนาที 2. 3.6 เมตรตอวินาที = 3.6 m/s = 3.6 m/s คูมือครู 9 4. 7.0 เมตรตอวินาที 3. 6.0 เมตรตอวินาที ตอบ ขอ 2.) ตอบ ขอ 2.)

สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล Engage Evaluate Engage Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) สํารวจคนหา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) สํารวจคนหา ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ ใหนักเรียนศึกษาตัวอยาง 1.9 เครื่องเคาะสัญญาณเวลาจากแหลง จากหนา 11 เรียนรู และจากเสริมประสบการณ ตัวอยางที่ 1.7 ทําใหเกิดรอยจุดบนแถบกระดาษจํานวน 50 ชวงจุด ใน 1 วินาที ดังนั้น วิทยาศาสตร หนา 11 รวมทั้งศึกษา รถยนตคันหนึ่งกําลังแลนบนเสนทางตรงดวยความเร็ว 5 เมตร/วินาที เมื่อเวลาผานไป 4 วินาที ระยะ 1 ชวงจุด ใชเวลา 1/50 วินาที ซึ่งสามารถนําจุดบนแถบกระดาษ วิธีการใชจากกิจกรรมพัฒนาทักษะ ความเร็วเปลี่ยนเปน 17 เมตร/วินาที รถยนตคันนี้มีความเรงเทาใด ไปหาอัตราเร็วของวัตถุได โดยชวงเวลาการเคลื่อนที่ของวัตถุ คํานวณ อธิบายความรู วิทยาศาสตร 1.1 หนา 15 ไดจากจํานวนชวงจุดคูณดวย 1/50 สวนระยะทางที่เคลื่อนที่จะ ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย วิธีทํา จาก v - u วัดจากระยะหางระหวางชวงจุดนั้น และสรุปขอมูลเกี่ยวกับเครื่องเคาะ a = t สัญญาณเวลา 17 เมตร/วินาที - 5 เมตร/วินาที อธิบายความรู ดังนั้น รถยนตมีความเรง = ตัวอยาง 1.9 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีหา 4 วินาที การเคลื่อนที่ของวัตถุจาก A ไป B ตามแนวเสนทาง ดังภาพ ครูอธิบายตัวอยางเพิ่มเติมเกี่ยวกับ = 3 เมตร/วินาที 2 ตอบ เวลา 0 3 อัตราเร็วเฉลี่ยจากแถบกระดาษ 1 2 วิธีการหาความเรง แลวใหนักเรียน (วินาที) 50 50 50 เครื่องเคาะสัญญาณเวลา รวมทั้ง รวมกันสรุปโดยใชคําถามนําสรุป ตัวอยางที่ 1.8 ภาพที่ 1.1 การแปลความหมายจุดบนกระดาษ • นักเรียนทราบไดอยางไรวาวัตถุ A 12 เซนติเมตร B โดยการนําแถบกระดาษที่ปรากฏจุด (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) มีความเรง ขณะที่นพพรขับรถดวยความเร็ว 30 เมตร/ วินาที มีเด็กวิ่งตัดหนารถจึงเหยียบเบรกทําใหรถลด ภาพที่ 1.10 แถบกระดาษจากเครื่องเคาะสัญญาณเวลา แตกตางกัน มาใหนักเรียนสังเกต (แนวตอบ ความเร็วของวัตถุ ความเร็วลงเหลือ 5 เมตร/ วินาที ในเวลา 5 วินาที จงหาความเรงของรถในชวงที่รถเบรก (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) และรวมกันสรุปผล เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหนวย วิธีทํา จาก จาก จาก จาก จาก จาก จาก จาก จาก จาก จาก จาก v - u วิธีทํา จากภาพ จุด A ถึง B หางกัน 6 ชวงจุด a = = a = a = a = a = a = a = a = a = a = a = a = วิธีทํา จาก a 1 เวลา) t t t t t t t ดังนั้น ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = x 6 = 0.12 วินาที 50 5 เมตร/วินาที - 30 เมตร/วินาที ดังนั้น รถยนตมีความเรง 5 เมตร/วินาที - 30 เมตร/วินาที วัดระยะทางจากจุด A ถึง B ได = 12 เซนติเมตร ขยายความเขาใจ ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง = = = = = = = = = = ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง ดังนั้น รถยนตมีความเรง 5 วินาที 5 วินาที 5 วินาที 5 วินาที 5 วินาที ขยายความเขาใจ 5 วินาที ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ย ในชวง AB 12 เซนติเมตร ครูใหนักเรียนศึกษาการเคลื่อนที่ = - 5 เมตร/วินาที = - 5 เมตร/วินาที = - 5 เมตร/วินาที = - 5 เมตร/วินาที = - 5 เมตร/วินาที 2 = - 5 เมตร/วินาที = รูปแบบตางๆ ดวยเครื่องเคาะสัญญาณ 2 2 หรือ ความหนวงของรถ = 5 เมตร/วินาทีเมตร/วินาที = 5 เมตร/วินาที = 5 = 5 เมตร/วินาที หรือ ความหนวงของรถ หรือ ความหนวงของรถ ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น หรือ ความหนวงของรถ ตอบ 0.12 วินาที เวลา ทั้งการเคลื่อนที่แนวราบ และ = 100 เซนติเมตร/วินาที ตอคําถามวา = 1 เมตร/วินาที ตอบ แนวดิ่ง โดยใหนักเรียนชวยกัน • ถาเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงที่ 1.4 ยกตัวอยางการเคลื่อนที่ในชีวิต 1.4 อุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุอุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุอุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุอุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุอุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุอุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุ 1.4 1.4 1.4 1.4 แตมีการเปลี่ยนทิศทางการ ประจําวันขึ้นมาแลววิเคราะหวา เราจะทราบการเคล เราจะทราบการเคล เคลื่อนที่จะเกิดความเรงหรือไม เราจะทราบการเคลื่อนที่ของยานพาหนะตางๆ วามีอัตราเร็วื่อนที่ของยานพาหนะตางๆ วามีอัตราเร็วื่อนที่ของยานพาหนะตางๆ วามีอัตราเร็ว เสริมประสบการณ จุดบนแถบกระดาษจะมีรูปแบบใด เคลื่อนที่จะเกิดความเรงหรือไม เพราะเหตุใด มากหรือนอยไดจากเครื่องมือวัดที่ติดมากับยานพาหนะนั้น แตถา วิทยาศาสตร เปนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่ง เปนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่งนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่งนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่งนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่งนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่งนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักก (แนวตอบ เกิดความเรง เพราะ เป เป เป เป เป แถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลา จุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบ ผลไมหลนจากตน ผลไมหลนจากตน ผลไมหลนจากตน ผลไมหลนจากตน ผลไมหลนจากตน ผลไมหลนจากตน ผลไมหลนจากตน ลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกา แมวาจะมีความเร็วขนาดเทาเดิม แมวาจะมีความเร็วขนาดเทาเดิม ผลไมหลนจากตน ลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกาลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกาลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกาลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกาลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกาลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกาลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกา กระดาษ ซึ่งจุดบนแถบกระดาษที่สามารถสังเกตเห็น มีลักษณะ ดังนี้ แตมีการเปลี่ยนทิศทางการ จับเวลาในชวงระยะทางที่กําหนด แตถาเปนการวัดอัตราเร็วของวัตถุซึ่ง ■ ระยะหางระหวางจุดไมเทากัน แสดงวา แถบกระดาษแตละชวงจุดมีการเคลื่อนที่ดวยความเร็วไมสมํ่าเสมอ เกร็ดแนะครู เคลื่อนที่ ความเรงก็จะเปลี่ยนไป เคลื่อนที่ในชวงเวลาสั้นๆ จะใชอุปกรณที่เรียกวา เครื่องเคาะสัญญาณ หรือไมคงที่ ถาชวงใดดึงแถบกระดาษดวยความเร็วตํ่า ระยะหางระหวางจุดจะนอย แตถาชวงใดที่ดึงแถบกระดาษ ครูอาจนําตัวอยางอื่นมาใหนักเรียน เคลื่อนที่ ความเรงก็จะเปลี่ยนไป เนื่องจากความเรงเปนปริมาณ ภาพที่ 1.9 เครื่องเคาะสัญญาณเวลา เวลา (ticker timer) ที่มีหลักการทํางานดวยไฟฟากระแสสลับความถี่ ดวยความเร็วสูงระยะหางระหวางจุดจะมาก ฝกทําเพื่อใหเกิดความเขาใจมากขึ้น เวกเตอร หากจะเทากันตอง (ที่มาของภาพ : Physics Insights.) 50 รอบ/วินาที โดยสอดแถบกระดาษที่ผูกไวกับวัตถุซึ่งจะเคลื่อนที่ ■ ระยะหางระหวางจุดเทากัน แสดงวา แถบกระดาษแตละชวงจุดมีการเคลื่อนที่ดวยความเร็วสมํ่าเสมอ เทากันทั้งขนาดและทิศทาง) ผานเครื่องเคาะสัญญาณเวลาที่มีเข็มตอกลงไปบนแถบกระดาษ หรือคงที่ NET ขอสอบ ป 50 10 11 เกร็ดแนะครู จากรูปแสดงจุดหางสมํ่าเสมอ กันบนแถบกระดาษที่ผานเครื่อง ครูฝกใหนักเรียนอานโจทยแลว เคาะสัญญาณเวลา 50 ครั้ง/วินาที เขียนตัวแปรที่ทราบลงในโจทย เชน 1. ความเร็วเพิ่มขึ้นสมํ่าเสมอ 2. ความเรงเพิ่มขึ้นสมํ่าเสมอ ขอความใดถูกตองสําหรับการ กํากับตัวแปร u ไวเหนือขอความที่วา NET ขอสอบ ป 52 3. ความเรงคงตัวและไมเปนศูนย 4. ระยะทางเพิ่มขึ้นสมํ่าเสมอ เคลื่อนที่นี้ ความเร็ว 5 เมตร/วินาที เปนตน รถยนต A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่ง โดยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น (วิเคราะหคําตอบ จาก a = v - u (วิเคราะหคําตอบ จุดที่มีระยะหางสมํ่าเสมอแสดงวามีความเร็วคงตัว นั่นคือมีระยะทางเพิ่มขึ้น ครูอาจหาตัวอยางอื่นมาใหนักเรียน 2 เมตร/วินาที ทุก 1 วินาที เมื่อสิ้นวินาทีที่ 5 รถจะมี t สมํ่าเสมอ และความเรงเปนศูนย ตอบ ขอ 4.) ฝกทําเพื่อใหเกิดความเขาใจมากขึ้น อัตราเร็วเทาใด v = at + u 2 = (2 m/s ) (5 s) + 0 10 คูมือครู 1. 5 m/s 2. 10 m/s = 10 m/s คูมือครู 11 4. 20 m/s 3. 15 m/s ตอบ ขอ 2.)

สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ Explore Explain Expand ตรวจสอบผล Engage Evaluate Engage Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) สํารวจคนหา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) สํารวจคนหา ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ ใหนักเรียนศึกษาตัวอยาง 1.9 เครื่องเคาะสัญญาณเวลาจากแหลง จากหนา 11 เรียนรู และจากเสริมประสบการณ ตัวอยางที่ 1.7 ทําใหเกิดรอยจุดบนแถบกระดาษจํานวน 50 ชวงจุด ใน 1 วินาที ดังนั้น วิทยาศาสตร หนา 11 รวมทั้งศึกษา รถยนตคันหนึ่งกําลังแลนบนเสนทางตรงดวยความเร็ว 5 เมตร/วินาที เมื่อเวลาผานไป 4 วินาที ระยะ 1 ชวงจุด ใชเวลา 1/50 วินาที ซึ่งสามารถนําจุดบนแถบกระดาษ วิธีการใชจากกิจกรรมพัฒนาทักษะ ความเร็วเปลี่ยนเปน 17 เมตร/วินาที รถยนตคันนี้มีความเรงเทาใด ไปหาอัตราเร็วของวัตถุได โดยชวงเวลาการเคลื่อนที่ของวัตถุ คํานวณ อธิบายความรู วิทยาศาสตร 1.1 หนา 15 ไดจากจํานวนชวงจุดคูณดวย 1/50 สวนระยะทางที่เคลื่อนที่จะ ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย วิธีทํา จาก v - u วัดจากระยะหางระหวางชวงจุดนั้น และสรุปขอมูลเกี่ยวกับเครื่องเคาะ a = t สัญญาณเวลา 17 เมตร/วินาที - 5 เมตร/วินาที อธิบายความรู ดังนั้น รถยนตมีความเรง = ตัวอยาง 1.9 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีหา 4 วินาที การเคลื่อนที่ของวัตถุจาก A ไป B ตามแนวเสนทาง ดังภาพ ครูอธิบายตัวอยางเพิ่มเติมเกี่ยวกับ = 3 เมตร/วินาที 2 ตอบ เวลา 0 3 อัตราเร็วเฉลี่ยจากแถบกระดาษ 1 2 วิธีการหาความเรง แลวใหนักเรียน (วินาที) 50 50 50 เครื่องเคาะสัญญาณเวลา รวมทั้ง รวมกันสรุปโดยใชคําถามนําสรุป ตัวอยางที่ 1.8 ภาพที่ 1.1 การแปลความหมายจุดบนกระดาษ • นักเรียนทราบไดอยางไรวาวัตถุ A 12 เซนติเมตร B โดยการนําแถบกระดาษที่ปรากฏจุด (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) มีความเรง ขณะที่นพพรขับรถดวยความเร็ว 30 เมตร/ วินาที มีเด็กวิ่งตัดหนารถจึงเหยียบเบรกทําใหรถลด ภาพที่ 1.10 แถบกระดาษจากเครื่องเคาะสัญญาณเวลา แตกตางกัน มาใหนักเรียนสังเกต (แนวตอบ ความเร็วของวัตถุ ความเร็วลงเหลือ 5 เมตร/ วินาที ในเวลา 5 วินาที จงหาความเรงของรถในชวงที่รถเบรก (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) และรวมกันสรุปผล เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหนวย วิธีทํา จาก v - u วิธีทํา จากภาพ จุด A ถึง B หางกัน 6 ชวงจุด a = ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ดังนั้น ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = = ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B = ดังนั้น เวลา) t ดังนั้น ชวงเวลาการเคลื่อนที่จากจุด A ไปจุด B 1 1 1 1 1 1 1 1 x 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาทีx 6 = 0.12 วินาที 50 50 50 5 เมตร/วินาที - 30 เมตร/วินาที ดังนั้น รถยนตมีความเรง = วัดระยะทางจากจุด A ถึง B ได = ขยายความเขาใจ วัดระยะทางจากจุด A ถึง B ได วัดระยะทางจากจุด A ถึง B ได = 12 เซนติเมตร = 12 เซนติเมตร12 เซนติเมตร ขยายความเขาใจ 5 วินาที ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ย ในชวง AB 12 เซนติเมตร ครูใหนักเรียนศึกษาการเคลื่อนที่ 12 เซนติเมตร 12 เซนติเมตร 12 เซนติเมตร = - 5 เมตร/วินาที 2 = = = = = = = ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ย ในชวง AB ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ย ในชวง AB ดังนั้น อัตราเร็วเฉลี่ย ในชวง AB รูปแบบตางๆ ดวยเครื่องเคาะสัญญาณ 2 ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น หรือ ความหนวงของรถ = 5 เมตร/วินาที ตอบ 0.12 วินาที 0.12 วินาที 0.12 วินาที 0.12 วินาที 0.12 วินาที เวลา ทั้งการเคลื่อนที่แนวราบ และ = 100 เซนติเมตร/วินาที100 เซนติเมตร/วินาที100 เซนติเมตร/วินาที = = = 100 เซนติเมตร/วินาที ตอคําถามวา = 1 เมตร/วินาที ตอบ แนวดิ่ง โดยใหนักเรียนชวยกัน 1 เมตร/วินาที = 1 เมตร/วินาที 1 เมตร/วินาที 1 เมตร/วินาที ตอบ • ถาเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงที่ 1.4 อุปกรณชวยศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุ ยกตัวอยางการเคลื่อนที่ในชีวิต แตมีการเปลี่ยนทิศทางการ ประจําวันขึ้นมาแลววิเคราะหวา เคลื่อนที่จะเกิดความเรงหรือไม เราจะทราบการเคลื่อนที่ของยานพาหนะตางๆ วามีอัตราเร็ว เสริมประสบการณ จุดบนแถบกระดาษจะมีรูปแบบใด เคลื่อนที่จะเกิดความเรงหรือไม เพราะเหตุใด มากหรือนอยไดจากเครื่องมือวัดที่ติดมากับยานพาหนะนั้น แตถา วิทยาศาสตร แถบกระดาษเคร แถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลา (แนวตอบ เกิดความเรง เพราะ เปนการเคลื่อนที่ของวัตถุอื่นๆ ซึ่งไมมีเครื่องมือวัด เชน นักกีฬาวิ่ง แถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลา ื่องเคาะสัญญาณเวลา จ จ จ จ จ จ จ จ จ จ จ จ จุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบ จุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบุดที่ปรากฏบนแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลาจะมีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับความเร็วที่ดึงแถบุดที่ปรากฏบ แมวาจะมีความเร็วขนาดเทาเดิม แมวาจะมีความเร็วขนาดเทาเดิม ผลไมหลนจากตน ลูกบอลกลิ้งบนพื้น เราจะวัดอัตราเร็วโดยใชนาิกา กระดาษ ซึ่งจุดบนแถบกระดาษที่สามารถสังเกตเห็น มีลักษณะ ดังนี้ แตมีการเปลี่ยนทิศทางการ จับเวลาในชวงระยะทางที่กําหนด แตถาเปนการวัดอัตราเร็วของวัตถุซึ่ง ■ ระยะหางระหวางจุดไมเทากัน แสดงวา แถบกระดาษแตละชวงจุดมีการเคลื่อนที่ดวยความเร็วไมสมํ่าเสมอ เกร็ดแนะครู เคลื่อนที่ ความเรงก็จะเปลี่ยนไป เคลื่อนที่ในชวงเวลาสั้นๆ จะใชอุปกรณที่เรียกวา เครื่องเคาะสัญญาณ หรือไมคงที่ ถาชวงใดดึงแถบกระดาษดวยความเร็วตํ่า ระยะหางระหวางจุดจะนอย แตถาชวงใดที่ดึงแถบกระดาษ ครูอาจนําตัวอยางอื่นมาใหนักเรียน เคลื่อนที่ ความเรงก็จะเปลี่ยนไป เนื่องจากความเรงเปนปริมาณ ภาพที่ 1.9 เครื่องเคาะสัญญาณเวลา เวลา (ticker timer) ที่มีหลักการทํางานดวยไฟฟากระแสสลับความถี่ ดวยความเร็วสูงระยะหางระหวางจุดจะมาก ฝกทําเพื่อใหเกิดความเขาใจมากขึ้น เวกเตอร หากจะเทากันตอง (ที่มาของภาพ : Physics Insights.) 50 รอบ/วินาที โดยสอดแถบกระดาษที่ผูกไวกับวัตถุซึ่งจะเคลื่อนที่ ■ ระยะหางระหวางจุดเทากัน แสดงวา แถบกระดาษแตละชวงจุดมีการเคลื่อนที่ดวยความเร็วสมํ่าเสมอ เทากันทั้งขนาดและทิศทาง) ผานเครื่องเคาะสัญญาณเวลาที่มีเข็มตอกลงไปบนแถบกระดาษ หรือคงที่ NET ขอสอบ ป 50 10 11 เกร็ดแนะครู จากรูปแสดงจุดหางสมํ่าเสมอ กันบนแถบกระดาษที่ผานเครื่อง ครูฝกใหนักเรียนอานโจทยแลว เคาะสัญญาณเวลา 50 ครั้ง/วินาที เขียนตัวแปรที่ทราบลงในโจทย เชน 1. ความเร็วเพิ่มขึ้นสมํ่าเสมอ 2. ความเรงเพิ่มขึ้นสมํ่าเสมอ ขอความใดถูกตองสําหรับการ กํากับตัวแปร u ไวเหนือขอความที่วา NET ขอสอบ ป 52 3. ความเรงคงตัวและไมเปนศูนย 4. ระยะทางเพิ่มขึ้นสมํ่าเสมอ เคลื่อนที่นี้ ความเร็ว 5 เมตร/วินาที เปนตน รถยนต A เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่ง โดยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น (วิเคราะหคําตอบ จาก a = v - u (วิเคราะหคําตอบ จุดที่มีระยะหางสมํ่าเสมอแสดงวามีความเร็วคงตัว นั่นคือมีระยะทางเพิ่มขึ้น ครูอาจหาตัวอยางอื่นมาใหนักเรียน 2 เมตร/วินาที ทุก 1 วินาที เมื่อสิ้นวินาทีที่ 5 รถจะมี t สมํ่าเสมอ และความเรงเปนศูนย ตอบ ขอ 4.) ฝกทําเพื่อใหเกิดความเขาใจมากขึ้น อัตราเร็วเทาใด v = at + u 2 = (2 m/s ) (5 s) + 0 10 คูมือครู 1. 5 m/s 2. 10 m/s = 10 m/s คูมือครู 11 4. 20 m/s 3. 15 m/s ตอบ ขอ 2.)

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล Elaborate Evaluate Engage Explore Explain Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ขยายความเขาใจ ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา ครูถามคําถามเพื่อขยายความ เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตรที่เกี่ยวของ เขาใจของนักเรียน กับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบ 1.5 ความเรงของวัตถุที่ตกแบบอิสระ เมื่อวัตถุตกแบบอิสระ วัตถุจะเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วตนเปนศูนย เมื่อวัตถุตกแบบอิสระ วัตถุจะเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วตนเปนศูนย • นักเรียนสามารถนําความรูที่ 2 อิสระ รวมทั้งภาพยนตรไทย เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรงที่พบเห็นในชีวิตประจําวัน นอกจากวัตถุ และมีความเรง g ถากําหนดให g = 10 เมตร/วินาที วัตถุจะเคลื่อนที่ เกี่ยวกับปริมาณการเคลื่อนที่ \"หนีตามกาลิเลโอ\" ซึ่งเปนภาพยนตร เคลื่อนที่แนวตรงในแนวระดับแลว วัตถุยังสามารถเคลื่อนที่แนวตรงใน ลงดวยความเร็วเพิ่มขึ้นวินาทีละ 10 เมตร/วินาที หากโยนวัตถุขึ้นไป ของวัตถุไปประยุกตใชใน วัยรุนที่มีเนื้อหาบางตอนกลาวถึง แนวดิ่งไดอีกดวย เชน ผลไมที่ตกจากตนลงสูพื้น วัตถุตกจากที่สูง หรือ ในแนวดิ่ง ความเร็วเริ่มตนของวัตถุไมเทากับศูนย วัตถุจะเคลื่อนที่ขึ้น ชีวิตประจําวันไดอยางไรบาง โดยมีความเรงซึ่งมีทิศลงและมีทิศตรงขามกับความเร็ว ความเร็วของวัตถุุโดยมีความเรงซึ่งมีทิศลงและมีทิศตรงขามกับความเร็ว ความเร็วของวัตถุ การตกของวัตถุในลักษณะนี้ นักกีฬากระโดดขึ้นสูงจากพื้นดินแลวตกกลับลงมาสูพื้นดิน เปนตน โดยมีความเรงซึ่งมีทิศลงและมีทิศตรงขามกับความเร็ว ความเร็วของวัตถ (แนวตอบ เมื่อปลอยวัตถุตกลงมาในแนวดิ่ง ความเร็วขณะปลอยมีคาเทากับ จะลดลงวินาทีละ 10 เมตร/วินาที จนกระทั่งความเร็วสุดทายเปนศูนย - การวิเคราะหเสนทางที่ ศูนย วัตถุจะเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอยางสม่ําเสมอ แสดงวา เรียกตําแหนงนี้วา ตําแหนงสูงสุดของการเคลื่อนที่ หลังจากนี้แลววัตถุ เหมาะสมที่จะชวยประหยัด สํารวจคนหา วัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ จะเคลื่อนที่ตกลงมาแบบอิสระจนถึงพื้น ถาระยะระหวางตําแหนงเริ่มตน เวลาในการเดินทาง ว ว วัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ ัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ ัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ ใหนักเรียนศึกษาเสริมประสบการณ (free fall) และเคลื่อนที่ภายใตแรงโนมถวงของโลก จึงเรียกความเรง และสุดทายเทากันเวลาของการเคลื่อนที่ขึ้นจะเทากับเวลาของการ - นําความรูไปใชสําหรับ วิทยาศาสตร จากหนา 13 และใหแบง ในการตกของวัตถุวา ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก เคลื่อนที่ลง u = 0 การแขงขันกีฬาตางๆ เชน กลุมปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาทักษะ (gravitational acceleration) ใชแทนดวยสัญลักษณ g และมีทิศทาง วายนํ้า วิ่ง เปนตน วิทยาศาสตร โดยใหนักเรียนแตละ เขาสูจุดศูนยกลางของโลก (ทิศลงในแนวดิ่ง) g v = 0 g - การใชความเร็วใหเหมาะสม กลุมรวมกันออกแบบการทดลองและ ในการพิจารณาวัตถุที่ตกแบบอิสระซึ่งมีน้ําหนักไมเทากันพบวา ในการขับขี่รถ เพื่อความ ในการพิจารณาวัตถุที่ตกแบบอิสระซึ่งมีน้ําหนักไมเทากันพบวา ดําเนินการทดลองดวยตนเอง วัตถุที่มีน้ําหนักตางกันจะเคลื่อนที่ดวยความเรงเทากัน และความเรงนี้ี้ัตถุที่มีน้ําหนักตางกันจะเคลื่อนที่ดวยความเรงเทากัน ัตถุที่มีน้ําหนักตางกันจะเคลื่อนที่ดวยความเรงเทากัน ปลอดภัย นําไปใชกับระบบ ว ว วัตถุที่มีน้ําหนักตางกันจะเคลื่อนที่ดวยความเรงเทากัน และความเรงนและความเรงนี้และความเรงนี้ คือ คือ ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิด GPS เพื่อคํานวณเสนทาง คือ ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิดความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิดความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิดความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิดความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิด คือ คือ คือ ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรงณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรงณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรงณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรงณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรงณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรง ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรง อธิบายความรู ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ u v การเดินทาง) เนื่องจากแรงโนมถวงของโลกที่มีคาเดียวกัน ซึ่งมีคาเทากัน คือ 9.8 เน เน เน เนื่องจากแรงโนมถวงของโลกที่มีคาเดียวกัน ซึ่งมีคาเทากัน คือ 9.8 ื่องจากแรงโนมถวงของโลกที่มีคาเดียวกัน ซึ่งมีคาเทากัน คือ 9.8 ื่องจากแรงโนมถวงของโลกที่มีคาเดียวกัน ซึ่งมีคาเทากัน คือ 9.8 ื่องจากแรงโนมถวงของโลกที่มีคาเดียวกัน ซึ่งมีคาเทากัน คือ 9.8 ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน เมตร/ว 2 2 เมตร/ว เมตร/วินาทีินาทีินาที เมตร/วินาที เพื่อความสะดวกตอการคํานวณจะนิยมใชคา g = 10 เพื่อความสะดวกตอการคํานวณจะนิยมใชคา g = 10 เพื่อความสะดวกตอการคํานวณจะนิยมใชคา g = 10 เพื่อความสะดวกตอการคํานวณจะนิยมใชคา g = 10 วิเคราะห อธิบายผล และสรุปผล เมตร/วินาที 2 2 ภาพที่ 1.12 ความเร็วของวัตถุลดลงขณะ ภาพที่ 1.13 ความเร็วของวัตถุเพ่ิมขึ้นขณะ เมตร/วินาที เมตร/วินาที เมตร/วินาที ตกลงมา เคลื่อนที่ขึ้น 13-2 การทดลอง แลวนําผลการทดลอง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) นักเรียนควรรู มานําเสนอหนาหอง โดยครูชวย เสริมประสบการณ ทิศตรงขาม การพิจารณาทิศหรือ 13-1 อธิบายเพิ่มเติมเพื่อใหไดขอสรุป วิทยาศาสตร เครื่องหมายของคา ความเรง (g) ที่ถูกตอง กาล ขึ้นอยูกับทิศทางการเคลื่อนที่ หรือ กาล กาล กาลิเลโอิเลโอิเลโอิเลโอ กาลิเลโอ ในป ค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติล ทิศของความเร็วตน (u) โดยหากมี g = 10 m/s 2 มาทดสอบเพื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะตกถึงพื้นกอนวัตถุที่มีนํ้าหนักเบา แตเมื่อ ทิศตรงขามกับความเร็วตน ความเรง กาลิเลโอทดลองแลวปรากฏวาวัตถุที่มีนํ้าหนักมากและวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาจะตกถึงพื้นพรอมกัน แตการที่อริสโตเติล NET ขอสอบ ป 52 สรุปทฤษฎีเชนนี้เปนผลเนื่องมาจากอากาศไดชวยพยุงวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาไดมากกวาวัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา แตถา จะเปนลบ (-g) ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหการเคลื่อนที่ mg ทําการทดลองในสุญญากาศจะเห็นไดอยางชัดเจนวาวัตถุตกถึงพื้นพรอมกัน กาลิเลโอไดนําความจริงขอนี้ไปชี้แจง กับทางมหาวิทยาลัย ผลปรากฏวา มีทั้งคนเห็นดวยและไมเห็นดวย เขาจึงทําการทดลองอีกครั้งหนึ่งเพื่อใหทุกคน ของวัตถุเปนการตกแบบเสรีกําหนดให ภาพที่ 1.11 วัตถุตกอยางอิสระเกิดจาก เห็นอยางชัดเจน โดยนํากอนตะกั่ว 2 กอน กอนหนึ่งหนัก 10 ปอนด อีกกอนหนึ่งหนัก 20 ปอนด ทิ้งลงมาจาก นักเรียนควรรู การเคลื่อนที่ทุกขอ ไมคิดแรงตาน ความเรงโนมถวงของโลก หอเอนปซาพรอมกัน ปรากฏวา กอนตะกั่วทั้ง 2 กอนตกถึงพื้นภายใตแรงโนมถวงโลกพรอมกัน ซึ่งเปนการพิสูจน (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) อากาศ วาความคิดของอริสโตเติลนั้นไมถูกตอง กาลิเลโอ ทดลองหาความเรง 1. โยนกอนหินขึ้นไปในแนวดิ่ง เนื่องจากแรงโนมถวงของโลก 2. ปลอยลูกกอลฟจากยอดตึกให โดยวัดการแกวงของโคมไฟใน ตกลงในแนวดิ่ง 12 13 หอเอนปซา 3. ยิงลูกปนจากยอดหนาผาออกไป ในแนวระดับ 4. ผูกถุงทรายเขากับสปริงในแนวดิ่ง (วิเคราะหคําตอบ การตกอยางเสรีหรืออิสระตองไมมีแรงใดๆ ซึ่งตรึงไวกับเพดาน ดันถุงทราย นอกจากแรงโนมถวงของโลกมากระทํา ดังนั้นการผูกถุงทราย นักเรียนควรรู ขึ้นแลวปลอย กับสปริงแลวปลอยจึงไมใชการตกแบบเสรี เพราะมีแรงสปริง มากระทําตอถุงทรายดวย ตอบ ขอ 4.) การตกแบบอิสระเปนการตกของ วัตถุที่ไมมีแรงใดๆ มากระทํานอกจาก แรงโนมถวงของโลก 12 คูมือครู คูมือครู 13

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล Elaborate Evaluate Engage Explore Explain Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ขยายความเขาใจ ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา ครูถามคําถามเพื่อขยายความ เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตรที่เกี่ยวของ เขาใจของนักเรียน กับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบ 1.5 ความเรงของวัตถุที่ตกแบบอิสระ เมื่อวัตถุตกแบบอิสระ วัตถุจะเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วตนเปนศูนย เมื่อวัตถุตกแบบอิสระ วัตถุจะเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วตนเปนศูนย • นักเรียนสามารถนําความรูที่ 2 อิสระ รวมทั้งภาพยนตรไทย เรื่อง การเคลื่อนที่แนวตรงที่พบเห็นในชีวิตประจําวัน นอกจากวัตถุ และมีความเรง g ถากําหนดให g = 10 เมตร/วินาที วัตถุจะเคลื่อนที่ เกี่ยวกับปริมาณการเคลื่อนที่ \"หนีตามกาลิเลโอ\" ซึ่งเปนภาพยนตร เคลื่อนที่แนวตรงในแนวระดับแลว วัตถุยังสามารถเคลื่อนที่แนวตรงใน ลงดวยความเร็วเพิ่มขึ้นวินาทีละ 10 เมตร/วินาที หากโยนวัตถุขึ้นไป ของวัตถุไปประยุกตใชใน วัยรุนที่มีเนื้อหาบางตอนกลาวถึง แนวดิ่งไดอีกดวย เชน ผลไมที่ตกจากตนลงสูพื้น วัตถุตกจากที่สูง หรือ ในแนวดิ่ง ความเร็วเริ่มตนของวัตถุไมเทากับศูนย วัตถุจะเคลื่อนที่ขึ้น ชีวิตประจําวันไดอยางไรบาง โดยมีความเรงซึ่งมีทิศลงและมีทิศตรงขามกับความเร็ว ความเร็วของวัตถุุโดยมีความเรงซึ่งมีทิศลงและมีทิศตรงขามกับความเร็ว ความเร็วของวัตถุ การตกของวัตถุในลักษณะนี้ นักกีฬากระโดดขึ้นสูงจากพื้นดินแลวตกกลับลงมาสูพื้นดิน เปนตน โดยมีความเรงซึ่งมีทิศลงและมีทิศตรงขามกับความเร็ว ความเร็วของวัตถ (แนวตอบ เมื่อปลอยวัตถุตกลงมาในแนวดิ่ง ความเร็วขณะปลอยมีคาเทากับ จะลดลงวินาทีละ 10 เมตร/วินาที จนกระทั่งความเร็วสุดทายเปนศูนย - การวิเคราะหเสนทางที่ ศูนย วัตถุจะเคลื่อนที่ลงดวยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอยางสม่ําเสมอ แสดงวา เรียกตําแหนงนี้วา ตําแหนงสูงสุดของการเคลื่อนที่ หลังจากนี้แลววัตถุ เหมาะสมที่จะชวยประหยัด สํารวจคนหา วัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ จะเคลื่อนที่ตกลงมาแบบอิสระจนถึงพื้น ถาระยะระหวางตําแหนงเริ่มตน เวลาในการเดินทาง ว ว วัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ ัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ ัตถุมีความเรงคงที่ วัตถุที่ถูกปลอยใหตกลงมานี้จะเปนการตกแบบอิสระ ใหนักเรียนศึกษาเสริมประสบการณ (free fall) และเคลื่อนที่ภายใตแรงโนมถวงของโลก จึงเรียกความเรง และสุดทายเทากันเวลาของการเคลื่อนที่ขึ้นจะเทากับเวลาของการ - นําความรูไปใชสําหรับ วิทยาศาสตร จากหนา 13 และใหแบง ในการตกของวัตถุวา ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก เคลื่อนที่ลง u = 0 การแขงขันกีฬาตางๆ เชน กลุมปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาทักษะ (gravitational acceleration) ใชแทนดวยสัญลักษณ g และมีทิศทาง วายนํ้า วิ่ง เปนตน วิทยาศาสตร โดยใหนักเรียนแตละ เขาสูจุดศูนยกลางของโลก (ทิศลงในแนวดิ่ง) g v = 0 g - การใชความเร็วใหเหมาะสม กลุมรวมกันออกแบบการทดลองและ ในการพิจารณาวัตถุที่ตกแบบอิสระซึ่งมีน้ําหนักไมเทากันพบวา ในการขับขี่รถ เพื่อความ ดําเนินการทดลองดวยตนเอง วัตถุที่มีน้ําหนักตางกันจะเคลื่อนที่ดวยความเรงเทากัน และความเรงนี้ ปลอดภัย นําไปใชกับระบบ คือ ความเรงเนื่องจากแรงโนมถวงของโลก จึงสรุปไดวา วัตถุทุกชนิด GPS เพื่อคํานวณเสนทาง อธิบายความรู ที่เคลื่อนที่ตกแบบอิสระ ณ บริเวณหนึ่งบนโลกจะเคลื่อนที่ดวยความเรง u v v การเดินทาง) เนื่องจากแรงโนมถวงของโลกที่มีคาเดียวกัน ซึ่งมีคาเทากัน คือ 9.8 ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน เมตร/วินาที เพื่อความสะดวกตอการคํานวณจะนิยมใชคา g = 10 2 ภาพท ภาพท ภาพที่ 1.13 ความเร็วของวัตถุเพ่ิมขึ้นขณะี่ 1.13 ความเร็วของวัตถุเพ่ิมขึ้นขณะี่ 1.13 ความเร็วของวัตถุเพ่ิมขึ้นขณะี่ 1.13 ความเร็วของวัตถุเพ่ิมขึ้นขณะี่ 1.13 ความเร็วของวัตถุเพ่ิมขึ้นขณะ ภาพท วิเคราะห อธิบายผล และสรุปผล เมตร/วินาที ภาพที่ 1.12 ความเร็วของวัตถุลดลงขณะ ภาพท 13-2 2 ตกลงมา ตกลงมา ตกลงมา ตกลงมา เคลื่อนที่ขึ้น การทดลอง แลวนําผลการทดลอง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) นักเรียนควรรู (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) มานําเสนอหนาหอง โดยครูชวย เสริมประสบการณ ทิศตรงขาม การพิจารณาทิศหรือ 13-1 อธิบายเพิ่มเติมเพื่อใหไดขอสรุป วิทยาศาสตร เครื่องหมายของคา ความเรง (g) ที่ถูกตอง กาล ขึ้นอยูกับทิศทางการเคลื่อนที่ หรือ กาล กาลิเลโอิเลโอิเลโอิเลโอ กาล กาลิเลโอ ในป ในป ในป ค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติลค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติลค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติลค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติลค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติลค.ศ. 1591 ระหวางที่กา ในป ค.ศ. 1591 ระหวางที่กาลิเลโอเขาทํางานอยูในมหาวิทยาลัยปซา เขาไดนําทฤษฎีของอริสโตเติล ทิศของความเร็วตน (u) โดยหากมี ในป ในป ในป ในป ในป ในป ในป มาทดสอบเพ มาทดสอบเพ มาทดสอบเพ มาทดสอบเพ มาทดสอบเพ มาทดสอบเพ มาทดสอบเพื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะตกถึงพื้นกอนวัตถุที่มีนํ้าหนักเบา แตเมื่อ มาทดสอบเพ มาทดสอบเพื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะตกถึงพื้นกอนวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะตกถึงพื้นกอนวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะตกถึงพื้นกอนวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะตกถึงพื้นกอนวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาื่อหาขอเท็จจริง ทฤษฎีที่วานี้ คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา จะต มาทดสอบเพ มาทดสอบเพ g = 10 m/s 2 มาทดสอบเพ ทิศตรงขามกับความเร็วตน ความเรง กาลิเลโอทดลองแลวปรากฏวาวัตถุที่มีนํ้าหนักมากและวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาจะตกถึงพื้นพรอมกัน แตการที่อริสโตเติล NET ขอสอบ ป 52 สรุปทฤษฎีเชนนี้เปนผลเนื่องมาจากอากาศไดชวยพยุงวัตถุที่มีนํ้าหนักเบาไดมากกวาวัตถุที่มีนํ้าหนักมากกวา แตถา จะเปนลบ (-g) ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหการเคลื่อนที่ mg ทําการทดลองในสุญญากาศจะเห็นไดอยางชัดเจนวาวัตถุตกถึงพื้นพรอมกัน กาลิเลโอไดนําความจริงขอนี้ไปชี้แจง กับทางมหาวิทยาลัย ผลปรากฏวา มีทั้งคนเห็นดวยและไมเห็นดวย เขาจึงทําการทดลองอีกครั้งหนึ่งเพื่อใหทุกคน ของวัตถุเปนการตกแบบเสรีกําหนดให ภาพที่ 1.11 วัตถุตกอยางอิสระเกิดจาก เห็นอยางชัดเจน โดยนํากอนตะกั่ว 2 กอน กอนหนึ่งหนัก 10 ปอนด อีกกอนหนึ่งหนัก 20 ปอนด ทิ้งลงมาจาก นักเรียนควรรู การเคลื่อนที่ทุกขอ ไมคิดแรงตาน ความเรงโนมถวงของโลก หอเอนปซาพรอมกัน ปรากฏวา กอนตะกั่วทั้ง 2 กอนตกถึงพื้นภายใตแรงโนมถวงโลกพรอมกัน ซึ่งเปนการพิสูจน (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) อากาศ วาความคิดของอริสโตเติลนั้นไมถูกตอง กาลิเลโอ ทดลองหาความเรง 1. โยนกอนหินขึ้นไปในแนวดิ่ง เนื่องจากแรงโนมถวงของโลก 2. ปลอยลูกกอลฟจากยอดตึกให โดยวัดการแกวงของโคมไฟใน ตกลงในแนวดิ่ง 12 13 หอเอนปซา 3. ยิงลูกปนจากยอดหนาผาออกไป ในแนวระดับ 4. ผูกถุงทรายเขากับสปริงในแนวดิ่ง (วิเคราะหคําตอบ การตกอยางเสรีหรืออิสระตองไมมีแรงใดๆ ซึ่งตรึงไวกับเพดาน ดันถุงทราย นอกจากแรงโนมถวงของโลกมากระทํา ดังนั้นการผูกถุงทราย นักเรียนควรรู ขึ้นแลวปลอย กับสปริงแลวปลอยจึงไมใชการตกแบบเสรี เพราะมีแรงสปริง มากระทําตอถุงทรายดวย ตอบ ขอ 4.) การตกแบบอิสระเปนการตกของ วัตถุที่ไมมีแรงใดๆ มากระทํานอกจาก แรงโนมถวงของโลก 12 คูมือครู คูมือครู 13

ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate Engage Explore Explain Elaborate Engage Explore Explain Elaborate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ตรวจสอบผล (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) หลักฐาน บันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรม แสดงผลการเรียนรู พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.1 คําถาม พัฒนาทักษะ 1.1 • แบบบันทึกการตอบคําถาม บันทึกการตอบคําถามชวนคิด ชวนคิด วิทยาศาสตร ชวนคิด การหาอัตราเร็วเฉลี่ย จากหนา 14 • แบบบันทึกการปฏิบัติกิจกรรม เขียนแผนผังมโนทัศนสรุปความ 1. ถาพูดวา “โดยปกตินายอุทัยขับรถเร็วประมาณ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง” และ “วันนี้นายอุทัยขับรถมา อุปกรณ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.1 แตกตางระหวางระยะทางกับการ ทํางานเร็วถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง” ทานคิดวามีความแตกตางกันหรือไม อยางไร 1. เครื่องเคาะสัญญาณเวลา 1 เครื่อง 2. แถบกระดาษ 1 มวน • ผังมโนทัศนสรุปความแตกตาง 4. หมอแปลงไฟฟาโวลตตํ่า A 1 ตัว กระจัด อัตราเร็วกับความเร็ว 2. นักเรียน 2 คน วิ่งแขงขัน จาก A ไป B คนหนึ่งวิ่ง B 3. รถทดลอง 1 คัน ระหวางระยะทางกับการกระจัด สรุปความสัมพันธระหวาง ไปตามแนวเสนตรง สวนอีกคนหนึ่งวิ่งไปตามแนวโคง วิธีทํา อัตราเร็วกับความเร็ว ดังภาพ ถานักเรียนทั้งสองคนใชเวลาในการวิ่งเทากัน การกระจัด เวลา ความเร็ว และ นักเรียนคนใดวิ่งเร็วกวา เพราะเหตุใด 1. ตอเครื่องเคาะสัญญาณเวลาเขากับหมอแปลงไฟฟาโวลตตํ่าที่มีความตางศักยไฟฟา 4 - 6 โวลต สอดแถบ • แบบบันทึกการสรุปความสัมพันธ ความเรงของการเคลื่อนไหวใน ภาพที่ 1.14 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) กระดาษเขากับเครื่องเคาะสัญญาณเวลา และติดปลายดานหนึ่งของแถบกระดาษกับรถทดลอง เปดสวิตช ระหวางการกระจัด เวลา แนวตรง 3. วัตถุ 2 ชิ้น เคลื่อนที่ไดระยะทางเทากันในเวลาเทากัน และปริมาณในการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้ง 2 ชิ้น หมอแปลงไฟฟาโวลตตํ่า แลวผลักรถทดลองใหแถบกระดาษเคลื่อนที่ผานคันเคาะของเครื่องเคาะสัญญาณเวลา มีคาเทากัน เปนไปไดหรือไมวาวัตถุทั้งสองจะมีความเร็วตางกัน จงอธิบาย จากนั้นเลือกจุดเริ่มตน และจุดสุดทายบนแถบกระดาษที่สามารถวัดระยะทางไดสะดวก ความเร็ว และความเรงของ รถทดลอง แถบกระดาษ การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชื่อผูแขง เวลาที่ใช (วินาที) นักเรียนควรรู นายนพดล 10.45 เครื่องเคาะสัญญาณเวลา ตกจากที่สูงในแนวดิ่ง หากวัตถุมี นายชัยพร 10.56 ภาพที่ 1.15 วิธีการติดตั้งแถบกระดาษกับเครื่องเคาะสัญญาณเวลาและรถทดลอง นักเรียนควรรู นายชัยพร นายชัยพร นายชัยพร การตกในแนวดิ่งจะมีแรงโนมถวง นายสิงหา 11.04 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) กฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตัน นายสิงหา นายสิงหา นายสิงหา ของโลกกระทําตอวัตถุเสมอ นายกนก 10.32 2. นําขอมูลมาอภิปรายในประเด็นตอไปนี้ กลาววาเมื่อมีแรงลัพธที่มีคาไมเทากับ นายกนก ■ ระยะทางระหวางจุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนเทาใด และมีกี่ชวงจุด ศูนยมากระทําตอวัตถุ จะทําใหวัตถุ 4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชาติ ป 2553 มีดังน ■ ชวงเวลาระหวางจุดเริ่มตน และจุดสุดทายเปนเทาใด เกิดความเรงในทิศเดียวกับแรงลัพธ 4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชาติ ป 2553 มีดังนี้ี้4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชาติ ป 2553 มีดังนี้4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชาติ ป 2553 มีดังนี้4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชาติ ป 2553 มีดังนี้4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชา อัตราเร็วเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในชวงดังกลาวเปนเทาใด จากสถิติในตาราง ก. นักกรีฑาคนใดวิ่งเร็วที่สุด จากสถิติในตาราง ก. นักกรีฑาคนใดวิ่งเร็วที่สุด จากสถิติในตาราง ก. นักกรีฑาคนใดวิ่งเร็วที่สุด จากสถิติในตาราง ก. นักกรีฑาคนใดวิ่งเร็วที่สุด ■ NET ขอสอบ ป 50 จากสถิติในตาราง ก. นักกรีฑาคนใดวิ่งเร็วที่สุด 3. สรุปและนําเสนอผลการศึกษา ที่มากระทํา และขนาดของความเรง ข. ถาใหเวลาเทากัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุดัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุดัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุดัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุดัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุด ข. ถาใหเวลาเทาก ข. ถาใหเวลาเทาก ข. ถาใหเวลาเทาก ข. ถาใหเวลาเทากัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุด ข. ถาใหเวลาเทาก 5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียนซึ่งอยูหางกัน 30 กิโลเมตร แลวปรากฏวาเราคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ย5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียนซึ่งอยูหางกัน 30 กิโลเมตร แลวปรากฏวาเราคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ย5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียนซึ่งอยูหางกัน 30 กิโลเมตร แลวปรากฏวาเราคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ย5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียนซึ่งอยูหางกัน 30 กิโลเมตร แลวปรากฏวาเราคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ย5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียน ถาปลอยใหวัตถุตกลงในแนวดิ่ง 5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียนซึ่งอยูหางกัน 30 กิโลเมตร แลวปรากฏวาเราคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ย จะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปได อยางเสรี หากวัตถุนั้นตกกระทบพื้นดิน ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล 6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางทิศตะวันตก6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางทิศตะวันตก6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางทิศตะวันตก6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางทิศตะวันตก6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางท 6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางทิศตะวันตก ในเวลา 5 วินาที ถามวาวัตถุกระทบดิน เปนไปไดหรือไม จงอธิบาย เปนไปไดหรือไม จงอธิบาย ดวยความเร็วเทากับกี่เมตร/วินาที 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจ 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจ 1. 4.9 m/s 2. 9.8 m/s จงอธิบาย วิทยาศาสตร กฎการอนุรักษพลังงาน กลาววา จงอธิบาย จงอธิบาย จงอธิบาย 3. 39 m/s 4. 49 m/s 8. วัตถุ 2 กอน มีนํ้าหนักตางกัน ถูกปลอยใหตกจากความสูงระดับเดียวกัน วัตถุทั้งสองจะตกถึงพื้น เครื่องเคาะสัญญาณเวลา พลังงานไมสามารถสรางขึ้นมาใหม 8. วัตถุ 2 กอน มีนํ้าหนักตางกัน ถูกปลอยใหตกจากความสูงระดับเดียวกัน วัตถุทั้งสองจะตกถึงพื้น (วิเคราะหคําตอบ วัตถุตกดวยความเรง พรอมกันหรือไม เพราะเหตุใด เครื่องเคาะสัญญาณเวลา สามารถใชประกอบการทดลองไดหลายเรื่อง ไดแก หรือทําใหสูญหายไปได แตพลังงาน (g) = 9.8 m/s ในเวลา (t) = 5 s 1. การเคลื่อนที่แนวตรง เพื่อวัดความเร็ว ความเรง และหาความเรงโนมถวงของโลก สามารถเกิดการถายโอนระหวาง 2 2. กฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตันื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตัน 2. กฎการเคล จาก a = v 2. กฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตัน พลังงานดวยกันได หรือการเปลี่ยน t 3. การเปลี่ยนรูปของงานเปนพลังงานจลน และกฎการอนุรักษพลังงานกล 3. การเปลี่ยนรูปของงานเปนพลังงานจลน และกฎการอนุรักษพลังงานกล v = at = gt 4. กฎการอนุรักษโมเมนตัมใน 1 มิติ รูปพลังงานไดนั่นเอง v = (9.8 m/s )(5 s) 2 v = 49 m/s ตอบ ขอ 4.) 14 15 นักเรียนควรรู ถูกปลอย เมื่อวัตถุถูกปลอย หมายถึง วัตถุเริ่มเคลื่อนที่จากจุดหยุดนิ่ง คือ ความเร็วเร็วตนเปนศูนย (u = 0) 14 คูมือครู คูมือครู 15

ตรวจสอบผล ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate Engage Explore Explain Elaborate Engage Explore Explain Elaborate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ตรวจสอบผล (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) หลักฐาน บันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรม แสดงผลการเรียนรู พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.1 คําถาม พัฒนาทักษะ 1.1 • แบบบันทึกการตอบคําถาม บันทึกการตอบคําถามชวนคิด ชวนคิด วิทยาศาสตร ชวนคิด การหาอัตราเร็วเฉลี่ย จากหนา 14 • แบบบันทึกการปฏิบัติกิจกรรม เขียนแผนผังมโนทัศนสรุปความ 1. ถาพูดวา “โดยปกตินายอุทัยขับรถเร็วประมาณ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง” และ “วันนี้นายอุทัยขับรถมา อุปกรณ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.1 แตกตางระหวางระยะทางกับการ ทํางานเร็วถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง” ทานคิดวามีความแตกตางกันหรือไม อยางไร 1. เครื่องเคาะสัญญาณเวลา 1 เครื่อง 2. แถบกระดาษ 1 มวน • ผังมโนทัศนสรุปความแตกตาง A 1 ตัว 4. หมอแปลงไฟฟาโวลตตํ่า กระจัด อัตราเร็วกับความเร็ว 2. นักเรียน 2 คน วิ่งแขงขัน จาก A ไป B คนหนึ่งวิ่ง B 3. รถทดลอง 1 คัน ระหวางระยะทางกับการกระจัด สรุปความสัมพันธระหวาง ไปตามแนวเสนตรง สวนอีกคนหนึ่งวิ่งไปตามแนวโคง วิธีทํา อัตราเร็วกับความเร็ว ดังภาพ ถานักเรียนทั้งสองคนใชเวลาในการวิ่งเทากัน การกระจัด เวลา ความเร็ว และ นักเรียนคนใดวิ่งเร็วกวา เพราะเหตุใด 1. ตอเครื่องเคาะสัญญาณเวลาเขากับหมอแปลงไฟฟาโวลตตํ่าที่มีความตางศักยไฟฟา 4 - 6 โวลต สอดแถบ • แบบบันทึกการสรุปความสัมพันธ ความเรงของการเคลื่อนไหวใน ภาพที่ 1.14 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) กระดาษเขากับเครื่องเคาะสัญญาณเวลา และติดปลายดานหนึ่งของแถบกระดาษกับรถทดลอง เปดสวิตช ระหวางการกระจัด เวลา แนวตรง 3. วัตถุ 2 ชิ้น เคลื่อนที่ไดระยะทางเทากันในเวลาเทากัน และปริมาณในการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้ง 2 ชิ้น หมอแปลงไฟฟาโวลตตํ่า แลวผลักรถทดลองใหแถบกระดาษเคลื่อนที่ผานคันเคาะของเครื่องเคาะสัญญาณเวลา มีคาเทากัน เปนไปไดหรือไมวาวัตถุทั้งสองจะมีความเร็วตางกัน จงอธิบาย จากนั้นเลือกจุดเริ่มตน และจุดสุดทายบนแถบกระดาษที่สามารถวัดระยะทางไดสะดวก ความเร็ว และความเรงของ รถทดลอง แถบกระดาษ การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชื่อผูแขง เวลาที่ใช (วินาที) นักเรียนควรรู นายนพดล 10.45 เครื่องเคาะสัญญาณเวลา ตกจากที่สูงในแนวดิ่ง หากวัตถุมี นายชัยพร 10.56 ภาพที่ 1.15 วิธีการติดตั้งแถบกระดาษกับเครื่องเคาะสัญญาณเวลาและรถทดลอง นักเรียนควรรู การตกในแนวดิ่งจะมีแรงโนมถวง นายสิงหา 11.04 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) กฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตัน ของโลกกระทําตอวัตถุเสมอ นายกนก 10.32 2. นําขอมูลมาอภิปรายในประเด็นตอไปนี้ กลาววาเมื่อมีแรงลัพธที่มีคาไมเทากับ ระยะทางระหวางจุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนเทาใด และมีกี่ชวงจุดุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนเทาใด และมีกี่ชวงจุดุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนเทาใด และมีกี่ชวงจุดุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนเทาใด และมีกี่ชวงจุดุดเริ่มตนและจุดสุดทายเปนเทาใด และมีกี่ชวงจุด ระยะทางระหวางจ ระยะทางระหวางจ ■ ระยะทางระหวางจ ศูนยมากระทําตอวัตถุ จะทําใหวัตถุ ระยะทางระหวางจ ชวงเวลาระหวางจ ชวงเวลาระหวางจุดเริ่มตน และจุดสุดทายเปนเทาใดุดเริ่มตน และจุดสุดทายเปนเทาใดุดเริ่มตน และจุดสุดทายเปนเทาใดุดเริ่มตน และจุดสุดทายเปนเทาใด ชวงเวลาระหวางจ 4. สถิติการแขงขันวิ่งทางตรงระยะทาง 100 เมตร ในการแขงกีฬาเยาวชนแหงชาติ ป 2553 มีดังนี้ ■ ชวงเวลาระหวางจ เกิดความเรงในทิศเดียวกับแรงลัพธ อ อ อ อัตราเร็วเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในชวงดังกลาวเปนเทาใดัตราเร็วเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในชวงดังกลาวเปนเทาใดัตราเร็วเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในชวงดังกลาวเปนเทาใดัตราเร็วเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในชวงดังกลาวเปนเทาใด ■ NET ขอสอบ ป 50 จากสถิติในตาราง ก. นักกรีฑาคนใดวิ่งเร็วที่สุด 3. สรุปและนําเสนอผลการศึกษา ที่มากระทํา และขนาดของความเรง ข. ถาใหเวลาเทากัน นักกรีฑาคนใดวิ่งไดระยะทางมากที่สุด ถาปลอยใหวัตถุตกลงในแนวดิ่ง 5. ถาเราขับรถยนตจากบานมาโรงเรียนซึ่งอยูหางกัน 30 กิโลเมตร แลวปรากฏวาเราคํานวณอัตราเร็วเฉลี่ย จะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ อยางเสรี หากวัตถุนั้นตกกระทบพื้นดิน ของรถยนตมีคาเทากับ 0 กรณีนี้เปนไปไดหรือไม จงอธิบายเหตุผล 6. ถารถยนตวิ่งบนทางตรงไปทางทิศตะวันออก โอกาสที่รถยนตคันนี้จะมีความเรงไปทางทิศตะวันตก ในเวลา 5 วินาที ถามวาวัตถุกระทบดิน เปนไปไดหรือไม จงอธิบาย ดวยความเร็วเทากับกี่เมตร/วินาที 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร เสริมประสบการณ นักเรียนควรรู เสริมประสบการณ 7. ในขณะที่วัตถุตกจากที่สูงในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ของวัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่เปนอยางไร 1. 4.9 m/s 2. 9.8 m/s จงอธิบาย วิทยาศาสตร กฎการอนุรักษพลังงาน กลาววา 3. 39 m/s 4. 49 m/s 8. วัตถุ 2 กอน มีนํ้าหนักตางกัน ถูกปลอยใหตกจากความสูงระดับเดียวกัน วัตถุทั้งสองจะตกถึงพื้น เครื่องเคาะสัญญาณเวลา พลังงานไมสามารถสรางขึ้นมาใหม 8. วัตถุ 2 กอน มีนํ้าหนักตางกัน ถูกปลอยใหตกจากความสูงระดับเดียวกัน วัตถุทั้งสองจะตกถึงพื้น (วิเคราะหคําตอบ วัตถุตกดวยความเรง พรอมกันหรือไม เพราะเหตุใด เครื่องเคาะสัญญาณเวลา สามารถใชประกอบการทดลองไดหลายเรื่อง ไดแก หรือทําใหสูญหายไปได แตพลังงาน (g) = 9.8 m/s ในเวลา (t) = 5 s 1. การเคลื่อนที่แนวตรง เพื่อวัดความเร็ว ความเรง และหาความเรงโนมถวงของโลก สามารถเกิดการถายโอนระหวาง 2 2. กฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตัน 2. กฎการเคล จาก a = v 2. กฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตันื่อนที่ขอที่ 2 ของนิวตัน พลังงานดวยกันได หรือการเปลี่ยน t 3. การเปลี่ยนรูปของงานเปนพลังงานจลน และกฎการอนุรักษพลังงานกล 3. การเปลี่ยนรูปของงานเปนพลังงานจลน และกฎการอนุรักษพลังงานกล v = at = gt 4. กฎการอนุรักษโมเมนตัมใน 1 มิติ รูปพลังงานไดนั่นเอง v = (9.8 m/s )(5 s) 2 v = 49 m/s ตอบ ขอ 4.) 14 15 นักเรียนควรรู ถูกปลอย เมื่อวัตถุถูกปลอย หมายถึง วัตถุเริ่มเคลื่อนที่จากจุดหยุดนิ่ง คือ ความเร็วเร็วตนเปนศูนย (u = 0) 14 คูมือครู คูมือครู 15

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate Elaborate Evaluate Engage Explore Explain (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ขยายความเขาใจ ครูใหนักเรียนดูภาพการเคลื่อนที่ ครูใหนักเรียนอธิบายเหตุการณ ของลูกบาสเกตบอล (ภาพที่ 1.16) ตางๆ ตอไปนี้วามีความเกี่ยวของกับ แลวรวมกันสนทนาเกี่ยวกับลักษณะ 2. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล จากภาพที่ 1.17 หากพิจารณาการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้งสองที่ตกใน การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล การเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอลโดย ในชีวิตประจําวันอาจพบเห็นการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งมีแนว แนวดิ่งและแนวระดับ พบวา วัตถุที่ตกในแนวดิ่ง (วัตถุ A) เคลื่อนที่เปน อยางไร ครูใชคําถามกระตุนเพื่อใหนักเรียน การเคล เสนตรงและมีการกระจัดในแนวดิ่งเพียงแนวเดียว สวนวัตถุที่ถูกขวาง • การใชสายยางรดนํ้าตนไม การเคลื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับ การเคลื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับ การเคล เกิดการเรียนรู กอนหินจะเคลื่อนที่เปนแนวโคงจนกระทั่งตกกระทบพื้น ลูกบอลที่ถูกเตะ ออกไปในแนวระดับ ณ ตําแหนงเดียวกัน (วัตถุ B) จะเคลื่อนที่เปน • นักกีฬายิงปนกระทบเปา • แนวทางการเคลื่อนที่ของลูก ขึ้นไปในอากาศจะเคลื่อนที่เปนแนวโคง การเคลื่อนที่ของลูกบอล แนวโคง จึงมีการกระจัดทั้งในแนวดิ่งและแนวระดับ วัตถุทั้งสองจึงตก • การยิงปนใหญ บาสเกตบอลมีแนวใดบาง จากการเลนบาสเกตบอล ฟุตบอล เบสบอล มีลักษณะเปนแนวโคง ถึงพื้นพรอมกัน โดยเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ตกแนวดิ่งแบบ • การทิ้งเสบียงอาหารลงจาก และแตกตางกันอยางไร เชนกัน เรียกการเคลื่อนที่ในลักษณะนี้วา การเคลื่อนที่แบบวิถีโคงหรือ อิสระ กับวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะมีคาเทากัน เครื่องบินเพื่อชวยผูประสบภัย (แนวตอบ แนวโคง แนวตรง) การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล (projectile motion) ถาพิจารณาการขวางวัตถุออกไปในแนวระดับที่ระดับความสูง ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนเกิด • เหตุใดเมื่อโยนลูกบาสเกตบอล การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล เปนการเคลื่อนที่ภายใตแรง จากพื้นเทากัน วัตถุที่เคลื่อนที่ดวยความเร็วตางกัน จะตกถึงพื้นไดไกล ความคิดสรางสรรค ออกไปแลวลูกจึงโคงตกลงมา ภาพที่ 1.16 การเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอล โนมถวงของโลก ที่ทําใหวัตถุตกในแนวดิ่งเชนเดียวกับการตกแบบอิสระ ตางกัน วัตถุที่มีความเร็วในแนวระดับมากกวาจะเคลื่อนที่ไปตกถึงพื้น • นักเรียนสามารถนําความรูเรื่อง เสมอ (ที่มาของภาพ : sportsdrills.net) ของวัตถุ แตการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลวัตถุจะเคลื่อนที่ตกลงสูพื้น ไดระยะไกลกวาวัตถุที่มีความเร็วในแนวระดับนอย แตจะใชเวลาใน การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล (แนวตอบ มีแรงโนมถวงของโลก หางจากตําแหนงที่ตกในแนวระดับ จึงทําใหมีลักษณะการเคลื่อนที่ 2 การตกถึงพื้นพรอมกัน หรือถาตําแหนงที่ขวางวัตถุมีระดับความสูงจาก ไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน หางจากตําแหนงที่ตกในแนวระดับ จึงทําใหมีลักษณะการเคลื่อนที่ 2 จึงทําใหมีลักษณะการเคลื่อนที่ 2 หางจากตําแหนงที่ตกในแนวระดับ กระทํา) ลักษณะ คือ การเคลื่อนที่ในแนวระดับ และการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง พื้นไมเทากัน เวลาที่วัตถุตกถึงพื้นจะไมเทากันดวย ยิ่งระดับความสูงจาก ไดอยางไรบาง ลักษณะ คือ การเคลื่อนที่ในแนวระดับ และการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง • วัตถุที่มีลักษณะการเคลื่อนที่ ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะประกอบดวยการเคลื่อนทการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะประกอบดวยการเคลื่อนที่การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะประกอบดวยการเคลื่อนที่ พื้นของวัตถุมากขึ้นเทาใดก็จะใชเวลามากขึ้นเทานั้น (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิด ด ด ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะประกอบดวยการเคลื่อนที่ี่ังนั้น ังนั้น เชนเดียวกับลูกบาสเกตบอลมี 2 2 ลักษณะ ที่เปนอิสระจากกัน แตจะเกิดขึ้นพรอมกัน ซึ่งจะทําใหวัตถุุ 2 2 เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวัตถุที่ตกในแนวดิ่ง เห็นของนักเรียน) 2 ลักษณะ ที่เปนอิสระจากกัน แตจะเกิดขึ้นพรอมกัน ซึ่งจะทําใหวัตถลักษณะ ที่เปนอิสระจากกัน แตจะเกิดขึ้นพรอมกัน ซึ่งจะทําใหวัตถุลักษณะ ที่เปนอิสระจากกัน แตจะเกิดขึ้นพรอมกัน ซึ่งจะทําใหวัตถุลักษณะ ที่เปนอิสระจากกัน แตจะเกิดขึ้นพรอมกัน ซึ่งจะทําใหวัตถุ อะไรอีกบาง เคลื่อนที่เปนแนวโคง โดยความเร็วในแนวดิ่งจะเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ จนวัตถุโดยความเร็วในแนวดิ่งจะเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ จนวัตถุ แบบอิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูใน เคลื่อนที่เปนแนวโคง เคลื่อนที่เปนแนวโคง โดยความเร็วในแนวดิ่งจะเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ จนวัตถุ (แนวตอบ การรดนํ้าตนไม ตกถ แนวราบตกถึงพื้นพรอมกัน แสดงวาเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ ตกถึงพื้น เนื่องมาจากแรงโนมถวงของโลก สวนความเร็วในแนวระดับึงพื้น เนื่องมาจากแรงโนมถวงของโลก สวนความเร็วในแนวระดับึงพื้น เนื่องมาจากแรงโนมถวงของโลก สวนความเร็วในแนวระดับึงพื้น เนื่องมาจากแรงโนมถวงของโลก สวนความเร็วในแนวระดับ ตกถ ตกถ ตกถึงพื้น เนื่องมาจากแรงโนมถวงของโลก สวนความเร็วในแนวระดับ การโยนวัตถุในแนวโคง ฯลฯ) จะมีคาคงตัวตลอดการเคลื่อนที่ เคลื่อนที่ทั้ง 2 แบบมีคาเทากัน จึงสรุปไดวา การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ตรวจสอบผล จะมีคาคงตัวตลอดการเคลื่อนที่ จะมีคาคงตัวตลอดการเคลื่อนที่ จะมีคาคงตัวตลอดการเคลื่อนที่ จะมีคาคงตัวตลอดการเคลื่อนที่ t 0 t 0 ของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล มีลักษณะเดียวกับการตกใน บันทึกการตอบคําถามชวนคิด สํารวจคนหา t 1 แนวดิ่งทั่วไป และจะไมขึ้นกับความเร็วในการเคลื่อนที่ตามแนว จากหนา 17 อธิบายเหตุการณตางๆ เกี่ยวกับ ระดับของโพรเจกไทล ครูใหนักเรียนแบงกลุมปฏิบัติกิจกรรม การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลและ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.2 จาก นําความรูไปประยุกตใชในชีวิต หนา 18 แลวบันทึกผลการทดลอง t 2 คําถาม ประจําวันได โดยครูเปนผูแนะนําเกี่ยวกับวิธีการ ชวนคิด ปฏิบัติ รวมถึงการใชอุปกรณตางๆ t 3 1. ถาตองการจะเตะลูกบอลไปใหไกลสุด ควรจะเตะในลักษณะใด 2. ขณะเครื่องบินบินอยู นักบินจะตองทิ้งระเบิดลงมากอนถึงจุดเปาหมายที่กําหนด เพราะเหตุใด จงอธิบาย NET ขอสอบ ป 50 อธิบายความรู 3. เหรียญขนาดเทากัน 2 เหรียญ เหรียญหนึ่งถูกดีดบนพื้นโตะราบ ขณะที่เหรียญนั้นหลุดออกจากขอบโตะ วัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล อีกเหรียญหนึ่งก็จะถูกปลอยจากขอบโตะ นักเรียนคิดวาเวลาที่เหรียญทั้งสองอยูในอากาศแตกตางกัน ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน วัตถุ A วัตถุ B t 4 หรือไม อยางไร ขณะที่วัตถุอยูที่จุดสูงสุด ขอใดตอไปนี้ อภิปรายสรุปผลการทดลองและเขียน ภาพที่ 1.17 การเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกในแนวดิ่งและเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่เวลาตางๆ ถูกตอง รายงานการทดลองจากการปฏิบัติ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) การแบงเซลลแบบไมโอซิส 1. ความเร็วของวัตถุมีคาเปนศูนย กิจกรรมพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 2. ความเรงของวัตถุมีคาเปนศูนย 1.2 แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน 16 EB G UIDE http://www.aksorn.com/LC/Force/M4-6/02 17 3. ความเร็วของวัตถุในแนวดิ่งมี โดยครูผูสอนชวยอธิบายความรู คาเปนศูนย เพิ่มเติม 4. ความเร็วของวัตถุในแนวราบมี • วิเคราะหการทดลองทั้ง 2 ตอน (วิเคราะหคําตอบ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ภายใต คาเปนศูนย วามีความเหมือนหรือแตกตาง นักเรียนควรรู นักเรียนควรรู แรงโนมถวงในแนวดิ่ง จึงมีความเรง (g) กระทําในทิศชี้ลงตลอด กันอยางไร ขวาง การขวาง แสดงถึง แนวระดับ หมายถึง แนวที่ขนาน ขณะที่ในแนวราบความเรงเปนศูนยเนื่องจากความเร็วในแนวราบ การเคลื่อนที่ที่มีความเร็วตน กับพื้นโลก คงที่ ที่จุดสูงสุดพิจารณาในทํานองเดียวกับการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ไมเทากับศูนย คือ ความเร็วในแนวดิ่งจะมีคาเปนศูนยที่จุดสูงสุด ตอบ ขอ 3.) 16 คูมือครู คูมือครู 17

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate Elaborate Evaluate Engage Explore Explain กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครูใหนักเรียนดูภาพการเคลื่อนที่ ครูใหนักเรียนอธิบายเหตุการณ ของลูกบาสเกตบอล (ภาพที่ 1.16) ตางๆ ตอไปนี้วามีความเกี่ยวของกับ แลวรวมกันสนทนาเกี่ยวกับลักษณะ 2. การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล จากภาพที่ 1.17 หากพิจารณาการเคลื่อนที่ของวัตถุทั้งสองที่ตกใน การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล การเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอลโดย ในชีวิตประจําวันอาจพบเห็นการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งมีแนว แนวดิ่งและแนวระดับ พบวา วัตถุที่ตกในแนวดิ่ง (วัตถุ A) เคลื่อนที่เปน อยางไร ครูใชคําถามกระตุนเพื่อใหนักเรียน การเคล เสนตรงและมีการกระจัดในแนวดิ่งเพียงแนวเดียว สวนวัตถุที่ถูกขวาง • การใชสายยางรดนํ้าตนไม การเคลื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับ การเคล การเคลื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับื่อนที่ไมเปนเสนตรง เชน ขวางกอนหินออกไปในแนวระดับ เกิดการเรียนรู กอนหินจะเคลื่อนที่เปนแนวโคงจนกระทั่งตกกระทบพื้น ลูกบอลที่ถูกเตะ ออกไปในแนวระดับ ณ ตําแหนงเดียวกัน (วัตถุ B) จะเคลื่อนที่เปน • นักกีฬายิงปนกระทบเปา • แนวทางการเคลื่อนที่ของลูก ขึ้นไปในอากาศจะเคลื่อนที่เปนแนวโคง การเคลื่อนที่ของลูกบอล แนวโคง จึงมีการกระจัดทั้งในแนวดิ่งและแนวระดับ วัตถุทั้งสองจึงตก • การยิงปนใหญ บาสเกตบอลมีแนวใดบาง จากการเลนบาสเกตบอล ฟุตบอล เบสบอล มีลักษณะเปนแนวโคง ถึงพื้นพรอมกัน โดยเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ตกแนวดิ่งแบบ • การทิ้งเสบียงอาหารลงจาก และแตกตางกันอยางไร เชนกัน เรียกการเคลื่อนที่ในลักษณะนี้วา การเคลื่อนที่แบบวิถีโคงหรือ อิสระ กับวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะมีคาเทากัน เครื่องบินเพื่อชวยผูประสบภัย (แนวตอบ แนวโคง แนวตรง) การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล (projectile motion) ถาพิจารณาการขวางวัตถุออกไปในแนวระดับที่ระดับความสูง ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนเกิด • เหตุใดเมื่อโยนลูกบาสเกตบอล การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล เปนการเคลื่อนที่ภายใตแรง จากพื้นเทากัน วัตถุที่เคลื่อนที่ดวยความเร็วตางกัน จะตกถึงพื้นไดไกล ความคิดสรางสรรค ออกไปแลวลูกจึงโคงตกลงมา ภาพที่ 1.16 การเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอล โนมถวงของโลก ที่ทําใหวัตถุตกในแนวดิ่งเชนเดียวกับการตกแบบอิสระ ตางกัน วัตถุที่มีความเร็วในแนวระดับมากกวาจะเคลื่อนที่ไปตกถึงพื้น • นักเรียนสามารถนําความรูเรื่อง เสมอ (ที่มาของภาพ : sportsdrills.net) ของวัตถุ แตการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลวัตถุจะเคลื่อนที่ตกลงสูพื้น ไดระยะไกลกวาวัตถุที่มีความเร็วในแนวระดับนอย แตจะใชเวลาใน การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล (แนวตอบ มีแรงโนมถวงของโลก หางจากตําแหนงที่ตกในแนวระดับ จึงทําใหมีลักษณะการเคลื่อนที่ 2 การตกถึงพื้นพรอมกัน หรือถาตําแหนงที่ขวางวัตถุมีระดับความสูงจาก ไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน หางจากตําแหนงที่ตกในแนวระดับ หางจากตําแหนงที่ตกในแนวระดับ จึงทําใหมีลักษณะการเคลื่อนที่ 2 จึงทําใหมีลักษณะการเคลื่อนที่ 2 กระทํา) ลักษณะ คือ การเคลื่อนที่ในแนวระดับ และการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง พื้นไมเทากัน เวลาที่วัตถุตกถึงพื้นจะไมเทากันดวย ยิ่งระดับความสูงจาก ไดอยางไรบาง • วัตถุที่มีลักษณะการเคลื่อนที่ ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลจะประกอบดวยการเคลื่อนที่ พื้นของวัตถุมากขึ้นเทาใดก็จะใชเวลามากขึ้นเทานั้น (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิด เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวัตถุที่ตกในแนวดิ่ง เชนเดียวกับลูกบาสเกตบอลมี 2 ลักษณะ ที่เปนอิสระจากกัน แตจะเกิดขึ้นพรอมกัน ซึ่งจะทําใหวัตถุ เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวัตถุที่ตกในแนวดิ่ง เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวัตถุที่ตกในแนวดิ่ง เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวัตถุที่ตกในแนวดิ่ง เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวัตถุที่ตกในแนวดิ่ง เนื่องจากที่ระดับความสูงจากพื้นเทากัน ทําใหวั แบบอ แบบอิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูใน แบบอ อะไรอีกบาง เคลื่อนที่เปนแนวโคง โดยความเร็วในแนวดิ่งจะเพ่ิมขึ้นเรื่อยๆ จนวัตถุ แบบอ แบบอ แบบอ แบบอิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูในิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูในิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูในิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูในิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูในิสระและวัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่มีความเร็วตนอยูใน (แนวตอบ การรดนํ้าตนไม ตกถึงพื้น เนื่องมาจากแรงโนมถวงของโลก สวนความเร็วในแนวระดับ แนวราบตกถ แนวราบตกถึงพื้นพรอมกัน แสดงวาเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุท แนวราบตกถ แนวราบตกถ แนวราบตกถึงพื้นพรอมกัน แสดงวาเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ี่ึงพื้นพรอมกัน แสดงวาเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ึงพื้นพรอมกัน แสดงวาเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ึงพื้นพรอมกัน แสดงวาเวลาที่ใชในการตกถึงพื้นของวัตถุที่ การโยนวัตถุในแนวโคง ฯลฯ) จะมีคาคงตัวตลอดการเคลื่อนที่ เคลื่อนที่ทั้ง 2 แบบมีคาเทากัน จึงสรุปไดวา การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ตรวจสอบผล เคลื่อนที่ทั้ง 2 แบบมีคาเทากัน จึงสรุปไดวา 2 แบบมีคาเทากัน จึงสรุปไดวา การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง เคลื่อนที่ทั้ง ข ข ข ของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล มีลักษณะเดียวกับการตกใน t 0 ของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล มีลักษณะเดียวกับการตกในองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล มีลักษณะเดียวกับการตกในองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล มีลักษณะเดียวกับการตกในองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล มีลักษณะเดียวกับการตกใน บันทึกการตอบคําถามชวนคิด แนวดิ่งทั่วไป และจะไมขึ้นกับความเร็วในการเคลื่อนที่ตามแนว แนวดิ่งทั่วไป และจะไมขึ้นกับความเร็วในการเคลื่อนที่ตามแนวนวดิ่งทั่วไป และจะไมขึ้นกับความเร็วในการเคลื่อนที่ตามแนว สํารวจคนหา t 1 แ จากหนา 17 อธิบายเหตุการณตางๆ เกี่ยวกับ ระดับของโพรเจกไทล ครูใหนักเรียนแบงกลุมปฏิบัติกิจกรรม การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลและ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.2 จาก นําความรูไปประยุกตใชในชีวิต หนา 18 แลวบันทึกผลการทดลอง t 2 คําถาม ประจําวันได โดยครูเปนผูแนะนําเกี่ยวกับวิธีการ ชวนคิด ปฏิบัติ รวมถึงการใชอุปกรณตางๆ t 3 1. ถาตองการจะเตะลูกบอลไปใหไกลสุด ควรจะเตะในลักษณะใด 2. ขณะเครื่องบินบินอยู นักบินจะตองทิ้งระเบิดลงมากอนถึงจุดเปาหมายที่กําหนด เพราะเหตุใด จงอธิบาย NET ขอสอบ ป 50 อธิบายความรู 3. เหรียญขนาดเทากัน 2 เหรียญ เหรียญหนึ่งถูกดีดบนพื้นโตะราบ ขณะที่เหรียญนั้นหลุดออกจากขอบโตะ วัตถุที่เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล อีกเหรียญหนึ่งก็จะถูกปลอยจากขอบโตะ นักเรียนคิดวาเวลาที่เหรียญทั้งสองอยูในอากาศแตกตางกัน ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน วัตถุ A วัตถุ B t 4 หรือไม อยางไร ขณะที่วัตถุอยูที่จุดสูงสุด ขอใดตอไปนี้ อภิปรายสรุปผลการทดลองและเขียน ภาพที่ 1.17 การเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกในแนวดิ่งและเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลที่เวลาตางๆ ถูกตอง รายงานการทดลองจากการปฏิบัติ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) การแบงเซลลแบบไมโอซิส 1. ความเร็วของวัตถุมีคาเปนศูนย กิจกรรมพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 2. ความเรงของวัตถุมีคาเปนศูนย 1.2 แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน 16 EB G UIDE http://www.aksorn.com/LC/Force/M4-6/02 17 3. ความเร็วของวัตถุในแนวดิ่งมี โดยครูผูสอนชวยอธิบายความรู คาเปนศูนย เพิ่มเติม 4. ความเร็วของวัตถุในแนวราบมี • วิเคราะหการทดลองทั้ง 2 ตอน (วิเคราะหคําตอบ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ภายใต คาเปนศูนย วามีความเหมือนหรือแตกตาง นักเรียนควรรู นักเรียนควรรู แรงโนมถวงในแนวดิ่ง จึงมีความเรง (g) กระทําในทิศชี้ลงตลอด กันอยางไร ขวาง การขวาง แสดงถึง แนวระดับ หมายถึง แนวที่ขนาน ขณะที่ในแนวราบความเรงเปนศูนยเนื่องจากความเร็วในแนวราบ การเคลื่อนที่ที่มีความเร็วตน กับพื้นโลก คงที่ ที่จุดสูงสุดพิจารณาในทํานองเดียวกับการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ไมเทากับศูนย คือ ความเร็วในแนวดิ่งจะมีคาเปนศูนยที่จุดสูงสุด ตอบ ขอ 3.) 16 คูมือครู คูมือครู 17

ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Elaborate Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ตรวจสอบผล (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ครูใหนักเรียนตอบคําถามและรวม ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา แสดงความคิดเห็น พัฒนาทักษะ 1.2 เกี่ยวกับวัตถุที่มีลักษณะการเคลื่อนที่ • หากโลหะกลมเคลื่อนที่จาก วิทยาศาสตร 3. การเคลื่อนที่แบบวงกลม แบบวงกลมที่พบเห็นในชีวิตประจําวัน การเคลื่อนที่ในแนวโคง จุดเริ่มตนดวยความเร็วที่มาก ตอนที่ 1 การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชชุดการทดลอง การเคลื่อนที่แบบวงกลม (circular motion) เปนการเคลื่อนที่ V เชน ชิงชาสวรรค มาหมุน รถเลี้ยวโคง หรือนอยกวาการทดลอง ผลที่ได ตามแนวโคงแบบครบรอบ ซึ่งเราจะพบเห็นลักษณะการเคลื่อนที่แบบนี้ รถไฟเหาะตีลังกา เปนตน โดยครูใช จะเปนอยางไร และแนวโคงของ อุปกรณ ในชีวิตประจําวันได เชน รถยนตหรือรถจักรยานยนตที่กําลังเลี้ยวโคง V V คําถามกระตุนเพื่อใหนักเรียนเกิด การเคลื่อนที่เปนโคงแบบใด 1. ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคง 1 ชุด รถไฟเหาะตีลังกา ดาวเทียมที่โคจรรอบโลก โลกโคจรรอบดวงอาทิตย การเรียนรู (แนวตอบ ถามีความเร็วตนมากก็ วิธีทํา เปนตน F c V • วัตถุสามารถเคลื่อนที่เปน จะโคงไปตกไกลขึ้น ในทาง 1. ปลอยโลหะกลมบนรางที่ระดับความสูงตางๆ กัน แลวสังเกตแนวการเคลื่อนที่ของวัตถุหลังจากที่หลุดจากราง จากที่ไดศึกษามาแลววา หากวัตถุเคลื่อนที่โดยมีความเร็วตนใน V a c วงกลมไดอยางไร ในแนวระดับ บันทึกตําแหนงที่วัตถุตกลงบนพื้น ตรงขามถาความเร็วตนนอยก็จะ 2. ปลอยโลหะกลม ณ ตําแหนงหนึ่ง แลวใชที่กั้นวางดักไวดังภาพ เนื่องจากที่กั้นมีกระดาษคารบอนติดอยู 2 มิติ และมีแรงกระทําจากแรงโนมถวงในทิศลงเพียงอยางเดียว วัตถุ V (แนวตอบ วัตถุมีการเคลื่อนที่ โคงไปตกในระยะสั้นลง ซึ่งจะ จึงปรากฏรอยกระแทกบนที่กั้น ทําเครื่องหมายบนกระดาษกราฟใหตรงกับรอยกระแทกของโลหะกลมบนที่กั้น จะมีการเคลืี่อนที่แบบโพรเจกไทล แตถามีแรงกระทําตอวัตถุนั้นในทิศ ภาพที่ 1.20 วัตถุเคลื่อนที่แบบวงกลม แรง ตามแนวโคง โดยมีแรงที่มี เปนโคงแบบพาราโบลา) 3. ปลอยโลหะกลม ณ ตําแหนงเดิมอีก 6 - 8 ครั้ง ในแตละครั้งเลื่อนที่กั้นใหหางออกไป 1 เซนติเมตร ทํามุม 90 องศากับทิศการเคลื่อนที่ จะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคง ที่กระทําตอวัตถุจะมีทิศเขาหาจุดศูนยกลาง ทิศทางตั้งฉากกับความเร็ว ของการเคลื่อนที่ แลวบันทึกตําแหนงที่โลหะกระแทกที่กั้นบนกระดาษกราฟ แบบวงกลม (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) มากระทําตลอดเวลา วัตถุจึง หลักฐาน 4. สรุปผลการทํากิจกรรมชวยทําลูกโลหะใหชัดขึ้นลูกใหญขึ้นนิด สีเทาเขมๆ ถาเราใชเชือกผูกวัตถุกอนหนึ่งไว แลวจับปลายอีกดานหนึ่งของ เคลื่อนที่แบบวงกลม) ลูกโลหะ แสดงผลการเรียนรู รางโลหะ กระดาษกราฟ เชือกเหวี่ยงใหวัตถุที่ผูกไวเคลื่อนที่ตามแนวโคงจนอยูในลักษณะวงกลม รางโลหะ รางโลหะ รอบๆ มือ แนววงกลมที่วัตถุเคลื่อนที่อาจจะอยูในระนาบดิ่ง แนวเอียง • รายงานผลการปฏิบัติกิจกรรม หรืออยูในระนาบระดับก็ได ทั้งนี้ยอมแลวแตลักษณะและตําแหนงของเชือก สํารวจคนหา พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.2 ที่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลม ครูใหนักเรียนแบงกลุมเพื่อปฏิบัติ แปนไม • แบบบันทึกการตอบคําถามชวนคิด แปนไม ที่กั้นติดกระดาษคารบอน รอบๆ มือ จะรูสึกวามีแรงตึงในเสนเชือกดึงวัตถุเขาสูตัวเรา ถาเชือกที่ผูก กิจกรรมพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.3 วัตถุขาดขณะเหวี่ยง วัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางออกไปเปนเสนตรง แสดงวา หนา 21 แลวบันทึกผลการทดลอง ภาพที่ 1.18 ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคงาพที่ 1.18 ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคงาพที่ 1.18 ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคงาพที่ 1.18 ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคง แรงดึงในเสนเชือกที่มีทิศเขาสูศูนยกลางทําใหวัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมได พรอมทั้งตอบคําถามในการทดลอง ภ ภ ภ และศึกษาเสริมประสบการณ เกร็ดแนะครู ตอนที่ 2 ตอนที่ 2 การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง วิทยาศาสตร หนา 21 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) เขาหาจุดศูนยกลางของการเคลื่อนที่ เรียกแรงนี้วา แรงสูศูนยกลาง การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ ครูควรแนะนําวิธีการใชอุปกรณ อุปกรณ (centripetal force : F ) โดยแรงสูศูนยกลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็ว c ใหแกนักเรียน 1. เหรียญ 2 เหรียญ ของวัตถุตลอดเวลา ซึ่งแรงสูศูนยกลางที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่แบบวงกลมได อธิบายความรู 2. ไมบรรทัดยาว 2 อันไมบรรทัดยาว 2 อันไมบรรทัดยาว 2 อันไมบรรทัดยาว 2 อันไมบรรทัดยาว 2 อัน 2. 2. 2. 2. ตองมีขนาดที่พอเหมาะ จึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวย 2. ไมบรรทัดยาว 2 อัน วิธีทํา วิธีทํา วิธีทํา รัศมีคาหนึ่งและความเร็วคาหนึ่ง ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน @ มุม IT 1. จัดอุปกรณดังภาพ โดยวางหรียญหนึ่งบนขอบโตะในแนวราบ การเคลื่อนที่ของวัตถุตามแนววงกลมจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง อภิปราย สรุปผลการทดลองและ เขียนรายงานการทดลองจาก สวนอีกเหรียญวางอยูบนไมบรรทัด ศึกษาการทดลองเสมือนจริงเรื่อง 2. ใชไมบรรทัดอีกอันตีไมบรรทัดที่วางบนโตะแรงๆ ตลอดเวลา จึงอาจกลาวไดวาเปนการเคลื่อนที่แบบมีความเรง ซึ่งทิศ การปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาทักษะ ของความเรงจะตั้งฉากกับทิศของความเร็วในทุกจุดบนแนววงกลม โดย การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลไดจาก จนเหรียญทั้งสองตกจากโตะ ความเร็วของวัตถุอยูตามแนวเสนสัมผัสวงกลม และเสนสัมผัสตั้งฉากกับ วิทยาศาสตร 1.2 แลวออกมา เว็บไซตของภาควิชาฟสิกส 3. สังเกตการเคลื่อนที่ของเหรียญทั้งสองเหรียญ ใชมือจับไมบรรทัด รัศมีของวงกลม ณ จุดสัมผัส ดังนั้น เราเรียกความเรงของวัตถุมีทิศทาง นําเสนอหนาชั้นเรียน โดยครูผูสอน คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัย 4. สรุปผลการทํากิจกรรม ภาพที่ 1.19 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล เขาสูจุดศูนยกลางตามแนวรัศมีวงกลมเชนเดียวกับแรงสูศูนยกลาง วา ชวยอธิบายความรูเพิ่มเติมเพื่อให เทคโนโลยีราชมงคล www.rmut (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ความเรงสูศูนยกลาง นักเรียนเกิดความเขาใจมากขึ้น ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง physics.com/charud/virtualex 18 19 ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะห periment/Wxplore/ProjectileM/ การเคลื่อนที่ของดาวเทียมจากการ ProjectileM1.htm ศึกษาเสริมประสบการณวิทยาศาสตร หนา 21 นักเรียนควรรู นักเรียนควรรู ความเรงสูศูนยกลาง จากกฎขอที่ 2 ของนิวตัน เมื่อมีแรงกระทําวัตถุเขา สูศูนยกลาง ยอมมีความเรงดวยเสมอ ( F = ma) โดยที่ความเรงดังกลาว Σ มีทิศเขาสูศูนยกลางตลอดการเคลื่อนที่ 18 คูมือครู คูมือครู 19

ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Elaborate Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ตรวจสอบผล (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ ครูใหนักเรียนตอบคําถามและรวม ครูและนักเรียนรวมกันสนทนา แสดงความคิดเห็น พัฒนาทักษะ 1.2 เกี่ยวกับวัตถุที่มีลักษณะการเคลื่อนที่ • หากโลหะกลมเคลื่อนที่จาก วิทยาศาสตร 3. การเคลื่อนที่แบบวงกลม แบบวงกลมที่พบเห็นในชีวิตประจําวัน การเคลื่อนที่ในแนวโคง จุดเริ่มตนดวยความเร็วที่มาก ตอนที่ 1 การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชชุดการทดลอง การเคลื่อนที่แบบวงกลม (circular motion) เปนการเคลื่อนที่ V เชน ชิงชาสวรรค มาหมุน รถเลี้ยวโคง หรือนอยกวาการทดลอง ผลที่ได ตามแนวโคงแบบครบรอบ ซึ่งเราจะพบเห็นลักษณะการเคลื่อนที่แบบนี้ รถไฟเหาะตีลังกา เปนตน โดยครูใช จะเปนอยางไร และแนวโคงของ อุปกรณ ในชีวิตประจําวันได เชน รถยนตหรือรถจักรยานยนตที่กําลังเลี้ยวโคง V V คําถามกระตุนเพื่อใหนักเรียนเกิด การเคลื่อนที่เปนโคงแบบใด 1. ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคง 1 ชุด รถไฟเหาะตีลังกา ดาวเทียมที่โคจรรอบโลก โลกโคจรรอบดวงอาทิตย การเรียนรู (แนวตอบ ถามีความเร็วตนมากก็ วิธีทํา เปนตน F c V • วัตถุสามารถเคลื่อนที่เปน จะโคงไปตกไกลขึ้น ในทาง 1. ปลอยโลหะกลมบนรางที่ระดับความสูงตางๆ กัน แลวสังเกตแนวการเคลื่อนที่ของวัตถุหลังจากที่หลุดจากราง จากที่ไดศึกษามาแลววา หากวัตถุเคลื่อนที่โดยมีความเร็วตนใน V a c วงกลมไดอยางไร ในแนวระดับ บันทึกตําแหนงที่วัตถุตกลงบนพื้น ตรงขามถาความเร็วตนนอยก็จะ 2. ปลอยโลหะกลม ณ ตําแหนงหนึ่ง แลวใชที่กั้นวางดักไวดังภาพ เนื่องจากที่กั้นมีกระดาษคารบอนติดอยู 2 มิติ และมีแรงกระทําจากแรงโนมถวงในทิศลงเพียงอยางเดียว วัตถุ V (แนวตอบ วัตถุมีการเคลื่อนที่ โคงไปตกในระยะสั้นลง ซึ่งจะ จึงปรากฏรอยกระแทกบนที่กั้น ทําเครื่องหมายบนกระดาษกราฟใหตรงกับรอยกระแทกของโลหะกลมบนที่กั้น จะมีการเคลืี่อนที่แบบโพรเจกไทล แตถามีแรงกระทําตอวัตถุนั้นในทิศ ภาพที่ 1.20 วัตถุเคลื่อนที่แบบวงกลม แรง ตามแนวโคง โดยมีแรงที่มี เปนโคงแบบพาราโบลา) 3. ปลอยโลหะกลม ณ ตําแหนงเดิมอีก 6 - 8 ครั้ง ในแตละครั้งเลื่อนที่กั้นใหหางออกไป 1 เซนติเมตร ทํามุม 90 องศากับทิศการเคลื่อนที่ จะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคง ที่กระทําตอวัตถุจะมีทิศเขาหาจุดศูนยกลาง ทิศทางตั้งฉากกับความเร็ว ของการเคลื่อนที่ แลวบันทึกตําแหนงที่โลหะกระแทกที่กั้นบนกระดาษกราฟ แบบวงกลม (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) มากระทําตลอดเวลา วัตถุจึง หลักฐาน 4. สรุปผลการทํากิจกรรมชวยทําลูกโลหะใหชัดขึ้นลูกใหญขึ้นนิด สีเทาเขมๆ ถาเราใชเชือกผูกวัตถุกอนหนึ่งไว แลวจับปลายอีกดานหนึ่งของ เคลื่อนที่แบบวงกลม) ลูกโลหะ เชือกเหวี่ยงใหวัตถุที่ผูกไวเคลื่อนที่ตามแนวโคงจนอยูในลักษณะวงกลม แสดงผลการเรียนรู รางโลหะ กระดาษกราฟ เชือกเหวี่ยงใหวัตถุที่ผูกไวเคลื่อนที่ตามแนวโคงจนอยูในลักษณะวงกลม รอบๆ รอบๆ รอบๆ มือ แนววงกลมที่วัตถุเคลื่อนที่อาจจะอยูในระนาบดิ่ง แนวเอียง รอบๆ มือ แนววงกลมที่วัตถุเคลื่อนที่อาจจะอยูในระนาบดิ่ง แนวเอียง มือ แนววงกลมที่วัตถุเคลื่อนที่อาจจะอยูในระนาบดิ่ง แนวเอียง มือ แนววงกลมที่วัตถุเคลื่อนที่อาจจะอยูในระนาบดิ่ง แนวเอียง • รายงานผลการปฏิบัติกิจกรรม หร หร หร สํารวจคนหา หรืออยูในระนาบระดับก็ได ทั้งนี้ยอมแลวแตลักษณะและตําแหนงของเชือกืออยูในระนาบระดับก็ได ทั้งนี้ยอมแลวแตลักษณะและตําแหนงของเชือกืออยูในระนาบระดับก็ได ทั้งนี้ยอมแลวแตลักษณะและตําแหนงของเชือกืออยูในระนาบระดับก็ได ทั้งนี้ยอมแลวแตลักษณะและตําแหนงของเชือก หรืออยูในระนาบระดับก็ได ทั้งนี้ยอมแลวแตลักษณะและตําแหนงของเชือก พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.2 ที่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมี่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมี่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมี่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมี่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมี่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลม ครูใหนักเรียนแบงกลุมเพื่อป ที่เราผูกวัตถุ ตลอดจนแรงที่เหวี่ยงวัตถุ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลม ท ท ท ท ท • แบบบันทึกการตอบคําถามชวนคิด แปนไม ที่กั้นติดกระดาษคารบอน รอบๆ กิจกรรมพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.3 รอบๆ มือ จะรูสึกวามีแรงตึงในเสนเชือกดึงวัตถุเขาสูตัวเรา ถาเชือกที่ผูกมือ จะรูสึกวามีแรงตึงในเสนเชือกดึงวัตถุเขาสูตัวเรา ถาเชือกที่ผูกมือ จะรูสึกวามีแรงตึงในเสนเชือกดึงวัตถุเขาสูตัวเรา ถาเชือกที่ผูกมือ จะรูสึกวามีแรงตึงในเสนเชือกดึงวัตถุเขาสูตัวเรา ถาเชือกที่ผูก รอบๆ รอบๆ รอบๆ มือ จะรูสึกวามีแรงตึงในเสนเชือกดึงวัตถุเขาสูตัวเรา ถาเชือกที่ผูก วัตถุขาดขณะเหวี่ยง วัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางออกไปเปนเสนตรง แสดงวา ว ว ว วัตถุขาดขณะเหวี่ยง วัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางออกไปเปนเสนตรง แสดงวาัตถุขาดขณะเหวี่ยง วัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางออกไปเปนเสนตรง แสดงวาัตถุขาดขณะเหวี่ยง วัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางออกไปเปนเสนตรง แสดงวาัตถุขาดขณะเหวี่ยง วัตถุจะเคลื่อนที่ในทิศทางออกไปเปนเสนตรง แสดงวา หนา 21 แลวบันทึกผลการทดลอง แรงด แรงด แรงด แรงดึงในเสนเชือกที่มีทิศเขาสูศูนยกลางทําใหวัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมได ภาพที่ 1.18 ชุดการทดลองการเคลื่อนที่ในแนวโคง แรงดึงในเสนเชือกที่มีทิศเขาสูศูนยกลางทําใหวัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมได ึงในเสนเชือกที่มีทิศเขาสูศูนยกลางทําใหวัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมได ึงในเสนเชือกที่มีทิศเขาสูศูนยกลางทําใหวัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมได ึงในเสนเชือกที่มีทิศเขาสูศูนยกลางทําใหวัตถุเคลื่อนที่เปนวงกลมได พรอมทั้งตอบคําถามในการทดลอง และศึกษาเสริมประสบการณ ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง เกร็ดแนะครู ตอนที่ 2 การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล โดยใชการตกของเหรียญ ดังนั้น การเคลื่อนที่แบบวงกลม จะมีแรงกระทําตอวัตถุในทิศพุง วิทยาศาสตร หนา 21 (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) แรงส เขาหาจุดศูนยกลางของการเคลื่อนที่ เรียกแรงนี้วา แรงสูศูนยกลาง แรงส แรงส แรงส แรงสูศูนยกลางูศูนยกลางูศูนยกลางูศูนยกลางูศูนยกลาง ครูควรแนะนําวิธีการใชอุปกรณ อุปกรณ (centripetal force : F ) โดยแรงสูศูนยกลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็ว โดยแรงสูศูนยกลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็ว โดยแรงสูศูนยกลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็ว c ใหแกนักเรียน 1. เหรียญ 2 เหรียญ ของวัตถุตลอดเวลา ซึ่งแรงสูศูนยกลางที่ทําใหวัตถุเคลื่อนที่แบบวงกลมได อธิบายความรู ตองมีขนาดที่พอเหมาะ จึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวย ตองมีขนาดที่พอเหมาะ จึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวยจึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวยจึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวยจึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวยจึงจะทําใหวัตถุเคลื่อนที่ในแนวโคงของวงกลมดวย ตองมีขนาดที่พอเหมาะ ตองมีขนาดที่พอเหมาะ ตองมีขนาดที่พอเหมาะ 2. ไมบรรทัดยาว 2 อัน ตองมีขนาดที่พอเหมาะ วิธีทํา รัศมีคาหนึ่งและความเร็วคาหนึ่ง ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน @ มุม IT 1. จัดอุปกรณดังภาพ โดยวางหรียญหนึ่งบนขอบโตะในแนวราบ การเคลื่อนที่ของวัตถุตามแนววงกลมจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง อภิปราย สรุปผลการทดลองและ เขียนรายงานการทดลองจาก สวนอีกเหรียญวางอยูบนไมบรรทัด ศึกษาการทดลองเสมือนจริงเรื่อง 2. ใชไมบรรทัดอีกอันตีไมบรรทัดที่วางบนโตะแรงๆ ตลอดเวลา จึงอาจกลาวไดวาเปนการเคลื่อนที่แบบมีความเรง ซึ่งทิศ การปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาทักษะ ของความเรงจะตั้งฉากกับทิศของความเร็วในทุกจุดบนแนววงกลม โดย การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลไดจาก จนเหรียญทั้งสองตกจากโตะ ความเร็วของวัตถุอยูตามแนวเสนสัมผัสวงกลม และเสนสัมผัสตั้งฉากกับ วิทยาศาสตร 1.2 แลวออกมา เว็บไซตของภาควิชาฟสิกส 3. สังเกตการเคลื่อนที่ของเหรียญทั้งสองเหรียญ ใชมือจับไมบรรทัด รัศมีของวงกลม ณ จุดสัมผัส ดังนั้น เราเรียกความเรงของวัตถุมีทิศทาง นําเสนอหนาชั้นเรียน โดยครูผูสอน คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัย 4. สรุปผลการทํากิจกรรม ภาพที่ 1.19 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล เขาสูจุดศูนยกลางตามแนวรัศมีวงกลมเชนเดียวกับแรงสูศูนยกลาง วา ชวยอธิบายความรูเพิ่มเติมเพื่อให เทคโนโลยีราชมงคล www.rmut (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) ความเรงสูศูนยกลาง นักเรียนเกิดความเขาใจมากขึ้น ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง ความเรงสูศูนยกลาง physics.com/charud/virtualex 18 19 ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะห periment/Wxplore/ProjectileM/ การเคลื่อนที่ของดาวเทียมจากการ ProjectileM1.htm ศึกษาเสริมประสบการณวิทยาศาสตร หนา 21 นักเรียนควรรู นักเรียนควรรู ความเรงสูศูนยกลาง จากกฎขอที่ 2 ของนิวตัน เมื่อมีแรงกระทําวัตถุเขา สูศูนยกลาง ยอมมีความเรงดวยเสมอ ( F = ma) โดยที่ความเรงดังกลาว Σ มีทิศเขาสูศูนยกลางตลอดการเคลื่อนที่ 18 คูมือครู คูมือครู 19

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate Engage Explore Explain Evaluate Engage Explore Explain Elaborate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ตรวจสอบผล ครูใหนักเรียนอธิบายเหตุการณ บันทึกการตอบคําถามชวนคิด ตอไปนี้วามีปจจัยใดบางที่มีผล จากหนา 20 ตอการเคลื่อนที่แบบวงกลมของ การขับรถไปบนถนนโคง ตองระมัดระวังการใชอัตราเร็ว ซึ่งควร พัฒนาทักษะ 1.3 อธิบายเหตุการณตางๆ เกี่ยวกับ วัตถุ และปจจัยนั้นมีผลตอ ขับรถดวยอัตราเร็วตามที่กฎหมายกําหนดไว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย วิทยาศาสตร การเคลื่อนที่แบบวงกลม และ การเคลื่อนที่แบบวงกลมในแนวระดับ การเคลื่อนที่อยางไร หากใชอัตราเร็วสูงกวาที่กําหนดไว อาจทําใหรถไถลออกจากถนนและ นําความรูไปประยุกตใชในชีวิต • นักแขงจักรยานกับจํานวนลู เกิดอุบัติเหตุขึ้นได เพราะไมสามารถเลี้ยวรถในรัศมีนั้นได เนื่องจาก อุปกรณ ประจําวันได ที่เปนทางโคง มีแรงสูศูนยกลางที่เกิดจากแรงเสียดทานระหวางลอกับพื้นถนนที่มีคา 1. ชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลม 1 ชุด • การแกวงถังนํ้าผูกเชือกแลวนํ้า จํากัดไดคาหนึ่งเทานั้น ดวยเหตุนี้จึงจําเปนตองสรางถนนใหเอียงเขาสู วิธีทํา ไมหก ภาพที่ 1.21 การเลี้ยวรถยนตบนถนนโคง ศูนยกลางของความโคงถนนเพื่อชวยเพิ่มแรงสูศูนยกลางที่กระทําตอรถ 1. เหวี่ยงจุกยางในชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลม ใหเคลืื่อนที่เปนวงเหนือศีรษะ ดังภาพ สังเกตเสนทางการเคลื่อนที่ เกร็ดแนะครู • การแสดงรถมอเตอรไซค ควรใชอัตราเร็วตามที่กําหนด เพื่อใหรถ- และทําใหการขับขี่รถบนถนนโคงมีความปลอดภัยมากขึ้น ของจุกยาง อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ ความยาวของเชือกและแรงดึงเชือก ไตถัง ยนตเคลื่อนที่ในแนวโคงได ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกก็เปนการเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มี ครูใหนักเรียนลองเหวี่ยงจุกยาง (ที่มาของภาพ : http://www.phuphi- • การหมุน Hula Hoop phat.com) แรงดึงดูดระหวางมวลหรือแรงโนมถวงของโลกเปนแรงสูศูนยกลาง ใหหมุนในแนวดิ่งแลวสังเกตลักษณะ ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนเกิด ทําใหดาวเทียมโคจรรอบโลกได แรงดึงเชือกที่เกิดขึ้น การเคลื่อนที่ของวัตถุแบบวงกลมเปนการเคลื่อนที่ครบรอบ ความคิดสรางสรรค การเคลื่อนที่ของวัตถุแบบวงกลมเปนการเคลื่อนที่ครบรอบ • นักเรียนสามารถนําความรูเรื่อง โดยชวงเวลาที่วัตถุใชในการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ เรียกวา คาบ (period) มีหนวยเปน วินาที ใชแทนดวย T และจํานวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ไดใน 1 มีหนวยเปน วินาที ใชแทนดวย T และจํานวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ไดใน 1 วินาที ใชแทนดวย T และจํานวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ไดใน 1 การเคลื่อนที่แบบวงกลมไปใช มีหนวยเปน ภาพที่ 1.22 ชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลม นักเรียนควรรู หนวยเวลา เรียกวา ความถี่ (frequency) มีหนวยเปน รอบ/วินาที หรือ หนวยเวลา เรียกวาเรียกวาเรียกวาเรียกวา หนวยเวลา หนวยเวลา ประโยชนในเรื่องใดไดบาง หนวยเวลา (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ 2. ลองเหวี่ยงจุกยางดวยเงื่อนไขที่ตางไปจากเดิม เชน เหวี่ยงดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น แตความยาวของเชือกเทาเดิมหรือ มีแรงดึง แรงดึงในเชือกแตละเสน ของนักเรียน) เหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาวเชือก หรือเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ ตามความสนใจ สังเกต และอธิบาย จะมีคาเทากันตลอดทั้งเสน หนวย T = = = 1 1 1 1 1 1 1 1 T เสนทางการเคลื่อนที่ของจุกยางในแตละกรณี ของแรงเปน นิวตัน เชนเดียวกับ 1 1 1 1 1 1 1 1 หรือ f = หรือ f = หรือ f = หรือ f = หรือ f = T T 3. อภิปรายรวมกัน แลวสรุปและนําเสนอผลการศึกษา แรงอื่นๆ f f f นักเรียนควรรู 4. ตอบคําถามตอไปนี้ จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบาง ■ มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม การเคลื่อนที่ครบรอบ คือ ■ มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม วิเคราะหความสัมพันธระหวางอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ รัศมีการเคลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือก ■ การเคลื่อนที่วนซํ้าเสนทางเดิม หรือ NET ขอสอบ ป 50 การเคลื่อนที่แบบกลับไปกลับมา โดย คําถาม เสริมประสบการณ ผูกวัตถุดวยเชือกแลวเหวี่ยงให คําถาม คําถาม ชวนคิด ชวนคิด ชวนคิด เมื่อเคลื่อนที่มายังตําแหนงเดิม คาของ ชวนคิด วิทยาศาสตร เคลื่อนที่เปนวงกลมในแนวระนาบดิ่ง ปริมาณตางๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ 1. \"ขณะขับรถจักรยานยนตผานบริเวณถนนโคง ถาถนนโคงเลี้ยวไปทางซาย คนขับจะตองเอียงตัวไปทางซาย การเคลื่อนที่ของดาวเทียม ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มาถึงตําแหนง จะมีคาเทาเดิม แตถาถนนโคงเลี้ยวไปทางขวาคนขับก็จะตองเอียงตัวไปทางขวา\" ทานเห็นดวยตามคํากลาวนี้หรือไม ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกแตละดวงจะมีรัศมีวงโคจรตางกัน ซึ่งตางก็เคลื่อนที่รอบโลกในแนววงกลม โดยมี สูงสุดของวงกลม แรงชนิดใดในขอ เพราะเหตุใด แรงที่โลกดึงดูดดาวเทียมเปนแรงสูศูนยกลางกระทําตอดาวเทียม ดังนั้น การสงดาวเทียมขึ้นไปสูวงโคจรรอบโลก ตอไปนี้ทําหนาที่เปนแรงสูศูนยกลาง ตองมีการกําหนดรัศมีวงโคจรไวกอน แลวจึงคํานวณหาแรงสูศูนยกลางที่กระทํากับดาวเทียมและอัตราเร็วเชิงเสน 2. ในขณะที่วัตถุเคลื่อนที่ตามแนววงกลม อยากทราบวาอัตราเร็วหรือความเร็วมีคาคงที่ เพราะเหตุใด ในวงโคจรนั้นๆ เมื่อยิงดาวเทียมขึ้นไปจนมีความสูงหรือรัศมีของการโคจรตามที่ตองการแลว จึงปรับทิศทางและ 1. แรงดึงเชือก 3. เหตุใดดาวเทียมจึงโคจรรอบโลกไดโดยไมตกลงสูพื้นผิวโลก 2. นํ้าหนักของวัตถุ อัตราเร็วของดาวเทียมเพื่อใหเขาสูวงโคจรรอบโลกตามที่กําหนดไว 3. แรงดึงเชือกบวกกับนํ้าหนัก ของวัตถุ 20 21 4. ตําแหนงนั้นแรงสูศูนยกลาง เปนศูนย (วิเคราะหคําตอบ แรงที่กระทํากับ วัตถุมีทั้งแรงดึงเชือกและนํ้าหนัก เนื่องจากแรงโนมถวง แรงสูศูนยกลาง เกร็ดแนะครู หลักฐาน จึงเปนผลรวมของแรงดึงเชือกซึ่งมีคา แสดงผลการเรียนรู ครูอาจจะยกตัวอยางการคํานวณหาคาบและความถี่ • รายงานผลการปฏิบัติกิจกรรม ไมคงที่ รวมกับนํ้าหนักซึ่งมีคาคงที่ เมื่อรวมกันแบบเวกเตอรจะทําให ของการเคลื่อนที่แบบวงกลมมาใหนักเรียนฝกคํานวณ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.3 แรงสูศูนยกลางมีขนาดเทากันทุกจุด • แบบบันทึกการตอบคําถาม ตอบ ขอ 3.) 20 คูมือครู ชวนคิด คูมือครู 21

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate Engage Explore Explain Evaluate Engage Explore Explain Elaborate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ตรวจสอบผล ครูใหนักเรียนอธิบายเหตุการณ บันทึกการตอบคําถามชวนคิด ตอไปนี้วามีปจจัยใดบางที่มีผล จากหนา 20 ตอการเคลื่อนที่แบบวงกลมของ การขับรถไปบนถนนโคง ตองระมัดระวังการใชอัตราเร็ว ซึ่งควร พัฒนาทักษะ 1.3 อธิบายเหตุการณตางๆ เกี่ยวกับ วัตถุ และปจจัยนั้นมีผลตอ ขับรถดวยอัตราเร็วตามที่กฎหมายกําหนดไว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย วิทยาศาสตร การเคลื่อนที่แบบวงกลม และ การเคลื่อนที่แบบวงกลมในแนวระดับ การเคลื่อนที่อยางไร หากใชอัตราเร็วสูงกวาที่กําหนดไว อาจทําใหรถไถลออกจากถนนและ นําความรูไปประยุกตใชในชีวิต • นักแขงจักรยานกับจํานวนลู เกิดอุบัติเหตุขึ้นได เพราะไมสามารถเลี้ยวรถในรัศมีนั้นได เนื่องจาก อุปกรณ ประจําวันได ที่เปนทางโคง มีแรงสูศูนยกลางที่เกิดจากแรงเสียดทานระหวางลอกับพื้นถนนที่มีคา 1. ชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลม 1 ชุด • การแกวงถังนํ้าผูกเชือกแลวนํ้า จํากัดไดคาหนึ่งเทานั้น ดวยเหตุนี้จึงจําเปนตองสรางถนนใหเอียงเขาสู วิธีทํา ไมหก ภาพที่ 1.21 การเลี้ยวรถยนตบนถนนโคง ศูนยกลางของความโคงถนนเพื่อชวยเพิ่มแรงสูศูนยกลางที่กระทําตอรถ 1. เหวี่ยงจุกยางในชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลม ใหเคลืื่อนที่เปนวงเหนือศีรษะ ดังภาพ สังเกตเสนทางการเคลื่อนที่ เกร็ดแนะครู • การแสดงรถมอเตอรไซค ควรใชอัตราเร็วตามที่กําหนด เพื่อใหรถ- และทําใหการขับขี่รถบนถนนโคงมีความปลอดภัยมากขึ้น ของจุกยาง อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ ความยาวของเชือกและแรงดึงเชือก ไตถัง ยนตเคลื่อนที่ในแนวโคงได ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกก็เปนการเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มี ครูใหนักเรียนลองเหวี่ยงจุกยาง (ที่มาของภาพ : http://www.phuphi- • การหมุน Hula Hoop phat.com) แรงดึงดูดระหวางมวลหรือแรงโนมถวงของโลกเปนแรงสูศูนยกลาง ใหหมุนในแนวดิ่งแลวสังเกตลักษณะ ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนเกิด ทําใหดาวเทียมโคจรรอบโลกได แรงดึงเชือกที่เกิดขึ้น การเคลื่อนที่ของวัตถุแบบวงกลมเปนการเคลื่อนที่ครบรอบ ความคิดสรางสรรค การเคลื่อนที่ของวัตถุแบบวงกลมเปนการเคลื่อนที่ครบรอบ • นักเรียนสามารถนําความรูเรื่อง โดยชวงเวลาที่วัตถุใชในการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ เรียกวา คาบ (period) การเคลื่อนที่แบบวงกลมไปใช มีหนวยเปน วินาที ใชแทนดวย T และจํานวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ไดใน 1 ภ ภาพที่ 1.22 ชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลมาพที่ 1.22 ชุดการเคลื่อนที่แบบวงกลม นักเรียนควรรู ประโยชนในเรื่องใดไดบาง หนวยเวลา เรียกวา ความถี่ (frequency) มีหนวยเปน รอบ/วินาที หรือ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น เฮิรตซ (Hertz) ใชแทนดวย f โดยมีความสัมพันธ ดังนี้ 2. ลองเหวี่ยงจุกยางดวยเงื่อนไขที่ตางไปจากเดิม เชน เหวี่ยงดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น แตความยาวของเชือกเทาเดิมหรือลองเหวี่ยงจุกยางดวยเงื่อนไขที่ตางไปจากเดิม เชน เหวี่ยงดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น แตความยาวของเชือกเทาเดิมหรือลองเหวี่ยงจุกยางดวยเงื่อนไขที่ตางไปจากเดิม เชน เหวี่ยงดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น แตความยาวของเชือกเทาเดิมหรือลองเหวี่ยงจุกยางดวยเงื่อนไขที่ตางไปจากเดิม เชน เห 2. ลองเหวี่ยงจุกยางดวยเงื่อนไขที่ตางไปจากเดิม เชน เหวี่ยงดวยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น แตความยาวของเชือกเทาเดิมหรือ 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. ของนักเรียน) เหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาวเชือก หรือเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ ตามความสนใจ สังเกต และอธิบายเหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาวเชือก หรือเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ ตามความสนใจ สังเกต และอธิบายเหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาวเชือก หรือเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ ตามความสนใจ สังเกต และอธิบายเหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาวเชือก หรือเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ ตามความสนใจ สังเกต และอธิบายเหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาว เหวี่ยงดวยอัตราเร็วคงตัว แตเปลี่ยนความยาวเชือก หรือเปลี่ยนเงื่อนไขอื่นๆ ตามความสนใจ สังเกต และอธิบาย เสนทางการเคลื่อนที่ของจุกยางในแตละกรณี T = หรือ f = T เสนทางการเคลื่อนที่ของจุกยางในแตละกรณีเสนทางการเคลื่อนที่ของจุกยางในแตละกรณี ของแรงเปน นิวตัน เชนเดียวกับ 1 1 3. อภิปรายรวมกัน แลวสรุปและนําเสนอผลการศึกษา 3. อภิปรายรวมกัน แลวสรุปและนําเสนอผลการศึกษาอภิปรายรวมกัน แลวสรุปและนําเสนอผลการศึกษาอภิปรายรวมกัน แลวสรุปและนําเสนอผลการศึกษา 3. 3. แรงอื่นๆ f นักเรียนควรรู 4. ตอบคําถามตอไปนี้ จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบา จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบา จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบา จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบางง จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบา จุกยางจะคงสภาพการเคลื่อนที่แบบวงกลมอยูไดภายใตเงื่อนไขอะไรบา ■ มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม การเคลื่อนที่ครบรอบ คือ ■ มีแรงดึงที่เชือกกระทําตอจุกยางหรือไม วิเคราะหความสัมพันธระหวางอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ รัศมีการเคลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือกลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือกลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือกลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือกลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือกลื่อนที่ของจุกยางและแรงดึงเชือก วิเคราะหความสัมพันธระหวางอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ รัศมีการเค ■ การเคลื่อนที่วนซํ้าเสนทางเดิม หรือ NET ขอสอบ ป 50 การเคลื่อนที่แบบกลับไปกลับมา โดย คําถาม เสริมประสบการณ ผูกวัตถุดวยเชือกแลวเหวี่ยงให เสริมประสบการณ เมื่อเคลื่อนที่มายังตําแหนงเดิม คาของ ชวนคิด วิทยาศาสตร เคลื่อนที่เปนวงกลมในแนวระนาบดิ่ง ปริมาณตางๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ 1. \"ขณะขับรถจักรยานยนตผานบริเวณถนนโคง ถาถนนโคงเลี้ยวไปทางซาย คนขับจะตองเอียงตัวไปทางซาย การเคลื่อนที่ของดาวเทียม ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่มาถึงตําแหนง จะมีคาเทาเดิม แตถาถนนโคงเลี้ยวไปทางขวาคนขับก็จะตองเอียงตัวไปทางขวา\" ทานเห็นดวยตามคํากลาวนี้หรือไม ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกแตละดวงจะมีรัศมีวงโคจรตางกัน ซึ่งตางก็เคลื่อนที่รอบโลกในแนววงกลม โดยมี สูงสุดของวงกลม แรงชนิดใดในขอ เพราะเหตุใด แรงที่โลกดึงดูดดาวเทียมเปนแรงสูศูนยกลางกระทําตอดาวเทียม ดังนั้น การสงดาวเทียมขึ้นไปสูวงโคจรรอบโลก ตอไปนี้ทําหนาที่เปนแรงสูศูนยกลาง ตองมีการกําหนดรัศมีวงโคจรไวกอน แลวจึงคํานวณหาแรงสูศูนยกลางที่กระทํากับดาวเทียมและอัตราเร็วเชิงเสน 2. ในขณะที่วัตถุเคลื่อนที่ตามแนววงกลม อยากทราบวาอัตราเร็วหรือความเร็วมีคาคงที่ เพราะเหตุใด ในวงโคจรนั้นๆ เมื่อยิงดาวเทียมขึ้นไปจนมีความสูงหรือรัศมีของการโคจรตามที่ตองการแลว จึงปรับทิศทางและ 1. แรงดึงเชือก 3. เหตุใดดาวเทียมจึงโคจรรอบโลกไดโดยไมตกลงสูพื้นผิวโลก 2. นํ้าหนักของวัตถุ อัตราเร็วของดาวเทียมเพื่อใหเขาสูวงโคจรรอบโลกตามที่กําหนดไว 3. แรงดึงเชือกบวกกับนํ้าหนัก ของวัตถุ 20 21 4. ตําแหนงนั้นแรงสูศูนยกลาง เปนศูนย (วิเคราะหคําตอบ แรงที่กระทํากับ วัตถุมีทั้งแรงดึงเชือกและนํ้าหนัก เนื่องจากแรงโนมถวง แรงสูศูนยกลาง เกร็ดแนะครู หลักฐาน จึงเปนผลรวมของแรงดึงเชือกซึ่งมีคา แสดงผลการเรียนรู ครูอาจจะยกตัวอยางการคํานวณหาคาบและความถี่ • รายงานผลการปฏิบัติกิจกรรม ไมคงที่ รวมกับนํ้าหนักซึ่งมีคาคงที่ เมื่อรวมกันแบบเวกเตอรจะทําให ของการเคลื่อนที่แบบวงกลมมาใหนักเรียนฝกคํานวณ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.3 แรงสูศูนยกลางมีขนาดเทากันทุกจุด • แบบบันทึกการตอบคําถาม ตอบ ขอ 3.) 20 คูมือครู ชวนคิด คูมือครู 21

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Elaborate Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครูใหนักเรียนดูภาพ 1.23 การแกวง NET ขอสอบ ป 51 ของชิงชา แลวรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ พัฒนาทักษะ ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหวัตถุมีการ ลักษณะการแกวงของชิงชา พรอมทั้ง 4. การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก วิทยาศาสตร 1.4 เคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย ใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง อยางงาย การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย 1. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ลักษณะนี้ที่พบเห็น การเคลื่อนที่อีกแบบหนึ่งที่พบในชีวิตประจําวัน คือ การเคลื่อนที่ อุปกรณ ผลักลูกตุมใหแกวงเปนวงกลม ในชีวิตประจําวัน โดยครูใชคําถาม ผานจุดใดจุดหนึ่งกลับไปกลับมาบนเสนทางเดิมในชวงเวลาเทาๆ กัน 1. นอต 1 ตัว 4. ไมหนีบหลอดทดลอง โดยเสนเชือกทํามุมคงตัวกับ กระตุนเพื่อใหเกิดการเรียนรู มีลักษณะการเคลื่อนที่เปนคาบ (periodic motion) ถาวัตถุใดมีการ 2. เชือกยาว 1 เสน 5. แทงตะกั่วหรือโลหะอื่นๆ แนวดิ่ง • เวลาแปรงฟน เราแปรงซํ้าๆ ที่ เคลื่อนที่เปนคาบกลับไปกลับมาซ้ําทางเดิม เรียกวา วัตถุเกิดการสั่น 3. นาิกาจับเวลา 1 เรือน 2. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง วัตถุเกิดการสั่น เดิมขึ้นลงหรือไม (vibration) หรือการแกวงกวัด (oscillation) เชน การแกวงของ วิธีทํา ดึงลูกตุมออกมาจนเชือกทํามุม (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น ลูกตุมนาิกา การแกวงของชิงชา การสั่นของสายกีตาร การเคลื่อนที่ 1. จัดอุปกรณดังภาพ ผลักนอตใหแกวงโดยเสนเชือกทํามุมแคบๆ กับแนวดิ่ง จับเวลาที่นอตแกวงครบ 10 รอบ กับแนวดิ่งเล็กนอยแลวปลอยมือ ของนักเรียน) ภาพที่ 1.23 การแกวงของชิงชาเปนการ ของลูกสูบในกระบอกสูบ เปนตน การเคลื่อนที่ดังกลาวอาจเรียกวา แลวคํานวณการแกวง โตะ แทงตะกั่ว ไมหนีบหลอดทดลอง 3. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนว • นักเรียนเคยสังเกตการแกวง เคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย (simple harmonic motion) ระดับ ตรึงอีกดานของสปริงไว ของลูกตุมนาฬกาหรือไม และ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) พิจารณาการแกวงของลูกตุมนาิกา หรือการแกวงของวัตถุที่ผูก ดึงวัตถุใหสปริงยืดออกเล็กนอย เปนการเคลื่อนที่ลักษณะใด ติดกับปลายหนึ่งของเสนเชือก พบวาวัตถุจะเคลื่อนที่กลับไปกลับมาซ้ํา แลวปลอยมือ (แนวตอบ เปนการเคลื่อนที่แบบ ทางเดิม มีตําแหนงเคลื่อนที่ไดไกลสุด 2 ดาน เรียกวา จุดปลาย 4. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนวดิ่ง ทางเดิม มีตําแหนงเคลื่อนที่ไดไกลสุด 2 ดาน เรียกวา ฮารมอนิกอยางงาย) แล แล ตรึงอีกดานของสปริงไว ดึงวัตถุ และตําแหนงกึ่งกลางการเคลื่อนที่ เรียกวา ะตําแหนงกึ่งกลางการเคลื่อนที่ เรียกวา ะตําแหนงกึ่งกลางการเคลื่อนที่ เรียกวา และตําแหนงกึ่งกลางการเคลื่อนที่ เรียกวา จุดสมดุล หรือแนวสมดุล โดยระยะห โดยระยะห โดยระยะห โดยระยะหางระหวางตําแหนงใดๆ เทียบกับจุดสมดุล เรียกวา างระหวางตําแหนงใดๆ เทียบกับจุดสมดุล เรียกวา างระหวางตําแหนงใดๆ เทียบกับจุดสมดุล เรียกวา างระหวางตําแหนงใดๆ เทียบกับจุดสมดุล เรียกวา ใหสปริงยืดออกเล็กนอย แลว โดยระยะหางระหวางตําแหนงใดๆ เทียบกับจุดสมดุล เรียกวา การกระจัด ปลอยมือ ซึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวงึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวงึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวงึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวงึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวงึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการ ซ ซ ซ ซ ซ สํารวจคนหา ซึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวง เชือก ความยาวของเชือก (วิเคราะหคําตอบ การเคลื่อนที่ ของว ของวัตถุนี้ เรียกวาัตถุนี้ เรียกวา ของวัตถุนี้ เรียกวา แอมพลิจูด ถาไมคิดแรงตานของอากาศและแรง แนวสมดุล แนวสมดุล แนวสมดุล ครูใหนักเรียนแบงกลุมเพื่อปฏิบัติ แนวสมดุล ของวัตถุนี้ เรียกวา แอมพลิจูดแอมพลิจูดแอมพลิจูด แบบฮารมอนิกอยางงายจะสั่น เสียดทานที่จุดแขวนเชือก วัตถุจะหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะที่ปลายเสมอ เสียดทานที่จุดแขวนเชือก วัตถุจะหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะที่ปลายเสมอียดทานที่จุดแขวนเชือก วัตถุจะหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะที่ปลายเสมอียดทานที่จุดแขวนเชือก วัตถุจะหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะที่ปลายเสมอียดทานที่จุดแขวนเชือก วัตถุจะหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะที่ปลายเสมอ เส เส เส กิจกรรมพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.4 และมีอัตราเร็วสูงสุดขณะผานจุดสมดุล ดวยการกระจัดเล็กๆ สมํ่าเสมอ และมีอัตราเร็วสูงสุดขณะผานจุดสมดุล และมีอัตราเร็วสูงสุดขณะผานจุดสมดุล และมีอัตราเร็วสูงสุดขณะผานจุดสมดุล และมีอัตราเร็วสูงสุดขณะผานจุดสมดุล หนา 23 แลวบันทึกผลการทดลอง การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน ดังนั้นขอที่ไมใชการเคลื่อนที่ การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน A ผานจุดสมดุล B ไปอีก การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน A ผานจุดสมดุล B ไปอีกA ผานจุดสมดุล B ไปอีกA ผานจุดสมดุล B ไปอีกA ผานจุดสมดุล B ไปอีกA ผานจุดสมดุล B ไปอีกA ผานจุดสมดุล B ไปอีก การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน นักเรียนศึกษาเสริมประสบการณ ด ด ด ด ดานหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ านหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ านหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ านหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ านหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ นอต แบบฮารมอนิกอยางงาย ดานหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ วิทยาศาสตร หนา 24 1 รอบ เวลาของการแกวงครบ 1 รอบ ขึ้นอยูกับความยาวของเชือกเพียงรอบ เวลาของการแกวงครบ 1 รอบ ขึ้นอยูกับความยาวของเชือกเพียง ภาพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย คือ ขอ 4. ตอบ ขอ 4.) 1 รอบ เวลาของการแกวงครบ 1 รอบ ขึ้นอยูกับความยาวของเชือกเพียง 1 อยางเดียวโดยไมขึ้นกับมวลของวัตถุหรือชวงกวางของการแกวง อยางเดียวโดยไมขึ้นกับมวลของวัตถุหรือชวงกวางของการแกวง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) อธิบายความรู การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ 2. ร 2. ระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบ การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ เคร เคร เคร เคร เคร เคร เครื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็มื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็มื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็มื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็มื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็มื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็ ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกัน เครื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็ม การแกวงอยางไร นักเรียนควรรู 3. นําเสนอผลการทดลองในรูปกราฟ และอธิบายความสัมพันธจากกราฟ อภิปราย สรุปผล และเขียนรายงาน แกวงไปมาขณะใชงาน หรือนาิกาแบบลูกตุม ซึ่งทําใหมีความเที่ยงตรง คาตัวแปรตางๆ ตัวแปรในการ การทดลอง แลวออกมานําเสนอ A B ดวยการปรับเวลาครบรอบของการแกวงใหคงที่และตรงกับมาตรฐานเวลา แกวงของลูกตุม ไดแก ความ หนาชั้นเรียน โดยครูผูสอนชวย เสมอ ถานาิกาเดินเร็วไปก็เลื่อนใหลูกตุมนาิกาต่ําลง (เชือกยาวขึ้น) ยาวเชือก (l) และความเรง อธิบายความรูเพิ่มเติม เพื่อทําใหลูกตุมแกวงครบรอบชาลง ในทางตรงขามถานาิกาเดินชาไป เนื่องจากแรงโนมถวง (g) ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะห ภาพที่ 1.24 แสดงลักษณะการแกวงของวัตถุ ก็เลื่อนลูกตุมนาิกาใหสูงขึ้น (เชือกสั้นลง) เพื่อใหเวลาของการแกวงครบ ปจจัยที่มีผลตอการแกวงของ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) รอบเร็วขึ้น ลูกตุมนาฬกา 22 23 นักเรียนควรรู วัตถุเกิดการสั่น กาลิเลโอสังเกตการสั่นของ NET ขอสอบ ป 50 โคมไฟที่อยูในโบสถใกลๆ กับหอเอนเมืองปซา แลวลองจับเวลาจากการเตนของชีพจร พบวา ขอความใดถูกตองเกี่ยวกับคาบของลูกตุมอยางงาย ไมวาโคมไฟจะแกวงกวางหรือแคบมันจะใชคาบ 1. ไมขึ้นกับความยาวเชือก 2. ไมขึ้นกับมวลของลูกตุม การแกวงเทากัน 3. ไมขึ้นกับแรงโนมถวงของโลก 4. มีคาบเทาเดิมถาไปแกวงบนดวงจันทร 22 คูมือครู (วิเคราะหคําตอบ การเคลื่อนที่แบบคาบของลูกตุม ขึ้นอยูกับความยาวเชือกและคาความเรงเนื่องจาก คูมือครู 23 แรงโนม ถวงเทานั้น ไมขึ้นอยูกับมวล ตอบ ขอ 2.)

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Elaborate Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครูใหนักเรียนดูภาพ 1.23 การแกวง NET ขอสอบ ป 51 ของชิงชา แลวรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ พัฒนาทักษะ ขอใดตอไปนี้ไมไดทําใหวัตถุมีการ ลักษณะการแกวงของชิงชา พรอมทั้ง 4. การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก วิทยาศาสตร 1.4 เคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย ใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง อยางงาย การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย 1. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง การเคลื่อนที่ลักษณะนี้ที่พบเห็น การเคลื่อนที่อีกแบบหนึ่งที่พบในชีวิตประจําวัน คือ การเคลื่อนที่ อุปกรณ ผลักลูกตุมใหแกวงเปนวงกลม ในชีวิตประจําวัน โดยครูใชคําถาม ผานจุดใดจุดหนึ่งกลับไปกลับมาบนเสนทางเดิมในชวงเวลาเทาๆ กัน 1. นอต 1 ตัว 4. ไมหนีบหลอดทดลอง โดยเสนเชือกทํามุมคงตัวกับ กระตุนเพื่อใหเกิดการเรียนรู มีลักษณะการเคลื่อนที่เปนคาบ (periodic motion) ถาวัตถุใดมีการ 2. เชือกยาว 1 เสน 5. แทงตะกั่วหรือโลหะอื่นๆ แนวดิ่ง • เวลาแปรงฟน เราแปรงซํ้าๆ ที่ เคลื่อนที่เปนคาบกลับไปกลับมาซ้ําทางเดิม เรียกวา วัตถุเกิดการสั่น 3. นาิกาจับเวลา 1 เรือน 2. แขวนลูกตุมดวยเชือกในแนวดิ่ง วัตถุเกิดการสั่น เดิมขึ้นลงหรือไม (vibration) หรือการแกวงกวัด (oscillation) เชน การแกวงของ วิธีทํา ดึงลูกตุมออกมาจนเชือกทํามุม (แนวตอบ ขึ้นอยูกับความคิดเห็น ลูกตุมนาิกา การแกวงของชิงชา การสั่นของสายกีตาร การเคลื่อนที่ 1. จัดอุปกรณดังภาพ ผลักนอตใหแกวงโดยเสนเชือกทํามุมแคบๆ กับแนวดิ่ง จับเวลาที่นอตแกวงครบ 10 รอบ กับแนวดิ่งเล็กนอยแลวปลอยมือ ของนักเรียน) ภาพที่ 1.23 การแกวงของชิงชาเปนการ ของลูกสูบในกระบอกสูบ เปนตน การเคลื่อนที่ดังกลาวอาจเรียกวา แลวคํานวณการแกวง โตะ แทงตะกั่ว ไมหนีบหลอดทดลอง 3. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนว • นักเรียนเคยสังเกตการแกวง เคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย (simple harmonic motion) ระดับ ตรึงอีกดานของสปริงไว ของลูกตุมนาฬกาหรือไม และ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) พิจารณาการแกวงของลูกตุมนาิกา หรือการแกวงของวัตถุที่ผูก ดึงวัตถุใหสปริงยืดออกเล็กนอย เปนการเคลื่อนที่ลักษณะใด ติดกับปลายหนึ่งของเสนเชือก พบวาวัตถุจะเคลื่อนที่กลับไปกลับมาซ้ํา แลวปลอยมือ (แนวตอบ เปนการเคลื่อนที่แบบ ทางเดิม มีตําแหนงเคลื่อนที่ไดไกลสุด 2 ดาน เรียกวา จุดปลาย 4. ผูกวัตถุกับปลายสปริงในแนวดิ่ง ฮารมอนิกอยางงาย) และตําแหนงกึ่งกลางการเคลื่อนที่ เรียกวา จุดสมดุล หรือแนวสมดุล ตรึงอีกดานของสปริงไว ดึงวัตถุ โดยระยะหางระหวางตําแหนงใดๆ เทียบกับจุดสมดุล เรียกวา การกระจัด ใหสปริงยืดออกเล็กนอย แลว ปลอยมือ สํารวจคนหา ซึ่งจะมีคาสูงสุด เมื่อวัตถุแกวงไปไดไกลสุด การกระจัดสูงสุดของการแกวง เชือก ความยาวของเชือก (วิเคราะหคําตอบ การเคลื่อนที่ ความยาวของเชือก ความยาวของเชือก เชือก เชือก ครูใหนักเรียนแบงกลุมเพื่อปฏิบัติ แนวสมดุล ของวัตถุนี้ เรียกวา แอมพลิจูด ถาไมคิดแรงตานของอากาศและแรง แบบฮารมอนิกอยางงายจะสั่น เสียดทานที่จุดแขวนเชือก วัตถุจะหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะที่ปลายเสมอ กิจกรรมพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร 1.4 และมีอัตราเร็วสูงสุดขณะผานจุดสมดุล ดวยการกระจัดเล็กๆ สมํ่าเสมอ หนา 23 แลวบันทึกผลการทดลอง การเคลื่อนที่ของวัตถุจากจุดเริ่มตน A ผานจุดสมดุล B ไปอีก ดังนั้นขอที่ไมใชการเคลื่อนที่ นักเรียนศึกษาเสริมประสบการณ ดานหนึ่ง แลวกลับมาที่จุดเริ่มตน A อีกครั้งหนึ่ง เปนการเคลื่อนที่ครบ นอต แบบฮารมอนิกอยางงาย วิทยาศาสตร หนา 24 1 รอบ เวลาของการแกวงครบ 1 รอบ ขึ้นอยูกับความยาวของเชือกเพียง ภ ภ ภ ภ ภ ภาพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย าพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย าพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย าพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย าพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย าพที่ 1.25 การจัดอุปกรณการทดลองการเคลื่อนที่แ อยางเดียวโดยไมขึ้นกับมวลของวัตถุหรือชวงกวางของการแกวง (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) อธิบายความรู การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงายนี้ไดนําไปใชสรางอุปกรณ 2. ระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบ 2. ระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิ 2. ระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อการศึกษาวาการเปลี่ยนแปลงคาตัวแปรตางๆ ในชุดทดลองมีผลตอคาบ 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกัน เครื่องใชหรือเครื่องเลนหลายชนิด เชน เครื่องชั่งความไวสูง ซึ่งมีเข็ม การแกวงอยางไร นักเรียนควรรู 3. นําเสนอผลการทดลองในรูปกราฟ และอธิบายความสัมพันธจากกราฟ อภิปราย สรุปผล และเขียนรายงาน แกวงไปมาขณะใชงาน หรือนาิกาแบบลูกตุม ซึ่งทําใหมีความเที่ยงตรง คาตัวแปรตางๆ ตัวแปรในการ การทดลอง แลวออกมานําเสนอ A B ดวยการปรับเวลาครบรอบของการแกวงใหคงที่และตรงกับมาตรฐานเวลา แกวงของลูกตุม ไดแก ความ หนาชั้นเรียน โดยครูผูสอนชวย เสมอ ถานาิกาเดินเร็วไปก็เลื่อนใหลูกตุมนาิกาต่ําลง (เชือกยาวขึ้น) ยาวเชือก (l) และความเรง อธิบายความรูเพิ่มเติม เพื่อทําใหลูกตุมแกวงครบรอบชาลง ในทางตรงขามถานาิกาเดินชาไป เนื่องจากแรงโนมถวง (g) ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะห ภาพที่ 1.24 แสดงลักษณะการแกวงของวัตถุ ก็เลื่อนลูกตุมนาิกาใหสูงขึ้น (เชือกสั้นลง) เพื่อใหเวลาของการแกวงครบ ปจจัยที่มีผลตอการแกวงของ (ที่มาของภาพ : photo bank ACT.) รอบเร็วขึ้น ลูกตุมนาฬกา 22 23 นักเรียนควรรู วัตถุเกิดการสั่น กาลิเลโอสังเกตการสั่นของ NET ขอสอบ ป 50 โคมไฟที่อยูในโบสถใกลๆ กับหอเอนเมืองปซา แลวลองจับเวลาจากการเตนของชีพจร พบวา ขอความใดถูกตองเกี่ยวกับคาบของลูกตุมอยางงาย ไมวาโคมไฟจะแกวงกวางหรือแคบมันจะใชคาบ 1. ไมขึ้นกับความยาวเชือก 2. ไมขึ้นกับมวลของลูกตุม การแกวงเทากัน 3. ไมขึ้นกับแรงโนมถวงของโลก 4. มีคาบเทาเดิมถาไปแกวงบนดวงจันทร 22 คูมือครู (วิเคราะหคําตอบ การเคลื่อนที่แบบคาบของลูกตุม ขึ้นอยูกับความยาวเชือกและคาความเรงเนื่องจาก คูมือครู 23 แรงโนม ถวงเทานั้น ไมขึ้นอยูกับมวล ตอบ ขอ 2.)

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียน ทบทวนความรู ความเขาใจ • การดึงมวลที่ติดกับสปริง และ เสริมประสบการณ วิทยาศาสตร การสั่นของคลื่นนิ่งในเสนเชือก นาฬกาแบบลูกตุม เปนการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก เมื่อป ค.ศ. 1600 นักวิทยาศาสตรและนักประดิษฐ ไดพยายามที่จะ อยางงายหรือไม อยางไร สรางนาฬกาที่มีความเที่ยงตรงสูง แตปรากฏวาไมมีใครประดิษฐได จนกระทั่ง (แนวตอบ เปนแบบฮารมอนิก คริสเตียน ฮอยเกน นักดาราศาสตรชาวดัตช เปนคนแรกที่ประสบความสําเร็จ อยางงายเมื่อสั่นดวยระยะ โดยเขาได คนพบวา คาบการแกวงของลูกตุมนาฬกา ขึ้นอยูกับความยาวของ แอมพลิจูดนอยๆ และคงที่) เสนเชือกที่แขวนลูกตุมนาฬกาเทานั้น ไมขึ้นอยูกับมวลของลูกตุม • การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก มนุษยเริ่มมีการใชนาฬกาแบบลูกตุมมาตั้งแตป ค.ศ. 1659 ซึ่งใน อยางงายมีการสูญเสียพลังงาน ขณะนั้นถือวามีความเที่ยงตรงสูงมาก โดยชิ้นสวนสําคัญของนาฬกาแบบ หรือไม อยางไร ลูกตุม มีดังนี้ (แนวตอบ การเคลื่อนที่แบบ ■ หนาปดมีเข็มชั่วโมง นาที และวินาที มีตุมนํ้าหนักจํานวน 1 หรือมากกวา (ถาเปนนาฬกาที่ทันสมัย ■ ฮารมอนิกอยางงาย ไมเกิดการ ขึ้นมา จะใชสปริงขดเปนวงแทน) สูญเสียพลังงาน) ■ ลูกตุมที่แกวงไปมา ซึ่งการแกวงทั่วๆ ไป คือ หนึ่งครั้งตอหนึ่งลูกตุมที่แกวงไปมา ซึ่งการแกวงทั่วๆ ไป คือ หนึ่งครั้งตอหนึ่งลูกตุมที่แกวงไปมา ซึ่งการแกวงทั่วๆ ไป คือ หนึ่งครั้งตอหนึ่งลูกตุมที่แกวงไปมา ซึ่งการแกวงทั่วๆ ไป คือ หนึ่งครั้งตอหนึ่ง ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียน วินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามาก ว ว ว ว ว ว วินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามากินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามากินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามากินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามากินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามากินาที หรือบางรุนก็แกวงสองครั้งตอวินาที สวนนาฬการุนที่เกามากินาที หรือบางรุนก็แกวงส เกิดความคิดสรางสรรค จะแกวง 1 คร ภาพที่ 1.26 นาิกาแบบลูกตุม จะแกวง 1 คร จะแกวง 1 ครั้งตอ 2 วินาที จะแกวง 1 คร จะแกวง 1 คร จะแกวง 1 ครั้งตอ 2 วินาที ั้งตอ 2 วินาที ั้งตอ 2 วินาที ั้งตอ 2 วินาที ั้งตอ 2 วินาที ั้งตอ 2 วินาที จะแกวง 1 คร (ที่มาของภาพ : http://www. • นักเรียนสามารถนําความรูเรื่อง kingwoodlaser.com) การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิก อยางงายไปใชประโยชนใน เรื่องใดบาง (แนวตอบ การแกวงของลูกตุม- นาฬกา การทํางานของนาฬกา การสั่นของคลื่น ฯลฯ) คําถาม ตรวจสอบผล คําถาม ชวนคิด ชวนคิด ชวนคิด บันทึกการตอบคําถามชวนคิด 1. การเคลื่อนที่แบบครบรอบ (periodic motion) และฮารมอนิกอยางงาย (simple harmonic จากหนา 24 motion) ของวัตถุ มีลักษณะอยางไร อธิบายเหตุการณตางๆ เกี่ยวกับ 2. วัตถุที่มีการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย มีความเรงหรือไม เพราะเหตุใด การเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย 3. ปจจัยใดบางที่มีผลตอการแกวงของลูกตุมนาฬกา และจะสงผลตอการทํางานของนาฬกา อยางไร และสามารถนําความรูไปประยุกตใช 4. หลักการของการเคลื่อนที่แบบฮารมอนิกอยางงาย นอกจากนําไปสรางนาฬกาแบบลูกตุมแลว ในชีวิตประจําวันได สามารถนําไปสรางเปนอุปกรณหรือเครื่องมือชนิดใดไดอีกบาง หลักฐาน 24 แสดงผลการเรียนรู • รายงานผลปฏิบัติกิจกรรมพัฒนา ทักษะวิทยาศาสตร 1.4 B B B B B B B B B B B B B B B B B B B • แบบบันทึกการตอบคําถามชวนคิด B B พื้นฐานอาชีพ B B ครูอาจแนะนําใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ แบบตางๆ ซึ่งเปนพื้นฐานความรูในการทํางานทางดานวิศวกรรมได 24 คูมือครู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook