Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Pocket E-book (Adult Nursing II)

Pocket E-book (Adult Nursing II)

Published by 42thanunya, 2020-06-07 03:40:03

Description: Pocket E-book

Search

Read the Text Version

- การพยาบาลก่อนการผ่าตัด การเตรยี มความพร้อมดา้ นเอกสารและรา่ งกายก่อนการผ่าตัด 1. การซักประวตั ผิ ู้ป่วย โรคประจำตัวอ่ืนๆ รวมท้งั ประวัติการผ่าตดั และประวตั ิการแพย้ า แพอ้ าหารสารเคมอี นื่ ๆ 2. การซักประวัตเิ กี่ยวกบั การใช้ยา ตรวจสอบรายการยาประจำตวั ผู้ปว่ ยทร่ี ับประทาน โดยประสานงานกบั เภสชั กร เพ่ือ Medication reconciliation และซกั ประวัติการหยุดยา Anticoagulant 3-5 วนั ก่อนการผา่ ตัด หรอื ยา Antiplatelet 5-7 วันก่อนการผา่ ตดั 3. การส่งตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัติการ ไดแ้ ก่ การตรวจ CBC, Electrolyte, prothrombintime, partial Thromboplastin Time, BUN, Creatinine, Liver function test, Fasting blood sugar รวมไปถึงการตรวจ คลื่นไฟฟ้าหวั ใจ (EKG) และเอกซเรย์ปอด (chest X-ray) 4. ตรวจสอบผลการตรวจพเิ ศษต่างๆ เชน่ การสวนหวั ใจและฉดี สดี ูหลอดเลอื ดหัวใจ (Coronary Angiography : CAG), ผลการตรวจคลน่ื สะท้อนหัวใจ (Echocardiography) 5. ตรวจสอบสทิ ธิการรกั ษาของผ้ปู ่วย 6. ผปู้ ่วยและญาตเิ ซน็ ใบยนิ ยอมการเขา้ รักษาในโรงพยาบาล และใบยินยอมการผ่าตัด 7. บนั ทกึ และสง่ คำขอการผา่ ตดั ผู้ปว่ ยไปห้องผา่ ตัด 8. จัดเตรยี มยา เวชภณั ฑก์ อ่ นไปห้องผา่ ตัด - การเตรียมความพรอ้ มทางดา้ นจติ ใจ อารมณ์ สงั คม และเศรษฐกิจกอ่ นเขา้ รับการผ่าตดั 1. สร้างสมั พนั ธภาพพรอ้ มท้งั แนะนำทมี สขุ ภาพ สิง่ แวดล้อม และกฎระเบยี บของหอผปู้ ว่ ย 2. ประเมนิ ความพรอ้ มทางดา้ นจติ ใจและสถานะเศรษฐกจิ ของผูป้ ่วย 3. ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ วิสัญญีแพทย์ พยาบาล นกั เทคโนโลยหี วั ใจและทรวงอกนักกายภาพบำบัด ให้ความรแู้ ละคำแนะนำเกี่ยวกับ - สภาพแวดลอ้ มในห้องผา่ ตัด - ขน้ั ตอนเกย่ี วกับการผา่ ตัด- การให้ยาระงับความรู้สึก - การปฏิบัติตัวก่อนและหลงั ผา่ ตัด - แหล่งประโยชน์ทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ - การพยาบาลผู้ปว่ ยเมื่อสง่ ตอ่ ขอ้ มลู ผปู้ ว่ ยเม่อื ย้ายมายังหอผูป้ ว่ ย การพยาบาลผปู้ ่วยเม่ือส่งต่อข้อมลู ผปู้ ว่ ยเม่อื ย้ายมายังหอผู้ป่วยไอซียูศลั ยกรรมหวั ใจและทรวงอก 1. ประวตั ผิ ูป้ ่วย ขอ้ มูลพื้นฐาน ไดแ้ ก่ ชอ่ื เพศ 2. ชนดิ ของการผา่ ตดั หรอื ความเร่งดว่ นของการผ่าตดั เช่น ผ่าตัดโดยการมวี างแผนล่วงหน้าหรอื ผ่าตดั ฉุกเฉนิ 3. ความสำเรจ็ ของการผา่ ตัดหรือภาวะแทรกซ้อนทเี่ กดิ ขึ้นระหวา่ งการผา่ ตัด 4. ระยะเวลาในการผา่ ตดั วัสดุอปุ กรณ์ท่ีใช้หลอดเลอื ดเทยี ม

5. ตำแหน่งและชนดิ ของการผา่ ตดั การปิดแผล สายส่วนตา่ งๆ 6. ชนิดของสารน้ำ การใหเ้ ลอื ดหรือผลติ ภัณฑ์ของเลอื ดท่ผี ปู้ ่วยได้รับ 7. ปรมิ าณเลือดทอ่ี อกขณะผา่ ตัด 8. สัญญาณชพี การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการใช้อปุ กรณเ์ ทียมต่างๆ

หนว่ ยที่8 การพยาบาลผู้ป่วยโรคล้นิ หัวใจ (Valvular Heart Disease) ความหมาย ความผิดปกติของลิน้ หัวใจ อาจเปน็ เพยี งลิน้ เดียวหรอื มากกวา่ ทำใหม้ ีผลต่อการทำงานของหวั ใจ สง่ ผลตอ่ ระบบไหลเวยี นเลือด จนเกิดภาวะหัวใจลม้ เหลวได้ มักพบทางหวั ใจซีกซา้ ย คือ mitral valve และ aortic valve ประเภทของโรคล้ินหัวใจ 1. แบ่งตามรอยโรคของเนอ้ื เยอื่ - ตีบ (stenosis) - รวั่ (regurgitation) - ทั้งสองอยา่ งรวมกัน 2. แบง่ ตามลิ้นทีเ่ กดิ พยาธสิ ภาพ พบบอ่ ย คอื mitral valve รองลงมา คอื aortic valve สาเหตุ Rheumatic Heart Disease Infective Endocarditis Mitral Valve Prolapse Congenital malformation Other acquire disease โรคล้นิ หวั ใจไมตรัลตีบ (Mitral stenosis) มกี ารตบี แคบของล้ินหวั ใจไมทรลั ทำให้มกี ารขัดขวางการไหลของเลอื ดลงสหู่ ัวใจห้องลา่ งซ้ายในขณะที่ คลายตัว สาเหตุ : สาเหตุหลักเกิดจาก Rheumatic > 90% และสาเหตุอืน่ ๆ คือ Congenital, Rheumatoid arthritis, SLE, Carcinoid Syndrome โดยโรคล้ินหัวใจไมตรลั ตบี จะเกิดนับมา 20 ปีถงึ มอี าการ โดยอาการที่ทำ ใหท้ ราบวา่ เปน็ โรคหัวใจ คอื CHF (50%) และ AF การเปลี่ยนแปลงของระบบไหลเวยี นขึน้ อยูก่ ับความรนุ แรงของโรค ดังนี้

1. ความดันในหวั ใจห้องบนซ้ายเพิ่ม เนื่องจากเลอื ดผา่ นลิน้ หัวใจท่ีตีบไดน้ อ้ ย ผลทีต่ ามมา คือ LAH 2. มีนำ้ ในช่องว่างระหวา่ งเซลลใ์ นเนอ้ื ปอดเพ่มิ มากขึ้น เนอ่ื งจากความดนั ในหลอดเลือดดำปอดและในหลอด เลือดฝอยเพ่มิ ขึ้น ถา้ มนี ้ำเข้ามามากจะเกดิ pulmonary edema 3. ความดันหลอดเลือดในหลอดเลือดแดงปดิ ( PA) เพิ่มมากขึ้น ขนึ้ อยู่กบั ความรุนแรง อาการและอาการของ Mitral stenosis 1. เกิดจาก pulmonary venous pressure เพม่ิ ขน้ึ - มีอาการหายใจลำบากเมอ่ื ออกแรง - อาการหายใจลำบากเมอ่ื นอนราบ - หายใจลำบากเป็นพักๆ ในตอนกลางคนื 2. CO ลดลง ทำให้เหน่อื ยง่าย อ่อนเพลยี 3. อาจมภี าวะหวั ใจเต้นผดิ จงั หวะแบบ AF มีอาการใจสั่น 4. อาจเกิดการอดุ ตนั ของหลอดเลอื ดในรา่ งกาย (Systemic embolism) โรคลิน้ หัวใจไมตรัลรั่ว (Mitral regurgitation) เปน็ การร่วั ของปรมิ าตรเลอื ด SV ในหอ้ งใจห้องล่างซ้ายเขา้ สหู่ วั ใจห้องบนซา้ ยในขณะทห่ี วั ใจบบี ตวั อาการและอาการแสดง 1. เกดิ จาก pulmonary venous congestion - Dyspnea on exertion (DOE) - Orthopnea - PND 2. อาการท่ีเกดิ จาก CO ลดลง คือ เหน่ือยและอ่อนเพลยี โรคลิ้นหัวใจเอออร์ติคตบี (Aortic stenosis) เปน็ โรคที่เกดิ การตบี แคบของลิ้นหวั ใจ Aortic ขดั ขวางการไหลของเลือดจากหัวใจห้องลา่ งซ้ายไปสู่ Aorta ในชว่ งการบีบตวั โรคลิน้ หัวใจเอออรต์ ิครั่ว (Aortic regurgitation) เปน็ การรวั่ ของปรมิ าณเลือดท่สี บู ฉีดออกทางหลอดเลอื ดเอออรต์ าร์ ไหลย้อนกลับเขา้ สูห่ วั ใจห้องลา่ งซา้ ย ในชว่ งหวั ใจคลายตัว

การตรวจร่างกายในผู้ปว่ ยโรคลน้ิ หัวใจ - พบภาวะหวั ใจโต หรือมนี ำ้ คง่ั ที่ปอด - การตรวจหัวใจดว้ ยเสียงสะท้อน (Echocardiogram) ชว่ ยวนิ จิ ฉยั โรคล้ินหวั ใจ - การตรวจสวนหัวใจ ช่วยในการประเมินว่าล้นิ หวั ใจตบี หรือรั่วมากแค่ไหน การรักษาโรคลิ้นหัวใจ 1. รักษาทางยา เป้าหมาย เพ่อื ชว่ ยใหห้ ัวใจทำหน้าทีด่ ีขน้ึ ตวั อย่างยา เช่น Digitalis, Nitroglycerine, Diuretic, Anticoagculant drug, Antibiotic 2. การใชบ้ อลลูน ขยายล้ินหวั ใจทต่ี ีบ 3. การรกั ษาโดยการผ่าตัด มวี ิธกี ารผ่าตดั 2 วธิ ี คือ - Close heart surgery ไมใ่ ช้เครอ่ื ง heart lung machine - Open heart surgery ใชเ้ ครื่อง heart lung machine ลนิ้ หวั ใจเทียม (Valvular protheses) 1. ลนิ้ หวั ใจเทยี มทีท่ ำจากส่งิ สงั เคราะห์ มขี อ้ เสยี คอื เกิดลมิ่ เลอื ดบรเิ วณลน้ิ หัวใจเทยี ม และเกดิ เมด็ เลอื ด แดงแตก ทำให้เกดิ โลหิตจาง 2. ลนิ้ หัวใจเทียมที่ทำจากเนอ้ื เยอื่ คนหรอื สัตว์ มีท้ังขอ้ ดแี ละข้อเสยี ข้อดี ไม่มีปัญหาเรอื่ งการเกดิ ล่ิมเลือด มกั ใชใ้ นผสู้ งู อายุ ข้อเสีย มีความคงทนนอ้ ยกว่าลิ้นหวั ใจเทยี มสังเคราะห์ ยาท่เี ก่ยี วข้อง ยากนั เลือดแข็งตัววารฟ์ ารนิ ข้อบง่ ใช้ - หลังผา่ ตัดใสล่ ิน้ หวั ใจเทยี ม - โรคล้นิ หัวใจรวั่ ลน้ิ หวั ใจตบี โรคล้นิ หวั ใจรมู าติค - ภาวะหัวใจเตน้ ผิดจังหวะ - ภาวะลิม่ เลอื ดอดุ ตันเส้นเลอื ดในปอด - มีประวตั ิเส้นเลือดสมองอดุ ตนั จากลิม่ เลอื ด - ภาวการณ์แข็งตว้ ของเลอื ดผิดปกติ การพยาบาล 1. การมาตรวจตามนดั เพื่อตรวจการแขง็ ตวั ของเลือด 2. การปอ้ งกันอุบัติเหตุตา่ งๆ การปฐมพยาบาลเมื่อเกดิ บาดแผล 3. การทำฟันหรอื การผา่ ตัด

หนว่ ยที่ 9 การพยาบาลผ้ปู ว่ ยที่มีภาวะวกิ ฤตหัวใจลม้ เหลวและหวั ใจเต้นผิดจังหวะ ▪ การพยาบาลผปู้ ่วยทมี่ ภี าวะหัวใจเต้นผิดจงั หวะ (Cardiac arrhythmia) คลืน่ ไฟฟา้ หวั ใจปกติ SA node ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าดว้ ยอตั รา 60-100 ครงั้ /นาที ทำหนา้ ทีเ่ ป็นเซลลใ์ หก้ ำเนดิ การเตน้ ของหวั ใจ (pacemaker cell) สามารถผลิตสัญญาณไฟฟ้าข้นึ เองโดยอัตโนมตั นิ าทลี ะ 60-100 ครงั้ AV node ปล่อยกระแสไฟฟา้ ดว้ ยอตั รา 40-60 คร้งั /นาที Ventricle ปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าดว้ ยอัตราต่ำกวา่ 40 คร้ัง/นาที การบันทึกคลืน่ ไฟฟ้าหวั ใจ บันทึกการเปล่ยี นแปลงของคลนื่ ไฟฟ้า (Electrical activity) โดยการตดิ ที่ผวิ ของร่างกาย จากการทำงาน ของกล้ามเน้อื หวั ใจ ทำ 12 leads Normal waveform 0.04 X 5 = 0.2 S (1 ส่ีเหล่ียมใหญ่) 1 ช่องเลก็ = 0.04 S กระดาษ EKG ประกอยดว้ ยตารางสีเหลย่ี มเลก็ และใหญ่ ขนาด 1 mm และ 5 mm

คลืน่ ไฟฟา้ หัวใจปกติ ประกอบด้วย P Q R S T 1. P wave เกิดเมอื่ มีการบีบตวั (depolarization) ของ Atrium ดา้ นขวาและซา้ ย เกดิ ในเวลาในเคียงกนั ปกตกิ ว้างไมเ่ กิน 2.5 mm/0.10 วินาที 2. PR interval ระยะหา่ งระหวา่ งชอ่ ง ชว่ งระหว่างคลืน่ P และ R คอื ระยะจากจดุ เรมิ่ ตน้ ของ P wave ไปสู้ จุดเริ่มต้นของคลื่น QRS วัดระยะเวลาคลืน่ ไฟฟ้า จากการเริม่ ตน้ บีบตัวของ Atrium ไปสู่ AV node และ bundle of his คา่ ปกติ 0.12-0.02 กวา้ งไมเ่ กิน 5 ช่องเล็ก/1ช่องใหญ่ 3. QRS complex มกี ารบบี ตวั (depolarization) ของ ventricle ขวาและซา้ ย ซง่ึ ปกตเิ กิดพร้อมกนั / ใกล้เคยี งกนั มีทศิ ทางขน้ึ หรอื ลงได้ ความกวา้ ง 0.06-0.10 ไม่เกิน 0.12 วนิ าที 4. T wave ตามหลงั QRS เกิดจากการคลายตวั repolarization ของ ventricle สงู ไมเ่ กิน 5 mm และ กว้างไม่เกิน 0.16 วินาที 5. U wave ไม่ค่อยพบ จะตามหลัง T wave จะสงู ข้นึ ชัดเจนเมอ่ื มีภาวะ hypokalemia 6. ST segment เป็นจดุ ที่ตอ่ ระหวา่ งจุดสิ้นสุด QRS complex จนถงึ จุดเรม่ิ ต้นของ T wave สงู ขนึ้ หรอื ตำ่ ลงไมเ่ กิน 1 mm กวา้ งไมเ่ กนิ 0.12 วนิ าที ภาวะหวั ใจเต้นผดิ จังหวะ การกำเนดิ หรอื การนำกระแสไฟฟ้าหวั ใจผิดปกติ (NRS) เกดิ บริเวณใดกไ็ ด้ สาเหตุ เกิดจากโรคระบบหัวใจ และหลอดเลอื ด หรือภาวะท่ไี ม่เกยี่ วกับหวั ใจ เช่น เลอื ดเปน็ กรดหรือด่าง หรือจากยาท่ีมผี ลตอ่ หัวใจ - Tachyarrhythmia หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนดิ เตน้ เร็ว - Bradyarrythmia หัวใจเตน้ ผดิ จงั หวะ ชนดิ เต้นช้า

1. Sinus bradycardia หัวใจเต้นชา้ กว่าปกติ SA node ปล่อยช้ากว่า 60 ครง้ั /นาที พบไดใ้ นนกั กฬี า ผู้สูงอายุ ขณะนอนหลับ ลกั ษณะทางคลินกิ : ผปู้ ว่ ยมักไมม่ ีอาการ แต่พบอาการ คือ HR ชา้ มาก < 50 คร้ัง/นาที เปน็ ลม (syncope) มนึ ศรี ษะ ถ้ารนุ แรงมากอาจชกั หรือหวั ใจหยดุ เต้นได้ ตรวจ EKG : ปกติ แต่มีอัตราการเต้นของหวั ใจประมาณ 40-60 คร้งั /นาที 2. Sinus tachycardia หัวใจเต้นเรว็ กวา่ ปกติ SA node ปล่อยสญั ญาณในอตั ราเรว็ กวา่ 100 ครงั้ /นาที ส่วนใหญ่ไม่มอี าการ แตบ่ างรายมีอาการใจสัน่ หายใจลำบาก 3. Sinus arrhythmia หัวใจเตน้ ไม่สม่ำเสมอ สมั พนั ธ์กับการหายใจ เร็วขน้ึ ระหวา่ งการหายใจเข้า ช้าลงระหวา่ งหายใจออก ตรวจ EKG : จังหวะการเต้นของหวั ใจไมส่ ม่ำเสมอ หัวใจเต้นผดิ จังหวะมีจดุ กำเนดิ จาก Artium สาเหตุ : ความเครยี ด, E-lyte imbalance, Hypoxia, Digitalis intoxication 1. Atrium เตน้ ก่อนจังหวะ Premature Atrial Contraction (PAC) เกดิ จากมีจดุ กำเนดิ ไฟฟา้ ใน Atrium ทำหนา้ ทแ่ี ทน SA node ในบางจงั หวะ 2. Atrial flutter จุดกำเนดิ ภายในผนงั Atrium ทำหนา้ ทีแ่ ทน SA node มีการกระตุ้นให้ Atrium บบี ตวั 250-300 คร้งั /นาที โดย P wave มลี ักษณะเหมอื นฟันเลอ่ื ย 3. Atrial fibrillation (AF) เกิดจากจุดกำเนดิ ไฟฟา้ ใน Atrium ทำหนา้ ท่ีแทน SA node ปลอ่ ยสญั ญาณ 250-600 ครง้ั /นาที เป็นผลให้ Ventricular response ไมส่ ม่ำเสมอ ตรวจ EKG : มองไม่เห็น P wave คล่ืนมลี ักษณะสัน่ พลิว้ 4. Supraventricular Tachycardia หรอื กระแสไฟฟ้าลัดวงจร P wave หัวต้งั หรอื กลับ ตามหลัง QRS มกั พบในคนอายุน้อย จุดกำเนดิ จากบรเิ วณ AV node หัวใจเต้นผดิ จงั หวะที่มีจดุ กำเนิดจาก AV node โดย AV node ทำหนา้ ท่แี ทน SA node โดยส่วนใหญ่มกั ไมม่ ีอาการ ยกเวน้ ในคนที่ HR ชา้ มาก ตรวจ EKG : PR interval ส้นั กว่าปกติ จุดกำเนดิ จาก ventricle 1. Ventricle เต้นก่อนจงั หวะ (Premature ventricle contraction) PVC เกดิ จาก ventricle ปล่อย สญั ญาณไฟฟา้ แทน SA node

ตรวจ EKG : HR ปกตแิ ต่จังหวะไม่สมำ่ เสมอ ไมม่ ี P wave, R-R interval และ QRS complex กว้างกว่าปกติ 2. Ventricle เตน้ เรว็ กวา่ ปกติ (ventricular tachycardia VT) มีความรุนแรงเกดิ จากมีจุดกำเนิดใน ventricle ทำหนา้ ที่ปลอ่ ยสญั ญาณแทน SA node ทำให้เกดิ PCV 3 ตัวติดตอ่ กนั HR>100 ตรวจ EKG : P wave ไมส่ มั พันธ์กับ QRS complex และวัด PR interval ไม่ได้ สุดท้าย QRS complex กว้างมากกวา่ 0.10 วนิ าที 3. Ventricular fibrillation : VF หวั ใจเตน้ ผิดจังหวะรา้ ยแรงมาก เนอ่ื งจาก ventricle ไม่บีบตัว หวั ใจ หยดุ เตน้ ไมม่ ี CO จะตอ้ งทำการ shock หวั ใจ Pulseless Electrical Activity (PEA) คือ มคี ลน่ื แต่ไม่มีชพี จร สามารถเจอไดใ้ นผูป้ ่วยที่ชว่ ย CPR Asystole ECG คือ หวั ใจหยดุ เตน้ การขัดขวางการนำสัญญาณจาก SA node ไป AV node ระดับที่1 จดุ กำเนิดมาจาก SA node นำสัญญาณไป AV node ชา้ กวา่ ปกติ พบได้ในผูส้ งู อายุ ตรวจ EKG พบ PR interval > 0.2 วินาที และยาวสม่ำเสมอทุกจังหวะ Second degree AV block คือ SA node นำสญั ญาณไฟฟา้ ไปที่ AV node บางจงั หวะสามารถผ่านได้ หรอื บางจังหวะถูกขวาง Type I เกดิ จากการตายของผนังหวั ใจดา้ นลา่ ง Type II รนุ แรงกวา่ type I เกดิ ในผปู้ ว่ ย MI อตั ราการเต้นของหวั ใจชา้ กว่า 50 ครั้ง/นาที ระดับที3่ ขัดขวางสมบรู ณท์ ่ี AV node ทำให้ AV node ขาดเลอื ด ผลของภาวะหวั ใจเต้นผดิ จงั หวะ - ผลตอ่ ปริมาณเลือดท่ีสง่ ออกจากหวั ใจ การรักษา 1. ลดการกระตุน้ ระบบประสาท sympathetic 2. ให้ยาตา้ นการเตน้ ของหวั ใจผิดจังหวะ ยาแบ่งออกเป็น 4 class Class 1 Na+ channel blocker เช่น Lidocaine, Xylocaine Class 2 B-Adrenergic blockers ตัวยาทีล่ งทา้ ยดว้ ย lol Class3 K+ channel blockers Class 4 Ca+ channel blockers เช่น Digoxin จะมีท้งั แบบกนิ และฉดี ใชร้ กั ษา HF เพ่ิมแรงบีบตัว ของหวั ใจ

3. การช็อคดว้ ยไฟฟา้ 4. การใส่เครอ่ื งกระตุ้นหวั ใจด้วยไฟฟา้ - ผลต่อระบบประสาท ทำให้เลอื ดไปเลย้ี งสมองไม่เพียงพอ - ระบบหลอดเลอื ด coronary ทำให้เกิดอาการ chest pain - ผลตอ่ ไต ทำให้ prerenal เกิดไตวาย • Heart failure Heart failure คือ ภาวะท่หี วั ใจไมส่ ามารถสูบฉีดเลือดไปเลีย้ งส่วนต่างๆของรา่ งกายไดเ้ พียงพอ ปัจจัย - ปรมิ าตรเลอื ดทีอ่ อกจากหวั ใจใน1นาที CO=SVxHR - Preload เป็น diastolic ปรมิ าณเลอื ดทอ่ี ยใู่ นหัวใจห้องลา่ งกอ่ นบีบตวั - Contractility ความยดื หย่นุ ของหัวใจ - Afterload แรงต้านทหี่ วั ใจห้องลา่ งซ้าย ล่างขวา เพือ่ เอาชนะล้ินหัวใจ Aortic และ Pulmonic เพื่อบีบ เลอื ดไปฟอกทป่ี อด หรอื บบี เลือดผ่าน Aorta - EF คา่ ความสามรถในการบีบตวั ของหัวใจ สาเหตุ 1. กล้ามเน้ือหวั ใจทำงานหนัก เชน่ HF 2. Contractility ลดลง เชน่ MI 3. รา่ งกายต้องการใช้พลงั งานหรอื สารอาหารเพ่ิมขึ้น การแบ่งชนิด แบง่ ตามการทำงานของหวั ใจ - Systolic heart failure การบีบตวั ของหวั ใจห้องลา่ งซ้ายลดลง ดทู ี่ค่า EF ต่ำกว่า 40% - Diastolic heart failure คา่ EF>40-50% (EFปกตแิ ต่ SV บบี ตวั ไม่ดี) แบ่งตามระยะเวลาการเกดิ - New onset เกดิ ขึ้นคร้ังแรก อาจเปน็ แบบ acute/slow onset - Transient มีอาการเกดิ ขึน้ ช่วั ขณะ - Acute heart failure เกดิ ข้นึ ใหม่อยา่ งรวดเร็ว - Chronic heart failure คงอยเู่ ป็นเวลานาน แบง่ ตาม CO - High CO failure หัวใจทำงานมากข้นึ - Low CO failure หัวใจไม่มแี รงบีบตัว

อาการของ HF 1. Dyspnea พบบอ่ ยทส่ี ุด และมีการหายใจเร็ว ต้ืน 2. รสู้ กึ เหน่อื ยเมอื่ อกกำลัง 3. หายใจลำบากในทา่ นอนราบ 4. หายใจลำบากเป็นพักๆในตอนกลางคนื 5. ถา่ ยปสั สาวะตอนกลางคืนมากกวา่ ตอนกลางวนั หวั ใจลม้ เหลวทำให้เลือดไปเลยี้ งไตนอ้ ยลง 6. RHF เจ็บชายโครงขวา ตับโต เบอื่ อาหาร คลืน่ ไส้ อาเจยี น การวินิจฉยั 1. การซกั ประวตั ิ และอาการ อาการแสดง 2. การตรวจร่างกาย ผลตรวจทางหอ้ งปฏิบตั กิ าร และผลตรวจพเิ ศษ NewYork Heart Association (NYHA) แบง่ ออกเปน็ 4 class ดังนี้ Class I 35% ไมม่ ขี อ้ จำกัดในการทำกิจกรรม ไม่มอี าการเหนือ่ ย ใจสั่น หรืออ่อนเพลี Class II 35% มขี อ้ จำกดั เล็กนอ้ ยในการทำกิจกรรม Class III 25% ทำไดเ้ ลก็ นอ้ ย มอี าการเหน่อื ย Class IV 5% ไม่สามารถทำกิจกรรมได้ อยเู่ ฉยๆก็เหน่อื ย

หน่วยที่ 10 การพยาบาลผูป้ ว่ ยในภาวะวกิ ฤตระบบประสาทและไขสนั หลงั





หน่วยท่ี 11 การพยาบาลผใู้ หญท่ ม่ี ปี ญั หาในภาวะวกิ ฤตระบบทางเดนิ ปสั สาวะ

การบาดเจบ็ ของไตเฉียบพลนั ( Acute kidney injury) ระยะท่ี1 ปสั สาวะน้อย Oliguria อาการของไตวายเฉียบพลันหรอื ความเสียหายของไต เกิดข้นึ ภายในไม่ก่ีชม.หรือ2-3วนั ทาใหม้ ีของเสยี สะสมในเลือด พบได้ หลอดฝอยไตเส่อื มสภาพ ปัสสาวะไมเ่ กนิ 40c0c/d บ่อยในผู้สูงอายุ เสยี สมดลุ กรดดา่ ง ไตดูดกลบัHCO3 ไดน้ ้อย เกิดการ หายใจเรว็ เกร็งกระตกุ ยูเรียคง่ั คลน่ื ไส้ อาเจยี น ระยะท่ี2 ปสั สาวะมาก Diuresis ปสั สาวะ >400 cc/d มอี ตั ราการกรองเพิม่ ข้นึ ขบั นา้ แตไ่ มข่ ับของเสีย อาการ ขาดน้าNa ในเลอื ดต่า ทาใหผ้ ิวแห้ง เป็นตะคริวKต่า กลา้ มเน้ืออ่อนแรง อาการและการแสดงของAKI หน่วยท่ี11 ระยะท่ี3 ระยะฟ้ินตวั Recovery การพยาบาลผู้ปว่ ยระบบทางเดินปสั สาวะในระยะวิกฤต อาการของ Hypovolemia ระยะท่ไี ตฟืน้ ตัว หลอดเลอื ดอยูใ่ นเกณฑ์ปกติ แต่ หลอดฝอยไตยังไม่สมบูรณ์ ปัสสาวะเข้มขน้ และเปน็ กรด ใชเ้ วลา 6-12 เดือน ตอ่ มลกู หมากโต กระเพาะปสั สาวะเตม็ ภาวะแทรกซ้อนAKI มขี องเสยี คง่ั นา้ เกนิ ความดันโลหติ สงู เลอื ดเปน็ กรด สมดลุ กรดดา่ ง เกดิ ภาวะ หลอดเลือดดาทีค่ อโปง่ พองฟงั เสียงสียงเบามาก คล้ายขยี้เส้นผมใกล้ใบหู หวั ใจลม้ เหลว เสยี งฟู่ในทอ้ ง (Abdominal bruit) ไตวายเร้อื รัง สาเหตุ สาเหตขุ องAKI พยาธสิ ภาพทีไ่ ตChronic Glomerulonephritis Pre-Kidney เลอื ดมาเลี้ยงไตลดลง: Congestive heart failure เกณ ์การวินิจฉัย โรคของหลอดเลือด: ความดันโลหิตสงู Intrinsic Kidney Injury จากพยาธสิ ภาพของไต อัตราการกรองลดลง Post-Kidney การอุดตนั ของระบบทางเดินปสั สาวะ การตดิ เชอื้ : กรวยไตอักเสบ อาการและอาการแสดง ✓ ไตผิดปกตินานเกิน 3 เดือน ความผดิ ปกติแต่กาเนดิ ซมึ มึน คันตามตัว เบือ่ อาหาร คลน่ื ไส้ อาเจียน น้าหนักลด ✓ eGRF > 60 มล./นาที/1.73 ตร.เมตร โรคอืน่ ๆ เชน่ เบาหวานSLE เตอื น ! นานติดตอ่ กนั 3 เดอื น ปสั สาวะบ่อยกลางคืน แสบขดั มเี ลอื ด บวม ขาด K เร้ือรงั

ผ้ปู ่วย CKD ระยะที่5 มีอาการUremia 1. Perfect exit site มสี ิ่งแปลกปลอมในชอ่ งท้อง ใหร้ อ4เดือน ต้องการทาCAPD สเี ดยี วกับผวิ หนัง ไส้เลอื่ น ให้รอ6สัปดาห์ ไม่สามารถทาทางออกของเลอื ดเพอ่ื ทHาD ได้ 2. Good exit site สเี ดยี วกับผวิ หนังหริอสีชมพอู อ่ น นา้ หนกั 90 kg หรือBMI > 35 และมีขอ้ จากัดเรอ่ื งรูปรา่ ง ผปู้ ่วยทที่ นการทาHD ไม่ได้ เช่นCHF CAD ผปู้ ่วยเด็ก 3. Equivocal exit site โรคลาไส้อกั เสบเรอื้ รงั สชี มพเู ขม้ หรือสแี ดง การติดเชือ้ ทผี่ นงั ช่องท้อง 4. Acute infection exit site มีอาการปวด บวม ร้อน ผิวหนังแดง มีภาวะทุพโภชนาการรนุ แรง 5. Chronic infection exit site ระยะเวลานานกวา่ 4 สปั ดาห์ การประเมินลักษณะ แผล ขนั้ ตอนCAPD Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis CAPD ผู้ปว่ ยทาการล้างวนั ละ 3-6 ครั้ง 3 ขน้ั ตอน หลกั การของCAPD 1.ข้นั ถา่ ยนา้ ยาออกD( rain) ถ่ายนา้ ยา20นาที การฟอกเลอื ดดว้ ยเคร่อื งไตเทยี ม 2.ขน้ั เติมน้ายาใหม่(Fill) แทนทขี่ องเดิม 10-15 นาที 3.ขั้นการพกั ท้อง(Repression) การคงคา้ งนา้ ยา เพ่ือใหเ้ กดิ การฟอง 4-6 ชม. การล้างไตใชเ้ คร่ืองอตั โนมัติ PAD -ขอ้ บ่งชี้ จากการทางานของไต ใส่น้ายาเข้าชอ่ งทอ้ ง ชใ ้เวลาประมาณ 10 นาที -Weekly renal Kt/V urea ตา่ กว่า20 เป็นการเปล่ียนถา่ ยน้ายา 3 คร้ัง โดยใช้เครื่องอัตโนมัตแิ ทนผูป้ ว่ ย -การเรม่ ทาในผปู้ ่วยไตวายระยะสุดท้าย ทงิ้ นา้ ยาไว้ในช่องท้องประมาณ 4-6 ชวั่ โมง ทพุ โภชนาการทมี่ กี ารปรับปรงุ การ ปลอ่ ยนา้ ยาในช่องทอ้ ง ใชเ้ วลาประมาณ 20 นาที การพยาบาล ของเสียและนา้ สว่ นเกินจากเลอื ดเข้าสนู่ ้ายา บริโภคโปรตีนและพลังงานแลว้ ระยะพักทอ้ ง : ไม่ให้แผลโดนนา้ ห้ามเปดิ แผลเอง ลดกิจกรรมที่มีเหง่อื ตดั ไหม 7-10วนั ขอ้ ดี : อุปกรณท์ างการแพทยใ์ นการรักษาพยาบาลพร้อมเพรยี ง สามารถขอคาแนะนาได้บ่อยครงั้ ระยะหลังพกั ท้อง : หมั่นตรวจสอบสาย ทาความสะอาด หา้ มโดนแปง้ ทาครีมบรเิ วณชอ่ งทางออกของสาย ข้อดี ข้อเสีย ข้อเสยี : ต้องมาตามเวลา จาเปน็ ตอ้ งจากัดน้า ค่าใชจ้ า่ ยสงู ระยะล้างไตทางช่องท้อง : เนน้ การลา้ งมอื ประเมนิ น้ายาและจดบนั ทึก เผา้ ระวงั อาการแทรกซอ้ น หา้ มยกของหนัก

หน่วยท่ี 12 การพยาบาลผปู้ ่วยทมี่ ภี าวะชอ็ ก(shock ) และการพยาบาลผู้ปว่ ยที่มีอวยั วะลม้ เหลวหลายระบบ ( Multiple organ dysfunction syndrome (MODS)

ภาวะทเี่ น้ือเยอื่ ในร่างกายได้รบั เลอื ดไปเลยี้ งไม่เพียงพอ หัวใจ มปี จั จยั 3 ประการ preload เนอ้ื เย่ืออวยั วะท่ีสาคญั มีการกาซาบ ขาดO2 และสารอาหาร contractivity ชอ็ กเปน็ ภาวะวกิ ฤตทมี่ ผี ลต่อทุกอวัยวะของรา่ งกาย afterload ช ็อ กค ือ อ ะ ไ ร ความตึงตวั ของหลอดเลือดหรือแรงต้านภายใน หลอดเลอื ด ปริมาณเลือดทไี่ หลในร่างกาย ประมาณ 5 L ชนดิ ของชอ็ ก หน่วยท่ี12 การพยาบาลผปู้ ว่ ยท่ีมภี าวะช็อกและอวยั วะลม้ เหลว ห ลายร ะบ บ Hypovolemic shock ชนดิ ของการชอ็ กแบง่ ตามสาเหตุ เราสูญเสยี เลือดและนา้ ได้อยา่ งไรบ้าง พยาธสิ รวี ทิ ยา ชอ็ กจากการเสยี เลอื ดและนา้ ระดบั ความรนุ แรงของชอ็ ก Blood volume ลดลง ปริมาณเลอื ดไหลกลบั สหู่ วั ใจลดลง การไหลเวยี นของเลือดไม่เพียงพอ ระดับท่ี 1 สูญเสียเลอื ด 15% หรอื 750 ml หวั ใจบีบเลอื ดแต่ละคร้ังลดลง เนอื้ เยอ่ื ขาดออกซเิ จน Cardiac output ลดลง ระดบั ที่ 2 สูญเสยี เลือด 15-30% 750-1500 ml ระยะท่ี 3 สูญเสียเลือด 30-40% 1500-2000 ml การกาซาบของเนื้อเย่อื ไม่เพียงพอ ระยะท่ี 4 สญู เสยี เลอื ด>40 % >2000 ml

การบบี ตวั ของหัวใจไมม่ ีประสทิ ธิภาพ Acute myocardial infarction กลา้ มเนื้อหวั ใจบาดเจบ็ ความสามารถในการบบี ตวั ลดลง กล้ามเนือ้ หัวใจห้องล่างซ้ายหรอื ขวาวาย เลอื ดในหวั ใจหอ้ งล่างคัง่ กลไกของระบบไหลเวยี นเลอื ด SV ลดลง ความดนั เลอื ดดาในปอดสูง บกพร่อง LV aneurysm CO ลดลง แรงดันในปอดสงู ขึน้ Acute Mitral Regurgitation ภาวะกลา้ มเน้ือหวั ใจเสอ่ื มในระยะท้าย BP ลดลง การฉีกขาดของpapillary muscle การกาซาบเนอ้ื เยื่อไม่เพียงพอ กลา้ มเน้อื หัวใจอกั เสบเฉยี บพลนั Cardiogenic shock ช็อกท่ีเกดิ จากความผดิ ปกติของหัวใจ การไหลเวียนเลอื ดที่ออกจากLeft ventricle ไปส่วนต่างๆของร่างกายบกพร่อง เน้อื เย่อื ขาด O2 เซลล์และเน้อื เยือ่ ตายทุกส่วน การไหลเวียนเลอื ดทีเ่ ข้าสู่Left ventricle บกพรอ่ ง การรักษาแบบประคบั ประคอง การรักษา การประเมนิ Death การรักษาดว้ ยยา อาการและอาการแสดงทางคลนิ ิก คล่ืนไฟฟา้ หวั ใจ Dobutamine ให้เมอื่ SBP 70-100 mmHg ภาพถา่ ยรงั สที รวงอก การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั กิ าร Dopamine ให้เมือ่ SBP 70-100 mmHg Norepinephrine ใหเ้ มื่อ SBP < 70 mmHg ยากล่มุ P2Y12 receptor antagonist/ P2Y12 inhibitor

การไดร้ บั บาดเจ็บของไขสันหลงั ส่วนบนถดั จากกระดกู สัน Antigen Antigen – antibody response ได้รบั ยาทางไขสันหลังในระดบั หลอดเลือดส่วนปลายขยายตัว ตอบสนองให้มกี ารกระตุน้ กลา้ มเน้อื เรียบหดตวั ภาวะเครยี ดทางอารมณ์ ปวดอย่างรนุ แรง ปริมาตรเลือดไหลเวียนลดลง permeability หลอดลมหดเกรง็ และบวม ไดร้ บั ยาเกนิ ขนาด ได้รับยานอนหลบั เช่น พวกบาร์บทิ ูเรต Neurogenic shock ภาวะนา้ ตาลในเลือดตา่ Venous return การกาซาบของเน้อื เย่ือไมม่ ปี ระสิทธิภาพ ช ็อ ก จ าก ร ะ บ บ ป ร ะ ส าท หายใจไมอ่ อก ขาดO2 พยาธิสรรี วทิ ยา CO ลดลง Hypoxia Sympathetic nervous ถูกรบกวน Distributive shock Death ชอ็ กจากการกระจายของเลือด พยาธสิ รีรวทิ ยา สญู เสยี การควบคมุ Sympathetic Tissue Hypoxia Death Anaphylactic shock ช็อกจากภมู แิ พ้ หลอดเลอื ดแดงและดา ขยาย V( asodilate) Tissue perfusion ลดลง ผวิ หนังมผี น่ื แดงเป็นลมพษิ หายใจลาบาก มีเสียงwheezing และ cyanosis Venous return ลดลง CO ลดลง หัวใจเต้นชา้ ลง BP ต่า กระสับกระสา่ ย อาจเกดิ อาการอาเจียน ทอ้ งเสีย กล้นั ปสั สาวะไมไ่ ด้ และมเี ลอื ดออกทางชอ่ งคลอด

Severe sepsis กลา้ มเน้ือหวั ใตถูกกด Sepsis Endotoxin เขา้ กระแสเลอื ด มกี ารตดิ เชื้อทีเ่ กดิ รว่ มกบั การทางานของอวยั วะผดิ ปกติ อย่างน้อย1 ระบบ Immune กระต้นุ Biochemical กระตุ้นCNS และตอ่ มไร้ทอ่ and cellularmediators Sepsis ภาวะทม่ี กี ารตดิ เชื้อหรือสงสยั ว่ามีการตดิ เชื้อ หลอดเลือดสว่ นปลายขยาย เพม่ิ permeability ของหลอดเลอื ดฝอย เพ่มิ การเผาผลาญ ภาวะตดิ เชอื้ พยาธิสรีรวทิ ยา SIRS การไหลเวยี นลดลง เนือ้ เยอ่ื ต้องการO2 เพ่มิ ขน้ึ Temp > 38.3 องศาเซลเซียส/<36 อตั ราการเต้นของหวั ใจ> 90 ครง้ั /นาที Septic shock เนือ้ เยื่อขาด O2 ชอ็ กจากภาวะการติดเช้ือ RR > 20 คร้งั /นาที หรือ PaCO2 < 32 mmHg WBC > 12000 หรือ < 4000 อาการและอาการแสดง การกาซาบลดลง สมองขาด O2 Hypoxia SBP น้อยกวา่ หรือเทา่ กบั 90mmHg ปัสสาวะออกน้อย < 0.5 ml/kg/hr Death ค่า PaO2 นอ้ ยกวา่ หรือเทา่ กับ 250 เกลด็ เลอื ด< 80000 มีคา่ pH น้อยกวา่ หรอื เทา่ กบั 7.3 1. การรักษาเพ่อื กาจัดแหลง่ ของการติดเช้อื การรกั ษาSepsic shock 2. การรักษาเพอ่ื ปรับสมดลุ ระบบไหลเวยี นเลอื ด

ระยะปรบั ชดเชย การตอบสนองระบบประสาท ระบบหวั ใจและหลอดเลือดHR น้อยกวา่ หรอื เทา่ กับ 50 มีภาวะหัวใจลม้ เหลว Compensatory stage การตอบสนองทางฮอรโ์ มน H( ormonal responses) ระบบหายใจ RR<5 PaCO2 มากกวา่ หรอื เทา่ กับ 50 ใชเ้ ครอื่ งชว่ ยหายใจ การตอบสนองทางเคมี C( hemical responses) ไต คา่ Cr มากกวา่ หรือเทา่ กบั 3.5BUN มากกว่าหรือเท่ากบั 100 ฟอกเลอื ด ระยะกา้ วหนา้ Progressive stage ตับ ค่าprothrombin time สงู และมีคา่ total bilirubin เพิ่มขนึ้ 2เทา่ เนอ้ื เย่อื ขาดเลอื ดและO2 ภาวะ lactic acidosis เลอื ด WBC นอ้ ยกวา่ เทา่ กบั 1000plt น้อยกวา่ เทา่ กบั 20000 การบีบตัวของหวั ใจลดลง ค าน ิยาม ระยะไมส่ ามารถฟิน้ คนื Irreversible stage การเปลยี่ นแปลงในระยะชอ็ ก ภาวะล้มเหลวในการทางานของระบบอวัยวะหนงึ่ ในร่างกาย Shock สาเหตแุ ละปัจจยั เสย่ี ง ความผิดปกติของผู้ป่วยเอง มีการทางานของระบบอวัยวะบกพรอ่ ง อื่นๆ ใส่ทอ่ ช่วยหายใจและใชเ้ ครอื่ งช่วยหายใจ ผลกระทบตอ่ อวยั วะต่าง พยาธิสรีรวทิ ยา เชื้อโรคเข้าสู่รา่ งกาย ปลอ่ ย endotoxin กระตนุ้ กระบวนการอักเสบ เกิดการทาลายDNA เกดิ การทาลายcell membrane กระตนุ้ ระบบเมด็ เลอื ด ขาว กระตนุ้ การแข็งตวั ของหลอดเลอื ด Hypercoagulapathy และ microemboli DIC หลั่ง catecholamine กระตุน้ ระบบประสาทsympathetic ระบบฮอรโ์ มนถูกกระต้นุ

หนว่ ยท่ี 13 การฟ้ืนคนื ชีพ หว่ งโซแ่ หง่ การรอดชวี ิต (Chain of surviral) 1. การเฝ้าระวังและการป้องกนั ภาวะหัวใจหยดุ ทำงานที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล 2. การรับรู้และการแจ้งระบบคอยรับฉุกเฉิน 3. การนวดหัวใจ ผายปอด กู้ชีพท่มี ีคุณภาพสงู อยา่ งทนั ที ภาวะหัวใจหยุดทำงานท่ีเกดิ ข้นึ นอกโรงพยาบาล 4. การกระตนุ้ หวั ใจดว้ ยไฟฟา้ อย่างรวดเร็ว 5. การชว่ ยชีวติ ขนั้ สงู การ CPR 1. การรบั ร้แู ละการแจง้ ระบบคอยรับฉุกเฉนิ 2. การนวดหวั ใจ ผายปอด กู้ชีพท่มี ีคุณภาพสูงอย่างทันที 3. การกระตุ้นหัวใจดว้ ยไฟฟา้ อย่างรวดเรว็ 4. การบริการการแพทยฉ์ ุกเฉินขั้นพื้นฐานและข้นั สูง 5. การชว่ ยชีวิตขัน้ สงู D = Danger ปลอดภัย R = Response รสู้ กึ ตวั หรือมกี ารตอยสนอง C = Call for help & Start chest compression ขอความชว่ ยเหลือและเร่ิมนวดหัวใจ ปลกุ ก่อน “ คณุ ” แลว้ ตะโกนขอความชว่ ยเหลือ ชว่ ยโทร 1669 และขอเครอื่ ง AED

Steps of BLS 3 steps C > A >B C : Circulation คลำ carotid pulse 10 วินาที ยกเวน้ Hypothermia 30-60 วนิ าที และเรม่ิ CPR CPR Positioning ทถี่ กู ตอ้ ง วางสนั มอื ข้างหนึ่งตรงกลางหน้าอกผู้ปว่ ย - แขน 2 ขา้ งเหยยี ดตรงในแนวดืง่ กดหนา้ อกลึก บรเิ วณครงึ่ ล่างของกระดูกหน้าอก ประมาณ 5 cm แต่ไม่เกิน 6 cm - กดดว้ ยอัตราเร็ว 100-120 ครง้ั ตอ่ นาที - สลบั คนปัม๊ ตอนท่ีครบ 5 cycle ต้องใหส้ ญั ญาณ หรือประเมนิ ชีพจร A : Airway เป็นการเปดิ ทางเดนิ หายใจ ใหด้ ูวา่ มีลน้ิ ตกหรอื ไม่ ถ้ามใี ห้ใชน้ ้วิ ยกขากรรไกรข้นึ เพ่ือทำให้ทางเดินหายใจโล่ง Non-Trauma : Head tilt chin lift Trauma : Jaw thrust

B : Breathing การเปา่ ลมเข้าปอดทง้ั 2 ขา้ ง มองจากการ เคลื่อนข้ึนของหน้าอก ใชเ้ วลา 1 วนิ าทีตอ่ ครงั้ อัตราการกดหนา้ อก : การช่วยหายใจ 30:2 Automatic External Defibrillator : AED 5 ป เปดิ แปะ แปล เปรีย้ ง ป๊มั Advanced Cardiac Life Support (ACLS) Un - Shockable Shockable ดู Rate มากกว่า 100 ครัง้ /นาที

Drugs for resuscitation Adrenaline กลไกการออกฤทธ์ิ : กระตนุ้ alpha-adrenergic receptor มีผลเพมิ่ ความดันโลหติ จากการหดตัวของหลอดเลือด และกระตุ้น beta-adrenergic receptor มีผล กระตุ้นการบีบตวั ของหัวใจและกระตุ้นอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ ผลขา้ งเคียง : Hypertension, Tachycardia, Supraventricular tachycardia Cardiac arrest - IV 1 mg push ทุก 3-5 นาที (push NSS ตาม 10 ml ( Asystole,PEA) และยกแขนสูง Symptomatic sinus - Intratracheal 2-3 mg + NSS 10 ml bradycardia - ใชเ้ มอื่ ไมต่ อบสนองต่อ atropine เพ่อื กระตนุ้ - 10 mg + 5%D/W 100 ml (1:10) IV 5-20 ml/hr Anaphylaxis - 0.5 mg IM + load IV NSS Angioedema - กรณีไมต่ อบสนองต่อการรักษาให้ซ้ำ 0.5 mg IM ทุก Cordarone 10-15 นาที 2-3 ครัง้ หรอื อาจพิจารณา Continuons IV drip กลไกการออกฤทธิ์ : antiarrhythmic drug โดยลด automaticity ของ sinus node ทำใหห้ ัวใจเต้นช้าลง ข้อ บ ่งใช้ : cardiac arrest and Recurrent VT/VF ท ี่ไ ม่ต อ บ ส นอ ง ต่อ defibrillation และยา adrenaline ขนาดยา 300 mg + 5%D/W 20 ml IV slow push ใน 3 นาที อาจพจิ ารณาให้ซำ้ 150 mg อกี 5 นาทีตอ่ มา

ขอ้ ห้ามใช้ : ผลขา้ งเคยี ง : ✓ Severe hypotension Hypotension,Bradycardia,ProlongQT interval ✓ Pregnancy Heart block, CHF, Phlebitis ✓ Heart block Cordarone ขอ้ ควรระวัง : - ขณะ drip ไม่ควรได้รับยา Betablocker, digoxin, diltiazem, - Warfarin เพิ่ม risk bleeding - การให้ยาตอ้ งไมเ่ กิน 2,200 mg ใน 24 ชม. - ระดับ K และ Mg ต้องอย่ใู นเกณฑ์ปกติ อาจ เกดิ arrhythymia HCO3 8.92 mEq/50 ml - เปน็ สารละลายมีฤทธิ์เป็นด่าง มสี ่วนประกอบคอื โซเดยี มและไบคาร์บอเนต - ทำหนา้ ท่เี พิม่ ความเปน็ ดา่ งในรา่ งกาย เพิ่มปริมาณโซเดียมและไบคารบ์ อเนต - เสรมิ กบั ไบคารบ์ อเนต รา่ งกายสร้างขึ้นทไ่ี ต - โซเดียมไบคารบ์ อเนตมีการขับออกทางปสั สาวะ ทำให้มีความเปน็ ดา่ งมากขึน้ 7.5 % Sodium bicarbonate ขอ้ บง่ ใช้ : severe metabolic acidosis (pH < 7.15) ให้ 50 ml IV push ซ้ำได้ทกุ 30 นาที หรือ continuous drip Septic shock rate 20-50 ml/hr ไมต่ ้องผสมกบั สารอ่นื DKA 100 ml + 5%D/W 400 ml IV rate 250 ml/hr หยุดให้ pH >7.2

4 Algorithm










Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook