พ.ร.บ พระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) ว่าด้วยการกระทำความ ผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที2) พ.ศ.2560 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) คุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ.2562
สารบัญ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยว กับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2560 หน้า 1-4 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) คุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ.2562 หน้า 5-10
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็ นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการก ระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดัง ต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราช บัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกํา หนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศ ในราช กิจจานุเบกษาเป็ นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔ แห่งพระ ราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิด เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้ แทน “มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคมรักษาการ ตามพระราช บัญญัตินี้ และให้มีอํานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้า หน้ าที่กับออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อ ปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้” มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองและ วรรคสามของมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติ ว่า ด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่ บุคคลอื่นอันมีลักษณะเป็นการก่อให้เกิด ความเดือดร้อนรํา คาญแก่ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับ สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความ ประสงค์เพ่ือปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่าย ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน สองแสนบาท
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิด เกี่ยว กับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๖ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๒/๑ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทํา ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๗ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และ วรรคห้าของมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความ ผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราช บัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิด เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๖/๑ และมาตรา ๑๖/๒ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยว กับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๗/๑ ในหมวด ๑ ความ ผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทํา ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙ แห่งพระ ราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๑๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๑๕ ให้ยกเลิกความในวรรค สองของมาตรา ๒๑ แห่งพระราช บัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๑๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และ มาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติว่า ด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน
มาตรา ๑๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๒๖ แห่งพระ ราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา ๑๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองและวรรคสามของ มาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๙ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐ บรรดาระเบียบหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติว่า ด้วยการกระทําความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระ ราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้ยังคง ใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้ง กับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยว กับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ นี้ จนกว่าจะมีระเบียบหรือประกาศที่ต้อง ออกตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็ นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒” ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่ บทบัญญัติในหมวด ๒ หมวด ๓ หมวด ๕ หมวด ๖ หมวด ๗ และความใน มาตรา ๙๕ และมาตรา ๙๖ ให้ ใช้บังคับเมื่ อพ้นกาหนดหนึ่ งปี นับแต่วันประกาศในราช กิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
๓ ในกรณีท่ีมีกฎหมายว่าด้วยการใดบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล ในลักษณะใด กิจการใด หรือหน่วยงานใดไว้โดย เฉพาะแล้ว ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ว่าด้วยการนั้น เว้นแต่ (๑) บทบัญญัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคล และบทบัญญัติ เก่ียวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมท้ังบทกาหนดโทษที่เกี่ยวข้อง ให้บังคับตามบทบัญญัติ แห่งพระ ราชบัญญัตินี้เป็นการเพิ่มเติม ไม่ว่าจะซ้ากับบทบัญญัติแห่ง กฎหมายว่าด้วยการนั้นหรือไม่ก็ตาม (๒) บทบัญญัติเก่ียวกับการร้องเรียน บทบัญญัติที่ให้อานาจแก่คณะ กรรมการผู้เช่ียวชาญ ออกคาสั่งเพ่ือคุ้มครองเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคล และบทบัญญัติเกี่ยวกับอานาจหน้ าที่ของพนักงานเจ้าหน้ าท ๔ พระราชบัญญัติน้ีไม่ใช้บังคับแก่ (๑) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ ทาการเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อ กิจกรรมในครอบครัวของบุคคลน้ันเท่านั้น (๒) การดาเนินการของหน่วยงานของรัฐท่ีมีหน้ าท่ีในการรักษาความ มั่นคงของรัฐ ซึ่งรวมถึง ความมั่นคงทางการคลังของรัฐ หรือการ รักษาความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งหน้ าที่เกี่ยวกับ การ ป้ องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นิติวิทยาศาสตร์ หรือการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (๓) บุคคลหรือนิติบุคคลซ่ึงใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทาการ เก็บรวบรวมไว้เฉพาะ เพ่ือกิจการสื่อมวลชน งานศิลปกรรม หรือ งานวรรณกรรมอันเป็ นไปตามจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ หรือเป็ นประโยชน์สาธารณะเท่านั้น ๕ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับแก่การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลโดยผู้ ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลซ่ึงอยู่ในราชอาณาจักร ไม่ว่า การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยนั้น ได้กระทาในหรือนอก ราชอาณาจักรก็ตาม
๖ ในพระราชบัญญัตินี้ “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทาให้ สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม โดยเฉพาะ “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่ง มีอานาจหน้ าท่ีตัดสินใจ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษา การตาม พระราชบัญญัติน้ี และให้มีอานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้ าที่ เพื่อ ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน มาตรา ๘ ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบ ด้วย (๑) ประธานกรรมการ ซึ่งสรรหาและแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความ เช่ียวชาญ และประสบการณ์ เป็นที่ประจักษ์ในด้านการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสาร ด้านสังคมศาสตร์ ด้านกฎหมาย ด้าน สุขภาพ ด้านการเงิน หรือด้านอื่น ท้ังนี้ ต้องเกี่ยวข้องและเป็น ประโยชน์ต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (๒) ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม เป็นรองประธาน กรรมการ (๓) กรรมการโดยตาแหน่ง จานวนห้าคน ได้แก่ ปลัดสานักนายก รัฐมนตรี เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะ กรรมการคุ้มครองผู้บรโิภค
๙ ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งจานวนแปดคนทา หน้ าท่ีคัดเลือกบุคคล ที่สมควรได้รับการแต่งต้ังเป็น ประธานกรรมการตามมาตรา ๘ (๑) หรือกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิ ตามมาตรา ๘ (๔) ประกอบด้วย (๑) บุคคลซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจานวนสองคน (๒) บุคคลซึ่งประธานรัฐสภาแต่งต้ังจานวนสองคน (๓) บุคคลซ่ึงผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้งจานวนสองคน และ (๔) บุคคลซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแต่ง ต้ังจานวนสองคน ๑๐ ในการสรรหาประธานกรรมการตามมาตรา ๘ (๑) หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๘ (๔) ให้คณะ กรรมการสรรหาคัดเลือกบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๘ (๑) หรือ ตามมาตรา ๘ (๔) แล้วแต่กรณี รวมทั้งมี คุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑ และ ยินยอมให้เสนอชื่อเข้ารับคัดเลือกเท่ากับจานวนประธาน กรรมการตามมาตรา ๘ (๑) หรือกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๘ (๔) ที่จะได้รับแต่งตั้ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: