Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Definition of natural resources 3

Definition of natural resources 3

Published by nooju19.09.2540, 2017-07-11 04:47:50

Description: Definition of natural resources 3

Search

Read the Text Version

เร่ือง ความหมายขอทรัพยากรธรรมชาติ

ความหมายของทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resources) หมายถึงสิ่งท่ีปรากฏอยตู่ ามธรรมชาติหรือสิ่งท่ีข้ึนเอง อานวยประโยชน์แก่มนุษยแ์ ละธรรมชาติดว้ ยกนั เอง (ทวี ทองสวา่ ง และทศั นีย์ ทองสวา่ ง,2523:4) ถา้ ส่ิงน้นั ยงั ไมใ่ หป้ ระโยชน์ต่อมนุษย์ กไ็ มถ่ ือวา่ เป็นทรัพยากรธรรมชาติ (เกษมจนั ทร์แกว้ ,2525:4) ความหมายของทรัพยากรธรรมชาติมกั จะมองในแง่ท่ีวา่ เป็นส่ิงอานวยประโยชน์แก่มนุษยท์ ้งัทางตรงและทางออ้ ม หากไมไ่ ดใ้ หป้ ระโยชน์อะไรเลยก็คงไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติ ดงั น้นั จึงมีการจดั ประเภททรัพยากรธรรมชาติไวห้ ลายประเภทดว้ ยกนั เช่น ดิน น้า ป่ าไม้ สัตวป์ ่ า แร่ธาตุ ฯลฯ ซ่ึงเป็นทรัพยากรท่ีเป็นแหล่งพลงั งานสาคญั การใชค้ าวา่ \"ทรัพยากรธรรมชาติิ\" และคาวา่ \"สิ่งแวดล้อม\" บางคร้ังผใู้ ชอ้ าจจะเกิดความสับสนไม่ทราบวา่ จะใชค้ าไหนดี จึงน่าพจิ ารณาวา่ คาท้งั สองน้ีมีความคลา้ ยคลึงและแตกต่างกนัอยา่ งไร ในเร่ืองน้ี เกษม จนั ทร์แกว้ (2525:7-8) ไดเ้ สนอไวด้ งั น้ี 1. ความคลา้ ยคลึงกนั ในแง่น้ีพิจารณาจากท่ีเกิด คือ เกิดข้ึนตามธรรมชาติเหมือนกนัทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มตา่ งเป็นส่ิงที่ใหป้ ระโยชน์ตอ่ มนุษยเ์ ช่นกนั มนุษยร์ ู้จกั ใช้ รู้จกัคิดในการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ และมนุษยอ์ าศยั อยใู่ นทรัพยากรธรรมชาติตา่ ง ๆ ก็ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรธรรมชาติ แลว้ มนุษยก์ ็เรียกสิ่งต่าง ๆ ท้งั หมดวา่ \"สิ่งแวดลอ้ ม\" ความคลา้ ยคลึงกนั ของคาวา่ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอยทู่ ี่วา่ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นส่วนหน่ึงของส่ิงแวดลอ้ ม 2. ความแตกตา่ ง ทรัพยากรธรรมชาติเป็นส่ิงท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ แต่ส่ิงแวดลอ้ มน้นัประกอบดว้ ยทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงที่มนุษยส์ ร้างข้ึนโดยอาศยั ทรัพยากรธรรมชาติ หากขาดทรัพยากรธรรมชาติ มนุษยจ์ ะไม่สามารถสร้างส่ิงแวดลอ้ มอ่ืน ๆ ไดเ้ ลย ถา้ แยกมนุษยอ์ อกมาในฐานะผใู้ ชป้ ระโยชนจ์ ากส่ิงตา่ ง ๆ ในโลกน้ี เม่ือกล่าวถึงสิ่งท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ จึงควรใชค้ าวา่ \"ทรัพยากรธรรมชาติ\" แต่ถา้ ตอ้ งการกล่าวรวม ๆ ถึงส่ิงท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติและสิ่งที่มนุษยส์ ร้างข้ึนก็ควรใชค้ าวา่ \"ส่ิงแวดลอ้ ม\" แตถ่ า้ ตอ้ งการเนน้ เรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มไปพร้อม ๆ กนั กค็ วรใชค้ าวา่ \"ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม\"เม่ือกล่าวถึงสิ่งแวดลอ้ มหลาย ๆ คน จะเขา้ ใจถึงเร่ืองของน้าเสีย ควนั พษิ ในอากาศ ไอเสียจากรถยนต์ ขยะมลู ฝอย ฯลฯ ซ่ึงในความเป็นจริง สิ่งแวดลอ้ ม มีความหมายกวา้ งมาก มีความสมั พนั ธ์กบั ทุก ๆ สิ่งที่มีชีวติ และไมม่ ีชีวติ ใน Module น้ี จะสนทนากนั ในเรื่องของคน มีความสัมพนั ธ์กบัสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งไร โดยท่ีตระหนกั อยเู่ สมอวา่ ในอดีตท่ีผา่ นมา ปัญหาเร่ือง ความสมดุลยข์ องธรรมชาติกบั คนยงั ไม่มี คนส่วนใหญ่ในยคุ ตน้ ๆ จึงมีชีวติ อยใู่ ต้ อิทธิพลของธรรมชาติ ความเปล่ียนแปลง ทางดา้ นธรรมชาติ และสภาพแวดลอ้ ม มีลกั ษณะที่ คอ่ ยเป็นคอ่ ยไป ซ่ึงไม่ก่อใหเ้ กิด

ผลกระทบ ทางสิ่งแวดลอ้ มมากนกั แต่เน่ืองจาก มีความเจริญกา้ วหนา้ ดา้ นเทคโนโลยี เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ขยายตวั มากข้ึน ประกอบดว้ ย ความตอ้ งการของมนุษย์ มีอยไู่ มจ่ ากดั จึงทาใหเ้ กิดปัญหา ทางดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ข้ึนในโลกสีเขียวของเรา เช่น ปัญหาทางดา้ น ภาวะมลพิษทางเสียและน้า ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ เสื่อมสลาย ปัญหาการต้งั ถ่ินฐาน และชุมชน ดงั น้นั จึงมีความจาเป็นท่ีจะตอ้ งกล่าวถึง มนุษยก์ บั ความสมั พนั ธ์ กบั สิ่งแวดลอ้ มอยา่ งประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ การแบง่ ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติมีการแบ่งกนั หลายลกั ษณะ แต่ในทีน้ี แบง่ โดยใช้เกณฑข์ องการนามาใช้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1. ทรัพยากรธรรมชาตทิ ใ่ี ช้แล้วไม่หมดสิ้น (Inexhaustible natural resources) เป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนก่อนท่ีจะมีมนุษย์ เม่ือมีมนุษยเ์ กิดข้ึนมาส่ิงเหล่าน้ีกม็ ีความจาเป็นต่อการดารงชีวติ ของมนุษย์ จาแนกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1.1 ประเภททค่ี งสภาพเดมิ ไม่เปลยี่ นแปลง (Immutuable) ไดแ้ ก่ พลงั งานจากดวงอาทิตย์ลม อากาศ ฝ่ นุ แมก้ าลเวลาจะผา่ นไปนานเท่าใดก็ตามสิ่งเหล่าน้ีก็ยงั คงมีไมเ่ ปลี่ยนแปลง 1.2 ประเภททม่ี กี ารเปลย่ี นแปลง (Mutuable) การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนเน่ืองมาจากการใช้ประโยชน์อยา่ งผดิ วธิ ี เช่น การใชท้ ่ีดิน การใชน้ าโดยวธิ ีการท่ีไมถ่ ูกตอ้ ง ทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงท้งั ทางดา้ นกายภาพ และดา้ นคุณภาพ 2. ทรัพยากรธรรมชาติทใี่ ช้แล้วทดแทนได้ (renewable natural resources) เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใชไ้ ปแลว้ สามารถเกิดข้ึนทดแทนได้ ซ่ึงอาจจะเร็วหรือชา้ ข้ึนอยกู่ นั ชนิดของทรัพยากรธรรมชาติประเภทน้นั ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ ทดแทนได้ เช่น พชื ป่ าไม้ สตั วป์ ่ ามนุษย์ ความสมบรู ณ์ของดิน คุณภาพของน้า และทศั นียภาพที่สวยงาม เป็นตน้ 3. ทรัพยากรธรรมชาตทิ สี่ ามารถนามาใช้ใหม่ได้ (Recycleable natural resources) เป็นทรัพยากรธรรมชาติจาพวกแร่ธาตุท่ีนามาใชแ้ ลว้ สามารถนาไปแปรรูปใหก้ ลบั ไปสู่สภาพเดิมได้แลว้ นากลบั มาใชใ้ หมอ่ ีก (อู่แกว้ ประกอบไวยกิจ เวอร์,2525:208) เช่น แร่โลหะ แร่อโลหะ ไดแ้ ก่เหลก็ ทองแดง อะลูมิเนียม แกว้ ฯลฯ 4. ทรัพยากรธรรมชาติทใี่ ช้แล้วหมดสิ้นไป (Exhausting natural resources) เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่นามาใชแ้ ลว้ จะหมดไปจากโลกน้ี หรือสามารถเกิดข้ึนทดแทนได้ แตต่ อ้ งใช้เวลายาวนานมาก ทรัพยากรธรรมชาติประเภทน้ี ไดแ้ ก่ น้ามนั ปิ โตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน เป็นตน้ความสาคญั และผลกระทบของทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติมีความสาคญั ต่อมนุษยม์ ากมายหลายดา้ นดงั น้ี

1. การดารงชีวติ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นตน้ กาเนิดของปัจจยั 4 ในการดารงชีวติ ของมนุษย์พบวา่ มนุษยจ์ ะตอ้ งพ่ึงพาทรัพยากรธรรมชาติเพอ่ื สนองความตอ้ งการทางดา้ นปัจจยั สี่ คือ อาหารเครื่องนุ่งห่ม ท่ีอยอู่ าศยั และยารักษาโรค - อาหารท่ีมนุษยบ์ ริโภคแรกเริ่มส่วนหน่ึงไดจ้ ากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เผอื ก มนั ปลาน้าจืดและปลาน้าเคม็ เป็นตน้ - เครื่องนุ่งห่ม แรกเร่ิมมนุษยป์ ระดิษฐเ์ ครื่องนุ่งห่มจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น จากฝ้ ายป่ าน ลินิน ขนสัตว์ ฯลฯ ท่ีมีอยตู่ ามธรรมชาติ ตอ่ มาเม่ือจานวนประชากรเพิ่มข้ึน ความตอ้ งการเครื่องนุ่งห่มก็เพม่ิ ข้ึนดว้ ย จึงจาเป็นตอ้ งปลูกหรือเล้ียงสตั ว์ เพ่ือการทาเคร่ืองนุ่งห่มเอง และในที่สุดก็ทาเป็ นอุตสาหกรรม - ทอี่ ยู่อาศัย การสร้างที่อยอู่ าศยั ของชนเผา่ ตา่ ง ๆ จะพยายามหาทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีมีอยใู่ นทอ้ งถิ่นมาเป็ นองคป์ ระกอบหลกั ในการก่อสร้างท่ีอยอู่ าศยั ข้ึนมา ตวั อยา่ งเช่น ในเขตทะเลทรายท่ีแหง้ แลง้ บา้ นที่สร้างข้ึนในเขตภเู ขาจะทาดว้ ยดินเหนียว แต่ถา้ เป็นบริเวณที่แหง้ แลง้และไร้พชื พรรณธรรมชาติ บา้ นที่สร้างข้ึนอาจจะเจาะเป็นอุโมงคเ์ ขา้ ไปตามหนา้ ผา บา้ นคนไทยในชนบทสร้างดว้ ยไม้ ไมไ้ ผ่ หลงั คามุงดว้ ยจากหรือหญา้ เป็ นตน้ - ยารักษาโรค ต้งั แต่สมยั โบราณมนุษยร์ ู้จกั นาพชื สมุนไพรมาใชใ้ นการรักษาโรค เช่นคนไทยใชฟ้ ้ าทะลายโจรรักษาโรคหวดั หอบ หืด หวั ไพล ขมิ้น น้าผ้งึ ใชบ้ ารุงผิว 2. การต้ังถนิ่ ฐานและการประกอบอาชีพ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจยั พ้นื ฐานในการต้งั ถ่ินฐานและประกอบอาชีพของมนุษย์ เช่น แถบลุ่มแม่น้าหรือชายฝั่งทะเลที่อุดมสมบรู ณ์ดว้ ยพืชและสัตว์ จะมีประชาชนเขา้ ไปต้งั ถ่ินฐานและประกอบอาชีพทางการเกษตรกรรมประมง เป็นตน้ 3. การพฒั นาทางเศรษฐกจิ จาเป็ นต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ 4. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยิี การประดิษฐเ์ คร่ืองมือ เครื่องใช้ เคร่ืองจกั ร เครื่องผอ่ นแรงตอ้ งอาศยั ทรัพยากรธรรมชาติ 5. การรักษาสมดุลธรรมชาติิ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจยั ในการรักษาสมดุลธรรมชาติกจิ กรรมของมนุษย์ทสี่ ่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติิ ไดแ้ ก่ 1. กิจกรรมทางดา้ นอุตสหกรรม โดยไม่มีการคานึงถึงสิ่งแวดลอ้ ม มีการนาใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย และก่อใหเ้ กิดมลพิษ ต่อสิ่งแวดลอ้ ม เช่น อุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีการเปิ ดหนา้ ดิน ก่อใหเ้ กิดปัญหาการชะลา้ ง พงั ทลายของดิน และปัญหาน้าทิ้ง จากเหมืองลงสู่แหล่งน้าก่อใหเ้ กิดพลพิษทางน้า 2. กิจกรรมทางการเกษตร เช่น มีการใชย้ าฆ่าแมลง เพอ่ื เพ่มิ ผลผลิต ส่งผลใหเ้ กิดอนั ตราย ต่อส่ิงแวดลอ้ ม และสุขภาพอนามยั ของมนุษย์ เน่ืองจากมีการสะสมสารพิษ ไวใ้ นร่างกายของส่ิงมีชีวติและส่ิงแวดลอ้ ม ก่อใหเ้ กิดอนั ตราย ในระยะยาวและเกิดความสูญ ทางดา้ นเศรษฐกิจ เนื่องจากการ

เจบ็ ป่ วย ของประชาชน และคุณภาพสิ่งแวดลอ้ มที่แยล่ ง 3. กิจกรรมการบริโภคของมนุษย์ ส่งผลให้ มีการใชท้ รัพยากรอยา่ งฟ่ ุมเฟื อย ขาดการคานึงถือสิ่งแวดลอ้ ม ก่อใหเ้ กิดปัญหา สิ่งแวดลอ้ มตามมา เช่น ปริมาณขยะท่ีมากข้ึน จากการบริโภคของเราน้ี ที่มากข้ึนซ่ึงยากตอ่ การกาจดั โดยเกิดจาการใชท้ รัพยากร อยา่ งไม่คุม้ คา่ ทาใหป้ ริมาณทรัพยากรธรรมชาติ ลดนอ้ ยลง เป็นตน้สาเหตุทมี่ นุษย์ลาบายส่ิงแวดล้อมมีหลายสาเหตุดงั น้ี 1. การเพม่ิ ของประชากร การเพ่ิมของประชากรโลก เป็นไปอยา่ งรวดเร็ว เน่ืองจากความเจริญทางดา้ นการแพทย์ ช่วยลดอตั ราการตาย โดยการเพ่มิ ประชากรน้ี ก่อใหเ้ กิดการบริโภคทรัพยากรมากข้ึน มีของเสียมากข้ึน 2. พฤติกรรมการบริโภค อนั เนื่องมาจาก ตอ้ งการใหค้ ุณภาพชีวติ ดีข้ึน มีความสุขสบาย มากข้ึน มีการนาใชท้ รัพยากรธรรมชาติ อยา่ งสิ้นเปลือง มีขยะและของเสียมากข้ึน ส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ มและตวั มนุษยเ์ อง 3. ความโลภของมนุษยิ์ โดยนาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มมาใช้ เพื่อใหต้ นเองมีความร่ารวย มีความสะดวกสบาย มีความเห็นแก่ตวั ขาดสติย้งั คิด ถึงสิ่งแวดลอ้ ม อนั จะเป็นผลส่งให้เกิดปัญหา ส่ิงแวดลอ้ ม ท่ีมากระทบต่อมนุษยเ์ องในท่ีสุด 4. ความไม่รู้ ส่ิงท่ีทาใหม้ นุษย์ ขาดการรู้เทา่ ทนั บนรากฐานแห่งความจริง อยา่ งลึกซ้ึงในส่ิงแวดลอ้ ม และธรรมชาติ ส่งผลใหม้ นุษยข์ าดสต ิิในการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ มีพฤติกรรมการบริโภค อนั เป็นการทาลายส่ิงแวดลอ้ ม โดยขาดการคาดการณ์ ผลท่ีจะเกิดตามมา จะส่งผลใหเ้ กิดปัญหาส่ิง แวดลอ้ ม และนาไปสู่ความเสียหาย ท้งั ตนเองและธรรมชาติวกิ ฤตการทรัพยากรธรรมชาตใิ นปัจจุบัน ทรัพยากรธรรมชาติมีความสาคญั ต่อมนุษยม์ ากมายหลายดา้ นดงั น้ี ประเภทของสัตว์ป่ า พระราชบญั ญตั ิสงวนและคุม้ ครองสตั วป์ ่ า พ.ศ. 2535 ในพระปรมาภิไทยพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ให้ไว้ ณ วนั ท่ี 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2535 เป็นปี ที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบนั แบง่ สตั ว์ป่ าออกเป็ น 2ประเภท คือ 1. สัตว์ป่ าสงวน เป็นสัตวป์ ่ าที่หายากและปัจจุบนั มีจานวนนอ้ ยชนิดมาก บางชนิดสูญพนั ธุ์ไปแลว้ มี 15 ชนิด คือ นกเจา้ ฟ้ าหญิงสิริธร แรด กระซู่ กปู รีหรือโคไพร ควายป่ า ละอง หรือละมง่ัสมนั หรือเน้ือสมนั เลียงผา นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดา นกกระเรียน แมวลายหินอ่อน สมเสร็จ เกง้ หมอ้และพยนู หรือหมูน้า 2. สัตวป่ าคุ้มครอง เป็นสัตวท์ ่ีท้งั ปกติไม่นิยมใชใ้ ชเ้ ป็นอาหารและใชเ้ ป็นอาหาร ท้งั ที่

ไม่ใช่ล่าเพ่อื การกีฬาและล่าเพือ่ การกีฬา ตามที่กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กาหนดไว้ มากกวา่200 ชนิด เช่น ค่าง ชะนี อีเห็น ไก่ฟ้ า เหยย่ี ว ชา้ งป่ า แร้ง กระทิง หมีควาย อีเกง้ นกเป็ดน้า เป็นตน้บทลงโทษ ท้งั สัตวป์ ่ าสงวน สัตวป์ ่ าคุม้ ครอง และซากของสตั วป์ ่ าสงวนหรือซากของสตั วป์ ่ าคุม้ ครอง หา้ มมิใหผ้ ใู้ ดทาการล่า มีไวใ้ นครอบครอง คา้ ขายและนาเขา้ หรือส่งออก หากผใู้ ดฝ่ าฝืนระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสี่ปี หรือปรับไมเ่ กินสี่หม่ืนบาทหรือท้งั จาท้งั ปรับทรัพยากรธรรมชาตทิ ส่ี าคญั เป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีขาดไม่ไดต้ ่อการดาเนินชีวติ เพราะเป็นสิ่งจาเป็ นต่อการดาเนินชีวติตลอดเวลา จึงใหค้ วามสาคญั เป็นอยา่ งยง่ิ และจะตอ้ งเอาใจใส่ดูแลเพ่ือรักษาทรัพยากรธรรมชาติน้นัใหค้ งไวใ้ ชไ้ ดน้ าน ทรัพยากรธรรมชาติท่ีวา่ น้นั ไดแ้ ก่ - ทรัพยากรน้า - ทรัพยากรดิน - ทรัพยากรป่ าไม้ - ทรัพยากรสัตวป์ ่ า - ทรัพยากรแร่ธาตุ - ทรัพยากรพลงั งาน - ทรัพยากรป่ าชายเลน - ทรัพยากรปะการังแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การเพม่ิ ประชากรอยา่ งรวดเร็ว (Exponential) ทาใหม้ ีการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใชส้ นองความตอ้ งการในการดารงชีวติ มากยง่ิ ข้ึนท้งั ทางดา้ นปริมาณและคุณภาพ ซ่ึงบางคร้ังเกินความจาเป็ นจนทาใหร้ ะบบนิเวศต่าง ๆ เสียสมดุล ทรัพยากรธรรมชาติบางอยา่ งเส่ือมโทรม ร่อยหรอหรือเกิดการเปล่ียนแปลงจนไมส่ ามารถเอ้ือประโยชนไ์ ดเ้ ช่นเดิม จึงมีความจาเป็ นอยา่ งยงิ่ ท่ีจะตอ้ งหาวธิ ีการหรือมาตรการในการใชท้ รัพยากรธรรมชาติอยา่ งเหมาะสมและมีเหตุผลเพยี งพอ ท้งั น้ีรวมไปถึงการควบคุมขนาดประชากรโลกใหม้ ีความเหมาะสมกบั ทรัพยากรของโลก ขณะเดียวกนั กต็ อ้ งอนุรักษ์ส่ิงแวดลอ้ มควบคูไ่ ปดว้ ย ในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติตามหวั ขอ้ ที่ 3.1.3น้นั ควรเนน้ทรัพยากรธรรมชาติประเภทท่ี 1 และ2 โดยมีมาตรการที่ทาใหส้ ามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดต้ ลอดไปท้งัดา้ นปริมาณและคุณภาพ ส่วนทรัพยากรธรรมชาติประเภทท่ี 3 และ 4 ควรใชก้ นั อยา่ งประหยดั และเหมาะสม ทรัพยากรธรรมชาติที่ใชแ้ ลว้ หมดสิ้นไปควรใชอ้ ยา่ งประหยดั ท่ีสุด

แนวคดิ การพฒั นาแบบยง่ั ยนื (Sustainable Development-S.D.) WCED World Commission on Environment and Development ไดใ้ หค้ วามหมายของการพฒั นา แบบยง่ั ยนื ไวว้ า่ เป็นการพฒั นา ที่สามารถตอบสนอง ต่อความตอ้ งการข้นั พ้นื ฐาน ของคนในรุ่นปัจจุบนั เช่น อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ยารักษาโรค ท่ีอยอู่ าศยั ฯลฯ โดยไมท่ าให้ ความสามารถ ในการตอบสนอง ความตอ้ งการดงั กล่าว ของคนรุ่นต่อไปตอ้ งเสียไป (\"Development that meets theneeds of the present without compromising the ability of Future generation to meet their ownneeds\") ซ่ึงเพอ่ื พิจารณาแลว้ จะเห็นวา่ S.D เป็นเร่ืองเก่ียวขอ้ ง กบั ความเท่าเทียมกนั ของคนในปัจจุบนั รุ่นเดียวกนั และความเทา่ เทียมกนั ของคนระหวา่ งรุ่นปัจจุบนั และรุ่นต่อไป เป็ นความเท่าเทียมกนั ท่ีมุ่งใหเ้ กิดความยตุ ิธรรม ในการกระจายความมง่ั คง่ั (รายได)้ และการใหท้ รัพยากรตลอดจนการอนุรักษ์ ส่ิงแวดลอ้ มโดย S.D. จะเก่ียวขอ้ งกบั ความสมั พนั ธ์ของระบบ 3 ระบบ คือระบบนิเวศ/สิ่งแวดลอ้ ม ระบบเศรษฐกิจ และระบบสังคม มีเป้ าหมายคือ การทาใหบ้ รรลุเป้ าหมายท้งั 3 ระบบน้ีใหม้ ากท่ีสุด เพ่ือใหม้ ีความเจริญเติบโต พร้อมกนั จากคนในรุ่นปัจจุบนั และมีความยง่ั ยนื ไปจนถึงลูกหลานในอานาคตแนวทางการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์เพอ่ื ส่ิงแวดล้อม มนุษยเ์ ป็นผใู้ ชท้ รัพยากรโดยตรง ซ่ึงยอ่ มจะตอ้ งไดร้ ับผลกระทบ อนั เนื่องมาจากการเปล่ียนแปลง ของสิ่งแวดลอ้ ม ถา้ หากพิจารณา ถึงปัญหาส่ิงแวดลอ้ มแลว้ จะเห็นไดว้ า่ ลว้ นเป็นเหตุมาจาก การเพิ่มจานวนประชากร และการเพิม่ ปริมาณ การบริโภคทรัพยากร ของมนุษยเ์ อง โดยมุ่งยกระดบั มาตรฐาน การดารงชีวติ และมีการผลิตเครื่องอุปโภคมากข้ึน มีการนาใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากข้ึน ก่อใหเ้ กิดสารพิษ อยา่ งมากมาย ส่ิงแวดลอ้ มหรือธรรมชาติ ไมส่ ามารถจะปรับตวั ไดท้ นั และทาใหธ้ รรมชาติ ไม่สามารถรักษาสมดุลไวไ้ ด้ อนั จะส่งผลต่อมนุษยแ์ ละโลกในท่ีสุด ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มที่เกิดข้ึนน้ี จะเห็นไดว้ า่ เกิดจากการขาดความรู้ ความเขา้ ใจในความเป็นจริง ของสิ่งแวดลอ้ ม และธรรมชาติ ขาดความรู้ความเขา้ ใจ ในความเป็นจริงของชีวิต และองคป์ ระกอบอ่ืน ของความเป็นมนุษย์ โดยที่มนุษยเ์ อง ก็เป็นส่วนหน่ึง ของสิ่งแวดลอ้ ม และธรรมชาติ ดงั น้นั การนาความรู้ ความเขา้ ใจ มาปรับปรุง พฒั นาการดารงชีวติ ของมนุษยใ์ ห้กลมกลืน กบั สิ่งแวดลอ้ ม จึงน่าจะเป็น มาตราการท่ีดีที่สุด ในการที่จะทาใหม้ นุษย์ สามารถที่จะดารงชีวิตอยไู่ ด้ อยา่ งมน่ั คง มีความสอดคลอ้ ง และสามารถกลมกลืน กบั สิ่งแวดลอ้ มไดท้ ้งั ในปัจจุบนั และอนาคต

แนวทางการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์เพอื่ สิ่งแวดล้อมควรมีดงั น้ี 1. การให้การศึกษาเก่ียวกบั สิ่งแวดล้อม โดยเนน้ ให้ผเู้ รียน ไดร้ ู้จกั ธรรมชาติ ที่อยรู่ อบตวัมนุษยอ์ ยา่ งแทจ้ ริง โดยใหม้ ีการศึกษาถึง นิเวศวทิ ยา และความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งมนุษย์ และส่ิงแวดลอ้ ม เพอื่ ใหม้ ีความรู้จริง ในการดารงชีวติ ใหผ้ สมกลมกลืน กบั ธรรมชาติท่ีอยโู่ ดยรอบ ได้มุง่ สอน โดยยดึ หลกั ศาสนา โดยสอนใหค้ นมีชีวติ ความเป็ นอยอู่ ยา่ งเรียบง่าย ไมท่ าลายชีวติ อ่ืน ๆ ท่ีอยใู่ นธรรมชาติดว้ ยกนั พิจารณาถึง ความเป็นไปตามธรรมชาติท่ีเป็นอยู่ ยอมรับความเป็ นจริง ของธรรมชาติ และยอมรับความจริงน้นั โดยไมฝ่ ืนธรรมชาติ ใชป้ ระโยชนจ์ ากธรรมชาติ อยา่ งสิ้นเปลืองนอ้ ยท่ีสุด ทาให้เกิดทรัพยากรมนุษย์ ที่มีคุณภาพเป็นท่ีตอ้ งการ ของสังคมและประเทศชาติ ในการพฒั นา 2. การสร้างจิตสานึกแห่งการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม เป็นการทาใหบ้ ุคคล เห็นคุณค่าและตระหนกั ในส่ิงแวดลอ้ มและธรรมชาติ รวมท้งั ผลกระทบ จากการทากิจกรรม ท่ีส่งผลต่อสิ่งแวดลอ้ ม สร้างความรู้สึก รับผดิ ชอบต่อปัญหาที่เกิดข้ึน ระหวา่ งส่ิงแวดลอ้ ม และการพฒั นา การสร้างจิตสานึก โดยการใหก้ ารศึกษา เกี่ยวกบั ส่ิงแวดลอ้ ม จะเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นาจิตใจ ของบุคคล และยงั มีผลต่อ พฤติกรรม ของบุคคล ใหม้ ีการเปล่ียนแปลง การดาเนินชีวติ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สอดคลอ้ งกลมกลืน กบั ธรรมชาติ 3. การส่งเสริมให้มกี ารปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรมโดยให้เออื้ ต่อส่ิงแวดล้อม ดารงชีวิต โดยสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ ซ่ึงการปรับเปล่ียน พฤติกรรม ที่เอ้ือต่อสิ่งแวดลอ้ มน้ี จะเป็นสิ่งที่เกิดตามมาจากการใหก้ ารศึกษา และการสร้างจิตสานึก ทาใหม้ ีการดารงชีวติ โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ความหมายสิ่งแวดล้อม ส่ิงแวดลอ้ ม คือ ทุกสิ่งทุกอยา่ งที่อยรู่ อบตวั มนุษยท์ ้งั ที่มีชีวติ และไม่มีชีวติ รวมท้งั ที่เป็ นรูปธรรม (สามารถจบั ตอ้ งและมองเห็นได)้ และนามธรรม (ตวั อยา่ งเช่นวฒั นธรรมแบบแผนประเพณี ความเชื่อ) มีอิทธิพลเก่ียวโยงถึงกนั เป็นปัจจยั ในการเก้ือหนุนซ่ึงกนั และกนั ผลกระทบจากปัจจยั หน่ึงจะมีส่วนเสริมสร้างหรือทาลายอีกส่วนหน่ึง อยา่ งหลีกเลี่ยงมิได้ สิ่งแวดลอ้ มเป็นวงจรและวฏั จกั รที่เก่ียวขอ้ งกนั ไปท้งั ระบบ สิ่งแวดลอ้ มแบง่ ออกเป็ นลกั ษณะกวา้ ง ๆ ได้ 2 ส่วนคือ  สิ่งแวดลอ้ มท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่น ป่ าไม้ ภูเขา ดิน น้า อากาศ ทรัพยากร  ส่ิงแวดลอ้ มท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น ชุมชนเมือง ส่ิงก่อสร้างโบราณสถาน ศิลปกรรม

มนุษย์กบั สิ่งแวดล้อม มนุษยม์ ีความสัมพนั ธ์กบั ส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งแนบแน่นในอดีตปัญหาเรื่องความสมดุลยข์ องธรรมชาติตามระบบนิเวศยงั ไมเ่ กิดข้ึนมากนกั ท้งั น้ีเน่ืองจากผคู้ นในยคุ ตน้ ๆ น้นั มีชีวติ อยใู่ ต้อิทธิพลของธรรมชาติ ความเปล่ียนแปลงทางดา้ นธรรมชาติและสภาวะแวดลอ้ มเป็ นไปอยา่ งคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป จึงอยใู่ นวสิ ัยท่ีธรรมชาติสามารถปรับดุลยข์ องตวั เองได้ กาลเวลาผา่ นมาจนกระท้งั ถึงระยะเม่ือไมก่ ี่สิบปี มาน้ี โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในทศวรรษท่ีผา่ นมา (ระยะสิบปี ) ซ่ึงเรียกกนั วา่ \"ทศวรรษแห่งการพฒั นา\" น้นั ปรากฎวา่ ไดเ้ กิดมีปัญหารุนแรงดา้ นสิ่งแวดลอ้ มข้ึนในบางส่วนของโลกและปัญหาดงั กล่าวน้ี ก็มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั ในทกุ ประเทศท้งัที่พฒั นาแลว้ และกาลงั พฒั นา เช่น  ปัญหาทางดา้ นภาวะมลพษิ ท่ีเกี่ยวกบั น้า  ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่เส่ือมสลายและหมดสิ้นไปอยา่ งรวดเร็ว เช่น น้ามนั แร่ธาตุ ป่ าไม้ พชื สัตว์ ท้งั ท่ีเป็นอาหารและที่ควรจะอนุรักษไ์ วเ้ พื่อการศึกษา  ปัญหาท่ีเก่ียวกบั การต้งั ถิ่นฐานและชุมชนของมนุษย์ เช่น การวางผงั เมืองและ ชุมชนไม่ ถูกตอ้ ง ทาใหเ้ กิดการแออดั ยดั เยยี ด ใชท้ รัพยากรผดิ ประเภทและ ลกั ษณะ ตลอดจนปัญหาแหล่งเส่ือมโทรมและปัญหาจากของเหลือทิง้ อนั ไดแ้ ก่มลู ฝอย สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม สาเหตุหลกั ของปัญหาสิ่งแวดลอ้ มมีอยู่ 2 ประการดว้ ยกนั คือ 1. การเพม่ิ ของประชากร (Population growth) ปริมาณการเพ่มิ ของประชากรกย็ งั อยใู่ นอตั ราทวคี ูณ (Exponential Growth) เม่ือผคู้ นมากข้ึนความตอ้ งการบริโภคทรัพยากรกเ็ พ่ิมมากข้ึนทุกทางไม่วา่ จะเป็นเร่ืองอาหาร ท่ีอยอู่ าศยั พลงั งาน 2. การขยายตวั ทางเศรษฐกิจและความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยี (Economic Growth &Technological Progress) ความเจริญทางเศรษฐกิจน้นั ทาใหม้ าตรฐานในการดารงชีวติ สูงตามไปดว้ ย มีการบริโภคทรัพยากรจนเกินกวา่ ความจาเป็นข้นั พ้นื ฐานของชีวติ มีความจาเป็นตอ้ งใช้พลงั งานมากข้ึนตามไปดว้ ย ในขณะเดียวกนั ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยกี ช็ ่วยเสริมใหว้ ธิ ีการนาทรัพยากรมาใชไ้ ดง้ ่ายข้ึนและมากข้ึน

ผลทเ่ี กดิ จากปัญหาสิ่งแวดล้อม ผลสืบเน่ืองอนั เกิดจากปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม คือ1. ทรัพยากรธรรมชาติร่อยหรอ เน่ืองจากมีการใชท้ รัพยากรกนั อยา่ งไมป่ ระหยดั อาทิ ป่ าไม้ ถูกทาลาย ดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ ขาดแคลนน้า2. ภาวะมลพิษ (Pollution) เช่น มลพษิ ในน้า ในอากาศและเสียง มลพิษในอาหาร สารเคมี อนั เป็นผลมาจากการเร่งรัดทางดา้ นอุตสาหกรรมนน่ั เอง