Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Local literature 1

Local literature 1

Published by nooju19.09.2540, 2017-07-11 04:18:44

Description: Local literature 1

Search

Read the Text Version

เร่ือง วรรณกรรมท้องถ่นิ

วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ (Folk Literature) วรรณกรรมท้องถิ่น หมายถึง ผลผลติ ท่เี กิดจากภมู ิปัญญาของชาวบ้านทีส่ ร้างสรรคข์ ้ึนในรปู แบบต่างๆเช่น เพลง นิทาน ตานาน สุภาษติ เพื่อสร้างความบันเทงิ ให้สงั คมในท้องถิ่น และเสนอแง่คดิ คติสอนใจในการดาเนนิ ชีวติ การศึกษาวรรณกรรมพืน้ บ้านจะชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจวิถีชวี ิต ค่านยิ ม และความเช่ือของบรรพบุรุษ ซึง่ เปน็รากฐานการศึกษาความคิดและพฤตกิ รรมของคนรนุ่ ปจั จุบนั  ลักษณะเฉพาะของวรรณกรรมท้องถิ่น ๑. เป็นมรดกทางวฒั นธรรมที่สบื ทอดกันมาจากมุขปาฐะ คอื เป็นการเล่าสืบต่อกนั มาจากปากต่อ ปากและแพร่หลายกนั อย่ใู นกลุ่มชนท้องถน่ิ ๒. เป็นแหล่งข้อมลู ทีบ่ นั ทกึ ข้อมูลด้านขนบธรรมเนียมประเพณขี องกลุ่มชนท้องถ่นิ อนั เปน็ แบบฉบับ ใหค้ นยคุ ต่อมาเชื่อถือและปฏิบัตติ าม ๓. มักไม่ปรากฏชื่อผ้แู ต่ง เพราะเป็นเร่ืองที่บอกเล่าสืบตอ่ กันมาจากปากต่อปาก ๔. ใช้ภาษาทอ้ งถ่ิน ลักษณะถ้อยคาเป็นคาง่ายๆ สอ่ื ความหมายตรงไปตรงมา ๕. สนองความต้องการของกลมุ่ ชนในท้องถ่ิน เช่น เพ่ือความบนั เทิง เพ่ืออธิบายสง่ิ ที่คนในสมยั นน้ั ยัง ไมเ่ ข้าใจ เพื่อสอนจรยิ ธรรมขนบธรรมเนยี ม  ประเภทของวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ แบง่ เปน็ ๔ ประเภท ตามการแบง่ เขตภมู ภิ าคดังนี้ ๑. วรรณกรรมท้องถิน่ ภาคกลาง ๒. วรรณกรรมท้องถิน่ ภาคเหนือ ๓. วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ภาคอีสาน ๔. วรรณกรรมท้องถิน่ ภาคใต้ ๒  วรรณกรรมท้องถนิ่ ภาคกลาง ๑) วรรณกรรมประเภทกลอนสวด วรรณกรรมท่ีประพนั ธด์ ว้ ยกาพยย์ านี กาพยฉ์ บัง และกาพย์สรุ างคนางค์ การสวดหนังสอื คอื การอา่ นวรรณกรรมเป็นทานองตา่ งๆ สวดโอเ้ อว้ หิ ารราย หรอื โอเ้ อ้ศาลาราย สวดมาลัย สวดคฤหสั ถ์

นอกจากผู้ฟังจะได้รบั ความเพลดิ เพลนิ บนั เทิงใจแล้ว ยงั ไดค้ ติธรรมเปน็ แนวทางในการดาเนนิ ชีวิตทดี่ ี ประเพณกี ารสวดหนงั สือนยิ มปฏบิ ัติในวดั มีการสวดในครัวเรอื นบ้าง เพอื่ เป็นกจิ กรรมบันเทงิ ยามวา่ ง ได้แก่ สังขศ์ ิลป์ชัยกลอนสวด สบุ นิ กลอนสวด ปลาบู่ทอง โสนน้อยเรือนงาม เปน็ ตน้ ๒) วรรณกรรมประเภทกลอนบทละครนอก เป็นกลอนทเ่ี ลือกประพันธืเป็นตอนๆ เพื่อใชเ้ ป็นบทละครตอนหนง่ึ ๆ จะเลือกเน้ือเรื่องตอนที่ สนกุ สนานจากวรรณกรรมท้องถน่ิ มาทาบทละคร จึงพบต้นฉบับเป็นตอนๆ ไม่จบเรื่องบริบูรณ์ ละคร นอกเป็นการแสดงของชาวบ้านทีน่ ิยมกนั ในสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยาถึงรตั นโกสินทร์ตอนตน้ ลักษณะบท ประพันธไ์ มเ่ ครง่ ครัดฉนั ทลักษณ์ ใชส้ านวนโวหารเรียบงา่ ยฉบับชาวบ้านและไมน่ ิยมใชร้ าชาศัพท์ วรรณกรรมท้องถิ่นภาคกลางประเภทกลอนบทละครนอก ได้แก่ เรือ่ งพิกุลทอง โม่งปา่ มณพี ชิ ยั โคบตุ ร ไชยเชษฐ์ พระรถ–เมรี สงั ขท์ อง มโนหร์ า เป็นต้น ๓) วรรณกรรมประเภทกลอนนิทาน วรรณกรรมประเภทกลอนนิทานตา่ งจากวรรณกรรมประเภทกลอนบทละครนอกเพราะนิยม ประพันธ์จนจบเรอื่ งบริบูรณ์ ในสมัยท่กี จิ การโรงพมิ พเ์ จรญิ รุ่งเรือง ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระ จุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั และพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ วั การพิมพ์กลอนนทิ านออกจาหนา่ ย ได้รบั ความสนใจจากผู้อ่านอย่างย่ิง ประชาชนนิยมซ้ือกลอนนิทานมาอา่ นส่กู ันฟงั ในครัวเรือน ได้แก่ โสน น้อยเรอื นงาม ปลาบ่ทู อง นางสิบสอง โคบตุ ร จันทโครพ การะเกด โมง่ ป่า พิกลุ ทอง มณีพิชยั เป็นตน้ ๔) วรรณกรรมประเภทกลอนแหล่ กลอนแหล่ คือ การนาเนื้อเรอื่ งตอนใดตอนหนง่ึ ในมหาเวสสนั ดรชาดก มาประพันธ์เป็นรูปแบบ กลอนแหล่ เรียกว่า แหล่ใน หรอื นาบางตอนของนทิ านพ้นื บ้านมาประพนั ธ์เรียกวา่ แหล่นอก นอกจากน้ี ยงั มีการประพนั ธ์กลอนแหลป่ ระเภทเบด็ เตลด็ เชน่ กลอนแหล่บายศรี กลอนแหลใ่ ห้พร กลอนแหล่ทา ขวัญนาค การแหลเ่ ปน็ การขบั ลานาชนิดหนึ่งทอี่ นญุ าตให้พระภกิ ษุเปน็ ผู้ขับลานาได้โดยไม่ถือว่าผิดศลี เพราะเนื้อหาการแหลม่ าจากชาดก การแหล่มีลักษณะการเอ้อื นและใช้เสียงสูงต่าคล้ายกับการอ่าน ทานองเสนาะ ภิกษุนักแหลท่ ี่มีความสามารถมักจะใช้ปฏิภาณดน้ กลอนสด จึงมีเนือ้ เรื่องบางตอนท่ีออก นอกชาดกบา้ ง ๓๓  วรรณกรรมท้องถนิ่ ภาคเหนือ วรรณกรรมพื้นบ้านภาคเหนือส่วนใหญเ่ ปน็ เรอื่ งที่มาจาก ปัญญาสชาดก

กวีพ้นื บา้ นไดเ้ นือ้ หามาจากชาดกเร่อื งน้ีมาประพนั ธด์ ้วยฉนั ทลกั ษณ์ของท้องถ่นิ เช่น โคลง คา่ วธรรม ค่าวซอ เป็นต้นวรรณกรรมพนื้ บา้ นภาคเหนือมี ๔ ประเภทคือ วรรณกรรมโคลง วรรณกรรมค่าวธรรม วรรณกรรมค่าวซอและวรรณกรรมเบ็ดเตล็ด แตล่ ะรปู แบบมรี ายละเอยี ดดังน้ี ๑) วรรณกรรมประเภทโคลง โคลง หรอื เรยี กตามสาเนียงท้องถิ่นภาคเหนือวา่ กะโลง เปน็ ฉนั ทลักษณ์ท่ีเจริญรงุ่ เรืองในสมัย ราชวงศม์ งั รายตอนปลาย กวสี มัยอยุธยาได้นารปู แบบโคลงของภาคเหนือมาประพันธเ์ ป็น โคลงสอง โคลงสาม และโคลงส่ี ตวั อยา่ งวรรณกรรมโคลงของภาคเหนือท่ีร้จู กั กนั แพรห่ ลาย ได้แก่ โคลงหงสผ์ าคา โคลงพรหมทตั โคลงเจา้ วทิ รู สอนหลาน โคลงพระลอสอนโลก โคลงปทุมสงกา เป็นตน้ ๒) วรรณกรรมประเภทค่าวธรรม คา่ วธรรม หรอื ธรรมค่าว คือ วรรณกรรมทีป่ ระพนั ธ์ตามแนวชาดก ฉนั ทลักษณข์ องคา่ วธรรม สว่ นใหญ่ เป็นรา่ ยยาว แทรกคาถาภาษาบาลี ภิกษจุ ะนาค่าวธรรมมาเทศน์ในอุบาสกอบุ าสิกาฟงั ในวนั อโุ บสถศลี คา่ วธรรมจงึ จัดเป็นวรรณกรรมศาสนา ตวั อย่างวรรณกรรมค่าวธรรม เช่น พรหมจักร บวั รมบัว เรียว มหาวงศแ์ ตงอ่อน จาปาสีต่ ้น แสงเมืองหลงถ้า สพุ รหมโมขะ หงสผ์ าคา วัณณพราหมณ์ เปน็ ต้น ๓) วรรณกรรมประเภทค่าวซอ ค่าวซอ เป็นคาประพันธภ์ าคเหนอื รูปแบบหนง่ึ นิยมนามาอ่านในทป่ี ระชุมชน เรียกวา่ เล่าคา่ ว หรือใส่คา่ วเนอ้ื เรื่องเปน็ นิทานพน้ื บา้ น เปน็ ทีน่ ยิ มของชาวบ้าน เพราะได้ฟงั เสยี งไพเราะจากผู้อ่านและ ไดร้ ับความเพลิดเพลินจากเนื้อเรอื่ งนิทาน การอา่ นค่าวนิยมในงานข้ึนบ้านใหม่ งานแต่งงาน บวชลูกแก้ว (บวชเณร) และงานปอยเข้าสังข์ (งานทาบญุ อุทิศสว่ นกุศลแก่ผลู้ ว่ งลับ) ไดแ้ ก่ วรรณพราหมณ์ หงส์หนิ จาปาสี่ตน้ บัวระวงศห์ งส์อามาตย์ เจ้าสุวัตรนางบวั คา ก่าก๋าดา เป็นต้น ๔) วรรณกรรมเบ็ดเตล็ด -คาอบู้ า่ วอู้สาว เปน็ คาสนทนาเก้ียวพาราสีของหนุม่ สาวชาวบา้ นลานนาในอดีต -การจอ๊ ย เปน็ การขับลานาโดยไม่มดี นตรบี รรเลงประกอบ เนื้อหาเปน็ การครา่ ครวญถึงความรัก ระหวา่ งชายหนมุ่ กับหญิงสาว -คาเรยี กขวัญหรือคารอ้ งขวัญ เปน็ บทสวดส่ขู วญั ใชใ้ นพิธกี รรมต่างๆ เช่น คาเรียกขวญั ของค่บู า่ ว สาว คาเรียกขวญั ควาย เปน็ ต้น -การซอหรือซอ เป็นการขบั ลาคอ่ นข้างจะมพี ธิ ีรตี อง คือช่างซอจะต้องได้รับการฝกึ ฝนและมีดนตรี ประกอบ ๔

 วรรณกรรมท้องถิ่นภาคอีสาน ๑) วรรณกรรมพุทธศาสนา -วรรณกรรมพุทธศาสนา ได้แก่ วรรณกรรมชาดก และวรรณกรรมตานานพทุ ธศาสนาวรรณกรรมชาดก คือ วรรณกรรมท่พี ระภกิ ษุนามาเทศน์ เช่น ลามหาชาติ สุวรรณสงั ขช์ าดก ทา้ วโสวัตพระยาคนั คาก มาลยั หมนื่ มาลยั แสน -วรรณกรรมตานานพทุ ธศาสนา คอื วรรณกรรมที่กล่าวถงึ ตานานพุทธเจดียใ์ นภาคอีสานรวมทง้ัลา้ นชา้ งและลา้ นนาดว้ ย ได้แก่ อุรังคนิทาน (ตานานพระธาตพุ นม) มูลสถาปนา (ตานานกาเนิดโลกและจกั รวาล) ชินธาตุ ชมพทู วปี (กล่าวถงึ กาเนดิ โลก จักรวาล การสบื ศากวงศ์ และการแพร่ศาสนา)กาลนบั ม้ือสว้ ย (พุทธทานายการสนิ้ สุดศาสนาเมอื่ พ.ศ. ๕๐๐๐)๒) วรรณกรรมประวัติศาสตร์ วรรณกรรมประเภทน้ีมจี านวนน้อยกว่าวรรณกรรมพุทธศาสนา เชน่ มหากาพย์ ท้าวฮุ่ท้าวเจืองขนุ บรม พนื้ เวียง พงศาวดารจาปาศักด์ิ๓) วรรณกรรมนทิ าน ภาคอสี านมีวรรณกรรมนทิ านเปน็ จานวนมาก นยิ มนามาอา่ นใหฟ้ ังในงานเฮือนดี (งานศพ) หรอืนามาเทศน์ในระหว่างเขา้ พรรษาทีเ่ รยี กวา่ “เทศน์ไตรมาส” นอกจากนี้ หมอลายงั นิยมนาวรรณกรรมนิทานมาขบั ลาในการแสดงทเี่ รียกวา่ ลาเรอ่ื ง หรือลาพื้น ตวั อย่างวรรณกรรมนิทานทส่ี าคัญและได้รับความนยิ ม เชน่ สินไซ ไก่แก้ว นางผมหอม จาปาส่ตี ้น กาพร้าผนี อ้ ย ท้าวสที น พระลักพระลาม ไก่แก้วนางแตงออ่ น กาละเกด ผาแดง–นางไอ่ ทา้ วขลู ู–นางอว้ั เป็นตน้๔) วรรณกรรมคาสอน วรรณกรรมรปู แบบนีม้ เี นื้อหาสอนใจ ในแนวทางดาเนนิ ชีวิตในครอบครวั และสังคม โดยยึดคตธิ รรมในศาสนาและจารีตท้องถิน่ ตัวอยา่ งเชน่ กาพยป์ ู่สอนหลาน กาพย์หลานสอนปู่ ฮีตสบิ สองคองสบิ สี่อนิ ทญิ าณสอนลกู พระยาคากองสอนไพร่ ๕

๕) วรรณกรรมเบด็ เตล็ด - วรรณกรรมทีใ่ ช้ในพธิ ีกรรมตา่ งๆ ได้แก่ บทสดู ขวน (บทสู่ขวัญ) บทสูดขวนอยู่กรรม (บทสขู่ วญั แม่ลกู ออ่ น) บทสูดขวนเฮือน (บทสู่ขวัญขึ้นบ้านใหม)่ บทสูดขวนวัวควาย (บทสขู่ วญั ววั ควาย) เป็นต้น -วรรณกรรมที่ใช้ในพิธีกรรมขอฝนหรือการแหบ่ งั้ ไฟ ได้แก่ คาเซงิ้ ต่างๆ คาเซ้ิงบัง้ ไฟ คาเซ้ิงนางแมว(แห่นางแมว) -วรรณกรรมท่ใี ช้เก้ียวพาราสีระหว่างหนมุ่ สาว น้เี รียกว่า “ผญาเครือ” คอื คาพูดโต้ตอบหนมุ่ สาวที่เกย้ี วกนั -นิทานเล่าเพอ่ื ความสนุกสนานและตลกขบขนั เชน่ เซียงเมี่ยง โตงโตง นทิ านก้อม และกลอนราตา่ งๆ  วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ภาคใต้ วรรณกรรมพน้ื บ้านภาคใต้ แบ่งไดเ้ ป็น ๓ รปู แบบ คอืวรรณกรรมท่ีไดร้ บั อิทธพิ ลจากวรรณกรรมพน้ื บ้านภาคกลางวรรณกรรมทีส่ ร้างสรรค์ขนึ้ เอง และวรรณกรรมเบ็ดเตล็ด แตล่ ะรูปแบบมีรายละเอยี ดดงั นี้๑) วรรณกรรมทไ่ี ดร้ บั อิทธิพลจากวรรณกรรมพืน้ บ้านภาคกลาง วรรณกรรมที่ไดร้ ับอิทธิพลจากวรรณกรรมพื้นบา้ นภาคกลาง หมายถงึ วรรณกรรมทคี่ ดั ลอกตน้ ฉบบั มาจากภาคกลาง แต่ผู้คัดลอกนามาปรับปรุงหรือเปลีย่ นแปลง เนื้อเรือ่ งบางตอนตามความคิดเห็นของตน โดยยังคงฉันทลักษณ์เดียวกบั ตน้ ฉบบั แต่มีสานวนภาษา ทอ้ งถนิ่ ปะปนอยู่บ้าง เชน่ พระรถเสนคากาพย์ สุบนิ กมุ าร จันทโครพ รามเกียรติ์ ลกั ษณวงศ์ อุณรทุ เปน็ ต้น๒) วรรณกรรมทส่ี ร้างสรรค์ข้นึ เอง วรรณกรรมรปู แบบนี้ เป็นวรรณกรรมท่ีกวีพืน้ บา้ นภาคใตน้ าโครงเรอื่ งจากนิทานในทอ้ งถิ่นหรอื นาโครงเรื่องมาจากภาคกลาง แต่ประพันธ์ข้ึนใหม่ด้วยด้วยฉันทลกั ษณ์ท้องถิ่น เชน่ ชาลวนั คากาพย์สุวรรณสนิ สปั ดนคากาพย์ สังขท์ องคากาพย์ พระแสงสุรยิ ฉายคากาพย์ พระวรเนตรคากาพย์ เปน็ ตน้๓) วรรณกรรมเบด็ เตลด็ วรรณกรรมรูปแบบน้ี ได้แก่ ตารา เช่น ตาราดูลักษณะสตรี ตาราดลู กั ษณะสัตว์ ตารายา ตาราโชคชะตาราศี แบบเรยี นที่คัดลอกมาจากภาคกลาง เช่น จินดามณี ประถม ก กา ปฐมมาลา ..............................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook