บทที่ 1 ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ 5/7/2560
1 บทท่ี 1ความรู้พนื้ ฐานเกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์
2 สารบัญ หนา้บทที่ 1 ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ ............................................................................... 01.1 คอมพิวเตอร์ หมายถึง.......................................................................................................... 3 1.2 คุณสมบตั ิของคอมพิวเตอร์............................................................................................. 3 1.2.1 ความเป็นอตั โนมตั ิ (Self Acting) ............................................................................. 4 1.2.2 ความเร็ว (Speed) ..................................................................................................... 4 1.2.3 ความเช่ือถือ (Reliable)............................................................................................. 4 1.2.4 ความถูกตอ้ งแม่นยา (Accurate) ............................................................................... 4 1.2.5 เกบ็ ขอ้ มลู จานวนมาก ๆ ได้ (Store massive amounts of information) ...................... 4 1.2.6 ยา้ ยขอ้ มลู จากท่ีหน่ึงไปยงั อีกทีหน่ึงไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว (Move information)................. 4 1.2.7 ทางานซ้าๆได้ (Repeatability).................................................................................. 5 1.3 ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ....................................................................................... 5 1.3.1 อุปกรณ์นาขอ้ มูลเขา้ (Input Device)......................................................................... 5 1.3.2 อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device)................................................................. 6 1.3.3 หน่วยเกบ็ ขอ้ มูลสารอง (Secondary Storage Device) ............................................... 8 1.3.4 อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) .......................................................................... 9 1.4 ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์............................................................................................ 10
3 1.4.1 งานธุรกิจ ............................................................................................................... 10 1.4.2 งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข ................................................... 11 1.4.3 งานคมนาคมและส่ือสาร........................................................................................ 11 1.4.4 งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ........................................................................... 11 1.4.5 งานราชการ............................................................................................................ 11 1.4.6 การศึกษา ............................................................................................................... 11 1.5 ประเภทของคอมพิวเตอร์.............................................................................................. 12 1.5.1 ตามลกั ษณะการใชง้ าน........................................................................................... 12 1.5.2 ตามขนาดและความสามารถ .................................................................................. 13 1.6 องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์....................................................................................... 15 1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware)............................................................................................. 15 1.6.2 ซอฟตแ์ วร์ (Software)............................................................................................ 15 1.6.3 บุคลากร (People ware).......................................................................................... 16 1.6.4 ขอ้ มูล/สารสนเทศ (Data/Information) ................................................................... 17 บทท่ี 1 ความรู้พนื้ ฐานเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์1.1 คอมพวิ เตอร์ หมายถงึ คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีทางานตามชุดคาสงั่ อยา่ งอตั โนมตั ิ โดยจะทาการคานวณเปรียบเทียบ ทางตรรกกบั ขอ้ มูล และใหผ้ ลลพั ธ์ออกมาตามตอ้ งการ โดยมนุษยไ์ ม่ตอ้ งเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งในการประมวลผล1.2 คณุ สมบตั ขิ องคอมพวิ เตอร์ ปัจจุบนั น้ีคนส่วนใหญ่นิยมนาคอมพิวเตอร์มาใชง้ านต่าง ๆ มากมาย ซ่ึงผใู้ ชส้ ่วนใหญ่มกั จะคิดว่าคอมพิวเตอร์เป็ นเคร่ืองมือที่สามารถทางานไดส้ ารพดั แต่ผทู้ ่ีมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบวา่ งานที่เหมาะกบั การนาคอมพิวเตอร์มาใชอ้ ยา่ งยงิ่ คือการสร้าง สารสนเทศ ซ่ึงสารสนเทศ
4เหล่าน้นั สามารถนามาพิมพอ์ อกทางเครื่องพิมพ์ ส่งผา่ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือจดั เกบ็ ไวใ้ ช้ในอนาคตกไ็ ด้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะมีคุณสมบตั ิต่าง ๆ คือ 1.2.1 ความเป็ นอตั โนมตั ิ (Self Acting) การทางานของคอมพิวเตอร์จะทางานแบบอตั โนมตั ิภายใตค้ าสงั่ ท่ีไดถ้ ูกกาหนดไว้ ทางานดงั กล่าวจะเร่ิมต้งั แต่การนาขอ้ มลู เขา้ สู่ระบบ การประมวลผลและแปลงผลลพั ธ์ออกมาใหอ้ ยใู่ นรูปแบบที่มนุษยเ์ ขา้ ใจได้ 1.2.2 ความเร็ว (Speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั น้ีสามารถทางานไดถ้ ึงร้อยลา้ นคาส่ังในหน่ึงวนิ าที 1.2.3 ความเชื่อถือ (Reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวนั น้ีจะทางานไดท้ ้งั กลางวนั และกลางคืนอยา่ งไม่มีขอ้ ผดิ พลาด และไม่รู้จกั เหน็ดเหน่ือย 1.2.4 ความถูกต้องแม่นยา (Accurate) วงจรคอมพิวเตอร์น้ันจะให้ผลของการคานวณที่ถกู ตอ้ งเสมอหากผลของการคานวณผดิ จากที่ควรจะเป็น มกั เกิดจากความผดิ พลาดของโปรแกรมหรือขอ้ มูลท่ีเขา้ สู่โปรแกรม 1 .2 .5 เก็ บ ข้ อ มู ล จ า น ว น ม า ก ๆ ไ ด้ (Store massive amounts of information)ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั จะมีท่ีเกบ็ ขอ้ มูลสารองที่มีความสูงมากกวา่ หน่ึงพนั ลา้ นตวั อกั ษรและสาหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเกบ็ ขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ หน่ึงลา้ น ๆ ตวั อกั ษร 1.2.6 ย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยงั อกี ทีหน่ึงได้อย่างรวดเร็ว (Move information) โดยใชก้ ารติดต่อส่ือสารผา่ นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซ่ึงสามารถส่งพจนานุกรมหน่ึงเล่มในรูปของขอ้ มูลอิเลก็ ทรอนิกส์ ไปยงั เครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีอยไู่ กลคนซีกโลกไดใ้ นเวลาเพียงไม่ถึงหน่ึงวนิ าที ทาใหม้ ีการเรียกเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ท่ีเช่ือมกนั ทว่ั โลกในปัจจบุ นั วา่ ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway)
5 1.2.7 ทางานซ้าๆได้ (Repeatability) ช่วยลดปัญหาเร่ืองความอ่อนลา้ จากการทางานของแรงงานคน นอกจากน้ียงั ลดความผิดพลาดต่างๆไดด้ ีกว่าดว้ ย ขอ้ มูลท่ีประมวลผลแมจ้ ะยุ่งยากหรือซบั ซอ้ นเพียงใดกต็ าม จะสามารถคานวณและหาผลลพั ธไ์ ดอ้ ยา่ งรวดเร็ว1.3 ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์ จาแนกหนา้ ท่ีของฮาร์ดแวร์ต่างๆ สามารถแบ่งเป็นส่วนสาคญั 4 ประเภท คือ อุปกรณ์นาข้อมูลเข้า (Input Device) อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง(Secondary Storage Device) อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) รูปท่ี 1 แสดงวงจรการทางานของคอมพิวเตอร์ 1.3.1 อปุ กรณ์นาข้อมูลเข้า (Input Device)
6 รูปที่ 2 อุปกรณ์นาเขา้ แบบต่างๆ ที่พบเห็นในปัจจุบนั เป็ นอุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้องกับการนาเข้าข้อมูลหรื อชุดคาสั่งเข้ามายงั ระบบเพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลต่อไปได้ ซ่ึงอาจจะเป็ น ตวั เลข ตวั อกั ษร ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว เสียงเป็ นตน้ 1.3.2 อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device)อุปกรณ์ประมวลผลหลกั ๆ มีดงั น้ี 1.3.2.1 ซีพียู (CPU-Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหน่ึงวา่โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (Chip) นับเป็ นอุปกรณ์ท่ีมีความสาคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหนา้ ที่ในการประมวลผลขอ้ มูลที่ผใู้ ชป้ ้ อนเขา้ มาทางอุปกรณ์นาเขา้ ขอ้ มูลตามชุดคาสง่ั หรือโปรแกรมที่ผใู้ ชต้ อ้ งการใชง้ าน หน่วยประมวลผลกลาง 1.3.2.2 หน่วยความจาหลัก (Main Memory) หรือเรียกว่า หน่วยความจาภายใน(Internal Memory) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ - รอม (Read Only Memory - ROM) เป็นหน่วยความจาท่ีมีโปรแกรมหรือขอ้ มูลอยแู่ ลว้ สามารถเรียกออกมาใชง้ านไดแ้ ต่จะไม่สามารถเขียนเพิ่มเติมได้ และแมว้ ่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้ าไปเล้ียงใหแ้ ก่ระบบขอ้ มูลกไ็ ม่สูญหายไป
7 - แรม (Random Access Memory) เป็ นหน่วยความจาท่ีสามารถเก็บขอ้ มูลได้เม่ือมีกระแสไฟฟ้ าหล่อเล้ียงเท่าน้ัน เม่ือใดไม่มีกระแสไฟฟ้ ามาเล้ียงข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจาชนิดน้ีจะหายไปทนั ที 1.3.2.3 เมนบอร์ด (Main board) เป็นแผงวงจรต่อเช่ือมอุปกรณ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การทางานของคอมพิวเตอร์ท้ังหมด ถือได้ว่าเป็ นหัวใจหลักของ พีซีทุกเคร่ือง เพราะจะบอกความสามารถของเคร่ืองว่าจะใช้ซีพียอู ะไรไดบ้ า้ ง มีประสิทธิภาพเพียงใด สามารถรองรับกบัอุปกรณ์ใหม่ไดห้ รือไม่ รูปที่ 3 เมนบอร์ด หรือแผงวงจรหลกั 1.3.2.4 ซิปเซ็ต (Chip Set) ซิปเซ็ตเป็ นชิปจานวนหน่ึงหรือหลายตวั ที่บรรจุวงจรสาคญั ๆ ที่ช่วยการทางานของซีพียู และติดต้งั ตายตวั บนเมนบอร์ดถอดเปลี่ยนไม่ได้ ทาหน้าท่ีเป็นตวั กลางประสานงานและควบคุมการทางานของหน่วยความจารวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างท้งัแบบภายในหรือภายนอกทุกชนิดตามคาสง่ั ของซีพียู เช่น SiS, Intel, VIA, AMD เป็นตน้
8 1.3.3 หน่วยเกบ็ ข้อมูลสารอง (Secondary Storage Device) เนื่องจากหน่วยความจาหลกั มีพ้ืนที่ไม่เพียงพอในการเกบ็ ขอ้ มูลจานวนมากๆ อีกท้งั ขอ้ มูล จะหายไปเมื่อปิ ดเครื่อง ดงั น้นั จาเป็นตอ้ งหาอุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มูลท่ีมีขนาดใหญ่ข้ึน เช่น 1.3.3.1 ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็ นฮาร์ดแวร์ที่ทาหน้าท่ีเก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ท้งั โปรแกรมใช้งานต่างๆ ไฟล์เอกสาร รวมท้งั เป็ นที่เก็บระบบปฏิบตั ิการที่เป็ นโปรแกรมควบคุมการทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ดว้ ย 1.3.3.2 ฟลอ็ บปี้ ดิสก์ (Floppy Disk) เป็ นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูลท่ีมีขนาด 3.5 นิ้ว มี ลกั ษณะเป็ นแผ่นกลมบางทาจากไมลาร์ (Mylar) สามารถบรรจุขอ้ มูลไดเ้ พียง 1.44 เมกะไบต์ เท่าน้นั ีี 1.3.3.3 ซีดี (Compact Disk - CD) เป็นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูลแบบดิจิทลั เป็นส่ือท่ีมี ขนาดความจุสูง เหมาะสาหรับบนั ทึกขอ้ มลู แบบมลั ติมีเดีย ซีดีรอมทามาจากแผน่ พลาสติกกลม บางที่เคลือบดว้ ยสารโพลีคาร์บอเนต (Poly Carbonate) ทาใหผ้ วิ หนา้ เป็นมนั สะทอ้ นแสง โดยมี การบนั ทึกขอ้ มูลเป็นสายเดียว (Single Track) มีขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 120 มิลลิเมตร ปัจจุบนั มีซีดีอยหู่ ลายประเภท ไดแ้ ก่ ซีดีเพลง (Audio CD) วีซีดี (Video CD - VCD) ซีดี- อาร์ (CD Recordable - CD-R) ซีดี-อาร์ดบั บลิว (CD-Rewritable - CD-RW) และ ดีวดี ี (Digital Video Disk - DVD) สื่อเกบ็ ข้อมูลอนื่ ๆ 1) รีมูฟเอเบลิ ไดร์ฟ (Removable Drive) เป็นอุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มลู ที่ไม่ตอ้ งมีตวั ขบั เคลื่อน (Drive) สามารถพกพาไปไหนไดโ้ ดยต่อเขา้ กบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ดว้ ย Port USB ปัจจุบนั ความจุ ของรีมูฟเอเบิลไดร์ฟ มีต้งั แต่ 8 , 16 , 32 , 64 , 128 จนถึง 1024 เมกะไบต์ ท้งั น้ียงั มีไดร์ฟลกั ษณะ เดียวกนั เรียกในช่ืออ่ืนๆ ไดแ้ ก่ Pen Drive , Thump Drive , Flash Drive 2) ซิบไดร์ฟ (Zip Drive) เป็ นสื่อบนั ทึกขอ้ มูลท่ีจะมาแทนแผ่นฟล็อปป้ี ดิสก์ มีขนาด ความจุ 100 เมกะไบต์ ซ่ึงการใชง้ านซิปไดร์ฟจะตอ้ งใชง้ านกบั ซิปดิสก์ (Zip Disk) ความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มลู ของ ซิปดิสกจ์ ะเกบ็ ขอ้ มลู ไดม้ ากกวา่ ฟลอ็ ปป้ี ดิสก์
9 3) Magnetic optical Disk Drive เป็ นสื่อเก็บข้อมูลขนาด 3.5 นิ้ว ซ่ึงมีขนาดพอๆ กับฟลอ็ บป้ี ดิสก์ แต่ขนาดความจุมากกว่า เพราะว่า MO Disk drive 1 แผ่นสามารถบนั ทึกขอ้ มูลได้ต้งั แต่ 128 เมกะไบต์ จนถึงระดบั 5.2 กิกะไบต์ 4) เทปแบ็คอพั (Tape Backup) เป็นอุปกรณ์สาหรับการสารองขอ้ มลู ซ่ึงเหมาะกบั การสารองขอ้ มูลขนาดใหญ่มากๆ ขนาดระดบั 10-100 กิกะไบต์ 5) การ์ดเมมโมรี (Memory Card) เป็นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูลที่มีขนาดเลก็ พฒั นาข้ึน เพื่อนาไปใชก้ บั อุปกรณ์เทคโนโลยีแบบต่างๆ เช่น กลอ้ งดิจิทลั คอมพิวเตอร์มือถือ (Personal DataAssistant - PDA) โทรศพั ทม์ ือถือ 1.3.4 อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) คืออุปกรณ์สาหรับแสดงผลลพั ธ์ที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ และเป็ นอุปกรณ์ส่งออก (Output device) ทาหนา้ ท่ีแสดงผลลพั ธ์เม่ือซีพียทู าการประมวลผล รูปท่ี 4 แสดงอุปกรณ์แสดงผลขอ้ มูลแบบตา่ งๆ
10 1.3.4.1 จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลลพั ธ์ที่เป็นภาพ ปัจจุบนั แบ่งออกเป็น2 ชนิด คือ จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube) และ จอภาพแบบ LCD (Liquid CrystalDisplay) 1.3.4.2 เคร่ืองพมิ พ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหนา้ ท่ีแสดงผลลพั ธใ์ นรูปของอกั ขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยบู่ นกระดาษ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ไดแ้ ก่ เคร่ืองพิมพด์ อตเมตริกซ์ (Dot Matrix Printer) เครื่องพิมพแ์ บบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer) เครื่องพิมพแ์ บบเลเซอร์(Laser Printer) และพลอ็ ตสเตอร์ (Plotter) 1.3.4.3 ลาโพง (Speaker) เป็ นอุปกรณ์แสดงผลลพั ธ์ที่อยู่ในรูปของเสียง สามารถเชื่อมต่อกบั คอมพิวเตอร์ผา่ นแผงวงจรเก่ียวกบั เสียง (Sound card) ซ่ึงมีหนา้ ที่แปลงขอ้ มลู ดิจิตอลไปเป็ นเสียง1.4 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ จากการที่คอมพิวเตอร์มีลกั ษณะเด่นหลายประการ ทาให้ถูกนามาใชป้ ระโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตประจาวนั ในสังคมเป็ นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยท่ีสุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซ่ึงเรียกว่างานประมวลผล (Wordprocessing) นอกจากน้ียงั มีการประยกุ ตใ์ ชค้ อมพิวเตอร์ในดา้ นต่างๆ อีกหลายดา้ น ดงั ต่อไปน้ี 1.4.1 งานธุรกจิ เช่น บริษทั ร้านคา้ หา้ งสรรพสินคา้ ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทาบญั ชี งานประมวลคา และติดตอ่ กบั หน่วยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม นอกจากน้ีงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่กใ็ ชค้ อมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซ่ึงทาใหก้ ารผลิตมีคุณภาพดีข้ึนบริษทั ยงั สามารถรับ หรืองานธนาคาร ที่ใหบ้ ริการถอนเงินผา่ นตฝู้ ากถอนเงินอตั โนมตั ิ(ATM) และใชค้ อมพิวเตอร์คิดดอกเบ้ียใหก้ บั ผฝู้ ากเงิน และการโอนเงินระหวา่ งบญั ชี เชื่อมโยงกนั เป็นระบบเครือขา่ ย
11 1.4.2 งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นนามาใชใ้ นส่วนของการคานวณที่ค่อนขา้ งซบั ซอ้ น เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียน การเงิน สถิติ และเป็ นอุปกรณ์สาหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซ่ึงจะให้ผลที่แม่นยากวา่ การตรวจดว้ ยวิธีเคมีแบบเดิม และให้การรักษาไดร้ วดเร็วข้ึน 1.4.3 งานคมนาคมและสื่อสาร ในส่วนที่เก่ียวกบั การเดินทาง จะใชค้ อมพิวเตอร์ในการจองวนั เวลา ท่ีนั่ง ซ่ึงมีการเชื่อมโยงไปยงั ทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ ทาให้สะดวกต่อผู้เดินทางที่ไม่ตอ้ งเสียเวลารอ อีกท้งั ยงั ใชใ้ นการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสญั ญาณจราจรและ การจราจรทางอากาศ หรือในการสื่อสารกใ็ ชค้ วบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพื่อใหอ้ ยใู่ นวงโคจร ซ่ึงจะช่วยส่งผลต่อการส่งสญั ญาณใหร้ ะบบการส่ือสารมีความชดั เจน 1.4.4 งานวศิ วกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใชค้ อมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรือ จาลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงส่ันสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกลเ้ คียงความจริง รวมท้งัการใชค้ วบคุมและติดตามความกา้ วหนา้ ของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เคร่ืองมือ ผลการทางาน 1.4.5 งานราชการ เป็นหน่วยงานท่ีมีการใชค้ อมพิวเตอร์มากท่ีสุด โดยมีการใชห้ ลายรูปแบบ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั บทบาทและหนา้ ที่ของหน่วยงานน้นั ๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผา่ นคอมพิวเตอร์ , กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดจ้ ดั ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเช่ือมโยงไปยงั สถาบนั ต่างๆ, กรมสรรพากร ใชจ้ ดั ในการจดั เกบ็ ภาษีบนั ทึกการเสียภาษี เป็นตน้ 1.4.6 การศึกษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน ซ่ึงมีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลกั ษณะบทเรียน CAI หรืองานดา้ นทะเบียน ซ่ึงทาใหส้ ะดวกต่อการคน้ หาขอ้ มูลนกั เรียน การเกบ็ ขอ้ มลู ยมื และการส่งคืนหนงั สือหอ้ งสมุด
121.5 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็นหลายประเภท ข้ึนอยกู่ บั เกณฑท์ ่ีใชใ้ นการแบง่ เกณฑ์ทใ่ี ช้จาแนก ประเภทคอมพวิ เตอร์ตามลกั ษณะการใชง้ าน - แบบใชง้ านทวั่ ไป (General purposeตามขนาดและความสามารถ computer) - แบบใชง้ านเฉพาะ (Special purpose computer) - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) - เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe computer) - มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) - ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) - คอมพิวเตอร์มือถือ (Handheld computer) 1.5.1 ตามลกั ษณะการใช้งาน 1.5.1.1 แบบใช้งานท่วั ไป (General Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มูลท่ีมีความยืดหยนุ่ ในการทางาน (Flexible) โดยไดร้ ับการออกแบบให้สามารถประยุกต์ใช้ในงานประเภทต่างๆ ไดโ้ ดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาส่ังในโปรแกรมที่เขียนข้ึนมา และเม่ือผูใ้ ช้ต้องการให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานอะไร ก็เพียงแต่ออกคาสงั่ เรียกโปรแกรมที่เหมาะสมเขา้ มาใชง้ าน โดยเราสามารถเกบ็ โปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเคร่ืองเดียวกนั ได้ เช่น ในขณะหน่ึงเราอาจใชเ้ ครื่องน้ีในงานประมวลผลเกี่ยวกบัระบบบญั ชี และในขณะหน่ึงกส็ ามารถใชใ้ นการออกเช็คเงินเดือนได้ เป็นตน้ 1.5.1.2 แบบใช้งานเฉพาะด้าน (Special Purpose Computer)
13 หมายถึง เคร่ืองประมวลผลขอ้ มลู ท่ีถกู ออกแบบตวั เครื่องและโปรแกรมควบคุม ใหท้ างานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเป็นการเฉพาะ (Inflexible) โดยทวั่ ไปมกั ใชใ้ นงานควบคุม หรืองานอุตสาหกรรมท่ีเนน้ การประมวลผลแบบรวดเร็ว เช่นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ควบคุมสญั ญาณไฟจราจร คอมพิวเตอร์ควบคุมลิฟต์ หรือคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบอตั โนมตั ิในรถยนต์ เป็นตน้ 1.5.2 ตามขนาดและความสามารถ เป็นการจาแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ท่ีพบเห็นไดม้ ากที่สุดในปัจจุบนั ซ่ึงสามารถแบ่งออกไดด้ งั น้ี 1.5.2.1 ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มูลที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงท่ีสุด โดยทว่ั ไปสร้างข้ึนเป็นการเฉพาะเพ่ืองานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ท่ีตอ้ งการการประมวลผลซบั ซอ้ น และตอ้ งการความเร็วสูง เช่น งานวิจยั ขีปนาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานส่ือสารดาวเทียมหรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นตน้ 1.5.2.2 เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทางานร่วมกบั อุปกรณ์หลายๆอยา่ งดว้ ยความเร็วสูงใชใ้ นงานธุรกิจขนาดใหญ่ มหาวิทยาลยั ธนาคารและโรงพยาบาลเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สามารถเกบ็ ขอ้ มูลที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น ในการสง่ั จองท่ีนง่ั ของสายการบินท่ีบริษทั ทวั ร์รับจองในแต่ละวนั นอกจากน้ียงั สามารถเช่ือมโยงใชง้ านกบั เคร่ืองเทอร์มินลั(Terminal) หลาย ๆ เครื่อง ในระยะทางไกลกนั ได้ เช่น ระบบเอที่เอม็ (ATM) การประมวลผลขอ้ มูลของระบบเมนเฟรมน้ีมีผใู้ ชห้ ลาย ๆ คนในเวลาเดียวกนั (Multi-user) สามารถประมวลผลโดยแบ่งเวลาการใชซ้ ีพียู (CPU) โดยผา่ นเครื่องเทอร์มินลั การประมวลผลแบบแบ่งเวลาน้ีเรียกวา่Time sharing 1.5.2.3 มนิ ิคอมพวิ เตอร์ (Mini Computer)
14ธุรกิจและหน่วยงานที่มีขนาดเล็กไม่จาเป็ นตอ้ งใชค้ อมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรมซ่ึงมีราคาแพ งผูผ้ ลิตคอมพิวเตอร์จึงพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กและมีราคาถูกลง เรียกว่า เคร่ืองมินิคอมพิวเตอร์ โดยมีลกั ษณะพิเศษในการทางานร่วมกบั อุปกรณ์ประกอบรอบขา้ งที่มีความเร็วสูงได้ มีการใชแ้ ผน่ จานแม่เหลก็ ความจุสูงชนิดแขง็ (Harddisk) ในการเก็บรักษาขอ้ มูล สามารถอ่านเขียนขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว หน่วยงานและบริษทั ที่ใชค้ อมพิวเตอร์ขนาดน้ี ไดแ้ ก่ กรม กองมหาวิทยาลยั หา้ งสรรพสินคา้ โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ1.5.2.4 ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer)เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเลก็ ที่สุด ราคาถูกท่ีสุด ใชง้ านง่าย และนิยมมากท่ีสุดราคาของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์จะอยใู่ นช่วงประมาณหมื่นกวา่ ถึง แสนกว่าบาท ในวงการธุรกิจใช้ไมโครคอมพิวเตอร์กบั งานทุก ๆ อย่าง ไมโครคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กพอท่ีจะต้งั บนโต๊ะ(Desktop) หรือ ใส่ลงในกระเป๋ าเอกสาร เช่น คอมพิวเตอร์วางบนตกั (Lap top) หรือโน้ตบุ๊ก(Note book) ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถทางานในลกั ษณะประมวลผลไดด้ ว้ ยตนเอง โดยไม่ตอ้ งเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืนเรียกว่าระบบแสตนอโลน (Standalone system)มีไว้สาหรับใชง้ านส่วนตวั จึงเรียกเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ไดอ้ ีกชื่อหน่ึงวา่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเครื่องพีซี (PC:Personal Computer) และสามารถนาเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกบัเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืน ๆ หรือเช่ือมต่อกบั เครื่องเมนเฟรม เพ่ือขยายประสิทธิภาพเพิ่มข้ึน ทาใหเ้ คร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์เป็นที่นิยมใชก้ นั แพร่หลายอยา่ งรวดเร็ว1.5.2.5 คอมพวิ เตอร์มือถอื (Handheld Computer)เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดเลก็ ที่สุดเมื่อเทียบกบั คอมพิวเตอร์ประเภทอ่ืนๆ อีกท้งั สามารถพกพาไปยงั ท่ีต่างๆ ไดง้ ่ายกว่า เหมาะกบั การจดั การขอ้ มูลประจาวนั การสร้างปฏิทินนดั หมายการดูหนังฟังเพลงรวมถึงการรับส่งอีเมล์ บางรุ่นอาจมีความสามารถเทียบเคียงได้กับไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ปาล์ม พ็อกเก็ตพีซี เป็ นต้น นอกจากน้ีโทรศพั ท์มือถือบางรุ่นก็มีความสามารถใกลเ้ คียงกบั คอมพิวเตอร์มือถือในกลุ่มน้ีในแง่ของการรันโปรแกรมจดั การกบัขอ้ มลู ทว่ั ไปโดยใชร้ ะบบปฏิบตั ิการ Symbian หรือไม่ก็ Linux
151.6 องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่เราเห็นๆ กันอยู่น้ีเป็ นเพียงองค์ประกอบส่วนหน่ึงของระบบคอมพิวเตอร์เท่าน้นั แต่ถา้ ตอ้ งการให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองสามารถทางานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพตามท่ีเราต้องการน้นั จาเป็ นตอ้ งอาศยั องคป์ ระกอบพ้ืนฐาน 4 ประการมาทางานร่วมกนั ซ่ึงองคป์ ระกอบพ้ืนฐานของระบบคอมพิวเตอร์ประกอบไปดว้ ย ฮาร์ดแวร์ (Hardware)ซอฟตแ์ วร์ (Software) บุคลากร (People ware) ขอ้ มูล / สารสนเทศ (Data/Information) 1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบข้ึนเป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีลกั ษณะเป็ นโครงร่างสามารถมองเห็นดว้ ยตาและสมั ผสั ได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คียบ์ อร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นตน้ซ่ึงสามารถแบ่งออกเป็ นส่วนต่างๆ ตามลกั ษณะการทางาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยรับขอ้ มูล(Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) หน่วยแสดงผล (OutputUnit) หน่วยเก็บขอ้ มูลสารอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหนา้ ท่ีการทางานแตกต่างกนั 1.6.2 ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ส่วนท่ีมนุษยส์ มั ผสั ไม่ไดโ้ ดยตรง (นามธรรม) เป็ นโปรแกรมหรือชุดคาสง่ั ท่ีถูกเขียนข้ึนเพื่อสงั่ ใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ทางาน ซอฟตแ์ วร์จึงเป็นเหมือนตวั เช่ือมระหวา่ งผใู้ ชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์และเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ถา้ ไม่มีซอฟตแ์ วร์เราก็ไม่สามารถใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ทาอะไรไดเ้ ลย ซอฟตแ์ วร์สาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งได้ ดงั น้ี 1.6.2.1 ซอฟต์แวร์สาหรับระบบ (System Software) คือ ชุดของคาสงั่ ที่เขียนไว้เป็นคาสง่ั สาเร็จรูป ซ่ึงจะทางานใกลช้ ิดกบั คอมพิวเตอร์มากท่ีสุด เพื่อคอยควบคุมการทางานของฮาร์ดแวร์ทุกอยา่ ง และอานวยความสะดวกใหก้ บั ผใู้ ชใ้ นการใชง้ าน ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมระบบที่รู้จกั กนั ดีกค็ ือ DOS, Windows, UNIX, Linux รวมท้งั โปรแกรมแปลคาสงั่ ที่เขียนใน
16ภาษาระดบั สูง เช่น ภาษา Basic, FORTRAN, Pascal, COBOL, C เป็นตน้ นอกจากน้ีโปรแกรมที่ใชใ้ นการตรวจสอบระบบเช่น Norton’s Utilities กน็ บั เป็นโปรแกรมสาหรับระบบดว้ ยเช่นกนั 1.6.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมที่สงั่ คอมพิวเตอร์ทางานต่างๆ ตามท่ีผใู้ ชต้ อ้ งการ ไม่วา่ จะดา้ นเอกสาร บญั ชี การจดั เกบ็ ขอ้ มลูเป็นตน้ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตส์ ามารถจาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ - ซอฟตแ์ วร์สาหรับงานเฉพาะดา้ น คือ โปรแกรมซ่ึงเขียนข้ึนเพ่ือการทางานเฉพาะอยา่ งที่เราตอ้ งการ บางท่ีเรียกวา่ User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบญั ชีจ่ายเงินเดือนโปรแกรมระบบเช่าซ้ือ โปรแกรมการทาสินคา้ คงคลงั เป็นตน้ ซ่ึงแต่ละโปรแกรมกม็ กั จะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกนั ออกไปตามความตอ้ งการ หรือกฎเกณฑข์ องแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซ่ึงสามารถดดั แปลงแกไ้ ขเพิ่มเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพื่อให้ตรงกบั ความตอ้ งการของผใู้ ช้ และซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตท์ ี่เขียนข้ึนน้ีโดยส่วนใหญ่มกั ใช้ภาษาระดบั สูงเป็นตวั พฒั นา - ซอฟตแ์ วร์สาหรับงานทวั่ ไป เป็นโปรแกรมประยกุ ตท์ ี่มีผจู้ ดั ทาไว้ เพื่อใชใ้ นการทางานประเภทต่างๆ ทว่ั ไป โดยผใู้ ชค้ นอื่นๆ สามารถนาโปรแกรมน้ีไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั ขอ้ มลูของตนได้ แต่จะไม่สามารถทาการดดั แปลง หรือแกไ้ ขโปรแกรมได้ ผใู้ ชไ้ ม่จาเป็นตอ้ งเขียนโปรแกรมเอง ซ่ึงเป็นการประหยดั เวลา แรงงาน และคา่ ใชจ้ ่ายในการเขียนโปรแกรม นอกจากน้ียงั ไม่ตอ้ งใชเ้ วลามากในการฝึกและปฏิบตั ิ ซ่ึงโปรแกรมสาเร็จรูปน้ี มกั จะมีการใชง้ านในหน่วยงานท่ีขาดบุคลากรที่มีความชานาญเป็นพิเศษในการเขียนโปรแกรม ดงั น้นั การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็นส่ิงที่อานวยความสะดวกและเป็นประโยชนอ์ ยา่ งยงิ่ ตวั อยา่ งโปรแกรมสาเร็จรูปที่นิยมใชไ้ ดแ้ ก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และเกมส์ต่างๆ เป็นตน้ 1.6.3 บุคลากร (People ware) หมายถึง บุคลากรในงานดา้ นคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีความรู้เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สงั่ งานเพ่ือใหค้ อมพิวเตอร์ทางานตามท่ีตอ้ งการ แบ่งออกได้ 4 ระดบั ดงั น้ี
17 1.6.3.1 ผ้จู ดั การระบบ (System Manager) คือ ผวู้ างนโยบายการใชค้ อมพิวเตอร์ใหเ้ ป็นไปตามเป้ าหมายของหน่วยงาน 1.6.3.2 นักวเิ คราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผทู้ ่ีศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทาการวเิ คราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปไดใ้ นการใชค้ อมพิวเตอร์กบั ระบบงานเพ่ือใหโ้ ปรแกรมเมอร์เป็นผเู้ ขียนโปรแกรมใหก้ บั ระบบงาน 1.6.3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผเู้ ขียนโปรแกรมสง่ั งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อใหท้ างานตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ โดยเขียนตามแผนผงั ท่ีนกั วิเคราะห์ระบบไดเ้ ขียนไว้ 1.6.3.4 ผ้ใู ช้ (User) คือ ผใู้ ชง้ านคอมพิวเตอร์ทวั่ ไป ซ่ึงตอ้ งเรียนรู้วธิ ีการใชเ้ คร่ืองและวิธีการใชง้ านโปรแกรม เพ่อื ใหโ้ ปรแกรมท่ีมีอยสู่ ามารถทางานไดต้ ามท่ีตอ้ งการเนื่องจากเป็นผกู้ าหนดโปรแกรมและใชง้ านเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มนุษยจ์ ึงเป็นตวั แปรสาคญั ในอนัท่ีจะทาใหผ้ ลลพั ธ์มีความน่าเช่ือถือ เนื่องจากคาสงั่ และขอ้ มลู ที่ใชใ้ นการประมวลผลไดร้ ับจากการกาหนดของมนุษย์ (People ware) ท้งั สิ้น 1.6.4 ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information) ข้อมูล (Data) เป็ นองค์ประกอบที่สาคญั อย่างหน่ึง การทางานของคอมพิวเตอร์จะเก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ มูลต้งั แต่การนาขอ้ มูลเขา้ จนกลายเป็นขอ้ มูลที่สามารถใชป้ ระโยชน์ต่อไดห้ รือท่ีเรียกว่า สารสนเทศ (Information) ซ่ึงขอ้ มูลเหล่าน้ีอาจจะเป็ นไดท้ ้งั ตวั เลข ตวั อกั ษร และขอ้ มูลในรูปแบบอ่ืนๆ เช่น ภาพ เสียง เป็นตน้ ขอ้ มลู ท่ีจะนามาใชก้ บั คอมพิวเตอร์ไดน้ ้นั โดยปกติจะตอ้ งมีการแปลงรูปแบบหรือสถานะใหค้ อมพิวเตอร์เขา้ ใจก่อน จึงจะสามารถเอามาใชง้ านในการประมวลผลต่างๆ ไดเ้ ราเรียกสถานะน้ีวา่ สถานะแบบดิจิตอล ซ่ึงมี 2 สถานะเท่าน้นั คือ เปิ ด(1) และ ปิ ด(0) ………………………………………………………………………………………………………………
18
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: