Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ (1)

คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ (1)

Published by nooju19.09.2540, 2017-07-10 05:33:05

Description: คอมพิวเตอร์เพื่องานอาชีพ (1)

Search

Read the Text Version

เร่ือง คอมพวิ เตอร์เพ่อื งานอาชีพ

1 วชิ าคอมพวิ เตอร์เพอ่ื งานอาชีพคอมพวิ เตอร์ระบบสารสนเทศ 1. ระบบประเภทและบทบาทของคอมพวิ เตอร์ ระบบ (System) คือกลุ่มขององคป์ ระกอบท่ีมีความสัมพนั ธ์กนั และทางานร่วมกนั ซ่ึงระบบคอมพิวเตอร์จะมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั 3 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) , ซอฟตแ์ วร์ (Software) และบุคลากร (People ware) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีเป็ นตวั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ แบง่ ออกเป็ นส่วนประกอบดงั น้ี หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผล 1. หน่วยรับขอ้ มูล (Input unit) เป็นอุปกรณ์รับเขา้ ทาหนา้ ที่รับโปรแกรมและขอ้ มลู เขา้ สู่เครื่องคอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์รับเขา้ ท่ีใชก้ นั เป็ นส่วนใหญ่ คือ แป้ นพิมพ์ ( Keyboard ) และเมาส์(Mouse) เป็นตน้ 2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) หรือเรียกวา่ CPU ซ่ึงถือวา่ เป็นสมองของระบบคอมพิวเตอร์ มีส่วนประกอบที่สาคญั 2 ส่วน คือ หน่วยควบคุม หน่วยคานวณ หน่วยควบคุม (Control Unit หรือ CU) ทาหนา้ ที่ควบคุมลาดบั ข้นั ตอนการทางานของหน่วยรับขอ้ มูล หน่วยแสดงผล หน่วยคานวณและหน่วยตรรก หน่วยความจาและแปลคาสั่ง หน่วยคานวณและตรรก (Arithmetic and Logic Unit หรือ ALU) ทาหนา้ ท่ีในการคานวณหาตวั เลข เช่น การบวก ลบ การเปรียบเทียบ หน่วยความจา เป็นอุปกรณ์ใชเ้ กบ็ โปรแกรมและขอ้ มูลที่ใชใ้ นการประมวลผล 3. หน่วยความจาภายใน (Primary Storage Section หรือ Memory) เป็นหน่วยความจาท่ีอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีสามารถติดต่อกบั หน่วยงานอ่ืน ๆ ไดโ้ ดยตรง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท หน่วยความจาภายใน - หน่วยความจาแบบแรม (Random Access Memory หรือ Ram) เป็นหน่วยความจาชวั่ คราว ท่ีใชส้ าหรับเกบ็ โปรแกรมที่กาลงั ใชง้ านอยขู่ ณะน้นั - หน่วยความจาแบบรอม (Read Only Memory หรือ Rom) เป็นหน่วยความจาถาวร ท่ีสามารถอา่ นไดอ้ ยา่ งเดียว หน่วยความจาสารอง ไดแ้ ก่ เทปแม่เหล็ก จานแม่เหลก็ ซอฟแวร์ (Software) หมายถึง โปรแกรมชุดคาส่งั ที่เขียนใหเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ปฏิบตั ิตาม ซ่ึงมี2ประเภท คือ

2 ซอฟแวร์ควบคุมระบบ (System Software) คือ ชุดคาส่ังหรือโปรแกรมท่ีควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่ โปรแกรมควบคุมเครื่อง เช่น DOS, Windows, Os/2, Unix ซอฟแวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ชุดคาส่งั หรือโปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมาเพือ่ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานตามที่ผใู้ ชต้ อ้ งการ ไดแ้ ก่ โปรแกรมสาเร็จรูปตา่ ง ๆ บุคลากร (Peopleware) หมายถึง บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ท่ีทาหนา้ ท่ีในการใชแ้ ละดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น นกั เขียนโปรแกรม (Programmer) นกั วเิ คราะห์ระบบ (System Analyst) เป็นตน้ บทบาทของคอมพวิ เตอร์ 1. การใชค้ อมพวิ เตอร์ในวงธุรกิจทว่ั ไป 2. การใชง้ านคอมพวิ เตอร์ในวงการธนาคาร 3. การใชค้ อมพิวเตอร์กบั ธุรกิจโรงแรม 4. การใชค้ อมพิวเตอร์ในวงการแพทย์ 5. คอมพิวเตอร์กบั การศึกษา ในดา้ นการศึกษา แบง่ การใชค้ อมพวิ เตอร์ได้ 2 ดา้ น ดงั น้ี ดา้ นงานบริหารสถานศึกษา และ ดา้ นการเรียนการสอน 3. คอมพวิ เตอร์ในงานอุตสาหกรรมการผลิต : ใชค้ อมพิวเตอร์ในการวเิ คราะห์และออกแบบดา้ นสถาปัตยกรรม 4. คอมพวิ เตอร์ในงานธุรกิจสายการบิน 5. คอมพิวเตอร์ในงานดา้ นการบนั เทิง : ไดแ้ ก่ งานภาพยนตร์ , งานดา้ นดนตรี 2. การติดต้ังและดูแลรักษาคอมพวิ เตอร์ วธิ ีการติดต้งั โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การติดต้งั โปรแกรมโดยปกติทวั่ ไป จะมีข้นั ตอนท่ีไม่ยงุ่ ยากมากนกั ยกเวน้ แต่ติดต้งัระบบปฏิบตั ิการ Windows หรือ OS เนื่องจากจะตอ้ งมีการ setup และเตรียมพร้อมจดั หา driver ตา่ งๆ ท่ีจาเป็นสาหรับเครื่องๆ น้นั ไมว่ า่ จะเป็น driver ของการ์ดจอ, การ์ดเสียง เป็นตน้ ณ ท่ีนี่จะไมข่ อกล่าวถึงการติดต้งั Windows เนื่องจากคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะติดต้งั ไวใ้ หเ้ รียบร้อยแลว้ ตอนซ้ือเครื่องคอมฯ สาหรับหลกั ในการติดต้งั โปรแกรม สามารถแบ่งออกได้ 2 วธิ ี ติดต้งั จากแผน่ CD แบบรันอตั โนมตั ิ 1. ใส่แผน่ CD โปรแกรมท่ีตอ้ งการติดต้งั 2. รอสกั ครู่โปรแกรม จะเปิ ดโปรแกรมช่วยในการติดต้งั อตั โนมตั ิ 3. กดป่ ุมยนื ยนั การติดต้งั 4. ใส่หมายเลขรับอนุญาต หรือ Serial Number (แลว้ แต่โปรแกรม) 5. ทาตามข้นั ตอนตา่ งๆ ท่ีหนา้ จอกาหนดไว้ 6. รอจนกระทว่ั ติดต้งั เสร็จสมบูรณ์

3 7. หลงั จากเสร็จแลว้ บางโปรแกรมอาจจาเป็นตอ้ งมีการ restart เครื่องใหม่ 8. รายะเอียดดงั กล่าวขา้ งตน้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงบา้ ง ท้งั น้ีข้ึนกบั โปรแกรมท่ีนามาติดต้งั ติดต้งั จากแผน่ CD แบบไมไ่ ดร้ ันอตั โนมตั ิ 1. กดป่ ุม Start บน taskbar 2. คลิกเลือกคาสั่ง RUN 3. คลิกป่ ุม Browse 4. เพื่อเลือก drive ที่เกบ็ โปรแกรมท่ีทาการติดต้งั 5. เลือกไฟลช์ ่ือ Setup หรือ Install (โปรแกรมส่วนใหญจ่ ะใชช้ ื่อเหล่าน้ี) 6. กดป่ ุมยนื ยนั การติดต้งั 7. ใส่หมายเลขรับอนุญาต หรือ Serial Number (แลว้ แต่โปรแกรม) 8. ทาตามข้นั ตอนต่างๆ ที่หนา้ จอกาหนดไว้ 9. รอจนกระทวั่ ติดต้งั เสร็จสมบูรณ์ 10. หลงั จากเสร็จแลว้ บางโปรแกรมอาจจาเป็นตอ้ งมีการ restart เครื่องใหม่ 11. รายะเอียดดงั กล่าวขา้ งตน้ อาจมีการเปล่ียนแปลงบา้ ง ท้งั น้ีข้ึนกบั โปรแกรมที่นามาติดต้งั เทคนิคดูแลรักษา ตรวจสอบเครื่องคอมพวิ เตอร์ - สภาพภายนอก แนะนาใหท้ าความสะอาดสักนิด อยา่ งนอ้ ยกเ็ พื่ออนามยั และสุขภาพของคุณเอง คุณทราบหรือไม่ แป้ นพิมพห์ รือคียบ์ อร์ด มนั สกปรกขนาดไหน (ลองคิดเล่นๆ ดูวา่ วนั ๆ คุณหยบิ จบัอาหาร และใชง้ านแป้ นพมิ พ์ หรือไม่ และฝ่ นุ ละอองขา้ งๆ มีมากนอ้ ยเพยี งใด) ควรทาสะอาดบา้ ง อยา่ งนอ้ ย สปั ดาห์ละ 1 คร้ัง - สายไฟ สายสญั ญาณตา่ งๆ หลวม หรือหกั ชารุดหรือไม่ แนะเสียบปลก๊ั แลว้ ไฟติดๆ ดบั ๆ บอ่ ยๆแนะนาใหร้ ีบแกไ้ ข ถา้ แกไ้ ขไม่ได้ ใหร้ ีบซ้ือเปลี่ยนใหม่ดีกวา่ ไฟติดๆ ดบั ๆ บอ่ ยๆ มีบ่อยกบั คอมพวิ เตอร์อยา่ งมาก? วนั ดี คืนดี อาจเปิ ดไมต่ ิดเลย - พ้นื ที่วา่ งบนฮาร์ดดิสก์ หลงั จากเปิ ด Windows เขา้ มาแลว้ ลองเช็คพ้ืนที่ในฮาร์ดดิสก์ เสียก่อนวา่ เหลือเท่าไหร่ ถา้ เหลือนอ้ ยกวา่ 500 MB ก็ควรพจิ ารณาเพมื่ พ้นื ท่ีวา่ งไดแ้ ลว้ โดยเฉพาะกบั Drive C:(ซ่ึงเป็นที่เก็บโปรแกรม)? แนะนาใหส้ ารองขอ้ มูล โดยเฉพาะไฟลต์ า่ งๆ ท่ีอยใู่ น My Documents ออกไปบา้ ง หรืออาจสารองลง Drive อื่นๆ (ถา้ มี) -ตรวจสอบสภาพฮาร์ดดิสก์ นอกเหนือเรื่องพ้นื ที่วา่ งแลว้ สิ่งสาคญั อีกอยา่ งหน่ึงก็คือ การตรวจสอบฮาร์ดดิสกว์ า่ มีจุดไหนเสียหรือไม่ วธิ ีการไม่จาเป็นตอ้ งแกะเคร่ืองคอมฯ มาตรวจสอบ เพยี งแค่ใชโ้ ปรแกรมช่วยตรวจสอบ ประเภท Disk Defragmenter กส็ ามารถเช็คไดแ้ ลว้ วา่ ฮาร์ดดิสกข์ องเรามี\"Bad Sector\" หรือไม่ (Bad Sector เป็นจุดเสียของฮาร์ดดิสก)์ ถา้ มี แนะนาใหร้ ีบสารองขอ้ มูล และเปลี่ยนฮาร์ดดิสกไ์ ปเลยจะปลอดภยั กวา่

4 -ตรวจสอบไวรัสบา้ ง ถึงแมว้ า่ เราจะมีโปรแกรม Antivirus แลว้ กต็ าม เราก็ยงั คงจาเป็นตอ้ งมีการตรวจสอบไวรัสอยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งนอ้ ยอาทิตยล์ ะคร้ัง และที่สาคญั ก็ควรอปั เดตโปรแกรมแบบออนไลน์ใหท้ นั สมยั 3. ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information System หรือ IS) เป็นระบบพ้นื ฐานของการทางานตา่ งๆ ในรูปแบบของการเก็บ (input) การจดั การ (processing) เผยแพร่ (output) และมีส่วนเกบ็ ขอ้ มูล (storage)และ องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศคือฮาร์ดแวร์, ซอฟตแ์ วร์, มนุษย,์ กระบวนการ, ขอ้ มูล ,เครือข่าย ระบบสารสนเทศน้นั จะประกอบดว้ ย - ขอ้ มลู (Data) หมายถึง คา่ ของความจริงที่ปรากฏข้ึน โดยค่าความจริงท่ีไดจ้ ะนามาจดั การปรับแต่งหรือประมวลผลเพื่อใหไ้ ดส้ ารสนเทศท่ีตอ้ งการ - สารสนเทศ (Information) คือ กลุ่มของขอ้ มลู ท่ีถูกตามกฎเกณฑต์ ามหลกั ความสมั พนั ธ์ เพอื่ ให้ขอ้ มลู เหล่าน้นั มีประโยชน์และมีความหมายมากข้ึน - การจดั การ (Management) คือ การบริหารอยา่ งเป็นระบบ เป็นการกาหนดเป้ าหมายและทิศทางการจดั การขององคก์ รน้นั ซ่ึงตอ้ งมีการวางแผน กาหนดการ และจดั การทรัพยากรภายในองคก์ รเพ่อื ใหบ้ รรลุถึงวตั ถุประสงคข์ ององคก์ รน้นั ๆระบบปฏบิ ตั กิ าร 4. โปรแกรมระบบปฏิบตั กิ าร ระบบปฏิบตั ิการ (operating system) หรือ โอเอส (OS) เป็นซอฟตแ์ วร์ท่ีทาหนา้ ที่เป็ นตวั กลางระหวา่ งฮาร์ดแวร์และซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตท์ ว่ั ไป บางคร้ังเราอาจะเห็นระบบปฏิบตั ิการเป็นเฟิ ร์มแวร์ก็ได้ ระบบปฏิบตั ิการมีหนา้ ท่ีหลกั ๆ คือ การจดั สรรทรัพยากรในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เพ่ือใหบ้ ริการซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ ในเร่ืองการรับส่งและจดั เก็บขอ้ มูลกบั ฮาร์ดแวร์ เช่น การส่งขอ้ มูลภาพไปแสดงผลท่ีจอภาพ การส่งขอ้ มูลไปเก็บหรืออ่านจากฮาร์ดดิสก์ การรับส่งขอ้ มูลในระบบเครือข่าย การส่งสัญญาณเสียงไปออกลาโพง หรือจดั สรรพ้ืนท่ีในหน่วยความจา ตามที่ซอฟตแ์ วร์ประยุกตร์ ้องขอ รวมท้งัทาหนา้ ท่ีจดั สรรเวลาการใชห้ น่วยประมวลผลกลาง ในกรณีท่ีอนุญาตใหร้ ันซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตห์ ลายๆ ตวัพร้อมๆ กนั ระบบปฏิบตั ิการที่เป็ นท่ีนิยมในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทุกวนั น้ี ไดแ้ ก่ ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์แมคโอเอส และลินุกซ์ นอกจากน้ี ยงั มีระบบปฏิบตั ิการตระกลู ยนู ิกซ์ ซ่ึงไดร้ ับความนิยมในเคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ที่ใชก้ นั ในหน่วยงาน ระบบปฏิบตั ิการตระกลู ยนู ิกซ์ท่ีเป็นที่รู้จกั กนั ดี ไดแ้ ก่ ยนู ิกซ์ตระกลู บีเอสดี เอไอเอกซ์ และโซลาริส และรวมถึงลีนุกซ์ซ่ึงพฒั นาโดยอาศยั หลกั การเดียวกนั กบั ยนู ิกซ์ระบบปฏิบตั ิการบางตวั ถูกออกแบบสาหรับการเรียนการสอนวชิ าระบบปฏิบตั ิการโดยเฉพาะ เช่น มินิกซ์ ซินู หรือ พินโทส

5 ในอุปกรณ์อ่ืนๆ ที่ควบคุมดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์ กอ็ าจมีระบบปฏิบตั ิการเช่นกนั เช่นระบบปฏิบตั ิการ ปาลม์ โอเอส หรือ ซิมเบียน ในโทรศพั ทม์ ือถือ หรือระบบปฏิบตั ิการ TRON ในเครื่องใชไ้ ฟฟ้ าตามบา้ น ประเภทคอมพวิ เตอร์ทใ่ี ช้ได้ ประเภทของคอมพิวเตอร์แบง่ ออกเป็น 2 กลุ่มคือ GenericOperation System ( ระบบปฏิบตั ิการ ท่ีใชก้ บั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ไดห้ ลายประเภท ไม่ยดึ ติด กบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ประเภทใด ) กบั อีกประเภทหน่ึงคือ Proprietary Operating System( ระบบปฏิบตั ิการ ท่ีสร้างข้ึนมาเพือ่ ใชก้ บั คอมพิวเตอร์ ระบบหน่ึงระบบใด หรือยี่หอ้ หน่ึง ยห่ี อ้ ใดเท่าน้นั ) 5. คุณสมบตั แิ ละส่วนประกอบของระบบปฏบิ ัติการ - ทาหนา้ ที่ติดต่อกบั ผใู้ ช้ หรือยเู ซอร์อินเทอร์เฟซ (User interface) - ควบคุมดูแลอุปกรณ์ (Control devices) ควบคุมการทางานของโปรแกรม การทางานของอุปกรณ์ตา่ งๆ เพื่อใหก้ ารทางานของระบบเป็นไปอยา่ งถูกตอ้ งและสอดคลอ้ งกนั -จดั สรรทรัพยากร หรือรีซอร์สระบบ (Resources management) บริการใหผ้ ใู้ ช้ ไดใ้ ช้ทรัพยากรตา่ ง ๆ ใหเ้ ป็นไปอยา่ งต่อเน่ือง ทรัพยากรหลกั ที่ตอ้ งมีการจดั สรร ไดแ้ ก่ หน่วยประมวลผลกลางหน่วยความจาหลกั อุปกรณ์รับ/แสดงผลขอ้ มูล และแฟ้ มขอ้ มูล 6. การใช้คาสั่งบนระบบปฏิบัตกิ าร Microsoft Office ข้นั ตอนการใชง้ าน Microsoft Office 1. คลิกท่ีป่ ุม 2. เล่ือนเมาส์ไปช้ีคาสั่ง All program หรือ Programs 3. เล่ือนเมาส์ไปท่ี Microsoft office 7. โปรแกรม Microsoft Office ไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศ (องั กฤษ: Microsoft Office) เป็นชุดโปรแกรมสานกั งาน พฒั นาโดยไมโครซอฟทซ์ ่ึงสามารถใชง้ านไดใ้ นระบบปฏิบตั ิการไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ และแอปเปิ ล แมค็ อินทอชไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศยงั มีการส่งเสริมใหใ้ ชบ้ ริการผา่ นระบบเครื่องแมข่ ่าย (Server) และ บริการผา่ นหนา้ เวบ็ (Web Based) ในรุ่นใหมๆ่ ของไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศ เราจะเรียกมนั วา่ ระบบสานกั งาน(Office system) แทนแบบเก่าคือ ชุดโปรแกรมสานกั งาน (Office Suite) ซ่ึงการเรียกวา่ ระบบสานกั งานจะรวมการทางานกบั เครื่องแม่ข่ายเอาไวด้ ว้ ย ในวนั ท่ี 16 กุมภาพนั ธ์ ค.ศ. 2006 ที่ผา่ นมา ไมโครซอฟทไ์ ด้ประกาศเรื่อง \"ไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศ 2007\" ที่จะเปลี่ยนแปลงหนา้ จอการใชง้ าน (User Interface) และรูปแบบไฟลแ์ บบ XML เป็นหลกั รุ่นเสถียรล่าสุด คือไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศ 2007 ซ่ึงออกจาหน่ายในวนั ท่ี30 มกราคม พ.ศ. 2550

6 ในปัจจุบนั ไดม้ ีการออกโปรแกรมไมโครซอฟท์ 2010 ออกมาเพื่อให้นกั พฒั นานาไปพฒั นาใหด้ ีข้ึนแต่ยงั ไม่ไดว้ างจาหน่ายสาหรับบุคคลทวั่ ไป ชุดของโปรแกรม Microsoft office ประกอบดว้ ย ไมโครซอฟท์ เวิร์ ด (Microsoft Word) ไมโครซอฟท์ เวิร์ด เป็ นโปรแกรมที่นิยมในการประมวลผลคา มีความสามารถในการจดั รูปแบบตวั อกั ษร ยอ่ หนา้ ใส่รูปภาพ จดหมายเวยี น และอื่นๆ อีกมากมาย ไมโครซอฟท์ เอก็ เซล (Microsoft Excel) ไมโครซอฟท์ เอก็ เซล เป็นโปรแกรมท่ีใชใ้ นการจดั ทาตารางงาน มีความสามารถในการคานวณสูตรตา่ งๆ พร้อมท้งั ฟังกช์ นั ท่ีช่วยในการคานวณทางคณิตศาสตร์อีกดว้ ย ไมโครซอฟท์ แอคเซส (Microsoft Access) ไมโครซอฟท์ แอคเซส เป็นโปรแกรมฐานขอ้ มูล ท่ีเป็นท่ีนิยมสาหรับการทางานในระดบัสานกั งาน และ องคก์ รขนาดเลก็ สามารถเก็บขอ้ มูล ประมวลผลขอ้ มูล ออกแบบฟอร์มเกบ็ ขอ้ มลู พมิ พ์รายงาน จดั ทาเวบ็ ไซตใ์ นการรับ/ส่ง ขอ้ มลู และยงั สามารถเขียนกลุ่มโปรแกรม (Module) เพื่อใชใ้ นการทางานได้ ไมโครซอฟท์ ฟรอนต์เพจ (Microsoft Frontpage) ไมโครซอฟท์ ฟรอนตเ์ พจ เป็นโปรแกรมออกแบบเวบ็ เพจ ซ่ึงมีความสามารถในการจดั การเวบ็ ไซต์ ออกแบบโครงสร้างเวบ็ เพจ และติดต่อฐานขอ้ มูล ไมโครซอฟท์ แอคเซส ไมโครซอฟท์ พาวเวอร์พอยต์ (Microsoft PowerPoint) ไมโครซอฟท์ พาวเวอร์พอยต์ เป็นโปรแกรมนาเสนอผลงาน สามารถนาเสนอผลงานในแบบต่างๆ รวมถึงมีแม่แบบที่ช่วยผใู้ ชใ้ ชง้ านอยา่ งงายดาย และมีแอฟเฟ็คแบบต่างๆ ช่วยตกแตง่ ใหง้ านนาเสนอมีความสวยงาม ไมโครซอฟท์ เอาท์ลคุ (Microsoft Outlook) ไมโครซอฟท์ เอาทล์ ุค เป็นโปรแกรมรับ/ส่งอีเมล มีความสามารถในการเชื่อมตอ่ เครื่องแม่ขา่ ยอีเมล แบบ IMAP, POP3 และ Microsoft Exchange Server ไมโครซอฟท์ พบั บลิชเชอร์ (Microsoft Publisher) เป็นโปรแกรมคลา้ ย ไมโครซอฟท์ เวริ ์ด เช่นกนั แต่จะเนน้ ไปทางดา้ นการสร้างศิลป์ บนสิ่งพิมพท์ ี่ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั มากกวา่ เช่น นามบตั ร ไมโครซอฟท์ วิซิโอ (Microsoft Visio) และอ่ืนๆ

7โปรแกรมเอกสาร 8. ส่วนประกอบและการใช้งานโปรแกรมเอกสาร 9. การ บนั ทกึ เปิ ด และปิ ดโปรแกรมเอกสาร การบนั ทึกเอกสาร คลิกเลือกท่ีเมนู แฟ้ ม (File) ----->บนั ทึก (Save) เท่าน้ีเอกสารกจ็ ะถูกบนั ทึกแลว้หรือ เลือกป่ ุม ในส่วนของ Tool Bar หรือกด Ctrl+S บนคียบ์ อร์ด เปิ ดไฟล์ 1. คลิกเมนู File เลือกคาส่งั Open หรือคลิกป่ ุม Open บนทูลบาร์ 2. เลือกตาแหน่งท่ีเก็บไฟลท์ ี่ตอ้ งการจะเปิ ดในช่อง Look in 3. เลือกชื่อไฟลท์ ี่ตอ้ งการ แลว้ คลิกป่ ุม Open การปิ ดโปรแกรม Microsoft Word มีหลากหลายวธิ ีดงั น้ี 1. คลิกเลือกท่ีเมนู แฟ้ ม(File) ---> จบการทางาน (Exit) 2. คลิกที่ป่ ุม มุมขวาบนไตเติล้ 3. ใชค้ าส่งั บนคอนโทรลเมนู โดยคลิกคอนโทรลเมนู ---> Close 4. กดป่ ุม Alt+F4

8 10. การจัดการข้อความและรูปภาพในโปรแกรมเอกสารการจัดการกบั ข้อความ การเลอื กภาษาทใี่ ช้พมิ พ์ (Accent Gravel) ก่อนจะมีการเร่ิมพมิ พข์ อ้ ความลงไปบนเอกสารน้นั จาเป็ นอยา่ งยง่ิ ตอ้ งรู้จกั แป้ นพมิ พท์ ่ีจะช่วยให้สามารถเปล่ียนสถานการณ์พมิ พจ์ ากภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทย หรือจากภาษาไทยเป็นภาษาองั กฤษ คือแป้ น ~ (รูปตัวหนอน ) และสงั เกตสถานะของภาษาที่แถบแสดงสถานะ (Status Bar) การป้ อนข้อความ (พมิ พ์แทรก / พมิ พ์ทบั ) การพมิ พข์ อ้ ความแบ่งออกเป็ น 2 ลกั ษณะ คือ 1. การพมิ พ์แทรก โดยทวั่ ไปแลว้ มกั เป็ นค่าปกติของการพิมพ์ (Default) เน่ืองจากเม่ือมีการพิมพข์ อ้ ความก็จะแทรกต่อไปเร่ือย ๆ โดยขอ้ ความที่อยหู่ ลงั จากตวั แทรกขอ้ ความ ( I ) ยงั คงเคลื่อนไป สังเกตสถานการณ์พิมพแ์ ทรกไดจ้ าก Status Bar ดงั น้ี (Overtype) ใหส้ งั เกตวา่ ป่ ุมน้ีจะมีตวั อกั ษรสีเทา 2. การพมิ พ์ทบั การพิมพข์ อ้ ความท่ีทบั ขอ้ ความเดิมที่มีอยแู่ ลว้ โดยสังเกตสถานการณ์พิมพท์ บั ไดจ้ าก Status Bar (Overtype) ใหส้ ังเกตวา่ ป่ ุมน้ีจะมีสีเขม้ ข้ึนการกาหนดค่าต่าง ๆ ให้กบั ตัวอกั ษร การกาหนดคา่ ตา่ ง ๆ ใหก้ บั ตวั อกั ษรน้นั สามารถปรับจากแถบเครื่องมือรูปแบบไดอ้ ยา่ งง่ายโดยการปรับคา่ ตา่ ง ๆ น้นั ประกอบไปดว้ ยลกั ษณะของแบบอกั ษรในลกั ษณะตา่ ง ๆ ดงั น้ี รูปแบบอกั ษรหรือฟอนต์ รูปแบบอกั ษรมกั จะพดู กนั ติดปากวา่ “ฟอนต”์ จะมีรูปแบบท่ีแตกตา่ งกนั มาก ซ่ึงรูปแบบอกั ษรแบง่ ออกเป็น 2 ประเภทดว้ ยกนั คือ 1. Complex Scripts คือ รูปแบบที่ใชก้ บั ภาษาไทยเพียงอยา่ งเดียว จะลงทา้ ยดว้ ย UPC 2. Latin Text คือรูปแบบอกั ษรที่ใชเ้ ปล่ียนใหก้ บั อกั ษรท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ผใู้ ช้ สามารถเปล่ียนรูปแบบอกั ษร มีข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี  เลือกขอ้ ความท่ีตอ้ งการเปล่ียนรูปแบบอกั ษร  คลิกเลือกรูปแบบฟอนตจ์ ากรายการรูปแบบอกั ษรที่ใหม้ า  รูปแบบอกั ษรจะเปล่ียนไปตามแบบท่ีไดเ้ ลือกไว้

9การเปลยี่ นขนาดฟอนต์ การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ คือการทาใหข้ นาดตวั อกั ษรใหญ่ข้ึนหรือเล็กลงตามขนาดท่ีตอ้ งการ มีข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี 1. เลือกขอ้ ความที่ตอ้ งการเปล่ียนขนาดฟอนตข์ องขอ้ ความน้นั2. คลิกเลือกขนาดของฟอนตจ์ ากรายการรูปแบบอกั ษรท่ีใหม้ า3. เลือกขนาดของฟอนตท์ ่ีตอ้ งการหรือกดแป้ น Ctrl + [ เพอ่ื เพ่มิ ขนาดอกั ษรทีละ 1 pointหรือกดแป้ น Ctrl + ] เพ่ือลดขนาดอกั ษรทีละ 1 pointอกั ษรตวั หนา อกั ษรตัวเอยี ง และอกั ษรขดี เส้นใต้รูปแบบตวั อกั ษร ขนาดตวั อกั ษร สามารถปรับไดจ้ ากแถบเครื่องมือรูปแบบ ซ่ึงสามารถปรับตวัอกั ษรเนน้ ใหห้ นา เอียง หรือขีดเส้นใตไ้ ด้ มีข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี 1. เลือกขอ้ ความที่ตอ้ งการปรับเปล่ียน 2. เลือกป่ ุมบนแถบเคร่ืองมือรูปแบบ 2.1 คลิกเมาส์ Bold เพ่ือทาใหต้ วั อกั ษรที่เลือกหนา 2.2 คลิกเมาส์ Italic เพอ่ื ทาใหต้ วั อกั ษรท่ีเลือกหนา 2.3 คลิกเมาส์ Underline เพอ่ื ทาใหต้ วั อกั ษรท่ีเลือกขีดเส้นใตเ้ ด่ียวสีตัวอกั ษร1. เลือกขอ้ ความท่ีตอ้ งการกาหนดสีใหก้ บั ตวั อกั ษร2. คลิกเมาส์ป่ ุม Font Color บนแถบเคร่ืองมือจดั รูปแบบ และเลือกสีที่ ตอ้ งการ3. ตวั อกั ษรท่ีเลือกไวเ้ ปลี่ยนสีตามที่ผใู้ ชเ้ ลือกลกั ษณะพเิ ศษอนื่ ๆMicrosoft Word 2003 สามารถกาหนดลกั ษณะพิเศษอื่น ๆ ไดอ้ ีก เช่น ตวั อกั ษรยก(Superscript) ตวั ห้อย (Subscript) ขีดเส้นใต้ 2 เส้น (Double Underline) เป็นตน้ ซ่ึงสามารถกาหนดไดด้ งั น้ี 1. คลิกเลือกขอ้ ความที่ตอ้ งการปรับเปลี่ยน2. คลิกเลือกเมนู รูปแบบ > แบบอกั ษร หรือกดแป้ น Ctrl + D3. จะปรากฏหนา้ ต่าง แบบอกั ษร และคลิกที่แทบ็ แบบอกั ษร4. คลิกเลือกสญั ลกั ษณ์พเิ ศษท่ีตอ้ งการ5. คลิกป่ ุม ตกลง

10การจัดการเกยี่ วกบั ย่อหน้า (Paragraph) การจัดแนวข้อความ (Alignment) การจดั แนวขอ้ ความช่วยทาใหเ้ อกสารต่าง ๆ อา่ นไดง้ ่ายข้ึน โดยสามารถกาหนดขอ้ ความหรือยอ่หนา้ ต่าง ๆ จดั ชิดดา้ นใดดา้ นหน่ึงของเอกสารได้ มีใหเ้ ลือก 5 แบบดงั น้ี 1. ขอ้ ความจดั ชิดซา้ ย (Align Left) มีข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี 1.1 คลิกเมาส์ใหต้ วั แทรกขอ้ ความปรากฏท่ีตาแหน่งใดกไ็ ดใ้ นยอ่ หนา้ น้นั ๆ 2. คลิกเมาส์ที่ป่ ุม Align Left เพื่อจดั ใหย้ อ่ หนา้ น้นั ชิดซา้ ย 3. คลิกเมาส์ที่ป่ ุม Align Center เพ่ือจดั ใหย้ อ่ หนา้ น้นั ก่ึงกลาง 4. คลิกเมาส์ที่ป่ ุม Align Right เพอ่ื จดั ใหย้ อ่ หนา้ น้นั ชิดขวา 5. คลิกเมาส์ท่ีป่ ุม Align Justify เพ่อื จดั ใหย้ อ่ หนา้ น้นั ชิดซา้ ยและขวา ของขอบกระดาษ 5. คลิกเมาส์ท่ีป่ ุม Align Distributed เพ่ือจดั ใหย้ อ่ หนา้ น้นั ให้ระยะห่างของเวน้ วรรค ของยอ่ หนา้ ใหเ้ ทา่ กนั และจดั ชิดซา้ ยขวา (Distributed)การกาหนดก้นั หน้าหรือก้นั หลงั (Indents) การกาหนดก้นั หนา้ หรือก้นั หลงั เป็นการกาหนดขอบเขตของขอ้ ความในเอกสารไม่ใหเ้ กินขอบเขตที่กาหนดไว้ ขอบเขตต่าง ๆ น้นั แบง่ เป็น 3 ประเภท คือ ก้นั หนา้ บรรทดั แรก ก้นั หนา้ บรรทดัตอ่ ไปและก้นั หลงั เรียกวา่ First Line Indent คือ การกาหนดก้นั หนา้ เฉพาะบรรทดั แรกบรรทดั เดียว เรียกวา่ Hanging Indent คือ การกาหนดก้นั หนา้ สาหรับบรรทดั ต่อ ๆ ไปจากบรรทดั แรก เรียกวา่ Left Indent คือ การกาหนดก้นั หนา้ ท้งั First Line Indent และ Hanging Indent ไปพร้อมกนั เรียกวา่ Right Indent คือ การกาหนดก้นั หนา้ ท้งั First Line Indent และ Hanging Indent ไปพร้อมกนั การแทรกรูปภาพเป็ นการนารูปภาพมาเป็นส่วนประกอบในเอกสาร ทาใหเ้ อกสารสามารถแสดงรายละเอียดขอ้ ความและมีรูปประกอบคาบรรยายไดอ้ ีกดว้ ย ซ่ึงการนาภาพเขา้ มาในเอกสารน้นั แบง่ออกเป็ นวธิ ีตา่ ง ๆ ไดด้ งั น้ี การแทรกรูปภาพจากภาพตดั ปะ Clip Gallery 1. คลิกเลือกตาแหน่งท่ีจะวางรูป Clip Art 2. คลิกป่ ุม บนแถบเครื่องมือ Drawing หรือเลือกเมนู แทรก > รูปภาพ > ภาพตัดปะ 3. แถบเครื่องมือ Clip Art เปิ ดข้ึน 4. คลิกที่ จดั ระเบียบภาพตดั ปะ

115. เลือกรูปท่ีตอ้ งการ คลกิ ขวา > คัดลอก6. มาคลิกที่เอกสารวางรูปที่ไดค้ ดั ลอกไวใ้ นเอกสารตรงที่ตอ้ งการ โดย คลกิ ขวา > วางการแทรกจากไฟล์รูปภาพ1. คลิกป่ ุม บนแถบเคร่ืองมือ Drawing หรือเลือกเมนู แทรก > รูปภาพ > จากแฟ้ ม2. คลิกเลือกไดรวแ์ ละตาแหน่งท่ีเก็บรูปภาพ3. เลือกช่ือไฟลร์ ูปภาพ4. คลิกป่ ุม แทรก5. จะปรากฏรูปภาพท่ีเลือกไวใ้ นเอกสาร

12 11. การตดิ ต้งั โปรแกรมเอกสารการต้งั คา่ หนา้ กระดาษ เอกสารจะสวยงาม ตอ้ งมีการต้งั คา่ หนา้ กระดาษเวลาพิมพเ์ อกสารแต่ละแบบกม็ ีลกั ษณะการวางเน้ือความท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป มีขอ้ กาหนดเก่ียวกบั ขนาดกระดาษ ระยะก้นั หนา้ -หลงั ขอบกระดาษตา่ ง ๆไป ดงั น้นั ก่อนเริ่มพมิ พง์ านใด ๆ ควรกาหนดค่าติดต้งั เกี่ยวกบั กระดาษ มีข้นั ตอนดงั น้ี คลิกเลือกที่เมนู แฟ้ ม (File) -----> ต้งั คา่ หนา้ กระดาษการใส่ (แทรก) สัญลกั ษณ์ ในการพมิ พเ์ อกสารรายงานต่างๆ บางคร้ังเราตอ้ งมีการพิมพส์ ัญลกั ษณ์บางตวั ลงไปดว้ ย แต่เมื่อดูบนแป้ นคียบ์ อร์ดแลว้ กลบั ไม่มีตวั สัญลกั ษณ์ท่ีเราตอ้ งการเลย เราสามารถทาการแทรกหรือใส่สัญลกั ษณ์ท่ีไมม่ ีบนแป้ นคียบ์ อร์ดใหก้ บั กบั เอกสารไดด้ งั น้ี คลิกเลือกท่ีเมนู แทรก(Insert) --->สัญลกั ษณ์พเิ ศษ(Symbol...) 12. การพมิ พ์จดหมายเวยี น จดหมายเวยี น ( Mail Merge) Mail Merge หรือท่ีมกั จะรู้จกั กนั วา่ \"จดหมายเวยี น\" เป็ นการเตรียมและสัง่ พิมพเ์ อกสารรูปแบบหน่ึง โดยทาการสร้างตวั จดหมายข้ึนมา เรียกวา่ \" ไฟลต์ น้ แบบ หรือไฟลห์ ลกั \" ภายในตวั จดหมายจะมีการเปล่ียนแปลงแกไ้ ขขอ้ มูลบางส่วน เช่น ชื่อ-นามสกุล, ตาแหน่ง, วนั ท่ี, สถานที่ หรืออื่น ๆ ตามตอ้ งการ ซ่ึงการเปลี่ยน-แปลง แกไ้ ขส่วนต่าง ๆ น้นั จะอาศยั ขอ้ มลู จากไฟลเ์ ก็บรายการขอ้ มูล ท่ีเรียกวา่ \"ไฟลร์ ายการขอ้ มูล หรือ ไฟลผ์ นวก\" เม่ือทาการสัง่ พิมพจ์ ดหมาย และบอกจานวนชุดที่ตอ้ งการพิมพ์ โปรแกรมจะไปดึงขอ้ มูลจากไฟลผ์ นวก มาทาการผนวกเขา้ กบั ไฟลห์ ลกั โดยอตั โนมตั ิ สาหรับ Word คาวา่ \"Mail Merge\" ไม่ไดห้ มายถึง จดหมายเวยี นเสมอไป แต่รวมถึงการพมิ พอ์ ื่นๆ ที่มีลกั ษณะเช่นเดียวกบั จดหมายเวยี น ไดแ้ ก่ การพิมพป์ ้ ายฉลาก (Label) การพิมพห์ รือจ่าหนา้ ซองจดหมาย การสร้าง Mail Merge จะตอ้ งมีไฟล์ 2 ไฟล์ ไดแ้ ก่ 1) ไฟลร์ ายการขอ้ มลู (Merge File) เกบ็ รายชื่อของบุคคลที่ตอ้ งการนามาผสมรวมกบั จดหมาย 2) ไฟลต์ น้ แบบจดหมาย (Main File) ไฟลจ์ ดหมาย ข้นั ตอนแรกของการทาจดหมายเวยี น ก็คือ การจดั ทาตวั จดหมายท่ีมีขอ้ ความท่ีจะใช่ร่วมกนั เราเรียกจดหมายน้ีวา่ เอกสารหลกั โดยคุณตอ้ งเวน้ ท่ีวา่ งไวส้ าหรับใส่ชื่อ ที่อยู่ หรือขอ้ มูลอื่นๆ ที่จาเป็นของผรู้ ับ ต่อจากน้นั กใ็ ห้ Save จดหมายน้ีเก็บไวเ้ พื่อไวใ้ ชใ้ น คราวต่อๆ ไปสร้างตารางขอ้ มูลของผรู้ ับจดหมาย

13 ข้นั ตอนท่ีสองที่คุณตอ้ งทาก็คือ การเกบ็ ขอ้ มูลตา่ งๆ ของผรู้ ับจดหมาย เช่น ช่ือ ท่ีอยู่ ตาแหน่งบริษทั ฯลฯ ขอ้ มูลเหล่าน้ี จะถูกเกบ็ ในลกั ษณะ เป็นแบบฐานขอ้ มูลที่เราเรียกวา่ แหล่งเกบ็ ขอ้ มูล คือ คุณสามารถดึงขอ้ มูลมาใชไ้ ดท้ ุกเม่ือตามตอ้ งการ วธิ ีการสร้างตารางเพ่ือเกบ็ ขอ้ มลู ตา่ งๆ ทาไดด้ งั น้ี 1. เลือกคาส่ัง Tool > Mail Merge (จดหมายเวยี น)จะปรากฏ Mail Merge Helper (ตวั ช่วยเหลือจดหมายเวยี น)ไดอะลอ็ กบ็อกซ์ 2. คลิก mouse ท่ีป่ ุม แลว้ คลิก mouse เลือก Form Letters (จากจดหมาย..) 3. คลิก mouse ท่ีป่ ุม เพ่อื กาหนดวา่ จะสร้างจดหมายเวยี นจากจดหมายฉบบั ท่ีคุณกาลงั เปิ ดอยู่ 4. คลิก mouse ท่ีป่ ุม แลว้ คลิก mouse เลือก Create Data Source (สร้างจากแหล่งขอ้ มลู ) จะปรากฏไดอะล็อกบอ็ กซ์ข้ึนมา 5. เลือกหวั ขอ้ Field Name ท่ีจะใชใ้ นตารางขอ้ มูล โดยดูหวั ขอ้ รายการจาก Field names inheader row (ช่ือเขตขอ้ มูลในบรรทดั นา) โดยสามารถกาหนดดงั น้ี - ถา้ หวั ขอ้ ใดไมต่ อ้ งการ ให้ คลิก mouse เลือกหวั ขอ้ น้นั แลว้ คลิก mouse ที่ป่ ุม - ถา้ ตอ้ งการเพ่มิ หวั ขอ้ ลงในรายการ ใหก้ รอกหวั ขอ้ ใหมใ่ นกรอบ Field name : จากน้นั ใหค้ ลิกmouse ท่ีป่ ุม 6. เม่ือทาการกาหนดเรียบร้อยใหค้ ลิก mouse ท่ีป่ ุม OK 7. ต้งั ช่ือไฟลแ์ ละกาหนดตาแหน่งสาหรับ save ตารางฐานขอ้ มลู ของคุณ 8. คลิก mouse ที่ป่ ุม save ก็จะปรากฏ 9. คลิก mouse ท่ีป่ ุม กจ็ ะปรากฏรูปแบบการกรอกขอ้ มลู ข้ึนมาเพอ่ื จะใส่ขอ้ มลู ของผรู้ ับจดหมายในตารางฐานขอ้ มลูกรอกขอ้ มลู ลงในตารางฐานขอ้ มลู 1. กรอกขอ้ มลู ตา่ งๆ ของผรู้ ับโดยตอ้ งกรอกใหต้ รงกบั หวั ขอ้ ท่ีคุณไดก้ าหนดไว้ 2. เมื่อกรอกขอ้ มลู ของคนแรกเรียบร้อยใหค้ ลิก mouse ที่ป่ ุม Add new (เพิ่มใหม)่ สาหรับจะกรอกขอ้ มลู ของคนต่อไป 3. เม่ือกรอกขอ้ มูลครบทุกคนแลว้ ใหค้ ลิก mouse ที่ป่ ุม okกาหนดตาแหน่งที่จะใส่ขอ้ มูลในจดหมาย 1. คลิก mouse ในตาแหน่งที่จะใส่ขอ้ มลู ในจดหมาย 2. คลิก mouse ท่ีป่ ุม Insert Merge Field (แทรกเขตขอ้ มูลผสาน) จะปรากฏหวั ขอ้ ท่ีคุณได้กาหนดไดใ้ นตารางฐานขอ้ มูล 3. คลิก mouse เลือกหวั ขอ้ (Field Name) คือ จะเป็ นการแทรกช่ือ หรือขอ้ มูลต่างๆท่ีเราจะเลือกใส่ จะปรากฏหวั ขอ้ ที่คุณเลือกในจดหมาย 4. ทาขอ้ 2 และ 3 ซ้าไปเรื่อยๆ จนกวา่ คุณจะกาหนดหวั ขอ้ (Field Name) ที่ตอ้ งการเรียบร้อย

14ทาการทดสอบผลลพั ธ์การสร้างจดหมายเวยี น คุณสามารถทดสอบวา่ ผลลพั ธ์น้นั ถูกตอ้ งตามท่ีคุณตอ้ งการหรือไม่ โดยจะมีเมนูในการทางานดงั น้ี 1. คลิก mouse ท่ีป่ ุม เพ่อื กาหนดใหแ้ สดงผลลพั ธ์ 2. ตรวจสอบผลลพั ธ์ในจดหมายฉบบั แรกของคุณ 3. คลิก mouse ที่ป่ ุม สาหรับตรวจดูจดหมายฉบบั ต่อๆ ไปใส่ขอ้ มลู ของผรู้ ับในจดหมาย เมื่อผลลพั ธ์ที่ไดถ้ ูกตอ้ งเป็นที่น่าพอใจแลว้ ก็ถึงเวลาท่ีจะกาหนดสิ่งตา่ งๆ ลงในจดหมายเวยี นของคุณ โดยคุณสามารถเลือกวา่ จะใหเ้ ก็บผลลพั ธ์ที่ไดน้ ้นั ใส่ลงในเอกสารฉบบั ใหม่ หรือกาหนดใหพ้ ิมพอ์ อกทางเครื่องพิมพเ์ ลยทนั ที ส่วนตวั แลว้ มกั จะใชว้ ธิ ีแรก มากกวา่ คือ จะเกบ็ ผลลพั ธ์ไว้ เพราะสามารถแกไ้ ขในรายละเอียดบางจุดของจดหมายในแตล่ ะฉบบั ได้การผลิตจดหมายเวยี นทาไดด้ งั น้ี 1. คลิก mouse ท่ีป่ ุม จะปรากฏ Merge ไดอะล็อกบอ็ กซ์ 2. กาหนดวา่ จะใหเ้ กบ็ ผลลพั ธ์ของจดหมายเวยี นน้ีไปไวท้ ี่ใด โดยคลิก mouse ที่ Newdocument (สร้างเอกสาร) - ถา้ เลือก New document คือการเก็บท่ีเอกสารฉบบั ใหม่ - ถา้ เลือก Printer คือการสง่ั พิมพผ์ ลลพั ธ์ออกทางเคร่ืองพมิ พท์ นั ที 3. เลือกวา่ จะใหด้ ึงขอ้ มูลจากตารางฐานขอ้ มลู ใดบา้ ง ดงั น้ี - คลิก mouse เลือก all (ท้งั หมด) คือจะดึงขอ้ มลู จากตารางฐานขอ้ มูลมาท้งั หมด - คลิก mouse เลือก from (จาก) คือ คุณจะเป็ นผกู้ าหนดช่วงของการดึงขอ้ มูล จากน้นั คุณตอ้ งกาหนดวา่ จะดึงขอ้ มูลลาดบั ที่เท่าใด ในฐานขอ้ มลู ดว้ ย 4. คลิก mouse ท่ีป่ ุม (ถา้ คุณเลือก New document คุณจะเห็นผลลพั ธ์ที่ไดใ้ นเอกสารฉบบั ใหม่ทนั ที) ก็จะไดผ้ ลลพั ธ์ก็คือ เห็นขอ้ มูลของผรู้ ับจดหมายท้งั หมดที่จะส่งออกทางจอของคุณ 13. การพมิ พ์เอกสารแบบหลายสดมภ์ การแบ่งหนา้ เอกสารเป็นหลายสดมภ์ จะพบเห็นในนิตยสาร หนงั สือพิมพ์ แผน่ พบั เนื่องจาก เอกสารท่ีแบ่งเป็นหลายสดมภจ์ ะทาใหผ้ อู้ า่ นอ่านสะดวกข้ึน การใชส้ ดมภท์ ้งั เอกสาร เราสามารถสร้างเอกสารแบบสดมภไ์ ดถ้ ึง 12 สดมภส์ ูงสุด การสร้างเอกสารที่มีสดมภเ์ หมือนกนัท้งั เอกสารเป็ นวธิ ีที่ง่ายท่ีสุด ซ่ึงปฏิบตั ิโดย 1. เลือกคาสัง่ สดมภ(์ Columns) ในเมนูรูปแบบ (Format)กรอบโตต้ อบ สดมภ(์ Columns)จะปรากฏข้ึน หรือคลิกป่ ุม และเลือกจานวนสดมภ์

15 2. เลือกแบบของสดมภจ์ ากช่อง คาท่ีต้งั ไว้ (Presets) ท่ีดา้ นบน ซ่ึงมีแบบของสดมภท์ ี่นิยมใชก้ นัเราสามารถเลือกจานวนสดมภไ์ ด้ 3 สดมภ์ 3. ถา้ หากเราตอ้ งการจานวนสดมภม์ ากกวา่ 3 สดมภ์ ใหก้ าหนดจานวนสดมภท์ ่ีตอ้ งการในช่องจานวนสดมภ(์ Number of columns) 4. คลิกที่ ตกลง(OK) 14. การพมิ พ์เอกสารออกทางเครื่องพมิ พ์ การพมิ พเ์ อกสารที่เปิ ดใชง้ านอยู่ โดยคลิก การพมิ พ์ บนแถบเครื่องมือ มาตรฐาน หรือเลือกคาสงั่ File > Print … ดูตวั อยา่ งก่อนพิมพ์ (Print Preview) คลิก ตวั อยา่ งก่อนพมิ พ์ บนแถบเครื่องมือ มาตรฐาน เพื่อออกจากตวั อยา่ งก่อนพมิ พ์ และกลบั ไปท่ีเอกสารหนา้ ก่อนน้นั คลิก การพมิ พเ์ อกสารเดี่ยวเป็นบางส่วนหรือท้งั หมด พมิ พเ์ ป็นช่วงหลายๆ หนา้ เลือกไดด้ งั น้ี 1. เฉพาะหนา้ คี่หรือหนา้ คู่ 2. พมิ พห์ นา้ และส่วนที่ระบุ 3. พมิ พเ์ อกสารหลายสาเนาหรือมากกวา่ หน่ึง พิมพม์ ากกวา่ หน่ึงสาเนาในคร้ังเดียวกนั 1. บนเมนู แฟ้ ม ใหค้ ลิก พมิ พ์ 2. ในกล่อง จานวนสาเนา ใหป้ ้ อนจานวนของสาเนาที่คุณตอ้ งการพิมพ์

16โปรแกรมตารางทาการ 15.-18. ส่วนประกอบและการใช้งานโปรแกรมตารางทางาน ถึง การบนั ทกึ เปิ ด และปิ ดโปรแกรม การเรียกใชง้ าน Excel 1. คลิกที่ป่ ุม 2. เลื่อนเมาส์ไปช้ีคาสงั่ All program 3. เล่ือนเมาส์ไปท่ี Microsoft office 4. เล่ือนเมาส์ไปที่Microsoft office Excel คลิก ส่วนประกอบของ Microsoft Excel ปกติการเรียกใชง้ าน Excel เปิ ดแฟ้ มคือสมุดงานข้ึนมาซ่ึงสมุดงานจะประกอบดว้ ยแผน่ งานหลาย ๆแผน่ รวมกนั ซ่ึงในไฟลข์ องสมุดงานแต่ละไฟลจ์ ะมีแผน่ งานไดส้ ูงสุด 255 แผน่ โดยการแทรกแผน่ งาน การแทรกแผน่ งาน คลิกท่ีคาสง่ั แทรก(Insert) > แผน่ งาน(Work sheet) หรือคลิกที่ชื่อแผน่ งาน(work sheet) แลว้ คลิกขวา > คลิกแทรก โครงสร้างของแผน่ งาน (Work Sheet) จะมีลกั ษณะเป็นตารางขนาดใหญ่ โดยมีการแบง่ พ้นื ที่ทางแนวนอนออกเป็ นส่วน ๆ เรียกวา่ แถว (Row) จะใชต้ วั เลขเป็ นตวั ระบุตาแหน่งขอแถว เริ่มตน้ ที่ 1และ สิ้นสุดที่ 65,536 และแบง่ พ้ืนท่ีทางแนวต้งั ออกเป็นส่วน ๆ เรียกวา่ สดมภC์ olumn) จะมีท้งั หมด 256สดมภ์ โดยจะใชต้ วั อกั ษรภาษาองั กฤษเป็นตวั ระบุตาแหน่งเริ่มจาก A - IV สดมภแ์ ละแถวมาตดั กนั เป็นช่องเล็ก ๆ เรียกวา่ เซลล์ (Cell)ซ่ึงมีจานวนเซลลเ์ ท่ากบั จานวนแถวคูณดว้ ยจานวนสดมภ์ และมีช่ือเรียกตามช่ือคอลมั น์ตามดว้ ยช่ือแถว เช่น A1หมายถึงอยทู่ ่ีคอลมั น์ A แถวท่ี 1

17การบนั ทึกงาน มีหลากหลายวธิ ี (ทาเหมือน Microsoft Word)การเปิ ดงาน มีหลากหลายวธิ ี (ทาเหมือน Microsoft Word)การปิ ดโปรแกรม Microsoft Excel มีหลากหลาย (ทาเหมือน Microsoft Word) 19. การใช้สูตรคานวณในตารางทาการ การใช้ฟังก์ช่ันในโปรแกรมตารางทาการ และ การใช้แผนภูมิใน โปรแกรมตารางทาการองคป์ ระกอบสาคญั ในการสร้างสูตร ในการสร้างสูตรใชง้ านตา่ ง ๆ ส่วนประกอบสาคญั ต่อไปน้ีถือเป็นสิ่งสาคญั ซ่ึงจะเป็ นตวั กาหนดผลลพั ธ์ ประกอบดว้ ย เคร่ืองหมายเท่ากบั (=) จะเป็ นตวั ข้ึนตน้ เสมอในการสร้างสูตร เพ่ือเป็นการระบุให้ Excel รู้วา่อกั ขระตวั ถดั ไปเป็นสูตร อาร์กิวเมนต์ หรือองคป์ ระกอบที่จะถูกนามาคานวณไดแ้ ก่ อาร์กิวเมนตต์ ่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นตวั เลขหรือการอา้ งอิงเซลลห์ รือช่วง ป้ ายช่ือ ช่ือ หรือฟังกช์ นั แผน่ งาน ตวั ดาเนินการ ในการคานวณ เช่น เคร่ืองหมาย ( + ) เครื่องหมายหาร ( / ) ลาดบั การคานวณ โดยปกติแลว้ Excel จะลาดบั การคานวณเคร่ืองหมายดงั ต่อไปน้ี ตามลาดบั1. วงเล็บ ( ) 2. คูณ ( * ) หาร ( / ) 3. บวก ( + ) ลบ ( - ) ตามลาดบั การใชง้ านสูตรแบบฟังกช์ นั (Function) เราสามารถใชส้ ูตรแบบฟังกช์ นั ช่วยคานวณขอ้ มลู ท่ีซบั ซอ้ นหรือมดีปริมาณมากได้ ซ่ึงฟังกช์ นั ในExcel เป็นสูตรท่ีกาหนดไวล้ ่วงหนา้ และถูกสร้างใหเ้ หมาะกบั งานเฉพาะอยา่ ง เช่น =SUM(B1:B9)=AVERAGE(A9:A20) =COUNT(A1:A5) ฟังกช์ นั จะแสดงชื่อของฟังกช์ นั แตล่ ะอาร์กิวเมนตข์ องฟังกช์ นั คาอธิบายของฟังกช์ นั และแตล่ ะอาร์กิวเมนต์ ผลลพั ธ์ปัจจุบนั ของฟังกช์ นั ผลลพั ธ์ปัจจุบนั ของท้งั สูตรฟังกช์ นั ที่ซอ้ นกนั ในบางกรณีคุณอาจจะตอ้ งใชฟ้ ังกช์ นั หน่ึงใหเ้ ป็นอาร์กิวเมนตข์ องอีกฟังกช์ นั หน่ึง ตวั อยา่ งเช่น สูตรต่อไปน้ีใชฟ้ ังกช์ นั ซอ้ น AVERAGE และเปรียบเทียบผลลพั ธ์ท่ีไดก้ บั คา่ 50การส่งกลบั ค่าที่ถูกตอ้ ง ในขณะท่ีฟังกช์ นั ซอ้ นถูกใชเ้ ป็นอาร์กิวเมนต์ ฟังกช์ นั ตอ้ งส่งกลบั ชนิดของค่าเหมือนกบั ท่ีอาร์กิวเมนตน์ ้นั ใช้ ยกตวั อยา่ งเช่น หากอาร์กิวเมนตส์ ่งกลบั คา่ TRUE หรือ FALSE ฟังกช์ นัซอ้ นก็จะตอ้ งส่งกลบั ค่า TRUE หรือ FALSE เช่นกนั ถา้ ไม่เป็นเช่นน้นั Microsoft Excel จะแสดงคา่ผดิ พลาด #VALUE! ขอ้ จากดั ของระดบั การซอ้ น สูตรหน่ึงๆ สามารถมีฟังกช์ นั ซอ้ นไดถ้ ึงเจ็ดระดบั เมื่อฟังกช์ นั Bถูกใชเ้ ป็นอาร์กิวเมนตใ์ นฟังกช์ นั A ฟังกช์ นั B จะถือวา่ เป็นฟังกช์ นั ระดบั ที่สอง ตวั อยา่ งเช่น ฟังกช์ นั

18AVERAGE และฟังกช์ นั SUM เป็นฟังกช์ นั ระดบั ที่สองท้งั คู่เพราะวา่ ฟังกช์ นั ท้งั สองเป็ นอาร์กิวเมนตข์ องฟังกช์ นั IF ฟังกช์ นั ซอ้ นที่อยใู่ นฟังกช์ นั AVERAGE จะเป็ นฟังกช์ นั ระดบั ที่สาม20. การใช้งานสูตรแบบอาร์เรย์ (Array)การใชส้ ูตรแบบอาร์เรยส์ ามารถทาหลาย ๆ การคานวณใหค้ ืนค่าเป็นผลลพั ธ์เดียวหรือหลายผลลพั ธ์โดยสูตรอาร์เรยต์ ้งั แต่ เช่น {=SUM((B1:B9)/(A1:A5))} และดา้ นล่างเป็นสูตร Excel ท่ีพบบอ่ ย ๆAVERAGE : ใชห้ าคา่ เฉลี่ยของกลุ่มขอ้ มลู ที่เป็นตวั เลขCOUNT : ใชใ้ นการนบั จานวนที่ระบุDATE : ช่วยกรอกขอ้ มลู ท่ีเป็นวนั ท่ีและสามารถนาไปคานวณระยะเวลาIF : ใชท้ ดสอบเงื่อนไขLARGE : หาคา่ ตวั เลขสูงสุดในกลุ่มของขอ้ มูล โดยระบุช่วงท่ีตอ้ งการMAX : หาคา่ ท่ีสูงสุดในกลุ่มของตวั เลขMIN : หาคา่ ท่ีต่าสุดในกลุ่มของตวั เลขROUND : ปัดเศษจุดทศนิยมตามหลกั คณิตศาสตร์SUM : หาคา่ ผลรวมของตวั เลขVLOOKUP : ช่วยคน้ หาและแสดงขอ้ มลู จากตารางที่กาหนดDATE : ช่วยเกบ็ ขอ้ มลู วนั ที่ และจะเปลี่ยนใหเ้ ป็นเลขหน่ึงเพอื่ นาไปใชค้ านวณหาระยะเวลาNOW : ใหผ้ ลเป็นวนั ที่และเวลาที่มีอยใู่ นเคร่ือง โดยรวมกนั ออกมาเป็ นเลขจานวนหน่ึงTIME : ใหผ้ ลเป็นตวั เลขจานวนหน่ึงจากขอ้ มูลชวั่ โมง นาที และวนิ าที ที่กาหนดให้TODAY : ใหว้ นั ท่ีเป็นตวั เลขจานวนหน่ึง ตามท่ีไดม้ าจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์21. การใช้แผนภูมิในโปรแกรมตารางทาการ การสร้างแผนภูมิ หรือ กราฟ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถแปลงขอ้ มูลตวั เลขต่าง ๆ ในตาราง ใหอ้ ยใู่ นรูปแผนภมู ิแบบต่าง ๆ ได้ โดยง่าย นอกจากน้ี ถา้ มีการเปลี่ยนแปลงขอ้ มลู แผนภมู ิก็จะปรับเปลี่ยนตามไปดว้ ย ซ่ึงนบั วา่สะดวกรวดเร็ว สามารถนาเสนองานไดอ้ ยา่ งดี ตวั อยา่ ง การสร้างกราฟแทง่ เราจะสร้างกราฟแท่ง ตวั อยา่ งแสดงการขายตุก๊ ตา ดงั ตอ่ ไปน้ี วธิ ีการสร้าง มีดงั น้ี เปิ ดไฟล์ Excel ใหม่ จากน้นั ลากแถบสวา่ ง ต้งั แต่ A3 ถึง D6 เพือ่ กาหนดขอบเขตของขอ้ มูลที่จะนาไปทาแผนภมู ิ

19 -คลิก ไอคอน รูป บนแถบเครื่องมือ หรือ ไปท่ีเมนู Insert > Chart ... จะเปิ ด Wizard การสร้างแผนภูมิ -หนา้ จอน้ี เป็นหนา้ จอสาหรับเลือกประเภทของแผนภมู ิ และรูปแบบของแผนภูมิ เราตอ้ งการสร้างกราฟแท่ง ซ่ึงถูกเลือกอยแู่ ลว้ และรูปแบบเป็นแบบแรก ซ่ึงเลือกอยแู่ ลว้ เช่นกนั ใหค้ ลิกป่ ุม Next เพ่ือไปหนา้ จอตอ่ ไป - จะเปิ ดหนา้ จอ เพ่ือกาหนดขอบเขตของขอ้ มลู เนื่องจากเราได้ ลากแถบสวา่ งกาหนดขอบเขตไว้แลว้ จึงเป็นขอ้ มูลที่ถูกตอ้ งแลว้ ใหค้ ลิกป่ ุม Next - จะเปิ ดหนา้ จอ กาหนดรายละเอียดของแผน่ ภมู ิ เช่น ชื่อแผนภูมิ ช่ือแกนตามแนวนอน และชื่อแกนตามแนวต้งั เป็นตน้ -เราตอ้ งการใหแ้ ผนภูมิ แสดงขอ้ มูลเป็นตวั เลขอยใู่ นตารางใตภ้ าพแผนภูมิ ใหค้ ลิกท่ีแถบ DataTable และคลิก ท่ี Show Data Table - ก็จะไดแ้ ผนภมู ิแบบแท่ง ตามตอ้ งการ แต่ถา้ ภาพที่ไดเ้ ล็กเกินไป ใหน้ า เคอร์เซอร์ ไปไวท้ ่ีป่ ุมดาที่เส้นของ เม่ือเคอร์เซอร์ เปลี่ยนเป็นรูปลูกศรสองทาง ใหก้ ดคา้ งไว้ แลว้ ลากขยายออกไป

20โปรแกรมนาเสนองาน22-28. ส่วนประกอบและการใชง้ านในโปรแกรมการนาเสนอผลงาน ถึง การจดั ภาพและมุมมองในโปรแกรมการนาเสนอผลงานพมิ พ์ข้อความเพมิ่ เติมด้วย Text box กรณีที่ตอ้ งการพิมพข์ อ้ ความเพ่ิมเติมนอกเหนือจากออปเจค็ ท่ีแต่ละ Layout มีใหม้ าน้นั ก็จะตอ้ งใชเ้ ครื่องมือในการพิมพเ์ ขา้ มาช่วยกค็ ือ Textbox นนั่ เอง สามารถทาไดด้ งั น้ี 1. คลิกป่ ุม Text Box ท่ีทูลบาร์ Drawing 2. คลิกเมาส์ไปยงั ตาแหน่งที่ตอ้ งการจะพิมพข์ อ้ ความเพ่ิมเติม เมื่อพมิ พเ์ สร็จแลว้ ใหก้ ดแป้ น Escเลือกออปเจค็ ประเภทขอ้ ความ การคลิกเมาส์ที่ออปเจค็ ประเภทขอ้ ความน้นั คอ่ นขา้ งที่จะพิเศษกวา่ ออปเจค็ ประเภทอ่ืน เช่นรูปภาพ ตรงที่วา่ ถา้ หากเป็นออปเจค็ ท่ีไมใ่ ช่ขอ้ ความ ตรงไหนกไ็ ด้ เม่ือคลิกแลว้ จะเป็นการเลือกทนั ที แต่สาหรับการคลิกเมาส์ลงในออปเจค็ ประเภทขอ้ ความไม่เป็ นอยา่ งน้นั เน่ืองจากวา่ ... - กรณีที่คลิกเมาส์ภายในขอ้ ความ เป็นการคลิกเพ่ือเขา้ ไปทาการแกไ้ ขขอ้ ความในออปเจค็น้นั ๆ

21 - แต่ถา้ ไมไ่ ดต้ อ้ งการท่ีจะเขา้ ไปแกไ้ ขขอ้ ความ แตต่ อ้ งการจะเลือกเพ่ือจะจดั การกบั ขอ้ ความน้นั ท้งั ออปเจค็ เช่น ตกแตง่ , กอ๊ บป้ี หรือลบออปเจค็ น้นั ทิ้ง ซ่ึงเทคนิคการเลือกท้งั ออปเจค็ น้นั มีเทคนิคอยู่ 2วธิ ีคือ 1. กดแป้ น Shift แลว้ คลิกท่ีออปเจค็ น้นั หรือ 2. กด Tab ไปเร่ือยๆ จนกระทงั่ ถึงออปเจ็คท่ีตอ้ งการเปล่ียนรูปแบบสไลดด์ ว้ ย Slide Layout การเปล่ียนรูปแบบสไดลด์ ว้ ย Slide Layout มีหลายสาเหตุดว้ ยกนั เช่น จากหวั ขอ้ ก่อนหนา้ น้ีเป็ นเร่ืองของการลบออปเจค็ ประเภทขอ้ ความถา้ หากทาการลบท้งั ออปเจค็ จะเห็นวา่ ขอ้ ความที่เราไดพ้ มิ พเ์ ขา้ ไปน้นั จะหายไป แตค่ งเหลือไวอ้ อปเจค็ ของ Layout น้นั อยู่ แตถ่ า้ หากเผลอหรือลบออปเจค็ ของ Layout น้นัออกไปกจ็ ะสามารถเรียกออปเจค็ น้นั กลบั คืนมาได้ หรือ อีกกรณีหน่ึงคืออาจจะเลือก Layout ผดิ เช่นไปเลือก Title Slide แต่จริงๆ ตอ้ งการใชง้ านOrganization Chart กส็ ามารถใชว้ ธิ ีน้ีไดเ้ ช่นกนั 1. คลิกป่ ุมบน Menu bar เลือก Format>Slide Layout… 2. จะปรากฏ Task Bar ในโหมด Slide Layout ทางดา้ นขวา จากน้นั เลือก Layout ที่ตอ้ งการเพม่ิ สไลด์ การสร้างสไลดใ์ นแต่ละไฟลส์ ามารถสร้างไดต้ ามที่เราตอ้ งการ (ข้ึนกบั ความสามารถของเคร่ืองดว้ ย) เพราะฉะน้นั เมื่อสร้างสไลดแ์ รกเสร็จเรียบร้อย โปรแกรมจะไมม่ ีสไลดต์ ่อไปรอไวใ้ หท้ างานเลยโดยอตั โนมตั ิ แต่ผใู้ ชง้ านจะตอ้ งเป็นผสู้ ั่งเพม่ิ สไลดเ์ องดงั น้ี 1. คลิกเมนู Insert เลือกคาสงั่ New Slide หรือคลิกป่ ุม Insert New Slide บนทลู บาร์ 2. เลือกรูปแบบ Layout ของสไลดท์ างดา้ นขวามือที่ตอ้ งการเรียกใชง้ าน Color Scheme Color Scheme : หมายถึงเป็นการกาหนดค่าสีเริ่มตน้ ต่างๆ เช่น สีของ Drawing Objects,Graph, Text, Hyperlink หรืออ่ืนๆ อีกหลายอยา่ งดว้ ยกนั ซ่ึงในโปรแกรมกจ็ ะมีชุดของ Color Scheme ให้เลือกอยหู่ ลายชุดดว้ ยกนั โดยเรียกใชง้ านไดด้ งั น้ี 1. คลิกเมนู Format จากน้นั เลือกคาสงั่ Slide Design แลว้ กด Drop down list เลือก SlideDesign – Color Schemes บน Task Pane 2. เลือกรูปแบบที่ตอ้ งการจากแถบ Standard 3. หรือจดั รูปแบบข้ึนเองคลิกท่ี Edit Color Schemes แลว้ ไปที่แถบ Custom ปรับเปลี่ยนสีตามตอ้ งการ แลว้ คลิกป่ ุม Apply

22การนารูปภาพสาเร็จใส่ลงในสไลด์ รูปภาพท่ีสามารถนามาเติมลงในสไลด์ อาจเป็ นรูปภาพสาเร็จที่อยู่ คลงั รูปภาพของโปรแกรมหรือ อาจเป็นรูปภาพจากแฟ้ มอ่ืน ๆ ก็ได้ การนาภาพดงั กล่าวมาใชส้ ามารถทาไดด้ งั น้ี การนาภาพจากคลงั รูปภาพ (Clip Art Gallery) 1. เลือกสไลดท์ ี่ตอ้ งการใส่รูปภาพ 2. คลิกเมนู แทรก (Insert) เลือกคาสัง่ รูปภาพ (Picture) เลือก ภาพตดั ปะ (Clip Art) เลือกรูปตามตอ้ งการ แลว้ คลิกป่ ุมแทรก การนาภาพจากโปรแกรมอ่ืนมาใส่ 1. เลือกสไลดท์ ี่ตอ้ งการใส่รูปภาพ 2. คลิกเมนู แทรก (Insert) เลือกคาสง่ั รูปภาพ (Picture) เลือก จากแฟ้ ม (From File) เลือกไดร์โฟลเดอร์และเลือกรูปตามตอ้ งการ แลว้ คลิกป่ ุมแทรก การนาไฟลม์ ลั ติมีเดียใส่ลงในสไลด์ เราสามารถนาไฟลม์ ลั ติมีเดีย ซ่ึงอาจเป็นภาพยนตร์ (Movie) ซ่ึงเป็นภาพเคล่ือนไหว หรือ เสียงเพลง (Sound)มาแสดงร่วมกบั สไลดไ์ ดด้ ว้ ย 1. เลือกสไลดท์ ี่ตอ้ งการ 2. คลิกเมนู แทรก (Insert) เลือกคาสั่ง ภาพยนตร์และเสียง (Movies and Sounds) เลือกภาพยนตร์จาก Cilp Organizer… หรือ เลือกเสียงจาก Cilp Organizer… หรือเลือก เล่นซีดี..ก็ใหใ้ ส่แผน่CD เพลง แลว้ เลือกเพลงที่ตอ้ งการ หรือเสียงจากแฟ้ ม หรือบนั ทึกเสียงก็ได้ ซ่ึงจะตอ้ งมีไมโครโฟนตอ่เขา้ กบั เครื่องดว้ ยมุมมองต่าง ๆ ของสไลด์ มุมมองแบบ Normal View เป็นมุมมองที่จะสามารถมองเห็นรายละเอียดของแต่ละสไลด์ 3 ส่วนดว้ ยกนั คือ หวั ขอ้ ของแตล่ ะสไลด์ (Outline pane), สไลด์ (Slide) และส่วนสุดทา้ ยคือส่วนของคาอธิบายของสไลดน์ ้นั ๆ (Notes pane) มุมมองแบบ Slide Sorter View - เป็นมุมมองท่ีสามารถเห็นไดพ้ ร้อมกนั มากกวา่ 1 สไลดซ์ ่ึงมุมมองแบบน้ีเหมาะสาหรับการยา้ ย สลบั ตาแหน่งของแตล่ ะสไลด์ ก๊อบป้ี สไลดห์ รือแมก้ ระทง่ั การลบสไลด์ กส็ ามารถใชม้ ุมมองน้ีไดเ้ ช่นกนั มุมมองแบบ Slide Show - มุมมองน้ีจะทาใหค้ ุณเห็นสไลดอ์ ยา่ งเตม็ หนา้ จอ ซ่ึงเป็ นมุมมองเพื่อใหค้ ุณไดน้ าเสนองานนน่ั เอง

2322-28. การสร้างภาพเคลอ่ื นไหว ในโปรแกรมการนาเสนอผลงาน การใช้คาสั่งแม่แบบในโปรแกรมการนาเสนอผลงานเทคนิคในการฉายสไลด์ ใส่ลกู เล่นการเปล่ียนสไลด์ด้วย Slide Transition ในการฉายสไลดถ์ า้ หากสไลดห์ น่ึงฉายผา่ นไปเป็ นสไลดต์ อ่ ไปแบบน่ิงๆ คงจะไมเ่ ป็ นที่น่าสนใจหรือน่าดึงดูดใจซกั เท่าไหร่จึงควรท่ีจะใส่ลูกเล่นในการเปลี่ยนสไลดใ์ หด้ ูน่าสนใจมากข้ึนดงั น้ี 1. คลิกเมนู Slide Show แลว้ เลือกคาสง่ั Slide Transition จะปรากฏ Task Pane ในโหมดของ Slide Transition ทางดา้ นขวามือ 2. เลือกรูปแบบท่ีตอ้ งการในช่อง Apply to Selected Slides 3. เลือกระดบั ความเร็วในช่อง Speed 4. เลือกเสียงเมื่อมีการฉายสไลดใ์ นช่อง Sound 5. กาหนดวา่ จะใหส้ ไลดเ์ ปล่ียนไปโดยการ คลิกเมาส์ หรือกาหนดเวลา ที่ช่อง Advance slide 6. คลิกป่ ุม Apply to All Slide ถา้ ตอ้ งการ กาหนดทุกๆ Slide 7. ดูรูปแบบวา่ จะออกมาเป็นอยา่ งไรโดยกด ป่ ุม Play หรือ Slide Show

24ใส่ลูกเล่นให้กบั ออปเจ็คประเภทข้อความ 1. คลิกเมนู Slide Show Transition จะปรากฏ Task Pane ในโหมดของ Slide Transition ทางดา้ นขวามือ จากน้นั เลือกคาสั่ง Custom Animation 2. Click ออปเจค็ ท่ีตอ้ งการ แลว้ กดป่ ุม Add Effect เลือกรูปแบบท่ีตอ้ งการ 3. เมื่อเลือกเสร็จเรียบร้อยชื่อออปเจค็ ที่เลือกจะ ถูกใส่ไวท้ ่ีส่วน Animation order ดา้ นล่าง ซ่ึงสามารถสลบั ลาดบั การเลน่ ลูกเล่นไดจ้ าก ส่วนน้ี โดยการคลิกป่ ุมลูกศรข้ึนหรือลง(Re- Order )ได้ 4. สามารถปรับเปลี่ยนลกั ษณะ Effectที่เกิดจาก การกระทาแบบไหน,ทิศทาง,ความเร็ว โดย เลือกจาก Start, Direction และ Speed 5. สามารถเลือกลูกเล่นและเสียง ตามท่ีตอ้ งการโดยคลิกขวาท่ี รูปแบบ Effect น้นั แลว้ เลือก Effect Option… 6. กาหนดสีท่ีตอ้ งการเปล่ียน หลงั จากลูกเล่นผา่ นไปไดใ้ น ช่อง After animation 7. ดูรูปแบบวา่ จะออกมาเป็นอยา่ งไรโดยกดป่ ุม Play หรือ Slide Showใส่ลูกเล่นให้กบั ชาร์ต บางสไลดท์ ี่มีการสร้างชาร์ตหรือแผนภมู ิไวก้ ็สามารถที่จะใส่ลูกเล่นใหก้ บั ชาร์ตไดด้ งั น้ี

25 1. คลิกเมนู Slide Show Transition จะปรากฏ Task Pane ในโหมดของ Slide Transition ทางดา้ นขวามือ จากน้นั เลือกคาสั่ง Custom Animation 2. Click Chartที่ตอ้ งการ แลว้ กดป่ ุม Add Effect เลือกรูปแบบท่ีตอ้ งการ 3. คลิกป่ ุม OKใช้ Rehearse timing ในการจับเวลาการบรรยาย เป็นการจบั เวลาในการบรรยายวา่ จะตอ้ งใชร้ ะยะเวลาในการบรรยายแตล่ ะสไลดน์ านแค่ไหนเพอื่ จะไดค้ วบคุมเวลาในการบรรยายไดโ้ ดยมีข้นั ตอนดงั น้ี 1. คลิกเมนู Slide Show เลือกคาสั่ง Rehearse timing 2. โปรแกรมจะเริ่มทาการฉายสไลดพ์ ร้อมกบั จบั เวลาไปดว้ ย 3. ใหค้ ลิกป่ ุม Next บนทูลบาร์ Rehearsal เมื่อพดู จบสไลดแ์ รก เพ่อื เลื่อนไปยงั สไลด์ ตอ่ ไป หรือกรณีที่ตอ้ งการหยดุ ชว่ั คราวใหค้ ลิกป่ ุม Pause และตอ้ งการจะจบั เวลาต่อก็ คลิกป่ ุม Pause ซ้าอีกคร้ัง 4. คลิกป่ ุม Repeat ถา้ ตอ้ งการเร่ิมใหมส่ าหรับสไลดน์ ้นั ๆ 5. เมื่อจบแลว้ โปรแกรมจะทาการสรุปเวลาในการบรรยาย ใหค้ ลิกป่ ุม Yesกาหนดเวลาในการเปล่ยี นสไลด์ให้เท่ากนั นอกจากการจบั เวลาดว้ ยวธิ ีขา้ งตน้ แลว้ ก็ยงั สามารถกาหนดเวลาไดอ้ ีกแบบแต่จะเป็ นการต้งั เวลาในการเปลี่ยนสไลดท์ ่ีเท่ากนั ทุกสไลดน์ นั่ เอง โดยมีวธิ ีดงั น้ี 1. คลิกเมนู Slide Show เลือกคาสั่ง Slide Transition 2. กาหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนสไลดแ์ ตล่ ะสไลดใ์ นช่อง Automatically after 3. คลิกป่ ุม Apply to All Slides

26ยกเลกิ เวลาของแต่ละสไลด์ แต่ในบางคร้ังการต้งั เวลาหรือการกาหนดเวลาในการเปล่ียนสไลดน์ ้นั อาจจะไมค่ ่อยยดื หยนุ่ซกั เท่าไหร่ ก็สามารถยกเลิกไดด้ งั น้ี 1. คลิกเมนู Slide Show จากน้นั เลือกคาส่งั Slide Transition 2. ยกเลิกตวั เลือก Automatically after คลิกป่ ุม Apply to All หรือ Applyวิธีซ่อน/แสดงสไลด์ การฉายสไลดบ์ างคร้ังถา้ ไมต่ อ้ งการใหส้ ไลดบ์ างสไลดถ์ ูกฉายออกมาโดยไมต่ อ้ งลบทิ้งกไ็ ด้โดยใชก้ ารซ่อนสไลดน์ น่ั เอง 1. เลือกสไลดท์ ี่ตอ้ งการจะซ่อน 2. คลิกเมนู Slide Show จากน้นั เลือกคาสง่ั Hide Slide

27เทคนิคการใช้คีย์บอร์ดขณะฉายสไลด์ป่ มุ คยี ์บอร์ด ความหมายS คร้ังแรกเป็นการหยดุ การฉายสไลด์ (Stop) ถา้ กดซ้าจะเป็นการฉายสไลด์ ต่อ (Start)A คร้ังแรกจะเป็นการแสดงตวั ช้ีเมาส์ กดซ้าจะเป็นการซ่อนตวั ช้ีเมาส์Ctrl + P เปลี่ยนจากตวั ช้ีเมาส์เป็ นปากกาCtrl + A เปลี่ยนจากปากกาเป็นตวั ช้ีเมาส์B ดบั หนา้ จอการฉายสไลดใ์ หเ้ ป็นสีดาWตวั เลข  ดบั หนา้ จอการฉายสไลดใ์ หเ้ ป็นสีขาว เล่ือนไปยงั สไลดท์ ี่ตอ้ งการEnterEsc ยกเลิกการฉายสไลด์อนิ เตอร์เน็ต 29-34. ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ถงึ บริการต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพวิ เตอร์เน็ตเวริ ์ก (computer network) คือ ระบบการส่ือสารระหวา่ งคอมพิวเตอร์จานวนต้งั แตส่ องเคร่ืองข้ึนไป ซ่ึงปัจจุบนั เครือข่ายที่รู้จกั กนั ดีมีอยู่ 3 แบบ ไดแ้ ก่ 1. เครือข่ายภายใน หรือ แลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือขา่ ยที่ใชใ้ นการ เชื่อมโยงกนั ในพ้นื ท่ีใกลเ้ คียงกนั เช่นอยใู่ นหอ้ ง หรือภายในอาคารเดียวกนั 2. เครือข่ายวงกวา้ ง หรือ แวน (Wide Area Network: WAN) เป็นเครือข่ายที่ใชใ้ นการ เช่ือมโยงกนั ในระยะทางท่ีห่างไกล อาจจะเป็น กิโลเมตร หรือ หลาย ๆ กิโลเมตร 3. เครือข่ายงานบริเวณนครหลวง หรือ แมน (Metropolitan area network : MAN) และยงั มีอีกสองเครือขา่ ยท่ียงั มีเพ่ิมเติมอีกคือ 4. เครือข่ายของการติดต่อระหวา่ งไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือ แคน (Controller area network) :CAN) เป็นเครือขา่ ยท่ีใชต้ ิดต่อกนั ระหวา่ งไมโครคอนโทรลเลอร์ (Micro Controller unit: MCU) 5. เครือขา่ ยส่วนบุคคล หรือ แพน (Personal area network) : PAN) เป็นเครือข่ายไร้สาย อินเทอร์เน็ต (องั กฤษ: Internet) ยอ่ มาจากคาวา่ Inter-Connection Network หมายถึง เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเช่ือมตอ่ ระหวา่ งเครือข่ายหลายๆ เครือขา่ ยทวั่ โลก โดยใชภ้ าษาที่ใช้สื่อสารกนั ระหวา่ งคอมพิวเตอร์ที่เรียกวา่ โพรโทคอล (Protocol) ผใู้ ชเ้ ครือขา่ ยน้ีสามารถสื่อสารถึงกนั ได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อีเมล์ เวบ็ บอร์ด และสามารถสืบคน้ ขอ้ มลู และข่าวสารตา่ งๆ รวมท้งั คดั ลอกแฟ้ มขอ้ มลู และโปรแกรมมาใชไ้ ด้

28 ปัจจุบนั (มกราคม 2553) ประเทศไทยมี Internet Bandwidth ในประเทศ 110 Gbps และInternational Internet Bandwidth 110 Gbps โดยจดั เป็นบริการในรูปแบบตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. เวลิ ดไ์ วดเ์ วบ็ (World Wide Web : WWW) คือบริการคน้ หาและแสดงขอ้ มูลแบบมลั ติมีเดียบนอินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซ่ึงขอ้ มลู และสารสนเทศอาจจดั อยใู่ นรูปแบบของขอ้ ความ รูปภาพ หรือ เสียงก็ได้ ขอ้ ดีของบริการประเภทน้ีคือ สามารถเชื่อมโยงไปยงั เวบ็ เพจหนา้ อ่ืน หรือเวบ็ ไซดอ์ ื่นไดง้ ่าย เพราะใชว้ ธิ ีการของไฮเปอร์เทก็ ซ์ (Hypertext) โดยมีการทางานแบบไคลเอนท/์ เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซ่ึงผใู้ ชส้ ามารถคน้ หาขอ้ มลู จากเคร่ืองท่ีใหบ้ ริการซ่ึงเรียกวา่ เวบ็ เซิร์ฟเวอร์ โดยอาศยั โปรแกรม ท่ีใชด้ ูขอ้ มลูเวบ็ เบราวเ์ ซอร์ (Web Browser) 2. จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Mail) หรือนิยมเรียกกนั ทว่ั ไปวา่ “อีเมล”์ (E-mail) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสาร ระหวา่ งกนั และกนั บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีประสิทธิภาพมากท่ีสุดสามารถส่งขอ้ ความ ไปยงั สมาชิกที่ติดต่อดว้ ย โดยใชเ้ วลาเพียงไมก่ ี่นาที และสามารถแนบไฟลข์ อ้ มลู ไปพร้อมกบั จดหมายไดอ้ ีกดว้ ย การส่งจดหมายในลกั ษณะน้ี จะตอ้ งมีท่ีอยเู่ หมือนกบั การส่งจดหมายปกติ แต่ที่ของจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ เราเรียกวา่ E-mail Address 3. การโอนยา้ ยขอ้ มลู (FTP : File Transfer Protocol) เป็นรูปแบบการติดตอ่ ส่ือสารขอ้ มูล บนเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต อีกรูปแบบหน่ึง ใชส้ าหรับการโอนยา้ ยขอ้ มลู ระหวา่ งผใู้ ชโ้ ปรแกรม FTP กบั FTPServer การโอนยา้ ยไฟลจ์ าก FTP Server มายงั เคร่ืองของผใู้ ช้ เรียกวา่ ดาวน์โหลด (Download) และการโอนยา้ ยไฟล์ จากเครื่องคอมพวิ เตอร์ของผใู้ ช้ ไปยงั ไปยงั FTP Server เรียกวา่ อพั โหลด 4. การสืบคน้ ขอ้ มลู (Search Engine) คือ บริการท่ีใชใ้ นการคน้ หาขอ้ มลู ทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพข์ อ้ ความที่ตอ้ งการสืบคน้ โปรแกรมประเภทน้ีเราเรียกวา่ Search Engines เพราะฉะน้นั ถา้ เราไม่สามารถจาชื่อเวบ็ ไซด์ บางเวบ็ ได้ ก็สามารถใชว้ ธิ ีการสืบคน้ ขอ้ มลู เช่น google.com , yahoo.com ,sanook.com เป็นตน้ 5. การสนทนากบั ผอู้ ื่นบนอินเทอร์เน็ต จะคลา้ ยกบั การใชโ้ ทรศพั ทแ์ ตแ่ ตกต่างกนั ที่ เป็นการสื่อสาร ผา่ นเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงจะใชไ้ มโครโฟน และลาโพงท่ีต่ออยกู่ บั คอมพิวเตอร์ในการสนทนา 6. กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net) เป็นบริการกระดานข่าวอิเลก็ ทรอนิกส์ สาหรับผใู้ ชง้ านอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร และแสดงความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานขา่ วได้ 7. การส่ือสารดว้ ยขอ้ ความ IRC (Internet Relay Chat) เป็นการติดต่อส่ือสารกบั ผอู้ ื่น โดยการพมิ พข์ อ้ ความโตต้ อบกนั ซ่ึงจานวนผรู้ ่วมสนทนาอาจมีหลายคนในเวลาเดียวกนั ทุกคนจะเห็นขอ้ ความ ที่แตล่ ะคนพิมพเ์ หมือนกบั วา่ กาลงั นงั่ สนทนาอยใู่ นหอ้ งเดียวกนั โปรแกรมท่ีใชใ้ นการติดต่อสื่อสารไดแ้ ก่

29โปรแกรม MSN Facebook Twister แลว้ ในปัจจุบนั น้ีภายในเวบ็ ไซต์ ยงั เปิ ดใหบ้ ริการหอ้ งสนทนาผา่ นทางโปรแกรมเวบ็ เบราเซอร์ไดอ้ ีกดว้ ย 35. จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใชง้ านคอมพวิ เตอร์ มาตรฐานการส่ือสารทางอินเตอร์เน็ต ความหมายจริยธรรมคอมพวิ เตอร์ เป็นหลกั เกณฑท์ ี่ประชาชนตกลงร่วมกนั เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการปฏิบตั ิร่วมกนั สาหรับตวั อยา่ งของการกระทาท่ียอมรับกนั โดยทว่ั ไปวา่ เป็นการกระทาที่ผดิ จริยธรรม เช่น 1. การใชค้ อมพิวเตอร์ทาร้ายผอู้ ื่นใหเ้ กิดความเสียหายหรือก่อความราคาญ 2. การใชค้ อมพิวเตอร์ในการขโมยขอ้ มูล 3. การเขา้ ถึงขอ้ มลู หรือคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต 4. การละเมิดลิขสิทธ์ิซอฟตแ์ วร์ โดยทวั่ ไปเม่ือพิจารณาถึงจริยธรรมเก่ียวกบั การใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์และสารสนเทศ แลว้จะกล่าวถึงใน 4 ประเด็น ท่ีรู้จกั กนั ในลกั ษณะตวั ยอ่ วา่ PAPA ประกอบดว้ ย 1. ความเป็นส่วนตวั (Information Privacy) 2. ความถูกตอ้ ง (Information Accuracy) 3. ความเป็นเจา้ ของ (Intellectual Property) 4. การเขา้ ถึงขอ้ มูล (Data Accessibility) ในประเทศไทยไดม้ ีการร่างกฎหมายท้งั สิ้น 6 ฉบบั คือ 1. กฎหมายเก่ียวกบั ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 2. กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ 3. กฎหมายเก่ียวกบั อาชญากรรมคอมพวิ เตอร์ 4. กฎหมายเกี่ยวกบั การโอนเงินทางอิเลก็ ทรอนิกส์ 5. กฎหมายเก่ียวกบั การคุม้ ครองขอ้ มลู ส่วนบุคคล 6. กฎหมายลาดบั รอง รัฐธรรมนูญ มาตรา 78 หรือกฎหมายเกี่ยวกบั การพฒั นา โครงสร้าง พ้นื ฐานสารสนเทศ วธิ ีการป้ องกนั การเขา้ ถึงขอ้ มูลและคอมพวิ เตอร์ 1) การใช้ username หรือ user ID และ รหสั ผา่ น (password) ผใู้ ชค้ วรเปลี่ยนแปลงดว้ ยตนเองในภายหลงั และควรหลีกเลี่ยงการกาหนดรหสั ที่เป็ นวนั เกิด หรือรหสั อ่ืนๆ ท่ี แฮกเกอร์สามารถเดาได้

30 2) การใชว้ ตั ถุใด ๆ เพอื่ การเขา้ สู่ระบบ ไดแ้ ก่ บตั ร หรือกุญแจ ซ่ึงรหสั ผา่ นไม่ควรใชป้ ี เกิด หรือจดลงในบตั ร 3) การใชอ้ ุปกรณ์ทางชีวภาพ (biometric device) เป็นการใชอ้ ุปกรณ์ท่ีตรวจสอบลกั ษณะส่วนบุคคลเพอื่ การอนุญาตใชโ้ ปรแกรม ระบบ หรือการเขา้ ใชห้ อ้ งคอมพิวเตอร์ 4) ระบบเรียกกลบั (callback system) เป็นระบบที่ผใู้ ชร้ ะบุชื่อและรหสั ผา่ นเพือ่ ขอเขา้ ใชร้ ะบบปลายทาง หากขอ้ มลู ถูกตอ้ ง คอมพิวเตอร์กจ็ ะเรียกกลบั ใหเ้ ขา้ ใชง้ านเอง อยา่ งไรก็ตามการใชง้ านลกั ษณะน้ีจะมีประสิทธิภาพมากข้ึนถา้ ผขู้ อใชร้ ะบบใชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์จากตาแหน่งเดิม คือ จากบา้ น หรือที่ทางาน (หมายเลขโทรศพั ทเ์ ดิม)ในขณะท่ีการใชค้ อมพิวเตอร์แบบพกพาอาจตอ้ งเปลี่ยนหมายเลขโทรศพั ท์ ทาใหเ้ กิดความเส่ียงมากกวา่ขอ้ ควรระวงั และแนวทางการป้ องกนั การใชเ้ ครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 1. ขอ้ ควรระวงั ก่อนเขา้ ไปในโลกไซเบอร์ Haag ไดเ้ สนอกฎไว้ 2 ขอ้ คือ ถา้ คอมพวิ เตอร์มีโอกาสถูกขโมย ใหป้ ้ องกนั โดยการล็อกมนั และถา้ ไฟลม์ ีโอกาสท่ีจะถูกทาลาย ใหป้ ้ องกนั ดว้ ยการสารอง (backup) 2. ขอ้ ควรระวงั ในการเขา้ ไปยงั โลกไซเบอร์ ถา้ ท่านซ้ือสินคา้ และบริการผา่ นอินเทอร์เน็ต ใหพ้ ิจารณาขอ้ พงึ ระวงั ต่อไปน้ี 1) บตั รเครดิตและการแอบอา้ ง 2) การป้ องกนั ขอ้ มูลส่วนบุคคล 3) การป้ องกนั การติดตามการท่องเวบ็ ไซต์ 4) การหลีกเลี่ยงสแปมเมล์ 5) การป้ องกนั ระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย 6) การป้ องกนั ไวรัสคอมพวิ เตอร์ ติดตามขา่ วสารเก่ียวกบั การป้ องกนั การก่อกวนและทาลายขอ้ มูลไดท้ ี่ ศูนยป์ ระสานงานการรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์ ประเทศไทย(http://thaicert.nectec.or.th/)

31


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook