Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดอกไม้ประจำจังหวัดภาคอีสาน

ดอกไม้ประจำจังหวัดภาคอีสาน

Published by คุณ ทิว, 2022-01-25 04:44:23

Description: ดอกไม้ประจำจังหวัดภาคอีสาน

Search

Read the Text Version

ดอกไมป้ ระจาํ จงั หวัด หนองคาย ดอกชงิ ชัน ลกั ษณะของดอกชงิ ชัน สําหรับต้นชิงชันน้ันเป็ นไม้ขนาดใหญ่ถึงขนาดกลาง โดยมลี าํ ต้นสูงประมาณ 25 เมตร เปลือกของ ต้นน้ันมสี ีนํา้ ตาลอมเทา เปลือกหนา ซ่ึงมรี ากแก้วทีย่ าวมาก และมปี มรากถ่ัว ส่วนใบมสี ีแดง บางใบ เกลยี้ ง บางใบอาจมขี นขนึ้ อยู่เบาบาง รูปทรงรี ปลายมน หรือหยกั เว้าน้อยๆ และดอกของต้นชิงชัน น้ันจะออกดอกทกุ ปี ในประมาณเดือนมนี าคม – พฤษภาคม และเมลด็ โดยส่วนมากมกั จะมเี พยี ง เมลด็ เดียว หรือ 2 – 3 เมลด็ สีนํา้ ตาล มรี ูปร่างคล้ายกบั รูปไต

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด สกลนคร ดอกอนิ ทลินนาํ้ ลกั ษณะของดอกอนิ ทลนิ นา้ํ ต้นอนิ ทนิลนํา้ เป็ นพนั ธ์ุไม้ทมี่ ถี ิน่ กาํ เนิดในประเทศไทย โดยจดั เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางถงึ ขนาด ใหญ่ เจริญเติบโตเร็วหากปลกู ในทเี่ หมาะสม ต้นมคี วามสูงประมาณ 5-20 เมตร ลาํ ต้นเลก็ และมกั คด งอ แต่พอใหญ่ขนึ้ จะเปลา ตรง เป็ นไม้ผลดั ใบแต่ผลใิ บใหม่ไว โคนต้นไม้ไม่ค่อยพบพพู อน มกั มกี ง่ิ ใหญ่แตกจากลาํ ต้นสูงเหนือจากพืน้ ดนิ ขนึ้ มาไม่มาก จงึ มเี รือนยอดทแี่ ผ่กว้าง เป็ นพ่มุ ลกั ษณะคล้าย รูปร่มและคลมุ ส่วนโคนต้นเลก็ น้อยเท่าน้ัน (ถ้าเป็ นต้นทขี่ นึ้ ตามธรรมชาตใิ นป่ ามกั จะมเี รือนยอด คลมุ ลาํ ต้นประมาณ 9/10 ส่วนของความสูงของต้น) ส่วนผวิ เปลือกต้นอนิ ทนิลนํา้ จะมสี ีเทาหรือสี นํา้ ตาลอ่อน มกั จะมรี อยด่าง ๆ เป็ นดวงขาว ๆ อยู่ทวั่ ไป ผวิ เปลือกจะค่อนข้างเรียบ ไม่แตกเป็ นร่อง หรือเป็ นรอยแผลเป็ น เปลือกมคี วามหนาประมาณ 1 เซนตเิ มตร ทเ่ี ปลือกในจะออกสีม่วง นิยม ขยายพนั ธ์ุด้วยวธิ ีการเพาะเมลด็ มกั พบขนึ้ ตามทรี่ าบล่มุ ทชี่ ื้นแฉะทว่ั ไป รวมไปถงึ บริเวณริมฝ่ัง แม่นํา้ ลาํ ห้วย หรือในป่ าเบญจพรรณชื้นและป่ าดงดบิ ของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ แต่จะพบได้มากสุดตามป่ าดงดบิ ทางภาคใต้ และยงั พบในป่ าพรุ หรือป่ าบึงในของภาคใต้อกี ด้วย นอกจากนีต้ ้นอนิ ทนิลนํา้ ยงั เป็ นพนั ธ์ุไม้ประจําจังหวดั ระนองและ จงั หวดั สกลนครอกี ด้วย

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด หนองบวั ลาํ ภู ดอกบวั หลวง ลกั ษณะดอกบัวหลวง บวั เป็ นไม้นาํ้ อายุหลายปี มเี หง้าใต้ดนิ ยาวและเป็ นปล้อง ใบเด่ยี ว รูปโล่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 30-60 ซม. ผวิ ใบมนี วล ก้านใบยาวชูขนึ้ เหนือนํ้า ดอกเดย่ี ว แทงออกจากเหง้า ด้านดอกยาว ชูดอกขนึ้ เหนือนํ้า กลบี ดอกสีขาวหรือชมพู เกสรตัวผู้สีเหลืองจํานวนมาก ตดิ อยู่ รอบฐานดอกรูปกรวย ผลแห้ง รูปรี จํานวนมาก ฝังอยู่ในฐานรองดอกลกั ษณะทวั่ ไปของบวั

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด เลย ดอกรองเทา้ นารีเหลอื งเลย ลกั ษณะดอกรองเทา้ นารีเหลืองเลย เป็ นกล้วยไม้แบบ sympodial แบบไม่มลี าํ ลูกกล้วย ระบบรากเป็ นแบบรากกง่ึ ดนิ ออกเป็ นกระจุกที่ โคนต้นและมกั ทอดไปทางด้านราบมาก กว่าหยง่ั ลกึ ลงไปในดนิ ใบรูปขอบขนาน ออกดอกเดยี่ ว กว้างประมาณ 8 ซม. ก้านดอกยาวและต้งั ตรงสีเขยี ว มขี นส้ันสีม่วงแดงจาํ นวนมาก กลบี เลยี้ งบนรูป ไข่กลบั โคนกลบี สีนํา้ ตาลอมเหลือง ปลายกลบี สีเขยี ว กลบี ดอกรูปแถบแกมรูปไข่กลบั โคนสีเขยี ว ปลายสีม่วงอมชมพู ขอบ ด้านบนหยกั เป็ นคลื่น มขี นปกคลมุ ทว่ั ท้งั กลบี กลบี ปากเป็ นถุงลกึ สีเหลือ งอมเขยี วมจี ุดเลก็ ๆ สีนํา้ ตาล ออกดอกช่วงเดือนธันวาคมถึงมนี าคม

ดอกไมป้ ระจาํ จงั หวัด มุกดาหาร ดอกช้างน้าว ลกั ษณะดอกช้างน้าว ต้นช้างน้าว มีถนิ่ กาํ เนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทย ลาว พม่า มาเลเซีย เขมร) โดยจดั เป็ นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มขนาดเลก็ เป็ นไม้ ผลดั ใบ มีความสูงของต้นประมาณ 3-8 เมตรและอาจสูงได้ถงึ 12 เมตร กงิ่ ก้านแผ่ขยายออก ลาํ ต้นมกั คดงอ เปลือกต้นเป็ นสีนํา้ ตาล เข้ม แตกเป็ นสะเกด็ เป็ นร่องลกึ ตามปลายกง่ิ มกี าบหุ้มตาลกั ษณะแขง็ และแหลม ขยายพนั ธ์ุด้วยวิธีการใช้เมลด็ การตอนกงิ่ และวิธีการ ปักชํากง่ิ เป็ นพนั ธ์ุไม้ที่เจริญเตบิ โตได้ช้า เตบิ โตได้ในสภาพดนิ ทุกชนิดแม้พื้นท่ีแห้งแล้ง แต่ชอบดนิ ร่วน ระบายนํ้าได้ดี ไม่ชอบนํ้า ท่วมขงั ต้องการนํา้ และความชื้นปานกลาง ชอบแสงแดดจัด ทนแล้งและทนไฟป่ าได้ดี ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน สามารถพบได้ ตามป่ าเบญจพรรณ ป่ าดิบแล้ง ป่ าเต็งรัง ป่ าสน และป่ าชายหาด ที่ระดบั ความสูงใกล้ระดับนํา้ ทะเลจนถงึ ประมาณ 1,200 เม

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด อุดรธานี ดอกทองกวาว ลกั ษณะดอกทองกวาว ต้นทองกวาว มถี น่ิ กาํ เนิดในแถบเอเชียใต้ จากประเทศไทย ลาว กมั พูชา เวยี ดนาม มาเลเซีย ศรีลงั กา เนปาล บงั กลาเทศ ปากสี ถาน อนิ เดยี และในแถบทางภาคตะวนั ตกของอนิ โดนีเซีย โดยจดั เป็ นไม้ยืน ต้นขนาดกลาง มคี วามสูงประมาณ 12-18 เมตร กง่ิ อ่อนมขี นละเอยี ดสีนํา้ ตาลหนา ลกั ษณะของการ แตกกงิ่ ก้านจะเป็ นไปในทศิ ทางทไ่ี ม่เป็ นระเบียบ ส่วนเปลือกต้นจะเป็ นป่ มุ ปม ขยายพนั ธ์ุด้วยการ เพาะเมลด็ หรือการใช้กงิ่ ปักชํา

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด กาฬสนิ ธุ์ ดอกพะยอม ลกั ษณะดอกพะยอม ต้นพะยอม (ต้นพยอม) มถี ่ินกาํ เนิดในประเทศไทยและเอเชีย เช่น ประเทศพม่า ลาว ศรีลงั กา และ ฟิ ลปิ ปิ นส์ จัดเป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ ผลดั ใบ มคี วามสูงประมาณ 15-20 เมตร เส้น ผ่านศูนย์กลางของลาํ ต้นอาจยาวถงึ 300 เซนติเมตร เปลือกต้นมสี ีนํา้ ตาลหรือสีเทาเข้ม แตกเป็ นร่อง ตามยาวและเป็ นสะเกด็ หนา ส่วนเนื้อไม้มสี ีเหลืองถึงสีนํา้ ตาล ลกั ษณะของต้นเป็ นทรงพ่มุ กลม สวยงามมาก แตกกงิ่ ก้านจํานวนมาก ถ้าหากปลูกในทโ่ี ล่งแจ้งและไม่มพี รรณไม้ใหญ่ชนิดอ่ืนอยู่ใกล้ ๆ เป็ นต้นไม้ทส่ี วยโดยธรรมชาติ ไม่จาํ เป็ นต้องทาํ การตดั แต่งกงิ่ แต่อย่างใด ขยายพนั ธ์ุด้วยวธิ ีการ เพาะเมลด็ และการตอนกงิ่ ซึ่งในปัจจุบันพนั ธ์ุไม้ชนิดนีก้ าํ ลงั เริ่มลดน้อยลงไปเร่ือย ๆ โดยสามารถ พบได้ตามป่ าเบญจพรรณแล้งและชื้น หรือป่ าดิบแล้งทว่ั ไป ทุกภาคของประเทศทค่ี วามสูงจาก ระดับนํา้ ทะเล 60-1,200 เมตร และดอกพะยอมยงั เป็ นดอกไม้ประจําจังหวดั กาฬสินธ์ุด้วย

ลกั ษณะ ดอกไม้ประจาํ จังหวัด ขอนแก่น ดอกราชพฤกษ์ ดอกราชพฤกษ์ เป็ นต้นไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็ นช่อสีเหลืองอร่าม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 เซนตเิ มตร โดยกลบี ดอก จะเป็ นสีเหลือง 5 กลบี มีผลยาวประมาณ 30-60 เซนตเิ มตร มีกลน่ิ ฉุน และมีเมลด็ ท่ีเป็ นพษิ

ดอกไม้ประจาํ จังหวัด อาํ นาจเจริญ ดอกทองกวาว ลกั ษณะดอกทองกวาว ต้นทองกวาว มถี ่นิ กาํ เนิดในแถบเอเชียใต้ จากประเทศไทย ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม มาเลเซีย ศรีลงั กา เนปาล บงั กลาเทศ ปากสี ถาน อนิ เดีย และในแถบทางภาคตะวนั ตกของอนิ โดนีเซีย โดยจดั เป็ นไม้ยืน ต้นขนาดกลาง มคี วามสูงประมาณ 12-18 เมตร กง่ิ อ่อนมขี นละเอยี ดสีนํา้ ตาลหนา ลกั ษณะของการ แตกกงิ่ ก้านจะเป็ นไปในทศิ ทางทไ่ี ม่เป็ นระเบียบ ส่วนเปลือกต้นจะเป็ นป่ มุ ปม ขยายพนั ธ์ุด้วยการ เพาะเมลด็ หรือการใช้กง่ิ ปักชํา

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด ยโสธร ดอกบวั แดง ลกั ษณะ ดอกบวั แดง ต้นบวั สาย บัวสายน้ันมถี น่ิ กาํ เนิดในเขตที่ราบล่มุ ของทวีปเอเชีย ซ่ึงรวมไปถงึ ประเทศไทยด้วย จงึ เป็ นพืชพืน้ บ้านด้งั เดมิ ท่ีคนไทย รู้จกั คุ้นเคยมาเน่ินนานแล้วจดั เป็ นพืชนํา้ อายุหลายปี เป็ นสายพนั ธ์ุด้งั เดมิ ของไทย มีเหง้าอยู่ใต้ดินรากฝกั อยู่ในโคลนเลน ก้านอยู่ใต้นํา้ ส่วนก้านดอกอ่อนมเี ปลือกลอกออกได้เป็ นสายใย ผวิ เกลยี้ งและไม่มหี นาม เจริญเตบิ โตได้ในดินเหนียวที่มอี นิ ทรียวตั ถุสูง และ เจริญเตบิ โตได้ดีในระดับนํ้าลกึ ประมาณ 0.3-1 เมตร ขยายพันธ์ุด้วยวธิ ีการใช้เหง้าและเมลด็

ดอกไมป้ ระจาํ จังหวัด อุบลราชธานี ดอกบวั หลวง ลกั ษณะดอกบัวหลวง บวั เป็ นไม้นํา้ อายุหลายปี มีเหง้าใต้ดนิ ยาวและเป็ นปล้อง ใบเดยี่ ว รูปโล่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 30-60 ซม. ผวิ ใบมนี วล ก้านใบยาวชูขนึ้ เหนือนํ้า ดอกเดย่ี ว แทงออกจากเหง้า ด้านดอกยาว ชูดอกขนึ้ เหนือนํ้า กลบี ดอกสีขาวหรือชมพู เกสรตัวผู้สีเหลืองจาํ นวนมาก ตดิ อยู่ รอบฐานดอกรูปกรวย ผลแห้ง รูปรี จาํ นวนมาก ฝังอยู่ในฐานรองดอกลกั ษณะทวั่ ไปของบวั

ดอกไม้ประจาํ จังหวัด ร้อยเอด็ ดอกอนิ ทนิล ลกั ษณะดอกอนิ ทนิล ต้นอนิ ทนิลนํา้ เป็ นพนั ธ์ุไม้ทม่ี ถี ่นิ กาํ เนิดในประเทศไทย โดยจดั เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางถงึ ขนาด ใหญ่ เจริญเตบิ โตเร็วหากปลกู ในทเี่ หมาะสม ต้นมคี วามสูงประมาณ 5-20 เมตร ลาํ ต้นเลก็ และมกั คด งอ แต่พอใหญ่ขนึ้ จะเปลา ตรง เป็ นไม้ผลดั ใบแต่ผลใิ บใหม่ไว โคนต้นไม้ไม่ค่อยพบพูพอน มกั มีกง่ิ ใหญ่แตกจากลาํ ต้นสูงเหนือจากพืน้ ดนิ ขนึ้ มาไม่มาก จงึ มเี รือนยอดทแ่ี ผ่กว้าง เป็ นพ่มุ ลกั ษณะคล้าย รูปร่มและคลมุ ส่วนโคนต้นเลก็ น้อยเท่าน้ัน (ถ้าเป็ นต้นทขี่ นึ้ ตามธรรมชาตใิ นป่ ามกั จะมเี รือนยอด คลมุ ลาํ ต้นประมาณ 9/10 ส่วนของความสูงของต้น) ส่วนผวิ เปลือกต้นอนิ ทนิลนํา้ จะมสี ีเทาหรือสี นํา้ ตาลอ่อน มกั จะมรี อยด่าง ๆ เป็ นดวงขาว ๆ อยู่ทว่ั ไป ผวิ เปลือกจะค่อนข้างเรียบ ไม่แตกเป็ นร่อง หรือเป็ นรอยแผลเป็ น เปลือกมคี วามหนาประมาณ 1 เซนตเิ มตร ทเ่ี ปลือกในจะออกสีม่วง นิยม ขยายพนั ธ์ุด้วยวธิ ีการเพาะเมลด็ มกั พบขนึ้ ตามทร่ี าบล่มุ ทีช่ ื้นแฉะทว่ั ไป รวมไปถึงบริเวณริมฝ่ัง แม่นํา้ ลาํ ห้วย หรือในป่ าเบญจพรรณชื้นและป่ าดงดบิ ของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ แต่จะพบได้มากสุดตามป่ าดงดบิ ทางภาคใต้ และยงั พบในป่ าพรุ หรือป่ าบึงในของภาคใต้อกี ด้วย นอกจากนีต้ ้นอนิ ทนิลนํา้ ยงั เป็ นพนั ธ์ุไม้ประจาํ จังหวดั ระนองและ จงั หวดั สกลนครอกี ด้วย

ดอกไม้ประจาํ จังหวัด มหาสารคาม ดอกกล่ันทมขาว ลกั ษณะดอกกล่ันทมขาว เป็ นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเลก็ แตกกง่ิ ก้านสาขาออกไป มกี ง่ิ ก้านทเี่ ปราะและอ้มุ นํา้ ลาํ ต้นสูง ประมาณ 4-6 เมตร และมนี ํา้ ยางสีขาว ใบออกเป็ นใบเดย่ี วเรียงสลบั กนั ไปแบบข้นั บันได แต่ใบจะ ไปดกทป่ี ลายกง่ิ ลกั ษณะของใบเป็ นรูปไข่กลบั ตรงปลายมน โคนใบสอบแคบ ขอบใบเรียบ ด้านบน มผี วิ มนั สีเขยี วเข้ม ส่วนด้านล่างมขี นส้ันๆ ประปราย และมองเหน็ เส้นใบได้ชัดเจน ขนาดของใบ กว้างประมาณ2-3.5 นิว้ ก้านใบยาว 2-2.5 นิว้ ออกดอกเป็ นช่ออยู่ตรงส่วนยอดของต้น ดอกเป็ นรูป กรวย ภายในหลอดดอก จะมขี นประปราย ผลเป็ นฝักยาวเรียบ มผี วิ เกลยี้ งยาวประมาณ 6-11 นิว้ ภายในมเี มลด็ เป็ นรูปแบนๆ อยู่เป็ นจํานวนมาก

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด ชัยภมู ิ ดอกกระเจยี ว ลกั ษณะดอกกระเจยี ว ต้นกระเจียวแดง จดั เป็ นพรรณไม้ล้มลกุ มเี หง้าอยู่ใต้ดิน อยู่ได้นานหลายปี มคี วามสูงได้ประมาณ 40-60 เซนติเมตร อาจขนึ้ เป็ นต้นเดียวหรือหลายต้นรวมกนั เป็ นกอ มคี วามสูงได้ประมาณ 20-60 เซนติเมตร มเี หง้าใหญ่รูปรี อยู่ในแนวดิ่ง ผวิ เป็ นสีนาํ้ ตาล ภายในเป็ นสีขาว ขยายพนั ธ์ุด้วยเหง้า มี เขตการกระจายพนั ธ์ุในพม่าตอนเหนือ ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค โดยมกั ขนึ้ ตามป่ าดบิ ทว่ั ไป ป่ า เบญจพรรณ ป่ าเตง็ รัง และทโี่ ล่งทว่ั ไป

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด นครราชสมี า ดอกสาธร ลกั ษณะดอกสาธร สาธรเป็ นไม้ทพ่ี บขนึ้ ในป่ าเบญจพรรณใกล้แหล่งนํา้ ทวั่ ๆ ไปในพืน้ ทท่ี ส่ี ูงจากระดับนํา้ ทะเลไม่ เกนิ 600 เมตร เป็ นไม้ต้นขนาดกลางผลดั ใบ สูง 18-20 เมตร เรือนยอดกลมหรือทรงกระบอก เปลือก ต้นสีเทาเรียบหรือแตกเป็ นสะเกด็ เลก็ ๆ ตื้น ๆ เนื้อไม้สีขาวอมนํา้ ตาล แก่นสีนํ้าตาลอมดาํ เรือนยอด เป็ นพ่มุ ทบึ ใบอ่อนและยอดอ่อนมขี นยาวอ่อนน่ิมคล้ายเส้นไหมปกคลมุ อยู่ ใบเป็ นใบประกอบรูปขน นกเรียงสลบั ใบย่อยติดเป็ นคู่ตรงกนั ข้าม 3-5 คู่ ปลายสุดเป็ นใบเดยี่ วแผ่นใบย่อย รูปรี กว้าง 3- 5.5 เซนตเิ มตร ยาว 5-12 เซนตเิ มตร ปลายแหลม โคนมน ด้านล่างใบสีอ่อนกว่าด้านบน ใบแก่เกลยี้ ง ดอกออกเป็ นช่อกระจายแยกแขนงสีขาว ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร ออกพร้อมใบอ่อน รูปดอกถ่ัว กลบี ดอก 5 กลบี กลบี เลยี้ ง 4 กลบี ติดกนั เป็ นหลอดส้ัน ออกรวมกนั เป็ นช่อตามง่ามใบและปลายกง่ิ ออกดอกช่วงเดือนมนี าคม-พฤษภาคม ผลเป็ นฝักแบน รูปขอบขนานคล้ายฝักมดี มเี ปลือกแขง็ กว้าง ประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 4-10 เซนติเมตร ฝักแก่แตกเป็ น 2 ซีก ฝักหน่ึง ๆ มี 1-3 เมลด็ เมลด็ สี นํา้ ตาล รูปร่างแบนคล้ายโล่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.3 เซนตเิ มตร ขยายพนั ธ์ุด้วยการเพาะ เมลด็

ดอกไมป้ ระจาํ จงั หวัด บรุ รี ัมย์ ดอกสุพรรณณิการ์ ลกั ษณะดอกสุพรรณณิการ์ เป็ นต้นไม้ผลัดใบสูง 7-15 เมตร ก่ิงก้านคดงอ ใบรูปหวั ใจ แผ่นใบแยกเป็ น 5 แฉก ขอบใบเป็ นคลื่น ดอกเป็ นช่อออกกระจายทป่ี ลายก่งิ บานทีละดอก ดอกเหลืองมกี ล่ิน กลบี บาง เกสรสีเหลือง รังไข่มีขน ผลกลมเม่ือแก่แตก 3-5 พู ภายในมเี มลด็ รูปไตสีนํ้าตาล หุ้มด้วยปยุ ขาวคล้ายปยุ ฝ้าย ออกดอกเกือบตลอดปี ดอกดกมาก ราวกมุ ภาพนั ธ์-เมษายน มีถนิ่ กําเนิดในอินเดยี ทางตะวนั ตกเฉียงเหนือของภูเขาหมิ าลยั และเป็ นไม้พืน้ เมือง ของพม่าด้วย ในศรีลงั กามักปลูกบริเวณพระอุโบสถ เป็ นดอกไม้บูชาพระ ในเมืองไทยทางเหนือ เรียกว่า ฝ้ายคํา นําเข้ามประเทศไทยกว่า 50 ปี มาแล้ว

ดอกไม้ประจาํ จงั หวัด นครพนม ดอกกันเกรา ลกั ษณะดอกกันเกรา ต้นกนั เกรา เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10-15 เมตร (อาจสูงได้ถึง 25 เมตร) เปลือกต้นเรียบมีสีนํ้าตาล เม่ือต้นแก่จะแตกเป็ นร่องลึกตามยาว ขยายพนั ธ์ุ ด้วยวธิ ีการเพาะเมล็ดและการปักชํา มีถิ่นกาํ เนิดตามป่ าเบญจพรรณและตามท่ใี กล้กับแหล่งนํ้า ในประเทศไทย พม่า มาเลเซีย เวยี ดนาม และอินเดยี สําหรับในบ้านเราต้นกันเกราขนึ้ ได้ท่วั ไปในทกุ ภาคของประเทศไทย แต่จะพบได้มากทางภาคใต้

ลกั ษณะดอกกนั เกรา ดอกไมป้ ระจาํ จังหวัด สุรินทร์ ดอกกันเกรา ต้นกันเกรา เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10-15 เมตร (อาจสูงได้ถึง 25 เมตร) เปลือกต้นเรียบมสี ีนํ้าตาล เมื่อต้นแก่จะแตกเป็ นร่องลึกตามยาว ขยายพนั ธ์ุ ด้วยวิธีการเพาะเมลด็ และการปักชํา มถี ่นิ กาํ เนิดตามป่ าเบญจพรรณและตามทีใ่ กล้กับแหล่งนํ้า ในประเทศไทย พม่า มาเลเซีย เวียดนาม และอนิ เดีย สําหรับในบ้านเราต้นกันเกราขึน้ ได้ทวั่ ไปในทกุ ภาคของประเทศไทย แต่จะพบได้มากทางภาคใต้

ลกั ษณะ ดอกไมป้ ระจาํ จังหวัด ศรีสะเกษ ดอกลาํ ดวน ดอกลาํ ดวน ต้นลาํ ดวน หรือ ต้นหอมนวล มแี หล่งกําเนิดในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ จัดเป็ นไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลดั ใบ มคี วามสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ลําต้นตรง แตกกงิ่ ใบจํานวน มาก เรือนยอดเป็ นพุ่มกลมหรือเป็ นพุ่มเป็ นรูปกรวยควาํ่ เปลือกต้นเรียบเป็ นสีเทา เมื่อลําต้นแก่เปลือกต้นจะเป็ นสีนํา้ ตาลอมดํา มรี อยแตกตามแนวยาวของลาํ ต้น ส่วนกงิ่ อ่อนเป็ นสี เขยี วสด ยอดอ่อนและใบอ่อนเป็ นสีแดง ขยายพนั ธ์ุด้วยวธิ ีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิง่ เจริญเติบโตได้ดีในดนิ ร่วนซุย ชอบความชื้นสูง และแสงแดดแบบเต็มวันถงึ คร่ึงวนั ชอบ ขึน้ ในที่โล่งและมแี สงแดด พบได้ตามป่ าเบญจพรรณ ป่ าดบิ แล้งทางภาคตะวันออก และภาคกลางและพบได้มากในจังหวัดศรีสะเกษ เนื่องจากต้นลําดวนเป็ นต้นไม้ประจําจังหวดั ศรีษะเกษ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook