หน่วยท่ี ๔ ข้อมลู อาชพีขอ้ มูลอาชีพในระบบตามความสนใจ 1.1 การดนตรศี ลิ ปะ เช่น นกั แสดงศิลปนิ ชา่ งภาพ นกั ดนตรี 1.2 การบรหิ ารการเงิน เช่น สมุหบ์ ัญชี นักวเิ คราะห์การเงิน 1.3 กฎหมาย เช่น ตาํ รวจ ทนายความ/อยั การ 1.4 ชว่ ยเหลอื ผู้อื่น เช่น ครู นักสังคมสงเคราะห์ 1.5 การศึกษาเชิงสงั คม เชน่ นกั การเมือง นกั วางแผนเมือง 1.6 การอ่าน เชน่ นักเขยี น เลขานุการผสู้ อ่ื ข่าว บคุ ลิกภาพกบั การเลอื กอาชพี และการศึกษาให้เหมาะสมกับตัวเองการเลือกอาชพี และสาขาวิชาที่จะศึกษา ให้เหมาะสมกับตวั เองโดยเนน้ เรือ่ งบคุ ลิกภาพ บุคคลแตล่ ะบุคคลย่อมมีบุคลกิ ภาพท่แี ตกต่างกัน แต่ละคนจะมี ลักษณะท่ชี ้ีเฉพาะตนไม่วา่ รปู รา่ ง หนา้ ตา ผวิ พรรณ หรอื นสิ ัยใจคอ มีนักวชิ าการบางท่านไดใ้ ห้ความหมายของคาํ ว่า “บุคลิกภาพ” คือ ลกั ษณะส่วนรวมของ บคุ คล ซงึ่ประกอบด้วยส่งิ ทปี่ รากฏ ทางรา่ งกาย นิสยั ใจคอ ความรสู้ ึกนกึ คิด และพฤตกิ รรมรวมของบุคคลน้นั ซงึ่ ได้รวมอยู่ดว้ ยกันอย่างผสมกลมกลืนในตัว บุคคลน้นั รวมถงึ ส่ิงทีเ่ ขาชอบและไม่ชอบ สงิ่ ทีเ่ ขาสนใจและไมส่ นใจเปาู หมายตา่ ง ๆ ในชีวิตของเขา ความสามารถด้านต่าง ๆ ของเขาลกั ษณะของบคุ ลิกภาพเฉพาะของแตล่ ะคนนัน้ หากบคุ คลรู้จกั และเขา้ ใจบุคลิกภาพจนสามารถมองตนไดต้ ามสภาพความเป็นจรงิ ย่อมชว่ ยให้บุคคล ตัดสนิ ใจเลอื กแนวทางชีวติ การศกึ ษา และอาชพี ได้อยา่ งสอดคล้องกับตวั เองมากที่สดุ บุคลิกภาพสาคัญอยา่ งไรบคุ ลกิ ภาพนั้นเก่ียวข้องกับอะไรบ้าง 1. ทางกายภาพ หมายถงึ รูปรา่ งหนา้ ตาดี ยอ่ มสง่ ผลใหผ้ ้สู มั ภาษณ์สนใจได้บา้ ง และตนเองก็มคี วามภูมิใจมน่ั ใจยิง่ ถ้ามสี ขุ ภาพท่แี ขง็ แรงวอ่ งไวในการทาํ งานย่ิงน่าประทบั ใจ 2. ทางสมอง สมองดีไมม่ ีโรคภยั ไข้เจ็บกจ็ ะทาํ ใหเ้ ขามีความทรงจําดี เชาวน์ปญั ญาดี แต่ตอ้ งเปน็ ผลจากการศึกษาอบรมพน้ื ฐานด้วย 3. ความสามารถ อาศัยประสบการณ์ และความถนัดจากการฝกึ ฝน 4. ความประพฤติ เป็นผ้อู ยู่ในศลี ธรรม สุภาพอ่อนโยน มมี นุษยสัมพันธ์ ไม่เป็นปฏิปกั ษ์กบั สงั คม 5. ชอบเข้าสังคมมที ศั นคตทิ ่ีดีตอ่ ผอู้ ืน่ การแสดงออกต่อเพื่อนฝงู ไมเ่ ห็นแกต่ ัว มนี ้ําใจต่อผูอ้ ่นื ไม่อวดตัว 6. อารมณด์ ี ใจเยน็ ไมฉ่ ุนเฉียว อดกลัน้ โทสะได้ 7. กําลังใจ เปน็ คนท่จี ิตใจเขม้ แข็ง ไม่ทอ้ ถอย ไม่เสยี ขวัญงา่ ย
บคุ ลกิ ภาพมีอทิ ธิพลต่อการเลือกอาชพีเพราะบุคลกิ ภาพมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพ โดยบุคคลจะเลอื กอาชีพที่เหมาะสมกบั บุคลิกภาพของตนบคุ ลกิ ภาพเฉพาะอย่างมีความสมั พนั ธ์กับอาชพี เฉพาะอยา่ ง ทฤษฎกี ารเลือกอาชีพของ “จอห์นแอลฮอลแลนด์” 1. แนวคิดพื้นฐาน 4 ประการ ประการที่ 1 อาชีพเปน็ เคร่ืองแสดงออกทางบคุ ลิกภาพ บคุ คลจะเลือกอาชีพใดย่อมแสดงวา่บคุ ลกิ ภาพของเขาจะปรากฏออกมาในทิศทางเดียวกัน ประการท่ี 2 บคุ ลกิ ภาพของแต่ละบุคคลมคี วามสมั พันธ์กบั ชนดิ ของสงิ่ แวดล้อมในการทาํ งานของบคุ คลนน้ั ดงั นน้ั บคุ คลจงึ มีแนวโนม้ จะหันเขา้ หางาน หรอื อาชีพท่ีสอดคลอ้ งกับบุคลกิ ภาพของเขา ประการท่ี 3 บุคคลจะค้นหาส่ิงแวดลอ้ มท่ีเอ้ืออาํ นวยให้เขาได้ฝึกทกั ษะ และใชค้ วามสามารถของเขาท้งั ยงั เปดิ โอกาสให้เขาได้แสดงเจตคติ ค่านิยม และบทบาทของเขา ประการท่ี 4 บคุ ลกิ ภาพของสิ่งแวดล้อมจะเป็นตวั กาํ หนดพฤติกรรมของแตล่ ะบุคคล ดงั นนั้ เมื่อสามารถทราบบุคลกิ ภาพและส่ิงแวดลอ้ มของบุคคลแล้ว ก็จะทําให้ทราบผลทจี่ ะติดตามมาของบุคคลนน้ัด้วย เชน่ การเลอื กอาชพี ความสาํ เร็จในอาชีพ ตลอดจนทง้ั พฤติกรรมต่าง ๆ 4.1 กลมุ่ อาชพี อตุ สาหกรรมอาหารได้แก่ 1. อาชพี ผตู้ รวจสอบดา้ นความปลอดภัยและสุขอนามยั หมายถึงอาชีพการตรวจสอบให้คําแนะนําและแจ้งใหด้ ําเนนิ การแก่สถานประกอบการต่างๆรวมทั้งแรงงานให้ปฏิบตั ิตามกฎความปลอดภยั ส่งิ แวดล้อมและสขุ อนามยั รวมถึงการสง่ั ระงบั การดาํ เนนิ การหากเกิดมลพิษต่อสง่ิ แวดล้อม 2. อาชพี ผคู้ วบคุมคุณภาพวัตถุดบิ และผลติ ภณั ฑ์อาหาร หมายถงึ อาชพี การตรวจสอบวตั ถุดบิกระบวนการผลิตและผลิตภณั ฑป์ ระเภทอาหารให้เป็นมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่กาํ หนดทั้งด้านปรมิ าณสารตกค้างจลุ ินทรียแ์ ละสิ่งเจือปนตา่ งๆ 3. อาชพี ผู้จัดการฝ่ายวิจยั และพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ (อาหาร) หมายถงึ อาชพี อํานวยการวางแผนควบคุมส่งั การและดูแลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ทํางานดา้ นวิจยั และพฒั นาผลิตภณั ฑอ์ าหารรวมถึงการวางแผนงบประมาณโครงการตลอดจนติดตามศกึ ษาวจิ ัยและพัฒนาและแนวโนม้ การตลาดของผลติ ภัณฑ์อาหารชนดิ ตา่ งๆ 4. อาชพี วิศวกรอาหาร หมายถงึ อาชีพที่วิเคราะหว์ จิ ยั พัฒนาผลติ ภณั ฑ์อาหารและเคร่ืองด่มื ต่างๆโดยการปรบั ปรงุ และพฒั นากระบวนการผลิตทางเคมีวิจัยและพัฒนาค้นหาผลติ ภัณฑ์อาหารและกระบวนการผลิตชนดิ ใหมค่ วบคมุ แนะนําและแก้ไขปญั หาในสายการผลิต 5. อาชีพวศิ วกรสิ่งแวดล้อม วิศวกรประปา วศิ วกรบาบัดนา้ เสยี หมายถึงอาชีพทว่ี ิเคราะห์วางโครงการอํานวยการนหรือควบคุมการก่อสร้างการผลิตการคาํ นวณเคร่ืองจกั รและอปุ กรณต์ า่ งๆที่ใชใ้ นการกระบวนการปูองกันมลพิษให้คําปรกึ ษาและประเมนิ ผลกระทบด้านสิง่ แวดล้อมแก่สถานประกอบการ
6. อาชพี นกั สตั วบาล หมายถงึ อาชีพท่ีทาํ งานวจิ ยั และปรับปรุงวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์เกย่ี วกบั การผสมพนั ธส์ ัตวก์ ารเล้ยี งดูและจัดการเก่ยี วกบั สัตว์เลยี้ งรวมถึงการปรับปรุงโรงเรือนสขุ าภบิ าลอุปกรณ์การปอู งกันและควบคมุ โรคสตั ว์และปรสติ 7. อาชพี ผู้ขยายพันธ์พุ ชื นักขยายพันธพุ์ ืช หมายถึงการทาํ งานในสถานเพราะชําเพื่อขยายพนั ธ์ไุ ม้ตน้ ไม้พมุ่ และพันธุ์ไมอ้ ืน่ การเพาะเมล็ดตดั ชาํ ทาบกิ่งและติดตาตอ่ กงิ่ การเพาะเล้ยี งเนื้อเย่อื พืช 8. อาชีพเจ้าหนา้ ท่เี ทคนิคดา้ นการเกษตรกรรม หมายถงึ ผู้ปฏิบัตงิ านด้านเทคนิคเกย่ี วกับงานการวิจัยในสาขาพืชสัตวด์ นิ นํ้าและการจดั การอนุรักษ์ดนิ และนํ้าชว่ ยนกั วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพหรือสาขาท่ีเก่ยี วข้องกบั การเกษตรกรรมในการดําเนินการทดสอบทดลองศกึ ษาวิจยั เพ่อื ปรบั ปรงุ การเพิ่มจํานวนคณุ ภาพของผลผลิต 9. อาชีพผู้ชว่ ยนกั วิจัยตลาด หมายถึงอาชีพทชี่ ่วยนกั วจิ ยั ตลาดวางแผนเพ่ือหาข้อมลู มาช่วยฝุายบรหิ ารในการวิเคราะหว์ างแผนดาํ เนินการและควบคมุ งานดา้ นการตลาดชว่ ยนักวิจัยในการกาํ หนดปัญหาและวัตถปุ ระสงค์จดั เตรยี มออกแบบวจิ ัยกาํ หนดแหลง่ ข้อมลู รวบรวมข้อมลู 10. อาชีพเจา้ หน้าท่จี ดั การบริหารจดั การความเส่ยี ง หมายถึงอาชีพการตรวจสอบประเมินปูองกนัควบคุมและจดั การความเสยี่ งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทํางานของสถานประกอบการหรือความรุนแรงของอนั ตราย 11. อาชีพนกั รังสีประยกุ ต์ (ประโยชนด์ ้านการเกษตร) หมายถึงอาชีพทีป่ ฏบิ ัติงานในการวิเคราะห์วิจยั ศึกษาค้นควา้ ทดลองด้านนิวเคลียรเ์ คมีเพื่อประโยชน์ในการเกษตร 12. อาชีพอตุ สาหกรรมการเกษตร หมายถงึ อาชีพที่ทาํ หน้าท่ดี แู ลกาํ กับควบคุมคัดสรรและจัดหาแหล่งท่มี าของปัจจัยการผลติ หรือผลติ ผลด้านการเกษตรเพ่ือนาํ ไปผ่านกระบวนการแปรรูปเปน็ สิน้ ค้าอุตสาหกรรมการเกษตรที่มคี ุณภาพได้มาตรฐาน 13. อาชพี ช่างแกะสลักนา้ แขง็ หมายถงึ อาชีพท่สี รา้ งสรรค์ผลงานจากประสบการณผ์ สานความคิดรูปลกั ษณะศลิ ปกรรมไทยประเภทลวดลายหรือรปู รา่ งดว้ ยวธิ กี ารแกะกลึงสลกั ฉลแุ ทงคว้านบนวสั ดทุ ่เี ปน็นาํ้ แขง็4.2 กล่มุ อาชีพอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว ไดแ้ ก่ 1. อาชีพผ้จู ดั การงานแมบ่ ้าน/หัวหน้าแมบ่ า้ น หมายถึงอาชพี วางแผนการปรหิ ารจดั การดา้ นระบบการทํางานรักษาความสะอาดในโรงแรมบริหารและควบคมุ การปฏิบตั งิ านของพนักงานและสงั่ ซอ้ื อุปกรณ์เครอื่ งใชต้ ่างๆสาํ หรับทาํ ความสะอาดสถานทีส่ าํ นักงานห้องนํ้าใหอ้ ยใู่ นขน้ั ได้มาตรฐาน 2. อาชพี แพทย์แผนโบราณ หมายถงึ อาชีพท่ีมีการตรวจร่างกายวนิ จิ ฉยั โรคและการให้รักษาโรคต่างๆตามวธิ กี ารของแพทยแ์ ผนโบราณเพ่อื ใหผ้ ลการรกั ษาทั้งรา่ งกายและจติ ใจท้ังด้านการใชธ้ รรมชาตบิ ําบดักายภาพบาํ บดั 3. อาชีพพนกั งานนวดบาบัด หมายถึงอาชพี ให้บริการโดยการนวดเพ่ือสุขภาพแกผ่ ู้ทีม่ าใชบ้ รกิ ารเพอ่ื ผ่อนคายกล้ามเนื้อความเมอื่ ยลา้ ความเครียดด้วยวิธกี ารกดการคลงึ การบบี การจับการตัดการดงึ การประคบหรือวธิ ีการตามศาสตรแ์ ละศิลปะของการนวดเพอ่ื สุขภาพ
4. อาชพี พนกั งานห้องจดั ดอกไม้ หมายถงึ อาชีพที่ดแู ลงานดา้ นการจดั ดอกไมท้ ุกประเภทเพอ่ื นาํ ไปตกแตง่ ในโรงแรมรวมถึงบริเวณพื้นที่สาธารณะภายในห้องรับแขก 5. อาชพี ผตู้ กแตง่ สวน หมายถึงอาชีพจดั ระบบงานและควบคมุ ดแู ลการตกแตง่ พน้ื ท่ีสาธารณะหรอืของสว่ นบคุ คลให้สวยงามตามการวางผัง 6. อาชีพผ้จู ัดการสปา หมายถึงอาชีพทวี่ างแผนกาํ กบั ดูแลธุรกิจการบริการด้านสปาท่เี ปน็ กจิ การของตนเองหรือของนายจ้างควบคุมการวางแผนการตลาดการดําเนินงานประจําวัน การใหบ้ ริการลูกคา้ และการประสานงานด้านต่างๆ ทเี่ ก่ียวข้องดูแลควบคุมค่าใชจ้ า่ ยและรบั ผดิ ชอบงานบุคลากร 7. อาชีพอาคนั ตุกะสัมพันธ์ (เจา้ หนา้ ที่ให้คําปรกึ ษาเบ้ืองต้น) หมายถึงอาชพี ทตี่ อ้ นรับบริการข้อมูลและใหค้ ําปรึกษาเก่ยี วกบั การใหบ้ รกิ ารต่างๆที่เหมาะสมในการบาํ บัด 8. อาชพี ใหค้ าปรึกษาแนะนาการทอ่ งเที่ยว หมายถงึ การบรกิ ารข้อมูลและแนะนาํ รายการทอ่ งเทยี่ วเสนอรายการท่องเทย่ี วหรือแนะนาํ วิธกี ารเส้นทางการท่องเท่ียวทส่ี ะดวกเหมาะสมอาํ นวยความสะดวกการเดนิ ทางท่องเทยี่ วในรูปแบบการจองหอ้ งพักตั๋วโดยสารพาหนะ4.3กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรมแฟช่นั 1. อาชีพช่างสร้างแบบสาเร็จ หมายถงึ อาชีพทีว่ าดและตัดชน้ิ ส่วนตา่ งๆของแบบสาํ เรจ็ เสอ้ื ชดุเสอื้ เชติ้ ชุดสตรีและเคร่ืองแต่งกายอ่ืนๆยกเว้นผ้าขนสตั ว์เพ่ือเป็นแนวทางในการทําเส้ือผ้าสําเรจ็ รปู 2. อาชพี ตกแต่งตัวเรือน หมายถงึ อาชีพท่ีตกแต่งตวั เรือนเคร่อื งประดับตา่ งๆ ทไี่ ดจ้ ากงานหลอ่ ตวัเรอื นด้วยวธิ กี ารตะไบเลือ่ ยบัดกรแี ละการขดั หยาบเบ้อื งต้นเพ่ือเพิม่ เติมสว่ นท่ขี าดหายไปหรอื ขจดั สว่ นเกินและอดุ ลายลดหรอื ขยายขนาด 3. อาชพี ออกแบบเสอ้ื ผา้ ผลิตภัณฑ์ หมายถงึ การออกแบบลวดหลายผ้าเสอ้ื ผา้ เคร่ืองแตง่ กายและผลิตภณั ฑท์ ส่ี ิง่ ทอสงิ่ ถกั จากจินตนาการประสบการณ์แนวโน้มแฟชั่นและความต้องการของลูกค้าโดยศึกษาวิเคราะหต์ ้นทนุ วสั ดเุ ทคนคิ ออกแบบและควบคุมการตัดเย็บใหเ้ ปน็ ไปตามออกแบบไว้ 4. อาชพี วศิ วกรเคมีสิ่งทอ หมายถึงการศึกษาออกแบบควบคุมจัดการและอํานวยการโครงการวิจัยผลิตภัณฑเ์ คมีและปฏิกิริยาและกระบวนการทางเคมสี ําหรับเคมีภัณฑ์ทใี่ ชใ้ นอตุ สาหกรรมทีท่ อให้คําปรึกษากระบวนการผลิตเพอื่ ให้เกดิ ประโยชน์ดา้ นการใช้งานด้านความปลอดภัยและไม่สง่ ผลเสียตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม 5. อาชีพพนักงานคุมเครือ่ งจักตกแต่งผนื ผ้าสงิ่ ทอสง่ิ ถัก หมายถงึ อาชีพท่ีควบคุมเครือ่ งจกั รตกแต่งผืนผ้าส่ิงทอส่งิ ถักตามท่ตี อ้ งการเช่นขนาดความมนั ความแข็งหรอื ความสามารถในการกันนํา้ โดยใช้กรรมวธิ ที างเชิงกลหรือทางเคมีในการตกแตง่ 6. อาชพี พนักงานคมุ เครอื่ งซักล้างส่ิงทอสิง่ ถกั หมายถึงการทําหน้าที่ในการควบคมุ การทํางานของเครอ่ื งจักรสาํ หรบั การซักลา้ งสางทอสิง่ ถักซึ่งเร่ิมกระบวนการตั้งแต่การควบคมุ อุณหภมู ิของนํ้าเดนิ เครอื่ งจักรจนนาํ สิง่ ทอส่งิ ถักไปผ่านการอบเพื่อทาํ ให้แห่ง 7. อาชพี ผจู้ ัดการด้านตลาดระหวา่ งประเทศ (สินคา้ แฟช่นั ) หมายถงึ อาชีพที่ทําหนา้ ท่ีพฒั นาและวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดเพ่อื สร้างเครือข่ายการจําหนา่ ยสินค้าแฟช่ันในตา่ งประเทศรวมถึงควบคมุ ดูแลตดิ ตามและประเมนิ ผลการดาํ เนินงานตามแผนกลยทุ ธใ์ ห้เป็นไปตามเปูาหมาย
8. อาชีพผจู้ ดั การฝ่ายฝกึ อบรม หมายถึงอาชพี ท่ีวางแผนกํากบั การดูแลประสานงานด้านนโยบายเกย่ี วกบั งานฝกึ อบรมกําหนดหลกั สตู รและวางระบบการฝึกอบรมสําหรบั เจา้ หนา้ ท่ีในองค์กรรวมถึงควบคุมการฝกึ อบรมใหเ้ ปน็ ไปตามเปาู หมายขององค์กร 9. อาชีพนกั เคมีเสน้ ใย-เสน้ ทอ หมายถงึ อาชีพที่พฒั นาและสังเคราะหว์ สั ดเุ สน้ ใยและสยี ้อมในการผลติ สงิ่ ทอให้มีประสทิ ธิภาพยิ่งข้ึนด้วยการวจิ ัยทดลองและวิเคราะห์เชิงปฏบิ ัติการทางเคมี 10. อาชพี วศิ วกรพิมพ์ยอ้ ม หมายถึงการศึกษาวิจยั และพัฒนาผลติ ภณั ฑ์เคมปี ฏิกิริยาทางเคมีและกระบวนการพิมพ์ยอ้ มเพ่ือนําไปสกู่ ารพฒั นาผลติ ภัณฑ์ส่งิ ทอตา่ งๆรวมท้ังการควบคุมผลกระทบของเคมีพมิ พ์ย้อมต่อสง่ิ แวดล้อมและความปลอดภัยในการปฏิบตั ิงานพิมพ์ยอ้ ม 11. อาชีพช่างตัดเย็บเสื้อผ้า หมายถงึ การทาํ งานตดั เย็บเส้อื คลมุ เส้ือชดุ กระโปรงและเสื้อผ้าท่ีคล้ายคลึงกันดว้ ยมือและจกั รกลเครือ่ งมือสาํ เร็จ 12. อาชพี ชา่ งเงนิ ช่างทอง หมายถึงการทําหรือซ่อมเงนิ ซ่อมทองรปู พรรณท่ีเป็นเสน้ คอสรอ้ ยขอ้ มือกําไรต่างหูหรือเคร่ืองประดับต่างๆใหไ้ ดล้ ักษณะหรือรูปแบบตามลูกค้าต้องการ 13. อาชีพชา่ งหตั ถกรรมทอยอ้ ม หมายถึงผู้ทค่ี ดั เลือกเส้นใยผ้าเลือกประเภทของสแี ละวิธีการทอยอ้ มผมให้ได้สตี ามตอ้ งการ 14. อาชพี ช่างฟอกหนงั สัตว์ หมายถงึ ผู้มหี นา้ ท่ีในการเตรียมหนังฟอกหนังตกแต่งหนังฟอกทับย้อมสีและใส่นาํ้ มันตามกระบวนการผลิตเพอ่ื ผลิตและแปรรูป 15. อาชพี ช่างเจยี ระไนเพชร หมายถงึ ทําหน้าท่ีเจยี ระไนเพชรให้เกิดเหลีย่ มและเงาตามมาตรฐานที่กําหนดเตรยี มและดแู ลรักษาเครือ่ งจักรเครือ่ งมือในการเจียระไน 16. อาชพี ชา่ งชลิ กส์ กรนี การพมิ พส์ ิ่งทอสงิ่ ถัก หมายถึงอาชพี ออกแบบวาดแบบจําลองลวดลายหรอืรปู ลงบนกรนี ทองแดงหรือผา้ สกรีนเพือ่ ใช้ในการพมิ พ์ส่งิ ทอสิ่งถักด้วยกรรมวธิ กี รนี 17. อาชพี ช่างฝังชา่ งประดับอญั มณี หมายถึงการฝงั อัญมณีมคี ่าและหรือก่ึงมคี ่าในตัวเรือนโลหะให้เปน็ รูปทรงตามแบบทก่ี ําหนด 18. อาชพี นกั วิทยาศาสตร์นาโนเทคโนโลยี หมายถึงอาชีพท่ีจัดการสรา้ งหรอื สังเคราะหอ์ ุปกรณ์เครื่องจักรหรือผลิตภณั ฑ์ทีม่ ขี นาดเลก็ มากในระดับนาโนเมตรเพือ่ กอ่ ประโยชนด์ า้ นตา่ งๆเช่นการมพี ลังงานราคาถูกและสะอาดเปน็ มติ รกับส่ิงแวดล้อมเป็นตน้ 19. อาชีพชา่ งแกะแม่พมิ พโ์ ลหะ หมายถงึ อาชพี ท่ีทาํ หนา้ ทีแ่ กะสลกั และกดั แบบพิมพโ์ ลหะในอุตสาหกรรมเคร่ืองประดับอัญมณหี รอื ผลติ ภัณฑ์โลหะอ่ืนๆตามความต้องการของลูกคา้4.4 กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรมซอฟตแ์ วร์ 1. อาชพี เว็บมาสเตอร์นักออกแบบเว็บไซต์ หมายถงึ อาชีพท่ศี ึกษาวเิ คราะหข์ ้อมลู ออกแบบสร้างดดั แปลงทดสอบและแก้ไขปรับปรงุ เวบ็ ไซตแ์ ละข้อมลู ตา่ งๆจากเวบ็ ไซต์ให้ทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการ 2. อาชีพผู้เชี่ยวชาญดา้ นฐานขอ้ มูล หมายถงึ อาชีพที่วางแผนศึกษาวิเคราะหป์ ระมาณค่าใช้จ่ายออกแบบนาํ ไปใชง้ านทดสอบประเมนิ ผลและบํารุงรกั ษาระบบฐานขอ้ มลู และโปรแกรมระบบจัดการฐานขอ้ มูลและแก้ไขปัญหาตา่ งๆทเ่ี กดิ ข้ึน
3. อาชพี วศิ วกรซอฟแวร์ หมายถงึ อาชีพทีว่ ิจยั วเิ คราะห์ออกแบบนําไปใชง้ านทดสอบวธิ ีการ/กระบวนการดูแลแก้ไขแนะนําการใชโ้ ปรแกรมตลอดจนเทคโนโลยเี พ่ือสนับสนนุ การพัฒนาซอฟแวร์ทเี่ ปน็ระบบใหญ่ให้มคี ณุ ภาพสูง 4. อาชีพนักออกแบบซอฟแวร์เชงิ พาณชิ ย์ หมายถึง อาชีพทวี่ จิ ยั วิเคราะห์ออกแบบนําไปใช้งานทดสอบวิธีการ/กระบวนการตลอดจนเทคโนโลยีซอฟแวร์ไปใช่ในเชิงพาณิชย์โดยตอ้ งมีความสอดรับกับความตอ้ งการและเหตผุ ลของการนําคอมพวิ เตอรเ์ ข้ามาชว่ ยในการทาํ งาน 5. อาชพี ผ้เู ช่ียวชาญดา้ นซอฟแวรป์ ระยกุ ต์ หมายถงึ การวางแผนศกึ ษาวเิ คราะห์ออกแบบนาํ ไปใช้งานทดสอบประเมินผลบาํ รงุ รักษาให้คาํ ปรกึ ษาและฝึกอบรมโปรแกรมซอฟแวร์ประยุกต์รวมท้ังแก้ไขปัญหาตา่ งๆท่ีเกิดขึน้ 6. อาชีพวิศวกรคอมพิวเตอร์ หมายถึงการวจิ ัยออกแบบพัฒนาศึกษาและกําหนดคุณลักษณะตดิ ตงั้บริหารกาํ หนดนโยบายการใช้งานบํารุงรกั ษาระบบคอมพวิ เตอร์วงจรดจิ ติ ทัลระบบงานฝงั่ ตวั ระบบจดั การระบบฐานข้อมูลโปรแกรมระบบซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ระบบเครือขา่ ยขอ้ มูลและอปุ กรณส์ ือ่ สาร 7. อาชีพวิศวกรซอฟแวร์ หมายถึงอาชีพท่วี างแผนศึกษาวิเคราะหอ์ อกแบบนาํ ไปใชท้ ดสอบประเมนิ ผลและบํารุงรกั ษาการทํางานของคอมพิวเตอรเ์ พื่อตอบสนองความต้องผู้ใชง้ าน 8. อาชีพนักออกแบบและสร้างภาพการ์ตูนภาพเคลอื่ นไหว หมายถงึ อาชพี ท่ีออกแบบและสรา้ งสรรคภ์ าพการต์ นู ภาพเคล่อื นไหวเพ่ือใช้ในการภาพยนตร์หรือโทรทศั น์ทัง้ บนแผน่ ฟลิ ์มภาพยนตร์สามมิติและสองมติ ผิ า่ นสื่อสารมวลชนหลากหลายประเภท 9. อาชพี นักทดสอบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หมายถึงอาชีพทีม่ ีการวางแผนศึกษาวิเคราะห์ทดสอบและประเมนิ ผลโปรแกรมคอมพวิ เตอรใ์ หมว่ า่ สามารถทํางานไดจ้ ริงตามทีไ่ ด้ออกแบบไว้หรอื ไม่ 10. อาชีพนักพัฒนาภาษาจาวา หมายถงึ อาชีพทีม่ ีการวางแผนศกึ ษาวเิ คราะหอ์ อกแบบนาํ ไปใช้งานทดสอบประเมินผลการใชภ้ าษาจาวาสาํ หรับการพฒั นาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 11. อาชพี ผู้เช่ียวชาญดา้ นแคดแคม หมายถงึ อาชีพทวี่ างแผนศกึ ษาวเิ คราะหส์ รรสรา้ งงานด้วยการออกแบบเครือ่ งมืออุปกรณห์ รือโครงสร้างผลิตภณั ฑ์ได้ใชค้ อมพวิ เตอร์ซึ่งจะนาํ ไปสู่การพัฒนาผลิตภณั ฑใ์ หม่รวมทง้ั การนําไปใชง้ านทดสอบประมวลผลและใหค้ ําปรกึ ษาดา้ นเทคนิค 12. อาชีพนักปญั ญาประดิษฐ์ หมายถึงผทู้ ําหนา้ ที่ในการเขยี นและใสโ่ ปรแกรมท่ีมีความซบั ซ้อนให้เคร่ืองจักรกลมีความสามารถเหมือนมนุษย์ทง้ั ความสามารถที่คิดเหมือนมนุษย์กระทาํ เหมือนมนุษย์คิดอยา่ งมีเหตผุ ลหรอื กระทําอยา่ งมเี หตุผล 13. อาชพี ผูเ้ ชย่ี วชาญส่ือสารขอ้ มูล หมายถึงอาชีพที่วางแผนศกึ ษาวิเคราะห์ออกแบบนําไปใช้ทดสอบประเมินผลและบํารุงรักษาระบบเครือข่ายระบบส่ือสารขอ้ มูลอ่นื ๆรวมท้งั การจดั การขา่ วสารท้ังหมดขององค์กรและแก้ไขปญั หาต่างๆที่เกิดขนึ้ 14. อาชีพผเู้ ชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของไอที หมายถึงอาชีพท่วี างแผนศึกษาวิเคราะห์ออกแบบนําไปใช้งานทดสอบและประเมินงานระบบความปลอดภัยในระบบคอมพวิ เตอร์ขององค์กรซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์สว่ นบุคคลระบบฐานขอ้ มูลและเครือขา่ ยการสื่อสารขอ้ มูล
15. อาชพี เจา้ หน้าทฝี่ ึกอบรมคอมพวิ เตอร์ หมายถึงอาชีพทใี่ ห้ฝึกอบรมสอนและส่งเสริมการเรียนรู้วชิ าการด้านคอมพวิ เตอรท์ ี่เป็นหลกั สตู รระยะสั้นและหลกั สูตรเฉพาะทางรวมทั้งให้คาํ ปรึกษาทางวิชาการและทางเทคนิค 16. อาชีพผบู้ ริหารระบบเครือขา่ ย หมายถึงอาชีพท่ีออกแบบระบบเครือขา่ ยรวมถงึ กาํ หนดอุปกรณ์และซอฟแวร์ที่ใช้ในระบบเครือขา่ ยดูแลรกั ษาและบริหารระบบเครือขา่ ยขององค์กรให้อยู่ในสภาพปกติท้ังด้านผใู้ ช้ระบบความปลอดภยั ของระบบระบบปฏบิ ัติการการจัดการข้อมลู หรือเป็นทปี่ รกึ ษาใหก้ บั ผใู้ ช้ระบบ 17. อาชพี นักพาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนิกส์ หมายถงึ อาชีพทที่ ําหนา้ ทเ่ี ป็นสว่ นหนง่ึ ของกลยุทธก์ ารขายสนิ คา้ ใหก้ ับสถานประกอบการผา่ นระบบอเิ ล็กทรอนิกสซ์ ่งึ จะต้องเจรจาสอ่ื สารกับผูซ้ ้ือในเร่ืองการปิดการขายเงือ่ นไขการซอื้ ขายการแก้ปญั หากอ่ นและหลังการขายและการให้บรกิ ารหลงั การขาย 18. อาชีพช่างเทคนคิ ระบบคอมพิวเตอร์ หมายถงึ การตรวจสอบแกไ้ ขปัญหาปฏิบตั ิการควบคมุ และดแู ลรักษาระบบงานคอมพิวเตอร์และอปุ กรณท์ ีเ่ กย่ี วข้องเพอื่ ใหส้ ามารถทํางานได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ4.5กลุม่ อาชีพอุตสาหกรรมยานยนต์ 1. อาชีพชา่ งเช่อื มโลหะด้วยก๊าช หมายถึงอาชีพทตี่ ดั ประกอบและเชื่อมชน้ิ ส่วนงานโลหะเยใชเ้ ปลวไฟกา๊ ชออกอะเซทิลนี หรอื ก๊าชชนิดอื่นตามแบบหรือตามคาํ สัง่2.อาชพี ชา่ งซ่อมบารงุ แม่พิมพ์ หมายถึงอาชพี ท่ีดูแลปรบั แต่งบาํ รงุ รักษาและซอ่ มแซมแมพ่ ิมพ์ทใี่ ชใ้ นการผลติตวั ถังรถยนตใ์ ห้อยูใ่ นสภาพท่ีใชก้ ารได้ดที าํ งานภายใต้การแนะนาํ และควบคมุ ของวิศวกร3.อาชีพผ้จู ดั การฝ่ายอตุ สาหกรรมสมั พันธ์ หมายถงึ อาชพี ทว่ี างแผนกํากับดูแลและประสานงานดา้ นนโยบายเกีย่ วกบั อตุ สาหกรรมสัมพนั ธก์ ารควบคมุ งานด้านความปลอดภยั ในการทํางานประสานงานและปรึกษาหรือกับลกู จ้างเพื่อวางกรอบด้านแรงงานสมั พันธช์ ว่ ยกาํ หนดวิธีการเสนอข้อร้องทุกข์ไกล่เกลย่ี และระงบั ข้อพิพาทและข้อร้องทุกขท์ ่ีเกิดขึ้นในองคก์ ร4.อาชพี ชา่ งปรับไฟฟา้ (ยานยนต์) หมายถึงอาชีพทปี่ รบั ประกอบและซ่อมช้นิ สว่ นเคร่ืองไฟฟาู ของยานยนต์ในโรงงานผลิตโรงซ่อมทั้งด้านระบบจดุ ระเบิดระบบประจุไฟแสงสว่างและไฟสญั ญาณเครอื่ งปดั น้ําฝนเกจ์วัดตา่ งๆและอ่นื ๆ5.อาชีพช่างประกอบยานยนต์ หมายถึงการปฏบิ ัติงานภายใตก้ ารควบคุมของวศิ วกรเคร่ืองกลรถยนต์ทําหนา้ ทีป่ ระกอบชน้ิ สว่ นของเครอ่ื งจักรและเคร่ืองยนตห์ รือชนิ้ สว่ นตา่ งๆของยานยนต์6.อาชพี วศิ วกรโลหะการ หมายถงึ การศกึ ษาคน้ ควา้ วิจยั และพฒั นาควบคมุ งานแปรรปู โลหะและโลหะผสมแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งช้นิ งานโลหะออกแบบช้นิ ส่วนและกําหนดกรรมวธิ กี ารผลิตคัดเลือกโลหะผสมเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน7.อาชีพนักวจิ ัยยานยนต์ หมายถงึ การศึกษาวิจยั คิดค้นออกแบบพัฒนาทดสอบทดลองและวเิ คราะหเ์ ชิงปฏิบตั ิเกี่ยวกบั ยานยนตซ์ ึ่งรวมถึงสว่ นประกอบคุณสมบัติและการเปล่ยี นแปลงอาจเกิดข้ึนไดใ้ นงานทางยานยนต์8.อาชพี ช่างเทคนคิ วิศวกรรมควบคุมประสิทธภิ าพ หมายถึงการทํางานทางเทคนิคภายใต้การแนะนาํ และควบคุมของวศิ วกรควบคมุ ประสิทธภิ าพเกย่ี วกับการวางแผนควบคมุ จดั หาประกอบทดสอบดแู ลอุปกรณ์การผลิตและซอ่ มบํารงุ รักษาเครื่องจกั ร
9.อาชพี นักออกแบบแม่พิมพ์พลาสติก หมายถงึ การปฏบิ ัติงานออกแบบแม่พมิ พพ์ ลาสติกมคี วามชํานาญสามารถออกแบบแม่พมิ พ์พลาสติกให้เหมาะสมกับการใชง้ านและสภาพแวดล้อมที่นาํ ไปใชภ้ ายใตก้ ารเหน็ ชอบจากสถาปนกิ4.6กล่มุ อาชีพอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนกิ ส์1.อาชพี ผูต้ รวจสอบคณุ ภาพผลติ ภัณฑ์สนิ ค้า (ไฟฟ้าอเิ ล็กทรอนกิ ส์ของ) หมายถงึ การตรวจสอบและทดสอบคุณภาพของอปุ กรณ์และช้ินสว่ นผลติ ภัณฑ์ไฟฟูาหรอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ตามมาตรฐานทก่ี ําหนดคน้ หาแหล่งขอ้ บกพร่องของผลติ ภณั ฑ์จดั ทํารายงานเพ่ือแจ้งถึงสง่ิ ผิดปกตไิ ปยังฝาุ ยผลติ2.อาชีพวศิ วกรคณุ ภาพ วิศวกรควบคมุ คุณภาพ หมายถึงการวางแผนกํากบั ดแู ลแกไ้ ขปรบั ปรงุ คุณภาพกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมในดา้ นของการวางแผนและพัฒนาระบบและวธิ ีการควบคมุ ทดสอบตรวจสอบคุณภาพละตรวจรบั ผลิตภณั ฑ์3.อาชีพช่างเขียนแบบงานไฟฟา้ หมายถึงการเขียนแบบรายละเอยี ดและรูปแบบด้านเทคนิคจากภาพสเก็ตช์หรือจากบันทึกแสดงรายการต่างๆเพ่ือใช้ในการเดนิ สายไฟและอุปกรณ์ไฟฟาู4.อาชพี วศิ วกรไฟฟ้าระบบวัดคมุ หมายถึงการออกแบบกระบวนการและระบบควบคุมตลอดจนอปุ กรณ์และเครื่องมือการวดั ดา้ นฮารด์ แวร์และซอฟแวรว์ างแผนและควบคุมการผลติ การตดิ ตง้ั การทดสอบการใช้งานการบํารุงรักษาสอบเทียบเครือ่ งมือวัดการวิจัยและพัฒนาการดัดแปลงและปรับปรุง5.อาชีพชา่ งเทคนคิ เครอ่ื งมือวัด หมายถึงการทาํ งานภายใตก้ ารแนะนําและควบคมุ ของวิศวกรออกแบบติดตั้งใช้และบาํ รงุ รักษาอุปกรณว์ ัดและควบคุมกระบวนการในงานอุตสาหกรรมทเ่ี กี่ยวกับงานวงจรไฟฟาูอิเล็กทรอนิกส์6.อาชีพช่างปรบั ไฟฟ้า (อุปกรณไ์ ฟฟ้ากาลัง) หมายถึงการปรบั ประกอบและซ่อมอุปกรณไ์ ฟฟาู กําลังในส่วนของมอเตอร์ไฟฟาู ไดนาโมโรงงานหรอื อื่นๆตามสถานท่ที ี่ใชเ้ ดินและซ่อมสายไฟฟูาติดต้งั ระบบจ่ายพลงั งานซ่อมแซมติดต้ังเคร่ืองจกั รไฟฟูาและบํารุงรักษาเคร่อื งมอื เคร่ืองใชท้ างอิเลก็ ทรอนิกส์7.อาชีพเจา้ หน้าทคี่ านวณตน้ ทุนการผลติ หมายถึงการคํานวณคา่ จ้างวสั ดุค่าโสห้ยุ และตน้ ทุนการดาํ เนินงานอ่ืนๆจากบนั ทกึ ทค่ี ัดเลือกมาแตล่ ะเร่อื ง8.อาชีพชา่ งประกอบอุปกรณช์ ิน้ สว่ นทางไฟฟา้ หมายถึงการทําหน้าทใ่ี นการประกอบช้นิ สว่ นสาํ เร็จรูปของอุปกรณช์ ้ินส่วนทางไฟฟูาเพอื่ การผลิตภัณฑไ์ ฟฟูาตามขน้ั ตอนการผลิต4.7 กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมี1.อาชีพนักเคมีโพลเิ มอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านโพลิเมอรศ์ าสตร์ หมายถึงการศกึ ษาคน้ คว้าวจิ ัยพัฒนาเคร่อื งมือในการทดลอบคุณสมบัติของโพลเิ มอร์ชนิดต่างๆและสงั เคราะห์โพลเิ มอรช์ นิดใหมๆ่ เพ่ือนําไปใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นตา่ งๆ2.อาชีพนกั เคมอี ุตสาหกรรม หมายถึงการปฏบิ ตั ิงานศึกษาวจิ ัยพฒั นาทดสอบเทคนคิ กระบวนการทางเคมีทงั้ในระดับห้องปฏิบตั ิการการและอตุ สาหกรรม
3.อาชีพเจ้าหนา้ ท่ีเทคนิคเคมีช่างเทคนคิ หมายถงึ การทํางานดา้ นเทคนิคภายใต้การแนะนาํ และควบคุมของนกั เคมีพัฒนาและปรับปรงุ เทคนิคและกรรมวิธีเพื่อค้นคว้าการใช้อปุ กรณ์การวิเคราะหช์ ่วยนักเคมีวเิ คราะห์ทัง้เชิงคุณภาพและปริมาณของสารประกอบอินทรยี ห์ รอื อนนิ ทรีย์4.อาชพี วศิ วกรปิโตรเคมี หมายถึงการควบคุมการปฏบิ ตั งิ านทางกรรมวิธีเคมีท้งั หมดทีเ่ กี่ยวกบั การผลิตภณั ฑ์จากก๊าชธรรมชาตศิ ึกษาวิธีการผลิตผลติ ภัณฑท์ ่ีใชอ้ ยู่หรือวิธีการผลติ ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตรค์ ้นหาข้อบกพร่องทเ่ี กิดข้นึ ในกรรมวิธีการผลติ และควบคุมการปรับปรงุ โรงงานตามผลการทดสอบในห้องปฏบิ ตั ิการ5.อาชพี นักเทคโนโลยีปโิ ตรเคมี หมายถงึ การปฏิบัติงานศึกษาวิจัยค้นควา้ ส่วนประกอบตา่ งๆทางเคมีของสารตา่ งๆท่ีอยใู่ นปโิ ตรเคมสี กัดมาใชป้ ระโยชนต์ า่ งๆคิดค้นวธิ กี ารผลติ ในกระบวนการผลติ ในอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมี6.อาชีพอนินทรียเ์ คมี หมายถงึ การทํางานศึกษาวจิ ยั ทดลองพัฒนาและปรบั ปรงุ เทคนคิ ต่างๆในการศึกษาคณุ สมบตั ิองค์ประกอบการเปลี่ยนของสารประกอบอนนิ ทรียแ์ ละสังเคราะห์สารอนนิ ทรยี ์ใหม่ๆ7.อาชีพนกั เทคโนโลยวี ัสดุ หมายถงึ การปฏิบัติงานศึกษาวิจัยพฒั นาทดสอบทดลองและวเิ คราะหเ์ ชงิ ปฏิบตั ิเกยี่ วกบั สว่ นประกอบคุณสมบตั แิ ละการเปลย่ี นแปลงอนั อาจเกดิ ขึ้นไดข้ องสารในแขนงงานทางเคมวี ิศวกรโพลิเมอร์โลหะผสมเซรามกิ ยาง8.อาชพี นกั วิจัยปิโตรเคมี หมายถึง การศึกษาวจิ ัยพัฒนาทดสอบทดลองและวเิ คราะห์เชิงปฏิบตั ิเกี่ยวกบัสว่ นประกอบคุณสมบตั ิและการเปลีย่ นแปลงอันอาจเกดิ ข้นึ ได้ของสารเคมใี นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี4.8กลุ่มอาชีพโลจิสติกส์1.อาชีพตัวแทนจดั ซ้ือ หมายถึงการทําหน้าทสี่ ง่ั ซื้อเครื่องจักรอปุ กรณ์เครื่องมือวตั ถดุ ิบชิ้นส่วนต่างๆของอปุ กรณส์ ิ่งของเครื่องใช้ท่จี ําเปน็ สาํ หรบั การทาํ งานขององค์กรซึง่ รวมถึงการตรวจสอบผลิตภัณฑร์ าคาผู้เสนอขายการทําสัญญาควบคุมการรับสินค้าเกบ็ รกั ษาและติดตามและตรวจสอบคณุ ภาพของสินคา้2.อาชีพนักวเิ คราะหโ์ ลจิสตกิ ส์ หมายถงึ การศึกษาวิเคราะห์ใหค้ ําปรึกษาแนะนําเพื่อลดต้นทุนตงั้ แต่ด้านบรหิ ารคลงั สนิ ค้าท้ังวัตถุดิบและสนิ ค้าสําเร็จรปู และการบริหารงานขนส่งสนิ ค้าเพ่ือใหล้ กู ค้าไดร้ ับสนิ ค้าตรงตามเวลาที่ตอ้ งการแกส่ ถานประกอบการ3.อาชีพอาจารย์สอนวิชาโลจสิ ตกิ ส์ หมายถึงการทาํ หนา้ ท่ีหลกั ดา้ นการเรียนการสอนและสง่ เสริมการเรยี นรู้ของผู้เรียนในเนื้อหาด้านโลจสิ ตกิ ส์ด้วยวธิ กี ารตา่ งๆในสถาบันการศึกษาทง้ั ภาครฐั และเอกชนศึกษาและค้นคว้าเอกสารใหม่ๆและวจิ ัยเร่ืองตา่ งๆเกีย่ วกบั วชิ าทส่ี อน4.อาชีพตวั แทนผรู้ ับจดั การขนสง่ ระหวา่ งประเทศ หมายถึงการทําหน้าท่ีเปน็ ตัวแทนผู้ส่งออกนําเข้าดแู ลการขนสง่ สินคา้ ไปยังตา่ งประเทศซงึ่ ครอบคลมุ ถึงการดําเนินการดา้ นวธิ ีการนาํ เข้า-ส่งออกงานเอกสารงานการเงินงานติดตอ่ ประสานงานกบั ศลุ กากรและงานวิจยั ตลาดตา่ งๆ5.อาชีพผจู้ ัดการโลจสิ ติส์ หมายถงึ การอาํ นวยการวางแผนกํากับดูแลและบรหิ ารจัดการทั้งวัตถดุ ิบและสินค้าสําเรจ็ รปู ซึ่งเก่ยี วโยงถงึ สารสนเทศการชาํ ระเงินจนถึงบรกิ ารตา่ งๆท่มี ีมาต้ังแตต่ น้ กระบวนการผลิตจนถึงการบริหารงานขนส่งสนิ คา้ เพอื่ ให้ลกู คา้ ไดร้ บั สนิ ค้าตรงตามเวลาท่ตี อ้ งการ6.อาชีพผจู้ ัดการขนส่งระหว่างประเทศ หมายถงึ การวางแผนดแู ลกํากบั และประสานงานด้านการจัดขนส่งระหว่างประเทศให้กับสถานประกอบการตวั แทนขนสง่ สินค้าระหวา่ งประเทศ
7.อาชีพวศิ วกรเคร่อื งกล หมายถงึ การออกแบบวางแผนการตดิ ต้ังควบคมุ งานระบบทอ่ ท้ังท่อที่มคี วามดันและไมม่ ีความดันบาํ รุงรักษาซ้อมแซมระบบทอ่ ตรวจสอบระบบความปลอดภยั8.อาชพี ผู้บังคบั การเรอื นายเรอื เดนิ ทะเล หมายถงึ การออกแบบวางแผนการติดต้ังควบคมุ งานระบบท่อในและนอกอาคารทั้งทอ่ ทมี ีความดันและไม่มีความดันบํารงุ รักษาซ้อมแซมอุปกรณร์ ะบบท่อตรวจสอบระบบความปลอดภัย9.อาชพี นายประจาเรอื ฝ่ายเดนิ เรือ หมายถึงการทําหนา้ ที่ในการนาํ เรือเดนิ เรือตามคําสัง่ โดยใชเ้ รดาร์เขม็ ทิศแผนทแ่ี ละเคร่ืองช่วยเดินเรืออืน่ ๆจัดระเบยี บและวิธกี ารใช้เครื่องมสี ่อื สารทุกประเภทรวมทัง้ ดแู ลอุปกรณ์ความปลอดภัยและควบคุมดแู ลเจา้ หน้าท่แี ผนกสอ่ื สารและคนประจําเรือ10.อาชพี วศิ วกรโยธา (ออกแบบและก่อสร้างระบบการขนส่ง) วิศวกรขนส่ง หมายถึงสํารวจออกแบบวเิ คราะห์ระบบการคมนาคมขนส่งต่างๆทั้งในเขตชุมชนและนอกชุมชนสํารวจและประเนินความหนาแน่นของกาจราจรและลกั ษณะความเหมาะสมของพ้ืนผิวดินควบคุมการปฏิบัตงิ านกอ่ สรา้ งประมาณการวัสดแุ ละราคาหารือร่วมกันกับผู้ชาํ นาญงานสาขาอนื่11.อาชพี เจ้าหน้าที่จดั และวางบรรทกุ บนเครื่องบนิ หมายถึงการวางแผนควบคมุ และรับผดิ ชอบการจดั ส่งพสั ดุจากสถานีต้นทางจนสง่ มอบปลายทางสาํ หรับการขนส่งทางอากาศคํานวณจดั นํา้ หนักบรรทุกและจํานวนยึดตรงึ ดาํ เนินการด้านเอกสารศลุ กากรและบรหิ ารคลังสินค้าทจ่ี ดั ส่ง12.อาชีพผู้จดั การฝ่ายพสั ดุ (คลังสนิ คา้ ) หมายถึงการอาํ นวยการวางแผนควบคุมตรวจสอบดสู นิ ค้าเข้าออกจากคลงั สนิ ค้าของสถานประกอบการดแู ลสภาพคลังสนิ คา้ และเคร่ืองมืออุปกรณ์ประสานงานกบั ฝาุ ยที่เกย่ี วข้องสรปุ รายงานการเบิกจา่ ยวตั ถดุ บิ และสนิ ค้า13.อาชพี เจ้าหนา้ ท่ีขนส่งทางนา้ ท่ัวไปผขู้ นส่งทางน้า หมายถงึ การจัดกาํ หนดเวลาเขา้ และออกของยานพาหนะและควบคมุ พาหนะเตรียมการขนถ่ายและดูแลความปลอดภยั การขนสง่ สนิ ค้าท่เี ขา้ และออกบริเวณท่าเรือจัดการงานดา้ นเอกสารเกย่ี วกบั สินค้าท่เี ข้า-ออก14.อาชีพที่ปรึกษาหว่ งโซอ่ ปุ ทาน หมายถึงการศึกษาวิเคราะห์วางแผนใหค้ ําปรึกษาแนะนาํ ดา้ นการลดต้นทุนและการเพ่มิ ประสทิ ธิภาพของการจัดเก็บตัง้ แต่จุดเริ่มต้นของวตั ถุดิบจนกระท่งั สินค้าหรือบรกิ ารถูกสง่ มอบถึงมือผู้บรโิ ภคในภาวะการณ์ท่เี หมาะสมสูงสดุ15.อาชีพเจ้าหนา้ ทคี่ ลังพสั ดุ หมายถึงการควบคุมจดบนั ทึกประเภทและจํานวนสินคา้ การรับการเก็บการจดั การตรวจสอบสินค้าตามระบบการควบคมุ สนิ ค้าทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพได้มาตรฐาน16.อาชีพผจู้ ัดการส่วนการจดั วางตู้สินคา้ หมายถึงการอํานวยการวางแผนการจดั วางตู้สินค้าท่ีถูกส่งเข้ามาในคลังจดั เกบ็ สนิ ค้าโดยประสานงานกบั พนักงานขบั รถขนถ่ายสินคา้ พนักงานขบั รถเครนยกต้คู อนเทนเนอร์หรือพนักงานอน่ื ๆทีเ่ กี่ยวข้อง ขอ้ มูลอาชีพอิสระ
คาํ ว่า \" อาชีพอิสระ \" มีผใู้ หค้ วามหมายไวต้ ่าง ๆ กนั โดยมีระดบั ของเงื่อนไขมากนอ้ ยต่างกันไป อาทิเช่น อาชพี อสิ ระ หมายถึง อาชพี ทุกประเภทท่ีผปู้ ระกอบการดาํ เนินการด้วยตนเอง แตเ่ พียงผูเ้ ดียวหรือเปน็กลุ่ม อาชีพอิสระเป็นอาชีพที่ไมต่ ้องใชค้ นจาํ นวนมาก แต่หากมคี วามจําเปน็ อาจมีการจา้ งคนอน่ื มาชว่ ยงานได้เจา้ ของกิจการเป็นผู้ลงทนุ และจาํ หนา่ ยเอง คดิ และตดั สินใจดว้ ยตนเองทุกเรื่อง ซ่ึงชว่ ยให้การพฒั นางานอาชีพเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ทนั ต่อเหตุการณ์ การประกอบอาชีพอิสระ เชน่ ขายอาหาร ขายของชํา ซอ่ มรถจักรยานยนต์ ฯลฯ ในการประกอบอาชีพอสิ ระ ผปู้ ระกอบการจะต้องมีความรู้ ความสามารถในเรื่อง การบรหิ าร การจัดการ เช่น การตลาด ทาํ เลท่ตี ัง้ เงนิ ทนุ การตรวจสอบ และประเมนิ ผล เปน็ ตน้ นอกจากน้ียังตอ้ งมีความอดทนต่องานหนกั ไมท่ ้อถอยต่อ ปัญหาอปุ สรรคท่ีเกดิ ข้ึน มีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ และมองเหน็ภาพการดําเนนิ งาน ของตนเองได้ทะลุปรโุ ปร่ง อาชพี อสิ ระ หมายถึง อาชพี ท่ีประกอบกันเป็นธรุ กจิ ทตี่ ้องใช้ความร้หู รือทักษะท่ีต้องการการฝกึ ฝนอบรมพอสมควร เช่น อาชพี ทําของที่ระลึกดว้ ยวัสดุที่มีในท้องถน่ิ การปลูกผัก การเลย้ี งปลา การประกอบอาหารเป็นต้น และผู้ประกอบการอิสระ หมายถึง ผูป้ ระกอบการขนาดย่อมทเี่ ปน็ ธรุ กจิ อาชพี อิสระ เป็นอาชพี ที่สามารถดาํ เนินการเองได้โดยลงทุนน้อย ใชค้ วามคดิ กาํ ลงั กายค่อนขา้ งมาก เนน้การพึ่งตนเอง คาํ วา่ อาชีพอสิ ระมคี วามหมายคล้ายกันกับอาชพี สว่ นตวั ธรุ กจิ ขนาดยอ่ ม การประกอบการขนาดย่อม เปน็ ตน้อาชพี อิสระหมายถงึ ธรุ กิจเป็นอิสระ มีเอกชนเปน็ เจ้าของ ดําเนินการโดยเจา้ ของเอง ไม่เปน็ เคร่อื งมอื ของธุรกิจใด และไม่ตกอย่ภู ายใต้อิทธิพลของบุคคลอ่ืน หรอื ธรุ กิจอ่นื อาชีพอิสระหมายถึง อาชพี ส่วนตัวทง้ั ในภาคเศรษฐกจิ ท่ีเป็นระบบ ( Formal Sector ) และภาคเศรษฐกิจที่ไม่เป็นระบบ ( Informal Sector ) เจ้าของกิจการเปน็ ผู้ประกอบการเองทัง้ หมดหรือบางส่วนกไ็ ด้ โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรปู ของกําไร ไม่ใช่เงนิ เดือน อาชีพอสิ ระ หมายถงึ อาชพี ที่มีลกั ษณะ ดงั น้ี1. เจา้ ของกจิ การไมเ่ ปน็ ลูกจ้างที่รบั เงินเดือนจากนายจ้าง แตไ่ ด้รับคา่ ตอบแทนจากลูกค้า2. เจา้ ของกจิ การเป็นผ้ลู งมือกระทาํ เองในฐานะผูป้ ฏิบัติงาน3. มผี ้ชู ว่ ยเหลือปฏิบัตงิ านโดยอาจไดเ้ งนิ เดือนหรือค่าจ้างเป็นรายชิน้ ก็ได้ จํานวนไม่เกิน 5 คน และใช้ทนุดาํ เนินการไม่เกิน 500,000 บาท อาชพี อสิ ระน้ีไม่สามารถแยกจากธุรกจิ ขนาดย่อมหรอื การประกอบการขนาดย่อมไดช้ ัดเจนเพราะมีความคล้ายคลึงและเกีย่ วข้องสัมพนั ธก์ นั บอมแบค็ ( Baumback , 1988 ) ให้คาํ จํากดั ความของธรุ กิจขนาดย่อมว่า เปน็ ธรุ กจิ ทเ่ี จ้าของเป็นผู้จดั การธุรกิจดว้ ยตนเอง มีความเป็นอิสระ ส่วนใหญ่อยู่ในท้องถิ่น และอาศัยแหลง่ ทุนภายในในการขยายกิจการ อกี ความหมายหน่ึงของธรุ กิจขนาดยอ่ มท่ีได้รับการยอมรบั เป็นความหมายที่ไดร้ บั การเสนอแนะโดย The Committee for Economic Devilment ( CED ) ของสหรัฐอเมริกา ได้ใหค้ วามหมายของธุรกิจขนาดย่อมไวว้ ่าเป็นธรุ กจิ ทีม่ ีลักษณะอย่างน้อยท่ีสดุ 2 ประการจากลกั ษณะ 4 ประการ ดงั ต่อไปน้ี
1. การบรหิ ารงานเป็นอสิ ระ เจ้าของเป็นผู้บริหารงานเอง 2.บคุ คลคนเดียวหรอื กล่มุ เล็ก ๆ กล่มุ หน่ึงจัดหาเงินทนุ และเป็นเจ้าของธรุ กิจ 3. ขอบเขตการดําเนนิ งานอยู่ในท้องถน่ิ เปน็ ส่วนมาก พนกั งานและเจ้าของอาศยั อยู่ในชมุ ชนเดยี วกนัแต่ตลาดของสนิ ค้าหรือบรกิ ารไม่จําเปน็ ต้องอยใู่ นท้องถ่ินน้ันก็ได้ 4. ธรุ กจิ มขี นาดเล็กเมอื่ เปรียบเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่ทส่ี ดุ ในธุรกจิ ประเภทเดียวกนั หลกั เกณฑท์ ใ่ี ช้วดั อาจจะเปน็ จํานวนพนกั งาน ยอดขาย หรือทรัพยส์ นิ การประกอบการธรุ กิจขนาดย่อมมีลกั ษณะ 2 ประการเหมือนอาชพี อสิ ระ กลา่ วคือ เปน็ อาชีพที่เจ้าของไม่เป็นลูกจ้างทร่ี บั เงนิ เดือนจากนายจ้าง แต่ได้รับค่าตอบแทนจากลูกค้าและเจ้าของกิจการเปน็ ผู้ลงมือกระทําเองในฐานะผ้ปู ฏิบตั ิงานแตม่ คี วามแตกต่างในเรื่องจํานวนผู้ช่วยปฏบิ ตั งิ านและเงนิ ทนุ ดําเนนิ งาน กลา่ วคืออาชพี อิสระจะมผี ู้ชว่ ยปฏบิ ตั งิ านไมเ่ กนิ 5 คนและทนุ ดาํ เนินการไม่เกนิ 500,000 บาทแต่การประกอบการขนาดย่อมจะมี ผชู้ ่วยปฏิบัติงาน ตง้ั แต่ 6 - 50 คน และทนุ การดําเนินการต้งั แต่ 500,000 บาท แต่ไม่เกิน6,000,000 บาท สาํ หรบั คาํ ว่า ผูป้ ระกอบการอาชีพอสิ ระ หมายถงึ เจา้ ของกจิ การหรือผทู้ ท่ี าํ งานธรุ กจิ ตา่ ง ๆนอกเหนือไปจากอาชีพลูกจ้าง พนกั งานราชการทไี่ ด้รับคา่ ตอบแทนเปน็ คา่ จ้างรายเดอื นหรอื รายวัน รวมถึงผูท้ ี่ชว่ ยครอบครัวประกอบธรุ กจิ และได้รบั ค่าตอบแทนจากผลกําไร หรอื อาจมีความหมายว่า หมายถึง บคุ คลท่ีเปน็ เจา้ ของธุรกจิ ทปี่ ระกอบอาชีพหารายได้เองโดยไม่มีนายจ้าง ไม่อยู่ในฐานะลูกจ้าง แตเ่ ป็นนายตนเอง เปน็เจ้าของกิจการและจะต้องปฏบิ ัติงานเอง อาจมีผู้ปฏิบตั งิ านด้วยกไ็ ด้ แตเ่ น่ืองจากการทําโครงงานคร้ังน้ีมีกลมุ่ เปาู หมายอยทู่ ผ่ี มู้ ีอายรุ ะหว่าง 13 - 15 ปี จงึ ไดก้ าํ หนดคําจํากดั ความของอาชีพอิสระในความหมายกว้างวา่ อาชพี อิสระหมายถึงอาชีพที่ผปู้ ระกอบอาชีพเปน็ เจ้าของกิจการเองทงั้ หมดหรอื บางส่วนกไ็ ด้ โดยไม่รับคา่ จา้ งจากผู้อนื่ ในลักษณะของเงินเดอื นหรือค่าแรงประจาํ และรบั ผิดชอบต่อการดําเนนิ การทั้งในส่วนของกาํ ไรหรอื ขาดทนุ โดยอาจจะมีผ้ชู ่วยปฏิบตั ิงานหรือไม่ก็ได้การประกอบอาชีพอิสระความหมาย การประกอบอาชพี อสิ ระ คอื การประกอบกจิ การสว่ นตวั ต่างๆ ในการผลิตสนิ คา้ หรอื บริการท่ีถกู ต้องตามกฎหมาย เป็นธรุ กิจของตนเองไมว่ ่าธรุ กจิ น้นั จะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม มีอสิ ระในการกําหนดรปู แบบและวธิ ีดาํ เนนิ งานของตัวเองได้ตามความเหมาะสม ไม่มีเงินเดอื นหรอื รายได้ท่ีแน่นอน ผลตอบแทนท่ไี ด้รับคอืเงนิ กาํ ไรจากการลงทุน1. เปน็ เจ้านายตนเอง ใชค้ วามร้คู วามสามารถได้อยา่ งเต็มที่2. กําหนดการทาํ งานเอง3. รบั ผิดชอบกจิ การเองท้งั หมด4. สามารถตัดสินใจเรือ่ งตา่ งๆ อย่างเต็มท่ี5. รายไดไ้ ม่จาํ กดั (ทํามากรวยมาก ทําน้อยรวยนอ้ ย) คุณสมบตั ิของการเป็นผู้ประกอบอาชพี อิสระ 1. กล้าเส่ยี ง (Taking risk) อาชพี อิสระเปน็ การประกอบธรุ กิจสว่ นตวั จงึ ต้องมีการลงทนุ ในขณะที่ถ้าเป็นลูกจา้ งไม่ต้องลงทุนอะไร ซ่ึงการลงทุนย่อมมีความเสย่ี ง เพราะไมร่ ู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาอยา่ งไร ดงั นัน้
กอ่ นทจี่ ะตกลงใจประกอบอาชพี ใด จึงตอ้ งพจิ ารณา วิเคราะห์ และไตรต่ รองอย่างดเี สียก่อน 2. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ (Taking initiative) การประกอบอาชีพอิสระมิไดย้ ดึ ตดิ กบั รปู แบบใดๆเน่อื งจากผปู้ ระกอบอาชีพอิสระต้องเป็นนายของตนเอง ดังน้นั ในการปรบั ปรงุ สนิ คา้ หรือบริการสามารถทําได้อย่างมีอสิ ระ เพอ่ื ใหไ้ ด้มาซ่ึงกําไรในการดาํ เนนิ ธุรกิจ 3. มีความเชื่อมัน่ ในตนเอง (Self - Confidence) ธรุ กจิ แต่ละประเภทต้องการการตัดสนิ ใจทแ่ี ตกต่างกัน ผ้ปู ระกอบอาชีพอสิ ระจึงตอ้ งเป็นผู้ที่มคี วามเชื่อม่ันในตนเอง ในภาวการณ์ทีต่ ลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจบางประเภทสามารถสวนกระแสเศรษฐกิจโดยรวมได้ ดงั นนั้ ผปู้ ระกอบอาชีพอสิ ระจึงต้องมีความมน่ั ใจ เพื่อจะได้พาธรุ กจิ ของตนใหผ้ ่านพน้ อปุ สรรคตา่ งๆ ได้ ดงั นั้น ถ้าไตร่ตรองดีแล้วว่าจะทําอะไรเม่อื ไร เวลาใดจงทําทันที 4. อดทน ไม่ท้อถอย (Persistence and dealing with failure) การประกอบอาชีพทกุ อย่างย่อมมีท้งักําไรและขาดทุน โดยเฉพาะเม่อื เริม่ ประกอบการใหม่ๆจะต้องประสบปัญหาและอุปสรรคบ้าง ซึ่งถือวา่ เป็นเรอ่ื งธรรมดา ผปู้ ระกอบอาชีพจึงตอ้ งพร้อมทจี่ ะรับข้อผิดพลาดและนาํ มาแก้ไขดว้ ยความอดทน ไม่ท้อแท้ท้อถอย 5. มีวินยั ในตนเอง (Having discipline) การประสบความสาํ เรจ็ ในอาชีพซงึ่ เราเป็นเจ้าของกิจการเองจาํ เปน็ จะต้องมีวนิ ัย มีกฎระเบียบการทาํ งานตอ้ งสมา่ํ เสมอ ถ้าขาดวินยั การประกอบอาชีพก็อาจไม่ประสบผลสําเรจ็ การเป็นผู้มวี ินัยนบั เป็น ส่ิงสําคญั สําหรบั ผู้ประกอบอาชีพทุกประเภท เพราะวินยั จะเป็นสิง่ ท่คี อยกําหนดใหผ้ ูป้ ระกอบการปฏบิ ัตงิ านตามแผนงานที่ได้ วางไว้ ถา้ ผู้ประกอบการขาดวินยั ธรุ กิจย่อมจะต้องประสบกับการขาดทนุ และล้มเหลวไปในท่สี ุด 6. มที ัศนคติทดี่ ตี ่ออาชพี (Good attitude) ไมว่ ่างานนน้ั จะเปน็ งานทมี่ เี กียรตหิ รือไม่ ผปู้ ระกอบอาชพีอิสระจะตอ้ งรักในงานทีท่ าํ และให้เกยี รติกับงานนั้นๆ เสมอ 7. มีความรอบรู้ (Seeking information) การประกอบอาชีพอิสระจะต้องรบั รู้ขา่ วสารอยู่เสมอ เพ่ือปรบั ตัวใหท้ นั ต่อการเปลย่ี นแปลงของโลก ซ่ึงเปลย่ี นแปลงไปเร็วมาก ประโยชนข์ องการรับรู้ขา่ วสารจะทําให้สามารถปรบั ปรงุ ธรุ กจิ ของตนเองให้ทนั สมยั อย่ตู ลอดเวลา ผลท่ไี ดก้ ็คือกาํ ไร 8. มมี นุษย์สัมพนั ธ์ (Good human relationship) การประกอบอาชีพอิสระ จะต้องเป็นผู้มมี นุษยสมั พนั ธ์อันดี เพื่อผลประโยชนใ์ นธรุ กจิ ของตนเอง ไม่วา่ จะเปน็ ลกู คา้ บคุ คลรอบข้าง หรอื คู่แข่งขนั ก็ตาม เพราะการมีมนุษยสมั พนั ธ์อันดี จะทําใหม้ คี วามคลอ่ งตัวในการดําเนนิ งานเป็นอยา่ งยิ่ง 9. มคี วามซื่อสตั ย์ (Honesty with customer) ผูป้ ระกอบอาชีพอิสระจะต้องมีความซ่อื สัตย์และจรงิ ใจตอ่ ลูกค้า การบริการลูกค้าให้เกิดความประทบั ใจในการขายสนิ ค้าหรอื บริการและกลบั มาใช้ บริการอีกเป็นหัวใจสงู สุด เพอ่ื ผลประโยชน์ตอ่ ธรุ กจิ และต่อตัวเองในท่ีสดุ 10. มคี วามรูพ้ ้นื ฐานในการเรม่ิ ทําธรุ กจิ การที่จะทําอะไรสักอยา่ งหนึ่งเราควรไดร้ ู้จักส่ิงท่จี ะทําอย่างนอ้ ยให้ร้วู ่า ทาํ จากอะไร ซื้อวตั ถดุ บิ จากไหนตลาดอยู่แหลง่ ใด และหากต้องการทราบข้อมูลเพ่มิ เติมจะหาได้จากท่ีไหน 11. มีการพัฒนาตนเอง ให้มีคุณลักษณะเหมาะสมกบั การประกอบอาชีพอิสระ เม่อื มีความรู้พืน้ ฐานใน
การประกอบอาชพี แล้ว กค็ วรได้มีการศกึ ษาอบรมเพื่อพัฒนารปู แบบของสนิ คา้ หรือบริการ อีกทงั้ ยังต้องพฒั นาตนเองให้มคี ณุ ลักษณะเหมาะสมกบั การประกอบอาชพี นนั้ ๆ เชน่ หากเปน็ ชา่ งเสรมิ สวยกต็ ้องพัฒนาตนเองใหด้ ูสวยงาม เมือ่ ลกู คา้ เหน็ ได้ดนู ่าเช่อื ถอื หรือหากเลือกท่ีจะขายอาหาร ผู้ขายก็ควรแต่งตวั ให้ดูสะอาด ไมส่ ูบบุหรี่ขณะทาํ อาหาร เป็นต้นหนว่ ยงานทีส่ ่งเสรมิ และสนบั สนนุ การประกอบอาชีพโดยการฝกึ อบรม กรงุ เทพมหานคร ให้การสนับสนนุ ดา้ นการสง่ เสริมการประกอบอาชีพ โดยการจัดต้ังโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานครปจั จบุ นั มีทงั้ หมด 27 โรงเรยี น เปดิ สอนทง้ั ภาคปกติและภาคค่ํา จํานวน 36 สาขาวชิ าหลกั สูตร 3 เดือน และ 6 เดือน สนใจสอบถามรายละเอียดเพม่ิ เติมไดท้ ี่ฝุายการศึกษาอาชีพ กองส่งเสริมอาชีพสาํ นกั งานพฒั นาชมุ ชน กรุงเทพมหานคร โทร. 2476025,2460301-2 ตอ่ 2570 กรมการศึกษานอกโรงเรียน ไดจ้ ัดต้ังสถานศึกษาวชิ าชีพขนึ้ ทง้ั 75 จังหวัด การดําเนนิ งาน การเรียนการสอน ของแตล่ ะสถานศึกษาวชิ าชพี ข้นึ อยู่กับสภาพและความต้องการของผู้เรียนในแต่ละท้องถ่นิ หลกั สูตรวิชาชีพเนน้ วิชาชีพระยะส้ัน สนใจสอบถามรายละเอียดเพ่มิ เตมิ ได้ที่ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรยี นจงั หวัดทุกจังหวัด กรมพัฒนาฝมี ือแรงงาน มภี าระหนา้ ท่ดี ้านพฒั นาฝมี อื แรงงาน โดยทําหน้าทจี่ ดั การฝกึ ฝมี ือแรงงานในสาขาชา่ งต่างๆ แก่บุคคลโดยท่ัวไป ให้มคี วามรู้ ความสามารถ สามารถนําความรู้ที่ไดร้ บั ไปประกอบอาชพี ได้การฝึกแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ไดแ้ ก่ - ฝึกเตรียมเขา้ ทาํ งาน เปน็ การฝกึ อาชีพชา่ งเบื้องต้นแก่เยาวชนอายุระหวา่ ง 15-25 ปี ซ่งึ ไม่เคยมีความรู้หรือฝมี ือช่างมาก่อน โดยไม่คิดมลู คา่ ระยะเวลาฝกึ ต้งั แต่ 4-14 เดอื น เป็นการฝึกภาคทฤษฎีร้อยละ 20และการฝึกภาคปฏบิ ตั ริ อ้ ยละ 80 - ฝกึ ยกระดบั ฝีมือ เป็นการฝึกอาชพี เพ่ือเพิ่มพนู ความร้แู ละฝมี ือให้ทนั กับวิทยาการสมยั ใหม่ แกผ่ ู้ทาํ งานอยู่แลว้ ในตลาดแรงงาน - ฝึกอาชพี ในชนบท เป็นการฝึกอาชีพให้แก่ประชาชน ในชนบท ใหส้ ามารถประกอบอาชีพเสริม ในสาขาชา่ งตา่ งๆ นอกเหนือจากอาชีพเกษตรกรรม เพอื่ เพมิ่ รายได้และปูองกนั การเกดิ ปญั หาการว่างงานได้อีกทางหนง่ึ - การสง่ เสรมิ การฝกึ ในกิจกรรมและฝึกพิเศษ เปน็ การฝึกอบรมหลักสูตรพิเศษ ตามความต้องการของสถานประกอบการ เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการทาํ งาน สนใจ สอบถามรายละเอียดเพม่ิ เติมได้ที่ :ในเขตกรุงเทพมหานคร ตดิ ต่อที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานกลาง 93 ซ. อินทามะระ 22 ห้วยขวาง กรุงเทพฯโทร. 6918431ในสว่ นภมู ภิ าค ตดิ ต่อที่สถาบันพฒั นาฝีมือแรงงานฯ และศูนย์พฒั นาฝีมอื แรงงานฯ จังหวดั มลู นิธสิ ง่ เสรมิศิลปาชพี ในสมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิตพิ์ ระบรมราชนิ นี าถ ใหก้ ารสนบั สนนุ ด้านการประกอบอาชีพโดยการฝกึ อบรม ดําเนินการในพ้นื ที่ 46 จังหวัด สาขาวิชาทส่ี ง่ เสรมิ จํานวน 25 สาขาวชิ า สนใจสอบถามรายละเอยี ดเพม่ิ เกิดได้ท่ีกองศิลปาชีพ สวนจิตรลดา กรงุ เทพฯ 10303 โทร. 2811202, 2821182, 2813493, 2811111 มลู นธิ ิ \"ลงุ ขาวไขอาชพี \" สอนอาชีพง่ายๆ โดยไม่คิดมลู คา่ โดยมีวตั ถุประสงค์ เพื่อใหผ้ ทู้ ่มี รี ายได้น้อย
เพมิ่ รายไดใ้ หก้ ับตนเองและครอบครวั ระยะเวลาในการฝึกตํ่าสดุ 3 ช่ัวโมง และสูงสุด 150 ช่วั โมง สนใจสอบถามรายละเอยี ดเพิ่มเติมไดท้ ่ี มลู นธิ ฯิ เลขที่ 454/100 ซอย 87 ถ.ลาดพรา้ ว แขวงวงั ทองหลาง เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10310 โทร. 5383981 ศนู ย์ ส่งเสรมิ และฝึกอบรมมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ สอนอาชีพในหลาย ๆ ด้าน ทั้งดา้ นการเกษตรการทาํ อาหาร เบเกอรี่ คอมพิวเตอร์ การดดู วงชะตา ฯ เสยี ค่าใชจ้ า่ ยหลักสูตรละประมาณ 700 - 2,000 บาท(แล้วแต่หลกั สูตร) สอบถามรายละเอียดเพม่ิ เติมที่ ศนู ยส์ ่งเสรมิ และฝกึ อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์บางเขน กรงุ เทพฯ 10900 ศนู ย์เทคโนโลยีอาชีพมติชน ฝึกอบรมอาชพี ระยะสนั้ ใช้เวลาอบรม 1 วนั มหี ลากหลายหลักสตู ร ท้ังดา้ นงานศลิ ปประดษิ ฐ์ การทําอาหาร เบเกอร่ี ฯ ค่าใช้จ่ายหลักสตู รละ 963 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนยเ์ ทคโนโลยีมตชิ น อาคารมตชิ น ย่านประชานิเวศน์ 1 กรงุ เทพฯ โทร. 580-0021 ตอ่ 1308 (จันทร์-ศุกร)์ ปัจจัยหลักของการประกอบอาชีพ ปัจจัยของการเริม่ ต้นประกอบอาชพี อสิ ระ คือ จะทาํ อาชีพอะไรต้องรอู้ ะไรต้องเตรยี มตัวอย่างไร ดังนัน้ ปัจจยั หลักท่ีสาคัญก่อนเร่ิมการประกอบอาชีพอิสระ ปัจจยั แรก = คือทนุ ทนุ คือสิ่งท่ีจะเป็นปจั จัยพ้ืนที่ของการประกอบอาชีพ โดยจะต้องวางแผนแนวทางการดาํ เนินธรุ กิจไวล้ ว่ งหน้าเพ่ือให้ ทราบวา่ จะต้องใช้เงินทุนประมาณเทา่ ไร แลว้ พิจารณาวา่ มีเงนิ ทนุเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอจะหาแหล่งเงนิ ทุนจากท่ีใด อาจได้จากการรวมหุ้นลงทนุ กนั ในหมญู่ าตพิ น่ี ้อง และเพ่ือนฝูง หรือการก้ยู ืมจากหน่วยราชการ หรอื สถาบัน การเงนิ ตา่ ง ๆ อย่างไรก็ตามในระยะแรกไม่ควรลงทนุมากเกินไปเนื่องจาก ยังไม่ทราบความต้องการของตลาดท่แี ทจ้ รงิ ปจั จยั ที่สอง = คอื ความรู้ หมายถงึ ความรูใ้ นงานอาชพี ท่จี ะมาประกอบอาชีพหากไม่ต้อง ศกึ ษาและฝกึ ฝนขวนขวายหาความรู้ โดยการเรียนจากสถาบนั ท่ใี หค้ วามร้ดู า้ นอาชพี ซ่ึงมที ัง้ ของรัฐบาล และเอกชนหรือสมคั ร เรยี นกับชมรมต่าง ๆ หรือทาํ งานเปน็ ลูกจา้ งคนอ่ืน หรือทดลอง ปฏิบตั ิดว้ ย ตนเอง เพ่ือให้มีความรู้เกิดทกั ษะ ความชํานาญ และประสบการณ์ในการประกอบอาชพี นั้น ๆ ปจั จัยที่สาม = คอื การจดั การ เปน็ ความสามารถในการบรหิ ารงานของแต่ละบคุ คลในการ จดั การเกีย่ วกับอาชีพของตนเอง เป็นสถานทเ่ี กี่ยวข้องกบั การวางแผน การทาํ งานในเรื่องคน เงนิ เคร่อื งมือ เครื่องใช้และ กระบวนการทํางานต่าง ๆ ปจั จยั ทีส่ ี่ = คอื การตลาด ซ่ึงเป็นปจั จัยทีส่ ําคัญอีกปัจจัยหนึง่ เพราะ หากสินค้าและบรกิ าร ทีผ่ ลิตขนึ้ไม่เป็นที่ติดหู ติดตาของผบู้ ริโภค ก็ถอื ว่ากระบวนการทงั้ ระบบไมป่ ระสบผลสาํ เร็จ เนอื่ งจากไมส่ ามารถแปรสนิ ค้าและบริการเหลา่ นั้นให้เปน็ ตัวเงนิ ได้ ดงั นัน้ การวางแผนการตลาด ซ่งึ ในปจั จบุ นั มีการแข่งขันสูง จงึ ควรได้รบั การสนใจในการพัฒนา เทคนคิ ดา้ นตา่ ง ๆ ให้ทันสมยั เพอ่ื ให้เปน็ ทีส่ นใจของกลมุ่ เปูาหมายการจัดการศกึ ษาเพือ่ การไปสู่การประกอบอาชีพอิสระ การประกอบอาชีพอิสระในประเทศไทยแต่คร้ังก่อนๆ ฐานเศรษฐกจิ ของประเทศคอื ผูป้ ระกอบอาชีพอสิ ระ ซ่งึ ไดก้ ลายเป็นผูป้ ระกอบขนาดใหญ่หลายราย และยังเปน็ ฐานเศรษฐกจิ ท่สี ําคัญของระบบอยู่ ฉะนัน้ การประกอบอาชีพอิสระจึงนับเป็นการสร้างงานในระยะต้นให้กบั ตนเอง และให้กับผูอ้ น่ื ในระยะต่อไป
อาชีพอสิ ระ ได้มกี ารแยกลักษณะของอาชีพสว่ นตัวไว้เป็นประเภทใหญๆ่ อยู่ 3ประเภท คอื 1.ประเภท การค้า 2.ประเภทอตุ สาหกรรมและคหกรรม 3.ประเภทบรกิ าร จากการรายงานการศกึ ษาของประดิษฐ์ ชาสมบัติ เรื่องการประกอบอาชพี ส่วนตัวในสาขาเศรษฐกิจนอกระบบในกรุงเทพพบว่า ลักษณะและคณุ สมบัติผู้ประกอบอาชพี สว่ นตัวสว่ นใหญ่เปน็ เพศชายมากกวา่ เพศหญิง อายุผูป้ ระกอบอาชีพอสิ ระส่วนใหญ่ค่อนขา้ งสงู มากกวา่ ร้อยละ 90 อายเุ กนิ 40 ปี จากการวิจยั พบวา่การศึกษาในระบบไมไ่ ด้ช่วยโดยตรงในการประกอบอาชพี สว่ นตัว แตก่ ารศกึ ษานอกระบบโดยเฉพาะอย่างยงิ่การฝึกฝนและการทาํ งานในกิจการ (on the job training ) มีบทบาทอย่างสําคัญในการประกอบอาชีพสว่ นตัว ในกิจกรรมประเภทอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม การศกึ ษาอบรมวชิ าชพี ระบบสนั้ จะช่วยส่งเสริมอาชีพส่วนตัวได้มากสง่ิ ท่ีจูงใจให้ผ้ปู ระกอบอาชีพส่วนตัวที่สาํ คัญๆ คอื เหตผุ ลที่ว่ามีประสบการณใ์ นอาชีพน้นั ๆ มาก่อน และเหน็ลูท่ างในการหารายได้ และกาํ ไรอปุ สรรค ของการขยายการประกอบอาชีพส่วนตวั คือ ขาดแคลนเงนิ ทุนทีจ่ ะขยายกจิ การ ความไม่แนน่ อนของตลาด ส่วนปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงาน วตั ถุดบิ และเทคนิคการผลติ เปน็ ส่วนน้อย ตลอดจนปญั หากฎระเบียบของทางราชการทเ่ี ป็นอปุ สรรคตอ่ การประกอบการ เพราะส่วนใหญ่ผู้ประกอบการไมไ่ ด้พึ่งพงิ ความชว่ ยเหลอื ของทางการเท่าไหร่บทบาท การจัดการศกึ ษาเพื่อส่งเสริมอาชพี อสิ ระ การทําใหเ้ กิดผ้ปู ระกอบอาชีพอสิ ระมากขน้ึ นนั้ จะรอให้ปัจจยั ต่างๆ ค่อยๆ ปรบั ตวั เองตามธรรมชาติคงเป็นไปไม่ได้ แตต่ ้องศึกษาถึงเหตปุ ัจจัยทเ่ี ป็นอุปสรรค แลว้ จึงหาทางแก้ไข อุปสรรคในการประกอบอาชพีอสิ ระพอจาํ แนกไดเ้ ป็นอุปสรรคภายนอกและภายใน อปุ สรรคภายใน ไดแ้ ก่ ตวั บคุ คลเอง เช่น ขาดความรู้ท่จี ะประกอบอาชีพเรียกวา่ ทาํ มาหากนิ ไม่เป็นขาดการกระตือรือรน้ ท่จี ะประกอบอาชพี ดว้ ยตัวเอง ซึง่ คุณสมบตั เิ ฉพาะของผู้ประกอบอาชพี อสิ ระท่ีจะประสบความสาํ เรจ็ จําเป็นจะต้อง มีคุณลักษณะดังน้ี 1.ตอ้ งเปน็ คนทส่ี ามารถทนทาํ งานหนกั ได้เกนิ กวา่ บุคคลปกติ 2.เป็นผทู้ ี่มคี วามกระตือรือร้นอยู่เสมอ 3.มคี วามเชือ่ ม่ันในตัวเองและมีความมุ่งมน่ั ทีจ่ ะทาํ อะไรใหไ้ ด้ 4.ในการประกอบกจิ การใดๆ มักจะตั้งเปูาหมายสงู (แตส่ ามารถปฏบิ ตั ิได)้ 5.ไมเ่ บือ่ ง่าย ไม่ชอบทิง้ อะไรกลางคนั เม่ือพบอุปสรรค 6.เห็นคณุ คา่ ของเงนิ 7.มพี ลงั ในการแก้ปัญหาอยา่ งไมเ่ สอ่ื มคลาย 8.ควรเสีย่ งอย่างมเี หตผุ ล 9.รู้จักใช้ความผดิ แต่หนหลังเปน็ บทเรียน
10. ร้จู กั ใช้คาํ วิพากษ์วิจารณข์ องคนอ่ืนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 11.มคี วามคิดริเรม่ิ และกลา้ ที่จะรบั ผดิ ชอบต่อความคดิ รเิ รมิ่ นัน้ 12.รูจ้ กั ใชท้ รพั ยากรทม่ี ีอยู่อยา่ งจํากัดใหม้ ีประโยชน์ใหม้ ากทส่ี ุด 13.ในการทาํ งานต้องต้ังเกณฑ์สงู สุดเข้าไว้และต้องทําให้ไดเ้ สมอ อปุ สรรคภายนอก ไดแ้ กอ่ งค์ประกอบทจี่ ะช่วยส่งเสรมิ อํานวยความสะดวก พืน้ ฐานของผู้อยากประกอบอาชีพอิสระได้แก่ ปัจจยั พ้ืนฐานของการประกอบการ คอื เงนิ ทนุ การตลาด แหลง่ วัตถุดิบ การแข่งขนัการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระการตดั สนิ ใจเลือกประกอบอาชีพอสิ ระ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึง่ ผูป้ ระกอบอาชพี อิสระต้องมีความรู้ ความชาํ นาญในเร่ืองการจดั การ มกี ารวางแผนทดี่ แี ละเตรียมการอยา่ งละเอียด การประกอบอาชพีอิสระเปน็ งานทที่ า้ ทาย แต่กส็ ามารถสรา้ งรายได้ให้ผู้ประกอบการ และครอบครัวไดไ้ ม่แพ้อาชีพอื่น ผปู้ ระสบความสําเร็จในการประกอบอาชีพอิสระสว่ นใหญ่ จะเปน็ ผู้ทม่ี คี วามอดทนสูง มคี วามตั้งใจ กระตอื รือร้น และพฒั นาตนเองอย่ตู ลอดการสง่ เสริมการประกอบอาชพี อสิ ระของกรมการจัดหางาน เปน็ บริการแนะแนวทางในการประกอบอาชพี เผยแพร่อาชีพอสิ ระที่นา่ สนใจ แนะนาํ แหลง่ เงินทนุ ตลอดจนแหล่งฝึกอบรมแก่ผูว้ า่ งงานทัว่ ไป รวมถงึ ผู้วา่ งงานที่อพยพกลบั จากตา่ งประเทศ ตลอดจนผมู้ รี ายได้น้อยทีต่ ้องการประกอบอาชีพอิสระเพื่อเป็นรายได้หลกั และรายไดเ้ สริมแนวทางการประกอบอาชพี อิสระการประกอบอาชพี อิสระคืออะไร การประกอบอาชพี อิสระ คอื การประกอบกจิ การส่วนตัวตา่ ง ๆ ในการผลติสนิ ค้า หรอื บรกิ าร เป็นธุรกิจของตนเองไมว่ า่ ธรุ กจิ นัน้ จะเลก็ หรือใหญ่ก็ตาม มอี สิ ระในการกาํ หนดรูปแบบ และวธิ ดี ําเนนิ งานของตัวเองไดต้ ามความเหมาะสม ไม่มีเงินเดอื นหรอื รายได้ทแี่ นน่ อน ผลตอบแทนที่ได้รับ คือ เงินกาํ ไรจากการลงทุนสารวจตัวคณุ เองวา่ คุณพรอ้ มทจี่ ะมธี ุรกจิ ของตนเองแล้วหรอื ยัง?การประกอบอาชพี อิสระไมใ่ ช่เรอื่ งงา่ ย แต่กไ็ ม่ยากเกินความพยายาม การประกอบอาชีพอิสระ เปน็ งานท่ีทา้ทายความสามารถ ผทู้ ีป่ ระกอบอาชีพอิสระจนพบกบั ความสําเรจ็ ต้องมีคุณสมบตั ิ ดังน้ี1. ต้องมีความมุ่งมน่ั ตั้งใจ เต็มใจทจ่ี ะทมุ่ เทกําลังกาย กําลังใจทงั้ หมดให้แกธ่ ุรกจิ
2. ต้องมีแรงจูงใจ ถ้าเลือกทาํ ธุรกิจเพยี งแตต่ ้องการหาอะไรทําสกั อย่างหนึง่ โอกาสทธี่ ุรกิจจะประสบความสาํ เร็จจะมีน้อย แตถ่ า้ มีความต้องการ มคี วามม่งุ มน่ั อยา่ งจรงิ จังจะเป็นเจ้าของกิจการ โอกาสก็จะมมี าก3. ตอ้ งมสี ุขภาพดี ไม่เชน่ นั้นจะไม่สามารถทุ่มเทให้ธุรกิจได้อย่างเต็มท่ี และความกังวลเร่อื งธรุ กจิ กจ็ ะทาํ ให้สุขภาพย่ิงแยล่ งด้วย4. ต้องมีการตัดสนิ ใจ ต้องกล้าตัดสนิ ใจในเรอื่ งตา่ ง ๆ มากมายหลายเรือ่ ง การที่ไม่ตดั สินใจ หรอื ไมส่ ามารถตัดสนิ ใจได้ ธรุ กจิ ก็จะมปี ญั หาหรอื ลม้ เหลวได้5. ต้องกลา้ เสีย่ ง ไมม่ ีธรุ กจิ ใดทีไ่ มต่ ้องเส่ียง ต้องกลา้ ที่จะเสี่ยงและเสี่ยงอยา่ งฉลาดกลา้ ตัดสินใจในเร่อื งตา่ ง ๆ แสวงหาชอ่ งทางในการทาํ ธุรกิจ ธุรกจิ ที่ประสบความสําเรจ็ จะต้องเริ่มท่ี “มองเห็นหรือพบแนวความคดิ ” ท่ดี กี ่อน การมีแนวความคดิ ทางธุรกจิ ท่ีดี จะไม่ทาํ ใหต้ ้องผิดหวงั และสญู เสยี เงินในภายหลงั แตถ่ า้ แนวความคิดทางธรุ กิจไมด่ พี อธรุ กจิ กจ็ ะลม้ เหลวไมว่ า่ จะใชเ้ วลาและใชเ้ งินไปมากเทา่ ใดก็ตามประเภทของธุรกิจ โดยท่ัว ๆ ไป แบง่ ประเภทไดด้ งั นี้1. ธุรกิจการผลิต เชน่ ทาํ อาหาร ทาํ กรอบรูป ตัดเยบ็ เส้ือผา้ ทาํ แชมพู สง่ิ ประดษิ ฐ์ เปน็ ตน้2. ธุรกิจบริการ ธุรกิจประเภทนเี้ ป็นการขายแรงงาน หรือมคี วามรู้ ความชาํ นาญ เช่นซอ่ มมอเตอร์ไซด์ รับจา้ งลา้ งรถ เสริมสวย แปลเอกสาร นวดแผนไทย บรกิ ารซัก-รีด เปน็ ต้น3. ธุรกิจซ้ือมาขายไป เป็นการซ้อื สินคา้ จากผู้ผลิตหรือผู้ขายสง่ แล้วขายใหล้ ูกคา้ เช่นร้านขายของชํา รา้ นขายเสอ้ื ผ้าสําเรจ็ รูป รา้ นขายเฟอร์นเิ จอรจ์ ากโรงงาน เปน็ ต้น4. ธรุ กิจการเกษตร เปน็ การทําธรุ กจิ ที่ผลติ สินคา้ จากการเกษตร และนา้ํ เช่น การปลกู พืช เลย้ี งสตั ว์ ทาํ การประมง เป็นต้นองคป์ ระกอบที่ทําใหธ้ ุรกจิ ประสบความสําเรจ็ องค์ประกอบตา่ ง ๆ ทท่ี ําใหธ้ ุรกจิ ประสบความสาํ เร็จ ตอ้ งพิจารณาแต่ละสว่ น และทําให้แต่ละส่วนเหลา่ นน้ั เป็นจุดแขง็
ซอ้ื มาขายไป บรกิ ารทําเล , สถานทเ่ี หมาะสม ตรงเวลาวิธกี ารขายดี บริการดมี ีคุณภาพมีสินคา้ ให้เลือกมาก ทําเลเหมาะสมราคาสมเหตุผล สรา้ งความพอใจให้ลูกคา้มสี นิ ค้าคงคลังพอดี มีลกู ค้าประจาํปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างดี มบี ริการหลังการขาย การผลติ การเกษตรการผลติ มปี ระสิทธภิ าพ ใช้ผืนดินอยา่ งมีประสิทธิภาพมโี รงงานทเี่ หมาะสม ตน้ ทนุ การผลติ ตํ่าจัดหาวัตถุดิบอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การขนส่งมีประสทิ ธภิ าพผลผลิตสงู , ผลผลิตคุณภาพสูง ผลผลิตมีคณุ ภาพคา่ แรงตํา่ปจั จัยหลกั ของการประกอบอาชีพ ปญั หาสําคัญของการเริม่ ตน้ ประกอบอาชพี จะต้องพิจารณาวา่ จะประกอบอาชีพอะไร โอกาสและความสําเร็จมีมากน้อยเพยี งไร จะต้องเตรียมตัวอย่างไร จงึ จะทาํ ใหป้ ระสบผลสาํ เร็จ ซึ่งมหี ลายประการ อาทิ
1. ทนุ คอื สง่ิ ทจ่ี าํ เปน็ ปัจจัยพื้นฐานของการประกอบอาชพี ใหม่ โดยจะตอ้ งวางแผนและแนวทางการดาํ เนนิ ธรุ กิจไวล้ ว่ งหนา้ เพื่อท่จี ะทราบวา่ ต้องใชเ้ งนิ ทุนประมาณเท่าไร บางอาชีพใช้เงินทุนน้อยปัญหายอ่ มมนี ้อย แตถ่ า้ เป็นอาชีพทีต่ ้องใช้เงินทนุ มาก จะต้องพิจารณาวา่ มที นุ เพียงพอหรือไม่ ซึ่งอาจเปน็ปญั หาใหญ่ ถ้าไม่พอจะหาแหลง่ เงนิ ทนุ จากท่ีใด อาจจะได้จากเงินเกบ็ ออม หรือจากการกู้ยืมจากธนาคาร หรอืสถาบันการเงนิ อ่นื ๆ อยา่ งไรก็ตาม ในระยะแรกไมค่ วรลงทุนจนหมดเงินเก็บออม หรือลงทนุ มากเกนิ ไป2. ความรู้ หากไม่มคี วามรเู้ พียงพอ ตอ้ งศกึ ษาขวนขวายหาความรูเ้ พ่มิ เติม อาจจะฝกึ อบรมจากสถาบนั ที่ให้ความรู้ดา้ นอาชพี หรือ ทาํ งานเปน็ ลูกจา้ งคนอนื่ ๆ หรือทดลองปฏิบัตดิ ว้ ยตนเองเพอ่ื ใหม้ ีความรู้ ความชํานาญ และมปี ระสบการณ์ในการประกอบอาชีพนน้ั ๆ3. การจดั การ เปน็ เรือ่ งของเทคนิคและวธิ กี าร จึงต้องรู้จกั การวางแผนการทํางานในเร่ืองของตวั บุคคลทจ่ี ะรว่ มคดิ ร่วมทาํ และรว่ มทุน ตลอดจนเรื่อง เครอื่ งมือ เคร่ืองใช้และกระบวนการทํางาน4. การตลาด เปน็ ปัจจยั ที่สําคัญมากทสี่ ุดปัจจัยหน่ึง เพราะหากสนิ คา้ และบริการทผี่ ลิตข้ึนไม่เปน็ ที่นยิ มและไม่สามารถสรา้ งความพอใจให้แก่ผู้บรโิ ภคไดก้ ็ถอื วา่ กระบวนการท้ังระบบไมป่ ระสบผลสําเร็จ ดังนั้นการวางแผนการตลาด ซ่งึ ปัจจุบันมีการแขง่ ขันสงู จึงควรได้รับความสนใจในการพัฒนา รวมท้งัตอ้ งรแู้ ละเขา้ ใจในเทคนิคการผลิต การบรรจแุ ละการหีบห่อ ตลอดจนการประชาสมั พันธ์ เพ่ือให้สินคา้ และบรกิ ารของเราเป็นที่นิยมของลกู คา้ กลมุ่ เปูาหมายต่อไปข้อแนะนาในการเลอื กอาชีพ กอ่ นตัดสินใจเลอื กประกอบอาชพี ใด ๆ กต็ าม ควรพิจารณาอยา่ งรอบคอบ ซ่ึงมีข้อแนะนําดังนี้ประการแรก ควรเลอื กอาชีพทชี่ อบหรือคิดวา่ ถนัด สํารวจตวั เองวา่ สนใจ อาชีพอะไร ชอบหรอื ถนดั ดา้ นไหน มีความสามารถอะไรบา้ ง ท่ีสําคญั คือ ต้องการหรอื อยากจะประกอบอาชีพอะไร จึงจะเหมาะสมกับตวั เองและครอบครวั กลา่ วคือ พจิ ารณาลักษณะงานอาชีพ และพิจารณาตวั เอง พรอ้ มทง้ั บุคคลในครอบครวั ประกอบกนั ไปด้วย
ประการทส่ี อง จะต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง คอื ต้องศึกษารายละเอยี ดของอาชีพทีจ่ ะเลือกไปประกอบ ถ้าความรู้ความเข้าใจยังมีน้อย มีไมเ่ พียงพอก็ต้องทาํ การศกึ ษา ฝกึ อบรม ฝกึ ปฏบิ ตั ิเพิม่ เติมจากบุคคล หรือหนว่ ยงานต่าง ๆ ใหม้ ีพ้นื ฐานความรู้ความเขา้ ใจในการเริ่มประกอบอาชพี ท่ีถูกต้อง เพื่อจะไดเ้ รียนรู้จากประสบการณ์จรงิ ของผ้มู ปี ระสบการณ์มาก่อน จักได้เพิม่ โอกาสความสาํ เร็จสมหวังในการไปประกอบอาชีพนั้น ๆประการทสี่ าม พจิ ารณาองค์ประกอบอน่ื ที่เก่ียวข้อง เช่น ทําเลทตี่ ง้ั ของอาชพี ที่จะทําไม่วา่จะเปน็ การผลิต การจาํ หนา่ ย หรือการใหบ้ ริการก็ตาม สภาพแวดลอ้ มผู้รว่ มงาน พน้ื ฐานในการเร่ิมทาํธรุ กจิ เงินทุน โดยเฉพาะเงนิ ทุนตอ้ งพิจารณาวา่ มเี พียงพอหรอื ไม่ถ้าไม่พอจะหาแหล่งเงนิ ทนุ จากที่ใดการดาํ เนินธรุ กจิ ใหป้ ระสบผลสําเรจ็ การดําเนนิ ธุรกจิ นนั้ ไม่ใช่เร่ืองยาก ทุกคนสามารถเป็นนักพัฒนา หรือนกัลงทนุ ใหม่ ท้งั นีต้ ้องมีกญุ แจสู่ความสําเร็จ หลกั สาํ คัญทุกคนจะต้องพัฒนาตัวเองในด้านความคดิ ซง่ึประกอบดว้ ย- มพี ลังปญั ญาความคดิ เหน็ ถงึ ปญั หาทแ่ี ท้จริง รู้ถงึ สาเหตขุ องปัญหา และวธิ ีแก้ไข- มพี ลังวริ ิยะความเพียร ในการทาํ งานให้สําเรจ็ ท้ังการลงทนุ การผลิตและการตลาด-มคี วามคิดสร้างสรรค์ของตนเอง- มีความซือ่ สตั ยต์ ่อตนเองและผู้อ่ืน คือ การดาํ เนนิ ธรุ กจิ ต้องสรา้ งความเช่ือถือ ศรทั ธา ไวว้ างใจให้กับตนเอง องคก์ ร และผลติ ภณั ฑ์เปน็ สําคัญ- มพี ลงั แห่งไมตรี เออ้ื อาทร ตอ้ งมีหลกั การบรกิ ารทด่ี ี สร้างความประทับใจใหเ้ กิดข้นึ และสามารถรกั ษาลูกค้าเกา่ หาลูกคา้ ใหม่ ธุรกจิ ท่ีประสบความสําเร็จจะตอ้ งเร่ิมท่ี \"มองเห็นหรือพบแนวความคิด\" ทดี่ กี ่อน การมแี นวความคิดทาง
ธรุ กจิ ทด่ี ี จะไมท่ ําให้ตอ้ งผิดหวงั และสญู เสียเงินในภายหลัง แต่ถ้าแนวความคิดทางธรุ กิจไม่ดีพอธรุ กิจก็จะล้มเหลวไมว่ า่ จะใช้เวลาและใช้ เงินไปมากเทา่ ใดก็ตาม ประเภทของธุรกจิ โดยท่ัว ๆ ไป แบ่งประเภทได้ดงั นี้ 1. ธุรกจิ การผลิต เชน่ ทําอาหาร ทํากรอบรูป ตัดเย็บเส้อื ผา้ ทําแชมพู ส่งิ ประดิษฐ์ เป็นต้น 2. ธุรกจิ บริการ ธรุ กจิ ประเภทนีเ้ ป็นการขายแรงงาน หรือมีความรู้ ความชาํ นาญ เชน่ซ่อมมอเตอรไ์ ซด์ รบั จ้างล้างรถ เสริมสวย แปลเอกสาร นวดแผนไทย บรกิ ารซัก-รดี เป็นต้น 3. ธุรกิจซ้อื มาขายไป เปน็ การซ้อื สินค้าจากผู้ผลติ หรอื ผ้ขู ายส่ง แล้วขายให้ลกู คา้ เช่นรา้ นขายของชํา รา้ นขายเส้ือผา้ สําเรจ็ รูป รา้ นขายเฟอร์นิเจอร์จากโรงงาน เปน็ ต้น 4. ธุรกจิ การเกษตร เป็นการทาํ ธุรกิจทีผ่ ลติ สินค้าจากการเกษตร และน้ํา เช่น การปลูกพชืเล้ียงสตั ว์ ทาํ การประมงองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ทีท่ าํ ใหธ้ ุรกจิ ประสบความสําเร็จต้องพิจารณาแต่ละสว่ น และทําให้แตล่ ะสว่ นเหล่าน้นั เป็นจุดแขง็ ประเภทของธุรกิจ องคป์ ระกอบของธรุ กิจการผลติ การผลติ ท่ีมีประสทิ ธภิ าพ มีโรงงานทเี่ หมาะสม จดั หาวัตถุดิบอยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ ผลผลิตสงูและมคี ุณภาพ และค่าจ้างแรงงานทีเ่ หมาะสมกลยุทธ์การขายตรงให้ประสบความสําเร็จ การขายตรงคือหนึง่ ในรูปแบบการทําธรุ กจิ ท่ีเกา่ แกท่ ส่ี ดุ ในโลกแขนงหนง่ึ เปน็ การขายทแ่ี ทบจะเรียกไดว้ ่าไม่มีอะไรเลยเป็นตวั ชว่ ยเสรมิ อนื่ นอกเหนอื จากการมีผลติ ภัณฑ์เป็นทีต่ ้ังและตวั ชูโรงแตเ่ พียงอยา่ งเดยี ว จงึ เป็นที่สนใจของผู้ประกอบธรุ กิจเป็นจํานวนมากต้งั แต่อดีตจนปัจจุบัน โดยเฉพาะหน้าใหม่ๆในวงการธุรกจิ ปจั จัยท่ีชว่ งสง่ เสริมใหน้ กั ธุรกิจจํานวนมากเลือกกลยุทธ์การขายตรงมาวางเป็นแนวทางเพื่อการดําเนนิ ธรุ กจิ ก็เพราะมีคา่ ใช้จ่ายท่ตี ่าํ กว่ามากทง้ั ในเรื่องของแผนงานทางการตลาด ไม่จาํ เปน็ ต้องใชง้ บประมาณทีส่ ูงมากมายนกั เมือ่เปรียบเทยี บกบั กลยุทธท์ างด้านอ่ืนๆ อีกทั้งการวางแผนงานทางกลยุทธก์ ็ไม่ซับซอ้ นมากเทา่ ไหร่นักจึงส่งผลให้เปน็ ท่นี ิยมอย่างแพร่หลายในปจั จุบนั แตด่ ้วยความที่กลยุทธ์การขายตรงท่ีมีลักษณะการดาํ เนินงานที่ไม่ซบั ซ้อนนีเ้ อง ที่กลายสภาพมาเปน็เหมอื นกบั ดักหลุมพรางขนาดใหญท่ ฉี่ ุดร้งั ผปู้ ระกอบการหลายรายให้ยาํ่ เทา้ อยู่กบั ที่และไม่สามารถก้าวเดนิ ไป
ไหนได้ ดังนน้ั ความรคู้ วามเข้าใจอนั เปน็ สาระใจความสาํ คัญของพนื้ ฐานเบ้ืองตน้ ท่ีควรจะมีก่อนท่จี ะพจิ ารณาเลือกการขายตรงมาเป็นกลยุทธ์หลักในการทาํ ธุรกจิ จึงกลายมาเปน็ สิง่ สําคญั มากทผ่ี ปู้ ระกอบการจําเป็นท่ีจะตอ้ งทราบเอาไว้ โดยองคป์ ระกอบพื้นฐานสําคัญท่ีต้องมีหากคิดจะใช้กลยทุ ธ์ขายตรงมาเปน็ แนวทางการดาํ เนินธุรกิจมีดังต่อไปน้ีถา้ สินคา้ ไม่มคี ุณภาพ ก็จะไม่สามารถสรา้ งฐานลูกค้าทีภ่ ักดีต่อแบรนด์ได้หากคดิ จะทําให้กลยุทธก์ ารขายตรงมีประสทิ ธิภาพและได้ผลเปน็ ท่ีนา่ พอใจในระดับทีส่ ูง สงิ่ ทต่ี ้องคํานึงถึงก่อนเปน็ อันดบั แรกคอื คุณสมบัติของ ผลติ ภัณฑ์ เพราะเกือบร้อยละแปดสบิ กลยทุ ธก์ ารขายตรงจะสามารถอยู่ได้กเ็ น่ืองดว้ ยผลติ ภัณฑ์สนิ ค้ามีคุณภาพและสรรพคุณตามที่กลา่ วอา้ งจรงิ ดงั นนั้ ผ้ปู ระกอบการจะต้องแน่ใจเป็นอยา่ งดีว่าสินคา้ และบริการท่ีจําหนา่ ยออกไปสู่มอื ผู้บรโิ ภคนั้นมีศกั ยภาพที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคไดใ้ นทกุ ระดบัความต้องการ นอกจากนยี้ ังควรนาํ ไปเปรียบเทียบกับของคู่แขง่ ในตลาดด้วยเพื่อหาความแตกตา่ งและนาํ มาพัฒนาศักยภาพของผลติ ภณั ฑใ์ ห้ดีกวา่ ของคูแ่ ข่งต่อไปคงจะกลายเป็นวัฒนธรรมไปเสียแล้วสาํ หรับการขายตรงทีจ่ ะตอ้ งมีโปรโมชั่นการลด แลก แจก ถาม เข้ามาจงูใจให้ผู้บรโิ ภคเลอื กซ้ือสนิ คา้ จึงเปน็ หนา้ ทีข่ องผู้ประกอบการที่จะต้องสรา้ งโปรโมชั่นที่พิเศษสุดขึน้ มาเพื่อพชิ ิตใจลกู ค้าดังตวั อย่างท่ีกล่าวมาข้างตน้ ซึ่งโปรโมชัน่ ท่ดี ไี ม่จาํ เป็นท่ีจะต้องลดราคาหรือแถมสินค้าใหเ้ สมอไปอาจจะอยู่ในรปู ของการรบั ประกันตลอดอายุการใช้งานก็เป็นได้ ถ้าผูป้ ระกอบการมน่ั ใจในศักยภาพของสินค้าเพียงพอ นอกจากน้ีการแจกและแถมสนิ ค้ายังเปน็ วิธที ีอ่ าจจะลดระดบั ของสนิ คา้ ลงอีกทง้ั ยังเป็นวิธีทใ่ี ช้กนัอย่างดาษด่นื ทว่ั ไปจึงไม่มีความนา่ สนใจแล้วในปจั จุบัน จึงขอแนะนําให้พยายามหลกี เลี่ยงถา้ ทาํ ได้อย่างท่ีทราบกันดีว่าการขายตรงเป็นเร่ืองของการขายผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการของทางบรษิ ทั จากมอื สมู่ ือของผบู้ รโิ ภคโดยตรง ดงั นนั้ ความสําเรจ็ สว่ นหนง่ึ จึงตอ้ งยกเครดิตใหก้ ับพนกั งานขาย ซ่ึงพนักงานขายท่ีมฝี ีปากทีย่ อดเยี่ยมประเภทสาลิกาล้ินทองถอื ว่าเปน็ สิ่งที่บริษัททง้ั หลายต่างต้องการและไขว่ควา้ หามารว่ มทีมดว้ ยกันทั้งน้นั พวกเขามีสว่ นสําคญั ในการผลกั ดนั และปิดการขายใหป้ ระสบความสาํ เร็จค่อนข้างมาก ดงั น้ันผู้ประกอบการควรหาพนักงานขายทมี่ ีทกั ษะในเรื่องดงั กลา่ วมาไว้อยู่ในบริษทั สัก 2-3 ทมี เป็นอยา่ งต่าํ แต่ถา้ หาไมไ่ ด้จรงิ ๆการฝึกพนักงานขายให้มีทักษะในเรอื่ งสายงานดังกล่าวกอ็ ยู่ในภาวะวิสัยที่พอจะทําได้ โดยการให้ขอ้ มลู การขายในลักษณะที่เป็นรูปแบบเฉพาะของทางบริษัทที่ได้ถูกเตรยี มการในเรอ่ื งข้อความมาแลว้ เปน็ อยา่ งดี ส่งใหพ้ นักงานไปฝึกจนเกิดความชาํ นาญแล้วจงึ ส่งออกไปทําการขายจรงิ กบั ลูกคา้ นอกจากนี้การให้เงนิรางวลั เปน็ เปอร์เซ็นต์ทนี่ บั จากยอดขายก็เปน็ สงิ่ จูงใจทีช่ ่วยใหพ้ นกั งานขายมกี าํ ลงั ใจในการทาํ งานมากข้ึนด้วยยิง่ บริการหลงั การขายดี ลกู ค้าก็ย่ิงประทับใจและอยากบอกต่องานบรกิ ารหลังการขายหรอื งานเซอร์วสิ น้ันคอืส่งิ สาํ คญั ท่ีผูป้ ระกอบการจาํ เป็นจะตอ้ งมีถ้ารจิ ะใชก้ ลยทุ ธ์การขายตรงมาทําธุรกิจ เพราะการบริการหลังการขายคือปัจจยั ทีจ่ ะชว่ ยส่งเสริมให้ผบู้ ริโภคตัดสินใจเลอื กซ้ือสินคา้ ของผู้ประกอบการได้ง่ายขน้ึ และแทบจะไม่ต้องเสยี เวลาในการขายสินค้าเหมอื นดังเช่นธุรกิจอ่นื ๆเลย ซ่ึงการไปตรวจเช็คสนิ ค้ายังบ้านผู้บริโภคเมื่อครบรอบการใชง้ านตามทีก่ าํ หนดและการไปซ่อมแซมสนิ ค้าโดยทนั ทีที่ไดร้ บั แจ้งถือเป็นวธิ ีการมัดใจลูกคา้ ชน้ั ดี
ทเี่ ปน็ วธิ ีการปูทางไปสกู่ ารสร้างฐานลูกคา้ ที่มีความภักดีต่อแบรนด์สนิ คา้ ของทางบรษิ ทั ด้วยลองดูตวั อย่างของบริษทั ซิงเกอรท์ ใี่ ชก้ ลยุทธ์การขายตรงมาโดยตลอดตัง้ แต่อดตี มาจนถึงปัจจบุ นั และมฐี านลูกคา้ เป็นจาํ นวนมากทีม่ ีความภักดตี ่อตราสนิ คา้ ของทางบริษทั สงู ท่เี ปน็ เช่นนัน้ ได้ก็เพราะทางบริษทั มสี ินค้าที่มศี กั ยภาพสงู บวกกบั งานบริการหลงั การขายท่ยี อดเยย่ี มนัน่ เององค์ประกอบพน้ื ฐานอย่างสุดทา้ ยของการทาํ ธรุ กิจแบบขายตรงคอื การวางเครือขา่ ยทคี่ รอบคลุมและเขา้ ถงึเพือ่ เป็นการเพมิ่ โอกาสในการกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ ซง่ึ จาํ เปน็ ทีจ่ ะต้องวางให้ครอบคลุมท่ัวทงั้ ประเทศไทย (ถ้าสามารถทาํ ได้) เพราะถ้าผูบ้ ริโภคเกดิ สนใจในตัวของสนิ ค้าและบริการของทางบรษิ ัทผู้ประกอบการข้นึมาแล้ว ผู้บริโภคจะพยายามติดตอ่ เพื่อขอซ้ือสินค้าหรืออย่างน้อยก็ขอข้อมูลเพมิ่ เพื่อประกอบการตดั สนิ ใจ ซงึ่ความตอ้ งการดงั กล่าวหากผปู้ ระกอบการไม่สามารถจดั หาเพอื่ ตอบสนองได้ทันทว่ งทีผู้บริโภคก็จะตดั สินใจไปเลอื กซื้อสนิ ค้าและบริการจากทางผปู้ ระกอบการรายอ่นื ที่เป็นค่แู ข่งในทนั ทเี ชน่ กัน เพราะถือวา่ มีความไดเ้ ปรยี บอยู่ในมือไมจ่ ําเป็นท่ีจะต้องไปแคร์ในบริษัทใดบริษัทหนง่ึ ยง่ิ ถา้ เป็นผ้บู รโิ ภคหนา้ ใหม่ทไ่ี มไ่ ด้เป็นขาประจาํ ของทางบริษัทมักจะเลือกวธิ ีการดงั กลา่ วเพ่ือตอบโต้ ซง่ึ จะกลายเป็นการเสียโอกาสทไี่ ม่คมุ้ ค่าและยากแก่การแก้ไขให้กลับคนื มาได้ อันมีที่มาจากการวางเครือขา่ ยท่ไี มส่ ามารถครอบคลุมได้มากพอกบั ความต้องการนั่นเองจากองคป์ ระกอบพน้ื ฐานเบื้องตน้ ที่จาํ เปน็ ก่อนทจี่ ะนาํ กลยุทธ์การขายตรงมาใช้ดาํ เนินธุรกิจของทางบริษัทน้ันจะเห็นไดว้ า่ ลักษณะเฉพาะของกลยทุ ธ์การขายตรง เปน็ อะไรที่มากกว่าการขายสินคา้ สนิ ค้าแบบย่ืนของและรับเงนิ สดกลับคืนมาเป็นการตอบแทนค่อนขา้ งมาก ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรท่จี ะศึกษาและเตรยี มความพร้อมในปจั จยั พนื้ ฐานท้ัง 5 ประการก่อนท่จี ะลงมือใชก้ ลยทุ ธ์การขายตรงเอามาปฏิบัตจิ รงิทม่ี า http://incquity.com/articles/marketing-boost/5-direct-sale-tipsการบริการ - ตรงเวลา บริการดมี คี ุณภาพ ทาํ เลเหมาะสม สร้างความพงึ พอใจให้แกล่ กู คา้ มีลูกค้าประจาํ และมีบรกิ ารหลงั การขายซอ้ื มาขายไป - มีทาํ เลและสถานทท่ี ่ีเหมาะสม มสี ินคา้ ใหเ้ ลอื กหลากชนดิ ราคาท่สี มเหตผุ ลมสี นิ คา้ คงคลังพอดี และปฏิบตั ิต่อลูกค้าเปน็ อย่างดีการเกษตร ใช้ผนื ดนิ หรือพ้ืนทอ่ี ยา่ งมีประสิทธิภาพ ต้นทุนการผลิตตาํ่ การขนส่งมปี ระสทิ ธิภาพ และมผี ลผลิตที่สงูและมคี ุณภาพ นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจท่ีจะประสบผลสําเร็จไดน้ ้ัน จะต้องมกี ารพฒั นาตัวเองในดา้ นความคดิ ซึ่งประกอบดว้ ย
- มพี ลังปัญญาความคิด เหน็ ถึงปัญหาที่แทจ้ ริง ร้ถู ึงสาเหตขุ องปัญหา และวิธีแก้ไข - มพี ลังวิรยิ ะความเพียร ในการทาํ งานใหส้ าํ เรจ็ ท้ังการลงทุน การผลติ และการตลาดมีความคดิ สร้างสรรค์ของตนเอง - มีความซอื่ สัตย์ต่อตนเองและผ้อู ่ืน คือ การดาํ เนนิ ธรุ กจิ ตอ้ งสร้างความเช่อื ถือ ศรทั ธาไว้วางใจให้กับตนเอง องค์กร และผลติ ภณั ฑเ์ ป็นสําคัญ - มีพลงั แห่งไมตรี เออ้ื อาทร ต้องมีหลักการบรกิ ารท่ีดี สร้างความประทับใจใหเ้ กิดขน้ึและสามารถรักษาลูกค้าเกา่ หาลูกค้าใหม่อาชีพเลย้ี งหมปู ุา เกษตรกรสามารถเลย้ี งเพื่อเปน็ รายได้หลักหรอื เสรมิ กไ็ ด้ หมปู ุาเปน็ สัตว์ทเี่ ลีย้ งง่าย สามารถใช้อาหารในท้องถิน่ ทม่ี ีคุณภาพตา่ํ และเศษวสั ดุเหลอื ใช้ทางการเกษตรเปน็ อาหารไดเ้ ป็นอย่างดี ปจั จุบันความต้องการในการบริโภคเนื้อหมูมีค่อนข้างมากแต่มีผเู้ ล้ยี งนอ้ ยทําใหผ้ ลผลิตเนื้อหมูปุามีไมเ่ พียงพอ ดังนนั้ ราคาเน้ือหมปู าุ จึงสงู กวา่ ราคาเนื้อหมปู กติทั่วไป เกษตรกรจงึ หนั มาสนใจเลีย้ งมากขน้ึ นอกจากนี้ยงั สามารถเลย้ี งหมูในปาุ ในเชิงอนรุ ักษ์ เพื่อทดแทนหมปู าุ ตาธรรมชาติ ซึง่ ในปัจจุบนั มี จาํ นวนน้อยลงเง่ือนไขความสาเร็จ 1 พื้นท่ีทใ่ี ชเ้ ลีย้ งหมปู าุ ต้องอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดบิ อาหารสัตว์ราคาถกู หรือมีวสั ดุเหลอื ใช้ทางการเกษตรเพื่อใชเ้ ปน็ อาหารเลีย้ งหมปู ุาอยา่ งเพียงพอ2 เกษตรกรต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการเลย้ี งหมูปุา3 ต้องมีแหล่งจาํ หน่ายพนั ธุ์และตลาดรบั ซ้ือหมปู ุาทช่ี ัดเจน แน่นอนเทคโนโลยแี ละกระบวนการผลติ พนั ธห์ มปู า่ ลกั ษณะรปู ร่างของสุกรปาุ ท่วั ไปจะมีขนหยาบแขง็ มสี ําน้าํ ตาลเขม้ หรอื สีดําเข้ม หรือสีดอกเลา หนงั หนา หน้ายาว จมูกยาว และแหลมกวา่ สุกรพนั ธพุ์ ้ืนเมอื ง ขาเล็กและเรียว
ดปู ราดเปรยี วท่ัวไปจะพบอยู่ 2 พนั ธ์ุ คือ พนั ธ์หุ น้ายาว และพนั ธุห์ นา้ สน้ัโรงเรือนและอุปกรณ์ เนื่องจากหมูปุายงั มีพฤติกรรมเป็นสตั ว์ปุา มีอาการต่ืนเม่ือคนอย่ใู กล้ และอาจจะแสดงอาการดุรา้ ย ดังน้นั โรงเรือนจะต้องสร้างให้แข็งแรงทนทาน โดยใช้วสั ดุก่อสร้างที่หาในบริเวณพ้ืนท่ีอาจไม่จาํ เป็นต้องเทพืน้ ซีเมนต์ แตต่ ้องมรี วั้ รอบทีม่ ิดชดิ ปูองกนั หมูปุาขดุ ดนิ มุดหนอี อกมานอกรวั้ ได้ ควรจะมกี ารแยกคอก พอ่ -แมพ่ ันธ์ุ, คอกคลอดเป็นสัดสว่ นอย่างชดั เจน เพื่อปูองกนั อนั ตรายทีเ่ กดิ กับลูกหมูปุาอาหารและการใหอ้ าหาร อาหารหมูปุา มีความหลากหลาย เนื่องจากหมูปุา สามารถใช้อาหารในท้องถน่ิ ที่มีคณุ ภาพตํา่ และเศษวัสดุเหลอื ใช้ทางเกษตรไดเ้ ป็นอยา่ งดี เชน่ ตน้ กล้วย มันสาํ ปะหลงั มันเทศ ขา้ วโพด ผลปาลม์ ผักชนิดต่างๆ นอกจากนี้สามารถผสมอาหารเลี้ยงหมูปุาไดเ้ อง โดยใช้มนั เส้นสบั เป็นช้ินเลก็ ๆ 60 ส่วนรํา 40 สว่ น เกลือปนุ เล็กน้อยคลกุ เคล้าให้เข้ากนั หมักในภาชนะปิดสนทิ นาน 1 เดือน จากน้ันนํามาให้หมูปาุกนิ เปน็ อาหาร โดยใหว้ ันละมื้อการจดั การเล้ยี งดู เกษตรกรควรเร่ิมดว้ ยการเลี้ยงหมปู ุาพ่อ-แม่พนั ธุอ์ ายุ 3 เดอื น การจัดการเลีย้ งดูหมปู าุ ควรใช้อตั ราการผสมพันธุพ์ ่อพนั ธุ์ 1 ตัวต่อแม่พนั ธุ์ 5-10 ตวั หมูสาวผสมพนั ธไ์ุ ด้เม่ืออายุ 7 เดอื น และจะอุ้มท้อง114 วัน โดยจะให้ลกู ประมาณ 5-6 ตัวตอ่ ครอก ซ่ึงพ่อ-แม่พันธ์จุ ะสามารถเลย้ี งเพ่ือผสมพนั ธ์ุได้นานประมาณ5-6 ปี การเล้ียงพ่อ-แมพ่ นั ธคุ์ วรจะต้องแยกเปน็ สดั สว่ น เม่ือแมห่ มูปุาท้องใกล้คลอดจะต้องแยกแม่ออกจากฝูงมาอยทู่ ี่คอกคลอดเพือ่ ปูองกนั พ่อหมูปาุ กดั ทาํ รา้ ยลกู ซง่ึ ในระยะนี้ผูเ้ ลี้ยงควรระวังอันตรายจากแมห่ มปู ุาเพราะจะมีนสิ ยั ดุรา้ ยขึน้ ดงั นั้น ผูเ้ ลี้ยงควรท่จี ะรบกวนแมห่ มูปุาให้น้อยที่สดุ การเลย้ี งปจั จบุ ันจะมงุ่ เพื่อการจาํ หน่ายพนั ธ์ุ ไดแ้ ก่ ลูกหมูปุาอายุ 3 เดือน แต่ถ้าเลย้ี งจนโตหมูปุาที่โตเตม็ ทจ่ี ะหนักประมาณ 80 กโิ ลกรัม กจ็ ะจําหน่ายให้กับผูบ้ รโิ ภคได้การสุขาภิบาล ถงึ แม้ว่าหมูปุาจะมีสขุ ภาพแข็งแรงกวา่ สกุ รชนิดอน่ื ๆ แต่ผูเ้ ลย้ี งก็ควรจะต้องใหค้ วามสนใจหมนั่ดแู ลสุขภาพหมูปาุ ทีเ่ ล้ยี ง ควรมกี ารถ่ายพยาธแิ ละทําวัคซีนตามโปรแกรมท่ีกาํ หนดต้นทุนและผลตอบแทน สาํ หรับการเลย้ี งหมปู าุ 1 ชดุ ซึ่งประกอบดว้ ย พ่อพันธ์ุ 1 ตวั และแม่พนั ธ์ 5 ตวัตน้ ทนุ ในส่วนต้นทนุ หลัก จะได้แก่ ค่าพ่อแม่พันธุ์ ค่าโรงเรียนและอุปกรณ์ ซึง่ จะมีต้นทุนประมาณ 15,000 –25,000 บาท หนา้ แรก
อาชีพอิสระ การทําอาชีพอิสระ ประวตั แิ ละการติดต่อ ใบงาน ปลานิล (Oreochromis nilotica) เปน็ ปลาน้ําจดื ชนดิ หนึง่ ซ่งึ มคี ุณคา่ ทางเศรษฐกจิ นับตง้ั แตป่ ี 2508 เป็นตน้ มา เปน็ ปลาท่ีเล้ียงง่าย เจรญิ เติบโตเร็ว และเป็นท่ีนิยมของผู้บรโิ ภค เนือ้ ปลามรี สชาตดิ ี ปจั จุบันเกษตรกรนยิ มเลีย้ งปลานิลกันอยา่ งกวา้ งขวาง ซ่งึ การเพาะเลี้ยงปลานิลของไทยส่วนใหญ่เปน็ การเลยี้ งในบอ่ ดนิ ส่วนท่ีเหลอื นั้นเลีย้ งในนาข้าวและร่องสวนรปู รา่ งลกั ษณะ รปู รา่ งของปลานลิ คลา้ ยกับปลาหมอเทศ แต่ลักษณะพเิ ศษของปลานิลมดี ังน้ีคือ ริมฝีปากบนและล่างเสมอกนั ท่ีบริเวณแก้มมเี กลด็ 47 แถวตามลาํ ตัวมีลายขวางจํานวน 9-10 แถบนอกจากน้นั ลักษณะทัว่ ไปมีดังน้ี ครบี หลังมีเพยี ง 1 ครีบ ประกอบด้วยก้านครบี แข็งและกา้ นครีบอ่อนเปน็ จาํ นวนมาก ครบี ก้นประกอบดว้ ยครบี แขง็ แลออ่ นเช่นกนั มีเกล็ดตามแนวเส้นข้างตัว 33 เกล็ด ลาํ ตวั มสี เี ขยี วปนนา้ํ ตาล ตรงกลางเกลด็ มสี เี ข้ม ที่กระดูกแกม้ มจี ุดสเี ขม้ อยจู่ ุดหนึ่ง บรเิ วณสว่ นออ่ นของครีบหลัง ครบี กน้ และครีบหางนั้นจะมีจุดสขี าวและสีดาํ ตัดขวางแลดูคล้ายลายขา้ วตอกการเพาะพันธ์ุปลานิลการเพาะพันธ์ุปลานิลใหไ้ ดผ้ ลดแี ละมีประสิทธภิ าพ ตอ้ งไดร้ ับการเอาใจใสแ่ ละมกี ารปฏบิ ัตใิ น ดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ การเตรยี มบ่อ การเล้ยี งพ่อแม่พนั ธุ์ การตรวจสอบลูกปลา และการอนุบาลลูกปลา สําหรับการเพาะปลานลิ ในบ่อดนิ มวี ิธีการ ดงั ต่อไปนี้1. การเตรียมบ่อเพาะพนั ธุ์ บอ่ ดินท่ใี ช้เป็นบ่อเพาะปลานลิ ควรเป็นบ่อรูปส่เี หลย่ี มผนื ผา้ มเี น้อื ทตี่ ั้งแต่ 50-1,600 ตารางเมตร สามารถเกบ็ กกั น้ําไดร้ ะดับสูง 1 เมตร บ่อควรมเี ชิงลาดตามความเหมาะสม เพื่อปูองกันดนิพงั ทลาย และมี ชานบ่อกว้าง 1-2 เมตร ถา้ เปน็ บ่อเก่ากค็ วรวิดน้าํ และสาดเลนข้ึน ตกแตง่ ภายในบอ่ ให้ดนิแนน่ ใส่โลต่ ๊ิน กําจดั ศัตรูของปลาอตั ราสว่ นใช้โลต่ ิ๊นแห้ง 1 กก./ปรมิ าตรของนํ้า 100 ลูกบาศกเ์ มตร โรยปูนขาวให้ทั่วบอ่ 1 กก./ พนื้ ทบ่ี ่อ 10 ตรม. ใสป่ ุยคอกแหง้ 300 กก./ไร่ ตากบอ่ ท้ิงไว้ประมาณ 2-3 วนั จงึ เปดิ หรือสูบนํา้ เขา้ บอ่ ผ่านผา้ กรองหรือตะแกรงตาถ่ีใหม้ ีระดบั สูงประมาณ 1 เมตร การใชบ้ ่อดินเพาะปลานลิ จะมีประสิทธิภาพ ดกี วา่ วิธอี ืน่ เพราะเป็นบ่อที่มลี ักษณะคล้ายคลงึ ธรรมชาตแิ ละการผลติ ลูกปลานลิ จากบ่อดนิ จะได้ผลผลิตสงู ตน้ ทุนต่ํากวา่ วิธีอนื่2. การคดั เลอื กพ่อแม่พนั ธุ์ การคดั เลอื กพ่อแมป่ ลานิล จากการสงั เกตจากลักษณะภายนอกของปลาท่สี มบูรณ์
ปราศจากเชื้อโรคและบาดแผลสําหรบั พ่อแม่ปลาทพ่ี ร้อมจะวางไข่นน้ั สังเกตได้จากอวยั วะเพศถ้าเป็นปลาตัวเมีย จะมีสีชมพูแดงเรื่อ สว่ นปลาตวั ผกู้ ็สังเกตได้ จากสขี องตวั ปลาทีเ่ ขม้ สดใสโดยเปรียบเทยี บกบั ปลานลิ ตวัผูอ้ น่ื ๆ ท่จี บั ขนึ้ มา ขนาดของปลาตวั ผู้และตวั เมยี ควรมขี นาดไล่เลี่ยกันคือมีความยาวต้ังแต่ 15-25เซนตเิ มตร นํา้ หนกั ตง้ั แต่ 150-200 กรมั3. อตั ราสว่ นที่ปล่อยพ่อแม่ปลาลงเพาะ ปริมาณพ่อแม่ปลาทีจ่ ะนาํ ไปปล่อยในบ่อเพาะ 1 ตัว/4 ตารางเมตร หรือไรล่ ะ 400 ตวั ควรปล่อยในอตั ราสว่ นพ่อปลา 2 ตวั /แม่ปลา 3 ตวั เนือ่ งจากไดส้ ังเกตจากพฤติกรรมในการผสมพันธ์ุของปลาชนิดนี้ ปลาตวั ผูม้ ีสมรรถภาพท่จี ะผสมพันธุก์ บั ปลาตัวเมยี อ่ืน ๆ ได้อกี ดงั นั้น การเพ่ิมอัตราส่วนของปลาตัวเมยี ใหม้ ากข้นึ คาดวา่ จะไดล้ ูกปลานิลเพม่ิ ขึน้4. การให้อาหารและปยุ๋ ในย่อเพาะพนั ธ์ุ การเล้ยี งปลานิลมีความจาํ เปน็ ท่ีจะต้องให้อาหารสมทบ หรืออาหารผสมไดแ้ ก่ ปลายข้าว สาหรา่ ย ราํ ละเอยี ด ในอตั ราสว่ น 1:2:3 โดยให้อาหารดงั กล่าวแก่พ่อแม่ปลานิลประมาณ 2% ของนํา้ หนกั ตวั ท้งั น้ีเพื่อให้ปลานลิ ใช้เป็นพลังงาน ซ่ึงตอ้ งใชม้ ากกว่าในช่วงการผสมพนั ธุ์ ส่วนปุย๋ คอกแหง้ ก็ตอ้ งใส่ในอตั ราส่วนประมาณ 100-200 กก./ไร/่ เดอื น ทัง้ น้ี เพ่ือเพ่มิ พนู อาหารธรรมชาตใิ นบ่อไดแ้ ก่ พชื น้าํ ขนาดเล็ก ๆ ไรน้ํา และตวั อ่อน อนั จะเปน็ ประโยชนต์ ่อลกู ปลานลิ วัยออ่ นท่ีหลังจากถุงอาหารยุบตวั ลง และจะต้องดาํ รงชีวิตอยู่ในบ่อเพาะดังกลา่ วประมาณ 1 สปั ดาห์ ก่อนที่จะย้ายไปเล้ียงในบ่ออนบุ าล ถ้าในบ่อขาดอาหารธรรมชาตดิ งั กล่าว ผลผลติ ลูกปลานิลจะไดน้ ้อยเพราะขาดอาหารทจี่ ําเป็นเบือ้ งตน้ หลงั จากถงุ อาหารได้ยุบตวั ลงใหม่ ๆ ก่อนที่ลูกปลานลิ จะสามารถกินอาหารสมทบอน่ื ๆ ได้ อาหารสมทบ ท่หี าได้ง่ายคือ รําขา้ ว ผสมกบั ปลาปุน กากถว่ั และวิตามิน นอกจากนี้ แหนเปด็ และสาหรา่ ย หลายชนิดก็สามารถจะใชเ้ ป็นอาหารเสริมแก่พ่อแม่ปลานลิ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดีขั้นตอนการเลีย้ งปลานลิ ในบ่อดิน1. กาํ จดั วัชพืชและพนั ธ์ุไม้นา้ํ ตา่ ง ๆ เชน่ กก หญา้ ผักตบชวาให้หมดโดยนํามากองสุมไวแ้ หง้ แล้วนาํ มาใช้เป็นปุ๋ยหมกั ในขณะที่ปล่อยปลาลงเล้ยี ง ถา้ ในบ่อเกา่ มเี ลนมากจาํ เปน็ ต้องสาดเลนขึน้ โดยนําไปเสริมคดั ดนิ ท่ีชาํ รุด หรือใช้เปน็ ปุ๋ยแก่พืช ผกั ผลไม้ พร้อมทั้งตกแต่งเชงิ ลาดและอัดดนิ ให้แน่นดว้ ยกาํ จดั ศัตรูของปลานิล ได้แก่ ปลาจําพวกกนิ เน้ือ เชน่ ปลาชอ่ น ปลาชะโด ปลาหมอ ปลาดุก นอกจากน้ีก็มีสัตว์จาํ พวก กบ เขียด งู เปน็ ตน้ โดยวธิ ีระบายนํา้ ออกให้เหลือน้อยทีส่ ดุ การกาํ จดั ศตั รูของปลาอาจใช้โลต่ ิ๊นสด หรอื แหง้ ประมาณ 1 กโิ ลกรัม ปรมิ าณของน้ําในบ่อ 100 ลูกบาศกเ์ มตร คือทบุ หรือบดโลต่ ๊นิ ให้ละเอียด นําลงแช่น้าํ ประมาณ 1-2 ปี๊บ ขยาํ โลต่ ิน๊ เพอื่ ให้น้าํ สีขาวออกมาหลาย ๆ คร้ังจนหมดนําไปสาดให้ทัว่บ่อศตั รูพวกปลาจะลอยหัวข้ึนมาภายหลงั โลต่ ๊นิ ประมาณ 30 นาที ใชส้ วงิ จับขึ้นมา ทีเ่ หลือตายพ้ืนบ่อจะลอยในวันรงุ่ ข้ึน ส่วนศตั รูจําพวกกบเขยี ดงจู ะหนีออกจากบ่อไป และกอ่ นปล่อยปลาลงเลี้ยง ควรจะท้งิ ระยะไว้ประมาณ 7 วัน เพ่อื ให้ฤทธิ์ของโล่ต๊นิ สลายตวั ไปหมดเสียก่อน2. การใสป่ ุ๋ย โดยปกตแิ ล้วอุปนิสัยในการกนิ อาหารของปลานิลจะกินอาหารจําพวกแพลงกต์ อนพชื และสตั ว์ แหน สาหรา่ ย ฯลฯ ดงั น้นั ในบอ่ เลยี้ งปลาควรให้อาหารธรรมชาติดงั กล่าวเกดิ ขน้ึ อยู่เสมอ จึงจําเปน็ ต้องใส่ปุ๋ยลงไปเพ่ือละลายเป็นธาตอุ าหาร ซง่ึ พืชน้าํ ขนาดเล็กจําเปน็ ใชใ้ นการปรุงอาหารและเจริญเติบโตโดย
กระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นโซ่อาหารอันดับตอ่ ไป คือ แพลงกต์ อนสัตว์ ไดแ้ ก่ ไร่นํ้า และตัวอ่อนของแมลง ปยุ๋ ทใ่ี ช้ ได้แก่ มลู ววั ควาย หมู เป็ด ไก่ นอกจากปุย๋ ท่ไี ด้จากมลู สตั วแ์ ลว้ กอ็ าจใช้ปุ๋ยหมักจําพวกหญา้และฟางข้าวปุ๋ยสดตา่ ง ๆ ได้เชน่ เดยี วกันอตั ราสว่ นการใสป่ ยุ๋ คอกในระยะแรก ควรใส่ประมาณ 250-300 กก./ไร่/เดอื น ส่วนในระยะหลัง ควรลดลงเพยี งคร่งึ หน่ึง หรือสงั เกตจากสีของน้ําในบ่อ ถา้ ยังมีสีเขยี วออ่ นแสดงวา่ มีอาหารธรรมชาติ เพียงพอ ถา้ นาํ้ ใส่ปราศจากอาหาร ธรรมชาติกเ็ พมิ่ อตั ราสว่ นใหม้ ากขน้ึ และในกรณที ่ีหาปยุ๋ คอกไม่ได้ก็ อาจใชป้ ุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15 : 15 : 15 ใสป่ ระมาณ 5 กก./ไร่/เดือน กไ็ ด้ วธิ ีใส่ป๋ยุ ถา้ เป็นปุย๋ คอกควรตาก บ่อใหแ้ หง้เสียกอ่ นเพราะปุ๋ยสดจะทําให้นา้ํ มแี กส๊ จําพวกแอมโมเนยี ละลายอยู่น้าํ หนักมากเปน็ อัตรายตอ่ ปลา การใส่ปุ๋ยคอกใช้วธิ หี วา่ นลงไปในบ่อให้ละลายนํา้ ทว่ั ๆ บ่อ ส่วนปุ๋ยหมักหรอื ปยุ๋ สดนนั้ ควร กองสุมไว้ ตามมมุ บ่อ 2-3 แห่ง โดยมไี ม้ปักลอ้ มเป็นคอกรอบกองปุ๋ยเพอื่ ปูองกนั มใิ หส้ ว่ นทย่ี ังไมส่ ลายตัวกระจดั กระจาย3. อัตราปล่อยปลาเล้ียงในบ่อดนิ ข้นึ อย่กู ับคณุ ภาพนา้ํ อาหาร และการจดั การเป็นสาํ คญั โดยทัว่ ไป จะปลอ่ ยลูกปลาขนาด 3-5 ซม. ลงเลีย้ งในอตั รา 1-3 ตวั /ตารางเมตร หรือ 2,000 - 5,000 ตัว/ไร่4. การให้อาหาร การใส่ปยุ๋ เป็นการใหอ้ าหารแกป่ ลานลิ ท่ีสําคญั มากวธิ หี น่งึ เพราะจะได้อาหารธรรมชาติ ทีม่ ีโปรตนี สงู และราคาถูก แต่เพ่ือเป็นการเร่งให้ปลาทเี่ ลีย้ งเจริญเติบโตขึ้นหรือถกู ต้องตามหลักวิชาการ จึงควรให้อาหารจาํ พวกคาร์โบไฮเดรทเป็นอาหารสมทบด้วย เชน่ รํา ปลายข้าว กากมะพร้าว มนั สาํ ปะหลงั หน่ั ต้ม ให้สกุ และเศษเหลือของอาหารทม่ี ีโปรตีนสูง เชน่ กากถ่ัวเหลืองจากโรงทําเตา้ หู้ กากถว่ั ลิสง อาหารผสมซ่ึงมีปลาปุน ราํ ข้าว ปลายขา้ ว มจี าํ นวนโปรตนี ประมาณ 20% เศษอาหารท่เี หลอื จากโรงครัวหรือภตั ตาคาร อาหารประเภทพชื ผัก เชน่ แหนเป็นสาหรา่ ย ผักตบชวาสบั ใหล้ ะเอียด เป็นต้น อาหารสมทบเหลา่ นค้ี วรเลอื กชนดิ ท่ีมีราคาถูกและหาไดส้ ะดวกส่วนปริมาณท่ีให้กไ็ ม่ควรเป็น 4% ของน้าํ หนักปลาท่ีเล้ียง หรอื จะใช้วิธสี งั เกตจากปลาทข่ี นึ้ มากินอาหารจากจดุ ท่ีใหเ้ ปน็ ประจาํ คือ ถ้ายงั มีปลานลิ ออกนั อยู่มากเพอ่ื รอกนิ อาหารกเ็ พม่ิ จํานวนอาหารมากขึ้นตามลําดับทุก 1-2 สัปดาห์ ในการให้อาหารสมทบมขี ้อพึงควรระวัง คอื ถา้ ปลากนิ ไม่หมด อาหารจมพนื้ บ่อ หรอื ละลายนํา้ มากกท็ ําใหเ้ กดิ นํ้าเน่าเสียเป็นอันตรายต่อปลาท่ีเลี้ยง และ/หรอื ต้องเพิ่มค่าใช้จา่ ยในการสูบถ่าย เปล่ียนน้ําบ่อย ๆการเจริญเติบโตและผลผลิตปลานิลเปน็ ปลาทมี่ กี ารเจรญิ เติบโตเรว็ เม่ือไดร้ ับการเล้ียงดูอยา่ งถูกต้องจะมขี นาดเฉลย่ี 500 กรมั ในเวลา 1 ปี ผลผลิตไมน่ ้อยกวา่ 500 กก./ไร/่ ปี ในกรณที ่ีเลย้ี งในกระชงั ท่ีคณุ ภาพนาํ้ ดมี ีอาหารสมทบอย่างสมบูรณ์ สามารถให้ผลผลิตไม่นอ้ ยกว่า 5 กโิ ลกรัม/ลกู บาศกเ์ มตรการจบั จาหนา่ ยและการตลาดระยะเวลาการจบั จาํ หน่าย ไม่แน่นอนข้นึ อย่กู ับขนาดของปลานิลและความต้องการของตลาด โดยท่วั ไปเปน็ปลานลิ ทป่ี ล่อยลงเลีย้ งในบ่อรุ่นเดียวกนั ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จงึ จะจับจําหนา่ ย เพราะปลานิลท่ไี ด้จะมีนํา้ หนักประมาณ 2-3 ตวั ต่อกิโลกรมั ซ่ึงเปน็ ขนาดทตี่ ลาดที่ต้องการสว่ นปลานลิ ที่ปลอ่ ยลงเลี้ยงหลายรนุ่ ในบ่อ
เดยี วกัน ระยะเวลาการจบั จ่ายจําหนา่ ยก็ขน้ึ อยกู่ ับราคาปลาและความต้อง การของผู้ซ้อื การจบั ปลาทาํได้ 2 วธิ ี ดงั นี้1. จบั ปลาแบบไม่วดิ บอ่ แห้ง จะใชอ้ วนตาหา่ งจบั ปลา เพราะจะไดป้ ลาท่ีมีขนาดใหญ่ตามที่ต้องการ การตีอวนจบั ปลากระทําโดยผูจ้ ับจาํ หน่ายและยนื เรียงแถวหนา้ กระดานโดยมีระยะห่างกันประมาณ 4.50 เมตร โดยอยู่ทางด้านหนึง่ ของบ่อแลว้ ลากอวนไปยังอีกดา้ นหน่ึงของบ่อตามความยาวแล้วยกอวนขนึ้ หลักจากนน้ั ก็นําสวงิตกั ปลาใส่เข่งเพ่ือช่ังขาย ทําเช่นนี้เรอ่ื ยไปจนไดป้ รมิ าณตามทต่ี ้องการ สว่ นปลาเล็ก ก็คงปลอ่ ยเลี้ยง2. จับปลาแบบวิดบ่อแหง้ กอ่ นทําการจับปลาจะตอ้ งสูบน้ําออกจากบ่อใหเ้ หลือน้อยแล้วจึงตีอวนจบั ปลาเชน่ เดยี วกับวธิ แี รก จนกระทงั่ ปลาเหลือจาํ นวนนอ้ ยจึงสบู น้ําออกจากบ่ออีกคร้ังหนง่ึ และขณะเดยี วกนั กต็ นี ํ้าไลป่ ลาให้ไปรวมกนั อยใู่ นร่องบอ่ รอ่ งบ่อน้ีจะเปน็ ส่วนทลี่ ึกอยดู่ า้ นหนึง่ ของบ่อเม่ือนาํ ไปบอ่ แห้ง ปลากจ็ ะมารวมกนั อยทู่ ร่ี ่องบ่อ และเกษตรกรผ้เู ลี้ยงปลากจ็ ับปลาข้นึ จาํ หนา่ ยต่อไป การจบั ปลาลกั ษณะนี้ส่วนใหญ่จําทาํทกุ ปใี นฤดูแล้ง เพือ่ ตากบอ่ ให้แหง้ และเรม่ิ ต้นเลี้ยงปลาในฤดกู ารผลติ ตอ่ ไปตลาดของปลานลิ ส่วนใหญย่ ังใช้บริโภคภายในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มีโรงงานห้องเย็นเร่ิมรับซื้อ ปลานลิ ปลานลิ แดง เพอ่ื แปรรูปส่งออกจําหน่ายตา่ งประเทศ เชน่ ประเทศสหรัฐอมรกิ า อิตาลี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เป็นต้น โดยโรงงานจะรบั ซอื้ ปลาขนาด 400 กรมั ขึ้นไป เพอ่ื แชแ่ ข็งส่งออกทั้งตวั และรบั ซ้ือปลา ขนาด 100-400 กรมั เพ่อื แล่เฉพาะเนื้อแชแ่ ข็ง หรอื นําไปแปรรูปเพื่อสง่ ออกต่อไปการปลกู พริกการปลูกพริก ในประเทศไทยสามารถปลูกได้ตลอดปี ถ้ามีน้ํา อุดมสมบรู ณ์ หรือปลกู ในฤดูฝนก็ได้ พริกสามารถปลกู ไดท้ ุกภาคทุกจังหวดั ทง้ั นเี้ น่อื งจาก พริก มีถ่ินกาํ เนดิ ในเขตร้อนของทวีปอเมริกาและมีการแพร่กระจายไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของโลก จังหวัดทปี่ ลูก พริกกันเปน็ พ้นื ท่ีมาก ไดแ้ ก่ กาญจนบรุ ี, ประจวบฯ,เพชรบรุ ี, สมุทรสาคร, สุโขทยั , สพุ รรณบรุ ี, เชียงราย, น่าน, ลาํ ปาง, เชียงใหม่ ฯลฯ พรกิ ทปี่ ลูกกนั ได้แก่ พริกบางชา้ ง, พรกิ สนั ปาุ ตอง, พริก ชีฟ้ าู , พริก ขี้หนเู ม็ดใหญ่ เปน็ ตน้พันธพ์ุ ริกในประเทศไทยพันธพุ์ ริกท่ีมีปลกู และรู้จักกนั ทวั่ ไป อยู่ในพวกล้มลกุ มอี ยู่ประมาณ 6 ชนดิ1. พริก บางช้าง ขนาดของผล โตกว่า พรกิ มัน ผลตรงกลมโคนผลใหญ่ ปลาย เรยี ว ขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร ยาว 10-12 เซนติเมตร ผิวเรียบ ผลอ่อนสเี ขียว ผลแก่สีแดงจดั รสไมส่ ู่เผด็ มีเน้อื มากเมลด็ น้อย อบแห้งสีจะแดงดี2. พริก ข้ีหนู มีขนาดต่าง ๆ กัน ผลมีขนาดเลก็ ผลสี เขียว หรือเหลือง พนั ธุ์ ทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่จะเป็นพนั ธ์ุ
ของท้องถ่ินต่าง ๆ ผล แก่จะมีสีแดง มีรสเผด็ จัด3. พรกิ หยวก ผลโตปูอม ขนาดเส้นผา่ ศนู ย์กลาง 3-4 เซนตเิ มตร ยาว 8-10 เซนติเมตร ปลายทู่ไมเ่ กลย้ี งบบุเปน็ รอ่ ง มเี มล็ดในนอ้ ย ใส้ ใหญ่ สีเขียวแกมเหลอื ง ผล แก่สุกแดงเปน็ มัน รสไมส่ เู้ ผ็ด หรือ เผ็ดนอ้ ย ราคาแพงปลกู กนั น้อยกวา่ พรกิ อย่างอนื่4. พรกิ มนั ผลมันเรยี บ ผลตรง กลม และเล็กขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 0.6 เซนติเมตร ยาว 6-8 เซนติเมตร มีเมลด็ ในมาก เมื่ออ่อนผลจะมีสเี ขียวจดั เวลาแก่เปน็ สีแดง รสเผด็5. พรกิ ยักษ์ ผลโตปูอม บริเวณรอบ ๆ ข้อผลเปน็ รอยบมุ๋ ขนาดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง 6-8 เซนตเิ มตร ยาว 10-12เซนตเิ มตร มี เมล็ดในน้อย เนื้อผลหนา สผี ลเมอื่ อ่อนเขยี วจัดเปน็ มนั เวลาแกส่ แี ดง รส ไม่เผด็ ปลูกได้ดีในชว่ งเดือนตลุ าคม เก็บเกยี่ วประมาณเดอื นธนั วาคม จะได้ราคาดี6. พริก สงิ คโปร์ ขนาดผลโต เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 1.5-2 เซนตเิ มตร ยาว 8-12 เซนติเมตร ปลาย งอหยิก ผิวไม่เรียบ มมุ เปน็ รอ่ ง ๆ มเี มลด็ น้อย ผลเมือ่ อ่อนมสี เี ขียวจดั เวลาแก่เปน็ สีแดง มีรสเผด็พรกิ ปลกู ไดต้ ลอดปี ถา้ หากพ้ืนทน่ี นั่ ๆ มนี ํา้ อยา่ งเพยี งพอสาํ หรบั พ้ืนที่ ๆ ไมอ่ ยู่ ในเขตชลประทาน การปลูกพริก จะปลูก พริก กันในช่วงฤดูฝนจะเริม่ เพาะกล้าประมาณเดือนมนี าคม - เมษายน และจะย้ายปลูกในเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน แตถ่ า้ จะปลูกให้ไดร้ าคาดีท่ีสดุ ควรจะปลูกในชว่ งเดือนมกราคมถึง กุมภาพันธ์ เพราะพริก สดจะมรี าคาสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม พบว่า พรกิ ที่ปลูกในหนา้ แลง้ คอื ต้ังแต่เดือนตุลาคม - พฤศจกิ ายน จะใหผ้ ลเร็วกว่าพวกทปี่ ลกู ในหน้าฝน คอื ตัง้ แตเ่ ดือนพฤษภาคม - มิถนุ ายนดินท่ีเหมาะสมสาหรับ การปลูกพริก ไดแ้ กด่ ินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์ดี การระบายนา้ํ ดี พรกิ ถา้ ปลูกในฤดูฝนจะมปี ัญหาวา่ เปน็ โรคเหยี่ ว เนอื่ ง จากเชอ้ื รา และบคั เตรีเข้าทาํ ลาย ควร ปลูก พริก หมนุ เวยี นสลบั กับขา้ ว ถวั่ และพชื อืน่ ๆอาจเลือกปฏิบัติได้ 3 วธิ ี ตามความเหมาะสม คือ1. โดยวิธกี ารใชเ้ มลด็ พริก หยอดเมลด็ โดยตรงในหลมุ หลุมละ 3-5 เมล็ด การปลูกพรกิ เมล็ด พรกิ หวานเปอร์เซ็นตค์ วามงอก 80% ใชเ้ มลด็ 60-90 กรมั /ไร่ นิยมปฎบิ ัติในแปลงปลูกขนาดใหญ่ และ ไม่มีแรงงานเพยี งพอในการยา้ ยตน้ กลา้ จดุ ออ่ นของการ ปลูกโดยวธิ นี ค้ี ือ ต้น พรกิ ออ่ นแอ อาจ จะถูกมดและแมลงอืน่ ๆกดั กนิ ใบ ทาํ ใหส้ ิน้ เปลอื งเมลด็ พันธุ์ และเสยี เวลาในการปลูกซ่อม2. เพาะเมล็ด พริก ใหง้ อกแล้วนาไปปลกู ในหลุม กลบด้วยดินบาง ๆ วธิ เี พาะคือ นาํ เมล็ดพันธแุ์ ช่น้ํา แล้วเอาผ้า ชบุ น้ําหมาด ๆ หอ่ ทิง้ ไว้ประมาณ 2 วนั เมลด็ จะงอกแล้วนําไปปลกู
3. เพาะเมลด็ ในแปลงเพาะก่อน แปลง การปลูกพรกิ เพาะกล้าควรใส่ปุ๋ย 15-15-15 ปรมิ าณ 100 กรัมต่อตารางเมตร คลุกดินลึกประมาณ 5-8 น้วิ ควรใช้ฟูราดานในการเพาะด้วยเม่ือหวา่ นเมล็ดแล้วประมาณ 10 วันเมล็ดเริ่มงอก ถา้ มีต้นหนาแน่น ใหถ้ อนแยกหลงั จากท่ีใบจริงคล่ีเตม็ ที่แลว้ 2-3 วนั เมื่อกล้าอายไุ ด้ 18 วนั รดด้วยป๋ยุ แอมโมเนียซัลเฟตละลายนํา้ อตั ราสว่ น 1 กรัมต่อ นํ้า 200 ซีซ.ี แลว้ รดนํา้ ตามทนั ที การ เพาะโดยวิธีเพาะโดยเมล็ดธรรมดาทย่ี งั ไม่งอกวิธีน้คี วรคลุกยาปอู งกนั กาํ จัด เชอ้ื ราทอี่ าจติดมากบั เมล็ดกอ่ นนําเมล็ดไปเพาะไดแ้ ก่ ออ ไธไซด์ และในแปลงเพาะควรจะรดดว้ ยไดโฟลาแทน 80 หรอื ไดเทน เอ็ม 45 เพอื่ ปูองกันโรคเน่าเมื่อกลา้ สูงประมาณ 6 นิ้ว จงึ พรอ้ มจะยา้ ยปลูกได้ รวมอายุกล้าในแปลงเพาะสําหรับการเพาะโดยเมล็ดท่งี อกแลว้ ประมาณ 30 วนั และเพาะโดยเมลด็ ธรรมดาประมาณ 40 วนัในบางแห่งปลูกโดยการย้ายกลา้ 2 ครัง้ ทง้ั นี้เพ่ือให้ได้ตน้ กลา้ ที่แขง็ แรง ทนทานและเกบ็ เกี่ยวผลผลติ ไดเ้ ร็วข้ึนโดยทําการย้ายกล้าครั้งท่ี 1 เมอื่ กล้าโตมีใบจริง 2 ใบ ยา้ ยชําในถงุ พลาสติกหรอื ในแปลงใหมใ่ หม้ รี ะยะห่าง 10-15 ซม. ในการย้ายกล้านีต้ อ้ งทําอยา่ งระมัดระวัง พยายามให้รากตดิ ตน้ มากที่สุดก่อนย้ายปลูกในแปลงใหม่ควรจะรดน้ําแปลงเพาะให้ช่มุ ทง้ิ ไว้ 1 ชม. แล้วใช้ไม้หรือปลายมีดพรวนดนิ ใหร้ ่วน ค่อย ๆ ถอนตน้ กล้า อายุในการชาํ ในแปลงใหม่ 15-20 วนั หรอื สูงประมาณ 6 น้ิว จึงยา้ ยปลูกได้ เพอ่ื ให้ไดต้ น้ กล้าที่แขง็ แรง ทนทานต่อสภาพอากาศท่ีไมเ่ หมาะสม ทําได้โดยการฉีดพน่ สารละลายของนํ้าตาลเขม้ ขน 10% คอื ใช้น้ําตาลทราย 10สว่ น เติมนาํ้ ลงไปอีก 90 สว่ น ฉดี ทกุ ๆ 3 วัน เปน็ เวลา 2 อาทิตย์ก่อนย้ายปลกู ก่อนทําการฉดี สารละลายน้าํ ตาลทรายนต้ี อ้ งทาํ ให้ใบพริก เปียกน้าํ ให้ท่วั เพื่อให้ใบดดู ซึมนา้ํ ตาลได้เป็นปรมิ าณสูงการเตรียมดิน ทาํ การย้ายปลูก เมอื่ กล้าสูงประมาณ 6 นิ้ว เตรียมดินแปลงปลกู โดย ไถดะตากดนิ ทิง้ ไว้ประมาณ 5-7 วนั ไถพรวน 1 คร้งั หลงั จากนั้นใส่ปยุ๋ คอกหรือปุย๋ หมกั ใหท้ วั่ แปลงในอตั รา 3-4 ตัน/ไร่ ใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สตู ร 15-15-15 อัตรา 50 กก./ไร่ หวา่ นใหท้ ั่วพ้ืนท่ปี ลกู แล้วพรวนกลบเข้ากบั ดนิ แลว้ จึงเตรียมแปลงปลกู การเตรียมแปลงปลูก สามารถทําไดห้ ลายแบบ แลว้ แต่สภาพ ของพ้นื ทีป่ ลูกดังนคี้ อื1. ปลกู แบบไมย่ กแปลง เหมาะ สาํ หรับพื้นท่ี ๆ มีการระบายนํ้าดี ปรบั ระดับไดส้ มาํ่ เสมอ การปลูกแบบนอ้ี าจปลกู เปน็ แถวเดยี ว ใช้ระยะหา่ งระหว่างแถว 60-70 ซม. ระหวา่ งต้น 50 ซม. หรือปลูกเป็นแถวคู่ ระยะระหว่างแถวคู่ 1 เมตร ระหว่างแถว 50 ซม. ระหว่างต้น 50 ซม.2. ปลูกแบบยกแปลง เหมาะสําหรับพืน้ ท่ีปลูกทมี่ ีระดบั นาํ้ ใตด้ ินสงู ระบาย นา้ํ ดอกได้ยาก ขนาดแปลงกว้าง1.50 เมตร รอ่ งน้ํากว้าง 50 ซม. ลกึ 50 ซม. ปลกู 2 แถว บนแปลง โดยมี ระยะห่างแถว 0.75-1.00 เมตร
ระหวา่ งตน้ 50 ซม. หรือปลูกเปน็ แถวคู่ 1 เมตร ระหว่างแถว 50 ซม. ระหวา่ งตน้ 50 ซม.เคลด็ (ไม)่ ลับ กับ การปลกู พรกิ ให้ทนั ช่วงราคาสูง จากกรมวิชาการเกษตร การปลูกพริก - พริก (Capsicum annuum) ท่ีปลูกในจงั หวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เป็นพริกขีห้ นผู ลใหญ่พนั ธุ์ซุปเปอร์ฮอท ชอ่ ระยา้ จินดา ม่วงแดงหัวเรอื ปลกู ในสภาพไรแ่ ละสภาพนา พ้ืนท่ีปลูก 24,000 ไร่ ผลผลติ พรกิ สด ท้ัง พรกิ เขียว และ พรกิ แดงออกสตู่ ลาดปีละมากกวา่ 31,900 ตนั คดิ เปน็มลู คา่ 684 ลา้ นบาท จากรายงานของบญุ ส่ง เอกพงษ์ และคณะ พริกท่ีให้ผลผลิตสามารถซอ้ื ขายได้ในเดือนพฤศจิกายนจะหยดุ ใหผ้ ลผลติ ในเดอื นพฤษภาคม-มถิ ุนายนของทุกปี การปลูกพรกิ ทั้ง พรกิ เขียว และ พริกแดง สด ช่วง พริกเขยี ว ไดร้ าคาดเี ดอื นพฤศจิกายน - ธนั วาคม ราคากโิ ลกรมั ละ 20-25 บาท ส่วน พริกแดง ไดร้ าคาดีในเดอื นธันวาคม - กลางมกราคม กโิ ลกรมั ละ 40-50 บาท โดยเฉพาะในปี 2550 ราคาสงู ถึง 60-85 บาท/กก แน่นอนวา่ เกษตรกรทุกคนมคี วามฝันอยากจะขายได้ เพราะตงั้ แต่เดอื นมกราคม - มิถุนายน ราคาจะลดลงเรื่อยๆจนถงึ 8 บาท และ 15 บาทตอ่ กโิ ลกรัม ของ พริกเขียว และ พริกแดง ตามลาํ ดบั เกษตรกรจะหยดุ ขายเพอื่เกบ็ พรกิ สุกแดงเต็มทตี่ ากแหง้ จําหน่ายในรปู พรกิ แห้ง แทน ดงั นัน้ จะจัดการอยา่ งไรจึงจะผลติ พริก ออกจําหนา่ ยไดท้ นั ราคาสูงตามต้องการ 1. การปลกู พริก ต้องมีท่ีดอนน้ําไม่ท่วม ดนิ ดี มีความเปน็ กรด - ด่าง 6 - 6.8 มีอินทรีย์วตั ถุ 1.5 %ฟอสฟอรสั 10 - 20 พพี ีเอ็ม โปตสั เซียม 60 พีเอ็มแคลเซียม 100-200 พีเอ็ม แมกนีเซยี ม 12-36 พเี อ็ม มคี วามรว่ นซุยระบายนา้ํ ไดด้ ี ไม่มไี สเ้ ดือนฝอยรากปม 2. การปลูกพริก เรมิ่ เพาะ ต้นกลา้ พริก ต้ังแต่กลางเดอื นกรกฎาคม - กลางเดือนสิงหาคม เพ่ือจะปลูกในเดอื นกันยายน ในช่วงดงั กล่าวฝนตกชกุ ท่สี ดุจะทาํ ให้ต้นกลา้ เน่า เพราะน้าํ ขังหรือดินแน่น เกษตรกรจะมีทางเลือก 2 ทาง 1. เพาะตน้ กลา้ ในกะบะพลาสติก (ถาดหลุม) ถาดละ 104 หลุม ราคาใบละ 18 บาท โดยเตรยี มวัสดเุ พาะใส่ถาดหลมุ ประกอบด้วย ดนิ ผสม ไดแ้ ก่ ดนิ : แกลบดํา : ปุ๋ยคอก = 4:1:1 นําดินผสมมารวมกบั ส่วนผสมของปุ๋ยหมักแหง้ + เชื้อไตรโคเดอร์มาสด + รําอ่อน อตั รา (100 กก. + 1 กก. + 5 กก.) อัตราดินผสม : ส่วนผสมของปยุ๋ หมักแห้ง = 4 : 1
เมล็ดพนั ธ์ทุ ี่จะนาํ มาเพาะต้องเป็นพันธุด์ ี ไม่มีโรคและแมลง กอ่ นเพาะ 1 วนั ต้องนาํ ไปแช่น้ําอ่นุ 55 OC (นํา้ เย็น 1 สว่ น + น้ําเดอื ด 1 ส่วน) นาน 20 นาที เพ่ือฆ่าเช้ือแอนแทรคโนส(กุ้งแหง้ )ท่ีสามารถติดมากับเมลด็ พนั ธไุ์ ด้ เมลด็ ทีล่ อยน้ําแสดงวา่ ลีบให้เกบ็ ท้ิง หลังจากนนั้ นําไปแช่ในสารละลายสปอรเ์ ชอื้ ไตรโคเดอร์มาสด (เชื้อสด 4 ถงุ + นาํ้ 100 ลิตร) แชเ่ มลด็ 1 คืน จงึ เพาะในกะบะหลุมละ 1 เมล็ด กลบดิน เกบ็ ถาดในที่ร่มราํ ไร หรอื มีตาขา่ ยพรางแสงอยา่ ให้ถูกฝนโดยตรง หลังจากงอกได้ 15 วนั พน่ น้ําหมักชวี ภาพสูตรบํารงุ ตน้ อัตรา 2-3 ช้อนแกง/นา้ํ 20 ลติ ร(พ่นทุก 7-10 วนั ) จะทําใหต้ ้นโตเรว็ ขึ้นไมค่ วร ใชย้ ูเรีย เพราะต้นกลา้ จะอวบเกินไป เมื่อต้นกล้าอายุ 1 เดือนนํามาปลกู ได้ 2. เพาะต้นกล้าในแปลงทอ่ี ยู่ในทีด่ อน ใชต้ าข่ายพรางแสงอย่าให้ถูกฝนโดยตรง วิธีการเตรียมเมลด็ ทาํ เหมือนเพาะในกะบะทุกอย่าง สว่ นวสั ดเุ พาะใชเ้ ชื้อไตรโคเดอร์มาสด ผสมปุ๋ยหมักแห้งอัตรา 2-3 กก./10 ตารางเมตร รว่ มกับหวา่ นปูนขาว 0.5-1 กก./10 ตาราง- เมตรคลุกเคลา้ ให้เข้ากนั จึงหวา่ นเมลด็ กลบดนิ ใช้ไมต้ ีให้เมล็ดจมดินทุกเมล็ด อย่าใหเ้ มล็ดอยู่เหนอื ดิน เม่ืออายุ 1 เดือน ถอนไปปลูกได้ 3. การปลกู พริก ไม่ควรปลูกเกนิ 15 กันยายน หลงั เตรยี มดินดแี ลว้ พรอ้ มปรับสภาพดินโดยใสป่ ูนขาวโดโลไมทอ์ ัตรา 20-25 กก./ไร่ก่อนปลูกรองพ้ืนดว้ ยปุย๋ หมักแห้งอตั รา 150-200 กก./ไร่ (ผสมปยุ๋ หมักแหง้ 100 กก.+ เช้ือสด 4 ถุงๆละ 250กรัม + รํา 5 กก.)เกษตรกรนิยมปลูกแบบปกั ดาํ กดรากลงในดนิ จะทําให้โคนต้นช้ํางา่ ย ตน้ กลา้ จึงต้องใช้เวลาฟน้ื ตวั นาน ถา้ ตอ้ งการให้ตน้ กลา้ ดดูอาหาร แตกก่ิงได้เร็วขน้ึ ควรปลูกแบบหลมุ และยกร่องเพ่ือปูองกันน้ําขงั ในหลุมรองพ้นื ดว้ ยป๋ยุ หมักแห้ง(ผสมปุ๋ยหมักแหง้ 100 กก.+ เชอ้ื สด 4 ถุงๆละ 250 กรัม + รํา 5 กก.) อัตราหลมุละ 100 กรัม ก่อนปลูกแชร่ าก พริก ด้วยเชื้อสด 4 ถงุ ๆ ละ 250 กรมั ละลายในนํ้า 100 ลิตร แช่นาน 30นาที จนกว่าจะปลกู เสรจ็ (ถ้าปลูกไม่เสรจ็ ให้ละลายเชอื้ ใหม่อยา่ แช่รากทิ้งไว้) การปลูกแบบหลุมเมื่อรากฟ้นื ตวั จะดูดอาหารได้ทันที และปูองกนั โรครากเน่าและโคนเน่าด้วย ซึง่ ในฤดฝู นเส่ียงตอ่ โรคในดินหลายชนดิ ควรปูองกนั ไวก้ ่อนดีกว่ากําจดั ดว้ ยสารเคมี 4. การปลกู พริก การดแู ลรกั ษา พริก หลังปลกู 15 วนั พ่นนํ้าหมักชวี ภาพสูตรบํารุงต้นอตั รา 2-3ช้อนแกง/นํ้า 20 ลติ ร(พน่ ทุก 7-10 วนั จนออกดอก) พน่
นาํ้ หมกั ชีวภาพสตู รบํารงุ ผลอัตรา 2-3 ช้อนแกง/น้ํา 20 ลิตร(พ่นทุก 7-10 วนั จนถึงเกบ็ เกย่ี ว) พน่ แคลเซยี มไนเตรท อัตรา 30 กรมั /นํ้า 20 ลิตร ในชว่ งตดิ ผลเล็กเพือ่ แกป้ ญั หาเกิดผลนิม่ ปลายผลเหย่ี วเนือ่ งจากการขาดธาตแุ คลเซียมและปอู งกนั ไมใ่ หเ้ ช้ือColletotrichum spp. สาเหตุโรคกุง้ แห้งเขา้ ทาํ ลายซ้าํ พน่ สปอร์เช้ือสด 4 ถงุ ๆ ละ 250 กรมั +นาํ้ 200 ลติ รร่วมกับนา้ํ หมักชีวภาพทกุ 1 เดือน ถา้ มไี รโรค แมลงศัตรทู ําลายใหใ้ ช้สารเคมีตามความเหมาะสมหรอื พ่นสลบั กับนํา้ หมกั สมุนไพร 5. การให้ปุ๋ย ระยะ 1 เดอื นแรก ก็ใหท้ างดินรว่ มกับทางใบเป็นหลกั โดยการใหท้ างดินกใ็ หส้ ูตร 46-0-0 สลบั กบั 15-0-0 หรือ 15-15-15ในเดอื นแรก ในอัตรา 5 กก.ต่อไร/่ คร้ัง แต่ไมเ่ กนิ 10 กก.ต่อไร่/คร้ัง ห่างกนั 7 วนั สว่ นทางใบใชส้ ตู ร 20-20-20 สลับ 30-20-10 เพ่อื เร่งการเจรญิเติบโต ในอตั รา 10 กรมั /น้าํ 20 ลิตร ระยะเดือนที่ 2-3 ระยะนี้ พรกิ มีอายุ 30-90 วัน ซ่ืงมกี ารติดผลของพรกิ ในชุดแรก ธาตอุ าหารทางดนิ และทางใบยงั จําเปน็ เหมือนเดมิ ทางดนิ ใชส้ ูตร 15-15-15 สลบั 13-13-21 ส่วนทางใบใช้สตู ร 15-0-0 เพ่ือเพม่ิ ธาตุแคลเซียมในช่วงติดผลเล็ก ในอัตรา 30กรมั /นํ้า 20 ลิตร ระยะเดือนที่ 4-6 ระยะนี้ พริก มอี ายุ 120-180 วัน ซง่ื มีการเกบ็ ผลผลิตของ พริก ในชดุ แรกเก็บได้มาก ธาตุอาหารทางดินและทางใบยงัจาํ เปน็ เหมือนเดิม ทางดนิ ใช้สูตร 15-15-15 สลบั 13-13-21 ร่วมกับป๋ยุ หมกั แห้งผสมเช้ือไตรโคเดอรม์ าสด อัตรา 1:25 ส่วนทางใบใช้สตู ร20-20-20 สลบั 10-20-30 ในอตั รา 30 กรัม/นาํ้ 20 ลิตร ใหป้ ุย๋ ทุกครั้งหลังเก็บผลผลติ จาํ หน่ายจากบญุ ส่ง เอกพงษ์ และคณะกราฟแสดงราคาเฉล่ยี ของ พริกเขียว และ พริกแดง สดในจงั หวัดศรสี ะเกษและจังหวดั อุบลราชธานีการทาํ ปุ๋ยหมักแหง้ 1. ปุ๋ยคอก 3 ส่วน + แกลบดิบเก่า 3 ส่วน + แกลบดาํ 1 สว่ น + กากนํ้าตาลและนาํ้ หมักชีวภาพ 2. ปยุ๋ คอก 400 กก. + แกลบดบิ เกา่ 100 กก. + ราํ อ่อน 30 กก. + กากน้าํ ตาลและนํา้ หมักชีวภาพ 3. ปุย๋ คอก 3 ส่วน + กากถว่ั เหลือง 3 สว่ น + แกลบดบิ เก่า 2 ส่วน + แกลบดํา 1 สว่ น + กากนาํ้ ตาลและนํา้ หมักชวี ภาพ (10 ลิตรตอ่ ปุย๋ หมัก 100 กก.) 4. ปุย๋ คอก 3 สว่ น + กากตะกอนอ้อย 2 ส่วน + แกลบดบิ เก่า 2 ส่วน + แกลบดาํ 1 สว่ น +
กากน้ําตาลและนํา้ หมักชวี ภาพ (10 ลติ รตอ่ ป๋ยุ หมัก 100 กก.)วิธที าํ ผสมนา้ํ หมักชวี ภาพและกากนํ้าตาลในนํา้ ใส่บวั รดบนสว่ นผสมท่ีมปี ๋ยุ คอก แกลบ รํา โดยวนจากขา้ งนอกเขา้ ขา้ งใน อยา่ ใหแ้ ฉะถ้าแฉะมากความร้อนจะสูงและเปน็ ก้อนและอยา่ แห้งเกินไป (กําปุย๋ หมักถ้าเปน็ ก้อนความชน้ื พอดี ถ้าแผ่กระจายจะแหง้เกินไป) หลังทาํ แล้ว 8 ช่ัวโมง ความรอ้ นในกองป๋ยุ จะสูงมากให้กลบั ปุ๋ยในกองทกุ วัน ประมาณ 7-10 วนั ความรอ้ นในกองจะปกตเิ กบ็ ใสถ่ งุ ไวใ้ ช้ตอ่ ไป หรอื ถ้ามีถงุ ปุย๋ ให้กรอกใสถ่ งุ เลยเพ่อืความสะดวกในการกลบั กระสอบปุย๋ หมกั และการขนยา้ ยการปลูกพริก จาก myveget.comขนั้ ตอนการเตรียมดนิ ใน การปลูกพริก นบั ว่าเป็นเร่ืองสําคัญมากใน การปลูกพรกิ เน่ืองจาก ถา้ เกษตรกรไม่สามารถเตรียมดนิ ให้ดตี งั้ แต่เร่มิ ต้นแล้วจะมีปญั หามากมายหรอื อาจจะทาํ ให้ขาดทนุ ได้ เกษตรกรจึงไม่ควรมองข้ามในเรื่องนี้ข้นั ตอนการไถและปรบั สภาพดนิควรมีการไถเพ่ือปรบั สภาพดินและทําการตากดนิ ไวป้ ระมาณ 5-7 วนั เพอื่ ทําการฆ่าเช้อื ราการ รองพ้ืนโดยปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยมูลสัตว์) หลงั จากตากดินไว้ 5-7 วนั แลว้ ก่อนทจ่ี ะทําการไถในรอบที่ 2ใหใ้ ช้สาร ที-เอส-3000ผสมกับปยุ๋ อินทรยี ใ์ นอัตรา สารที-เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ผสมปยุ๋ อนิ ทรีย์ 100 ก.กหวา่ นในอัตรา 50 -100 ก.ก ตอ่ ไร่ เพอื่ ปรบั สภาพดินและความเป็นกรดเป็นด่างของดินการรองพื้นโดยปยุ๋ เคมี หลังจากตากดิน 5-7 วนั แล้ว ใหใ้ ช้ สารที-เอส-3000 ผสมปยุ๋ สตู ร 15-15-15 ในอตั ราสารท-ี เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ป๋ยุ สตู ร 15-15-15 จํานวน 50 ก.ก (1กระสอบ) หวา่ นอตั รา 25 ก.ก ต่อไร่ สาร ที-เอส-3000 จะชว่ ยกระตนุ้ ระบบรากใหม้ ีมากขึ้นและชว่ ยใหต้ ้านทานโรคและแมลงได้ดเี น่ือง จากสารท-ี เอส-3000จะมี ซิลิกา้ ซงึ่ จะทําใหล้ ดตน้ ของพชื แขง็ แรงพรอ้ มด้วยธาตอุ าหารอื่นๆซึ่งจะทําให้ แข็งแรงต้านทานโรคและไดร้ ับธาตุอาหารท่ีครบถ้วนหลังจากน้ันให้ทําการคราดกลบ และรดน้ําเพื่อเตรยี มการปลูกตอ่ ไปข้นั ตอน การปลกู พริกหลังจากเพาะเลี้ยงตน้ กล้าให้ไดอ้ ายุ 2-3 สัปดาห์ ก่อนย้ายลงแปลงจรงิ ใหต้ ัดยอดจนเหล่ือแต่ใบแก่ พร้อมกบัรากแก้วให้เหลือเพยี ง 1-1 น้วิ คร่ึง เมอ่ื พรกิ โตข้ึนจะไม่สงู ชะลดู แต่จะแตกพมุ่ กลมมีก่ิงแขนงมากส่งผลให้มี
ดอกและผลมากด้วยสว่ นรากจะเกิดรากฝอย ใหม่จํานวนมากแผ่กระจายรอบทรงพุ่มสามารถหาอาหารไปเลี้ยงลาํ ต้นได้งา่ ยการเตรยี มตน้ กล้าก่อนปลกูหลงั จากนาํ ตน้ กล้าข้ึนมาจากแปลงเพาะเตรยี มทจ่ี ะลงแปลงปลูก ให้นาํ ต้นกล้าทเี่ ตรยี มไว้ลงแช่นา้ํ ทีผ่ สมที-เอส-3000หรอื ไฮแม็ก อยา่ งไดอยา่ งหน่งึ-ที-เอส-3000 ประมาณ 3 ขีด ต่อนํา้ 20 ลติ ร เพอื่ ใหต้ น้ กล้าไดร้ ับ ซิลกิ า้ ซึ่งจะทาํ ใหล้ ําต้นแขง็ แรง กระตุ้นการแตกรากดี ทําให้ ต้นพริก ฟื้นตัวได้เร็ว- ไฮ-แม็ก ประมาณ 30-50 ซีซี (2-3 ฝา) เพื่อให้ตน้ กลา้ ไดร้ ับ ธาตุอาหาร ซ่งึ จะทําให้ลาํ ต้นแขง็ แรง กระตนุ้การแตกรากดี ทําให้ ต้นพริก ฟืน้ ตวั ไดเ้ รว็ การปลูกไม่ควรปลกู ลงลกึ เกินไปเพราะจะทาํ ให้ พริก โตช้าการใส่ปุ๋ยหลังจากปลกู ได้ประมาณ 20-25 วันหรอื ใหส้ งั เกตดู ตน้ พริก มีความพรอ้ มทีต่ ้องการปยุ๋ ให้ใสป่ ุ๋ยเพื่อเร่งการเจรญิ เติบโตดงั นี้กรณี ใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี ์(ป๋ยุ มลู สัตว)์ ถา้ ต้องการใสป๋ยุ อินทรียใ์ ช้สารที-เอส-3000 ชนิดผง 15 กก.ผสมป๋ยุ อินทรยี ์ในอตั ราปุ๋ยอินทรีย์ 200-300 กก. หวา่ นในอัตรา 1 ไร่ ท-ี เอส-3000 มีสารอาหารทคี่ รบถ้วนช่วยให้พืชได้รบั ธาตุอาหารทค่ี รบถว้ น ชว่ ยลดปัญหาการเกดิ เช้ือรา ลดปัญหาการเกิดโรครากเนา่ โคนเนา่ จะชว่ ยปรบั สภาพความเปน็ กรด-ด่าง ของปยุ๋ อินทรยี ์ใหม้ ีคา่ เป็นกลางเพ่ือไม่ใหเ้ ป็นอันตรายต่อพชืกรณใี สป่ ุย๋ เคมี สูตรเรง่ การเจริญเตบิ โตใหใ้ ช้ปยุ๋ สตู ร 15-15-15 ,18-12-6,16-20-0 ผสมดว้ ย สาร ที-เอส-3000ในอตั รา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ปุ๋ยเคมี จาํ นวน 50 ก.ก (1กระสอบ) หวา่ นประมาณ 15 -20ก.ก ต่อไร่ การใสป่ ุ๋ยควรใส่ประมาณ 10-15 วนั ตอ่ ครง้ัสูตรเรง่ การออกดอก ใหใ้ ช้ปยุ๋ สูตร 13-13-21 ผสมดว้ ย สาร ที-เอส-3000 ในอตั รา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก(1กระสอบ) ปยุ๋ เคมี จํานวน 50 ก.ก (1กระสอบ) หว่านประมาณ 15 -20 ก.ก ตอ่ ไร่ การใส่ปุ๋ยควรใสป่ ระมาณ10-15 วนั ตอ่ คร้ังวิธกี ารใหป้ ุ๋ยและการฉดี พน่ ธาตุอาหารทางใบหลังจากปลูกได้ประมาณ 20-25 วนั หรอื ให้สงั เกตดู ตน้ พริก มีความพร้อมท่ีต้องการป๋ยุ ใหใ้ สป่ ยุ๋ สูตร15-15-15,18-12-6,16-20-0 เลือกใชส้ ูตรไดสูตรหน่ึง ผสมด้วย สาร ที-เอส-3000 ในอัตรา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก(1กระสอบ) ปยุ๋ เคมี จาํ นวน 50 ก.ก (1กระสอบ) หวา่ นประมาณ 15 -20 ก.ก ตอ่ ไร่ การใส่ป๋ยุ ควรใสป่ ระมาณ10-15 วนั ตอ่ ครัง้ หลังจากหว่านปยุ๋ เรียบร้อยแลว้ ประมาณ 2-3 วนั ฉีดพ่นทางใบดงั นี้เรง่ การเจรญิ เติบโตทางใบ
ไฮ-แม็ก 20-30 ซีซี + ซุปเปอร์-บมี 20-30 ซซี ี + ซุปเปอร์-บมี 3 พลงั คร่ึงช้อนชา ตอ่ นํา้ 20 ลิตร(ตวั เสรมิ โปรแทป็ 1-2 ขีด)ประโยชน์ เรง่ การเจรญิ เตบิ โต แตกกิง่ แตกทรงพมุ่ สรา้ งลําต้นให้แขง็ แรง ใบใหญ่ ใบหนา สีเข้ม ฉีดพน่ ทกุ 7-15 วัน ในเวลาเช้าหรอื ตอนเย็น ในเวลาที่อากาศไมร่ อ้ นฉีดพน่ ไปจนกวา่ พริก มีความพรอ้ มท่ีจะออกอกให้เปลยี่ นมา ใชส้ ูตรเรง่ ดอกดังนี้สูตรเรง่ ดอก-บาํ รุงดอกซปุ เปอร์-แบม30-40 ซีซี + เอ็ม-เรต็ ตา้ 3-4 ช้อนแกงประโยชน์ สะสมสมแปูง เรง่ การออกดอก บาํ รุงดอก ลดการหลุดรว่ งของดอก ฉีดพน่ 7-15 วัน /ครั้งเมอ่ื พริก มีความพร้อมทีจ่ ะออกดอก ปุ๋ยทางดนิ ใหเ้ ปลี่ยนมาใช้สตู ร 13-13-21 ผสมดว้ ย สาร ที-เอส-3000 ในอตั รา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ปุย๋ เคมี จาํ นวน 50 ก.ก (1กระสอบ) หวา่ นประมาณ 15 -20 ก.กตอ่ ไร่ การใสป่ ยุ๋ ควรใส่ประมาณ 10-15 วันตอ่ ครงั้ หลงั จากหว่านปยุ๋ ได้ประมาณ 1-2 วัน ให้ฉีดพน่ ดว้ ยซุปเปอร์-แบม30-40 ซีซี + เอ็ม-เรต็ ต้า 3-4 ชอ้ นแกง (ตวั เสรมิ ไฮ-แม็ก 20-30 ซซี ี หรอื โปรแทป็ 1-2 ขดี )เพอ่ื เรง่ การออกดอก ทําการรดนา้ํ ใส่ปุย๋ บาํ รงุ รักษาดแู ลไปเรื่อยๆหลงั จากเกบ็ ผลผลติ แลว้ ให้ทําการ บํารุงต้นให้พรอ้ มทจ่ี ะออกดอกรอบต่อไปโดยการฉดี พ่นทางใบ 1 ครัง้ ด้วย ไฮ-แมก็ 20-30 ซีซี + ซุปเปอร์-บีม 20-30 ซซี ี+ ซุปเปอร์-บมี 3 พลังครึ่งชอ้ นชา ตอ่ นาํ้ 20 ลติ ร (ตวั เสรมิ โปรแทป็ 1-2 ขีด) เพื่อบาํ รงุ ตน้ ให้มคี วามสมบูรณ์พร้อมที่จะออกดอกในรอบต่อไปหลงั จากบํารุงตน้ เรียบรอ้ ยแลว้ ให้ฉีดพ่นดว้ ยสตู รเรง่ การออกดอก1-2 ครัง้ต่อไปหลงั จากทาํ การเกบ็ ผลผลิตแล้วก็ใหท้ าํ การฉีดพ่นเหมือนคร้ังแรกสลับกันไป เรื่อยประโยชน์ของ การปลกู พริก1. พรกิ ชว่ ยลดการอดุ ตันของเส้นเลือด หรือการเสียชวี ติ อันเน่อื งมาจากเส้นเลอื ดทไ่ี ปเลย้ี งสมองอุดตนั การบริโภค พรกิ เป็นประจาํ จะช่วยลดอัตราความเส่ยี งจากการอุดตนั ของเสน้ เลอื ด นบั เปน็ สาเหตุสาํ คัญของการเกดิ โรคหวั ใจล้มเหลว เน่อื งจากพริกช่วยใหก้ ารไหลเวยี นของเลือดดขี น้ึ และช่วยลดความดัน เพราะวา่ ใน พริกมีสารจาํ พวกเบตาแคโรทีนและวติ ามินซี ซง่ึ ช่วยเสรมิ สรา้ งผนงั หลอดเลือดให้แขง็ แรงเพิ่มการยืดตวั ของผนงัหลอดเลือด ทาํ ใหป้ รบั ตวั เข้ากบั แรงดนั ระดบั ต่างๆ ได้ดยี ่ิงขึ้น2. พรกิ ชว่ ยลดปริมาณสารคอเลสเตอรอล สารแคปไซซินช่วย ปอู งกันมิใหต้ ับสร้างคอเลสเตอรอลชนดิ ไมด่ ี(LDL-Low density lipoprotein) ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมใหม้ ีการสร้างคอเลสเตอรอลชนดิ ดี (HDL-highdensity lipoprotein) มากข้ึน ทําให้ปรมิ าณของไตรกลเี ซอไรด์ในกระแสเลอื ดต่ําลง เป็นผลดตี ่อสขุ ภาพของผูบ้ รโิ ภค
3. พรกิ ช่วยลดความเสย่ี งของการเกดิ โรคมะเรง็ เน่ืองจาก พรกิ เป็นพืชผกั ทมี่ วี ิตามนิ ซีสูง การบริโภคอาหารที่มวี ิตามนิ ซีมากๆ จะช่วยปกปูองการเกดิ โรคมะเร็งได้ วิตามินซียับยงั้ การสรา้ งไนโตรซามีนซึง่ เป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดนิ อาหาร วติ ามินซีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนซง่ึ เปน็ สว่ นประกอบของกระดกู ออ่ น รวมถึงเปน็สว่ นประกอบของผิวหนัง กล้ามเนื้อและปอด คอลลาเจนเป็นโปรตีนทส่ี ามารถหยุดกแพร่กระจายของเซลล์เน้ือร้ายได้ นอกจากนี้ วิตามินซยี งั เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) คอื สามารถยตุ ิหรือขัดขวางบทบาทของอนุมูลอิสระ (free radicals) ท่ีจะก่อให้เกิดการกลายพันธข์ุ องเซลลจ์ นเปน็ เซลล์มะเร็งในทส่ี ุด สารเบตาแคโรทนี ใน พริก ชว่ ยลดอัตราการเส่ียงของโรคมะเรง็ ในปอด และในชอ่ งปากคนทร่ี ับประทานผกั ที่มีสารเบตาแคโรทนี น้อย จะมีความเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคมะเรง็ มากกว่าคนทร่ี ับประทานผกัท่มี ีเบตาแคโรที นสูงถงึ 7 เทา่ คุณสมบัติของสารเบตาแคโรทนี จะช่วยลดอัตราการกลายพันธ์ขุ องเซลล์และทําลาย เซลล์มะเร็ง สําหรบั พริก บางชนดิ ที่มีสีม่วงจะมีสารพวกแอนโทไซยานนิ ซึ่งสารนมี้ คี ุณสมบัติเป็นสารตา้ นอนมุ ูลอิสระ คือ สามารถทาํ ลายอนุมลู อสิ ระไดเ้ ช่นกัน4. พริก ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด เชน่ ลดอาการปวดฟัน บรรเทาอาการเจ็บคอ และการอกั เสบของผวิ หนังเปน็ ต้น ในปัจจบุ นั มีการใช้สารแคปไซซนิ เปน็ สว่ นประกอบของขีผ้ ้งึ ใชบ้ รรเทาอาการปวดอันเน่ืองมาจากผดผน่ื คนั และอาการผน่ื แดงบรเิ วณผิวหนัง รวมทง้ั อาการปวดที่เกดิ จากเสน้ เอ็น โรคเกาต์ หรอื โรคข้อต่ออกั เสบเป็นต้น นอกจากนีผ้ ลการทดลองใหม่ๆยังบ่งช้วี ่าสารแคปไซซินชว่ ยลดอาการปวดศรี ษะและไม เกรนลงได้5. พริก ชว่ ยเสริมสรา้ งสุขภาพและอารมณด์ ี เนอื่ งจากสารแคปไซซนิ มีสว่ นในการส่งสญั ญาณให้ต่อมใต้สมองสรา้ งสาร เอนดอร์ฟินข้ึนสารเอนดอร์ฟินเปน็ เปปไทด์ขนาดเลก็ (โปรตีนสายส้นั ๆ) มีคุณสมบัติคลา้ ยมอร์ฟนี คือ บรรเทาอาการเจบ็ ปวดในขณะเดยี วกนั กส็ รา้ งอารมณใ์ หด้ ีข้ึน ย่ิงรับประทานเข้าไปมากเท่าใด รา่ งกายก็จะสรา้ งเอนดอร์ฟินข้นึ มามากขน้ึ เทา่ นน้ั ปกติร่างกายของคนเราจะสร้างสารเอนดอร์ฟินข้ึนภายหลังการออกกําลังกาย ดังน้ันการออกกาํ ลงักายแม้จะทาํ ใหร้ ่างกายเมอ่ื ยลา้ แตผ่ อู้ อกลังกายจะร้สู กึ สดชน่ื แจ่มใส ถ้าตอ้ งการบรรเทาความเผด็ ของอาหารในปากควรดืม่ แอลกอฮอล์ หรือรบั ประทานอาหารทม่ี ีไขมนั เป็นสว่ นประกอบมากกวา่ การดืม่ นํา้ เพราะการด่ืมนา้ํ มผี ลเพียงช่วยบรรเทาอาการแสบรอ้ นไดเ้ ท่านั้น แต่ความเผด็ ก็ยงั ไม่ไดล้ ดลง เนอ่ื งจากว่า นาํ้ ละลายสารดังกลา่ วได้ไมด่ นี ่ันเอง
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: