Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เนื้อหาหน่วยที่ 6 หลักการปฏิบัติตนในงานอาชีพ

เนื้อหาหน่วยที่ 6 หลักการปฏิบัติตนในงานอาชีพ

Published by kanokvan5726, 2018-06-01 04:15:05

Description: เนื้อหาหน่วยที่ 6 หลักการปฏิบัติตนในงานอาชีพ

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 6. หลักการปฏบิ ัตติ นในงานอาชพี (Practice their profession)ดา้ นความรู้Knowledge1. การสร้างจิตสานกึ ทด่ี ีในการปฏบิ ตั งิ าน2. พฤตกิ รรมในการทางาน3. คุณลักษณะเฉพาะของผู้มีมนุษยส์ มั พันธ์ในการทางานด้านทกั ษะSkill1. ปฏิบัตติ นในงานอาชีพไดเ้ หมาะสมได้ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมMoral & Ethics1. ความรับผดิ ชอบ2. ความสนใจใฝรุ ู้สาระสาคัญการสรา้ งจติ สานึกที่ดีในการปฏิบตั ิ งานเป็นส่ิงท่มี ีความจาเป็นสาหรบั องค์กร ผู้บรหิ ารจึงต้องคานึงถึงการปลกู ฝังจติ สานกึ ที่ดี เพอ่ื สง่ เสริมให้พนักงานปฏิบัตงิ านอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพสมรรถนะอาชีพประจาหนว่ ยปฏบิ ัตติ นในงานอาชีพได้เหมาะสมได้เนือ้ หา1. การสรา้ งจิตสานึกทดี่ ีในการปฏิบตั ิงาน2. การสร้างจติ สานกึ ทดี่ ี3. พฤตกิ รรมในการทางาน4. พฤติกรรมในองคก์ ร5. มนษุ ยสัมพนั ธ์ในการทางาน6. คณุ ลกั ษณะเฉพาะของผมู้ ีมนุษยสัมพนั ธ์ในการทางาน7. การสร้างมนุษยสมั พันธ์ระหว่างผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชา8. วนิ ยั9. วินัยในการทางาน10. รปู แบบของวินยั ในการทางานจุดประสงค์การสอน/การเรยี นรู้• จุดประสงค์ทั่วไป / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง1. เพอื่ ให้มีความร้เู ก่ยี วกบั หลกั การปฏบิ ัตติ นในงานอาชีพ (ด้านความร)ู้

2. เพือ่ ใหม้ ีทกั ษะในการใช้งาน หลกั การปฏิบตั ิตนในงานอาชพี (ด้านทกั ษะ)3. เพือ่ ให้มีเจตคติที่ดตี ่อการเตรียมความพรอ้ มดา้ น วสั ดุ อุปกรณ์ และการปฏิบตั ิงานอย่างถูกต้อง สาเรจ็ภายในเวลาท่กี าหนด มีเหตแุ ละผลตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม)• จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง1. สรา้ งจิตสานึกทดี่ ใี นการปฏิบตั ิงานได้ (ด้านความร)ู้2. สร้างพฤตกิ รรมในการทางานและพฤตกิ รรมในองค์กรได้ (ด้านทักษะ)3. มีมนุษยสัมพันธ์ในการทางานได้ (ด้านทักษะ)4. ชแ้ี จงคณุ ลกั ษณะเฉพาะของผมู้ ีมนุษยสมั พันธ์ในการทางานได้ (ดา้ นทักษะ)5. สรา้ งมนษุ ยสมั พันธร์ ะหวา่ งผู้ใต้บงั คับบญั ชาได้ (ดา้ นทกั ษะ)6. มีวนิ ัยในการทางาน (ดา้ นทักษะ)7. ยกตัวอย่างรปู แบบของวินยั ในการทางานได้ (ดา้ นทักษะ)8. การเตรียมความพร้อมดา้ นการเตรยี ม วัสดุ อปุ กรณน์ ักศึกษาจะต้องกระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชกิ ทุกคน มีการจัดเตรยี มสถานที่ ส่ือ วสั ดุ อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรยี ง (ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง)9. ความมีเหตุมีผลในการปฏบิ ัตงิ าน ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง นกั ศึกษาจะต้องมีการใช้ เทคนิคทีแ่ ปลกใหม่ใช้สอื่ และเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอที่น่าสนใจนาวัสดุในท้องถิ่นมาประยกุ ต์ใช้ อย่างคุ้มค่าและประหยดั (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)เนอ้ื หาสาระการสอน/การเรียนรู้• ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี1. สรา้ งจติ สานกึ ทีด่ ใี นการปฏบิ ตั ิงานได้ (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อ 1)1. การสร้างจติ สานกึ ท่ีดีในการปฏบิ ัตงิ านRaising awareness of good practice.การสรา้ งจติ สานึกที่ดีในการปฏบิ ตั งิ านของลูกน้องหรือผู้ใต้บังคบั บัญชา เป็นสิ่งทีม่ ีความจาเปน็ สาหรบั องค์กรผบู้ รหิ ารจงึ ตอ้ งคานึงถึงการปลกู ฝังจติ สานึกทีด่ ีเพ่ือสง่ เสริมใหพ้ นักงานปฏบิ ตั ิงานอย่างมีประสิทธภิ าพ มีเปาู หมายในการทางานชดั เจน มคี วามรบั ผิดชอบในการทางาน งานทที่ าออกมากจ็ ะเป็นงานทมี่ ีคุณภาพสงู สุดอีกท้ังพนักงานก็ยังมจี ติ สานึกท่ดี ีในการช่วยดแู ลทรัพยากรและทรัพย์สินของบริษัทเสมอื นหน่ึงเป็นของตนเองคนทเ่ี ปน็ ผู้จดั การจงึ ตอ้ งมคี วามอดทน รอบคอบ มที ักษะในการฝกึ และสอนคนให้เปน็ ร้จู กั ท่จี ะติดตามผลงานกบั พนักงาน เม่ือคุณได้มอบความรบั ผดิ ชอบในการทางานเป็นท่ีเรียบร้อยและชัดเจน ควรตรวจสอบความคบื หนา้ ของงานที่เกดิ ขน้ึ ด้วย ซ่งึ ก็เทา่ กบั วา่ ได้กระตนุ้ ใหพ้ นักงานเกดิ ความคิดริเรม่ิ และรับผิดชอบงานท่ตี นเองทาอยา่ งเต็มท่ีเพ่ือให้ไดผ้ ลงานมปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธิผลมากที่สดุ สุดทา้ ยองค์กรของคณุ กจ็ ะเข้าสู่องค์กรทีม่ ีประสิทธภิ าพ

เมอื่ ผใู้ ต้บังคบั บญั ชาของคณุ มีจติ สานึกที่ดีในการปฏบิ ัตงิ าน ประโยชนท์ ่จี ะได้รบั ก็คือจะสามารถลดภาระในการควบคุมงานลง พนักงานหรอื ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาจะมีความคดิ รเิ ริม่ ใหม่ๆในการทางาน องค์กรจะมีพนักงานที่ได้รบั การฝึกฝนมาอย่างดี และมีศักยภาพทีจ่ ะพฒั นาองคก์ รของให้ประสบความสาเรจ็2. การสรา้ งจติ สานึกทด่ี ีconsciousness2.1• ให้พนกั งานมีอิสระในการทางานในแบบของเขามากที่สดุ หมายถงึ ให้พนักงานเปน็ ผตู้ ้งั เปาู หมายในการทางาน และกาหนดวิธีการท่ีทาใหบ้ รรลเุ ปาู หมายโดยพนักงานผู้นัน้ เป็นผูร้ ะบุขนึ้ มาตามสายงายของตนเองรวมทงั้ กระบวนการในการแก้ปญั หาในการผลิต และขอ้ เสนอแนะต่างๆในการทางาน โดยไม่ขัดแยง้ กบักฎเกณฑแ์ ละระเบยี บของการทางาน2.2• มอบอานาจให้กับพนกั งานในการตดั สนิ ใจตามกรอบงานทเ่ี ขารบั ผดิ ชอบ จะเปน็ การพฒั นาความมั่นใจและความเคารพนับถือในตัวเอง นน่ั เทา่ กบั เป็นการกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคบั บัญชาเกิดความคิดริเริ่มทจี่ ะทาให้งานสาเรจ็ อยา่ งไรโดยไดร้ ับความร่วมมอื จากผู้ทเ่ี ก่ียวข้อง ในฐานะผ้จู ัดการคุณก็ต้องแสดงออกถึงความเช่อื มั่นต่อผ้ใู ต้บังคับบญั ชา โดยการมอบอานาจหน้าทีแ่ ละความรับผิดชอบให้อยา่ งเต็มที่ เพื่อใหเ้ ขาได้ทางานไดส้ าเรจ็ลุล่วง2.3• การจดั การต้องมรี ะบบท่ีระบถุ ึงความรบั ผิดชอบอย่างชัดเจน เพอื่ ให้พนกั งานรบั ผดิ ชอบต่อผลการกระทาของตน พนกั งานจะต้องทราบวา่ ความรับผิดชอบของตนคืออะไร อานาจของตนเองมแี ค่ไหนและต้องสามารถระบุถงึ ความสาเรจ็ ในงานทตี่ นเองรับผิดชอบได้2.4• สนบั สนนุ ใหผ้ ใู้ ต้บังคบั บัญชาไดใ้ ชว้ ธิ กี ารของตวั เองในการตัดสนิ ใจ เพราะจะทาให้พนักงานรสู้ ึกวา่ คุณพร้อมท่ีจะสนบั สนนุ ในการตัดสนิ ใจและการกระทาของเขา เขาก็พรอ้ มท่ีจะท่มุ เทแรงใจและแรงกายใหก้ ับการทางาน เพื่อใหง้ านออกมามีคุณภาพมากที่สดุ2.5• มอบหมายให้เขาเรียนรู้งานในหน้าท่ที ีส่ ูงขนึ้ โดยเรยี นรจู้ ากหัวหน้างาน และพยายามให้เขาไดฝ้ กึ หรือมีโอกาสในการทางานนัน้ ให้มากทสี่ ดุ รวมถงึ การมอบหมายความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจะเปน็ การทาให้พนักงานมีจิตสานกึ ต่อการทางานไดม้ ากขึ้น ขณะเดียวกันจะทาให้องค์กรมีพนกั งานทม่ี ีความสามารถหลากหลายและมีองค์ความรู้จากการเรียนรคู้ วามผดิ พลาดที่เกดิ ขึ้น3.พฤติกรรมในการทางานBehavior at work.1. พฤตกิ รรมในการทางาน พฤตกิ รรมในการทางานที่ดี จะ เปน็ พฤติกรรมทเี่ ราสมควรทจี่ ะทาในการทางานเชน่ การตรงต่อเวลา ไม่โตเ้ ถียงเจ้านายโดยไม่ใช้เหตุผล แก้ปัญหาต่างๆได้ดว้ ยดี นัง่ ฟงั การประชมุ อยา่ งตง้ั ใจพฤติกรรม ในการทางานทไ่ี ม่ดี จะเป็นพฤติกรรมทไ่ี ม่เหมาะสมในองค์กร เชน่ เลน่ เกมสใ์ นท่ีทางานหรือพูดคุยกนั เสยี งดัง นอนหลบั ในทีป่ ระชมุ ไมม่ ีความรบั ผดิ ชอบและไม่ตรงตอ่ เวลา

2. จรยิ ธรรมในการทางาน จริยธรรม ในการทางานทีด่ ี จะเปน็ หลักการเหตผุ ลทีด่ ที ่ีพงึ ปฏิบตั ิในการทางาน เช่นการทางานดว้ ยความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ไม่คดโกง ไมน่ าความลับของทางบรษิ ัทไปเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกรู้ ไม่ยกั ยอกเงินบริษัทไปเป็นของตนเอง จรยิ ธรรม ในการทางานทีไ่ มด่ ี จะทาให้สง่ ผลเสยี ต่อองคก์ ร เชน่ การขายความลบั ให้บริษัทคแู่ ข่งเพราะมันอาจจะทาใหบ้ ริษทั ของเราถงึ กบั ล้ม ละลายก็ได้ ทาให้ส่งผลเสียตอ่ ทุกฝุายและทุกคนอาจจะตกงานได้3. การทางานรว่ มกับผู้อืน่ การทางานร่วมกับผู้อืน่ ในทางที่ดี จะเป็นการมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ทด่ี ี เชน่ เขา้ กับเพื่อนร่วมงานได้ง่าย ชอบ ชว่ ยเหลอื เพื่อนร่วมงานด้วยกัน แบ่งปันสิ่งของให้กัน สามารถแก้ไขปญั หาทีเ่ กดิ ขึน้ ร่วมกนัได้ ยิม้ แย้มแจ่มใส ทักทายเพ่ือนร่วมงานเสมอทีเ่ ข้ามาทางาน การ ทางานรว่ มกนั ผู้อน่ื ท่ีไม่ดี เปน็ การท่ีไม่มีความมมี นุษยสัมพันธใ์ นการทางานร่วมกับผ้อู ื่น เชน่ การไม่ทักทายเพื่อนร่วมงาน ไมช่ ว่ ยเหลอื เพื่อนร่วมงานดว้ ยกัน หลีกหนปี ญั หาหรือแก้ปัญหาเพยี งลาพงั ไม่ปรึกษาเพ่อื นรว่ มงาน ชอบทางานคนเดยี วคือเข้ากบั ผ้อู ื่นไมไ่ ด้4. บุคลกิ ภาพในการทางาน บุคลิกภาพ ในการทางานทด่ี ี คือ จะเป็นการแสดงบุคลิกภาพในการทางานทดี่ ี เชน่การน่งั อยา่ งสารวมในหอ้ งประชมุ ไมเ่ ดินหลงั คอ่ ม ไม่กัดแทะเล็บต่อหนา้ ผอู้ ่นื ไมน่ งั่ เอามอื เทา้ คางในท่ีประชมุบคุ ลิกภาพ ในการทางานท่ไี ม่ดี คอื การแสดงกริ ยิ าไม่สุภาพในการทางาน เชน่ นง่ั ไขว้หา้ ง แตง่ ตวั สกปรก ไม่รดี เสือ้ ผ้า เมามาทางาน นง่ั เอามอื เท้าคางในทปี่ ระชมุ นอนในเวลาทางานการสรา้ งจิตสานึกที่ดี• ใหพ้ นักงานมอี ิสระในการทางานในแบบของเขามากท่ีสดุ หมายถงึ ให้พนกั งานเป็นผ้ตู ้ังเปูาหมายในการทางาน และกาหนดวิธีการท่ีทาให้บรรลุเปาู หมายโดยพนักงานผูน้ ้นั เปน็ ผ้รู ะบขุ นึ้ มา ตามสายงายของตนเองรวมท้ังกระบวนการในการแก้ปญั หาในการผลติ และขอ้ เสนอแนะตา่ งๆในการทางาน โดยไม่ขัดแยง้ กับกฎเกณฑ์และระเบียบของการทางาน• มอบอานาจใหก้ บั พนักงานในการตดั สนิ ใจตามกรอบงานท่ีเขารับผิดชอบ จะเปน็ การพัฒนาความม่นั ใจและความเคารพนับถือในตัวเอง นั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นใหผ้ ูใ้ ต้บงั คับบัญชาเกิดความคดิ รเิ ริ่มที่จะทาให้งานสาเรจ็ อยา่ งไรโดยไดร้ ับความรว่ มมอื จากผู้ท่เี กีย่ วข้อง ในฐานะผ้จู ัดการคุณกต็ ้องแสดงออกถึงความเชือ่ มัน่ ต่อผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา โดยการมอบอานาจหน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบใหอ้ ยา่ งเตม็ ที่ เพื่อใหเ้ ขาได้ทางานได้สาเรจ็ลุลว่ ง• การจดั การต้องมรี ะบบ ท่รี ะบถุ งึ ความรับผิดชอบอยา่ งชดั เจน เพอ่ื ให้พนักงานรบั ผิดชอบตอ่ ผลการกระทาของตน พนกั งานจะต้องทราบวา่ ความรบั ผดิ ชอบของตนคืออะไร อานาจของตนเองมแี คไ่ หนและต้องสามารถระบถุ งึ ความสาเรจ็ ในงานท่ีตนเองรบั ผดิ ชอบได้• สนบั สนุนใหผ้ ู้ใต้บังคบั บญั ชาไดใ้ ช้วธิ กี ารของตวั เองในการตัดสนิ ใจ เพราะจะทาใหพ้ นักงานร้สู ึกวา่ คณุ พรอ้ มท่ีจะสนบั สนุนในการตดั สินใจและการกระทาของเขา เขาก็พรอ้ มท่จี ะท่มุ เทแรงใจและแรงกายให้กับการทางานเพอื่ ให้งานออกมามีคุณภาพมากที่สดุ• มอบหมายใหเ้ ขาเรียนรู้งานในหนา้ ที่ท่ีสูงขน้ึ โดยเรียนรู้จากหวั หนา้ งาน และพยายามให้เขาได้ฝึกหรือมีโอกาสในการทางานนัน้ ใหม้ ากท่ีสดุ รวมถึงการมอบหมายความรบั ผิดชอบในการแก้ปัญหาจะเป็นการทาให้

พนักงานมจี ิตสานกึ ต่อการทางานไดม้ ากขึน้ ขณะเดียวกันจะทาให้องค์กรมีพนักงานท่มี ีความสามารถหลากหลายและมีองค์ความรู้จากการเรียนรคู้ วามผิดพลาดที่เกิดขึน้2. มมี นุษยสมั พันธ์ในการทางานได้ (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ 2)4. พฤตกิ รรมในองคก์ รBehavior in Organizationsขอบเขตและความหมายของพฤติกรรมองคก์ าร Organization Behavior (OB)o “เปน็ สาขาวิชาที่มีทฤษฎวี ธิ กี ารและหลกั การซ่ึงได้มาจากศาสตร์หลายแขนงวชิ าดว้ ยกันเพอื่ ใช้ในการศึกษาเกีย่ วกับการรบั รู้ของบุคคล ปฏิสัมพันธร์ ะหว่างบุคคลทป่ี ฏบิ ตั ิงานร่วมกันเป็นกลมุ่ ตลอดจนพฤติกรรมท่ีเป็นภาพรวมระดับองค์การ มกี ารวิเคราะห์ผลกระทบท่เี กดิ ขน้ึ จากสภาพแวดล้อมภายนอกต่อองค์การโดยเฉพาะสง่ ผลตอ่ ทรัพยากรมนุษย์ ภารกิจ วตั ถปุ ระสงค์และกลยุทธ์ขององค์การ” (Gibson et.al., 1997)ขอบเขตและความหมายของพฤติกรรมองค์การ1. เปน็ พฤติกรรมของมนุษย์ท่ีเกดิ ขึ้นในองคก์ ารแบ่งเปน็ 3 ระดับ- พฤติกรรมมนุษย์ระดับบคุ คล- ระดบั กลุ่ม- ระดบั องค์การ2. เปน็ การผสมของศาสตรแ์ ขนงตา่ ง ๆ (พหวุ ชิ า)3. ม่งุ เน้นการศึกษาเกี่ยวกบั การแสดงพฤติกรรมของมนุษย์ในองค์การ เช่น เจตคติ การรับรู้ ความสามารถในการเรยี นรู้ เปาู หมายที่บุคคลมีต่อองค์การ4. เนน้ การปฏบิ ตั ิเป็นสาคญั (Performance oriented)“เพราะเหตุใดผลการปฏบิ ตั ิงานจงึ ต่า/สูง”“ถ้าต้องการเพิม่ ผลงานให้สงู ข้ึน จะตอ้ งทาอยา่ งไร”5. ให้การยอมรับวา่ สิง่ แวดล้อมภายนอกมีผลกระทบอยา่ งมากตอ่ องคก์ าร6. มีแนวคิด หลักการและแนวทางปฏบิ ัติท่เี ปน็ ผลจากการวจิ ัย ทางวิทยาศาสตร์ทม่ี ีความนา่ เชอื่ ถือได้7. มุง่ เนน้ การประยุกตใ์ ช้ (Applications orientation) ได้จรงิ ภายในองค์การ5. มนษุ ยสมั พนั ธ์ในการทางานHuman relations in the workplace1. การมีทา่ ทางทีด่ ี (Handsome) เชน่ กิริยามารยาทเรียบรอ้ ย การพูดคุยสนกุ สนาน ทาใหผ้ ู้คบหาด้วยก็มีความสบายใจ2. บคุ ลกิ ภาพ (Personality) หมายถึง รูปร่าง หนา้ ตา การแต่งตัว การเคล่ือนไหว กิริยาท่าทาง

3. ความเป็นเพื่อน (Friendliness) คือ เปน็ กันเองกบั บุคคลอ่นื ๆ4. มคี วามอ่อนน้อม (Modesty) รวมทั้งกริ ยิ ามารยาทสภุ าพ พดู จาอ่อนน้อมถ่อมตน5. การมีนา้ ใจช่วยเหลอื (Helpful) คือ เตม็ ใจช่วยเหลือผ้อู ื่น โดยทง้ั กาลังกาย กาลังความคดิ เปน็ ต้น6. การใหค้ วามช่วยเหลือ (Cooperation) คอื สามารถใหก้ ารชว่ ยเหลอื ในการทางาน รว่ มกบั ผู้อื่นไม่เหน็ แกต่ ัว7. มีความกรุณา (Kindness) มนี ้าใจโอบอ้อมอารีแกผ่ ไู้ ดร้ บั ความทุกข์ยาก8. เป็นคนมปี ระโยชน์ (Contribution) คอื ใหค้ วามช่วยเหลือกจิ การแก่คนโดยทัว่ ไป โดยมหิ วังประโยชน์ใด ๆมนษุ ยสมั พนั ธ์มนุษยสัมพนั ธ์เป็นเร่ืองราวท่วี ่าดว้ ยพฤติกรรมของบคุ คลทีม่ าเกี่ยวขอ้ งกันในการทางานในองค์กรหรือหน่วยงาน เพื่อให้การทางานดาเนินไปไดอ้ ยา่ งราบรน่ื ความสาคัญของมนุษยสัมพนั ธ์ในการทางานก็คือ สร้างความราบรืน่ ในการทางานรว่ มกัน สร้างความเข้าใจอนั ดีและความสามัคคี ก่อใหเ้ กดิ ความรกั ใคร่และความสาเร็จในการทางานร่วมกนั เป็นปจั จัยที่ชว่ ยเพ่มิ ผลผลิต และเปน็ เครื่องมือช่วยในการแก้ปัญหาและขจดัความขัดแย้งหลักของมนุษยสัมพันธค์ ือ การตอบสนองความต้องการของมนุษย์ โดยใชห้ ลกั ปฏบิ ตั ทิ ่ีวา่ เม่อื เราต้องการส่งิ ใดผูอ้ ื่นก็มีความต้องการส่งิ น้นั เช่นกนั สว่ นในดา้ นจติ ใจก็ใหย้ ึดหลักทวี่ ่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยมนษุ ยสมั พนั ธ์นนั้ เกย่ี วขอ้ งศาสตร์สาขาต่างๆเช่น วทิ ยาศาสตร์การแพทย์ จติ วิทยา จิตวิเคราะห์ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลการสรา้ งมนุษยสัมพนั ธ์https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTWJe6u-0Gvz9dos7oTl8dW6td-4zwZGm9b_qcfGdYgHVo8RKnbcAการสร้างมนุษยสัมพนั ธ์นัน้ ไม่ใช่เรื่องยาก เม่ือทาได้แลว้ จะอานวยประโยชน์ให้กับการดารงชวี ติ ครอบครวั และการทางาน สาหรับในด้านการทางานน้ันมีข้อที่ควรปฏิบตั คิ ือ การสร้างมนุษยสัมพันธ์กบั เพ่อื นรว่ มงาน การสร้างมนุษยสัมพนั ธท์ ่ดี กี ับบคุ คลในองค์กร มีองคป์ ระกอบท่ีสาคัญคือ การสรา้ งความเชอ่ื มั่นใหก้ ับเพ่อื นรว่ มงาน การเอาใจใส่เพื่อนรว่ มงาน การปรับตวั เองให้เข้าได้กบัเพ่อื นรว่ มงาน การควบคุมพฤตกิ รรมและเจตนารมณ์ผ้อู นื่ เมอื่ ต้องการสร้างสัมพันธภาพท่ีดกี ับเพ่ือนร่วมงานมสี ิง่ ทค่ี วรต้องปฏบิ ตั คิ ือ การสรา้ งความประทบั ใจให้กับเพอ่ื นรว่ มงาน การสร้างความเปน็ มิตร มองหาสว่ นดีและยอมรบัความสามารถของเพื่อนรว่ มงาน คานึงถึงเสมอวา่ เพ่ือนรว่ มงานทกุ คนเปน็ ผู้มีคณุ ค่า การสง่ั หรือตดิ ต่องานไม่ควรใช้วิธีพูดผ่านกบั คนอ่นื วิธีการสร้างเสนห่ ์ในบุคลิกภาพ การเป็นคนมีเสน่หจ์ ะชว่ ยให้บคุ คลที่อยู่รอบขา้ งอยากเขา้ มาชดิ ใกล้ และปรารถนาจะรว่ มงานดว้ ย การสรา้ งเสนห่ ์สามารถทาได้โดย การใชน้ า้ เสียงหรอื คาพดู การแสดงออกทางร่างกาย การใช้ภาษากายที่เหมาะสม การพัฒนาบุคลิกภาพใหส้ งา่ งาม การแต่งกายให้เหมาะสมกับกาลเทศะและการมีความมน่ั ใจในตนเอง

การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ใต้บงั คับบญั ชา การปฏบิ ัติงานในองค์กรผู้บังคบั บญั ชาและผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชาจาเป็นตอ้ งการการส่อื สารเพ่ือร่วมกันดาเนินงานให้บรรลุภารกจิ ขององค์กร โดยผ้บู ังคับบัญชาจะทาหน้าท่ีอานวยการใหน้ โยบายและข้อมูลขา่ วสารท่ีถกู ต้องและเหมาะสมแกพ่ นักงาน และในทางตรงกันข้ามก็ต้องรับฟงั ข่าวสารข้อมลู ข้อเสนอแนะและความคดิ เหน็ ของพนักงาน เพอื่ ให้สามารถประสานงานงานในการทางานร่วมกนั ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ นอกจากน้ีในการวนิ ิจฉยั ตัดสนิ ใจกเ็ ป็นหนา้ ทๆ่ี สาคัญประการหนง่ึ ของผบู้ ังคบั บัญชาและเปน็ ศลิ ปะอันหนึง่ ในการสร้างความสัมพันธก์ ับผใู้ ต้บงั คบั บัญชา ผู้บรหิ ารควรต้องรับผดิ ชอบต่อการตัดสนิ ใจและการวนิ ิจฉยั สง่ั การทเี่ กดิ ข้ึน ภาระหน้าทๆี่ สาคัญอีกอยา่ งหนงึ่ กค็ ือการสงั่ การ โดยในการสัง่ การนน้ั สามารถทาได้ในหลายรูปแบบ เช่นการสง่ั งานดว้ ยวาจาและการส่งั งานเป็นลายลักษณ์อกั ษร ซ่งึ ต้องเลือกใชใ้ ห้เหมาะสม และยังสามารถสั่งโดยใช้การบงั คับหรือออกคาส่งั การสั่งงานแบบขอร้อง การสั่งงานแบบแนะนาการสั่งงานแบบอาสาสมัคร ซึ่งก็ข้นึ อย่กู ับวา่ ตัวผ้บู ริหารจะเลอื กใช้การสงั่ งานแบบใดหลกั ปฏิบัติในการเป็นผ้ชู ว่ ยท่ีดี การปฏิบัตติ วั เปน็ ผู้ชว่ ยทด่ี ีนน้ั จะใช้หลัก 3 ประสานกค็ ือ มอื ดี ใจดี ความคิดดีซึง่ มอื ดีกค็ ือมีความรคู้ วามสามารถ ประสบการณ์ บุคลิกภาพและลักษณะทา่ ทางดี ใจดีก็คอื มีความม่นั คงทางจิตใจ มีความรับผดิ ชอบ เอาใจใสใ่ นงาน มคี วามขยนั หมนั่ เพยี รและอดทน ส่วนคดิ ดีกค็ ือ มีความคิดรเิ รมิ่ มีความเปน็ ผู้นา มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี รจู้ ักกาลเทศะ ร้จู ักช่องทางในการติดตอ่ สื่อสารและเปน็ ผรู้ ู้จักประมาณตนการแก้ไขขอ้ ขดั แยง้ ในการทางานการปฏิบตั งิ านในองค์กรรว่ มกันของบุคลากรจานวนมาก ย่อมจะมีทัง้ ความคดิ เหน็ ในการปฏบิ ตั ิงานท่ีเหมือนกันและตา่ งกนั ความคิดเห็นท่ีตา่ งกันนน้ั สามารถนาไปสคู่ วามขัดแยง้ ในการทางานได้ ซงึ่ ถา้ ปล่อยให้ดาเนนิ ตอ่ ไปจะเป็นผลเสยี ดต่อการดาเนนิ การขององค์กรในภาพรวม ดงั น้ันจงึ ควรปูองกันและขจัดความแยง้ออกไปเพ่ือประสทิ ธิภาพขององค์กรความขดั แย้งในการทางาน ความขัดแย้งในการทางานเกดิ จากความคิดเหน็ บางอยา่ งท่ีไมต่ รงกัน ไม่เข้าใจกันทง้ั ระดับบุคคลต่อบุคคล บคุ คลต่อกลมุ่ หรือแม้กระท่ังระดับกลุม่ ต่อกลุ่ม ความขดั แย้งเกดิ ข้นึ ไดจ้ ากหลายสาเหตุ ทงั้ การเข้าใจข้อมูลไม่ตรงกัน การเลือกวธิ ีการปฏิบัติที่ตา่ งกนั ค่านิยมตา่ งกนั รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ซ่งึ ถ้าสรปุ แล้วความขดั แย้งทเ่ี กิดขึน้ ส่วนใหญจ่ ะเป็นความขัดแย้งทางความคิด และความขัดแย้งที่เกดิ จากผลประโยชน์ผลของความขดั แยง้ ผลท่ีเกดิ ขึน้ จากความขดั แย้งอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลทั้งด้านบวกและด้านลบ เชน่ ในทางบวกได้แก่ ปูองกนั การหยุดอยกู่ บั ที่ กระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเหน็ ขจดั ปัญหาทีเ่ ล่อื นลอย เกิดการสรา้ งสรรค์สิ่งใหมๆ่ สว่ นในทางลบได้แก่ การทางานรว่ มกันไมไ่ ด้ ลดความเปน็ มิตรระหวา่ งบคุ ลากร หมดความเชื่อถือและไว้วางใจซึง่ กันและกัน ต่อส้กู ันอยา่ งไรเ้ หตุผล เกิดการทางานเพยี งเพื่อเปน็ การเอาชนะกนัการแก้ไขความขดั แย้งวธิ ีการแกไ้ ขความขดั แยง้ ของคนเราจะต่างกัน แต่ละคนยอ่ มจะมีวธิ ีการแก้ไขความขัดแยง้ ของตนเอง ซ่งึ วิธกี ารส่วนใหญ่มกั จะใช้กนั ได้แก่ การหลีกหนปี ัญหา การกลบเกล่ือนหรอื ถว่ งเวลาเพ่อืคลค่ี ลายปัญหา การต่อรองประนีประนอม การเผชิญหน้าโดยการเผชิญหนา้ น้ันอาจมีหลายรปู แบบตงั้ แต่การลงโทษ กลั่นแกลง้ การใช้กาลงั เขา้ ต่อสู้เพ่ือใหเ้ กิดการแพช้ นะ การเจรจาทาความตกลงซึ่งเปน็ วธิ ีการท่ดี ีและสร้างสรรค์

เทคนคิ การแก้ไขปญั หาการแก้ไขปัญหาน้นั มเี ทคนิคอยหู่ ลายประการด้วยกนั การแกไ้ ขปัญหาทด่ี ีเกดิ จากการประยุกตเ์ ทคนิคตา่ งๆเขา้ ด้วยกัน ซง่ึ จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรอบคอบและมปี ระสิทธภิ าพ ซึง่เทคนิคท่ีสามารถนามาใชไ้ ดก้ ็คือ การรบั ฟงั การใหค้ าแนะนาผอู้ ื่นใหส้ ามารถคดิ และแก้ปญั หาไดด้ ้วยตวั เองการทาให้ผู้อน่ื สามารถคิดและตดั สินใจได้ด้วยตนเองและมีความรบั ผดิ ชอบ การเจรจาหาทางแก้ไขเมื่อมีปญั หา การมองตวั ปัญหาเพ่ือหาสาเหตุหน้าท่ีความรับผดิ ชอบและจรรณยาบรรณในการทางานผ้นู าและผู้ตาม หนา้ ที่ ความรับผดิ ชอบและจรรณยาบรรณในการทางานประกอบด้วยหน้าทแ่ี ละคุณสมบัติของบุคคล 2 ฝาุ ยคอื ผู้นาและผูต้ าม โดยการดาเนนิ งานในองค์กรจะดาเนนิ ไปไดอ้ ยา่ งราบรนื่ และมปี ระสทิ ธภิ าพจาเป็นต้องอาศยั ผ้นู าท่มี ีความสามารถและมคี ุณสมบัติทเี่ หมาะสม ซงึ่ ลักษณะของผูน้ าอนั พงึ ประสงคไ์ ด้แก่ มีความรอบรู้ในเชิงวชิ าการ กลา้ หาญทางจริยธรรม มีความซ่ือสัตย์ เด็ดขาดเม่ือจาเป็น เยือกเยน็ เมอ่ื ประสบปญั หา ทว่ งทา่ น่านับถือ กระตือรือร้นในการทางาน มมี นุษยสัมพนั ธ์สงู ส่ง ม่ันคงและรอบคอบ อยูใ่ นกรอบของศลี ธรรม สว่ นในทางตรงกันขา้ มก็คือลักษณะของผู้นาทไี่ ม่พึงประสงค์อันได้แก่ ต้งั อยู่ในความประมาทขาดความเห็นอกเห็นใจ ชอบใชอ้ านาจลงอาญา ไม่กลา้ ทางจริยธรรม ไม่ปฏบิ ตั ติ ามความถูกต้อง เห็นแกพ่ วกพ้องของตน มืดมนอยู่กับอบายมุข ผิดถกู ไม่รู้แน่ ไม่เข้าใจถ่องแท้ในการทางาน ขาดการประมาณตนความประพฤติของผ้ปู ระกอบอาชพีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯในรัชกาลปัจจุบนั ไดท้ รงตรสั ไว้ว่าในการทางานควรมีความซอ่ื สัตย์สจุ รติ ไม่มีอคติ ทางานดว้ ยความต้ังใจที่ดี ใช้หลกั วชิ าการที่ถกู ต้อง ซ่ึงเม่ือวเิ คราะห์ดแู ลว้ กส็ ามารถใช้เป็นคุณธรรมของผู้ประกอบอาชีพได้คือ ใหม้ ีความซอ่ื สัตย์สุจริต ใหม้ ีความยตุ ธิ รรม ให้ทางานด้วยความตง้ั ใจท่ีดแี ละใช้หลกัวิชาการให้ถกู ต้องมนษุ ย์สัมพนั ธ์จงึ สรุปได้ 4 ประการคอื1. บคุ คลตอ้ งการผลประโยชนซ์ ง่ึ กนั และกนั (Mutual interest) หมายถงึ ผลประโยชน์ของคนทีท่ างานในองค์การ กับผลประโยชน์ขององค์การนัน้ ๆ ซง่ึ การทค่ี นจะเขา้ ไปทางานในองค์การใดหรือการทอี่ งค์การใดจะรับคนเข้าไปทางานน้นั ก็ขน้ึ อย่กู ับความรูส้ กึ หรือความเชื่อว่าตนจะได้ประโยชนจ์ ากอีกฝุายหนึ่ง2. บุคคลย่อมมคี วามแตกตา่ งกนั (Individual difference)มนุษย์มคี วามแตกต่างกัน (Man is different) ยากทจี่ ะเขา้ ถึงจิตใจของคนทุกคนไดเ้ พราะนานาจติ ตัง “จิตมนุษยน์ ไี้ ซร้ ยากแทห้ ยัง่ ถึง” เมื่อแตล่ ะคนตา่ งมีความแตกตา่ งกันมลี กั ษณะพิเศษเฉพาะตัว เราก็ไมจ่ าเป็นตอ้ งคดิ หรือทาเหมือนคนอื่นไปเสียทุกอย่างดว้ ย ความแตกตา่ งของบุคคลนี้มคี วามสาคญั มากสาหรับมากสาหรับการสรา้ งความสัมพันธ์อันดีกับผ้อู นื่ จงึ จาเป็นต้องเรียนรู้ เพ่อื ที่จะได้เข้าใจพฤติกรรมและความรสู้ ึกนึกคิดของผู้อนื่ ได้บา้ ง โดยเฉพาะผ้บู รหิ ารจาเป็นตอ้ งเรียนรู้เรอ่ื งความแตกตา่ งของบคุ คลเพ่อื การจูงใจผู้ใตบ้ ังคบั บญั ชาไดเ้ หมาะสม3. มนษุ ย์ทุกคนมแี รงจูงใจ (Motivation) ต้องจงู ใจผอู้ น่ื ให้มีเจตคตติ รงกนั มจี ดุ หมายรว่ มกนั เพ่ือจุดประสงค์ในการทางานร่วมกนั อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตลอดจนมีการจงู ใจตนเองให้มีระเบยี บและความรับผิดชอบเรือ่ งตา่ งๆ ที่วชิ ามนษุ ย์สัมพนั ธค์ รอบคลมุ เปน็ การตอบสนองทง้ั หมดของเอกัตบุคคลต่อพลงั การจงู ใจตา่ ง ๆ (The total

response of individuals to various motivation forces) นน่ั ก็คอื การทบี่ ุคคลในองค์การมีความสมั พันธ์กันตามที่เป็นอยู่เป็นเพราะเขาถกู กระต้นุ โดยพลงั ทางจิตวทิ ยา ทางสงั คม และทางเศรษฐกจิ ซึง่ มีอานาจทจี่ ะกระตนุ้ ให้เขาทาสิง่ นน้ั สิง่ น้ีในลกั ษณะนั้น ๆ โดยเฉพาะ เม่ือเกิดมกี ารขัดแยง้ ในแรงจูงใจในคนงาน องคก์ ารจะเกิดการแตกรา้ ว เป็นที่ประจักษว์ า่ ถ้าหัวหน้าและคนงานต่างกม็ แี รงจูงใจทเ่ี หมาะสมในการทางานแล้วผลผลติจะเพิ่มข้ึน4. บคุ คลทกุ คนมศี ักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ( Human dignity )เสมอกัน เป็นเร่ืองท่เี กี่ยวขอ้ งกับทางปรัชญามากกวา่ เรื่องทางวทิ ยาศาสตร์ มนษุ ยน์ บั เปน็ สตั ว์ประเสรฐิ ที่มคี วามคดิ มสี มอง มีความรผู้ ิดชอบชวั่ ดี มีวฒั นธรรม มีสามัญสานึก เปน็ สิ่งท่ีอย่เู หนือสรรพสตั ว์ทง้ั หลาย ดงั นนั้ การตดิ ต่อสัมพันธ์กับมนษุ ย์ดว้ ยกนั จงึตอ้ งปฏบิ ัตติ ่อกนั ดว้ ยความเคารพ และตระหนกั ในศักด์ิศรีของความเป็นมนุษย์ของเขา ไม่วา่ เขาจะเป็นใคร มีสถานภาพหรือฐานะอย่างไร เขาก็เปน็ มนุษย์เหมือนกบั เรา ซ่ึงต่างก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของแต่ละคนศกั ด์ศิ รีของมนุษย์ (Human dignity) เปน็ รากฐานปรชั ญา จริยศาสตรแ์ ละศลี ธรรมท่จี ะบังเกิดผลดใี นแง่มนษุ ย์สมั พนั ธ์ การวจิ ัยหลายกรณีแสดงวา่ มนษุ ย์ต้องการการยอมรับการให้เกียรติกันหรอื การกระทาด้วยการเคารพนบั ถือซึง่ กันและกัน มีศกั ด์ิศรีแห่งความเปน็ มนุษย์เท่าเทยี มกัน3. ชแี้ จงคณุ ลกั ษณะเฉพาะของผู้มมี นษุ ยสัมพันธใ์ นการทางานได้ (จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อ 3)6. คุณลักษณะเฉพาะของผู้มีมนุษยสมั พนั ธใ์ นการทางานA unique feature of the human relations in the workplaceผู้มีมนุษยสัมพันธใ์ นการทางานนนั้ จะมลี กั ษณะเฉพาะท่ีพงึ ประสงค์ อันจะช่วยในการ ทางานรว่ มกับคนอืน่ ๆดงั นี้1. หนา้ ตายมิ้ แย้มแจ่มใสในการตดิ ต่อ สัมพนั ธ์กบั ผู้อ่นื อยตู่ ลอดเวลา2. เตม็ ใจทางานร่วมกับคนอนื่ ไม่หลบหนี สังคม3. มีจติ ใจกวา้ งขวาง พรอ้ มที่จะรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของคนอ่ืน ๆ แมจ้ ะเป็นเร่อื งของตนเอง4. ยนิ ดีเสียสละผลประโยชน์ หรือความสขุ สว่ นตวั เพ่ือผลงานสว่ นรวม5. ชอบเรียนรู้นิสัยใจคอของผู้อ่ืน เช่น หวั หนา้ งาน เพ่อื นร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบญั ชา และพยายามนาความรู้เหล่านมี้ าปฏิบตั ใิ นการตดิ ต่อสัมพันธ์กบั คนเหล่านี้ใหเ้ ปน็ ผลดี6. ยนิ ดีเตม็ ใจท่จี ะเข้าร่วมกับกิจกรรมตา่ ง ๆ ของเพ่ือนร่วมงานและหน่วยงาน โดยถือวา่ เปน็ ความสุขและพอใจท่จี ะไดร้ ู้จักคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น7. เสนอตวั เขา้ ช่วยเหลือการงาน โดยไม่คดิ ว่าเปน็ การเสียเปรียบ หรอื เหนอื่ ยยากโดย ไม่จาเปน็8. ให้คาแนะนาช่วยเหลือแกผ่ ู้ทมี่ ีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือดว้ ยความเต็มใจ9. คบหาคนอ่ืน ๆ ด้วยความเต็มใจ และบรสิ ทุ ธใิ์ จ ไม่มีการถือเขา ถอื เรา หรือ เปรียบเทียบว่าคนท่ีดกี ว่านน้ั ในเรื่องการเงนิ ความรู้ ครอบครัว ฯลฯ

10. แสดงนา้ ใจแก่เพ่ือนร่วมงานในวาระและโอกาสต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เช่น การส่งบตั รอวยพรในวาระต่าง ๆ การไปร่วมแสดงความยนิ ดี ฯลฯ11. มีความกระตือรอื รน้ (Enthusiasm) คอื ความมชี ีวติ จติ ใจ ไม่เช่อื งชา้12. มีความรับผิดชอบ (Responsibility) ตอ่ การทางาน คาพูด คามน่ั สญั ญา รักษา เวลา มีความซื่อตรง เปน็ตน้13. มคี วามอดทน (Patient) อดทนต่อความเหน็ดเหนอื่ ย ความยากลาบาก อดทน ตอ่ กิริยาท่าทางคาพูดท่ไี ม่สบอารมณ์ เปน็ ตน้14. มีความขยนั ขนั แข็ง (Diligent) คือ ขยันต่อการทางาน ภาระหนา้ ที่ ความ รบั ผิดชอบ ไม่เป็นคนเกยี จครา้ น15. มคี วามพยายาม (Attempt) คือ ความพยายามพากเพียรที่จะฝึกฝนตนให้มี คุณสมบัตทิ างมนุษยสมั พันธ์พยายามปรบั ปรุงตนเองอยู่เสมอ พยายามแกไ้ ขปญั หาอปุ สรรคต่าง ๆ อนั จะเปน็ หนทางนาไปสู่การสรา้ งมนุษยสมั พนั ธก์ บั คนอืน่ ๆ ได้16. มปี ฏิภาณ (Intelligence) หมายถงึ การมีปฏภิ าณไหวพรบิ ในการสร้างบรรยากาศ ความสัมพันธก์ ับผู้อื่นการพดู คุย การเสนอความคิดเหน็ เปน็ ตน้7. การสร้างมนษุ ยสมั พนั ธ์ระหวา่ งผูใ้ ต้บังคับบญั ชาCreating relationships between subordinatesการเป็นผนู้ าตอ้ งสร้างมนุษยสัมพันธ์ทีด่ ีกบั ผูใ้ ตบ้ ังคบั บัญชา เพอื่ เป็นขวัญและกาลังใจแกผ่ ู้ใตบ้ งั คบั บัญชา และผใู้ ตบ้ งั คับบัญชาเต็มใจทจ่ี ะปฏิบัตงิ านให้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดีวิธกี ารปฏบิ ตั ิตอ่ ผู้ใตบ้ ังคับบญั ชามีหลัก ดังน้ี1. รจู้ กั ควบคุมอารมณต์ นเอง มพี รหมวิหาร 4 อยูใ่ นจิตใจ มีเมตตากรุณา มทุ ิตา และรู้จักอุเบกขา2. รู้จกั ส่งเสริมและให้กาลังใจลกู น้อง รูจ้ กั เอาใจเขามาใส่ใจเรา ยกยอ่ งเมื่อเขาปฏิบตั ิดี เอาใจใส่ในความลาบากในการปฏิบตั ิงานของเขา ดทู ุกขส์ ขุ ในครอบครวั ของเขาตามโอกาสอันควร3. ย้ิมแย้มแจ่มใสกบั ลูกน้อง รู้จักพดู คยุ ตามกาลเทศะ และจาชือ่ ลูกน้องได้4. มีไมตรีและชว่ ยเหลอื ลกู น้องตามโอกาสอันสมควร5. มคี วามจรงิ ใจต่อลกู น้อง มิใชแ่ สดงความจรงิ ใจ แสดงออกโดยการพูดเทา่ นน้ั แต่จะปรากฏทางสหี น้าทา่ ทางดว้ ย6. รู้จักชมเชยลกู น้อง เมื่อเขาได้กระทาความดี7. รจู้ กั ศิลปใ์ นการวิพากษว์ ิจารณล์ ูกน้อง คือ รู้จกั ติเพ่ือก่อ ให้เกิดกาลังใจท่ดี ตี ่อการปฏบิ ตั ิงานในหนา้ ที่8. รูจ้ ักการใหร้ างวัลหรอื ส่งิ ตอบแทน อาจเป็นสง่ิ ของ เงนิ หรือคาขอบใจเพื่อแสดงนา้ ใจหรอื เป็นสนิ น้าใจต่อเขาเม่ือเขาได้กระทาดี แต่อย่าให้มากเกนิ ไปจนกลายเป็นการสร้างนสิ ยั ที่ไมด่ ีใหแ้ ก่ลูกน้อง9. ร้จู ักฟงั ความคิดเห็น คาร้องขอหรือคาร้องเรียนของลกู น้อง และพจิ ารณาดว้ ยความเป็นธรรม10. ต้องเป็นผู้รกั ษาผลประโยชน์ของผ้ใู ตบ้ ังคับบัญชา

11. ควรสนบั สนุนให้ผ้ใู ต้บังคับบัญชาไดม้ โี อกาสก้าวหน้าในตาแหน่งหน้าท่ีการงานทีส่ ูงขึ้นหรือตาแหน่งเงนิ เดือนทส่ี ูงข้นึ เพื่อเป็นแบบอย่างกับผใู้ ตบ้ งั คับบัญชาคนอ่ืน ๆ ท่จี ะไดม้ ุง่ พยายามสร้างความดี12. ช้ีแจงความเคลอ่ื นไหวตา่ ง ๆ ในวงงานให้ลกู น้องทราบ เชน่ ชแ้ี จงนโยบายหรอื ข้อมูลเกยี่ วกบั ความเคลอ่ื นไหว และความกา้ วหน้าของหนว่ ยงาน เปน็ ต้น8. วนิ ยัDisciplinegotoknow.orgวินัย หมายถึง แบบแผนความประพฤติ ท่ีกาหนดให้ผูป้ ฏบิ ัตงิ านในมหาวิทยาลยั พึงควบคมุ ตนเองและผู้อย่ใู ต้บงั คบั บัญชาใหป้ ระพฤติหรือปฏิบัตติ ามทีก่ าหนดไว้ ซ่งึ หากฝุาฝืนอาจต้องรบั โทษ หรอื กลา่ วอีกนัยหนึ่งว่า วนิ ยัคือ การควบคุมความประพฤตใิ หอ้ ยู่ในระเบยี บแบบแผนที่กาหนดนัน่ เอง“วินัย” ตรงกับภาษาองั กฤษว่า Discipline หมายถึง เคร่ืองควบคมุ พฤตกิ รรมของคนในทางการบริหารน้ัน “วนิ ยั ” มคี วามหมายไปในหลายลักษณะ เช่น ลกั ษณะทเ่ี ปน็ การควบคุมตนเอง (SelfControl) โดยมุ่งพจิ ารณาวนิ ัยในแง่การพฒั นาตนเอง เพ่ือปรับตวั ใหส้ อดคล้องกับความจาเป็นและความต้องการ ซ่งึ เรยี กว่า อัตวนิ ัย (Self Discipline)วนิ ยั อาจแยกพจิ ารณาไดเ้ ป็น 2 ความหมาย คือ1. หมายถงึ ระเบียบ กฎเกณฑ์ แบบแผนความประพฤติท่ีทางองค์กรกาหนดใหย้ ึดถือและปฏบิ ัติ2. หมายถึง ลักษณะเชงิ พฤติกรรมที่องค์กรแสดงออกมาในทางท่ีถูกท่ีควร เป็นการควบคุมตนเองใหแ้ สดงพฤติกรรมที่ถกู ระเบียบ หลกั เกณฑ์ หรือแบบแผนที่องคก์ รกาหนดไว้ดงั นั้น วินัยจึงหมายถงึ กฎเกณฑ์ ข้อบังคบั หรือแบบแผนความประพฤติท่คี วบคุมพฤติกรรมของคนในองค์กรให้เปน็ ไปในแนวทางท่ีพงึ ประสงค์คุณลกั ษณะผู้มีวินัยในตนเอง1. มคี วามซอ่ื สตั ย์สจุ ริต ไม่หลอกลวงตนเองและผู้อ่ืน2. มีความรับผิดชอบ ความต้ังใจที่จะทางานและติดตามผลงานทไี่ ด้กระทา3. เคารพในสิทธขิ องผู้อื่น4. มรี ะเบียบและปฏิบตั ิตามกฎเกณฑข์ องสงั คม5. มีลกั ษณะมงุ่ อนาคต6. มคี วามเปน็ ผู้นา7. มคี วามตรงต่อเวลา รู้จกั กาลเทศะ8. มคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง9. มคี วามอดทนขยันหม่ันเพยี ร10. รจู้ กั เสียสละ และมีความเหน็ ใจผู้อ่ืนหมายเหตุ วินยั ในตนเองต้องเกดิ จากสานึกในตนเอง มิอาจเกดิ ได้ด้วยข้อกาหนด ข้อบงั คับจากภายนอก

9. วินยั ในการทางานDiscipline to workความมีระเบยี บวนิ ยั ในการทางานความมีระเบียบวินยั ในการทางาน หมายถงึ การรู้จักการทางานอย่างมขี ั้นตอน และมคี วามรบั ผิดชอบทกุข้นั ตอนของการทางาน ซ่งึ มี 3 ขั้นตอน คือ1. การเตรยี มตวั ก่อนการทางาน ในการทางานทกุ อยา่ งต้องมกี ารเตรยี มตวัก่อนการทางาน งานจึงจะสาเร็จตามเปาู หมาย ซง่ึ มีขอบข่ายการเตรียมตวั ก่อนการทางาน ดงั น้ี1.1 จดั หาอุปกรณ์ เคร่อื งใช้ และตรวจทดลองวา่ ใชก้ ารได้หรอื ไม่1.2 ประสานกับบุคคลหรือหนว่ ยงานท่เี กย่ี วข้อง มคี วามจาเป็นมาก ในการทางาน เพราะงานบางอยา่ งต้องอาศัยความร่วมมือกับผู้อนื่ หรอื หนว่ ยงานอ่นื1.3 วเิ คราะหป์ ญั หาหรืออุปสรรคทจี่ ะเกิดในการทางานแต่ละคร้งั รวมท้ังเตรยี มเลอื กแนวทางการแกป้ ัญหาไว้หลาย ๆ แนวทาง1.4 การเตรียมตนเองก่อนการทางาน เช่น สุขภาพรา่ งกาย ตลอดจนความพรอ้ มด้านวชิ าการ หรือประสบการณ์ในงานทจี่ ะทา1.5 การกาหนดแผนงานก่อนการทางาน หมายถึง การเอาแผน ปฏบิ ัตงิ านมาปฏบิ ัตใิ ห้เปน็ จริง ตอ้ งมีการเตรียมการก่อนการลงมือปฏิบตั ิ2. การรักษาระเบยี บวินยั ในระหวา่ งการปฏิบัติงาน เป็นขั้นตอนท่สี าคัญท่ีสดุ เพราะงานจะดาเนินไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุเปูาหมายของงานที่ทา ควรคานึงถงึ เร่ืองต่อไปน้ี2.1 การเตม็ ใจทางานโดยใชค้ วามร้คู วามสามารถของตนอย่างเตม็ ที่ ไม่ออมแรง2.2 ปฏบิ ัติงานตามระเบยี บหรือขั้นตอนในแผนปฏิบตั ิการที่วางแผนล่วงหนา้ ใน ข้นั แรกไว้แลว้ โดยจัดลาดับความสาคัญของงานให้ชัดเจน ไม่ควรทางานขา้ มขน้ั ตอน2.3 เม่อื เกิดปัญหาในระหว่างการปฏิบตั งิ าน ควรแจ้งผ้เู ก่ียวขอ้ งให้รับทราบทันที ไม่ควรปลอ่ ยปญั หาให้ลว่ งเลยจนไมส่ ามารถแกไ้ ขได้2.4 การประสานงานกบั บคุ คลอืน่ ในระหว่างการปฏบิ ัตงิ านร่วมกนั ควรเปน็ ไป ด้วยความราบร่นื ไม่ควรนาเร่อื งอ่ืน ๆ ที่อาจทาใหเ้ กิดความไม่เข้าใจต่อกนั มาพูดใน ระหวา่ งการปฏิบัตงิ าน2.5 ในระหว่างการปฏบิ ตั งิ าน ควรใชค้ วามอดทน อดกลั้น ตอ่ ภาวะกดดนั ท่ีเกิดขึ้น ในระหว่างปฏบิ ตั ิงาน โดยมุง่ มนั่ ใหง้ านไดเ้ สร็จตามเวลาทีก่ าหนดไว้2.6 ในระหวา่ งการปฏิบัติงานควรมชี อ่ งวา่ งของการพักผอ่ นในระยะเวลาอันสน้ั เพื่อลดความตงึ เครยี ด ทาให้จิตใจสบาย2.7 สรปุ และนาเสนอผลงาน เป็นชว่ งสุดทา้ ยของการปฏิบัติงาน ควรมกี ารทาทกุ วนั ก่อนเลิกงานและนาเสนอหวั หน้างาน หรอื บนั ทกึ ผลการสรปุ งานไวเ้ ป็นหลักงานเพอ่ื ที่จะได้เรม่ิ งานในวนั ต่อไป

3. การสรา้ งระเบียบวินยั หลังการปฏบิ ตั งิ าน หลังจากสรุปงานในแตล่ ะคร้ังหรอื แตล่ ะวนั กจ็ ะต้องมีการเกบ็ งานซง่ึ มีท้งั งานทป่ี ฏบิ ตั ิเสรจ็ เรยี บรอ้ ยกับงานท่กี าลงั ดาเนนิ การ ควรมีแนวทาง ในการปฏิบัติดังนี้3.1 เก็บเคร่ืองมือ วสั ดอุ ปุ กรณ์ ท่ใี ช้ปฏิบัตงิ านให้อยใู่ นสภาพปกติ ทาความสะอาด และเกบ็ รกั ษาไวใ้ นท่ีปลอดภยั3.2 เกบ็ เอกสารงานทีป่ ฏิบัติใหอ้ ยู่ในสภาพท่ีพร้อมจะดาเนินการในวันตอ่ ไปได้3.3 สรปุ ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ในระหวา่ งการปฏิบตั ิงาน เพ่ือหาแนวทางแก้ไขในวนั ต่อไป หรือสรุปเพอ่ื เปน็ แนวทางให้บุคคลท่ีจะรับชว่ งงานต่อจากตัวเราให้เข้าใจปัญหาท่เี กิดขึ้นแนวทางการสร้างความมรี ะเบียบวินยั ในการทางานให้เกิดขึ้นกบั บคุ คลหรือหน่วยงาน ความมีระเบียบวินัยในการทางานเปน็ อปุ นสิ ัยสว่ นบุคคลทเ่ี กิดจาก การใหก้ ารศึกษาและการอบรมเลี้ยงดูเม่ือเยาวว์ ัย แตก่ ็สามารถให้การศึกษาพัฒนาให้มีการเปล่ยี นแปลงใหด้ ีขน้ึ ได้ โดยวิธกี ารดังนี้1. การฝึกฝนดว้ ยตนเอง โดยวิธกี ารเตอื นตนเองอยเู่ สมอวา่ ในแต่ละวนั ได้ทาอะไรบ้าง และจะทาอะไรก่อนหลังกจ็ ะเกิดความเคยชินและติดเปน็ นสิ ยั ตลอดไป2. การฝกึ ฝนให้ตนเป็นคนเคารพตอ่ กฎเกณฑ์ของสว่ นรวม หรอื ของหนว่ ยงาน3. การฝกึ ฝนความรบั ผิดชอบ ทางานตรงต่อเวลา4. การเอาใจใส่ในภารกิจสว่ นตัวทกุ เรอ่ื ง มีความคิดตริตรองรอบคอบ5. ฝึกเปน็ คนท่ีมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ และให้ความเคารพ ตอ่ ความคดิ เห็นของผู้อน่ื6. ฝึกใหเ้ ป็นคนรกั ความสะอาด ชอบสิ่งท่ีสวยงาม รู้จกั การปรับสภาพ แวดลอ้ มให้สะอาดตา เจริญใจ จะทาให้ชวี ิตสดชน่ื10. รปู แบบของวนิ ยั ในการทางานForm of discipline in the workplace.1. กฎหมายแรงงาน เช่น นายจา้ งตอ้ งจา่ ยค่าจ้างไมน่ ้อยกวา่ อัตราคา่ จ้างขั้นตา่ ลกู จา้ งทาผิดรา้ ยแรงไม่มสี ทิ ธิได้ค่าชดเชย เป็นต้น2. สญั ญาจ้างแรงงาน เป็นข้อกาหนดที่นายจ้างกับลกู จา้ งตกลงกนั ตอ้ งถือปฏบิ ัตติ อ่ กัน3. ขอ้ บังคับเก่ยี วกับการทางาน เป็นวนิ ยั หลกั ท่นี ายจ้างกาหนดข้นึ เพื่อให้ลูกจา้ งถือปฏบิ ตั ิ4. ขอ้ ตกลงเกี่ยวกับสภาพการจา้ ง เกดิ จากการเจรจาระหว่างนายจา้ งกบั ลูกจ้างแล้วตกลงกันเปน็ ข้อทย่ี ดึ ถอืปฏิบตั ิ5. คาสง่ั ของนายจา้ งท่ีชอบด้วยกฎหมาย นายจา้ งมีอานาจสั่งลูกจ้างต้องปฏบิ ัตติ าม6. ประกาศ เช่น นายจ้างประกาศวันหยดุ ตามประเพณี ลกู จ้างถือปฏบิ ัติ7. ประเพณปี ฏบิ ัติ โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดเล็กไม่เคยมีกฎระเบียบเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร จะปฏบิ ัติต่อกันตามทเี่ คยทากันมา ถือว่าเป็นระเบยี บตามประเพณีที่เคยทากนั มา8. กฎต่างๆ เชน่ กฎความปลอดภยั กฎว่าด้วยการรกั ษาความปลอดภยั เปน็ ต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook