๒. กงลอ้ แห่งการพัฒนาเริ่มหมนุ แล้ว ประชามสี ุข รว่ มกับหนุ่มภูตะวนั แหง่ นครรงระ ไดช้ วน ฅนบ้านรงระทดลองความจริง แหง่ ชีวิต ที่ว่า การหลดุ พ้นของมนุษย์สู่ความเป็นไท เป็นอิสระด้วยการพึ่งพาตนเอง สถาปนาระบบความคิดของ มนุษย์ ของฅนบ้านรงระ ใหก้ ลา้ ทจ่ี ะยนื หยัด ดว้ ยตนเอง ไมร่ อ ไมข่ อ แตเ่ ราจะลงมือทา (ไม่รอให้กลไก อานาจรัฐมาสง่ั ถึงได้ทา) ประชามสี ุขและหนุ่มภตู ะวัน วเิ คราะหส์ ถานการณข์ องชุมชน ว่า ตา่ งคนตา่ งอยู่ตา่ งคนต่างทามา หากนิ ขาดมติ ิแห่งการเช่ือมโยงกัน การเป็นพีน่ ้องทเี่ กื้อกูลชว่ ยเหลือกัน ขาดการรวมกลุ่มกัน เรามอง ณ เวลานน้ั วา่ ควรมกี ารจัดต้ังกลุ่มทางความคดิ กลุ่มทางเศรษฐกิจ มเี งินทนุ ของตนเอง มีกจิ กรรมร่วมกนั แต่ปญั หาทีส่ าคัญ คือ ชาวฅนบ้านรงระ นน้ั สญู เสียความมั่นใจ ไปหมดสน้ิ แล้ว ในด้านการ รวมกลมุ่ เหตเุ นือ่ งจากรวมกลุ่มแล้ว ไม่ก้าวหน้า ลม้ เหลวทุกครา ไป ดงั นั้น เราจงึ จดั ต้งั กลุ่มแบบใหม่ ไม่เน้นคนมาก เนน้ คนทส่ี นใจก่อน ใครชอบจึงมาร่วมกนั ในช่วงน้ันเราจงึ ไดจ้ ดั ตงั้ กลุ่มฟืน้ ภมู ปิ ญั ญาเกา่ มีสโลแกนของกลุ่มวา่ ฟนื้ คณุ ค่า ฟื้นภูมิปญั ญา ฟื้นชุมชน มีสมาชิกรว่ มก่อตงั้ ๘ คน ประกอบดว้ ย ประชามสี ุข /หน่มุ ภูตะวนั /สอน /สด / จารูญ / ธวัช / สุชาครีย์ / จาลอง กจิ กรรมทเี่ ราทาคือการคยุ กนั วิเคราะหช์ ุมชน ณ กระท่อมน้อย ของประชามสี ุข ทีเ่ พิง่ สร้าง ดดั แปลงจากคอกหมู เป็นทค่ี ุย ท่ีนอน และสานักงานของกลมุ่ หลังจากคุยกันมานาน เราได้ลงมือทากิจกรรมแรกร่วมกัน คอื การฟน้ื ภมู ิปญั ญาดา้ นการผลิตเหล้า พืน้ บา้ น และเหล้าต้มเพ่ือจาหนา่ ย คงไดแ้ รงบันดาลใจจากนิยายเร่อื ง สิงห์สาโท ของวัฒน์ วรรยางกลู มากสทิ า่ การต้มเหลา้ ในยุคน้ัน ผลติ กฎหมายครบั แต่เราทาไปดว้ ยมแี รงบันดาลใจว่า การผลิตเหล้านั้นเป็น ภมู ปิ ัญญา รฐั ไม่น่าปิดก้นั เราทาไปด้วยและรว่ มผลกั ดนั กฎหมายเหลา้ ใหเ้ ปดิ เสรี ในการผลิตแบบทาอยู่ทา กินเพ่ือการพ่ึงตนเอง ของชาวนาชาวชนบทไทย โดยอิงกับรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยปี ๒๕๔๐ ที่ ถกู ฉีกทิง้ ไปแล้ว ในหมวดทว่ี า่ ดว้ ยสทิ ธชิ มุ ชน ทกุ คนเหน็ ดีเหน็ งาม พร้อมร่วมมอื กัน พรอ้ มเขา้ คกุ รว่ มกันหาก ถกู สรรพสามิตจบั กุม ส่วนหนง่ึ คง มนั่ ใจท่ี ประชามสี ุข และ หนุ่มภูตะวนั เป็นบัณฑติ ใหม่ ถอดด้ามจากมหาวทิ ยาลัย
ถงึ แม้ จะตกลงกันเรียบร้อย แตภ่ ายในใจยงั คงหวาดหวั่นมิใชน่ อ้ ย คืนวนั เพญ็ แสงจันทร์นวล เตม็ ดวง สง่ ประกายจากฟากฟา้ เป็นฤกษ์งามยามดี ท่กี ล่มุ ฟืน้ ภูมิปญั ญาเก่า ฅนบ้านรงระ ได้เรมิ่ ลงมอื ปฏิบัติการตม้ เหลา้ เสบยี งที่สาคัญในกระบวนการผลิต ถูกลาเลียง ข้นึ รถไถนา พร้อมเรยี บร้อย โอง่ เก็บนา้ กิน ๘ ใบ ข้าวสาร คนละ ๑ ปบิ๊ รวมกนั ราว ๘ ป๊บิ กระทะ หม้อ ไห ผา้ เขียว เป้าหมายม่งุ หน้าส่ชู ายปา่ บา้ น เรา ทีต่ รงนั้น มที ้ัง ปา่ กองฟาง แหล่งนา้ เหมาะสาหรบั การตม้ เหลา้ เสยี จรงิ “มนั จะดี เหรอ พากันคดิ ให้ดีนะ มันเสยี่ งคุกเสี่ยงตารางนะ ทาอย่างอนื่ ไม่ดีเหรอ” ผ้อู าวโุ สในหมูบ่ ้าน แมข่ องประชามีสขุ ทว้ งติงด้วยความเปน็ ห่วงลูกชาย ท่จี บจากรัว้ มหาวทิ ยาลยั ใหม่หมาด ด้วยกลัวลกู ชายจะเสยี อนาคต เสยี งท้วงตงิ จากหลายฝ่ายยังคงดังข้ึนไม่ขาดสาย ๘ ทหารเสือได้ แตร่ บั ฟงั โดยไม่โต้ตอบใด ๆ ดวงจนั ทร์ โผล่พ้นยอดไม้ เมื่อสมั ภาระทุกอย่างพร้อม กงล้อของรถไถนา ไดอ้ อกเดนิ ทาง ตามตาม ทางทม่ี ันได้เลอื กและตดั สินใจแล้ว.......... นคี้ อื จดุ เริ่มต้น เปน็ กงลอ้ แห่งประวัตศิ าสตรข์ อง ฅนบ้านรงระ ภารกจิ ในปฏบิ ตั กิ ารตม้ เหล้าพ้นื บา้ น เรามองว่า คือเคร่ืองมือ ชนิ้ หน่ึงเทา่ นน้ั .... มันคือเครอ่ื งมือใน การหลอ่ หลอม กลอ่ มเกลา ใหเ้ ราไดเ้ รียนรู้ ..ซง่ึ กันและกัน ได้ทางานรว่ มกนั ใช้แรงงานรว่ มกนั สนทนากนั ฉนั ญาติมติ รสนทิ กัน ของคนรูจ้ ักกัน ของคนบ้านเรา บรรยากาศแบบนี้ มนั หายไปนาน แลว้ นะ ฉันยังจาได้ ....... แตก่ ่อนบา้ นเราเคยพ่งึ พาชว่ ยเหลือกันมากกว่าน้ี ชีวติ มิได้แหง้ แล้งเห่ียวเฉา เช่นวันน้ี.... แดดร้อน.... . แห่งเดอื นเมษายน ได้แผดเผา สรรพสงิ่ แทบมอดไหม้....... แตอ่ ยา่ งไร ก็ตาม ๘ ทหารเสือ ยังคงทางานแบ่งงานกันอยา่ งไม่รสู้ กึ เบ่ือหนา่ ย ประชามีสขุ หนุม่ ภตู ะวนั สด รับหน้าท่ี น่งึ ข้าว จารูญ คณุ ธวชั สอน แช่นา้ ขา้ ง ซาวขา้ ว คลกุ เคล้าลูกแปง้ ใหเ้ ข้ากับเน้ือขา้ ว ในกระบวนการหมักสาโท ส่วนคนที่เหลอื จบั แหเหวี่ยงลงสระนา้ ดาผุด ดาวา่ ย ในไมช่ า้ ก็ได้ปลาเพียงพอ สาหรับอาหารม้ือกลางวัน การกนิ ขา้ วป่า น้ัน ดูเหมือนรสชาติอรอ่ ย กว่า การกนิ ข้าว ท่บี ้านมากนัก ไมร่ ูว้ า่ เป็นเพราะอะไร นอกจากต้มปลา เรายงั มีก้อยไข่มดแดงอีกดว้ ย อาหาร จากธรรมชาติ ..ประทานมาส่เู รา..... การหมกั สาโท นนั้ คือกระบวนการผลิต เริมตน้ ของการต้มเหล้าพนื้ บ้าน วงจรที่เกย่ี วข้องกับการ ผลติ เหล้าพ้ืนบ้าน นนั้ เริ่มต้นที่ ลกุ แปง้ สาโท และสน้ิ สุดทกี่ ารตม้ กลัน่ คนรุ่นใหม่อาจจะไม่คุน้ เคย จินตนาการไมถ่ กู วา่ การผลิตเหลา้ เป็นอย่างไร เพราะ พ.ร.บ สรุ า ปี ๒๔๙๓ ได้ห้ามมใิ หผ้ ลติ เหลา้ ทุก ชนิด ใครลกั ลอบผลติ มโี ทษ ปรบั หนักถึงตอดคกุ ในวันท่ผี มและหนุ่มภูตะวนั ได้ตงั้ ปฏิธานว่า จะเปน็ ปญั ญาชนของชนชน้ั ชาวนา คอื ทานารับใชช้ าว ชุมชนแบบสุดอกสดุ ใจ เพือ่ เป้าหมายพน่ี ้องชาวนา ชาวชนบท สามารถพ่ึงตนเอง อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และ
จะยนื หยดั ทางานรว่ มกบั ชุมชน ณ เวลานั้น เราต่างคดิ ไมอ่ อกเลยวา่ จะ ฟน้ื ฟูความมั่นใจของชมุ ชน ใน การทางานเชงิ องค์กรไดอ้ ย่างไร ในทีส่ ุดเราจงึ ได้รับคาตอบสดุ ท้ายว่านา่ จะเร่ิมทเี่ หลา้ พื้นบ้าน ผมครนุ่ คิดอยแู่ สนนาน...เนอ่ื งจากยคุ ของผมที่โตมาจันกระทัง่ บดั น้ี ไม่รเู้ ลยว่า ผลติ เหล้าเคา้ มีวธิ กี าร อย่างไร ผมจาได้เลอื นรางวา่ เมอ่ื ครั้งเรยี นอยู่ ประถมปลาย คณุ แม่ เคยใช้ให้ไปรับหน้าที่ ลงแขกเกี่ยวขา้ ว ของเพอื่ นบา้ น........เครือ่ งดื่มทผี่ ใู้ หญ่ ชนื่ ชอบนั้นคอื เหล้าสาโทน่ันเอง แบง่ ปันกันด่ืมคนละแก้ว 2 แก้ว .... ลงแขกเกย่ี วข้าว ต้องมีสาโททุกคราไป ... คงเป็น วิถีวฒั นธรรมชมุ ชน ในอดีต กระมงั คุณพ่อด้นั ทวีชาติ คุณพ่อของหนมุ่ ภูตะวัน น่ีเอง ที่เปน็ ครภู มู ิปัญญา ดา้ นการผลิตเหล้าพืน้ บ้าน ของเรา ทา่ นได้คล่ีคลาย ขอ้ กงั วลของพวกเรา อย่างหมดจด โดยท่านไดส้ าธิตวิธกี ารผลิตเหล้าพน้ื บ้านทุก ขั้นตอน เปน็ ตวั อยา่ งใหพ้ วกเรา เม่อื หมักสาโท ได้ที่แลว้ จึงเข้าสกู่ ระบวนการต้มเหล้า อปุ กรณม์ ีไม่มากนัก ประยกุ ต์ใช้อปุ กรณ์เทา่ ท่ีมี อยู่ในชุมชน .......... ในการตม้ เหล้านน้ั หลักสาคญั อยู่ท่ี ความร้อนในการตม้ เหลา้ สาโทจนถึงจดุ เดือด และเกดิ ไอระเหย ขึ้นไป ปะทะความเย็นและกล่นั ตัวเปน็ หยดสรุ าท่มี แี อลกอฮอลล์ เพียงเทา่ น้ีทกุ อย่างกส็ าเร็จ ............ หลังจากนน้ั ปฏบิ ัติการตม้ เหล้าพ้นื บ้านจงึ เริ่มตน้ ขน้ึ ........ เมือ่ พวกเรา ๘ ทหารเสอื ตม้ เหล้าได้ไม่นาน ก็มีเสยี งวพิ ากษ์วจิ ารณ์ ดังไปท่วั คมุ้ บา้ น สภา กาแฟ สภาชาวบ้าน สภาใตต้ ้นไม้ในชุมชน ตา่ งจบั กลุ่มพูดคยุ กันสนุกสนานออกรสชาติ
“ มนั ทาอย่างกะบ้านเมือง ไม่มีขื่อมแี ป ปะเด่ียวคงได้เข้าตารางซกั วัน” ผมแอบไดย้ ิน เสยี งสมาชกิ ชาวสภาใต้ต้นไม้ ทา่ นหนง่ึ พูดคุย กัน เต็ม สอง หู ตนเอง ผมคร่นุ คิด .....เร่อื งราวต่าง ๆ ล่องลอยอยู่ในสมอง ในฐานะ หัวโจกร่วมกับหนุ่มภตู ะวัน ผู้บังอาจ กระด้างกระเด่อื งต่ออานาจรัฐ โดยบังเอิญ....... คนื นั้น เปน็ คนื เดือนมืด ผมมองแสง จากหิง่ ห้อย ทโ่ี บยบนิ ไปเกาะตามต้นไผข่ า้ งบ้าน ส่ง ประกายแสง ระยบิ ระยับแลดูงามตา ........ ผมพยายาม .... ข่มตาให้หลับลง แต่เสยี งทุ้มกังวาน ของชายสงู วัย สมาชิกสภาใตต้ ้นไม้ เม่ือตอน กลางวัน ยังคงหลอกหลอนผมตอ่ เน่ืองยาวนาน...ทาให้ผมนอนไมห่ ลับ ผมตดั สนิ ใจ ลกุ ขึ้นนง่ั ทาสมาธิ และคอ่ ย ๆ รวบรวมสติปัญญา เพื่อคดิ หาหนทาง ในการตอบคาถาม กับสงั คม โดยผมได้หยบิ ปากกา มาเรียบเรยี งถ้อยคา ออกมาทีละนดิ ทลี ะหนอ่ ย เราผลิตเหล้าเพ่อื สรา้ งงานสรา้ งรายไดใ้ หช้ ุมชน มอใช่การมอมเมาผู้คนให้เมามาย เราผลติ เหลา้ เพื่อต้องการฟื้นฟภู ูมปิ ัญญาชาวบ้าน และผลิตเพอื่ กิน ใชใ้ นงานบุญประเพณวี ัฒนธรรม ชุมชน และลดรายจา่ ยใหค้ รัวเรอื น เราผลิตเหลา้ พน้ื บ้านเพ่ือเป็นเครือ่ งช้ินหนึง่ ในการส่งเสรมิ การรวมกลุม่ ใหพ้ ี่นอ้ งมีความรักสามคั คี กัน จากนัน้ เราจะขยับไปทากจิ กรรมอ่ืน ๆ ตอ่ ไป
ผมยิม้ ชมเชย ตวั เอง ท่สี ามารถ คดิ หาเหตุผลสาหรับอธิบายความ ใหค้ วามกระจ่างแกผ่ ู้คนและ สังคมที่ตงั้ คาถามกบั พวกเรา .... ผมล้มตัวลงนอน กับหมอนใบเก่า และหลบั ลงอย่างสบาย หากมใี ครบังเอญิ ผ่านมาแถวนี้ คงได้ยิน เสยี งละเมอ .........จากผมว่า “ เหลา้ ไมเ่ ถ่ือน แตก่ ฎหมายเถ่ือน”
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: