E-BOOK วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น เรื่อง ลิลิตพระลอ
จัดทำโดย 1.นายกษิดิศ แสงสวัสดิ์ เลขที่ 1 2.น.ส.วิศัลย์ศยา บุศดี เลขที่ 17 3.น.ส.สุชาวดี พันธ์ศรี เลขที่ 28 4.น.ส.กมลพร บุญหล้า เลขที่ 31 5.น.ส.ธิตยา พละบุตร เลขที่ 33 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่4/7 เสนอ คุณครูกรรณิการ์ พลพวก หนังสืออิเล็กทรอนิกเล่มนี้เป็ นส่วนหนึ่งของ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท31102 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี
คำนำ ก รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นพื่อเป็ นส่วนหนึ่งของวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่4/7 เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ ใน เรื่อง วรรณคดีสมัยอยุธยา เรื่อง ลิลิตพระลอ และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็ นประโยชน์กับการเรียน ผู้จัดทำหวังว่า รายงานแล่มนี้จะเป็ นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน ที่กำลังหาข้อมูล เรื่องนี้อยู่ หากมีข้อเเนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัย มา ณ ที่นี่ด้วย ผู้จัดทำ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่4/7
สารบัญ ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดี 1 ตัวละครเรื่องลิลิตพระลอ 2 เนื้อเรื่อง ลิลิตพระลอ 3 ความดีเด่นด้านวรรณคดี 16 บรรณานุกรม 20
ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดี 1 ผู้แต่ง ทั้งเรื่องผู้แต่งและปี ที่แต่ง ไม่ปรากฏหลักการหรือข้อความระบุที่ชัดเจน แต่อาจอาศัยเนื้อเรื่องที่ระบุถึงสงครามระหว่างไทยและ เชียงใหม่ มา เป็ นจุดอ้างอิง ซึ่งเดิมนั้นเชื่อว่าน่าจะแต่งขึ้นในสมัย สมเด็จพระ นารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน และเป็ นที่ถกเถียงกันมาจวบจนปั จจุบัน นักวิจารณ์วรรณคดีส่วนใหญ่ ลงความเห็นว่า ลิลิตพระลอแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาแน่ และเชื่อว่าเป็ น ไปได้ มากที่ จะแต่ งขึ้ นก่ อนสมั ยสมเด็ จพระนารายณ์ จุดประสงค์ แต่งถวายพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อให้เป็ นที่สำราญพระราชหฤทัย ลักษณะคำประพันธ์ คำประพันธ์ในเรื่องลิลิตพระลอ เป็ น ลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่าย สุภาพ , ร่ายสอดสร้อย , โคลงสองสุภาพ , โคลงสามสุภาพ และ โคลงสี่สุภาพ สลับกันตามจังหวะ ลีลา และเนื้อหาของเรื่อง
ตัวละคร 2 เรื่อง ลิลิตพระลอ ลิลิตพระลอเป็ นเรื่องรักโศก บรรยายถึงความรักระหว่างพระเอก คือ พระลอ และนางเอกสองคน คือ พระเพื่อน และพระแพง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความรักของหญิงชายอีกสองคู่ คือ นางรื่น นางโรย และนายแก้ว นายขวัญ พี่เลี้ยงของพระเพื่อนพระแพง และพระลอ ตามลำดับ
3 เนื้อเรื่อง ลิลิตพระลอ เนื่องจากเมืองเหนือสองเมืองเป็ นศัตรูคู่อริไม่ถูกกัน กษัตริย์เมืองสรวงพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระลอ พระองค์ทรงเป็ นกษัตริย์ที่มีพระสิริวรกายงคงามหล่อเหลายิ่ง จนเป็ นที่ปรากฎของหญิงทั้งหลายและยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่ง ชื่อว่า เมืองสรอง เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์พิชัยพิษณุกร กษัตริย์พิชัยพิษณุารมีพระราชธิดาอยู่ 2 พระองค์ พระองค์พี่พระนามว่า พระเพื่อน พระองค์น้องพระนามว่า พระแพง
4 พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ทรงต้องพระทัยในพระลอยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็น นางรื่นกับนางโรยสองพระพี่เลี้ยง รู้ความจริงด้วยความสงสารจึงทูลอาสาเข้าช่วยเหลือ ให้สมกับพระประสงค์
5 พระพี่เลี้ยงของนางทั้งสองไม่รอช้า ส่งคนขับซอของราชสำนัก เข้าไปสืบความที่เมืองแมนสรวงทันที คนขับชอของเวียงสรอง ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ าพระลอ และได้ขับชอชมโฉมพระเพื่อนพระแพง ให้พระลอฟั งทำให้พระลออยากจะเห็นนางทั้งสองเช่นกัน
6 คนขับซอได้เดินทางกลับมาเฝ้ าพระเพื่อนพระแพง พร้อมกับขับซอชมโฉมของพระลอให้พระนางทั้งสองพังเช่นกัน เมื่อนางทั้งสองได้ฟั งถึงกับตกหลุมรักในทันที สั่งให้พระพี่เลี้ยงทั้งสองเดินทางไปหาปู่ เจ้าสมิงพราย เพื่อทำพิธีให้นางทั้งสองได้สมปรารถนากับพระลอ
7 นางพี่เลี้ยงทั้งสอง เดินทางไปพบปู่ เจ้าสมิงพรายเพื่อทำเสน่ห์ ปี เจ้าข นั้นมีญานวิเศษทราบว่าทั้งสามคนนั้นมีกรรมร่วมกัน มาแต่ชาติปางก่อนจึงตกลงทำพิธีให้ คืนนั้นระหว่างปู่ เจ้าฯทำพิธีพระลอก็ทรงพระสุบินว่า มีเจ้าหญิงเลอโลมสองนางมานอนเคียงข้าง
8 ตื่นเข้ามาก็คุ้มคลั่งอยากจะออกไปตามหานางทั้งสอง แม่ ของพระองค์ ได้ เตื อนสติ ว่าพระองค์ มี มเหสี อยู่ แล้ ว ก่อนออกเดินทางพระลอเสด็จไปลาพระนางลักษณาวดี พระชายา พระนางคลี่พระเกศาเช็ดพระบาทพระลอเป็ นการอำลา ในที่สุดพระองค์ก็ออกเดินทางพร้อมพี่เลี้ยงสองนาย นายแก้ว และนายขวัญ
9 ในครั้งนั้นใด้สติยั้งติดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่ถูกแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ ระหว่างเดินทางพระองค์มาหยุดพักที่ริมแม่น้ำสรอง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะเดินทางต่อโดยระหว่างนั้น ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากจะไม่เหลือชีวิตรอดกลับไปเมืองเมนสรวงขอให้น้ำในแม่น้ำกลาย เป็ นน้ำคนก็ปรากฏว่าหลังสิ้นคำอธิษฐานน้ำกดับแปรเปลี่ยนเป็ นสี แดงพระองค์ทราบทันทีว่าจะต้องจบชีวิตลงที่เมืองนี้แน่นอน แต่ก็ยังตันทุรังที่จะไปด้วยอารมณ์ที่เหนือเหตุผล
10 เมื่อปู่ เจ้าฯทราบด้วยญานทิพย์ว่า พระลอเดินทางมาถึงเมืองสรองแล้ว จึงได้ปล่อยไก่ฟ้ าไปล่อพระลอให้ตามมาจนถึงอุทยานหลวง
11 เมื่อเสด็จมาถึงอุทยานหลวงนางพี่เลี้ยงทั้งสองทูลเชิญพระลอ พักที่ตำหนักสวนเป็ นการชั่วคราว
12 พระเพื่อนพระแพงตัดพ้อนางพี่เลี้ยงทั้งสอง ที่ไม่ยอมพาไปพบกับพระลอ ในที่สุดนางพี่เลี้ยงก็พาพระเพื่อนพระแพงเสด็จไปพบพระลอที่สวน
13 พระองค์ก็ได้พบกับพระเพื่อน พระแพง อยู่ในอุทยาน ทาง ฝ่ ายบ่าวของพระลอ คือ นายแก้ว กับ นายขวัญ ก็ได้พบกับนาง รื่นกับ นางโรย และในที่สุดทั้งหมดก็มีความสนิทสนมเสน่หา ผูกสมัครรักใคร่กัน เวลาล่วงเลยไปถึงครึ่งเดือน กษัตริย์พิชัย พิษณุกรจึงทรงทราบเมื่อเสด็จมาพระตำหนักพระราชธิดา ทรง เห็นพระลอแล้วก็สงสาร ทรงเมตตารับสั่งให้จัดพิธีอภิเษก สมรสให้
14 แต่เมื่อความทราบถึงเจ้าย่า ความแค้นที่พระสวามี หรือเสด็จปูของพระเพื่อนพระแพงเคยโดนพระบิดาขอพระลอฆ่าตาย นั้นทำให้เจ้ายำาสงทหารมาลังหารพระลอ ด้วยความรักทำให้พระเพื่อนและพระแพงใช้ตัวบังลูกศรของเหล่าทหาจน เสี ยชี วิตตั วพระลอเองก็ ต้ องศรเช่ นเดี ยวกั น ทั้งสามคนนอนลายถ่ยเกยกันอยู่บนเดียงนอนนั้นอง ส่ วนเจ้าย่ำก็ โดนเสด็ จพ่ อของนางประหารชี วิต
15 ในพิ ธีศพพระนางลั กษณาวดี พระมเหสี ที่ ถู กต้ องตามกฎหมายของ พระลอ เสด็ จมาร่วมพิ ธีพระนางทรงกรรแสงด้ วยความเสี ยใจ เตร็จงานอัฐิธาตุของทั้งสามถูกแบ่งเป็ นสองส่วนส่วนหนึ่งบรรจุไว้ที่ เมือง สรองส่วนอีกส่วนพระนางลักษณาวดีได้นำกลับไปเมืองแมนสรวง จบ
16 ความดีเด่นทางวรรณคดี ๑. ด้านภาษาและสำนวนโวหาร วรรณคดีเรื่องนี้มีสำนวนโวหารไพเราะ เนื้อเรื่องดี การใช้ถ้อยคำปลุก อารมณ์ผู้อ่านได้ดีทั้งอารมณ์โศก อารมณ์เคียดแค้น อารมณ์รักและ อารมณ์กล้าหาญ ผู้แต่งถือหลักว่ามนุษย์มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ เป็ นประจำตามวิสัยของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ตัวละครจึงมีชีวิตเลือดเนื้อ เจือด้วยความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลง ดังเช่น พระนางบุญเหลือมีความรักลูก ท้าวพิชัยพิษณุกรมีใจนักเลงไม่ อาฆาตพยาบาท พระเจ้าย่ามีความเคียดแค้น เป็ นต้น หนังสือลิลิต พระลอเป็ นหนังสือที่มีคุณค่า ใช้ถ้อยคำไพเราะกินใจดี มีความเปรียบ เทียบที่คมคาย จับใจผู้อ่าน สมดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นเรื่องว่า “ใคร ฟั งย่อมใหลหลง ฤาอิ่ม ฟั งนา” โคลงบางบทได้รับการยกย่องว่าเป็ น โคลงครูมาแต่โบราณ ได้แก่โคลง “เสียงฤาเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่ เอย” การใช้ภาษามีถ้อยคำรุ่นเก่าปะปนอยู่มาก เช่นเดียวกับมหาชาติ คำหลวงและลิลิตยวนพ่าย ทำให้สามารถใช้ศึกษาการใช้คำในสมัย กรุงศรีอยุธยาตอนต้นได้
17 ๒. ด้านความรู้ ลิลิตพระลอให้ความรู้ด้านต่าง ๆ หลายประการ ได้แก่ ๒.๑ ความรู้ด้านตำนานพื้นเมือง ลิลิตพระลอเป็ นตำนานพื้นเมืองของไทยภาคเหนือ ฉะนั้นจึงให้ความรู้ เกี่ยวกับตำนานหรือนิยายพื้นเมืองแก่ผู้อ่าน ๒.๒ ความรู้ด้านโบราณคดี ลิลิตพระลอเป็ นตำนานพื้นเมืองที่เกิดขึ้น ในจังหวัดแพร่และจังหวัดลำปาง ฉะนั้น สถานที่ของตำนานเรื่องนี้จึง อยู่ที่จังหวัดทั้งสอง สันนิษฐานกันว่าเมืองสรองคงอยู่ทางตอนเหนือ ของอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ส่วนเมืองสรวงคงเป็ นเมืองในเขต อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง และยังให้ความรู้เกี่ยวกับชื่อสถานที่ แม่น้ำ ตลอดจนมีเจดีย์ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็ นเจดีย์บรรจุอัฐิพระลอ และพระเพื่อนพระแพง ๒.๓ ความรู้ด้านการรบ วรรณคดีเรื่องนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับการรบและ การต่อสู้สมัยโบรา ณ มีการใช้อาวุธต่าง ๆ ดังร่ายว่า “ผันเข้าคลุกรุก รบ หลบหลีกปื นบได้ดอก หลบหลีกหอกบ่ได้ต้อง เขาเร่งซ้องเป็ นยะ ยุ่ง ซ้องหอกพุ่งยะย้าย ข้างซ้ายเร่งมาหนา เข้าทุกปลากรุกโรม สอง นายโจมฟั่ นเฟื่ อง เครื่องพลัดตัวหัวขาด เขาก็สาดศรยึง ตรึงนาย แก้วยะยัน”
18 ๓. ด้านสังคมและวัฒนธรรม ๓.๑ การปกครอง ลิลิตพระลอแสดงให้เห็นถึงลักษณะการปกครอง สมัยโบราณ เมืองทั้งหลายต่างก็เป็ นอิสระต่อกัน มีเจ้าผู้ครองนคร ดังเช่นเมืองสรองและเมืองสรวง ๓.๒ ชีวิตความเป็ นอยู่ ลิลิตพระลอสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็ นอยู่ และสภาพสังคมสมัยนั้น เช่น การตั้งครรภ์และเลี้ยงลูก นอกจากจะกล่าวถึงสภาพชีวิตความเป็ นอยู่แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึง สภาพของสังคม เช่น การนับถือผี เชื่อไสยศาสตร์ มีการทำเสน่ห์ เป็ นต้น ดังร่ายว่า “ผีบันดาลไฟคละคลุ้ม ให้ควันกลุ้มเวหา ด้วยแรง ยาแรงมนต์” ๓.๓ ความเชื่อในศาสนา ลิลิตพระลอ ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อในพุ ทธ ศาสนา เช่น ความเชื่อในกฎแห่งกรรม ๓.๔ ขนบธรรมเนียมประเพณี วรรณคดีเรื่องนี้เป็ นเรื่องทางภาคเหนือ จึงมีวัฒนธรรมประเพณีทางภาคเหนืออยู่มาก เช่น การขับซอยอยศ และยังมีประเพณีการทำศพในสมัยโบราณ ดังเช่น การทำศพของ พระลอ พระเพื่อนพระแพง เป็ นต้น ๓.๕ คติธรรม ลิลิตพระลอให้คติธรรมในการดำเนินชีวิตหลายประการ เช่น กล่าวถึงธรรมะของผู้ใหญ่ ดังเช่นในร่ายว่า “อย่าให้ยากแก่ใจไพร่ ไต่ความเมืองจึงตรง ดำรงพิภพให้เย็น ดับเข็ญนอกเข็ญใน”
19 ๔. ด้านอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น ๔.๑ ลิลิตพระลอเป็ นตัวอย่างของการแต่งคำประพันธ์ในยุคหลัง กวี ยุคหลังถือโคลงในลิลิตพระลอเป็ นแบบอย่างของการแต่งคำประพันธ์ ที่ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ เช่น พระโหราธิบดี ได้นำโคลงไปไว้ใน หนังสือจินดามณี ได้แก่ โคลง “เสียงฤาเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย” โคลงบางบทดีเด่นในเรื่องการเล่นสัมผัสอักษร การเดินทางของพระ ลอมีลีลาแบบนิราศ เช่นเดียวกับการเดินทางของพระมหาอุปราชใน ลิลิตตะเลงพ่าย มีลีลาเป็ นนิราศเช่นเดียวกับลิลิตพระลอ และโคลง บางบทถือเป็ นครูของวรรณคดียุคหลัง เช่น บุญเจ้าจอมโลกเลี้ยง โลกา (ลิลิตพระลอ) บุญเจ้าจอมภพพื้น แผ่นสยาม (ลิลิตตะเลง พ่าย) เล็บมือนางนี้ดั่ง เล็บนาง เรียมนา (ลิลิตพระลอ) เล็บมือนาง นี้หนึ่ง นขา นางฤา (ลิลิตตะเลงพ่าย) ๔.๒ การสร้างสรรค์วรรณคดีอื่นและสิ่งบันเทิงใจด้านต่าง ๆ ลิลิตพระ ลอทำให้มีวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ เช่น บทละครเรื่องพระลอนรลักษณ์ ของสมเด็จพระวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ ในรัชกาลที่ ๓, บทละคร เรื่องพระลอ ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพันธ์พงศ์ สำนวนหนึ่ง และบทละครเรื่องพระลอ ของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์ วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) อีกสำนวนหนึ่ง ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระ เจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงแปลพระลอเป็ นบทละคร ภาษาอังกฤษ ชื่อ The Magic Lotus ส่วนทางภาคเหนือมีโคลงพระ ลอสอนโลก และซอเรื่องพระลอ (คำว่า “ซอ” เป็ นบทลำนำของไทยภาค เหนือ) นอกจากนั้นยังมีภาพเขียน บทเพลง ภาพยนตร์ เกี่ยวกับ เรื่องพระลออีกด้วย
20 บรรณานุกรม (2556). ลิลิตพระลอ. สืบค้น 12 ธันวาคม 2565, จาก https://guru.sanook.com/7432/ (2556). คุณค่าของลิลิต. สืบค้น 12 ธันวาคม 2565, จาก https://pspreaw.wixsite.com/thailandliterature/ untitled-cqs0 (2555). ความเป็ นมาของลิลิต. สืบค้น 12 ธันวาคม 2565, จาก https://sites.google.com/site/wannakhadeethaigzm /li-lit-phra-lx
ลิลิตพระลอ นับเป็ นวรรณคดีที่ใช้ถ้อยคำได้ไพเราะปลุกอารมณ์ร่วมได้ทุก อารมณ์ เป็ นวรรณคดีที่มีอิทธิพลต่อวรรณคดีเรื่องอื่นๆ บทเสี ยงเล่ าลื อที่ ว่า อันใด พี่เอย \"เสี ยงลื อเสี ยงเล่ าอ้าง เสี ยงย่ อมยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่ สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ\"
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: