Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัฒนธรรมไทย1111111111111111111111

วัฒนธรรมไทย1111111111111111111111

Published by pookkei16374, 2017-07-10 19:54:04

Description: วัฒนธรรมไทย1111111111111111111111

Search

Read the Text Version

วฒั นธรรมไทย13/07/60วิทยาลยั อาชีวศกึ ษานครราชสีมานางสาว ภทั รภร ช่องฉิมพลี

วฒั นธรรมไทย ชาติไทยเป็นชาติที่เก่าแก่และมีวฒั นธรรมประจาชาติท่ีเกิดจากภมู ิปัญญาของบรรพบรุ ุษและพฒั นาหล่อหลอมข้ึนในสงั คมไทย จนมีความเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเองไม่ว่าจะเป็นภาษาวรรณคดีศิลปวตั ถุ ดนตรี อาหารและการแต่งกาย นอกจากน้ีคนไทยยงั ไดม้ ีการยอมรบั เอาวฒั นธรรม ของชาติอ่ืนเขา้ มาผสมผสาน โดยการนามาดดั แปลงผสมผสานกนั ไดอ้ ยา่ งกลมกลืนจนเกิดเป็นวฒั นธรรมของสงั คมไทยท่ีมีเอกลกั ษณ์ในที่สุดที่มาของวฒั นธรรมไทยวฒั นธรรมไทยมีที่มาจากหลายแหล่งกาเนิดดว้ ยกนั ดงั น้ี1) ส่ิงแวดลอ้ มทางภมู ิศาสตร์และสงั คมเกษตรกรรม เนื่องจากพ้ืนที่ของประเทศไทยส่วนใหญ่มีสภาพภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลมุ่ แมน่ ้า คนไทยจึงมีความผกู พนั กบั แม่น้าลาคลอง ทาให้เกิดวิถีชีวิตริมน้าและประเพณีตา่ ง ๆ ที่เก่ียวขอ้ งกบั น้าท่ีสาคญั เช่น ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสงกรานต์ เป็นตน้2) พิธีกรรมทางพระพทุ ธศาสนา พระพุทธศาสนาเผยแผเ่ ขา้ มาในประเทศไทยเป็นเวลานาน โดยคนไทยไดน้ าหลกั คาสอนมาใชใ้ นการดาเนินชีวิต นอกจากน้ียงั มีประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั ศาสนาอีกเป็นจานวนมาก เช่น การทอดกฐิน การทอดผา้ ป่ า การบวชเพื่อสืบทอดศาสนา เป็นตน้3) คา่ นิยม เป็นแบบอยา่ งพฤติกรรมของคนในสงั คมที่มีความแตกต่างกนั คา่ นิยมบางอยา่ งกลายเป็นแกนหลกั ของวฒั นธรรมไทย เชน่ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ซ่ึงคนไทยให้ความเคารพและเชิดชสู ถาบนั พระมหากษตั ริยเ์ ป็นอยา่ งมาก 4) การเผยแพร่และการยอมรับวฒั นธรรมจากตา่ งชาติ ในอดีตประเทศไทยไดร้ ับวฒั นธรรมจากจีนและอินเดียเขา้ มาผสมผสานกบั วฒั นธรรมด้งั เดิม แตใ่ นปัจจุบนั จากกระแสโลกาภิวฒั น์ทาใหเ้ กิดการหลงั่ ไหลของวฒั นธรรมต่างชาติเมาในประเทศ

วฒั นธรรมภาคใต้ ภมู ิประเทศของภาคใตม้ ีเอกลกั ษณ์เฉพาะ คือมีชายฝั่งประกบเทอื กเขาสูงที่อยตู่ รงกลางซ่ึงไม่มีภมู ิภาค อื่นๆ ภมู ิประเทศเป็นหลกั จึงเป็นเทือกเขาและชายฝั่ง เป็นที่ราบจะมีอยเู่ ป็นแนวแคบๆ แถบชายฝั่งทะเล และสองฝ่ังลาน้า การต้งั ถิ่นฐานจะอยบู่ ริเวณชายฝ่ังทะเลท้งั ดา้ นตะวนั ออกและตะวนั ตก จากลกั ษณะทาง ภูมิศาสตร์ของภาคใต้ ทาใหม้ ีคนท่ีตา่ งภาษาต่างวฒั นธรรมอยา่ งหลากหลายเดินทางเขา้ มาภาคใตม้ ีท้งั ชาว พุทธ ชาวมุสลิม ต่างเช้ือชาติกนั เช่นคนไทย คนจีน และผทู้ ่ีมีเช้ือสายมาเลย์ รวมท้งั ชาวเมือง เชน่ ชาวเล อาศยั อยกู่ นั วฒั นธรรมภาคใตจ้ ึงมีรูปแบบอนั เป็นเอกลกั ษณ์ที่แตกตา่ งกนั ในแตล่ ะพ้ืนท่ี ดงั น้นั ภาคใตจ้ ึง เป็นสถานที่ทอ่ งเท่ียวท่ีน่าสนใจเพราะมีภมู ิศาสตร์ท่ีงดงาม มีชายฝ้ังทะเลและมีวฒั นธรรมหรือการดารงชีวิตที่เป็นเอกลกั ษณ์วฒั นธรรมที่เก่ียวขอ้ งกบั ประเพณีและพิธีกรรม ประเพณีชกั พระ เป็นประเพณีทอ้ งถิ่นในภาคใตต้ อนกลาง เป็นประเพณีที่เกี่ยวขอ้ งกบัความศรัทธาในพระ พทุ ธศาสนา และวิถีชีวิตชาวใตท้ ่ีมีความผกู พนั กบั น้า ประเพณีชกั พระหรือลากพระจดั ข้ึนในช่วงออกพรรษา โดยเฉพาะในวนั แรม 1 ค่า เดือน 11 ดว้ ยความเชื่อวา่ เป็นวนั ที่พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ กลบั จากสวรรคช์ ้นั ดาว ดึงส์ลงมายงั โลกมนุษย์ จึงมีการจดั งานเพ่ือแสดงความยนิ ดี ประชาชนจึงอญั เชิญพระพุทธองคข์ ้ึนประทบั บนบุษบกท่ีจดั เตรียมไว้ แลว้ แห่แหนไปยงั ท่ีประทบั ส่วนใหญจ่ ะเป็นการจดั ขบวนทางเรือ แตบ่ ริเวณใดท่ี ห่างไกลแมน่ ้ากจ็ ะจดั พิธีทางบก

ประเพณีชกั พระ ประกอบดว้ ยขบวนเรือท่ีตกแตง่ อยา่ งงดงาม บน เรือที่มีพระพทุ ธรูปประทบั อยบู่ นบษุ บกเรียกว่า \"เรือประทาน หรือเรือ พนมพระ\" ที่หวั เรือมีสายเชือกยาวผกูสาหรับลาก เรือพนมพระนิยม ทาเป็นตวั นาค และบนเรือยงั มีพระสงฆน์ งั่ มาดว้ ยพิธีจะเริ่มต้งั แต่เชา้ มืด โดยมีการจดั ทาสลากและนิมนตพ์ ระวดั ตา่ งๆ มาชกั ผา้ ป่ าที่หน้า บา้ นที่สลากระบุหลงั จากถวายพุม่ ผา้ ป่ าแลว้ พระผใู้ หญท่ ี่ไดร้ ับการ เคารพนบั ถือจะทาพิธีชกั พระ ดว้ ยการจบัปลายเชือกที่อยหู่ วั เรือ จาก น้นั ก็จะปล่อยใหเ้ รือของชาวบา้ นเขา้ ลากจูง ดว้ ยเช่ือวา่ จะไดบ้ ุญมากเรือจะถูกชกั ลากไปชา้ ๆ ตลอดเส้นทาง พร้อมกบั การตีกลองประโคม เพื่อใหช้ าวบา้ นรู้ว่าเรือพนมพระกาลงั ผา่ นมา ชาวบา้ นสองฝั่งแม่น้า จะออกมาตกั บาตรเรียกวา่ \"ตกั บาตรเทโว\" เม่ือเรือจอดยงั ที่ท่ีกาหนดไวแ้ ลว้ จะอญั เชิญพระพุทธรูปข้ึนประ ดิษฐานบนโรงพิธีสงฆ์ เพ่ือทาการสมโภชในวนั รุ่งข้ึน วนั สุดทา้ ยจะทาพิธีอญั เชิญพระพุทธรูปข้ึนเรือกลบั สู่ วดั หลงั เสร็จพิธีทางศาสนาแลว้ กม็ ีงานร่ืนเริงของชาวบา้ น คือ \"การแข่งเรือยาว\" ประเพณีชกั พระท่ีมีช่ือ เสียง คือ ท่ีจงั หวดั สุราษฎร์ธานี ที่มีแม่น้าตาปี ให้ความชุ่มฉ่าแก่ชาวบา้ นมาต้งั แตอ่ ดีต เมื่อถึงเชา้ ตรู่ของวนั แรม 1 ค่า เดือน 11 จะอาราธนาพระพุทธรูป ข้ึนประดิษฐานบนบษุ บกเหนือเรือพระ นิมนตพ์ ระภิกษใุ นวดั น้นั ท้งั หมดข้ึนนงั่ ประจาเรือ พร้อมท้งั อบุ าสกและศิษยว์ ดั ท่ีจะติดตาม และ ประจาเครื่องประโคมอนั มี โพน (กลองเพล) ฆอ้ ง โหมง่ ฉ่ิงฉาบ แลว้ชาวบา้ นก็จะชว่ ยกนั ลากเรือพระออกจากวดั (ภิกษุท่ีจะร่วมไปดว้ ย ตอ้ งรับฉนั ภตั ตาหารเชา้ ให้เรียบร้อยเสียก่อน) ถา้ เป็นลากพระทางน้า กจ็ ะใชเ้ รือพายลาก ถา้ เป็นการลากพระทางบก ก็จะใช้คนเดินลาก แลว้ แต่กรณี ขณะท่ีลากเรือพระไป ใครจะมาร่วมแขวนตม้ บชู าพระ หรือร่วมลากตอนไหนกไ็ ด้ เกือบทกุ ทอ้ งถ่ินกาหนดให้มีจุดนดั หมาย เพ่ือใหบ้ รรดาเรือพระท้งั หมดในละแวกใกลเ้ คียง ไปชมุ นุมในท่ีเดียว กนั ในเวลาก่อนพระฉนั เพล ให้พทุ ธศาสนิกชนไดม้ ีโอกาส \"แขวนตม้ \" และถวายภตั ตาหารแก่พระภิกษสุ าม เณรไดท้ ว่ั ทุกวดั หรือมากท่ีสุดเทา่ ที่จะทาได้ โอกาสน้ีจึงกอ่ ให้เกิดการประกวดประชนั กนั ข้ึนโดยปริยาย เช่น การประกวดเรือพระ การแข่งขนั เรือพายการเลน่ เรือโตแ้ กจ้ ากดั การประกวดเรือเพรียวประเภทต่างๆ เชน่ มีฝีพายมากที่สุด แตง่ ตวัสวยงามท่ีสุด หรือตลกขบขนั หรือมีความคิดริเริ่มดีมี การแขง่ ขนั ตี โพนประเภทตีดงั ตีทน ตีท่าพลิกแพลงลีลาการตีสวยงาม เป็นตน้ และ บางทีกม็ ีกิจกรรมแปลกๆ เช่น กีฬาซดั ตม้ กาประกวด

เรือพระ สมยั ก่อนมกั ใหร้ างวลั เป็นของที่จาเป็นสาหรับวดั เชน่ น้ามนั ก๊าด กา น้า ถว้ ยชาม สบงจีวร เสนาสนะสงฆ์ แต่ปัจจุบนั รางวลั มกั จะให้เป็น เงินสด สาหรับในทอ้ งถิ่นจงั หวดั ปัตตานี การชกั พระทางบก ตามที่ผเู้ ฒ่า ผแู้ ก่เล่าใหฟ้ ังวา่ วดัสุวรรณากร (วดั บอ่ ทอง) วดั โมลีนิมิตร (วดั หร่ัง) วดั หนา้ เกตุ วดั มะกรูด วดั ปรุ าณประดิษฐ์(วดั บู) วดั มะเด่ืองทอง (กา โผะ) วดั สมุทรวารี (ป่ าโทะ) วดั โรงวาส และวดั ใกลเ้ คียงในอาเภอหนองจิก อาเภอโคกโพธ์ิ จงั หวดั ปัตตานี และอาเภอเทพา อาเภอจะ นะ อาเภอนาทวี จงั หวดัสงขลา ไดช้ กั ลากพระวนั แรม 1 ค่า เดือน 11 ไปตามเสน้ ทางสู่หนา้ ท่ีวา่ การอาเภอโคกโพธ์ิ เป็นจุดหมาย ปลายทาง และมีการเฉลิมฉลองกนั อยา่ งสนุกสนาน มีมหรสพให้ชม ตลอดท้งั คืน มีการประกวดเรือพระ รุ่งเชา้ จะมีการทาบญุ เล้ียงพระ ตกชว่ งบา่ ยชกั ชวนกนั ลากพระกลบั วดัปัจจุบนั ประเพณีชกั พระอา เภอโคกโพธ์ิ มีการสมโภชและการเฉลิมฉลองกนั เป็นเวลา 7 วนั 7 คืน ซ่ึงเป็นประเพณีที่ภาคภมู ิใจของชาว ไทยพทุ ธ ส่วนการชกั พระทางน้า ทกุ วดัตอ้ งมีการสร้างพระเรือครัว เรือพายหญิง เรือพายชายตกแต่งประดบั ประดาอยา่ งสวยงาม และจะมีการลากพระลว่ งไปตามลาน้ายามู สู่ บา้ นท่าทราย ใตต้ น้ ไทรใหญ่ ก่ิงไพศาล ริมน้ายามู รวมหมูเ่ ทียบเรือ พระสมโภชตกั บาตร เล้ียงพระเสร็จแลว้ มีการแขง่ ขนั เรือพายหญิง เรือพายชาย ไล่สาดน้ากนั เก้ียวพาราสี ร้องเพลงขบั กล่อมตามประ เพณีนิยมทอ้ งถิ่นจนพลบค่า ประเพณีลากพระไดป้ รับเปลี่ยนเติมแตง่ ต่างออกไปจากเดิมหลายอยา่ ง เช่น นิยมใชเ้ รือหางยาวแทนเรือเพรียว เพราะจากเรือขนาดใหญ่ทาเรือพระไดย้ ากข้ึน มีการใช้ รถยนตม์ าดดั แปลงแทนลอ้ เลื่อนมีการตกแต่งบุษบกหรือ \"นมพระ\"ดว้ ยวสั ดสุ มยั ใหม่ เชน่ โฟม กระดาษ พลาสติก หลงั คาซ้อนกนั เป็น จตุรมขุ ก็มี บางวดั มีการนาเอากลองยาวมาประกอบขบวนแห่ มีการต้งั หีบรับเงินอนุโมทนา

วฒั นธรรมภาคกลาง ภาคกลางเป็นภาคท่ีมีประชาการสูงสุด โดยรวมพ้ืนที่อนั เป็นที่ต้งั ของจงั หวดั มากกว่าภูมิภาคอ่ืน ๆ ใชภ้ าษากลางในการสื่อความหมายซ่ึงกนั และกนั วฒั นธรรมไทยทอ้ งถิ่นภาคกลางประชาชนประกอบอาชีพทานา การต้งั ถิ่นฐานจะหนาแน่นบริเวณที่ราบลมุ่ แม่น้า มีวิถีชีวิตเป็นแบบชาวนาไทย คือ การรักพวกพอ้ ง พ่ึงพาอาศยั กนั มีความเช่ือ และเคารพบคุ คลสาคญั ผลู้ ว่ งลบัไปแลว้ มีการใชเ้ ครื่องป้ันดินเผาตามชุมชนและหมู่บา้ นในชนบท การละเลน่ พ้ืนบา้ นท่ีเป็นลกั ษณะเด่น ไดแ้ ก่ มงั คละราเตน้ เตน้ การาเคียว เพลงปรบไก่ เพลงลาตดั เป็นตน้นอกจากน้ีในทอ้ งท่ีจงั หวดั เพชรบรุ ี มีเอกลกั ษณ์ท่ีโดดเดน่ คือมี ความสามารถในการปลกู สร้างเรือนไทย ความเป็นช่วงฝีมือที่ประณีตในการตกแตง่ วดั และชา่ ง ประดิษฐต์ า่ ง ๆ เช่น ช่างทองช่างแกะสลกั ลายไทย ลวดลายปูนป้ันประดบั พระสถปู เจดยี ช์ นกลมุ่ นอ้ ยในทอ้ งถ่ินภาคกลาง มีหลายเผา่ พนั ธุ์ อาทิ ลาวโขง่ กระเหรี่ยง ในพ้ืนท่ีจงั หวดั เพชรบรุ ี ลาวพวน ในอาเภอบา้ นหมีจงั หวดั ลพบุรี คนลาว ในเขต จงั หวดั เพชรบุรี ปราจีนบรุ ี และฉะเชิงเทรา มอญ ในอาเภอพระประแดง จงั หวดั สมทุ รปราการความเชื่อเรื่องแม่โพสพ คนไทยมีความเช่ือด้งั เดิมเร่ืองผสี างเทวดา ชีวิตประจาวนั ท่ีผกู พนั อยกู่ บั อาชีพชาวนาชาวนาจึงเชื่อว่า ในขา้ วมีวิญญาณแม่โพสพ ซ่ึงมีบญุ คณุ ตอ่ ชาวนาสิงอยู่ จึงมีการ ปฏิบตั ิพิธีกรรมเพื่อระลึกถึงแมโ่ พสพ เช่นการสร้างศาลเพียงตาใน ทงุ่ นา เรียกวา่ \"เรือนแมโ่ พสพ\" มีการทาขวญัขา้ วเมื่อขา้ วเร่ิมออก รวง หรือท่ีเรียกวา่ \"ขา้ วต้งั ทอ้ ง\" และนาขา้ วอ่อนไปทาบุญถวายพระ ในประเพณีสารทเดือนสิบ ซ่ึงมีการกวนขา้ วทิพยห์ รือขา้ วมธุปายาส เมื่อมีการเกบ็ เก่ียวขา้ วแลว้ก่อนจะนาขา้ วเก็บยงุ้ ฉาง จะมีพิธีบอก กลา่ วแมโ่ พสพ นอกจากน้ียงั มีความเชื่อว่าขา้ วเป็นสิ่งท่ีมีบุญคณุ ต่อ ชีวิตมนุษย์ จึงไดร้ ับการยกยอ่ งโดยมีคาเรียกช่วงเวลาในสมยั โบราณ เม่ือขา้ วต้งั ทอ้ งวา่ \"ตะวนั ออ้ มขา้ ว\" แสดงใหเ้ ห็นความสาคญั ของ ขา้ วว่า เม่ือต้งั ทอ้ งแมแ้ ตพ่ ระอาทิตยย์ งั ตอ้ งออ้ มขา้ ว เหมือนที่การ ปฏิบตั ิกนั จนทุกวนั น้ี คือ ไมเ่ หยียบขา้ ว ไมท่ ิ้งขา้ ว เพราะถือวา่ เป็นบาปกรรม

พิธีกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวกบั ขา้ ว กจ็ ะเป็นเร่ืองราวทีเ่ ก่ียวกบั ความเช่ือเร่ืองแม่โพสพ ซ่ึงเชื่อวา่ เป็นเทพีท่ี คอยดูแลรกั ษาพืชพนั ธุธ์ ญั ญาหารตา่ งๆ ใหอ้ ุดมสมบูรณ์ แม่โพสพก็เหมือนกบัมนุษยท์ ี่ตอ้ งการความเอาใจใส่ เหมือนบุคคลทวั่ ๆ ไป มนุษยต์ อ้ งคอยดแู ลแมโ่ พสพเหมือนดแู ลตวั เอง ตอ้ งมีความกตญั ญู ตอ้ งเคารพนบั ถือ มีกิริยาที่สุภาพเรียบร้อย จะพูดจาหยาบคายหรือพูดเสียงดงั ไมไ่ ด้ แมโ่ พสพเป็นคนขวญั ออ่ น เพราะถา้ เกิด ไมพ่ อใจจะหนีไปเลย และตามประวตั ิเคยหนีไปหลายคร้ัง ดว้ ยความนอ้ ยใจเวลามี คนพดู เสียงดงั พอหนีไปทีกอ็ ดอยากกนัเป็นพนั ปี เพราะฉะน้นั อนั น้ีเป็นสิ่งท่ีตอ้ ง ระมดั ระวงั มาก เวลาติดตอ่ กบั แมโ่ พสพควรใชค้ วามสุภาพอ่อนโยน และความกตญั ญูกตเวทอี ยา่ งสูงทส่ี ุด พิธีกรรมเกี่ยวกบั แม่โพสพก็มีข้นั ตอนต่างๆ พิธีในภาคกลางจะเห็นว่า จะดานาจะ ไถอะไรก็ตอ้ งเชิญแม่โพสพมาก่อน ต้งั แต่ขา้ วเร่ิมต้งั ทอ้ งก็ตอ้ งไปเอาอกเอาใจหา อาหารเปร้ียวหวานมนั เคม็ ไปบชู าแมโ่ พสพ หรือวา่ เมื่อเสร็จแลว้ จะนวดจะเอาขา้ วเขา้ ยงุ้ ทกุ อยา่ งน้ีจะตอ้ งมี พิธีกรรมเขา้ ไปประกอบ เพ่ือกอ่ ใหเ้ กิดความอุดมสมบรู ณ์ หรือความมนั่ ใจวา่ ปี น้ีมีขา้ วและปี หนา้ ตอ้ งมีนะ หรือว่าพนั ธุข์ า้ วที่มีตอ้ งเกบ็ ไวแ้ ละทาอยา่ งไร?ให้เกบ็ ไดด้ ี ไมเ่ สียไม่หายเพ่ือที่จะใชเ้ ป็นพนั ธุใ์ นปี ตอ่ ไป ลกั ษณะของพิธีกรรมเร่ืองขา้ ว ส่วนใหญ่กจ็ ะเกี่ยวขอ้ งกบั การท่ีจะพยายามเอาอกเอาใจขวญั ของขา้ ว โดยมี แม่โพสพเป็นตวั แทน การทาพิธีกรรมเก่ียวกบั ขา้ ว นอกจากในสงั คมที่เป็นบา้ นเป็นเมือง อยา่ งสงั คมไทย แลว้จะเห็นวา่ ในสงั คมอ่ืนๆ ท่ียงั ไม่ไดพ้ ฒั นาเป็น บา้ น เป็นเมือง การทาไร่ ทานา ก็มีพิธีกรรมเหมือนกนั ในการที่จะดู แลขา้ วของตวั เอง อยา่ งเช่นในกลุ่มชาวเขากม็ ีพิธีกรรมเวลาปลกู ขา้ วไร่เขาจะมีวนั ไหนท่ีจะไปเผาไร่ได้ วนั ไหนเผาไมไ่ ด้ เวลาขา้ ว ต้งั ทอ้ ง ตอ้ งรู้วา่ จะทาอยา่ งไร เขาถือวา่ ชว่ งขา้ วต้งั ทอ้ ง หรือช่วงขา้ วเก้ียวพาราสี เขาจะบอกวา่ หา้ มไปไร่ในช่วงน้นั เพราะว่าขา้ วกาลงัเก้ียวพาราสีกนั หรือเวลาขา้ วต้งั ทอ้ ง กจ็ ะตอ้ งหาเงินไปผกู เอาไว้ ตอ้ งผกู เต้ยี ๆ ดว้ ย เพราะว่าแม่ขา้ วเขาตวั เต้ีย จะไดเ้ ก็บเงินไปได้ ถา้ เกิดไม่เอาเงินหรือเอากระดาษไป ผกู เป็นรูปเงินให้แลว้อาจจะไมด่ ลบนั ดาลใหข้ า้ วอดุ มสมบรู ณ์กไ็ ด้ ฉะน้นั ในกล่มุ ทกุ กลมุ่ หรือแมแ้ ต่พวกขิ่นกม็ ีความเช่ือเร่ืองการปลูกขา้ วเหมือนกนั ก่อนการปลูกขา้ วกม็ ีการสร้างตบู ผีเอาไวเ้ ชิญผี ซ่ึงเคยอยทู่ ี่ทอ้ งนาข้ึนมาอยบู่ นตบู เวลาจะไถจะไดไ้ มร่ ังควานผี มีการเซ่นไหว้ เวลาจะหยอด ขา้ วก็ตอ้ งเร่ียไรเงินมาซ้ือหมู ฆ่าหมูมาเซ่นผี มาเอาใจผอี ีก เพราะวา่ ถา้ ผไี มพ่ อใจ ปลูกขา้ วแลว้ จะมีผลเสีย หรือถา้ หากวา่ จะทาสู่ขวญั ขา้ วกต็ อ้ งทาพิธีเล้ียงผอี ีก ก็ตอ้ งไปซ้ือสตั วเ์ รี่ยไรกนั เอาเงินมาฆ่า เอาสตั ว์มา สงั เวยและจะปิ ดตาเหลวเอาไว้

\"ตาเหลว\" เป็นสญั ลกั ษณ์ของการป้ องกนั และบอกขอบเขตไมใ่ หส้ ตั ว์ ป่ าตา่ งๆ มาทาลายขา้ วในไร่ จะเห็นว่ามีกฎหมายลงโทษคนท่ีไปทามิดี มิร้าย ไปข้ีไปเย่ยี ว ชา้ ง มา้ ววั ควาย ไปละเมิดทาให้ไร่นาขา้ วปลาเสีย หาย มีกฎหมายบญั ญตั ิไวว้ า่ ใหท้ าบตั รพลีดีไหว้ หรือว่าตอ้ งเซ่นไหว้ เพราะไมใ่ ชเ่ พียงแตว่ ่าเป็นการลงโทษ คนท่ีละเมิดทาขา้ วเสียหายเทา่ น้นั แต่ว่าเป็นลกั ษณะของความอบุ าทวห์ รือสิ่งท่ีทางเหนือ อาจเรียกว่า \"ขึด\" คือถา้ เผ่ือวา่ ทาแลว้ มนั เสียหายแก่ทอ้ งนาแก่ขา้ ว แลว้ ไมใ่ ชเ่ พียง แต่ว่าคนคนน้นั หรือเจา้ ของนาจะเดือดร้อน แต่ว่าจะก่อใหเ้ กิดความอุบาทว์ หรือวิปริตไปท้งั หมดได้ เพราะฉะน้นั เพ่ือกนั ความเสียหายของ ชุมชน จะตอ้ งทาการบตั รพลีดีไหว้ อนั น้ีเป็นกฎหมายตราไวเ้ ลย

วฒั นธรรมภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ประเพณีบุญบ้งั ไฟ เป็นประเพณีที่ชาวอีสานจดั ข้ึนในเดือน 6 เรียกกนั วา่ \"บญุ เดือนหก\"มีจุดมุ่งหมายเพ่ือ เป็นงานรื่นเริงคร้ังใหญ่ก่อนการเร่ิมทานา และเป็นการสร้างกาลงั ใจวา่ การทานาในปี น้นั จะไดผ้ ลดี โดยมี ความเช่ือว่าเทวดาคือ \"พระยาแถน\" สามารถบลั ดาลใหพ้ ืชผลในทอ้ งนาอุดมสมบูรณ์ หากบชู าเซ่นสรวงให้ พระยาแถนพอใจกจ็ ะชว่ ยใหฝ้ นตกตามฤดกู าล การทานาไดผ้ ลธญั ญาหารบริบูรณ์ โดยเฉพาะถา้ หม่บู า้ นใคร ทาบุญบ้งั ไฟติดตอ่ กนั ทุก 3 ปี ประเพณีบุญบ้งั ไฟตามตานานเล่าว่า เม่ือคร้ังพระพทุ ธเจา้ ถือชาติกาเนิดเป็นพญาคางคกไดอ้ าศยั อยใู่ ต้ ร่มโพธ์ิใหญใ่ นเมืองพนั ทุมวดี ดว้ ยเหตุใดไมแ่ จง้ พญาแถนเทพเจา้ แห่งฝนโกรธเคืองโลกมนุษยม์ ากจึง แกลง้ ไม่ใหฝ้ นตกนานถึง 7 เดือน ทาใหเ้ กิดความลาบากยากแคน้ อยา่ งแสนสาหสั แก่มวลมนุษย์ สตั วแ์ ละ พืช จนกระทง่ั พากนั ลม้ ตายเป็นจานวนมากพวกที่แขง็ แรงก็รอดตายและไดพ้ ากนั มารวมกลุ่มใตต้ น้ โพธ์ิใหญ่ กบั พญาคางคก สรรพสตั วท์ ้งั หลายจึงไดห้ ารือกนั เพ่ือจะหาวิธีการปราบพญาแถนท่ีประชมุ ไดต้ กลงกนั ให้ พญานาคยกทพั ไปรบกบั พญาแถนแต่กต็ อ้ งพ่ายแพจ้ ากน้นั จึงใหพ้ ญาตอ่ แตนยกทพั ไปปราบแต่ก็ตอ้ งพา่ ย แพอ้ ีกเชน่ กนั ทาให้พวกสรรพสตั วท์ ้งั หลายเกิดความทอ้ ถอย หมดกาลงั ใจและส้ินหวงั ไดแ้ ต่รอวนั ตาย ในท่ีสุด พญาคางคกจึงขออาสาท่ีจะไปรบกบั พญาแถน จึงไดว้ างแผนในการรบโดยปลวกท้งั หลายก่อ จอมปลวกข้ึนไปจนถึงเมืองพญาแถน เพ่ือเป็นเส้นทางใหบ้ รรดาสรรพสตั ว์ท้งั หลายไดเ้ ดินทางไปสู่เมือง พญาแถน ซ่ึงมีมอด แมลงป่ อง ตะขาบ สาหรับมอดไดร้ ับหนา้ ท่ีให้ทาการกดั เจาะ ดา้ มอาวุธที่ทาดว้ ยไมท้ ุก ชนิด ส่วนแมลงป่ องและตะขาบให้ซ่อนตวั อยตู่ ามกองฟื นที่ใชห้ ุงตม้ อาหาร และอยตู่ ามเส้ือผา้ ของไพร่พล พญาแถนทาหน้าที่กดั ตอ่ ย หลงั จากวางแผน

เรียบร้อย กองทพั พญาคางคกกเ็ ดินทางเพื่อปฏิบตั ิหนา้ ท่ีการ รบ มอดทาหนา้ ที่กดั เจาะดา้ มอาวธุแมลงป่ องและตะขาบกดั ตอ่ ยไพร่พลของพญาแถนจนเจบ็ ปวด ร้องระงมจนกองทพั ระส่าระสาย ในที่สุดพญาแถนจึงไดย้ อมแพแ้ ละตกลงทาสญั ญาสงบศึกกบั พญาคางคก ดงั น้ี ถา้ มวลมนุษยจ์ ุดบ้งั ไฟข้ึนสู่ทอ้ งฟ้ าเมื่อใด ใหพ้ ญาแถนสง่ั ให้ฝนตกในโลกมนุษย์ถา้ ไดย้ ินเสียงกบ เขียดร้อง ใหร้ ับรู้ว่าฝนไดต้ กลงมาแลว้ ถา้ ไดย้ ินเสียงสนู (เสียงธนูหวายของว่าว) หรือเสียงโหวด ให้ฝนหยดุ ตก เพราะจะเขา้ สู่ฤดเู กบ็ เกี่ยว ขา้ ว หลงั จากที่ไดส้ ญั ญากนั แลว้พญาแถนจึงไดถ้ ูกปลอ่ ยตวั ไปและไดป้ ฏิบตั ิตามสญั ญามาจนบดั น้ี ในการทาบ้งั ไฟน้นั ชาวบา้ นท้งั ในหมบู่ า้ นเดียวกนั และหมบู่ า้ นใกลเ้ คียง จะมารวมกนัแลว้ แบ่งเป็นกลุม่ ๆ ละ 5-10 ครัวเรือน ทาบ้งั ไฟ 1 กระบอก บ้งั ไฟ คือกระบอกไมไ้ ผบ่ รรจุดินปื น สาหรับจุดใหต้ ิดไฟพ่งุ ข้ึนไป บนทอ้ งฟ้ า ชาวบา้ นจะตกแต่งบ้งั ไฟให้สวยงามดว้ ยการแกะรูปลายเป็นรูปลายไทย หรือสุพรรณหงส์ หรือนา ผา้ ไหมมาทอลายต่างๆ มาประดบั ในงานบญุบ้งั ไฟ ในพิธีตา่ งๆ เช่น วนั แรกของงานแรกว่า \"วนั โฮม\" หรือวนั รวมชาวบา้ นจะมาทาบญุ ที่วดัมีการแห่และประกวดบ้งั ไฟ วนั ท่ีสองแรกวนั จุดหรือวนั จุดบ้งั ไฟ โดยแห่บ้งั ไฟ ออกไปกลางทงุ่นา วางบ้งั ไฟไวบ้ นกิ่งไมท้ ี่ใหญแ่ ละแขง็ แรง จากน้นั กจ็ ุดบ้งั ไฟ ถา้ บ้งั ไฟของใครจุดติดและ พงุ่ข้ึนสูง นายช่างผทู้ าบ้งั ไฟจะไดร้ ับการรดน้าจากชาวบา้ นเป็นการแสดงความยนิ ดี ถา้ บ้งั ไฟใครจุดไม่ติด หรือพ่งุ ไม่สูง นายช่างก็จะถกู จบั โยนลงในน้าขนุ่ ท่ีมีโคลนเลน หลงั จากเทศกาลบุญบ้งัไฟผา่ นไปแลว้ ชาว บา้ นกจ็ ะเร่ิมลงมือทานา ประเพณีบญุ บ้งั ไฟท่ีมีชื่อเสียงมาก คือที่จงั หวดัยโสธรพิธีกรรม เนื่องจากงานประเพณีผตี าโขน เป็นงานบุญใหญซ่ ่ึงเรียกกนั ว่า \"งานบุญหลวง\" จดั ข้ึนที่วดั โพนชยั อ.ดา่ นซา้ ย โดยมีการละเลน่ ผี ตาโขน มีการเทศนม์ หาชาติ มีการทาบญุ พระธาตุศรีสองรัก และงาน บญุ ตา่ งๆ เขา้ มาผสมอยรู่ วมๆ กนั จึงมีการจดั งานกนั 3 วนั วนั แรก เริ่มพิธีตอนเชา้ 04.00-05.00 น. คณะแสนหรือขา้ ทาส บริวารของเจา้ พอ่ กวนจะนาอปุ กรณ์ มีด ดาบ หอก ฉตั ร พานดอกไม้ ธูปเทียน ขนั ห้าขนั แปด (พานดอกไม้ 5 คู่ หรือ 8 ค)ู่ถือเดินนา ขบวนไปที่ริมแมน่ ้าหมนั เพ่ือนิมนตพ์ ระอุปคุตต์ พระผมู้ ีฤทธานุภาพมาก และมกัเนรมิตกายอยใู่ นมหาสมทุ ร เพ่ือป้ องกนั ภยั อนั ตราย และให้เกิดความสุขสวสั ดี เมื่อถึงแลว้ ผู้อญั เชิญตอ้ งกล่าวพระคาถา และใหอ้ ีกคนลง

ไปในน้า งมกอ้ นหินใตน้ ้าข้ึนมาถามวา่ “ใช่พระอุปคุตตห์ รือไม”่ ผทู้ ่ียนื อยบู่ นฝ่ังตอบวา่ “ไมใ่ ช่” พอกอ้ นหิน กอ้ นที่ 3 ให้ตอบวา่ “ใช่ นน่ั แหละพระอปุ คุตตท์ ่ีแทจ้ ริง” เม่ือไดพ้ ระอปุคตุ ตม์ าแลว้ ก็นาใส่พานแลว้ นาขบวนกลบั ท่ีหอพระอปุ คุตต์ ทาการทกั ขิณาวฏั 3 รอบ มีการยิงปื นและจุดประทดั ซ่ึงชว่ งเวลาน้นั บรรดาผีตาโขนที่นอนหลบั หรืออยตู่ ามท่ีตา่ งๆ กจ็ ะมาร่วมขบวนดว้ ยความยินดีปรีดา เตน้ ราเขา้ จงั หวะกบั เสียงหมากกระแหล่ง ซ่ึงเป็นกระดิ่งผกู คอววัหรือกระด่ิงใหด้ งั เสียงดงั วนั ท่ีสอง เป็นพิธีแห่พระเวส ในขบวนประกอบดว้ ย พระพทุ ธรูป 1 องค์ พระสงฆ์ 4 รูปนง่ั บนแคร่หามตาม ดว้ ยเจา้ พ่อกวนนงั่ อยบู่ นกระบอกบ้งั ไฟ ทา้ ยขบวนเป็นเจา้ แมน่ างเทียม กบับริวาร ชาวบา้ นและเหลา่ ผตี า โขนเดินตามเสดจ็ ไปรอบเมือง ก่อนตะวนั ตกดิน สาหรับคนที่เลน่เป็นผีตาโขนใหญ่ ตอ้ งถอดเครื่องแต่งกาย ผีตาโขนใหญอ่ อกใหห้ มด และนาไปทิ้งในแมน่ ้าหมนั ห้ามนาเขา้ บา้ น เป็นการท้ิงความทุกขย์ าก และส่ิงเลว ร้ายไป รอจนปี หนา้ ฟ้ าใหมแ่ ลว้ ค่อยทาเลน่ กนั ใหม่ วนั ท่ีสาม เป็นการรวมเอางานบญุ ประเพณีประจาเดือนตา่ งๆ ของปี มารวมกนั จดั ในงานบญุ หลวง ประชาชน จะมานงั่ ฟังเทศนม์ หาชาติ 13 กณั ฑ์ ที่วดั โพนชยั เพื่อเป็นการสร้างกศุ ลและเป็ นมงคลแก่ชีวิต งานประเพณีบญุ หลวงและการละเล่นผตี าโขน ถือเป็นงานท่ีแสดงออกถึงศิลปวฒั นธรรมพ้ืนบา้ นอนั ดี งาม ที่เป็นเอกลกั ษณ์ของอาเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลยผีตาโขนจะแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ1.ผีตาโขนใหญ่2.ผีตาโขนเลก็ ผตี าโขนใหญ่ จะสานมาจากไมไ้ ผ่ มีขนาดใหญก่ วา่ คนประมาณ 2 เทา่ แลว้ จะประดบัตกแตง่ หนา้ ตาดว้ ยเศษวสั ดทุ ี่หาไดใ้ นทอ้ งถิ่น ใน การทาผตี าโขนใหญ่ในแตล่ ะปี จะทา 2 ตวั คือชาย 1 ตวั และหญิง อีก 1 ตวั เท่าน้นั ผทู้ ี่มีหนา้ ที่ทาผีตาโขนใหญ่ จะตอ้ งไดร้ ับอนุญาต จากผีหรือเจา้ ก่อน และเมือไดร้ ับอนุญาตแลว้ ตอ้ งทาผีตาโขนใหญ่ ทกุ ๆ ปี หรือตอ้ งทาติดตอ่ กนั อยา่ งนอ้ ย 3 ปี เพราะว่าคนที่ไมไ่ ดร้ ับ อนุญาตกจ็ ะไมม่ ีสิทธ์ิทาผตี าโขนใหญ่ เวลาแห่จะตอ้ งมีคนเขา้ไปอยู่

วฒั นธรรมภาคเหนอื ภาคเหนือมีลกั ษณะเป็นเทือกเขา สลบั กบั ท่ี ราบ ผคู้ นจะกระจายตวั อยเู่ ป็นกลมุ่ มีวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมเป็นของตนเอง แตก่ ม็ ีการ ติดต่อระหวา่ งกนั วฒั นธรรมของภาคเหนือหรืออาจเรียกวา่ \"กลุ่มวฒั นธรรมลา้ นนา\" ซ่ึงเป็น วฒั นธรรมเก่าแก่และมีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ท้งัสาเนียงการพูด การขบั ร้อง ฟ้ อนรา หรือการจดั งานฉลองสถานที่สาคญั ที่มีแต่โบราณ เช่น พระธาตดุ อยสุเทพ วดั เจดียห์ ลวง เป็นตน้วฒั นธรรมท่ีเก่ียวกบั ศาสนา ความเช่ือ ความเช่ือเก่ียวกบั การนบั ถือผี ชาวเหนือหรือท่ีเรียกกนั ว่า\"ชาวลา้ นนา\"มีความเชื่อในเรื่องการนบั ถือผีต้งั แต่เดิม โดย เช่ือวา่ สถานท่ีแทบทกุ แห่ง มีผีใหค้ วามคุม้ ครองรักษาอยู่ ความเช่ือน้ีจึงมีอิทธิพลตอ่ การดาเนินชีวิตประจาวนั เห็นได้ จากขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมตา่ งๆ ของชาว เหนือ เช่น ผเู้ ฒ่าผแู้ ก่ชาวเหนือ (พอ่ อยุ๊ แมอ่ ุ๊ย) เมื่อไปวดั ฟัง ธรรมกจ็ ะประกอบพิธีเล้ียงผี คือ จดั หาอาหารคาว-หวานเซ่น สงั เวยผปี ่ ยู า่ ดว้ ย

ผที ่ีมีความสาคญั ตอ่ วิถีชีวิตของชาวลา้ นนา เช่น1.ผีบรรพบุรุษ มีหนา้ ท่ีคุม้ ครองเครือญาติและครอบครัว2.ผีอารักษ์ หรือผเี จา้ ที่เจา้ ทาง มีหนา้ ท่ีคุม้ ครองบา้ นเมืองและชมุ ชน3.ผีขนุ น้า มีหนา้ ท่ีให้น้าแก่ไร่นา4.ผีฝาย มีหน้าท่ีคุม้ ครองเมืองฝาย5.ผสี บน้า หรือผปี ากน้า มีหนา้ ท่ีคมุ้ ครองบริเวณที่แม่น้าสองสายมาบรรจบกนั6.ผีวิญญาณประจาขา้ ว เรียกว่า เจา้ แมโ่ พสพ7.ผีวิญญาณประจาแผน่ ดิน เรียกวา่ เจา้ แม่ธรณี คนลา้ นนามีความผกู พนั เก่ียวเนื่องอยกู่ บั การนบั ถอื ผี สามารถพบเห็น ไดจ้ ากการดาเนินชีวิตประจาวนั ของคนเมืองเอง เช่น เมื่อเวลาที่ตอ้ งเขา้ ป่ าไปหาอาหาร หรือตอ้ งคา้ งพกั แรมอยใู่ นป่ า มกั จะตอ้ งบอกกลา่ วเจา้ ท่ี เจา้ ทางเสมอ และเม่ือเวลาที่กินขา้ วในป่ า ก็มกั จะแบ่งอาหารให้เจา้ท่ีดว้ ย เชน่ กนั นอกจากน้นั เม่ือเวลาจะอยู่ ท่ีไหนกต็ ามไม่ว่าจะอยใู่ นเมืองหรือใน ป่ า เม่ือเวลาท่ีตอ้ งถ่ายหรือปัสสาวะ กม็ กั จะตอ้ งขออนุญาตจากเจา้ ท่ีก่อน อยเู่ สมอ เหลา่ น้ีแสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตของคนเมืองผกู ผนั อยกู่ บั การนบั ถือผี การเล้ียงผขี องคนลา้ นนาจะอยใู่ นชว่ งระหว่างเดอื น 4 เหนือ จน ถึงเดือน 8 เหนือช่วงเวลาน้ีเราจะพบว่าตามหมบู่ า้ นต่างๆ ในภาค เหนือจะมีการเล้ียงผีบรรพบรุ ุษกนั อยา่ งมากมายเชน่ ที่อาเภอเชียง คา จงั หวดั พะเยา ก็จะมีการเล้ียงผเี ส้ือบา้ นเส้ือเมือง ซ่ึงเป็นผีบรรพ บรุ ุษของชาวไทล้ือ พอหลงั จากน้ีอกี ไม่นานก็จะมีการเล้ียงผลี วั ะ หรือ ประเพณีบชู าเสาอินทขิล ซ่ึงเป็นประเพณีเก่าแก่ของคนเมือง และยงั ไม่นบั รวมถึงการ เล้ียงผีมด ผเี มง็ และการเล้ียงผปี ่ ูแสะยา่แสะของ ชาละวลั ซ่ึงจะทยอยทากนั ตอ่ จากน้ี ในชว่ งกลางฤดรู ้อนจะมีการลงเจา้ เขา้ ทรงตามหมู่บา้ นต่างๆ ท้งั น้ีอาจเป็นเพราะความเชื่อของชาวบา้ นท่ี วา่ การลงเจา้ เป็นการพบปะพดู คยุ กบั ผบี รรพบรุ ุษ ซ่ึงในปี หน่ึงจะมีการลงเจา้

หน่ึงคร้ัง และในการลงเจา้ คร้ัง น้ี จะถือโอกาสทาพธิ ีรดน้าดาหวั ผีบรรพบุรุษไปดว้ ย ยงั มีพิธีเล้ียงผอี ยพู่ ิธีหน่ึงท่ีมกั จะกระทากนั ในช่วงเวลา น้ี และที่สาคญั ในปี หน่ึงจะทาพิธีน้ีเพียงคร้ังเดยี วเทา่ น้นั นนั่ ก็คือ \"การเล้ียงผีมดผเี มง็ \" ชาวบา้ นท่ีประ กอบพิธีน้ีข้ึนบอกว่า การเล้ยี งผมี ดผีเมง็ จะเล้ียงอยู่ 2 กรณี คือ เมื่อเวลามีคนเจ็บป่ วย ไมส่ บายในหมู่บา้ น จะ ทาพิธีบนผเี มง็ เพื่อขอใชช้ ่วยรักษา เมื่อเวลาท่ีหายแลว้ จะตอ้ งทาพิธีเชิญวิญญาณผีเมง็ มาลง และจดั หา ดนตรีมาเลน่ เพื่อเพ่ิมความสนุกสนานแก่ผีมด ผีเมง็ ดว้ ย อีกกรณีหน่ึงเมื่อไม่มีคนเจบ็ ป่ วยในหมู่บา้ นจะตอ้ ง ทาพิธีเล้ียงผีมดผเี มง็ ทกุ ปี โดยจะตอ้ งหาฤกษย์ ามที่เหมาะสม และจะตอ้ งกระทาระหว่างช่วงเวลาเดือน 4 เหนือ ถึงเดือน 8 เหนือ ก่อนเขา้ พรรษา เพราะถา้ ไมท่ าพิธีผมี ดผเี มง็ อาจจะไม่คมุ้ ครองคนในหมู่บา้ นกไ็ ด้ ดงั น้นั เมื่อใกลถ้ ึงชว่ งเวลาดงั กลา่ ว เรามกั จะพบภาพพิธีเหล่าน้ีตามหมู่บา้ นตา่ งๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook