Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกลักษณ์ไทย1111111111111111111

เอกลักษณ์ไทย1111111111111111111

Published by pookkei16374, 2017-07-10 19:46:23

Description: เอกลักษณ์ไทย1111111111111111111

Search

Read the Text Version

11 / 07 / 2560วทิ ยาลยั อาชีวศึกษานครราชสีมา

เอกลกั ษณ์ไทย ความหมายของเอกลกั ษณ์ไทย ตามพจนานุกรม เอก แปลวา่ เด่น หน่ึง เอกลกั ษณ์จึงเป็นลกั ษณะเด่นของสังคมหรือลกั ษณะส่วนรวมของสังคมท่ี เห็นเด่นชดั แตกต่างจากสังคมอ่ืนๆ เป็นลกั ษณะเฉพาะของตนเอง เช่น วฒั นธรรมไทยไม่เหมือนกบั วฒั นธรรมสังคมอ่ืน แมว้ ฒั นธรรมของเราจะไดร้ ับอิทธิพลของตา่ งชาตติ ้งั แตอ่ ดีตจนถึงปัจจุบนั มาผสมผสานบา้ งก็ตาม เป็นการผสมผสานท่เี ราไดเ้ ลือกสรรวฒั นธรรมเหล่าน้นั ใหเ้ ขา้ กบั ความเช่ือและคา่ นิยมแบบไทยๆ จนกระทง่ั กลมกลืนเขา้ กนั อยา่ งแนบสนิทกลายเป็นวฒั นธรรมของไทยที่มีลกั ษณะเฉพาะของเราแตกต่างไปจากชาติอ่ืนๆ สงั คมไทยมีทีม่ าจากสงั คมชนบท จากชุมชนแบบทม่ี ีจติ ใจโอบออ้ มอารีช่วยเหลือเก้ือกลู กนั รักสงบ รักความอิสระ อ่อนนอ้ มถ่อมตน ทาใหค้ นไทยมีไมตรีต่อผอู้ ่ืน จนไดร้ ับสมญานามวา่ “สยามเมืองยมิ้ ” ซ่ึงชาวตา่ งชาตติ ่างช่ืนชมในความมีน้าใจไมตรีของคนไทย แมส้ งั คมไทยจะเปลี่ยนแปลงไป และไดร้ ับความเจริญสมยั ใหม่ แต่ลกั ษณะความเป็นกนั เองแบบน้ีก็ยงั หลงเหลืออยู่ เป็นเอกลกั ษณท์ ่เี ราไดร้ ับจากบรรพบรุ ุษซ่ึงตกทอดกนั มา ดงั น้นั เอกลกั ษณ์ของคนไทยเหล่าน้ีจงึ ทาให้สังคมไทยแตกต่างจากสังคมของชนชาตอิ ่ืน

เอกลกั ษณ์ของสังคมไทย1. สงั คมที่ยกยอ่ งและเทิดทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์ นกั วิชาการไดก้ ลา่ วถึงประทศไทยวา่ \"สงั คมไทยเป็นสงั คมท่ีไมเ่ คยไร้กษตั ริย\"์ ต้งั แต่สมยัสุโขทยั บา้ นเมืองของคนไทยจะตอ้ งมีกษตั ริยข์ ้ึนปกครอง ในยามที่บา้ นเมืองมียคุ เขญ็ แผน่ ดินว่างจากกษตั ริยก์ จ็ ะตอ้ งมีคนคิดกอบกูฟ้ ้ื นฟูสถาบนั พระมหากษตั ริยข์ ้ึนมาใหม่ เพื่อให้สืบสถาบนั พระมหากษตั ริย์ต่อไปมิใหข้ าด คนไทยมีทศั นะ ความเชื่อ และค่านิยมท่ีมีตอ่ พระมหากษตั ริย์ ดงั น้ี 1. ทรงเป็นประมขุ ของชาติ 2. ทรงเป็นพุทธมามกะและอคั รศาสนูปถมั ภกของทกุ ศาสนา 3. ทรงดารงตาแหน่งจอมทพั ไทย 4. ทรงเป็นศูนยร์ วมจิตใจและความสามคั คีของชนในชาติ 5. ทรงอยเู่ หนือการเมืองและความรับผดิ ชอบทางการเมือง 6. ทรงปฏบิ ตั ิพระราชภารกิจดา้ นพระราชพิธีตา่ งๆเพ่ือสืบทอดพระราชประเพณี 7. ทรงเป็นผรู้ ักษาธรรมและปฏิบตั ิธรรมดว้ ยการอยใู่ นศีลธรรมให้เห็นเป็นประจกั ษ์2. สงั คมท่ีมีความรักชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตท้ ี่สามารถรักษาความเป็นเอกราชของตนไวไ้ ดจ้ นถึงทกุ วนั น้ี ความรักชาติจะอยใู่ นสายเลอื ดของคนไทยทุกคน เม่ือประเทศประสบ

ภาวะวิกฤติคร้ังใด คนไทยจะรวมตวั กนั เพ่ือกอบกเู้ อกราชมีวีรบรุ ุษและวีรสตรีจานวนมากที่ยอมพลีชีวิตเพือ่ แลกกบั ความเป็นเอกราชของชาติไทย เช่น สมเดจ็ พระศรีสุริโยทยั ชาวบา้ นบางระจนั เป็นตน้ รูปแบบการปกครองของไทยมีวิวฒั นามาหลายสมยั จากการปกครองในระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชยม์ าจนถึงระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยเ์ ป็นประมุขอยภู่ ายใตร้ ัฐธรรมนูญในปัจจุบนั น้ี3. สงั คมที่มีความศรัทธาในพุทธศาสนา สงั คมไทยมีศาสนาพทุ ธเป็นเคร่ืองยดึ เหนี่ยวจิตใจมาแตอ่ ดีต และเป็นศาสนาที่คนไทยนบั ถือมากที่สุด หลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธศาสนาเป็นแนวปฏิบตั ิในการดารงชีวิตเป็นส่ิงที่ช่วยอบรมขดั เกลา ใหช้ าวไทยมีเมตตา อ่อนนอ้ ม จิตใจดี ชว่ ยเหลือซ่ึงกนั และกนัท้งั น้ีหลกั ธรรมคาสอนในพระพุทธศาสนาลว้ นสอนใหพ้ ุทธศาสนิกชนเป็นคนดี มีศีลธรรมยึดหลกั เหตผุ ลและความเป็นจริง นอกจากหลกั คาสอนแลว้ ยงั มีประเพณีทางพระพทุ ธศาสนาท่ีพุทธศาสนิกชนไทยไดป้ ระกอบพิธีกรรม เพ่ือกุศลและเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา เช่นประเพณีทอดกฐิน แห่เทียนพรรษา เป็นตน้ จะเห็นไดว้ ่าพุทธศาสนาไดม้ ีบทบาทในการดาเนินชีวิตของคนไทย4. สงั คมเกษตรกรรม สงั คมไทยมีพ้ืนฐานมาจากสงั คมเกษตรกรรม อาชีพส่วนใหญเ่ ป็นชาวนา เป็นอาชีพที่สืบทอดกนั มาจนถึงปัจจุบนั สามารถสร้างรายได้ พฒั นาชาติ เล้ียงพลเมืองของประเทศใหอ้ ยดู่ กี ินดี จนเป็นประเทศที่ส่งออกอนั ดบั ตน้ ๆของโลก ทาใหท้ ว่ั โลกรู้จกั ไดร้ ู้จกั ชาติไทย ถงึ แมว้ า่ ในปัจจุบนัสภาพสงั คมเปลี่ยนแปลงไป มีการพฒั นาประเทศเป็นแบบอุตสาหกรรม จนทาใหป้ ระเทศเจริญกา้ วหนา้ ทางการคา้ และเทคโนโลยี แตส่ ินคา้ ออกท่ีสาคญั และสร้างรายไดใ้ หแ้ ก่ประเทศไทยมากที่สุด คือ สินคา้ ทางดา้ นการเกษตรกรรมนน่ั เอง5. สงั คมไทยท่ียดึ มน่ั ในระบบเครือญาติ

สภาพของครอบครัวไทยเป็นครอบครัวขยายหรือครอบครัวขนาดใหญ่ มีความผกู พนัทางสายโลหิตเกิดความรักใคร่และช่วยเหลือเก้ือกูลกนั ของบรรดาผคู้ นในครอบครัว เพราะการอบรมสง่ั สอนมาวา่ พ่ีนอ้ งหรือญาติจะตอ้ งช่วยเหลอื กนั และกนั ดงั คาสุภาษิตไทยท่ีกลา่ ววา่ \"เลือดยอ่ มขน้ กวา่ น้า\" อนั แสดงใหเ้ ห็นถึงความผกู พนั ทางสายโลหิต นอกจากน้ีแลว้ ครอบครัวไทยยงัเช่ือฟังผอู้ าวโุ ส ผมู้ ีอายนุ อ้ ยกว่าจะตอ้ งมีความออ่ นนอ้ ม มีสมั มาคารวะ เชื่อฟังผทู้ ่ีมีอายมุ ากกว่าอนั เป็นท่ีมาของระบบอปุ ถมั ภใ์ นสงั คมไทย6. สงั คมไทยท่ีเคร่งประเพณีพิธีกรรม จากวิถีชีวิตชาวชนบทที่พ่ึงพาและผกู พนั กบั ธรรมชาติ จึงให้ความสาคญั กบั ประเพณีพิธีกรรมตระหนกั ถึงความสาคญั ของส่ิงแวดลอ้ มตามธรรมชาติอนั เป็นทรัพยากรสาคญั ของชีวิต จึงตอ้ งรักษาประเพณีวฒั นธรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั วิถีชีวิตและธรรมชาติเอาไว้ เชน่ พิธีแรกนาขวญั บูชาแม่โพสพ พิธีกวนขา้ วทิพย์ เป็นตน้ ประเพณีพิธีกรรมจึงเป็นความเชื่อในสิ่งท่ีเหนือธรรมชาติ ท้งั ยงัเป็นการแสดงความเคารพและกตญั ญตู ่อธรรมชาติอีกดว้ ย7. สงั คมท่ีมีศิลปกรรมประณีตงดงาม สงั คมไทยเป็นสงั คมที่มีศิลปกรรมประณีต งดงาม มีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ศิลปกรรมที่ปรากฏในประเทศไทยเกิดจากการประดิษฐค์ ิดคน้ หรือสร้างสรรคท์ ่ีบ่งบอกถึงความเป็นไทยไดอ้ ยา่ งชดั เจน คือ มีความประณีตงดงาม โดยเฉพาะผลงานดา้ นศิลปกรรมของบรรดาช่างสิบหมู่ ซ่ึงไดแ้ ก่ ช่างเขียน ชา่ งแกะ ช่างสลกั ชา่ งป้ัน ช่างหุ่น ช่างปนู ฯลฯ เพราะบคุ คลท่ีมีความรู้ในงานช่างเหลา่ น้ีจะสร้างผลงานศิลปะต่างๆ ดว้ ยใจรักและความถนดั ตอ้ งอาศยั ความอดทน ความคิดในการสร้างสรรค์ แมว้ า่ ศิลปวฒั นธรรมของไทยจะไดร้ ับแบบอยา่ งมาจากตา่ งชาติ แตเ่ พราะความสามารถของคนไทยท่ีสามารถปรับเปล่ยี นและพฒั นา จนกลายเป็นผลงานที่มีแบบฉบบัของตนเอง ทาใหต้ า่ งประเทศรับรู้ถึงลกั ษณะของความเป็นไทยได้ เชน่ สถาปัตยกรรมประติมากรรม จิตรกรรม นาฎศิลป์ และการดนตรี ภาษาและวรรณกรรม เป็นตน้

ภาษาไทยภาษาไทย คือ ภาษาพูดท่ีใชส้ ื่อสารกนั ไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจ ถึงแมจ้ ะมีสาเนียงที่แตกต่างกนั ไปบา้ งในแต่ละพ้ืนที่ รวมถึงการใชศ้ พั ทก์ บั บุคคลในระดบั ตา่ ง ๆ และอกั ษรไทยท่ีใชใ้ นภาษาเขียนโดยทว่ั ไป ภาษาไทย เป็นภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเช้ือสายอ่ืนในประเทศไทย ภาษาไทยเป็นภาษาในกลมุ่ ภาษาไต ซ่ึงเป็นกลมุ่ ยอ่ ยของตระกลู ภาษาไท-กะไดสนั นิษฐานวา่ ภาษาในตระกลู น้ีมีถิ่นกาเนิดจากทางตอนใตข้ องประเทศจีน และนกั ภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกบั ตระกลู ภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกลู ภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ภาษาไทยเป็นภาษาท่ีมีระดบั เสียงของคาแน่นอนหรือวรรณยกุ ตเ์ ชน่ เดียวกบั ภาษาจีน และออกเสียงแยกคาต่อคา เป็นท่ีลาบากของชาวต่างชาติเน่ืองจาก การออกเสียงวรรณยกุ ตท์ ี่เป็นเอกลกั ษณ์ของแตล่ ะคา และการสะกดคาท่ีซบั ซอ้ น นอกจากภาษากลางแลว้ ในประเทศไทยมีการใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นดว้ ย คาว่า ไทย หมายความว่า อิสรภาพ เสรีภาพ หรืออีกความหมายหน่ึงคือ ใหญ่ ยง่ิ ใหญ่เพราะการจะเป็นอิสระไดจ้ ะตอ้ งมีกาลงั ท่ีมากกว่า แขง็ แกร่งกว่า เพื่อป้ องกนั การรุกรานจากขา้ ศึก แมค้ าน้ีจะมีรูปเหมือนคายืมจากภาษาบาลีสนั สกฤต แตแ่ ทท้ ่ีจริงแลว้ คาน้ีเป็นคาไทยแทท้ ่ีเกิดจากกระบวนการสร้างคาที่เรียกว่า 'การลากคาเขา้ วดั ' ซ่ึงเป็นการลากความวิธีหน่ึง ตามหลกัคติชนวิทยา คนไทยเป็นชนชาติที่นบั ถือกนั วา่ ภาษาบาลีซ่ึงเป็นภาษาท่ีบนั ทึกพระธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจา้ เป็นภาษาอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิและเป็นมงคล เม่ือคนไทยตอ้ งการต้งั ช่ือประเทศ

ว่า ไท ซ่ึงเป็นคาไทยแท้ จึงเติมตวั ย เขา้ ไปขา้ งทา้ ย เพ่ือให้มีลกั ษณะคลา้ ยคาในภาษาบาลีสนั สกฤตเพื่อความเป็นมงคลตามความเชื่อของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผู้เป็นไทนนั่ เอง พอ่ ขุนรามคาแหง ไดป้ ระดิษฐอ์ กั ษรไทยข้นึ ใน ปี พ.ศ.1826 อกั ษรไทยสมยั โบราณ

การแต่งกายของไทย การแต่งกาย ถึงแมว้ า่ ในปัจจุบนั การแตง่ กายของชาวไทยจะเป็ นสากลมากข้ึน แต่ก็ยงั คงเคร่ืองแต่งกาย ของไทยไวใ้ นโอกาสสาคญั ต่าง ๆ เชน่ ในงานพระราชพิธี งานท่ีเป็นพิธีการ หรือในโอกาสพบปะ สงั สรรค์ระหว่างผูน้ า พิธีแต่งงาน เทศกาลและงานประเพณีที่จดั ข้ึน หรือในกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีต้องการ แสดงให้เห็นถึงความเป็ นไทยอย่างชดั เจน ในบางหน่วยงานของราชการ มีการรณรงคใ์ ห้แต่งกายในรูป แบบไทย ๆ ดว้ ย ซ่ึงก็ไดร้ ับความร่วมมือเป็ นอย่างดีการแต่งกายของไทย ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีมีมรดกทางวฒั นธรรมประจาชาติท่ีเป็นของตนเองมาเป็นระยะเวลายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะไทย มารยาทไทย ภาษาไทย อาหารไทย และชดุ ประจาชาติไทยสิ่งต่าง ๆ เหลา่ น้ีลว้ นมีคณุ คา่ มีความงดงามบ่งบอกถึงเอกลกั ษณ์แห่งความเป็น \"ไทย\"ท่ีนาความภาคภูมิใจมาสู่คนในชาติ การแตง่ กายของไทยโดยเฉพาะในยคุ รัตนโกสินทร์ซ่ึงมีอายุยาวนานมากกว่า 200 ปี น้นั ไดม้ ีวิวฒั นาการมาเป็นลาดบั นบั ต้งั แตย่ คุ รัตนโกสินทร์ตอนตน้ตอนกลาง

ศิลปวฒั นธรรมและประเพณี ศิลปวฒั นธรรมและประเพณี ประเทศไทยมีการติดตอ่ กบั หลายเช้ือชาติ ทาใหม้ ีการรับวฒั นธรรมของชาติ ตา่ ง ๆ เขา้ มา แตค่ นไทยสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม และปฏิบตั ิสืบตอ่ กนั มาจน กลายเป็น ส่วนหน่ึงในวิถีชีวิตของไทยการทอ่ งเที่ยวน้นั นอกจากจะก่อให้เกิดการสร้างงาน อนั นามาซ่ึงรายไดส้ ู่ทอ้ งถิ่นทวั่ ท้งั ประเทศแลว้ ยงั เป็นส่วน หน่ึงท่ีช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยใหเ้ ป็นทีร่ ู้จกั ไปทวั่ โลก อตุ สาหกรรมทอ่ งเที่ยวประกอบดว้ ยปัจจยั หลาย ประการ แต่ท่ีสาคญั ก็คือ ทรัพยากรทางการทอ่ งเท่ียว ซ่ึงมีอยใู่ นประเทศไทยเป็นจานวนมาก และมีความหลากหลาย เรียงรายอยใู่ นทกุ พ้ืนที่ของประเทศ สามารถแบง่ ออกได้เป็น 3 ประเภทใหญๆ่ คือ ประเภทท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ป่ าไม้ ภูเขา น้าตก ชายหาดทะเล และเกาะแก่ง ประเภทที่มนุษยส์ ร้างข้ึน ไดแ้ ก่ ศาสนสถาน โบราณสถาน โบราณวตั ถุ และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ โดยมีวตั ถุ ประสงคใ์ นการสร้าง และอายุ รวมท้งั รูปแบบสถาปัตยกรรมท่ีแตกต่างกนั ไป แตท่ า้ ยท่ีสุดก็กลายเป็น ทรัพยากรอนั มีคา่ ทางการทอ่ งเที่ยวของประเทศ ประเภทศิลปวฒั นธรรม กิจกรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของผคู้ นในทอ้ งถิ่น จะเห็นไดว้ ่า นอกจากทรัพยากรท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติประเภทที่ 1 แลว้ ทรัพยากรทางการทอ่ งเท่ียวประเภท ท่ี2 และ 3 น้นั มีรากฐานมาจาก \"วฒั นธรรมและประเพณี\" ท้งั ส้ิน

ความหมายของวฒั นธรรม มีผใู้ ห้คาจากดั ความของคาว่า \"วฒั นธรรม\" ไวม้ ากมาย แต่เม่ือพิจารณาถึงสาระสาคญั แลว้สรุปไดว้ า่ \"วฒั นธรรม\" หมายถึง \"แบบอยา่ งหรือวถิ ีการดาเนินชีวิตของชุมชนแตล่ ะกลมุ่ เป็นตวั กาหนดพฤติกรรมการอยรู่ ่วม กนั อยา่ งปกติสุขในสงั คม\" วฒั นธรรมแตล่ ะสงั คมจะแตกต่างกนั ข้ึนอยกู่ บั ขอ้ จากดั ทางภมู ิศาสตร์ และทรัพยากร ต่างๆ ลกั ษณะอีกประการหน่ึงของวฒั นธรรมคือ เป็นการสงั่ สมความคิด ความเช่ือ วิธีการ จากสงั คมรุ่นก่อน ๆ มีการเรียนรู้ และสามารถถา่ ยทอดไปยงั รุ่นต่อๆ ไปได้ วฒั นธรรมใดท่ีมีรูปแบบ หรือแนวความคิดที่ไมเ่ หมาะสมก็อาจจะเลือนหายไป วฒั นธรรม เป็นส่ิงท่ีแสดงความเป็นชาติให้ปรากฏชดั เจนข้ึน ประเทศไทยมีวฒั นธรรมที่โดดเด่นทาใหค้ นไทย แตกต่างจากชาติอ่ืน ๆ มีเอกลกั ษณ์ประจาชาติท่ีเห็นไดจ้ ากภาษาที่ใช้อุปนิสยั ใจคอ ความรู้สึกนึกคิดตลอดจนการ แสดงออกที่นุ่มนวล อนั มีผลมาจากสงั คมไทยที่เป็นสงั คมแบบประเพณีนา และเป็นสงั คมเกษตรกรรม เน่ืองจาก ประชากรส่วนใหญ่ใชช้ ีวิตอยใู่ นชนบท สภาพของส่ิงแวดลอ้ มท่ีดี กลอ่ มเกลาจิตใจมีความโอบออ้ มอารี มีน้าใจเอ้ือเฟ้ื อ เก้ือกูลซ่ึงกนั และกนั ตลอดมา

หากแบง่ วฒั นธรรมดว้ ยมิติทางการทอ่ งเทยี่ วแลว้ จะสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมที่เป็นนามธรรม หมายถึงส่ิงท่ีไม่ใชว่ ตั ถุ ไมส่ ามารถมองเห็น หรือจบั ตอ้ งได้เป็นการแสดงออกในดา้ น ความคิด ประเพณี ขนบธรรมเนียม แบบแผนของพฤติกรรมตา่ ง ๆ ที่ปฏิบตั ิสืบตอ่ กนั มา เป็นท่ียอมรับกนั ในกลมุ่ ของ ตนวา่ เป็นส่ิงที่ดีงามเหมาะสม เชน่ ศาสนาความเชื่อ ความสนใจ ทศั นคติ ความรู้ และความสามารถ วฒั นธรรม ประเภทน้ีเป็นส่วนสาคญั ที่ทาให้เกิด วฒั นธรรมที่เป็นรูปธรรม ข้ึนได้ และในบางกรณีอาจพฒั นาจนถึงข้นั เป็น อารยธรรม(Civilization) ก็ได้ เชน่ การสร้างศาสนสถานในสมยั ก่อน เม่ือเวลาผา่ นไปจึงกลายเป็นโบราณสถาน ที่มีความสาคญั ทางประวตั ิศาสตร์ หากพิจารณาความหมาย และลกั ษณะของวฒั นธรรมที่กล่าวไวข้ า้ งตน้ แลว้ ทรัพยากรการท่องเท่ียวประเภทที่ 2 เป็นผลผลิตของวฒั นธรรมท่ีมีตวั ตน เป็นรูปธรรมเห็นไดช้ ดั เจน ส่วนประเภทท่ี 3 มีสภาพแรกเร่ิมมาจากแนวความคิด ความเชื่อและวิถีชีวิต ซ่ึงเป็นนามธรรม แตไ่ ดม้ ีการพฒั นาจนมีลกั ษณะทางวฒั นธรรมที่เป็นรูปแบบข้ึนมา ทาให้นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถสมั ผสัทรัพยากรการท่องเทีย่ วประเภทน้ีไดโ้ ดยตรง จึงเห็นไดช้ ดั เจนวา่ วฒั นธรรมที่เป็นแนวความคิดความเช่ือ เป็นนามธรรมลว้ น ๆ แตเ่ พียงอยา่ งเดยี ว ไมถ่ ือวา่ เป็น ทรัพยากรทางการทอ่ งเที่ยววฒั นธรรมที่เป็นรูปธรรมเท่าน้นั จึงจะสามารถพฒั นาใหเ้ ป็นจุดสนใจของนกั ทอ่ งเท่ียวได้ตวั อยา่ งวฒั นธรรมท่ีจะนามาใชป้ ระโยชนใ์ นการทอ่ งเที่ยว ไดแ้ ก่ แหลง่ ทอ่ งเที่ยวประเภทโบราณสถาน อุทยาน ประวตั ิศาสตร์ ศาสนสถาน โบราณวตั ถุ งานศิลปกรรม สถาปัตยกรรมนาฏศิลป์ การละเล่นพ้ืนบา้ น เทศกาลและงาน ประเพณี งานศิลปหตั ถกรรมท่ีพฒั นามาเป็น

สินคา้ ประจาทอ้ งถ่ิน ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และอธั ยาศยั ไมตรีของ คนไทย ลว้ นแลว้ แต่เป็นทรัพยากรการทอ่ งเที่ยวท่ีสาคญั ของประเทศไทย เป็นเสมือนตวั เสริมการทอ่ งเที่ยวให้มีความ สมบูรณ์ เป็นจุดเดน่ หรือจุดขายของแหล่งท่องเที่ยวน้นั ๆ เพ่ิมความประทบั ใจให้นกั ทอ่ งเท่ียวไดม้ ากข้ึน ถึงแมว้ า่ ประเทศไทยจะมีทรัพยากรประเภทศิลปวฒั นธรรมที่หลากหลาย แตก่ ็มีการผสมผสานสอดคลอ้ งเป็นวฒั นธรรมไทย ไดอ้ ยา่ งกลมกลืน แหล่งทอ่ งเที่ยวประเภทโบราณสถาน อทุ ยานประวตั ิศาสตร์ แมก้ ระทงั่ ศาสนสถาน หรือโบราณวตั ถแุ ละ สถาปัตยกรรมต่าง ๆ แสดงอดีตความเป็นมาของชาติไทย ที่มีความเจริญรุ่งเรืองต้งั แต่สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ ซ่ึงมี อายุ 3-4 พนั ปี มาแลว้ โดยมีหลกั ฐานเป็นแหลง่ โบราณคดีกระจายอยทู่ ว่ั ทกุ ภาคของประเทศ ต่อมาในยคุ สมยั ประวตั ิ ศาสตร์ อาณาจกั รของชนชาติไทยก็รวมกลมุ่ เป็นปึ กแผน่ มนั่ คงย่ิงข้ึนต้งั แต่สมยั ทวารวดี เชียงแสน สุโขทยั อยธุ ยา และรัตนโกสินทร์ เป็นลาดบั ระยะเวลาอนั ยาวนานน้ี ทาให้มีการสง่ั สมความเจริญทางวฒั นธรรมแต่ละยคุ แต่ละสมยั ต่อเน่ืองกนั มาโดยตลอด แหล่งศิลปกรรมที่มีคณุ ค่ายิ่งเหล่าน้ี นอกจากจะมีคณุ ค่าทางประวตั ิศาสตร์แลว้ ยงั เป็นแหล่งท่องเท่ยี วที่สาคญั ของ ประเทศอีกดว้ ย บางแห่งถือเป็นแหลง่ อารยธรรมระยะแรก ๆ ท่ีปรากฏข้ึนในโลก มีชื่อเสียงเป็นท่ียอมรบั ของนกั โบราณคดี ไดแ้ ก่ แหลง่ ชมุ ชนโบราณที่บา้ น

เชียง จ.อุดรธานี เป็นแหลง่ ทอ่ งเที่ยวที่ไดร้ ับความนิยมสูง โดยเฉพาะกลุ่ม นกั ท่องเที่ยวท่ีมีความสนใจพิเศษ (Special Interest Group) ในภูมิภาคเดียวกบั แหลง่ ชุมชนโบราณบา้ นเชียง ยงั มีแหลง่ ท่องเที่ยวในรูปของสถาปัตยกรรมอนั ยงิ่ ใหญ่ เป็น ปราสาทท่ีก่อสร้างดว้ ยอิฐหรือหิน มีอาณาเขตกวา้ งขวาง การจดัองคป์ ระกอบรูปทรงเป็นระเบียบ มีการกาหนดรูป แบบทางภูมิสถาปัตยท์ ี่สวยงาม ตลอดจนการจาหลกั ลายท่ีประณีตละเอยี ดออ่ น ปราสาทที่สาคญั ไดแ้ ก่ ปราสาทหิน พิมาย จ.นครราชสีมาปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทหินเมืองต่า จ.บรุ ีรัมย์ ส่วนพ้ืนท่ีภาคเหนือ มีปราสาทที่สาคญั ไดแ้ ก่ อุทยานประวตั ิศาสตร์สุโขทยั -ศรีสชั ฌนาลยั จ.สุโขทยั และอทุ ยาน ประวตั ิศาสตร์ จ.กาแพงเพชร ภาคใตม้ ีหลกั ฐานของชมุ ชนโบราณท่ีจ.นครศรีธรรมราช ซ่ึงเป็นแหลง่ กาเนิด อารยธรรมอนั เก่าแก่อีกแห่งหน่ึงของโลกความหมายของประเพณี ประเพณี มีความหมายรวมถึง แบบความเช่ือ ความคิด การกระทา ค่านิยม ทศั นคติ ศีลธรรมจารีต ระเบียบ แบบแผน และวิธีการกระทาสิ่งต่าง ๆ ตลอดจนถึงการประกอบพิธีกรรมในโอกาสตา่ ง ๆ ท่ีกระทากนั มาแต่ใน อดีต ลกั ษณะสาคญั ของประเพณี คอื เป็นสิ่งที่ปฏิบตั ิเชื่อถือมานานจนกลายเป็นแบบอยา่ งความคิด หรือการ กระทาท่ีสืบต่อกนั มา และยงั มีอิทธิพลอยใู่ นปัจจุบนั ประเพณีเกิดจากความเช่ือในสิ่งท่ีมีอานาจเหนือมนุษย์ เช่น อานาจของดินฟ้ าอากาศ และเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้ึน โดยไมท่ ราบสาเหตตุ ่าง ๆ ฉะน้นั ประเพณี คือ ความประพฤติของคนส่วนรวมที่ถือกนั เป็นธรรมเนียม หรือ เป็นระเบียบแบบแผน และสืบตอ่ กนั มาจนเป็นพิมพ์เดียวกนั และยงั คงอยไู่ ดก้ เ็ พราะมีสิ่งใหม่เขา้ มาช่วยเสริม สร้างสิ่งเก่าอยเู่ สมอ และกลมกลืนเขา้กนั ไดด้ ี

ประเพณี คอื ระเบียบแบบแผนในการปฏิบตั ิที่เห็นวา่ ดีกวา่ ถกู ตอ้ งกวา่ หรือเป็นท่ียอมรับของคนส่วนใหญ่ใน สงั คมและมีการปฏิบตั ิสืบต่อกนั มา ประเพณี คอื ความประพฤติท่ีสืบต่อกนั มาจนเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในหมคู่ ณะเป็นนิสยั สงั คม ซ่ึง เกิดข้ึนจากการที่ตอ้ งเอาอยา่ งบคุ คลอื่น ๆ ที่อยรู่ อบ ๆ ตน หากจะกลา่ วถึงประเพณีไทยก็หมายถงึ นิสยั สงั คม ของคนไทยซ่ึงไดร้ ับมรดกตกทอดมาแตด่ ้งั เดิมและมองเห็นไดใ้ นทุกภาคของไทย ประเพณี เป็นเรื่องของความประพฤติของกลมุ่ ชน ยึดถือเป็นแบบแผนสืบต่อกนั มานาน ถา้ ใครประพฤตินอก แบบ ถือเป็นการผดิ ประเพณี เป็นการแสดงถึงเอกลกั ษณ์ของชาติอีกอยา่ งหน่ึง โดยเน้ือหาสาระแลว้ ประเพณี กบั วฒั นธรรมเป็นส่ิงท่ีกล่มุ ชนในสงั คมร่วมกนั สร้างข้ึน แต่ประเพณีเป็นวฒั นธรรมท่ีมีเง่ือนไขท่ีค่อนขา้ ง ชดั เจน กล่าวคือเป็นส่ิงท่ีสงั คมสร้างข้ึนเป็นมรดก คนรุ่นหลงั จะตอ้ งรับไว้ และปรับปรุงแกไ้ ขให้ดียงิ่ ๆ ข้ึนไป รวมท้งั มีการเผยแพร่แก่คนในสงั คมอื่น ๆ ดว้ ย ประเพณีแบง่ ตามลกั ษณะของความเขม้ งวดในการท่จี ะตอ้ งปฏิบตั ิตาม เป็น 3 แบบดว้ ยกนั คือ จารีตประเพณี หรือ กฎศีลธรรม (Mores) คือ ประเพณีท่ีสงั คมถือว่าถา้ ใครฝ่ าฝืนงดเวน้ ไม่ กระทาตามถือ วา่ เป็นความผิด จารีตประเพณีเก่ียวขอ้ งกบั ศีลธรรมของคนส่วนรวมในสงั คมไทย เช่น การแสดงความ กตญั ญูตอ่ ผมู้ ีพระคณุ เป็นตน้ จารีตประเพณี หรือกฎศีลธรรมของแตล่ ะแห่งยอ่ มไม่เหมือนกนั เพราะมีคา่ นิยม (Value) ท่ียดึ ถือต่าง กนั ดงั น้นั ถา้ บุคคลใดนาจารีตประเพณีของตนไปเปรียบเทียบกบั ของคนอื่นวา่ ดีหรือเลวกว่าตนก็เป็นการ เปรียบเทียบที่

ไม่ถกู ตอ้ ง เพราะสภาพหรือส่ิงแวดลอ้ ม ตลอดจนความเชื่อต่าง ๆ ยอ่ มต่างกนั ไป เชน่ เรา เคารพผทู้ ี่อาวุโสกว่า แต่ชาวอเมริกนั รักความเทา่ เทียมกนั ขนบประเพณี (Institution) บางคร้ังเรียกวา่ ระเบียบประเพณี หมายถึงประเพณีท่ีสงั คมกาหนด ระเบียบ แบบแผนไวอ้ ยา่ งชดั ว่า ควรจะประพฤติปฏิบตั เิ ป็นข้นั ตอนอยา่ งไร เชน่ประเพณีแต่งงานตอ้ งเร่ิมต้งั แต่การ หม้นั การแตง่ ซ่ึงแตล่ ะข้นั ตอนจะมีพิธีมากมายสาหรับคบู่ ่าวสาวตอ้ งปฏิบตั ิตาม หรือพิธีศพ ซ่ึงจะตอ้ งเริ่ม ต้งั แตม่ ีการรดน้าศพ แตง่ ตวั ศพ สวดศพ เผาศพเป็นลาดบั ธรรมเนียมประเพณี (Convention) หมายถึง ประเพณีที่ปฏบิ ตั ิกนั อยใู่ นชีวิตประจาวนัหากมี การฝ่ าฝืนก็ ไมถ่ ือเป็นเรื่องผดิ นอกจากจะเหน็ ว่าเป็นผเู้ สียมารยาทเท่าน้นั ไมม่ ีระเบียบแบบแผนเหมือนขนบประเพณี

ยคุ เริ่มการติดตอ่ สมั พนั ธ์กบั ตา่ งประเทศ ยคุ เปล่ียนแปลงการปกครอง หรือ ยคุ \"มาลานาไทย\" และ จนปัจจุบนั \"ยคุ แห่งเทคโนโลยขี ่าวสาร\" แตล่ ะยคุ สมยั ลว้ นมีรูปแบบการแตง่ กายที่เป็นของตนเองซ่ึงไม่อาจสรุปไดว้ า่ แบบใดยคุใดจะดีกว่า หรือ ดีท่ีสุด เพราะวถิ ีชีวิตหรือวฒั นธรรม ลว้ นตอ้ งมีการปรับเปลี่ยนบรู ณาการไปตามสิ่งแวดลอ้ มของสงั คมแลว้ แต่สมาชิกของสงั คมจะคดั สรรสิ่งท่ีพอเหมาะพอควรสาหรับตนพอควรแก่โอกาส สถานที่และกาลเทศะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook