Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิตยสารธัมมวิโมกข์ ฉบับปฐมฤกษ์

นิตยสารธัมมวิโมกข์ ฉบับปฐมฤกษ์

Published by tmvebook, 2021-02-22 09:49:08

Description: นิตยสารธัมมวิโมกข์ ฉบับปฐมฤกษ์

Search

Read the Text Version

ินตยสารธัมมวิโมกข์สมถะและวิปัสสนา ก็ขอแสดงไว้รับฟังแต่เพียงย่อๆ พอได้ความไว้แต่เพียง เท่านี้ หากว่าท่านใช้ปัญญาเป็นเคร่ืองพิจารณาให้ดีแล้ว เพลงจะเป็นปัจจัยให้ ท่านท้ังหลายเข้าถึงพระนิพพานได้ไม่ยาก สวัสดี. 47

48 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

49 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

50 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

ินตยสารธัมมวิโมกข์ ลิเกมาแล้ว..จ้า ผมเพ่ิงรู้ตอนเป็นหนุ่มน่ีเองว่า ผมชอบดูลิเกมาต้ังแต่อายุ 3 ขวบ น้า เล่าว่า..โดนผมรบเร้าให้พาไปดูลิเกทุกที ตอนดูก็ต้องอุ้มขึ้นข่ีคอสูงกว่าคน อ่ืนๆ เสียด้วย พอเติบโตข้ึนมา ผมก็ชอบดูลิเกอีก ดูจนติดตาติดใจ ได้ยินเสียงกลอง ที่ไหนเป็นต้องไปที่น่ัน วันไหนมีลิเก วันน้ันท�ำงานดีเป็นพิเศษ ขยันกว่าปกติ แอบซิกแนลกับเพื่อนซึ่งอยู่บ้านตรงข้าม เพื่อนก็หัวไว รีบพยักหน้าเป็นอันรู้ กัน มันคงชะเง้อคอยท่าผมอยู่แล้ว 51

ินตยสารธัมมวิโมกข์พอถึงหน้าโรงลิเก ตอนน้ีก็เป็นความสุขของเรา กว่าลิเกจะโหมโรง เสร็จ ดูมันช่างอืดอาดชักช้าเหลือเกิน จะลุกไปปัสสาวะก็กลัวจะไม่มีที่นั่ง เลย ต้องอดทนกลั้นเอา แต่ดีหน่อยที่มีถั่วลิสงต้มเค้ียวไปพลางๆ “เฮ้..ฮัดข้า..แขกมาแล้วจ้า”...... ผมตาค้าง หูผ่ึง หยุดเคี้ยวถั่วทันที เวลาท่ีรอคอยมาถึงแล้ว ลิเกออกแขก ตอนนี้แหละ คนดูฮือฮาเริ่มเบียดกัน เข้ามา แหม..รู้สึกมันคึกคักย่ัวยวนหัวใจจริงๆ พอลิเกออกแขกจบ โต้โผออก มาบอกเร่ืองที่จะแสดง แล้วก็ปล่อยตัว ตัวแรกร�ำป้อออกมา ท่าทางชดช้อยสวยงามจริงๆ ร�ำกรีดกรายมือซ้าย ป้ายก้น มือขวาบังหน้า โค้งให้คนดูทีหนึ่ง แล้วก็เดินวนรอบหน้าเวทีหลาย รอบ คนตีพิณพากย์ แหงนมองหน้าคว่�ำกว่าจะลงเพลงโต้พ่อเจ้าประคุณไม่ ยอมนั่งสักที คนดูนั่งเงียบกริบ ต้ังใจฟัง ตามองจ้องแทบไม่กะพริบ ผมเองรู้สึก หัวใจเต้นเบาลงหน่อย นึกถึงถั่วลิสงขึ้นได้ จึงล้วงเอามาเคี้ยวต่อ ตอนนี้ก็ ลืมไปแล้ว..ไม่รู้ว่าเค้ียวเปลือกถั่วเข้าไปบ้างหรือเปล่า ผมชอบมากท่ีสุด ตอนพระเอกนางเอกรักกัน รู้สึกมันตื่นเต้นจนบอก ไม่ถูก แต่ทว่าจะรักกันได้น้ันยากจริงๆ นางเอกเป็นคนจน ก�ำพร้าแม้ตั้งแต่ เล็ก พ่อมีเมียใหม่ จึงต้องมาอยู่กับแม่เล้ียง โดนดุ โดนด่า โดนว่าสารพัดแทบ ไม่เว้นวัน โดนใช้ให้ถูบ้าน ตักน�้ำ ซักผ้าจิปาถะ เห็นแล้วน่าสงสารดูไปน่ังนึก ไป เม่ือไรหนอ..พระเอกจะพาหนีไปเสียที จะได้ไม่ต้องล�ำบาก อีกใจหนึ่งก็ นึกด่าแม่เลี้ยงใจร้าย ใช้ได้ใช้เอาเหมือนไม่ใช่คน มีอย่างที่ไหนใช้ให้ตักน�้ำ วันละ 10 ตุ่ม นางเอก เอวเล็กเอวบางจะไปหิ้วยังไงไหว น่ีถ้าผมเป็นน้องก็ 52

ินตยสารธัมมวิโมกข์คงจะช่วยได้บ้าง นึกไปยังง้ัน พอพระเอกออกแสดง ใจมาเป็นกอง อัศวินม้าขาวมาช่วยแล้ว พระเอกเป็นถึงราชโอรสของกษัตริย์ รูปงาม เจรจาไพเราะ มาพบกุหลาบงาม ในป่า ก็หลงใหล ใจแทบขาดรอน พระเอกเอ่ยปากฝากรัก ทันทีนางเอกสะเทิ้น อายท�ำท่าอิดเอ้ือน แหม..ตอนน้ีตั้งใจดูเป็นพิเศษ จะได้จ�ำเขาไว้ว่าพระเอกจีบ นางเอกยังไง จะได้เอาไปใช้บ้าง ในไม่ช้าก็ได้เสียกัน แต่อยู่ด้วยกันไม่นาน พระเอกมีความจ�ำเป็นต้องกลับวัง บอกว่าอีก 7 วัน จะเอาขันหมากมารับ นางเอกก็ไม่ว่าอะไร อีก 7 วัน รอได้แต่รอไปรอมา 7 เดือนก็ยังไม่เห็น ตอน น้ีนางเอกต้ังท้องแล้ว รอไปอีก 7 ปีก็ยังไม่เห็น จนลูกเติบโตขึ้นมา นางเอก ต้องอยู่เล้ียงลูกคนเดียวเลยนึกสอนตัวเองว่า “อย่าหลอกผู้หญิง” “ถ้าเอ็งมี เมีย อย่าไปหลายวัน” ตอนน้ีผมอายุย่าง 29 ปี นึกถึงความหลัง คร้ังที่ชอบดูลิเก แล้วก็ข�ำ ตัวเอง ลิเกเขาเล่นให้ดูเล่นๆ ก็บ้าเศร้าโศก สะเทือนใจไปตามเขาไม่ชอบใจ ก็นึกแช่ง นึกด่า เขาตลกให้ดูหลอกๆ ก็บ้าหัวร่องหายถึงบทผู้ร้ายอาละวาด ชักนึกโมโห พาลเกลียดข้ีหน้าขึ้นมาเฉยๆ ถ้ามีมีดมีไม้ก็แทบจะคว้าไปช่วย พระเอกรบเชียวแหละ ถ้าไม่นึกว่าตัวเล็กไปหน่อย เหตุการณ์ท่ีจ�ำได้แม่นย�ำท่ีสุด ก็คือตอนกลับบ้าน รู้สึกงัวเงียสะลืมสะ ลือเดินตามเขาไป โซเซๆ แทบตกถนน เดินมาต้ังนานก็ไม่ถึงบ้านสักที กว่าจะ รู้ตัวว่าเดินกลับผิดทางก็เดินไปไกลโขแล้ว อันที่จริงคอยมาดูสิ เก เล้ียวขวา ขากลับควรจะเล้ียวซ้าย แต่ตอนกลับจริงๆ ผ่าเดินเล้ียวขวาตามคนหน้าเสีย นี่ คืนนั้น กว่าจะกลับถึงบ้าน เล่นเอา...เกือบสว่างโชคดีที่ไม่โดน “รบ” ต่อท่ี 53

ินตยสารธัมมวิโมกข์บ้าน แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่าง ตอนถอดกางเกงพยายามนึกเท่าไหร่ๆ ก็นึก ไม่ออก..ว่าปัสสาวะกางเกงตอนไหน ผมบอกจริงๆ ว่าตอนเดก็ ๆ ผมคล�งั ลเิ กขนาดหนกั ถงึ กบั ว่าเม�อื กลั บ บา้ นแลว้ ก็ชวนเพ่อื น 4 – 5 คน เปิดวกิ แสดงกันทันที จัดการเอาผา้ ห่มขงึ เชือก 2 ขา้ ง ทาํ เป็นฉาก เอาปี�บเป็นเตียง เอาดินเหนียวพอกขอบโอ่งเลก็ ๆ แลว้ เอาผา้ ขงึ ปากโอ่งใหต้ ึง ท�าเป็นกลอง เหลาไมไ้ ผ่ท�าเป็นดาบ เอาสายรุง้ ท่ี เก็บจากโรงลเิ กโพกศีรษะ เอาแป้งทาหนา้ ขดู เอาดนิ หมอ้ ทาคิ้ว ขโมยลปิ สติก ของนา้ สาวทาปาก ทาแกม้ แอบเอาผา้ โจงกระเบนของยายมานุ่ง เอาเชอื ก กลว้ ยท�าเป็นเขม็ ขัด เอากา้ นผักบงุ้ หักไปหักมา ท�าเป็นสรอ้ ยคอ สรอ้ ยขอ้ มอื ไปส่องกระจกคู่ บ๊ะ..โกไ้ ม่หยอกเหมอื นกันนี่เรา ถา้ มเี สื้อใส่สักตัว พระเอก เม่ือคืนก็เถอะ ชิดซา้ ย ตกคูแน่ๆ เพ่ือนๆ เห็นผมบา้ ไดข้ น าด ก็เลยยอมยก ใหเ้ ป็นพระเอก พอถึงตอนออกแขก ลิเกเขาออกแขกกันอย่างไร เราก็จ�ำมาตามน้ัน เพื่อนอีกคนหน่ึงรับเหมาเป็นคนตีกลอง พร้อมบรรเลงปี่และพิณพาทย์ก็ด้วย ปากนั่นแหละครับ ล่อซะ...น�้ำลายกระจุย แหม...สนุก ลิเกเขาร�ำอ่อนช้อย เรา ก็ร�ำได้เสียแต่มือแข็งไปหน่อย แล้วมาน่ังพับเพียบเรียบร้อยลอยหน้าอยู่บน เตียง ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว หน้าไมโครโฟนกะลา ท่ีผูกห้อยมาจากใต้ถุนบ้าน คนเดินผ่านไปมาเห็นเข้า ก็แวะเข้ามาดูความบ้าของเรา ตอนนี้ชักอาย แสดง ไม่ออก เล่นไปเล่นมา ถึงตอนชิงนางเอกระหว่างพระเอกกับตัวโกง จึงต้องรบ กัน ดวลดาบกันไปพักหน่ึง พระเอกจะฟัน ตัวโกงก็ไม่ยอม “ก้อ...เม่ือคืนน้ี พระเอกโดนฟันน่ีหว่า เอ็งก็ต้องโดนฟันด้วยซิ” พระเอกหรือจะยอม ขืนยอม ก็ไม่ใช่พระเอกน่ะซิ จริงไหมครับเถียงกันไปเถียงกันมา ชักโมโห ไม่ยอมเล่น 54

ินตยสารธัมมวิโมกข์ตามบทซะแล้ว พระเอกฟันมั่ง ตัวโกงฟันมั่ง หัว หูไม่นับกันละ บรรดานางเอก และเพ่ือนๆ .... รวมทั้งนักดนตรี ใหม่ๆ ก็ยืนดูเฉยๆ ดูไปดูมาเกิดความมัน ต่างก็เข้าร่วมวงช่วยพวกของตน เรื่องสมมุติก็กลายเป็นเรื่องจริง ร้อนถึง.. เด็ดแม่ต้องลงมาห้ามทัพ ผมยังจ�ำภาพตอนนี้ได้ ปี๊บไปทาง กลองแตกเหลือ ครึ่งใบไมโครโฟนกะลา ครอบบนหัวนักดนตรี ตัวโกงครึ่งน่ังคร่ึงนอน ตาข้าง ขวาซ้�ำ แก้มซ้ายแดงเป็นทาง ไม่รู้เล็บของใคร มือซ้ายยันพ้ืน มือขวาก�ำดาบ หัก ตาข้างดีข้ึนมองพระเอก จนไม่กะพริบ ส่วนพระเอกหัวโนปากแดงด้วย ลิปสติกก็แดงย่ิงข้ึน ด้วยเลือดสดๆ สร้อยสังวาลก้านผักบุ้งขาดกะรุ่งกะริ่ง ห้อยร่องแร่งๆ เหลือครึ่งเส้น มือซ้ายถือหางกระเบนท่ีก�ำลังจะหลุดไปคลุม เข่า มือขวาคล�ำใบหูข้างหนึ่งป้อยๆ เพราะโดนฝีปากตัวโกงขย้�ำเอา ปรากฏว่า ลิเกคณะนี้ต่างก็ได้รับค่าแสดงคนละป้าบสองป้าบ โดย ถ้วนท่ัวทุกตัวตน เม่ือวันก่อน มีลิเกเด็กข้างวัด ก็เผลอไปแอบดูจนได้ ดูเพลินไปนาน เท่าไรก็ไม่รู้ ได้ยินเสียงเรียกมาจากข้างหลัง “หลวงพ่ี แอบมาดูลิเกด้วยรึเน่ีย” ผมยิ้มอายๆ เดินเลี่ยงกลับข้ึนกุฏิไป ฮึ ถ้าไม่ดูลิเกวันนั้น ท่านก็คงไม่ได้อ่านเร่ืองนี้น่ะซิ “มอญ” 55

56 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

ินตยสารธัมมวิโมกข์ ธรรมบรรณาการ o ไม่ยินดีในส่ิงท่ีคนได้ ไม่พอใจในส่ิงที่ตนมี เป็นคนอาภัพอับโชคท่ีสุดในโลก o ยินดีในสิ่งท่ีตนได้ พอใจในส่ิงท่ีตนมี เป็นคนโชคดีท่ีสุดในโลก o มัวเมาในส่ิงที่ตนได้ หลงใหลในสิ่งที่ตนมี คือการสร้างเรือนจ�ำขังตัวเอง o เห็นโทษในส่ิงที่ตนได้ เห็นภัยในสิ่งที่ตนมี คือความอิสระในโลก “พระราชวินยาภรณ์ วัดเจดีย์หลวง” 57

58 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

ินตยสารธัมมวิโมกข์ บันทึกนางนวล ข้ึนชื่อว่า “โลก” แล้ว ล้วนมีแต่ความทุกข์ ยิ่งผู้อยู่ในโลกก็ย่ิงทุกข์ เราจึงขอน�ำความทุกข์ของบุคคลพวกหน่ึง ท่ีต้องทนทุกข์..เพ่ือความสุขของ ผู้อื่น มาเสนอให้ท่านได้เข้าใจในสภาพของเรา ผู้ซ่ึงเสียสละชีวิต และเลือด เน้ือ เพ่ือประชาชนชาวไทย แต่อย่างไรก็ดี ก็ยังมีผู้เสียสละอีกกลุ่มหน่ึงเช่น กัน ที่รับรู้ความทุกข์ของพวกเขาและเห็นใจ สู้อุตส่าห์เสียสละเวลา การงาน น�ำ ส่ิงของไปแจกแก่พวกเขา เพ่ือเป็นการตอบแทนน�้ำใจในความดีของเขา ท้ังนี้ ด้วยความระลึกอยู่เสมอว่า “เพราะพวกเขา เราจึงอยู่เป็นสุข” ขอท่านได้โปรด อ่าน “บันทึกจาก...นางนวล” ซ่ึงเป็นผู้ร่วมเดินทางกับคณะบุคคลกลุ่มนี้ด้วย วันเสาร์ท่ี 12 มกราคม 2523 หลวงพ่อพาลูกๆ ไปวัฒนานคร จังหวัด ปราจีนบุรี วัตถุประสงค์ในการไปคร้ังนี้เพื่อน�ำอาหารกระป๋อง บุหรี่ ฯลฯ และ สิ่งส�ำคัญ คือ เหรียญไพรีพินาศ แจกทหารค่ายวังจันทน์ คณะของเราผ่าน ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แวะกราบนมัสการท่าน แล้วเข้าพักที่แผนก เสบียงสัตว์ จังหวัดปราจีนบุรี พวกเราได้รับความสะดวกสบายทุกอย่างจาก.. พี่แดง (ศรีพันธุ์) และพรรคพวก หลวงพ่อท่านแยกพักหลังหนึ่งและลูกๆ อยู่ 59

ินตยสารธัมมวิโมกข์อีกหลังหน่ึง แต่ปรากฏว่าหลังท่ีลูกๆ พักมีเสาตกน�้ำมัน ซ่ึงหลวงพ่อท่านเคย มาท�ำพิธีไหว้ มีเทพรักษานามว่า..ท่านปิยวดี ช่วงกลางวัน ลูกๆ นอนพักผ่อน ท่านอุตส่าห์มาล้อเล่น ตกกลางคืน หลวงพ่อท่านออกมานั่งคุยกับลูกๆ แต่ มีลูกๆ อีกกลุ่มหน่ึง น�ำโดย พ่ีแดง (ศรีพันธุ์) เป็นโต้โผ วันน้ันพอดีเป็นวัน เกิดของ..หมูตุ๋ม ก็เลยมีการเลี้ยงข้าวหมากอย่างเอิกเกริก ด้วยความมึนใน ข้าวหมาก จึงอ้าปากร้องเพลงเสียงล่ันจนน้าชอต้องมาไล่ให้ห่างจากหลวง พ่อ พวกเราจึงออกมาน่ังล้อมวงกลางสนาม แต่ตอนหลังหลวงพ่อท่านก็ เปลี่ยนบรรยากาศ ออกมาน่ังใต้ต้นไม้ ซึ่งใกล้กับพวกร้องเพลงนิดหน่อย มี การร้องเพลงประชันกันระหว่างหญิงกับชาย ในการร้องคืนน้ัน เป็นการอุ่น เครื่องส�ำหรับงานบ้านคุณประเสริฐ แต่เพลงแรกของพวกเราที่ขาดไม่ได้ใน ทุกงานคือ วอลซ์นาวี ถวายหลวงพ่อโดยเฉพาะ บางเพลงพ่ีแดงจะลุกขึ้น เป็นหัวหน้าในจังหวะ และเพลงท่ีสนุกที่สุดคือ “ไอ้งูเขียว” พี่แดงเป็นผู้ร้อง ใครอยากฟังติดต่อพี่แดงได้ พวกเราร้องไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นหลวงพ่อนั่งใกล้ ก็มีการงัดโฉนดข้ึนมาร้องคือเพลง.. “ใครหนอ...รักเราเท่าชีวี” ..ลูกคู่ก็จะรับ ว่า “หลวงพ่อๆ” และถ้าเห็นปู่เหม่เดินเฉียดมาใกล้ๆ เราก็จะร้องเพลง “เห็น พระจันทร์มีหนวด..” ปู่เฉย ไม่ว่าอะไร หลวงพ่อท่านได้ยินเลยต่อแทนปู่ว่า “เดี๋ยวกูจะหวดให้หนา” ปู่ยิ้ม ไม่ว่าอะไรพวกหลานๆ เหมือนด่ังเคย อุตส่าห์ มาถ่ายรูปให้อีก อ้อ..ลืมไป งานนี้คุณกฤษฎามีหน้าท่ีคุมถาดข้าวหมาก แกถือ ไฟฉาย 1 อัน เพ่ือคอยนับว่าข้าวหมากอยู่ครบหรือเปล่า.. เพราะวงเรามีนัก กินมหาภัย คือ นายสุวัฒน์ จอมเขมือบ หลวงพ่อท่านกลับที่พักเวลาประมาณสี่ทุ่ม พวกเราจึงแยกย้ายกัน ไปพักผ่อน และท่านสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมเวลาหกโมงคร่ึงของวันรุ่งขึ้น 60

ินตยสารธัมมวิโมกข์คืนน้ันพวกเรานอนหลับๆ ต่ืนๆ เป็นเพราะอะไรก็รู้ๆ กัน แต่ท่ีหนัก หน่อยคือ หนูต้ี ขนาดท่านปิยวดีทักทายด้วย ยังบอกให้ท่านรอเด๋ียว ขอหลับ อีกสักหน่อยและอีกอย่างหนึ่งท่ีนอนไม่หลับ เป็นเพราะอากาศหนาว หนาวจน เป็นเหน็บชา ท�ำให้พวกเราคิดว่าถ้าเป็นชายแดนคงจะรุนแรงกว่าน้ี แต่ได้ยิน เสียงบ่นมาจากผู้ท่ีนอนเต็นท์ว่า..เสียงกรนของพี่แดงข้ามเต็นท์มา ท�ำให้นอน ไม่หลับ ดังน้ันยังไม่ทันสว่าง ทุกคนจึงเรียบร้อยหมด คณะของหลวงพ่อมุ่งหน้าไปทางอรัญประเทศ แต่หยุดแค่วัฒนานคร ซึ่งห่างจากจังหวัดเกินกว่าร้อยกิโลเมตร มาถึงแล้ว..ค่ายวัฒนานคร อยู่ห่าง ตัวอ�ำเภอประมาณ 5 กิโลเมตร ช่ือของค่ายเป็นชื่อวังเก่าของสมเด็จพระ นเรศวรมหาราช ค่ายน้ีมี 4 นคร คือ เขลางนคร มาจากล�ำปาง นครสองแคว จากพิษณุโลก นครสี่แคว จากนครสวรรค์ และศิลาอาสน์ จากอุตรดิตถ์ สภาพ ของชายแดนมีแต่ดินสีแดง แห้งแล้ง ต้นไม้ก็น้อย หาต้นไม้เป็นพุ่มสูงไม่ได้ เลย ดังนั้นทหารทุกคนจึงต้องต่อสู้กับสภาพภูมิประเทศท่ีกันดาร ยามกลาง วันก็แสนจะร้อนจัด ยามกลางคืนก็หนาวเหน็บ ทหารเหล่าน้ีเป็นทหารม้ายาน เกราะ เม่ือพวกเราไปถึง เขาเตรียมพร้อมต้อนรับเราอยู่แล้ว มีท้ังการเสิร์ฟ น้�ำโคลา เป๊ปซ่ี และน้�ำแข็งเปล่า พวกเรารู้สึกเกรงใจ เขาเข้าไปในเมืองซ้ือผล ไม้ซึ่งแสนจะแพงมาเล้ียงพวกเรา ใบหน้าของเขาเหล่าน้ันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยินดี และศรัทธาเคารพในหลวงพ่อ หลวงพ่อยังไม่ทันจะแจกเหรียญ เขาก็ขอ เข็มกองทุนจากพวกเรา เพราะคิดว่าเป็นสิ่งท่ีจะช่วยเขาได้ เขาปิดชื่อค่ายไว้ เพ่ือรอหลวงพ่อเจิม หลวงพ่อท�ำพิธีบวงสรวง เจิมทั้งสองด้าน พร้อมกับเจิม หน้าให้กับทหารในระดับผู้บังคับบัญชา ท่านบอกว่า “ท่านท้าวมหาชมพูเสด็จ” ท่านให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าและบอกท่านด้วย แล้วทุกคนจะปลอดภัย 61

ินตยสารธัมมวิโมกข์หลังจากน้ันทหารได้พาพวกเราทั้งหมดข้ึนรถจ๊ีปน�ำชมทางด้านหลัง ค่าย และเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทางค่ายได้ติดต่อร้านอาหารในเมือง มา ท�ำเลี้ยงพวกเรา เป็นอาหารท่ีดีมาก พวกเราต่างก็เกรงใจ กินกันไม่ค่อยจะลง เมื่อนึกถึงว่า เขาต้องส้ินเปลืองเพราะเรา และเขาก็ไม่เคยได้กินดีอย่างน้ีเขา คอยบริการเราตลอดเวลา เขาดีใจที่พวกเรามา ถึงแม้จะล�ำบากแค่ไหนก็ยินดี ท�ำ ซ่ึงการต้อนรับของพวกทหารครั้งนี้ท�ำให้พวกเราประทับใจมาก หลวงพ่อท่านเป็นตัวแทนแนวหลัง กล่าวขอบคุณบรรดาทหารหาญ ทุกคน ท่ีได้ท�ำหน้าที่ปกป้องผู้อยู่แนวหลังให้เป็นสุขและปลอดภัย และหลวง พ่อได้ให้ความม่ันใจแก่ทหารทุกคนว่า “ปลอดภัย” แน่ หลังจากน้ัน พันเอก ประจักษ์ สว่างจิตร ผู้บังคับการกองพัน ข้ึนมากล่าวแทนบรรดาทหารหาญ มีข้อความตอนหนึ่งซ่ึงซาบซึ้งใจพวกเราเหลือเกิน ท่านกล่าวด้วยน้�ำเสียงท่ี นุ่มนวลว่า “ทหาร เป็นมิตรที่ดีแก่คนดี ทหาร เป็นสุภาพบุรุษในเมือง” และ เปลี่ยนเป็นน�้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ทหารเป็น เพชฌฆาตในสงคราม ทหารทุก คนยินดีเสียสละเลือดเน้ือและชีวิต เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์” พวกเราได้ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ หลังจากนั้น ทหารทุกคนเดินออกมารับ.. เหรียญไพรีพินาศ ด้วยใบหน้าท่ียิ้มแย้มแจ่มใส เขาดีใจ เขาสมหวัง เพราะ อย่างน้อย...จิตใจของพวกเราได้มีสิ่งท่ียึดเหน่ียวแล้ว ในงานน้ี ตากล้องของคณะซ่ึงเหน่ือยมากที่สุดก็เห็นจะเป็น หลวงพี่ ชโลทัย ถึงกับแบกกล้องแทบไม่ไหว ท่านพยายามเก็บทุกภาพ แม้แต่ภาพ น้องเปี๊ยกลงจากรถถังไม่ได้ ก็ยังถ่ายไว้ หลวงพ่อท่านส่ังให้หลวงพ่ีชโลทัย คุมพวกเด็กๆ ไปดูรถถัง แต่พอเผลอหน่อยเดียว หลวงพ่ี 3 องค์ ยกเว้น หลวงพี่ต๊ิก แอบข้ึนไปหลบในรถถังเสียนี่..ท�ำให้พวกน้องๆ มองด้วยความ 62

ินตยสารธัมมวิโมกข์เสียดาย ที่ไม่สามารถเก็บภาพน้ันไว้ได้ ขณะที่ทุกคนอยู่ท่ีค่ายนั้น เราก็แยกย้ายกันไปเย่ียมเยียนนครท้ัง 4 เพ่ือปลอบใจและให้ก�ำลังใจเขาต่อไป ทหารทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยังไม่มีใครมาเยี่ยมพวกผมเลยครับ” คณะเราท่ีหนุ่มๆ สาวๆ ก็ออกไปคุย กับทหาร ประเภทหนุ่มน้อยสาวน้อยก็รออยู่ท่ีกองอ�ำนวยการ ผลจากการที่ เราไปคุยกับเขามา ก็พอจะสรุปได้ว่า อากาศหนาวมาก เขาขาดเคร่ืองให้ความ อบอุ่น ขาดยารักษาโรค ในด้านอาหารก็กินดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ส�ำหรับอาหาร กระป๋องนั้น ส่วนมากจะเสียมากกว่าจะได้กิน เขาต้องการข้าวเนรมิต (ข้าว แห้ง) น้�ำพริก ปลากรอบกระป๋องๆ ต้องการมากกว่าเคร่ืองกระป๋อง แต่เขา บอกว่าเขามีความทุกข์ ก็ไม่เท่ากับพวกที่อยู่ติดชายแดนจริงๆ ต้องน่ังกอด ปืนคอยระวังอันตรายตลอดเวลา เราก็ได้แต่ปลอบใจเขา และให้ก�ำลังใจเขา ให้เขาเห็นความส�ำคัญของตัวเขา ที่มีต่อประเทศชาติต่อคนไทยทั้งประเทศ เราเองก็บอกเขาได้เพียงว่า ชีวิตทุกชีวิตและทุกอาชีพต่างก็มีความทุกข์ทั้ง น้ัน จะมากหรือน้อยก็เป็นอีกเร่ืองหน่ึง แต่ส�ำหรับพวกเขาก็ควรจะภูมิใจท่ีได้ เกิดมาท�ำหน้าที่อย่างน้ี พร้อมกันบอกเขาว่าดีแล้ว ขอให้พวกเขาสู้ต่อไปเถอะ เราเองก็ได้แต่ทอดถอนใจ เม่ือเห็นสภาพชีวิตของทหารทุกคน นึกใน ใจว่า.. เราเองก็สู้มานานแล้ว จนเราไม่ต้องการที่จะเกิดมาสู้อีก น่ีเป็นเพียง มุมหน่ึงของโลก ท่ีด้ินรนอยู่ในห้วงของความทุกข์ ซึ่งความหวังเบื้องหน้า เรา ไม่ทราบได้ว่า...เขาคิดอย่างไร แต่การท่ีเขาได้เห็นพระ ได้กราบพระ และได้ รับค�ำปลอบใจ ไมตรีจากคณะของเรา และท่ีส�ำคัญคือได้รับเหรียญไพรีพินาศ เป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา เขาก็พอใจแล้ว 63

ินตยสารธัมมวิโมกข์ก่อนท่ีคณะพวกเราจะจาก เราร้องเพลงสดุดีมหาราชาอย่างกึกก้อง ทหารท้ังหมดร้องเพลงประจ�ำเหล่าของเขา และในท่ีสุดเม่ือถึงเวลากลับ เรา ทุกคนยกมือไหว้ขอบคุณเขา และโบกมืออ�ำลาพร้อมกับที่พวกเขาตะโกน บอกมาอย่างมีความหวังว่า “อย่าลืมนะครับ 22 กุมภา” คณะลูกๆ ทุกคนต่างส�ำนึกในพระคุณของหลวงพ่อ ที่ได้น�ำลูกมาเห็น มุมหน่ึงของชีวิต ท่ีต้องต่อสู้อยู่ในโลก ด้วยความทุกข์ล�ำบาก เหตุน้ีเองท�ำให้ พวกเรานึกย้อนไปถึงพระด�ำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่ีทรง ตรัสไว้ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” จริงซิ โลกน้ี มีแต่ความทุกข์และผลท่ีสุดก็ไม่มีอะไรเหลือ....แล้วอย่างนี้เราจะเกิดอีกหรือ “นางนวล” 64

ินตยสารธัมมวิโมกข์ ค�ำนาม “ของเก่า” เอตาปิ พทุ ธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโนทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปทั ทะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปญั โย. นรชนใด มีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดก็ดี ระลึกก็ดี ซ่ึงพระพุทธชัยมงคล 8 คาถา แม้เหล่าน้ีทุกวันๆ นรชนน้ันจะพึงสละเสียได้ ซึ่งอุปัทวันตรายท้ังหลาย มีประการต่างๆ เป็นอเนก ถึงซึ่งความหลุดพ้น อันเป็นบรมสุขแล เม�อื พระสทิ ธตั ถราชกุมาร พระบรมโพธิสตั ว์ เจา้ สละราชสมบตั ิออก ทรงผนวชแสวงหาพระสมั มาสมั โพธิญาณ เพ�อื ตรสั รูเ้ ป็นพระพทุ ธเจา้ โปรด เวไนยสตั วใหพ้ น้ จากสงั สารวฏั ทุกข์ ประสบวมิ ตุ ติสุขอนั เกษมศานต์ ตาม พระพทุ ธปณิธานท�ตี งั� ไวน้ นั� ครนั� พระองคไ์ ดท้ รงพยายามบาํ เพญ็ พระปรมตั ถ 65

ินตยสารธัมมวิโมกข์บารมีตลอด 6 ปีเป็นก�ำหนด ปรากฏความตามพระบาลีว่า ในคืนราตรีวันขึ้น 14 ค�่ำเดือน 6 หน่อพระชินศรีเสด็จผทม ในเวลาปัจจุสมัยใกล้สว่าง ทรงมหา สุบินนิมิต ฝันเป็นมงคลวิจิตร 5 ประการ ข้อต้นทรงฝันว่า พระองค์มีกาย ใหญ่ ผทมเหนือพ้ืนปฐพี พระเศียรหนุนภูเขาหิมพานต์บรรพต พระพาหา ทั้งสองข้างฟาดหย่ังลงไปสู่มหาสมุทรท้ังสองฝั่ง พระยุคลบาทก็พาดหย่ัง มหาสมุทรด้านตะวันตก ครั้นหน่อพระชินสีห์ทศพลทรงตื่นผทมแล้ว มีพระหฤทัยผ่องแผ้ว ทรงร�ำพึงถึงความฝัน 5 ประการ แล้วทรงพยากรณ์ด้วยพระปรีชาญาณของ พระองค์เองว่า ความฝันทั้ง 5 นี้ เป็นบุพพนิมิตว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้ พระ สัพพัญญุตญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในราตรีวันขึ้น 15 ค่�ำ เพ็ญวิสาข มาสกลางเดือน 6 คืนวันนี้ เป็นแน่แล้ว และในเช้าวันเพ็ญนั้น ทรงรับข้าวมธุ ปายาสของนางสุชาดา กุลเศรษฐีธิดา ถวาย ณ โคนต้นไม้ไทรพฤกษมณฑล ทรงเสวยข้าวมธุปายาสหมดถาดทอง ซึ่งเจ้าของศรัทธาถวายทั้งถาดแล้ว พระองค์ก็เสด็จโดยพระบาท ไปสู่ฝั่งแม่น�้ำเนรัญชรานทีทรงลอยถาดทอง เส่ียงพระบาทมีพระสัมโพธิญาณ เกิดเป็นนิมิตปาฏิหาริย์ให้ถาดทองลอยทวน กระแสน้�ำเห็นเป็นส�ำคัญ เป็นนิมิตสนับสนุนความฝันเม่ือราตรี เวลากลางวัน ทรงประทับพักในร่มไม้สาลพฤกษ์เป็นที่รโหฐาน คร้ันเวลาบ่ายก็เสด็จด�ำเนิน มุ่งตรงไปยังร่มไม้อสัตถพฤกษ์โพธิมณฑล อันมีล�ำต้นและก่ิงไม้งดงาม ทรง รับหญ้าคา 8 ก�ำ จากโสตถิยพราหมณ์ถวายในระหว่างทาง ครั้นเสด็จถึงก็ทรง วางไว้ที่โคนต้นไม้มหาโพธ์ิ ด้านทิศตะวันออกและทรงลาดเป็นพุทธอาสน์ เพ่ือประทับน่ัง แล้วทรงตั้งพระทัยอธิษฐานว่าถ้าอาตมาจะได้ตรัสรู้แก่พระ สัพพัญญุตญาณดังประสงค์ ขอจงบังเกิดเป็นรัตนบัลลังก์แก้วปรากฏ พอสิ้น 66

ินตยสารธัมมวิโมกข์กระแสพระวาจาออกพระโอษฐอ์ ธิษฐาน บลั ลงั กแ์ กว้ รตั นะโอฬารสูงประมาณ 14 ศอก ก็บงั เกดิ เป็นมหศั จรรย์ ต่อนน�ั พระบรมโพธิสตั วเ์ จา้ ก็เสดจ็ ข�นึ ประทบั หนั พระปฤษฎางคข์ า้ งดา้ นมหาโพธิพฤกษบ์ ่ายพระพกั ตรส์ ู่ทศิ ตะวนั ออก ทรง คูพ้ ระเพลาขดั สมาธิตง�ั พระกาย ดาํ รงพระสติมนั� ดว้ ยอานาปานสมาธิภาวนา แลว้ ออกพระโอษฐ์ ดาํ รสั พระสตั ยาธิษฐานว่า ถา้ อาตมาไม่พน้ อาสวะกิเลส ตราบใด ถงึ แมม้ าตรว่า หฤทยั เน�ือหนงั จะแหง้ เหอื ดตลอดถงึ เลอื ดและมนั ขน้ จนทง�ั สรีระกาย อาตมาก็จะมทิ าํ ลายสมาธิบลั ลงั กอ์ นั น�ีเลย จะพยายามให้ บรรลุ เสวยพทุ ธาภเิ ษกสมบตั ิใหจ้ งได้ ตง�ั พระทยั มนั� หมายพระสพั พญั �ุต ญาณ ครง�ั นน�ั เทพยดา พระพรหมทุกสถาน มที า้ วสหมั บดพี รหมและทา้ ว มฆั วาน เป็นตน้ ก็มาประชุมแวดลอ้ มกระทาํ สกั การะบูชา ครน�ั นน�ั พญามารวสั วดไี ดส้ ดบั สทั ทสาํ เนียง เทพเจา้ บนั ลอื ลนั� โกลาหล จึงดาํ ริว่าหน่อพระพทุ ธางกูรจะล่วงพน้ วสิ ยั แห่งอาตมา เป็นการสูญเสยี ศกั ด�ิ ท�นี ่าอปั ยศอดสูอย่างย�งิ ควรอาตมาจะไปทาํ อนั ตราย ใหพ้ ระองคล์ ุกหนีไป ใหพ้ น้ จากบลั ลงั ก์ อย่าใหพ้ ระองคล์ ่วงพน้ วสิ ยั ไปได้ พญามารมคี วามพโิ รธ ดว้ ยกําลงั อิสสาจิตครอบงาํ สนั ดาน จึงรอ้ งโฆษณาการใหพ้ ลเสนามารทง�ั ส�ินมาประชุมกนั พรอ้ มดว้ ยสรรพาวุธและสรรพวาหนะ ท�ีแรงรา้ ยเหลอื ท่ี จะประมาณเต็มไปในคคั นานตท์ อ้ งฟ้ า พญาวสั วดีข�นึ ชา้ งพระท�ีนงั� คีรีเมขล์ นิรมติ มอื พนั มอื ถอื อาวุธพรอ้ มสรรพ นาํ กองทพั มารอนั แสนรา้ ย เหาะมา โดยนภาลยั ประเทศ เขา้ ลอ้ มเขตบลั ลงั กร์ ตั น์ ของพระบรมโพธิสตั วเ์ จา้ ไว ้ อย่างหนาแน่น ทันใดนั้น ฝูงเทพเจ้าท่ีพากันมาแวดวงถวายสักการะบูชา หน่อพระ ชินศรีอยู่ ต่างก็มีความกลัว พากันหนีไปยังขอบจักรวาล ทิ้งให้พระองค์ต่อสู้ 67

ินตยสารธัมมวิโมกข์พญามารแต่พระองค์เดียว เมื่อพระมหาพุทธางกูรทรงเปล่าเปลี่ยวเหลียวหาผู้ จะช่วยมิได้ จึงตรัสเรียกทวยทหารของพระองค์ 10 เหล่า กล่าวคือพระบารมี 30 ทัศ ด้วยพระคาถาด�ำรัสว่า “อายนฺตุ โภนฺโต อิธทานสีลา.” เป็นอาทิ ความ ว่า มาเถิดพวกท่านทั้ง 30 กอง จงพร้อมกันจับอาวุธรบกันหมู่มารในบัดนี้ ครั้งน้ัน บารมีธรรม 30 ประการต่างส�ำแดงกายให้ปรากฏดุจทหารกล้า ถือ อาวุธพร้อมท่ีจะเข้าประยุทธชิงชัยกับเสนามารรอพระบรมโองการประทาน โอกาสอยู่เท่านั้น เมอ�ื พญามารวสั วดี เหน็ หน่อพระชินศรีโพธิสตั ว์ ทรงประทบั นงั� น�ิงไม่ หวนั� ไหวแต่ประการใด กพ็ โิ รธ สงั� ใหเ้สนามารรุกเขา้ ทาํ อนั ตรายหลายประการ จนหมดฤทธ�ิ บรรดาสรรพาวุธ ศสั ตรายาพษิ ท�พี ่งุ ซดั ไป ก็กลายเป็นบุปผา มาลยั บูชาพระองคจ์ นส�นิ ครงั� นน�ั พญามารวสั วดี จึงตรสั กบั พระโพธิสตั ว์ ดว้ ยสนั ดานพาลว่า สทิ ธตั ถกุมาร บลั ลงั กแ์ กว้ น�ีเป็นของเราเกิดเพ�อื บุญเรา ท่านเป็นคนไม่มบี ุญ ไม่ควรจะนงั� จงลุกไปเสยี โดยเร็ว พระบรมโพธิสัตว์ตรัสตอบว่า ดูกรพญามาร บัลลังก์แก้วน้ี เกิดข้ึน ด้วยบุญของอาตมา ที่ได้บ�ำเพ็ญมาแต่อสงไขยกัป จะนับประมาณมิได้ พญา มารก็ค้านว่าไม่ใช่ ให้พระองค์หาพยานมายืนยัน พระองค์ได้ท�ำมาจริงให้ ประจักษ์ในที่น้ี หน่อพระชินศรีจึงตรัสเรียกนางวสุนทรา เจ้าแม่ธรณีว่า ดูกร วสุนทรา นางจงมาเป็นพยานให้อาตมาด้วยเถิด ล�ำดับน้ัน นางวสุนทรา เจ้าแม่ธรณีก็ปรากฏกายท�ำอัญชลีถวาย อภิวาท แล้วประกาศให้พญามารทราบว่า พระบรมโพธิสัตว์บ�ำเพ็ญบุญมา มากมายเหลือท่ีจะนับ แม้แต่น้�ำกรวด ที่ข้าพเจ้าเอามวยผมรองรับไว้บน 68

ินตยสารธัมมวิโมกข์เศียรเกล้า ก็มีมากพอจะถือเอาเป็นหลักฐานได้ นางกล่าวแล้วก็ประจงหัตถ์ อันงาม ปล่อยมวยผม บีบน�้ำกรวดท่ีสะสมไว้แต่อเนกชาติให้ไหลออกมาเป็น ทะเลหลวง ท่วมทับเสนามารท้ังปวงให้จมลงวอดวาย ก�ำลังน�้ำได้ชัดช้างคีรี เมขล์ ให้ถอยร่นไปติดขอบจักรวาล คร้ันน้ัน พญามารก็ประนมหัตถ์นมัสการ ยอมพ่ายแพ้บุญฤทธ์ิแด่หน่อพระพิชิตมาร สมดังมโนปณิธานท่ีทรงตั้งไว้ พาหุง สหสฺสมภินิมฺมิตสาวุธนฺตํ ครีเมขลํ อุทิตโฆรสเสนมารํ ทานาทิธมฺมวิทินา ชิตวา มุนินฺโท ตนฺเตชสา ภะวะตุ เต ชยมงฺคลามิ. พาหุง สะหัสสะมะภินิมฺมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ พระจอมมนุ ี ไดช้ นะพญามารผูน้ ิรมติ แขนมากตง�ั พนั ถอื อาวุธ ครบมอื ข�คี ชสารครีเมขลพ์ รอ้ มดว้ ยเสนามาร โห่รอ้ งกอ้ งกึก ดว้ ยธรรมวธิ ี มที านบารมี เป็นตน้ ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ท่าน. 69

70 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

ินตยสารธัมมวิโมกข์ สังคมชาวเรา O จุลสาร “ธมั มวโิ มกข”์ ฉบบั เดือนมกราคม พทุ ธศกั ราช 2523 “ฉบบั ปฐมฤกษ”์ O ..เดอื นมกราคม ตน้ ปีใหมน่ �ี เป็นเดอื นแห่งการเดนิ ทางของ หลวงพ่อพระมหาวรี ะ ถาวโร วดั จนั ทาราม (ท่าซุง) อุทยั ธานี..O เมอ�ื กลาง เดือนท�ผี ่านมาหลวงพ่อพระมหาวรี ะ ร่วมกบั พล.อ.ทวนทอง สุวรรณทตั และคณะศิษย์ ฯ ได้ นาํ ปลากระป๋อง, บุหร�ีไปแจกแก่ทหาร ตามชายแดนดา้ น วฒั นานครและจงั หวดั จนั ทบุรี..O ทหารไทย สบายใจ ไดแ้ ลว้ นะจะ๊ ี O น�ีก็ไดข้ ่าวอีกว่า หลวงพ่อท่านจะไปเยียมเด็ก ท�ีชลบุรี ไป วั ด น อ ก แ ล ะ แ ว ะ เ ย่ี ย ม บ ้ า น คุ ณ ป ร ะ เ ส ริ ฐ ด ้ ว ย . . . เ อ ้ า . . ทายกหญ่าย..เตรียมตัวเน้อ.....O O ข่าวดี วันท่ี 9 ก.พ. ศกนี้หลวง พ่อท่านจะเทศน์ทางทีวีสีช่อง 9 เวลา 08.30 น. ให้เตรียมตัวเตรียม ใจไว้คอยชม. O ขอเชิญเจ้า..บรรดาหมู่ อัมรินทร์ทั้งหลาย วันที่ 9, 10, 11, 12 กุมภาพันธ์ ศกน้ีหลวงพ่อจะ สอนอยู่ท่ีบ้าน “สายลม” O เดือนหน้า หลวงพ่อมีโอกาสได้พักอยู่วัดมาก หน่อย..ชาววัดทั้งหลายก็ได้ “สาธุการ” พร้อมกัน....โดยเฉพาะ “เจ้กิมกี” เจ้าของร้านอาหารวัดท่าซุง...เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและท่านที่ต้องการ ความดีในพระพุทธศาสนา หลวงพ่อพร้อมที่จะเหนื่อย ท่านเคยปรารภให้ “อมร” ฟังอย่างนี้พวกที่ประกาศตนเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฟังๆ เอาไว้นะ 71

ินตยสารธัมมวิโมกข์จ๊ะ และควรปฏิบัติตนให้สมกับความเป็นศิษย์ฯ ด้วยนะ..คนดี..O ขอโมทนา.. ในธรรมทานท่ีหลายๆ ท่านร่วมกันซ้ือ “ทีวีสีพร้อมเคร่ือง วิดีโอเทป” จ�านวน หลายเคร่ือง ถวายวัดไว้ให้ผู้ใคร่ในธรรมท้ังหลายศึกษาธรรมะ ขอให้ทุกท่าน ได้เข้าพระนิพพานในชาติน้ีนะครับ...สาธุคราวน้ีคงเลิกบ่นนะ..เวลาท่ีหลวง พ่อไม่อยู่วัดก็ดูภาพ (สี) ฟังเสียงจากเทปโทรศัพท์ไปก่อนก็แล้วกัน O น่ีก็ นกั บุญเช่นกนั คุณเยาวลกั ษณ์ (เลก็ ) กุลเนตร ถวายเคร�ืองพมิ พด์ ดี 1 เคร�ือง ไวใ้ ชใ้ นกิจกรรมของ ธมั มวโิ มกข์ ..สาธุ O ..คุณพไิ ลพรรณ พงษพ์ ูล ผูช้ ่วย ศาสตราจารยม์ หาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ บางแสน ถวายตูเ้ ย็น 1 ตู้ O อจ. อนงค์ สินธุประมา และคุณย่าเฉลยี ว อาณาวรรณ แย่งกนั ถวายพดั ลม เพดานขนาด 36 น�ิว คนละ 1 ตวั .. ก็ขอ สาธุ (อีกที) ดว้ ยครบั . O ตง�ั แต่ พระคุณเจา้ พชิ ิต (หลวงพ�โี อ) และพระคุณเจา้ ชยั วฒั น์ ออก \"ตุ๊กะดงค\"์ เสียง สวดมนตบ์ นศาลานวราชฯ ทาํ ไมอ่อยๆ ไปล่ะขอรบั ...เอา้ ..พวกเราชาววดั ช่วยกนั ไปส่งเสยี งตอนเชา้ และเยน็ หน่อยนะครา๊ บ ... O มพี ระคุณเจา้ ให้ช่วย ออกข่าวป่าวรอ้ ง “ยามเชา้ ..บณิ ฑบาตสายเหนือ...เงยี บเหงาจงั เลย องคใ์ ดว่าง ก็ไปช่วยสงเคราะหเ์ ดนิ เป็นเพอ�ื นท่านมากๆ หน่อยครบั ฝากขอบพระคุณไว ้ ลว่ งหนา้ ..O “อมร” เองก็ยงั งงๆ เหมอื นกนั เมอ�ื พระคุณเจา้ ท่านถามว่า.. “เหตุ อนั ใดฤๅ..สายเรือจงึ แย่งกนั ลงเฉพาะวนั เสาร์ วนั อาทติ ย”์ เร�ืองน�ีตอ้ งให้ท่าน อาจินต์ เป็นผูต้ อบ.แฮ่ม...O เก็บตกจากวฒั นานคร..ผูพ้ นั ท�นี นั� เดินตามเป็น เสอื ตดิ ฝ�ินแปลกกลน�ิ ในทรงผม...อย่าเลอื กเอาทรงทม�ี นั “ซกั ” ยากๆ ซจิ ะ๊ นอ้ ง ปู..เฮอ้ ..อนิจจา..โลก.O...ผูท้ เ�ี มตตานอ้ งๆ ตลอดกาล ไม่บอกก็รูว้ ่าใคร..จริง ไหม “พข�ี อ”.O นางเอกกส็ วยดี แต่ไมม่ ฟี นั ..ตดิ ต่อ คณุ แดง (ศรพี นั ธุ)์ เร�ือง... “ไอง้ ูเขยี ว”...อะไรเอย๋ ..”พระจนั ทรม์ หี นวด ทาํ ค�ิวขมวดน่าปวดเศียร”...ถา้ 72

ินตยสารธัมมวิโมกข์ ประทับอย่างย่ิง.....โอกาสหน้า พวกเราจะมาเยี่ยมอีก...O เรื่องพิมพ์ดีด ก็ไดอ้ าศยั นอ้ ง ๆ ..กรุณา จึงขอ สมนาคุณมากๆ “ขอบคุณมากๆ นะเคอะ”... ถา้ ระยะน�ีไดย้ นิ เสยี ง อะไรดงั ตวั อย่างขา้ วตอกแตกละก็อย่าสงสยั เสยี งมา จากธมั มวโิ มกขน์ ่ะ ครบั O คาํ ขวญั ของนา้ นึก กบั จ่าเสริม แห่งวดั ท่าซุง “วดั จะดี มสี ง่า ตอ้ งช่วยกนั รกั ษาความสะอาด” โธ่ใครๆ ก็รูก้ นั ทง�ั นนั� ล่ะ ลุง กวาดทงั� เชา้ กวาดทง�ั เย็น เดีย� วขอถามหน่อย “จะแถมกวาด กลางคืนดว้ ย หรือเปล่า “..แฮ่ม...” O ตน้ ไม ้ ใบหญา้ เขยี วสดช�ืนเสมอ เพราะคราย..หาลอง ถามอาจารย์ สงิ หท์ ่านดูคงได้ ความ...O เซอรไ์ พรส์ เมอ�ื มขี ่าว...พระคุณเจา้ ยง 73

ินตยสารธัมมวิโมกข์ยทุ ธ กบั พระคณุ เจา้ สมเกยี รตจิ ะตกุ๊ ะดงคต์ ามอยา่ งหลวงพ.่ี.ทงั� สอง นยั วา่ เข้า กราบลา หลวงพ่อท่านเรียบร้อยแถมได้ยาบ�ารุงมาหนึ่ง.กณั ฑเ์ ทศน์ สาธุแต่ ไดฤ้ กษย์ าม เดนิ ทางวนั ท่ี 15 กมุ ภาพนั ธ์ ศกน�ี เอา้ มติ รสหายและศิษยก์ น้ กุฏิ ิ (กุก๊ ไก่) คงไม่ลมื ไปส่ง...O คติธรรม ประจ�ำเดือนมกราคมน้ี OO จงเตือนตน OO ใคร่ครวญ เสียก่อนจึงท�ำ OO จะพูดอะไรคิดเสียก่อน พูดแล้วท�ำให้เกิดการแตกแยก หรือเปล่า.....มองเราเอง..... ส�ำหรับข่าวสังคมชาวเรา ก็หมดเนื้อที่เสียแล้วละครับ ก็ขอยุติไว้แต่ เพียงน้ีก่อน OO สวัสดีครับ ไว้พบกันใหม่ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ OOO..... จ๊ะจ๋า โดย อมร... 74

ินตยสารธัมมวิโมกข์ ข้างหอไตร สงสัยเหลือเกินว่าพระที่ท่าน ออกธุดงค์ในฤดูหนาวกันน้ัน ท่าน อยู่ป่าอยู่เขาได้อย่างไรกันนะ ผ้า ผ่อนท่อนสไบหรือก็มีชุดเดียว จะ ไปเท่ียวเล้ียวลดแก้ลมหนาวเหมือน พวกหนุ่มๆ สาวๆ ก็ไม่ได้ ส่วน พระที่ท่านได้อภิญญาสมาบัติน้ัน ก็ ยกยอดไปไม่ต้องเป็นห่วง ติ๊ต่างว่าถ้าเกิดพระคุณเจ้า ท่านหนาวท้ังลมทั้งฟ้าแล้วจะท�ำ ฉันใด โบราณท่านว่า “หนาวลมให้ ห่มผ้า” เอาละ ข้อนี้พอถูๆ ไถๆ ไปได้ หลบหลังต้นไม้ม่ัง หาถ�้ำหาคูอยู่ม่ัง ก็คงเอาชีวิตกลับมาวัดได้ แต่มันหนาวฟ้าด้วยน่ี จะใช้วิธีเก่าก็คงแก้ไม่หาย เพราะหนาวฟ้าตามต�ำราท่านให้ผิงไฟ อ๊ะ ถ้าหยั่งงั้นก็สบาย ไม้ไร่ในป่าออก เยอะแยะไป เอ..แล้วเกิดว่า พระท่านออกธุดงค์กันมากๆ ไม้มิหมดป่าดอก รึ..อ่ือ.น่าคิดเหมือนกัน ถ้าหย่ังง้ัน ลองค้นหาในต�ำรา ที่นักปราชญ์ท่านรจนาเอาไว้ซิ ดูทีหรือ ท่านว่าได้อย่างไร” ..โดยสมัยน้ันพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เภสกลา มฤคทายวัน เขตเมืองสุงสุมารคิระ ในภัคคชนบท สมัยนั้น ถึงเดือนฤดูหนาว ภิกษุทั้งหลายได้ก่อไฟที่ขอนไม้มีโพรงใหญ่ท่อนหนึ่งแล้วผิง ก็งูเห่าในโรงไม้ ท่อนใหญ่น้ันถูกไฟร้อนเข้า ได้เลื้อยออกไล่พวกภิกษุ ภิกษุได้วิ่งหนีไปในท่ี น้ันๆ บรรดาภิกษุท่ีเป็นผู้มักน้อย..ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่าไฉนภิกษุ 75

ินตยสารธัมมวิโมกข์ทง�ั หลายจึงได้ก่อไฟผงิ เล่า แล้วกราบทูลเรื่องนน�ั แด่ผู้มพี ระภาค..” พระพุทธเจ้าทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบทว่า “..อนึ่ง ภิกษุใดมุ่ง การผิง คิดก็ดี ให้ติดก็ดี ซ่ึงไฟเป็นปาจิตคีย์ฯ..” ถ้าอย่างนนั� พระคุณเจ้าก็อดผิงไฟละครบั หากทนหนาวฟ้าไม่ไหว ดอดไปผงิ ไฟเข้าละก้อ เป็นอาบตั ิปาจิตคียเ์ ชียวนาครบั เป็นอาบตั ิก็คือผดิ พระวนิ ยั เรียกกนั งา่ ยๆ ก็คือผดิ ศีล ชาวบ้านเขาผดิ ศีลยงั ลงนรกได้ แล้ว พระจะมาเหลอื อะไร ถ้าไม่ไปอเวจี คราวน�ีแหละครบั รบั รองหายหนาวแน่ๆ อ้อ. เกือบลืมแน่ะ มีแถมท้ายอีกนิด “..ภิกษุอาหาร 1 ภิกษุผิงไฟที่ ผู้อ่ืนคิดไว้ 1 ภิกษุผิงถ่านไฟท่ีปราศจากเปลว 1 ภิกษุตามประทีปก็ดี ก่อไฟ ใช้อย่างอ่ืนก็ดี ติดไฟในเรือนไฟก็ดี เพราะมีเหตุเห็นปานนั้น 1 มีอันตราย 1 ภิกษุวิกลจริต 1 ภิกษุอาทิกัมมิกะ 1 ไม่ต้องอาบัติแลฯ..”.. เฮ้อ. โล่งอกไปที ยังไงๆ พระคุณเจ้าก็ไปศึกษาให้ละเอียดอีกทีนะครับ ทั้งหมดที่ยกมาอ้างนั้น คว้าเอามาจากพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับ หลวง เล่มที่ 2 หน้า 612 หมวดสุราปานวรรค สิกขาบทท่ี 6 ว่าด้วยอาบัติปา จิตคีย์ เมื่อทราบแล้วหยั่งงี้ ก็ให้นึกสงสารหลวงพ่อหลวงพี่ท่ีท่านออกธุดงค์ จังเลย ก�ำลังใจของท่านเข้มแข็งดีแท้ๆ น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ขอโมทนาใน ความดีของพระคุณเจ้าด้วยนะขอรับ ก็เป็นอันว่า หมดข้อสงสัยกันได้แล้วนะครับ ที่ท่านอยู่ได้ก็เพราะ ก�ำลังใจเป็นส�ำคัญ แต่ถ้าเกิดบังเอิญจะมีพระคุณเจ้าบางรูปถามต่อว่า “หาก หนาวอารมณ์แล้วจะห่มอะไร” ละก็ กระผมเห็นทีว่าจะไม่ตอบละครับปั้ดธ่อ. 76

ินตยสารธัมมวิโมกข์ก็ขณะน้ี ผมเองยังมะงุมมะงาหรา ควานหาค�ำตอบอยู่เลย จึงขอโมเม เอวังฯ ก็มีด้วยประการ ฉะน้ีฯ..สาธุ 77

78 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

ินตยสารธัมมวิโมกข์ปิดท้าย ในที่สุด..ท่านก็ผ่านมาจนถึงคอลัมน์น้ีจนได้ เราพยายามที่จะท�ำทุก อย่างให้ดีที่สุด นั่น! ย่อมหมายความว่าท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งท่ีร่วมงานกับ เราด้วย ดีหรือไม่ท่านก็รู้กระจ่างแก่ใจของท่านแล้ว ตรงน้ีแหละ! ที่ท่านจะ ร่วมงานกับเราเพ่ือสร้างสรรค์ผลงานให้ดีท่ีสุด ส่งข้อคิดเห็นและเรื่องราวต่างๆ อนั เนื่องด้วยธรรมะทงั� หลายไปที่ “ธมั มวโิ มกข”์ วดั จนั ทาราม (ท่าซุง) อ.เมอื ง จ.อทุ ยั ธานี ฉบบั หน้าผลงานของ ท่านอาจจะมใี นหนงั สอื “ธมั มวโิ มกข”์ ก็ได้ เพ�อื ความเขม้ ขน้ ในเน�ือหา ฉบบั หนา้ พระมหาวรี ะ ถาวโร จะมา แนะนาํ และวสิ ชั นาธรรมะปฏบิ ตั ิเพ�อื การหลุดพน้ จากสงั สารวฏั ฏะ ถา้ ท่าน เกิดปญั หาใดๆ เชิญปุจฉาไปไดเ้ ต็มท�ี นอกเหนือจากน�ียงั มอี ีกแยะแต่ตอนน�ี ขออุบไวก้ ่อน จะแบไตแ๋ น่นอน ในเดือนกุมภาพนั ธน์ �ีจะ๊ และในย่อหน้านี้ขอขอบคุณ คุณวาทิน ปิ่นเฉลียว เจ้าของ “ต่วย’ ตูน” และคุณจ�ำนูญ เล็กสมทิศ เจ้าของ “หนูจ๋า” ท่ีเป็นต้นความคิดในแง่ขบขัน หรรษาการ์ตูน อ่านสนุก หมดความทุกข์ เข้าถงึ ธรรม เชิญเป็นเจ้าประจ�า “ธมั มวโิ มกข”์ นิตยสารรายเดอื น สวัสดี โต๊ะกลม 79

80 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

ข้อคิดก่อนนิทรา OO ไม่หลงรูปกาย เห็นรูปฌานเป็นของเลิศ OO ินตยสารธัมมวิโมกข์ เป็นการท�ำลายสักกายทิฎฐิ ท่านจะเกิดไม่สิ้นสุด OO ไม่มีวิจิกิจฉา จะบรรลุธรรมอันวิมุต OO จะน�ำมาซึ่งความเชื่อมั่น ต้องไม่หยุดแค่อรูปราคะ OO มีศีลม่ันคง ถ้ายังมีอุทธัจจะ OO ชีวิตด�ำรงอย่างเป็นสุข ใจย่อมละสมาธิ OO เห็นโทษทุกข์ของกาม หมดมานะทิฏฐิ OO ก็ถึงความไม่ประมาท ไม่ติแม้ขอทาน OO ไม่พยาบาทผู้ใด จะถึงซึ่งพระนิพพาน OO ย่อมไกลจากการเกิด ต้องตัดตัวการอวิชชา -บรรทม- 81

82 นิตยสารธมั มวโิ มกข์

นิตยสารธมั มวโิ มกข์

นิตยสารธมั มวโิ มกข์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook