ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ เ มื อ ง อุ ด ร ธ า นี UDONTHANI นางสาววชริ าภรณ์ แสงจนั ทร์ สาขา การศึกษาพเิ ศษ รหสั นกั ศึกษา 62040108112
ประวตั เิ มืองอุดรธานี จงั หวดั อดุ รธานีมีตราประจาจงั หวดั เป็นรูป ทา้ วเวสสวุ ณั (ทา้ วกเุ วร) ซง่ึ เป็นทา้ วสาวจาตมุ หาราช หรือหวั หนา้ เทพยดาผปู้ กปักรกั ษาโลกดา้ นทิศอดุ ร หรอื ทศิ เหนือ และมี ตน้ ทองกาว\" หรือเรยี กตาม ภาษาถ่ินวา่ \"ตน้ จาน\" เป็นตน้ ไม้ ประจาจงั หวดั ในดา้ นขอ้ มลู ประวตั ิการกอ่ ตงั้ เมือง มีปรากฎขนึ้ ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั รชั กาลท่ี ๕ ซง่ึ นบั วา่ เป็นเหตกุ ารณส์ าคญั ทางประวตั ศิ าสตร์ ครงั้ หนง่ึ ของสยามเลยทเี ดียวในครงั้ นนั้ ตอ้ งเผชญิ กบั ภยั คกุ คามการลา่ อาณานิคม ของสองประเทศมหาอานาจ คือฝร่งั เศสและองั กฤษ ซง่ึ มีนโยบายลา่ ดนิ แดนแถบเอเชีย เป็น อาณานิคม ฝร่งั เศสนนั้ ผนวกเอาดินแดนประเทศเวียดนามและเขมร เป็นของตนสว่ นองั กฤษ ก็ยดึ เอาประเทศดว้ ยพระ ปรชี าญาณ รวมทงั้ ไดท้ รงวางระเบยี บแบบแผน ในการปกครองหวั เมืองชายแดนเพ่อื เผชญิ กบั ปัญหาจงึ ทรงแตง่ ตงั้ บคุ คลท่ี มีความรูค้ วามสามารถท่ที รงไวว้ างพระราชหฤทยั ไปปฏิบตั ิราชการประจาตา่ งหวั เมือง และหวั เมืองหนา้ ดานซง่ึ ถกู ล่วงลา้ อธิปไตยไดโ้ ดยงา่ ย โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในภาคอีสาน ดงั นนั้ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๔ จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตงั้ ใหพ้ ระเจา้ นอ้ งยาเธอ พลตรี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนประจกั ษศ์ ิลปาคม เป็นขา้ หลวงใหญ่ (ซง่ึ ตอ่ มาภายหลงั ทรงสถาปนา พระยศเล่อื นเป็น กรมหลวงประจกั ษ์ศิลปา คม) พรอ้ มดว้ ยขา้ ราชการทหารตงั้ อยู่ ณ เมืองหนองคาย เรยี กวา่ ขา้ หลวงหวั เมืองลาวพวน รบั ผิดชอบเมืองใหญ่ ๑๓ เมือง เมืองขนึ้ ๓๖ เมือง ซง่ึ ประกอบดว้ ย บางเมือง ทางฝ่ังซา้ ยของแม่นา้ โขงดว้ ย ในขณะนนั้ ฝร่งั เศสตอ้ งการจะแบง่ ดินแดนท่ี เคยเป็นของเวียดนาม ก็ตอ้ งตกเป็นของฝร่งั เศสดว้ ย ทงั้ ไดส้ ่งเรอื รบเขา้ ปิดลอ้ มอ่าวไทย บีบบงั คบั ใหส้ ยามลงนามใน สนธิสญั ญายอมรบั สิทธิของฝร่งั เศสเหนือดินแดนฝ่ังซา้ ยแมน่ า้ โขงและใหถ้ อยกองกาลงั ทหารห่างจากชายแดนในรศั มี ๒๕ กิโลเมตร ภายในระยะเวลา ๑ เดอื น
ดว้ ยเหตนุ ีเ้ อง พระเจา้ นอ้ งยาเธอ พลตรี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนประจกั ษศ์ ลิ ปาคม ขา้ หลวงใหญ่มณฑลลาวพวน จงึ ตอ้ งยา้ ยท่บี ญั ชาการมณฑลลาวพวนท่ีตงั้ อยู่ ณ เมืองหนองคาย พระองคไ์ ดท้ รงเคล่อื นกองกาลงั ทหารและขา้ ราชบรพิ าร ลงมาทางใตจ้ นถงึ \"บา้ นเด่อื หมากแขง้ \" ในวนั ท่ี ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๓๖ ท่นี ่ีมีชยั ภมู ิเหมาะสมอดุ มสมบูรณด์ ว้ ยแหลง่ นา้ จงึ ทรงตดั สนิ พระทยั สรา้ งแปงเมือง ณ ท่นี ี้ และไดท้ าหนงั สือกราบทลู ไปยงั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั ได้ ทรงทราบ ซง่ึ พระองค์ ทรงเห็นชอบท่ีตงั้ กองบญั ชาการมณฑลลาวพวนแหง่ ใหม่นี้ พลตรี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนประจกั ษศ์ ิลปาคม ทรงวางแผนสรา้ งบา้ นแปลงเมือง อย่างจรงิ จงั ทรงวางผงั เมืองและบญั ชาการการก่อสรา้ งเมืองดว้ ยพระองคเ์ องไดท้ รงสรา้ งศาลาวา่ การเมือง คา่ ยทหารและสถานท่รี าชการตา่ งสว่ น วงั ท่ีประทบั ไดท้ รงสรา้ งใกลก้ บั ตน้ โพธิ์ใหญ่และทรงสรา้ งวดั ขนึ้ ตรงขา้ ม กบั บรเิ วณวงั ท่ีประทบั ซ่งึ มีโบราณสถานเกา่ แก่อยู่ เดมิ แลว้ เพ่อื เป็นพระอารามหลวงคบู่ า้ นคเู่ มือง ทรงประทาน นามวดั แห่งนีว้ า่ \"วดั มชั ฌมิ าวาส\" เพ่อื เป็นศนู ยก์ ลางและ ศนู ยร์ วมจิตใจของชาวเมือง นบั แตน่ นั้ บา้ นหมากแขง้ จึงมีฐานะเป็นกองบฐั ชาการซง่ึ มีการเปล่ยี นแปลง และพฒั นาการ ตามลาดบั ดงั นี้ เม่ือพลตรี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนประจกั ษศ์ ิลปาคม ไดท้ รงจดั ราชการบา้ นเมือง มณฑลลาวพวน และวาง ระเบียบการปกครองหวั เมืองชายแดนเป็นท่เี รยี บรอ้ ยแลว้ ก็เสดจ็ กลบั กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.๒๔๔๒ ไปดารงตาแหน่ง เสนาบดกี ระทรวงกลาโหมและผบู้ งั คบั บญั ชาการทหารเรอื พรอ้ มกบั ทรงเล่ือนบรรดาศกั ดเิ์ ป็น \"กรมหลวงประจกั ษศ์ ิลปา คม\" โดยมีพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ วฒั นานวุ งศ์ เป็นขา้ หลวงใหญ่มณฑลลาวพวนองคต์ อ่ มา (พ.ศ.๒๔๔๒ - พ.ศ. ๒๔๔๙)ปี พ.ศ. ๒๔๔๒ เปล่ยี นช่ือมณฑลลาวพวน เป็นมณฑลฝ่ายเหนือ มีเมืองตา่ ง ๆ ในปกครอง รวม ๑๒ เมือง ปี พ.ศ. ๒๔๔๓ เปล่ยี นช่ือมณฑลฝ่ายเหนือเป็นมณฑลอดุ ร แบง่ การปกครองเป็น ๕ บรเิ วณ คือ บรเิ วณหมากแขง้ บรเิ วณพาชี บรเิ วณธาตพุ นม บรเิ วณสกลนคร และบรเิ วณนา้ เหือง ปี พ.ศ. ๒๔๕๐ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงพระ กรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหร้ วมเมือง กมทุ ธาไสย เมืองกมุ ภวาปี เมืองหนองหาร อาเภอบา้ นหมากแขง้ ตงั้ เป็นเมืองจตั วา เรยี กวา่ \"เมืองอดุ รธานี\" และเป็นท่ีตงั้ ท่ีวา่ การมณฑลอดุ รอีกดว้ ย วนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๐ พระยาศรสี รุ ยิ ราชวรานวุ ตั ร (โพธิ์ เนติโพธิ์) สมหุ เทศาภบิ าลมณฑลอดุ ร พรอ้ มกบั กรมการเมือง ขา้ ราชการ พ่อคา้ ประชาชนจดั พิธีตงั้ เมืองขนึ้ ณ สนามกลางเมือง มีการอา่ นประกาศตงั้ เมืองท่ีปะราพธิ ีและ งานเฉลมิ ฉลอง รวม ๓ วนั ปี พ.ศ.๒๔๖๔ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั โปรดใหร้ วมมณฑลอดุ ร มณฑลอบุ ลราชธานี และมณฑลรอ้ ยเอ็ด เป็นภาค เรยี กวา่ ภาคอสี าน ตงั้ ท่ีบญั ชาการท่เี มืองอดุ รธานี และโปรดใหย้ บุ เลกิ ในปี พ.ศ.๒๔๖๘ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ มีการเปล่ยี นแปลงการปกครองจากระบบสมบรู ณาญาสทิ ธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย ในครงั้ นี้ ไดย้ กเลิกมณฑลต่าง ๆ มณฑลอดุ รจงึ ถกู ยกเลิกคงฐานะ เป็นจงั หวดั อดุ รธานี จนกระท่งั ปัจจบุ นั นี้ อนง่ึ ในวนั ท่ี ๑๘ มกราคมของทกุ ปี จงั หวดั อดุ รธานีไดก้ าหนดจดั งาน วนั ท่ีระลกึ คลา้ ยวนั จดั ตงั้ เมืองอดุ รธานี\" โดยถือเป็นวนั รว่ มกนั บาเพญ็ กศุ ลและเฉลมิ พระเกียรติพลตรี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงประจกั ษศ์ ลิ ปาคม ผทู้ รงสรา้ งเมืองอดุ มธานี อกี ดว้ ย
ชื่อเดมิ เมืองอุดรธานี จงั หวดั อดุ รธานีเดมิ ช่ือบา้ นเด่อื หมากแขง้ สถานทท่ี อ่ งเทยี่ วในจังหวดั อุดรธานี อำเภอกมุ ภวำปี ทะเลบวั แดง อยใู่ นบึงน้ำจืด บึงหนองหำน แหลง่ น้ำธรรมชำติท่ีอดุ มสมบูรณ์ไป ดว้ ย พนั ธุป์ ลำ พนั ธุน์ ก และพืชน้ำ จำนวนมำก โดยดอกบวั จะออกดอกมี ปริมำณมำกที่สุดในช่วงเดือนธนั วำคม – กมุ ภำพนั ธ์ ดอกบวั จะบำนในช่วงเชำ้ ตรู่จนถึงเวลำประมำณ 11.00 น. นกั ทอ่ งเที่ยวจะ มองเห็น ดอกบวั แดง บำนเตม็ ทอ้ งน้ำ หนองหำนสุดลูกหูลูกตำงดงำม อยำ่ งหำท่ีเปรียบไม่ได้ จึงเป็นท่ีมำของคำวำ่ ทะเลบวั แดง ซ่ึงในทุกปี นกั ทอ่ งเที่ยว สำมำรถควำมงดงำมของทะเลบวั แดง หนองหำนกุมภวำปี ไดต้ ้งั แต่วนั ที่ 1 เดือนธนั วำคม จนถึงสิ้นเดือนกมุ ภำพนั ธ์ ของทุกปี
อำเภอเมือง พพิ ธิ ภณั ฑ์เมืองอดุ ร พพิ ิธภณั ฑเ์ มืองอุดรธำนี กบั รูปแบบกำรเล่ำเร่ืองและนำเสนอดว้ ยเทคโนโลยที ี่ทนั สมยั น่ำสนใจ ภำยใตร้ ูปแบบอำคำรเก่ำแก่ที่จะทำใหเ้ รำลืม ภำพของกำรเที่ยวพพิ ิธภณั ฑป์ ระจำจงั หวดั ในแบบเดิม พิพิธภณั ฑเ์ มืองอุดรธำนี จดั ต้งั ข้ึนในอำคำรรำชินูทิศ ซ่ึงเป็นอำคำรเก่ำแก่ที่สร้ำงข้ึนใน สมยั รัชกำรท่ี 6 ต้งั อยใู่ นเมืองอุดรธำนี ใกลก้ บั หนองประจกั ษ์ โดยจดั แสดงเร่ืองรำวต่ำงๆเกี่ยวกบั จงั หวดั อุดรธำนีนบั ต้งั แต่ประวตั ิศำสตร์ โบรำณคดี ธรรมชำติวิทยำ ธรณีวทิ ยำ ประวตั ิศำสตร์ทอ้ งถิ่น และศิลปวฒั นธรรม รวมถึงพระประวตั ิและพระเกียรติคุณของกรมหลวงประจกั ษ์ ศิลปำคมผกู้ ่อต้งั เมอื งอดุ รธำนี
สวนสำธำรณะหนองประจกั ษ์ สวนสำธำรณะหนองประจกั ษ์ ต้งั อยใู่ นเขตเทศบำลเมืองอุดรธำนี เป็นสวนสำธำรณะที่อยใู่ จกลำงเมืองฯ มีพ้ืนท่ีและบริเวณกวำ้ งขวำงหลำยไร่ มี ลกั ษณะเป็นหนองน้ำขนำดใหญ่ท่ีต้งั อยใู่ จกลำงเมือง รำยลอ้ มดว้ ยตน้ ไมแ้ ละมองเห็นสถำนที่ทอ่ งเท่ียวสำคญั ของเมืองอุดรต้งั อยขู่ นำบขำ้ ง ไฮไลทท์ ่ีน่ำสนใจท่ีทำใหห้ นองประจกั ษไ์ ดร้ ับควำมสนใจจำกนกั ท่องเท่ียว คือ ตุ๊กตำเป็ดยำงสีเหลือง ท่ีลอยโดดเด่นอยกู่ ลำงน้ำกลำยเป็น สญั ลกั ษณ์ของหนองประจกั ษ์ ที่มำถึงอดุ รแลว้ ตอ้ งแวะมำถำ่ ยรูปกบั เจำ้ เป็ดนอ้ ย นอกจำกน้ีบริเวณหนองประจกั ษย์ งั มีหลำยจุดใหเ้ ก็บภำพสวย ท้งั สะพำนแขวน และสัญลกั ษณ์เคร่ืองป้ันดินเผำบำ้ นเชียง ศำลเทพำรักษ์ ศำลศกั ด์ิสิทธ์ิคูบ่ ำ้ นคูเ่ มือง ซ่ึงเม่ือเดินทำงมำถึงแลว้ ก็ไม่พลำดท่ีจะเขำ้ ไปสักกำระและกรำบไหว้ ขอโชคลำภ
ศุนย์วฒั นธรรมไทยจีน ศำลป่ ูย่ำ ศูนยว์ ฒั นธรรมไทย-จีน ต้งั อยใู่ จกลำงเมืองอุดรธำนี บริเวณเดียวกนั กบั ศำลเจำ้ ป่ ูยำ่ สถำนท่ีตกแต่งโดยจำลองบรรยำกำศแบบจีน เหมือนยกเมือง จีนมำไวใ้ จกลำงอุดร โดยสร้ำงข้ึนเพ่ือเชิดชูองคเ์ จำ้ ป่ ูเจำ้ ยำ่ ท่ีเป็นที่เคำรพและศรัทธำของชำวอดุ รธำนีและจงั หวดั ใกลเ้ คียง อีกท้งั เป็นแหล่งใน กำรสืบสำนวฒั นธรรม ประเพณีอนั ดีงำมของชำวจีนที่อพยพจำกประเทศจีนมำพ่งึ พระบรมโพธิสมภำรในจงั หวดั อุดรธำนี เป็นสถำนท่ีสงบ เยน็ สบำย เเละสวยงำมมำก
สวนสิทธิกร บ้ำนห้วยสำรำญ สวนสิทธิกร ต้งั อยใู่ นอำเภอเมืองอุดรธำนี ท่ีนี่มีท้งั ดำวเรือง คตั เตอร์ขำว เบญจมำศ ใหไ้ ดถ้ ำ่ ยภำพพร้อมพรอพเก๋ๆมำกมำย ใครอยใู่ นโซนภำค อีสำนหรือไปเที่ยวอดุ ร หนองคำย แวบ่ มำชมสวนดอกไมท้ ่ีนี่สกั หน่อย รับรองฟิ นไมแ่ พก้ นั โดยสวนดอกไมจ้ ะเร่ิมบำนใหช้ มในช่วงเดือน มกรำคม – มีนำคม
อุทยำนแห่งชำตินำยูง-น้ำโสม อทุ ยำนแห่งชำตินำยงู -น้ำโสม เป็นพ้นื ท่ีรอยตอ่ 3 จงั หวดั ไดแ้ ก่ จงั หวดั อุดรธำนี เลย และหนองคำย แต่สถำนท่ีทอ่ งเท่ียวท่ีน่ำสนใจจะอยใู่ นเขต พ้นื ท่ีของจงั หวดั อดุ ร โดยมีสถำนท่ีทอ่ งเที่ยวท่ีน่ำสนใจ คือ น้ำตกยงู ทองและอทุ ยำนแห่งชำติผำแดง โดยทำงอุทยำนไดจ้ ดั ทำเส้นทำงศึกษำ ธรรมชำติ น้ำตกยงู ทอง เป็นทำงเดินเทำ้ เพ่อื ศึกษำธรรมชำติที่อทุ ยำนฯ จดั ทำข้ึนเพื่อสื่อควำมหมำยธรรมชำติแก่ผมู้ ำเยอื น โดยไดจ้ ดั ส่ือบรรยำย ลกั ษณะทำงธรรมชำติตำมเสน้ ทำงเป็นระยะ ผำ่ นน้ำตกยงู ทอง น้ำตกตำดนอ้ ย จุดชมวิวผำแดง ระยะทำงประมำณ 2 กิโลเมตร คำ่ ธ รรมเนียม กำรเขำ้ อุทยำนแห่งชำติ
อำเภอหนองหำน อโุ บสถดอกบวั กลำงน้ำ วดั สันตวิ นำรำม อุโบสถดอกบวั กลำงน้ำ ต้งั อยทู่ ี่ วดั สันติวนำรำม พุทธอทุ ยำนบำ้ นเชียง ใกลก้ บั แหลง่ มรดกโลกชุมชนบำ้ นเชียง เป็นพระอโุ บสถทรงดอกบวั สี ขำวหน่ึงเดียวในประเทศไทย ที่ต้งั โดดเด่นกลำงน้ำมีสะพำนทำงเดินเช่ือมไปยงั พระอโุ บสถ ส่วนภำยในวจิ ิตรตระกำรตำดว้ ยภำพวำดฝำผนงั ที่ บอกเล่ำเร่ืองรำวพทุ ธประวตั ิ มีองคพ์ ระประธำนสีขำวโดดเด่นอยภู่ ำยในอุโบสถ บริเวณโดยรอบอโุ บสถยงั โอบลอ้ มไปดว้ ยบึงน้ำขนำดใหญ่ ซ่ึง มีปลำอำศยั อยเู่ ป็นจำนวนมำก สำมำรถทำทำนดว้ ยกำรใหอ้ ำหำรปลำไดอ้ ีกดว้ ย
ชุมชนบ้ำนเชียง ชุมชนเก่ำแก่ที่ไดช้ ื่อวำ่ เป็นแหล่งมรดกโลก มีถนนคนเดินซ่ึงมีร้ำนจำหน่ำยและแหล่งขำยของฝำกสินคำ้ โอทอป เปิ ดใหบ้ ริกำรทุกวนั ต้งั แตเ่ วลำ 08.00-16.30 น. สินคำ้ ท่ีมีควำมโดดเด่น คงไม่พน้ เคร่ืองป้ันดินเผำบำ้ นเชียง ท่ีมีเอกลกั ษณ์และลวดลำยสวยงำม ผำ้ ทอบำ้ นเชียง เป็นผำ้ ทอพ้ืนเมืองท่ีเป็นมรดกตกทอดกนั มำยำวนำน ซ่ึงร้ำนคำ้ จะต้งั อยเู่ รียงรำยริมถนนสำมำรถเดินเลือกชอ้ ปไดต้ ำมควำมพึงพอใจ
อำเภอบ้ำนดงุ คำชะโนด คำชะโนด หรือ หรือ วงั นำคินทร์คำชะโนด ต้งั อยใู่ นพ้ืนท่ี 3 ตำบล คือ ตำบลวงั ทอง ตำบลบำ้ นม่วง และตำบลบำ้ นจนั ทร์ ใน อำเภอบำ้ น ดุง จงั หวดั อดุ รธำนี เชื่อวำ่ เป็นสถำนที่ศกั ด์ิสิทธ์ิดินแดนล้ีลบั ของพญำนำค เป็นที่เคำรพยำเกรงและศรัทธำของคนในจงั หวดั อดุ รธำนีและอีสำน ตอนบน คำชะโนดมีลกั ษณะเป็น เกำะลอยน้ำ ที่เตม็ ไปดว้ ยตน้ ชะโนด ป่ ำคำชะโนดเป็นสถำนที่ปรำกฏในตำนำนพ้ืนบำ้ น เช่ือวำ่ เป็นท่ีสิงสถิต ของพญำนำคป่ ูศรีสุทโธ ยำ่ ศรีประทุมมำ และสิ่งล้ีลบั ต่ำง ๆ เกำะคำชะโนดไมเ่ คยจมน้ำ โดยมีควำมเชื่อที่วำ่ เพรำะมีพญำนำคคอยปกปักรักษำ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: