ความเปนไทยใน กรอบแห่งอิสลาม บทที 3 วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากล วชิ าสงั คมศึกษา ชนั ม.3 ผสู้ อน ครฮู ุสนา เดน่ ดารา
ขนบธรรมเนียม ประเพณีและ วฒั นธรรมไทยกับความเปนมุสลิม วฒั นธรรมเปนวถิ ีชวี ติ ทีกําเนดิ มาจากแนวคิดในการมองโลกมองชวี ติ แบบ หนงึ โดยเชอื วา่ การดาํ เนนิ ชวี ติ เชน่ นนั เปนสงิ ทีจะทําใหต้ นสามารถดาํ รงอยูใ่ นสงั คม ไดอ้ ยา่ งมเี กียรติและศักดศิ รี วฒั นธรรมจงึ ผกู ติดกับความคิดและความเชอื อยา่ ง แยกไมอ่ อก วฒั นธรรมอิสลามก็เปนวฒั นธรรมของมุสลิม ซงึ ก่อเกิดจากความเชอื ถือศรทั ธาต่ออัลลอฮฺพระผเู้ ปนเจา้ กลายเปนวถิ ีทีมอี ัตลักษณข์ องตนเองและ ครอบคลมุ ทกุ มติ ิของการดาํ เนนิ ชวี ติ วฒั นธรรมอิสลามมคี วามเชอื และหลักปฏิบตั ิ พนื ฐานทีเปนสากล จงึ เหมาะสมแก่คนทกุ ชาติ ทกุ ภาษา ขณะเดียวกันอิสลามก็เปด โอกาสให้วฒั นธรรมประเพณีท้องถินดํารงอยูไ่ ด้ หากวฒั นธรรมนนั ไมม่ คี วาม ขดั แยง้ กับหลักความศรทั ธาอันเปนพนื ฐาน
อิสลามก็ไมไ่ ดส้ อนใหม้ ุสลิมมคี วามรงั เกียจเดยี ดฉันท์พนี อ้ งรว่ มชาติ เนอื งจากถือวา่ บุคคลยอ่ มมสี ทิ ธแิ ละเสรภี าพในการนบั ถือศรทั ธาต่อสงิ ทีตนยดึ มนั และยอ่ มมเี สรภี าพทีจะปฏิบตั ิตามความเชอื ถือศรทั ธาของตนได้ สงิ ทีมุสลิม พงึ กระทําก็คือหยบิ ยนื ไมตรจี ติ มติ รภาพ และใหพ้ นี อ้ งรว่ มชาติไดเ้ ขา้ ใจวา่ อิสลาม สอนอะไร ทังนเี พอื ขจดั อคติอันอาจเกิดจากสอื สารมวลชนบางกล่มุ ทีไมเ่ ขา้ ใจ อิสลามอยา่ งดพี อ สว่ นการดาํ รงตนเยยี งคนไทย โดยใชว้ ฒั นธรรมไทยทีไมข่ ดั แยง้ กับหลักศาสนายอ่ มเปนสงิ ทีพงึ กระทํา เพราะจะเปนสงิ ทีสะท้อนความเปน มุสลิมในประเทศไทย และยงั ชว่ ยสรา้ งความสมั พนั ธอ์ ันดรี ะหวา่ งพนี อ้ งรว่ มชาติ อีกดว้ ย เชน่ การใชภ้ าษาไทยตามขนบธรรมเนยี มของไทย การทักทาย การ ปฏิบตั ิตามธรรมเนยี มไทยทีไมม่ ลี ักษณะตังภาคีต่ออัลลอฮฺ เปนต้น
มารยาทไทยกับมารยาท ของความเปนมุสลิม ในวฒั นธรรมทีแตกต่างกัน จงึ อาจทําใหค้ นเรามองมารยาท ต่างกันไปดว้ ย การกระทําบางอยา่ งอาจถือเปนมารยาทในวฒั นธรรม หนงึ แต่อาจเปนเรอื งรา้ ยแรงในอีกวฒั นธรรมหนงึ ได้ เชน่ วฒั นธรรมการกราบของพุทธศาสนกิ ชนไทย หากใหม้ ุสลิมปฏิบตั ิ ยอ่ มถือเปนเรอื งรา้ ยแรง เพราะอิสลามถือวา่ การกราบเปนสงิ ที มนษุ ยพ์ งึ ปฏิบตั ิต่ออัลลอฮฺพระผเู้ ปนเจา้ เท่านนั การกราบมนษุ ย์ เท่ากับยกยอ่ งมนษุ ยก์ ันเองจนสงู สง่ เทียบเคียงพระผปู้ นเจา้ (ชรี กิ ) ซงึ ถือเปนบาปใหญท่ ีสดุ
กระนนั ก็ตามแมจ้ ะต่างมุมมองจากความแตกต่างทาง วฒั นธรรมเชน่ นนั แต่ทังสองศาสนาก็มจี ุดรว่ มกันคือ เหน็ วา่ การ เคารพผใู้ หญเ่ กรงใจคนดี ปราณตี ่อผนู้ อ้ ย เปนมารยาททีบุคคล พงึ มี แต่ในทางปฏิบตั ิมรี ปู แบบทีต่างกันตามการหล่อหลอมของ แต่ละวฒั นธรรม ซงึ ผคู้ นทีอยูร่ ว่ มกันพงึ เขา้ ใจกันและกันดว้ ยดี โดยคํานงึ ถึงจุดรว่ มทีคนต่างศาสนาสามารถปฏิบตั ิรว่ มกันใหม้ าก แล้วสงวนจุดต่างใหเ้ ปนเสรภี าพทีแต่ละศาสนกิ จะดาํ เนนิ การตาม ความเชอื ศรทั ธาแหง่ ตน
ในสว่ นของมุสลิม การแสดงมารยาทถือเปน สงิ วาญบิ (จาํ เปน)ไมว่ า่ จะกับมุสลิมดว้ ยกันหรอื กับต่าง ศาสนกิ ทังนเี พราะมารยาทคือ ดอกผลอันงามของ ความศรทั ธา กล่าวคือ ความศรทั ธาทีแท้ยอ่ มผลิตอก ออกผลเปนมารยาทอันประเสรฐิ ความศรทั ธาและความยาํ เกรงในอัลลอฮฺ ยงั สง่ ผลใหม้ ุสลิมต้องมมี ารยาทต่อเพอื นมนษุ ยด์ ว้ ย ตังแต่การมนี าํ ใจต่อผอู้ ืน การไมเ่ บยี ดเบยี นทํารา้ ยกัน ไมด่ ถู กู เหยยี ดหยามซงึ กันและกัน ไมน่ นิ ทาวา่ รา้ ย รกั ษาคํามนั สญั ญา และเคารพในสทิ ธหิ นา้ ทีของกัน และกัน เปนต้น
َو َﺗ َﻌﺎ َوﻧُﻮا َﻋ َﲆ ا ْﻟ ِﺒ ﱢﺮ َواﻟ ﱠﺘ ْﻘ َﻮ ٰى َو َﻻ َﺗ َﻌﺎ َوﻧُﻮا َﻋ َﲆ ا ْ ِﻹ ْﺛ ِﻢ َوا ْﻟ ُﻌ ْﺪ َوا ِن َوا ﱠﺗ ُﻘﻮا َﱠﷲ ِإ ﱠن ﱠﷲَ َﺷ ِﺪﻳ ُﺪ ا ْﻟ ِﻌ َﻘﺎ ِب และพวกจงชว่ ยเหลือกันในสงิ ทีเปนคณุ ธรรม และความยาํ เกรง และจงอยา่ ชว่ ย กันในสงิ ทีเปนบาป และเปนศัตรกู ันและพงึ กลัวเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จรงิ อัลลอฮ์ นนั เปนผทู้ รงรนุ แรงในการลงโทษ (ซูเราะหอ์ ัลมาอิดะฮ์ :2)
ทีมา : วสิ ทุ ธิ บลิ ล่าเต๊ะ.ความเปนไทยในกรอบแหง่ อิสลาม. 2559. https://deepsouthwatch.org. ค้นเมอื วนั ที 25 สงิ หาคม 2564
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: