การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัย และถูกต้องตาม สิทธิในการนำมาใช้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 1 DARUNARATCHABURI SCHOOL
หัวข้อหน่วยการเรียนรู้ : การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย และถูกต้องสามสิทธิในการนำมาใช้ ประเภทของข้อมูลที่มีการแชร์หรือแบ่งปันในสังคมออนไลน์ กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทรัพย์สินทางปัญญา การใช้เทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศกับการเผยแพร่ การทำธุรกิจออนไลน์ การทำธุรกรรมออนไลน์ และความปลอดภัยในการใช้งาน สำหรับผู้เรียกใช้บริการ
ประเภทของข้อมูลที่มีการแชร์หรือแบ่งปันในสังคมออนไลน์ ข้อมูลข่าวสาร (Information) ที่มาแชร์กันในสังคมออนไลน์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1.ข้อมูลข่าวสารที่แชร์กันเป็นส่วนบุคคล เช่น ข้อความ ภาพ วิดีโอ ลิงก์ ไฟล์ประเภทต่างๆ 2.ข้อมูลข่าวสารที่แบ่งปันแลกเปลี่ยนกันระหว่างองค์กรหรือหน่วยงาน ประเภทข่าวสารหรือ เหตุการณ์ต่างๆ เช่น RSS Feed เกี่ยวกับข่าวสารการพยากรณ์อากาศ 3.ข้อมูลสารสนเทศที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างระบบเฟิร์มแวร์และซอฟแวร์ หรือระบบปฏิบัติ การกับเครื่องอื่นๆในเครือข่าย ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนที่ผู้ใช้อาจไม่สังเกตเห็นหรือไม่ทราบว่ามี การสื่อสารระหว่างเครื่องกับเครื่องกันอยู่ เช่น การตรวจสอบว่ามีหมายเลข IP ใดที่ว่างให้ขอ ใช้ได้ หรือมีการตรวจสอบความจุที่เหลืออยู่ของหน่วยเก็บข้อมูลของเครื่อง
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่แชร์หรือแลกเปลี่ยนกันในสังคมออนไลน์ แบ่งได้ 3 ลักษณะ 1.ข้อมูลบุคคลต่อบุคคล (Person to Person) เป็นการรับ-ส่งข้อมูลในลักษณะระหว่าง สองบุคคล ข้อมูลนี้อาจเรียกเป็นข้อมูลส่วนตัว แต่หากบคุคลใดคนหนึ่งนำไปแชร์ต่อในที่กึ่ง สาธารณะหรือกลุ่มบุคคล ข้อมูลนั้นจะถือว่าเป็นข้อมูลที่เปิดเผยเป็นสาธารณะ 2.ข้อมูลบุคคลต่อกลุ่มบุคคล (Person to Private Group) เป็นการรับ-ส่งข้อมูลใน ลักษณะระหว่างกลุ่มบุคคลนั้น เรียกได้ว่าเป็นการแชร์ข้อมูลกึ่งสาธารณะ เพระามีบุคคล จำนวนหนึ่งชุมชนในพื้นที่ข้อมูลนั้นๆเกิดขึ้น 3.ข้อมูลบุคคลต่อสาธารณะ (Person to Public) เป็นการรับ-ส่งข้อมูลจากบุคคลนั้นเผย แพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งทุกคนในออนไลน์สามารถรับรู้ได้
กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 1.กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 1.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 การฝากร้านใน Facebook IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท ส่ง SMS มาโฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ต้องมีทางเลือกให้ผู้รับสามารถปฏิเสธ ข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท ส่ง e-Mail ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ. ยกเว้นการกด Like เรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่าย ความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่ Share นั้นมีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้า ข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3 การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์ กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออก เจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึง Facebook ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้ง ไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด ฉะนั้น Admin ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ. เมื่อลบออก จากพื้นที่ที่ตนดูแล จะถือเป็นผู้พ้นผิด แต่หากไม่ยอมลบออก จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การ Post สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท การ Post เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชม อย่างให้เกียรติ การ Post ด่าว่าผู้อื่น มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าว หา เอาผิดผู้ Post ได้ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หา รายได้
1.2 พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 เป็นมาตรการป้องกัน รับมือและลดความเสี่ยงจากคุมคามที่ส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐ เศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทหารและความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยระดับภัยคุกคามถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้ ภัยคุกคามระดับไม่ร้ายแรง คือเหตุการณ์ที่เป็นภัยคุกคามมีผลทำให้ระบบเครือข่าย หรือคอมพิวเตอร์ทำให้ช้าลง ภัยคุกคามระดับร้ายแรง คือภัยคุกคามที่โจมตีระบบคอมพิวเตอร์โดยกระทบต่อความ มั่นคงของรัฐทั้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การป้องกันประเทศ เศรษฐกิจ ความปลอดภัยสาธารณะ ภัยคุกคามระดับวิกฤต คือภัยคุมคามที่มีลักษณะการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ที่ส่งผลก ระทบรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของระบบสารสนเทศภายในประเทศเป็นบริเวณ กว้าง และการโจมตีที่เป็นการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์
2.แนวทางการป้อกกันการเข้าถึงข้อมูลของตัวเราโดยมิชอบจากผู้อื่น 2.1 การใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะทำให้เกิดความเสี่ยง การใช้เว็บเบราว์เซอร์เข้าสู่บริการต่าง ๆ เช่น อีเมล ไตรฬ หรือแฮปพลิเดชัน เว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google Drive, Google slides ซึ่งเมื่อเราต้องการใช้งานอีเมลเราจำเป็นต้องมีการ ล็อกอินเข้าใช้งาน ซึ่งจุดเสี่ยงอยู่ที่ เมื่อเราเข้าใช้ระบบ เช่น Gmail หรือ Hotmal ระบบนั้นจะเชื่อมข้อมูลกับเว็บไซต์ แอปพลิเคชันหลายตัว ข้อมูลภาพ สื่อทั้งหมดจะยังคงบิดได้ทากเรายังล็อกอินเข้าใช้งานในเครื่องนั้นอยู่ ระบบจะยังคงใช้ชื่อของบัญชีของเราจนกว่าจะล็อกเอา หากนักเรียนลืมออกจาก การใช้บริการนั้น ๆ ผู้อื่นที่มาใช้เครื่องต่อจากเราจะสมารถห็นชัมูลเกือบทุกชนิด เช่น อีเมล เฟซบุ๊ก See you next time!หลังการใช้งานอีมลหรือทุกบริการทางเว็บไชต์ แฮปพลิเตชันจะต้องล็อกเอาต์ทุกครั้ง เมื่อเลิกใช้งาน
ในบางครั้งการเช็กอินก็มีประโยชน์เพื่อให้รู้ว่าเราอยู่ที่ใดหรืออยู่จุดใด หากมีอะไรเกิดขึ้น จะได้สืบค้นหาตำแหน่งได้สะดวกมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานที่และ เหตุการณ์ต่างๆที่สมเหตุสมผลด้วย 2.4 ห้ามเปีดเผยหรือบอกรหัสผ่านให้บุคคลอื่นทราบโดยเด็ดขาด โลกของโซเชียลมีเดียนั้นสามารถให้คุณและให้โทษได้ ดังนั้น นักเรียนควรใช้วิจารณญาณ ในการรับข้อมูลและพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบก่อนการแช ไม่ว่าจะเป็นความชอบ ความรู้สึก ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนแล้วแต่มีผลตามมาเสมอ เมื่อข้อมูลเหล่านั้นได้เคยเผยแพร่หรือวิจารณ์ ออกไปก็ถือว่าเป็นการจงใจกระทำหรือมีเจตนาที่ต้องการจะให้ความเห็นหรือแสดงความคิดเห็น จะเป็นทางบวกหรือทางลบ และผลที่ตามมาทั้งหมดนี้ขอให้ขึ้นอยู่ที่การไตร่ตรองที่ดีอย่าง รอบคอบ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล ดวามถูกต้อง ความไม่ลำเอียง ความมีใจเป็นกลาง นักเรียนก็จะสามารถดำรงชีวิตในโลกออนไลน์ได้อย่างเข้มแข็ง แยกแยะสิ่งต่าง ๆ ได้แบ่งปัน และแชร์ข้อมูลข่าวสารในเชิงสร้างสรรค์
ทรัพย์สินทางปัญญา ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้น หรือสร้างสรรค์ ของมนุษย์ ซึ่งเน้นที่ผลผลิตของสติปัญญาและความชำนาญ โดยไม่คำนึงถึงชนิดของการ สร้างสรรค์หรือวิธีในการแสดงออก 1.ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิทางกฎหมายที่มอบให้ผู้สร้างสรรค์งานแต่เพียงผู้เดียวใน การเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลงงานที่สร้างสรรค์ โดยแบ่งเป็น 9 ประเภท ดังนี้ - งานวรรณกรรม - งานนาฎกรรม - งานศิลปกรรม - งานดนตรี - งานสิ่งบันทึกเสียง - งานโสตทัศนวัสดุ - งานภาพยนตร์ - งานแพร่เสียงแพร่ภาพ - งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ และศิลปะ
2. สิทธิบัตร หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เจ้าของสิทธิบัตรนั้นมีสิทธิ แต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหาประโยชน์จากกรประดิษฐ์หรือการออกแบผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร เช่น การผลิตและการจำหน่าย โดยส่วนใหญ่แล้วสิทธิบัตร จะเกี่ยวข้องกับสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เหมือนกับใคร มีเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยส่วนมาก จะเป็นเครื่องจักร เครื่องกลไก หรือการออกแบบ รูปทรงที่แตกต่งที่ไม่เคยมีมา ก่อน และหากมีการดัดแปลงเพิ่มประสิทธิภาพจากงานสิทธิบัตรเดิม ก็สามารถจด เป็นอนุสิทธิบัตร ได้ด้วย 3.เครื่องหมายการค้า เป็นสิทธิในการใช้เครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับแสดงว่าสินค้าที่ ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้ เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น หากมีการนำเครื่องหมายการค้านั้นไปใช้ในเชิง แอบอ้างโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
การใช้เทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศกับการเผยแพร่ สิทธิของสื่อในการนำข้อมูลมาใช้เผยแพร่ต่อ หรือทำซ้ำ การนำผลงานหรือสื่อที่ดูเหมือนว่ามีลิขสิทธิ์หรือเป็นลักษณะงานที่เป็น ทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้นั้น กระบวนการที่ถูกต้องจะต้องดำเนินขั้นตอนตาม กฎหมาย โดยต้องทำเรื่องขออนุญาตไปยังเจ้าของผลงาน (ในบางกรณีอาจจะ ต้องเสียค่าใช้จ่าย)หรือให้ใช้สิทธิได้บางส่วน และเมื่อเป็นลักษณะออนไลน์ด้วยก็จะ มีประเด็นด้านความไม่สะดวกเกิดขึ้นอย่างมากในการนำไปใช้งาน จึงมีวิธีการ แก้ไขสำหรับเหตุการณ์เหล่านี้โดยเจ้าของผลงานนั้นสามารถประกาศเงื่อนไขการ ใช้งานเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษโดยถือว่าเป็น \"สัญญา\" ซึ่งในปัจจุบันมีโครงการ ที่ชื่อว่า ครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons) ขึ้นมาเพื่อแก้ไข สถานการณ์ดังกล่าว
โครงการ Creative Commons มีการแก้ปัญหา ดังนี้ 1. จัดชุดของเงื่อนไข เช่น ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า ห้ามดัดแปลงต่อ อื่น ๆ เข้าไว้ด้วย กัน 2. สร้างความคุ้มครองทางกฎหมาย โดยเขียนสัญญาที่มีผลบังคับใช้จริง ๆ ในทาง กฎหมาย 3. มีโลโก CC เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน โดยมีลักษณะ 4 แบบ ดังนี้ 1. Attribution (BY) สัญลักษณ์ที่แสดงว่า อนุญาตให้ผู้อื่นสามารถนำผลงานไปใช้ ทำซ้ำ แจก จ่าย หรือดัดแปลงงานนั้นได้ แต่ต้องให้เครดิตที่มาของเจ้าของผลงาน นั้น ซึ่งถ้าเขาอยากจะใช้ผลงานนั้นโดยไม่มีเครดิตชื่อเจ้าของผลงาน กำกับ จะต้องทำการขอนุญาตเจ้าของผลงานก่อน
2. NonCommercial (NC) สัญลักษณ์ที่แสดงว่า อนุญาตให้ผู้อื่นสามารถนำผลงานไปใช้ ทำซ้ำ แจกจ่าย หรือดัดแปลงงานนั้นได้ แต่ต้องไม่ใช่เพื่อการค้า เว้นแต่ว่าจะได้ รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานก่อน 3. NoDerivatives (ND) สัญลักษณ์ที่แสดงว่า อนุญาตให้ผู้อื่นสามารถนำผลงานไปใช้ ทำซ้ำ แจกจ่าย ผลงานชิ้นนั้นได้ แต่ห้ามดัดแปลงงาน เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุาต จากเจ้าของผลงานก่อน 4. ShareAlike (SA) สัญลักษณ์ที่แสดงว่า อนุญาตให้ผู้อื่นสามารถนำผลงานไปใช้ ทำซ้ำ แจก จ่าย หรือดัดแปลงงานนั้นได้ แต่ผลงานที่ดัดแปลงนั้นจะต้องกำกับด้วย สัญญาอนุญาตเงื่อนไขเดียวกันกับต้นฉบับ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจาก เจ้าของผลงานก่อน
สำหรับ Fair Use (แฟร์ยูส) นั้น คือ ความชอบธรรมทางกฎหมายใน การนำผลงานลิขสิทธิ์มาใช้ในระดับที่จำกัด โดยไม่ขัดกับผลประโยชน์ที่เจ้าของ ผลงานพึงได้รับจากงานของเขา การใช้ข้อมูลเพื่อการศึกษาถือว่าเป็น Fair Use ได้ทั้งสิ้น ปัจจัย 4 อย่างที่เป็นตัวกำหนด Fair Use 1. จุดมุ่งหมายและลักษณะของการใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ เช่น เพื่อการเรียน เพื่อวิจารณ์ เพื่อการ 2. ลักษณะของผลงานลิขสิทธิ์ เช่น หนังสือในห้องสมุดที่สมาชิกยืมไปอ่านได้ 3. ความยาวของงานที่นำไปใช้ อาจเป็นหนังสือทั้งเล่ม หรือ 2-3 ย่อหน้าที่คัด ลอกไปสอน See you next time!4. ผลกระทบที่อาจมีต่อตลาด รายได้ของผู้ผลิตผลงาน และมูลค่าของผลงาน
การทำธุรกิจออนไลน์ การทำธุรกรรมออนไลน์ และความปลอดภัยใน การใช้งานสำหรับผู้เรียกใช้บริการ ธุรกิจออนไลน์ หรือ e-commerce คือ การทำธุรกิจการค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใน รูปแบบอัตโนมัติโดยผู้ซื้อซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าดังกล่าวและสามารถชำระค่า สินค้าได้ทันทีผ่านระบบบัตรเครดิต บัตรเดบิตหรือระบบเงินเครดิตในลักษณะอื่น ๆ เช่น Rabbit LIVE Pay หรือสามารถดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีและแจ้งกับผู้ทำธุรกิจนั้นภาย หลัง เมื่อการดำเนินธุรกรรมทางการเงินได้ถูกตรวจสอบเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ เว็บไซต์หรือ แหล่งนำเสนอสินค้านั้นจะตัดสินค้าออกจากคลังและจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้า ปัจจุบันได้มี การนำเทคโนโลยีในลักษณะของระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มาใช้ในกระบวนการทาง ธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดขั้นตอน โดยสามารถให้บริการในการทำการค้าขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันมีอยู่ทั่วไป และมีช่องทางในการขายหลายเทคนิค โดย มีลักษณะโดยสังเขป ดังนี้
ผ่านเว็บไชต์ของตนเอง โดยมีชื่อบริษัทและวัตถุประสงค์ของการ ประกอบการชัดเจน และมีการแสดงรายละเอียด ของสินค้าต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา และมีช่องทาง ติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายเพื่อการจัดจำหน่าย หรือมีช่องทางจำหน่ายโดยตรง ส่วนใหญ่จะเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความรู้จักและมีความน่าเชื่อถือ ทั้งตัวบริษัทและตัวสินค้าเอง ผ่านเว็บไซต์ตัวกลางค้าขาย (Marketplace) หรือสื่อกลางในการซื้อขายสินค้า โดยมีลักษณะ ให้ผู้ขายสามารถเปิดหน้าร้านโดยมีเมนูต่างๆ ซึ่ง ผู้ขายสามารถกำหนดรูปแบบได้ เช่น เทพช็อป (Inwshop.com), talad.com, olx.com, kaidee.com และกลุ่มเว็บไซค์ที่ซื้อ-ขาย สินค้าเฉพาะ เช่น ตลาดรถ (taladrod.com)
ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยผู้ขายสามารถตั้งเป็นลักษณะห้องสนทนาแลกเปลี่ยน แสดงสินค้าและโฆษณาในรูปแบบ ของรายบุคคล หรือไอดี และมีการรับเป็นเพื่อนหรือสมาชิก เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ซึ่งจะเป็นแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับสังคมออนไลน์การพบปะหรือเป็นเพื่อนจะกระทำโดยตรง คือ ตัวต่อตัว ผู้ซื้อและผู้ขายจะติดต่อโดยตรงกันได้อย่างอิสระ ในปัจจุบันนิยมใช้วิธีนี้กันอย่าง แพร่หลาย ผ่านเว็บไซต์ร้านค้าช็อปปิ้ งออนไลน์ ซึ่งมีการจัดหมวดหมู่สินค้าที่มาจากผู้ขายหลายแหล่ง และหากผู้ขายหลายแหล่งอาจมีสินค้าที่ เหมือนกันก็เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันกันเองด้วยกลไกทางราคา โพรโมชัน บริการหลังการ ขาย การส่งที่รวดเร็ว คุณภาพของการบรรจุหีบห่อและจัดส่ง โดยเว็บไซต์ร้านค้าช็อปปิ้ ง ออนไลน์จะมีรูปลักษณ์ในการแสดงภาพสินค้าและข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นมาตรฐาน เช่น www.lazada.co.th, www.shopee.co.th
1.การทำธุรกรรมการเงินกับร้านค้าต่างๆที่ถูกต้องและปลอดภัย 1.1 ตรวจสอบว่าร้านค้านั้น ๆ ได้มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกระทรวง พาณิชย์หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการบ่งบอกตัวตนที่เชื่อถือได้ตามระเบียบทางกฎหมาย บุคคลที่ จะทำธุรกิจออนไลน์จะต้องมีการจดทะเบียนร้านค้ากับกระทรวงพาณิชย์ และมีตัวตนอยู่ จริง หากร้านใดมีการจดทะเบียนมีเลขทะเบียนเรียบร้อย ร้านค้านั้นก็จะเชื่อถือได้ 1.2 หากเป็นร้านที่ไม่ได้จดทะเบียน เป็นการค้าขายออนไลน์ทั่ว ๆ ไป ควรตรวจสอบ ประวัติการค้าขายที่ผ่านมา 1.3 ก่อนชำระเงินค่าสินค้าโดยวิธีการโอน หรือผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากแอปพลิเคชัน ของธนาคารต่าง ๆ ของเรา หรือผ่านระบบชำระเงินแบบอื่น ๆ ควรตรวจสอบเลขบัญชีที่ ได้มาว่ามีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ 1.4 ใช้ระบบการเรียกเก็บเงินปลายทางเมื่อซื้อสินค้า วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดี เพราะจะชำระ เงินเมื่อเห็นและตรวจสอบสินค้าแล้ว 1.5 ช็อปปิงออนไลน์ จะต้องใช้วิจารณญาณและความรอบคอบทุกครั้ง ตรวจสอบ สินค้าจากหลายแหล่งร้านค้า ประวัติของร้านค้า คำวิจารณ์ต่าง ๆจากหลายแหล่งข้อมูล และรีวิวสินค้านั้นๆ 1.6 ให้สังเกตลิงก์ URL จากเว็บไซต์ที่เราต้องดำเนินการด้านธุรกรรมว่ามีการเข้ารหัส เพื่อความปลอดภัยหรือไม่ กล่าวคือ มีตัวอักษร https:// (มีตัว s) อยู่ท้ายของ http ซึ่งหมายถึงความปลอดภัย (s-secure) หากไม่มี https:// เป็น htp:// อาจเป็น เว็บไซต์ปลอมที่ถูกแอบอ้างขึ้นมา
2.การป้องกันความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมข้อมูลเบื้องต้นสำหรับเครื่อง คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนของเรา 2.1 ตรวจสอบอีเมลต้องสงสัย อีเมลบางประเภทมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลอก และค่าดำเนินการอื่น ๆ อีเมลประ เภทนี้รวมถึงสลากรางวัลหลอก การจ้างงานหลอก และการโอนเงิน การเรียกเก็บค่า ธรรมเนียมหลอกเป็นวิธีการที่เหยื่อจะถูกเชิญชวนให้ชำระเงินจำนวนไม่มากเพื่อแลกกับผล ตอบแทนจำนวนมาก โดยทั่วไปแล้วการหลอกประเภทนี้จะเริ่มต้นจากการส่งอีเมลที่ดู เหมือนจดหมายจากทางการถูกส่งไปยังผู้รับ สลากรางวัลหลอก เป็นการหลอกว่าคุณได้รับรางวัล ผู้โชคดีจะได้รับการร้องขอให้ส่ง ข้อมูลส่วนตัวไปยังอีเมลฟรี หลังจากนั้นผู้ทำการหลอกจะแจ้งให้เหยื่อทราบว่าเพื่อที่จะ ทำการให้ได้มาซึ่งเงินรางวัล ค่าธรรมเนียมเล็กน้อยจะต้องถูกชำระ เมื่อค่าธรรมเนียมได้ ถูกชำระ ผู้ทำการหลอกจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่อไปอีก การจ้างงานหลอก ส่วนมากจะเป็นอีเมลเสนอโอกาสในการจ้างงานซึ่งมีเงื่อนไขการจ้าง งานที่น่าสนใจ เป็นปกติหลังจากผู้สมัครได้รับการตอบรับเข้าทำงาน จะได้รับกรร้องขอให้ จ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อการดำเนินการขอหนังสือเดินทาง หรือเพื่อทำการมัดจำที่พัก โปรด ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อคุณได้รับอีเมลร้องขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลรหัสผู้ใช้ หรือนำคุณไปยังเว็บเพจเพื่อให้กรอกข้อมูลเหล่านั้น
ฟิชชิง (Phishing)เป็นคำที่ใช้เรียกลักษณะการกระทำผิดกฎหมายโดยการส่งอืเมลไป เพื่อหลอกว่าส่งมาจากบริษัทที่มีตัวตนที่ท้จริง เช่น ธนาคาร หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์อีเมลพยายามจะหลอกให้ลูกค้าของบริษัทเหล่านั้นทำการเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ปลอม 2.2 ม้าโทรจัน โทรจันเป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งซึ่งได้รับชื่อ \"ม้าโทรจัน\" มาจากตำนานกรีกมัน สามารถถูกดาวน์โหลดและติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่เจ้าของเครื่องไม่ล่วงรู้ มี ดำเนินงานที่สลับชับซ้อน บางประเภทสามารถติดตั้งตัวบันทึกการกดคีย์บอร์ดซึ่งจะทำการ บันทึกการกดคีย์บอร์ดที่ถูกใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ บางประเภทอาจถูกออกแบบมา เพื่อบันทึกข้อมูลที่เจาะจงซึ่งถูกใช้งานในเว็บไซต์เจาะจงบางประเภท เช่น ธนาคารหรือร้าน ค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจใช้การบันทึกการกดคีย์บอร์ด หรือทำการบันทึกหน้าจอ เช่นเดียวกับ Phishing ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งกลับไปยังอาชญากรผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้ จากเครื่องคอมพิวเตอร์ขอ โดยทั่วไปอาชญากรจะทำการสุ่มส่งอีเมลซึ่งมีข้อความที่มีลับลมคมใน เพื่อหลอกให้เรา คลิกไปยังจุดเชื่อมโยงที่อยู่ในอีเมลในการเยี่ยมชมเว็บไชต์ที่ไม่ปลอดภัยเว็บไซต์เหล่านี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจดจำว่าควรระมัดระวังถ้าคุณได้รับอีเมลที่ไม่คุ้นเคยที่ไม่ทราบ แหล่งที่มา ห้ามทำการคลิกบนจุดเชื่อมโยงในอีเมลเพื่อไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก
ผู้จัดทำ 1. นางสาววนัชพร น้อยสกุล ม.3/1 เลขที่4 2. นางสาวศุภิสรา ชัยแสง ม.3/1 เลขที่17 3. นางสาวภัทรมน บุญประเสริฐ ม.3/1 เลขที่23 4. นางสาวพรปวีร์ พลับอิน ม.3/1 เลขที่29 5. นางสาวศศิกานต์ ธรรมะ ม.3/1 เลขที่32 6. นางสาวนัชชา ธรรมชาติ ม.3/1 เลขที่33 7. นางสาวณัฐกาญจน์ ปั้ นตระกูล ม.3/1 เลขที่36 8. นายพิสิษฐ์ ธารธนาวิวรรธน์ ม.3/1 เลขที่47
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: