46 ในการยืนชงิ ชา้ นีม้ ีเงนิ เบ้ยี เล้ียงของหลวงพระราชทานสิบตำ� ลงึ พระยาผู้ยืนชงิ ช้าเคยแจก คู่เคียงคนละต�ำลึงหน่ึง ตัวนายคนละกึ่งต�ำลึงบ้างบาทหน่ึงบ้าง นายรองคนละสองสลึง ไพร่แจกคนละสลึงเสมอหน้า ถ้ามีกระบวนมากก็ต้องลงทุนรอนกันมากๆ ท้ังเงินที่เข้า โรงครวั เลยี้ งและเงนิ แจก และผ้านุ่งห่มเคร่อื งแตง่ ตวั กระบวนเพิ่มเติมบ้าง ในการโลช้ งิ ชา้ น้ี เคยมเี จา้ นายเสดจ็ ไปทอดพระเนตรเนอื งๆ เมอ่ื แผน่ ดนิ พระบาท สมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจา้ อยู่หัว กรมหมน่ื อัปสรสุดาเทพเสด็จครงั้ หน่งึ เจ้านายฝา่ ยในก็ตาม ไปมากดว้ ยกนั ในแผน่ ดนิ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระเจา้ ลกู เธอเสดจ็ ดว้ ย ทกุ ปมี ไิ ดข้ าดเสดจ็ ไปเปน็ กระบวนชา้ ง บางคราวเวลาเยน็ ถงึ ทรงเกยี้ วทรงนวมกม็ ี แตท่ เี่ ปน็ ปรกตแิ ละเวลาเชา้ นน้ั ทรงยกคาดแพรสตี ดิ ขลบิ ทอง ทรงสรอ้ ยประแจขา้ พเจา้ เคยเปน็ ผไู้ ป อยู่เสมอไม่ขาด ความที่อยากไปดูน้ันก็ใจเต้นเกือบนอนไม่หลับ แต่ความเหม็นเบ่ือ เคร่ืองแต่งตัวนั้นก็เป็นที่สุดท่ีแล้วยังเวลาแต่งตัวเช่นนั้น แต่ก่อนไม่ใช้สวมเสื้อ เล่นผัดฝุ่น กะเนื้อนั่งไปบนหลังช้าง ถ้าถูกปีที่หนาวขนชันไปตลอดทาง ยังจ�ำกล่ินอายรสชาติได้อยู่ ถา้ เวลาเจา้ นายเสดจ็ เชน่ นนั้ ไปประทบั ทศ่ี าลาวดั สทุ ศั นห์ ลงั ตะวนั ออกแหง่ ประตพู ระวหิ าร ท่ีเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่อง ผู้ซ่ึงก�ำกับไปมักจะบังคับให้แหวกม่านหลังชมรมให้แลเห็น ตัวพระยา และไลค่ นท่ไี ปยืนมงุ เปน็ กลุ่มให้แหวกชอ่ ง เม่อื ถงึ เวลาร�ำเสนงมักจะให้เยื้องขนั มาอยู่ข้างๆ ชมรมด้วยศาลาท่ีดูน้ันอยู่หลังชมรม ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ก็มีลูกเธอไปดู อยเู่ นอื งๆ เป็นกระบวนชา้ งบา้ ง รถบ้าง วอบา้ ง เปน็ การปัจจบุ นั ไม่ต้องเลา่ สว่ นการพระราชพิธที ่พี ราหมณ์ทำ� น้นั ตัง้ แต่วนั ขนึ้ ๖ ค่�ำ บรรดาพราหมณ์ทั้งปวง กป็ ระชมุ กนั ชำ� ระกายผกู พรต คอื คาดเชอื กไวท้ ต่ี น้ แขนขา้ งหนง่ึ เปน็ วนั จะตงั้ พธิ ี ตงั้ แตน่ น้ั ไป ต้องกนิ ถ่ัวงา ไม่กนิ เน้อื สตั ว์และไมอ่ ยดู่ ว้ ยภรรยา พราหมณท์ ง้ั ปวงผกู พรตอยสู่ ามวนั คอื ตั้งแตว่ ันขึน้ ๗ ค่�ำ ๘ ค�่ำ ๙ ค�่ำ พ้นนั้นไปกอ็ อกพรต เวน้ ไวแ้ ต่พระมหาราชครูพิธที ่เี ปน็ ผูจ้ ะท�ำพิธีต้องผกู พรตไปตลอด ๑๕ วัน และนอนประจ�ำอย่ใู นเทวสถาน ไม่ไดก้ ลบั ไปบา้ น ครั้นวันขึ้น ๗ ค่�ำ เวลารงุ่ เช้า พระมหาราชครอู ่านเวทเปิดประตูเรอื นแก้วไกรลาสศวิ าลยั เชญิ พระเปน็ เจา้ เสดจ็ ลง แลว้ จงึ ไดไ้ ปรบั พระยาทโี่ รงมานพตามซง่ึ กลา่ วมาแลว้ นน้ั เวลาคำ�่ เป็นเวลาท�ำพระราชพิธีเร่ิมท�ำอวิสูทธช�ำระกายจุณเจิม และท�ำกระสูทธิ์อัตมสูทธิ์อ่าน ต�ำรับแกว่งธูป เป่าสังข์บูชาเสร็จแล้ว มีพราหมณ์คู่สวดยืนเรียงซ้อนต่อๆ กัน ๔ คน ยกพานข้าวตอกสวดคนละบท วรรคต้นชื่อมหาเวชตึก วรรคสองคนที่สองสวด เรียก โกรายะตกึ วรรคสามคนทส่ี ามสวด เรยี กสาระวะตกึ วรรคสค่ี นทสี่ ส่ี วด เรยี กเวชตกึ เมอื่ จบทง้ั ๔ คน แล้วจงึ ว่าพร้อมกนั ทงั้ ๔ คน เรียกลอรบิ าวาย ในเวลาว่าลอรบิ าวายน้ันเปา่ สงั ข์ ว่าสามจบหยุดแลว้ สวดซ้�ำอย่างเดมิ อกี ถงึ ลอรบิ าวายเป่าสังข์อกี เปา่ สังขค์ รบสบิ สามคร้ัง เรียกว่ากัณฑ์หน่ึงเป็นจบต่อน้ันไป พระมหาราชครูยืนแกว่งธูปเทียนกระดึงเป่าสังข์บูชา อีกคร้ังหน่ึง เมื่อจบแล้ว วางธูปเทียนถวายแล้วบูชาพานดอกไม้ อ่านเวทถวายดอกไม้ รายชื่อพระเป็นเจ้าทั้งปวงจบแล้ว คู่สวดท้ัง ๔ คนน้ัน ยกอุลุบอย่างเช่นเข้ามาถวาย ในทอ้ งพระโรงอกี คนละครง้ั เปน็ การถวายขา้ วตอก แลว้ จงึ เอาขา้ วตอกนน้ั แจกคนทไ่ี ปประชมุ ฟงั อยใู่ นทนี่ นั้ ใหก้ นิ เปน็ สวสั ดมิ งคลกนั เสนยี ดจญั ไร เปน็ เสรจ็ การในเทวสถานใหญ่ แลว้ เลกิ ไปทำ� ทส่ี ถานกลางตอ่ ไปอกี การพธิ ที สี่ ถานกลางคอื สถานพระมหาวฆิ เนศวรนนั้ กเ็ หมอื นกนั กับสถานใหญ่ คือสถานพระอิศวร แต่สวดต้องมากขึ้นไปเป็นสิบเจ็ดจบจึงจะลงกัณฑ์ แล้วก็มีแจกข้าวตอกเหมือนสถานใหญ่ การพิธีนี้ท�ำเหมือนๆ กันอย่างที่กล่าวมาแล้ว
47 ตลอดท้ังสิบคืน ที่หน้าเทวรูปท้ังสองเทวสถานน้ันต้ังโต๊ะกองข้าวตอกมันเผือก มะพร้าว อ่อน กล้วย ออ้ ย ส่ิงละมากๆ เป็นกองโตทุกคนื ...วนั ขึ้น ๘ คำ�่ เวลาจวนรงุ่ พระมหาราชครเู ชิญกระดานสามแผน่ แผ่นหนง่ึ ยาว สี่ศอก กว้างศอกหนึ่ง สลักเป็นรูปพระอาทิตย์พระจันทร์แผ่นหน่ึง เป็นรูปนางพระธรณี แผ่นหนึ่ง เป็นรูปพระคงคาแผ่นหน่ึง ทาสีขาว สมมติว่าเป็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระธรณี พระคงคา ลงมาประชมุ เฝา้ พระอศิ วร บชู าในเทวสถานแลว้ จงึ เชญิ ออกมาทห่ี ลมุ ขุดไว้ตรงหน้าชมรม หลุมนั้นกว้างศอกส่ีเหล่ียม ลึกสี่น้ิว ในน้ันปูอิฐ วางขลังคือหญ้าคา ซง่ึ พราหมณม์ กั จะใชร้ องอะไรๆ ในการพธิ ที งั้ ปวง แลว้ มรี าวสำ� หรบั พงิ กระดาน เอากระดานนน้ั วางลงในหลุมพิงอยู่กับราว มีชมรมส่ีเสาดาดเพดานกั้นม่านลายรอบ ข้างนอกมีราชวัติ ๔ มมุ ปกั ฉตั รกระดาษผกู ยอดกลว้ ยยอดออ้ ย พระอาทติ ย์ พระจนั ทรน์ นั้ ลงหลมุ ทหี่ นงึ่ ขา้ ง ตะวนั ออก นางพระธรณลี งหลมุ กลาง พระคงคาลงหลมุ สดุ ทา้ ยขา้ งตะวนั ตก หนา้ กระดานนน้ั หันมาข้างใต้ตรงชมรมที่พระยานั่ง การท่ีเชิญกระดานลงหลุมน้ี ท�ำแล้วเสร็จในเวลา จวนรงุ่ ขน้ึ วนั ๙ คำ่� ซง่ึ เปน็ วนั แหเ่ วลาเยน็ นน้ั แลว้ กระดานนอ้ี ยทู่ ห่ี ลมุ สามวนั วนั ขนึ้ ๑๒ คำ่� เวลายำ่� รงุ่ เชญิ กระดานข้นึ จากหลุมไปเก็บไว้ในเทวสถานตามเดมิ ในวันเดือนย่ีแรมค�่ำหนึ่ง เป็นวันพิธีตรียัมพวายและตรีปวายต่อกันเวลาเช้าตรู่ พราหมณ์ประชมุ กนั ที่สถานพระนารายณ์ พระมหาราชครูอ่านเวทเปิดทวารเหมือนอยา่ ง เช่นเปิดถวายพระอิศวร เวลาเย็นประชุมกันท่ีสถานพระนารายณ์อีกเวลาหนึ่ง สวดบูชา อยา่ งเชน่ ทท่ี ำ� ในสองสถานกอ่ นนน้ั เปน็ แตเ่ ปลยี่ นชอ่ื เปน็ พระนารายณ์ คงสวดมหาเวชตกึ แปลกกนั แตว่ า่ ขน้ึ ศวิ าสะเทวะ ตอ่ ไปกส็ วดโกรายะตกึ สาระวะตกึ เวชตกึ แลว้ สวดโลขดั ตโุ น พรอ้ มกัน ๔ คน เปา่ สังข์สวด ๙ จบ เปน็ กัณฑ์หน่ึงตามที่บังคบั ไว้ แตเ่ วลาสวด พราหมณ์ คสู่ วดยนื เรยี งเปน็ ตบั เสมอหนา้ กนั ทง้ั ๔ คน ตอ่ นน้ั ไปกท็ ำ� เหมอื นอยา่ งเชน่ ทกี่ ลา่ วมาแลว้ เสร็จการท่ีสถานพระนารายณ์แล้วมาท�ำท่ีสถานมหาวิฆเนศวร เหมือนอย่างเช่นท่ีเคยท�ำ อยู่นั้นอีก พิธีท้ังสองสถานนี้ต้องรีบให้แล้วเสียแต่เย็นเพราะจะต้องเตรียมการท่ีจะท�ำ ทสี่ ถานใหญต่ อ่ ไป เปน็ วนั เหนอ่ื ยมากของพราหมณ์ เพราะทง้ั รบั ทง้ั สง่ ครน้ั เวลาคำ่� พอเดอื นขน้ึ เดินกระบวนแห่ซ่ึงเรียกกันตามสามัญว่าแห่พระนเรศวร์ หรือที่ร้องกันว่าพระนเรศวร์ เดอื นหงายพระนารายณเ์ ดอื นมดื แหพ่ ระนเรศวรน์ นั้ คอื แหพ่ ระอศิ วรเวลาจะเสดจ็ กลบั จาก โลกนี้โปรดแสงสว่างจึงให้แห่ในเวลาเดือนข้ึน กระบวนน้ันเกณฑ์ขุนหม่ืนกรมม้าแซงนอก แซงในเกราะทอง และขอแรงเชลยศักดิ์ตามท่ีจะหาได้ข่ีม้าถือเทียนเป็นกระบวนหน้า แล้วถึงต�ำรวจน�ำร้ิวถือธงมังกรคู่ ๑ ต�ำรวจถือโคมบัว ๘๐ กลองแขกเดินหว่างกระบวน หาม ๔ ตี ๒ ปี่ ๑ ถดั มาพณิ พาทยห์ าม ๔ ตี ๓ ป่ี ๑ ต่อนั้นมากลองชนะ ๒๐ มีจา่ ปี่จ่ากลอง สังข์ ๒ แตรงอน ๖ แตรฝร่ัง ๔ เคร่ืองสูงท่ีแห่พระนั้นใช้พ้ืนขาว เครื่องหน้าห้าช้ัน ๖ เจ็ดชนั้ ๒ บงั แทรก ๔ พวกพราหมณ์ขุนหมน่ื ถือเทยี นเดินสองแถวต่อกลองชนะมาจนถึง หนา้ เสลยี่ งหงส์ฉตั รเทยี น๔คนั เปน็ ของพราหมณท์ ำ� ถวายเดนิ หนา้ เสลย่ี งหงส์ ๒คนั เดนิ หลงั เสล่ียงเทวรูป ๒ คัน เสลี่ยงท่ีตั้งหงส์และต้ังเทวรูปนั้นใช้เสลี่ยงโถง แต่เสลี่ยงหงส์ ใชเ้ พดานตรงๆ เสลย่ี งเทวรปู เปน็ ฉตั รซอ้ นๆ ขน้ึ ไปหา้ ชนั้ ระบายสขี าวทงั้ สนิ้ รอบเสลยี่ งมรี าว ตดิ เทยี น เทวรปู ซง่ึ ตงั้ มานนั้ มรี ปู พระอศิ วร พระอมุ า พระมหาวฆิ เนศวร มพี ราหมณถ์ อื สงั ข์ เดินหนา้ ๔ คน มพี ัดโบกบังสรู ย์ พระมหาราชครูและปลัดหลวงขนุ เดนิ เปน็ ค่เู คียง นงุ่ จบี
48 ชายหน่งึ โจงชายหนึง่ ถือเทยี นเล่มใหญๆ่ ไปข้างเสลีย่ งพระเครือ่ งหลังเจด็ ชนั้ ๒ หา้ ช้นั ๔ บังแทรก ๒ ต่อนน้ั ไปเกณฑ์ละครผู้หญิงสาวๆ แตง่ เป็นพราหมณถ์ ือเทยี นเดินแห่สองแถว อยใู่ นร้อยคน ต่อน้ันไปถึงโคมบวั ต�ำรวจอีก ๔๐ แล้วถึงมา้ กรมม้าและมา้ เชลยศักดิต์ ามแต่ จะหาได้ อยภู่ ายหลงั อกี เดนิ แหแ่ ตเ่ ทวสถานมาตามถนนบำ� รงุ เมอื ง เลย้ี วลงถนนสนามชยั ในเม่ือแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทุกปีมิได้ขาด โปรดให้ ปกั พมุ่ ดอกไม้เพลงิ บูชาพระเป็นเจา้ ๑๐ พ่มุ พอเสลยี่ งพระมาถึงหน้าพระที่นง่ั บ่ายเสลี่ยง หันหน้าเข้าตรงพระท่ีน่ัง พราหมณ์เป่าสังข์โองการถวายชัยทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้ว จัดเทวรูปในห้องภูษามาลา ซ่ึงเป็นเทวรูปส�ำหรับเข้าพิธี ในพระแท่นมณฑล องค์เล็กๆ สามองค์ คือ พระอิศวร พระอุมา มหาวิฆเนศวร ขึ้นบนพานทองสองช้ัน มีดอกไม้สด ประดบั ในพานนั้นเต็มทง้ั สองชน้ั กบั ธปู เทียนเครือ่ งนมสั การ ทรงเจิมและประสุหร่ายแล้ว จดุ เทยี นนมสั การ ๒ คู่ เหลือไปส�ำหรบั บชู าท่ีเทวสถาน ๒ คู่ แลว้ ภูษามาลาเชิญเทวรูป ไปข้ึนเสลี่ยง ก้ันกลดก�ำมะลอ ออกประตูเทวาพิทักษ์ไปส่งข้ึนเสล่ียงโถงท่ีต้ังพระเป็นเจ้า แหม่ านนั้ ไปข้ึนหงสด์ ้วย... ...ทห่ี น้าเทวสถานนั้นมหี นงั โรงหน่งึ ทัง้ วันแรมคำ�่ หนงึ่ และวนั แรมหา้ ค�่ำ หนังและ ดอกไม้เพลิงนี้เกิดข้ึนในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการอนุโลม ตามพระราชพธิ ลี ดชดุ ลอยโคมทมี่ มี าในกฎมนเทยี รบาล ในคำ� ซงึ่ วา่ ทหี่ นา้ พทุ ธาวาสตงั้ ระทา ๔ ระทา หนงั ๒ โรง เม่ือแหก่ ลบั ไปถึงเทวสถานแล้วท�ำพธิ ตี อ่ ไป คอื มเี ตียงตงั้ พระอศิ วร เตยี ง ๑ ชน้ั รองลงมาเรยี กวา่ ภทั รบฐิ ทอดขลงั โรยแปง้ อยา่ งเชน่ ทพี่ ระทนี่ ง่ั ภทั รบฐิ ซง่ึ สำ� หรบั บรมราชภิเษก เตยี งหน่งึ ตงั้ เบญจคัพย์แลว้ สังขต์ ้งั ข้างขวา กลดตัง้ ข้างซา้ ย กลางเทวสถาน ตรงทต่ี งั้ หงสต์ งั้ ศลิ าบดอนั หนงึ่ เรยี กวา่ บพั โต คอื ตา่ งวา่ ภเู ขา ทา่ นเกา่ ๆ ทา่ นกพ็ อใจบน่ กนั วา่ ท�ำไมจึงไม่ใช้ก้อนหิน มาใชศ้ ลิ าบด แตก่ ็ไมเ่ ห็นมใี ครอาจแก้ไข เพราะเคยใชม้ าแต่กอ่ น พระมหาราชราชครทู ำ� กระสทู ธอิ์ วสิ ทู ธเจมิ จนั ทน์ อา่ นเวทสอดสงั วาลพราหมณ์ ซงึ่ เรยี กวา่ ธุรำ� และแหวกเกาบิลแล้ว พราหมณ์คู่สวด ๔ คน สวดบุถุ ๑๓ จบ กณั ฑห์ นึ่ง เหมือนเชน่ อย่างสวดมาทุกคืน พระครูแกว่งธูปประน�้ำอบ บูชาข้าวตอกดอกไม้ แล้วคู่สวดยกอุลุบ เช่นทุกวัน แต่ในวันนี้ไม่แจกข้าวตอกแก่คนท้ังปวงที่ไป ยกไว้เป็นของส่วนถวายหลวง แล้วพระมหาราชครูอ่านเวทจบหนึ่งช่ือทรงสาร จบสองช่ือโตรพัดแล้วทักษิณบูชาศาสตร์ รนิ นำ้� เบญจคพั ยล์ งถว้ ย ถวายธปู เทยี นดอกไมบ้ ชู าสงั ขก์ ลด แลว้ อา่ นเวทสนานหงสอ์ กี จบหนงึ่ แลว้ จงึ เชญิ พระอศิ วร พระอมุ า พระมหาพฆิ เนศวร สรงนำ�้ ดว้ ยกลดแลว้ สงั ขแ์ ลว้ จงึ เชญิ ขนึ้ ภัทรบฐิ ทำ� ศาสตร์อยา่ งบชู าอ่านเวท ชื่อสารเหลืองจบแล้ว ที่สองชอ่ื มาลยั ท่ี ๓ ชอื่ สงั วาล แลว้ จงึ เชญิ เทวรปู ตง้ั บนพานทองขาวเดนิ ชปู ระทกั ษณิ ไปรอบทตี่ งั้ หงส์ เมอ่ื ถงึ ศลิ าบดเรยี ก บพั โตนั้น ยกเทา้ ขวาก้าวเหยยี บขึน้ บนศลิ าคร้ังหนึง่ แล้วกเ็ ดนิ เวยี นตอ่ ไป เม่ือมาถึงศิลา กเ็ หยยี บอกี จนครบสามครง้ั จงึ เชญิ เทวรปู ขนึ้ บนบษุ บกหงส์ ในระหวา่ งนนั้ เปา่ สงั ขต์ ลอดจน พระขนึ้ หงสแ์ ลว้ จงึ ไดห้ ยดุ แลว้ อา่ นเวทบชู าหงส์ บชู าพระสเุ มรุ แลว้ จงึ วา่ สรรเสรญิ ไกรลาส เหมอื นพระเจา้ แผน่ ดนิ ขนึ้ ภทั รบฐิ พราหมณก์ ว็ า่ สรรเสรญิ ไกรลาสอยา่ งเดยี วกนั แลว้ อา่ นเวท ส่งพระอุมาจบแล้ว อา่ นสดุดี แลว้ อ่านสรงน�้ำพิเนศ จดุ เทียน ๘ เล่ม มดี อกไม้ต้งั ไว้ ๘ ทศิ อ่านเวทเวียนไปตามทักษิณาวรรตทั้ง ๘ ทิศ เรียกว่าโตรทวาร ต่อไปพราหมณ์ ๒ คน จึงได้ว่าช้ากล่อมหงส์ อย่างเดียวกันกับกล่อมขึ้นพระอู่เจ้านาย ๓ บท เป่าสังข์ ๓ ลา
49 แลว้ อา่ นเวทสง่ สารสง่ พระเปน็ เจา้ บท ๑ แลว้ จงึ อา่ นเวทปดิ ทวารศวิ าลยั อกี จบ ๑ จงึ ไดเ้ ปน็ เสรจ็ การในเวลาคำ�่ นัน้ กวา่ จะแลว้ เสร็จคงอยู่ใน ๗ ทมุ่ หรือ ๘ ทมุ่ เศษ ทกุ ปีไมต่ ำ่� กว่านน้ั การช้าหงสน์ ี้ เปน็ ธรรมเนยี มโบราณ ทีพ่ ระเจา้ แผ่นดนิ เคยเสด็จไปสง่ พระเป็นเจา้ ถึงเทวสถาน ตามเช่นที่กล่าวมาแล้ว แต่พระเจ้าแผ่นดินในพระบรมราชวงศ์ปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีการเสด็จพระราชด�ำเนินส่งพระเป็นเจ้าเช่นแต่ก่อนเลย พึ่งมามีข้ึนในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว... ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ก็เคยเสด็จครั้งหนึ่งเป็น กระบวนรถ แต่ที่พระเจ้าลูกเธอไปทุกปีน้ันเลิกไป ด้วยเห็นว่าเป็นเวลาดึกมาก การซ่ึง เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ เกา่ ใหม่ และเจา้ นายเสด็จไปนี้ กม็ แี ต่เฉพาะวนั แรมคำ�่ หนึง่ วนั เดยี ว วัน ๕ คำ่� ไม่ม.ี .. ...รงุ่ ข้นึ วนั แรม ๒ ค�่ำ พระมหาราชครูและพราหมณ์ทัง้ ปวงจัดของถวายเข้ามาตง้ั ในทอ้ งพระโรง มพี าน ๒ ชั้น ข้าวตอก ๒ พาน นอกนัน้ มีข้าวเมา่ , กล้วย, มะพรา้ วออ่ น, อ้อย เลยไปจนกระท่ังถึงขนมหลายสิบโต๊ะ เวลาเสด็จออกพระมหาราชครูถวายน�้ำสังข์ พราหมณ์ ๒ คนเปา่ สงั ข์ แลว้ เจา้ กรมปลดั กรม ๓ คนยกพานขา้ วตอกว่าอลุ ุบคนละครั้ง ครบ ๓ คราวแลว้ เปน็ เสรจ็ การ... เมอื่ เวลายกอลุ บุ ถวายแลว้ แจกเงนิ พระราชทานพระมหา ราชครปู หี นง่ึ ๑๐ ตำ� ลงึ กม็ ี ๑๒ ตำ� ลงึ กม็ แี ตใ่ นเกณฑน์ นั้ ๕ ตำ� ลงึ นอกนน้ั เปน็ รางวลั ใชท้ นุ ที่ เหน็ ของถวายมาก เจา้ กรมอกี คนหนึ่ง ๓ ตำ� ลึง ปลัดกรม ๒ ตำ� ลงึ หลวงสุรยิ าเทเวศรต์ ำ� ลงึ กงึ่ พราหมณ์ นอกนน้ั ทที่ รงรจู้ กั คนุ้ เคย ๔ บาทบา้ ง กง่ึ ตำ� ลงึ บา้ ง บาทหนง่ึ บา้ ง จนถงึ สลงึ หนงึ่ แลว้ โปรดใหส้ มเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอทร่ี บั อลุ บุ นนั้ แจกดว้ ยคนละเลก็ ละนอ้ ยอกี สว่ นหนง่ึ ตอ่ นนั้ ไป พราหมณไ์ ปถวายวงั หนา้ และเจา้ นายและขนุ นางทงั้ ปวง เขาจะแจกบา่ ยกนั อยา่ งไรไมท่ ราบเลย แต่ปหี นงึ่ กจ็ ะไดม้ ากๆ อยู่ ตอ่ นนั้ ไปกท็ ำ� พธิ ตี รปี วายในสถานนารายณแ์ หง่ เดยี ว เชน่ ทำ� มาในวนั แรมคำ่� หนง่ึ นนั้ ทกุ วนั ตลอดจนถงึ วนั แรมหา้ คำ�่ แหพ่ ระนารายณอ์ กี ครงั้ หนง่ึ กระบวนแหท่ งั้ ปวงกเ็ หมอื นกนั กับแห่พระอิศวร ยกเสียแต่เสลี่ยงหงส์ ในเสล่ียงพระน้ันต้ังรูปพระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี แห่ก่อนเวลาเดือนข้ึน เดินมาตามถนนบ�ำรุงเมือง มาลงถนนสนามชัย เหมอื นวนั กอ่ น เมอื่ แผน่ ดนิ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กเ็ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ออกทรงจดุ ดอกไม้ และสง่ เทวรูปน้อยมีแตร่ ปู พระนารายณอ์ งค์เดยี ว ตง้ั บนพานทองสอง ชน้ั แตใ่ นแผน่ ดนิ ปจั จบุ นั นเี้ สดจ็ ออกบา้ ง ไมไ่ ดเ้ สดจ็ ออกบา้ ง ไมไ่ ดอ้ อกเปน็ พน้ื ภษู ามาลา ก็นำ� เทวรปู มาถวายทรงเจิม และพรมสุหร่ายที่พระทนี่ ัง่ จักรี แล้วเชญิ ขนึ้ เสลีย่ งก้นั กลดไป เหมือนอย่างแต่ก่อน การซ่ึงท�ำพิธีในเทวสถานน้ันก็เหมือนกันกับที่สถานพระอิศวร แปลกแตต่ วั เวทมถี อ้ ยคำ� ยกั เยอ้ื งกนั ไปบา้ งเลก็ นอ้ ย และมหี นงั ดว้ ยเหมอื นคราวสง่ พระอศิ วร การพระราชพิธตี รีปวายก็เปน็ อันเสรจ็ ลงในวันแรม ๕ คำ่� นั้น ของพระราชทานในพระราชพธิ ตี รยี มั พวายตรปี วายสองพธิ นี พ้ี ระมหาราชครไู ดเ้ งนิ ทกั ษณิ บชู าสถานละ ๖ บาท ทั้ง ๓ สถาน คา่ กมุ ภอ์ กี ๒ สถานๆ ละบาทเฟอ้ื ง คูส่ วด สถานละ ๔ คน ไดค้ นหนง่ึ วนั ละเฟอ้ื งสถานใหญ่ สถานกลาง มพี ธิ ี ๑๐ วนั เปน็ เงนิ สถานละ ๕ บาท สถานนารายณ์ มพี ธิ ี ๕ วนั เปน็ เงนิ ๑๐ สลงึ ของบชู าเทวรปู สถานใหญ่ สถานกลาง สถานละ ๑๐ ตำ� ลึง สถานนารายณ์ ๕ ต�ำลึง สผี งึ้ หนกั ๕๗ ช่งั ๑๐ ต�ำลงึ
50 อนึง่ ในการพธิ ีตรยี มั พวายตรปี วายน้ี พราหมณไ์ ดม้ กี ารสมโภชเทวรูปและทำ� บญุ ตามทางพทุ ธศาสนาดว้ ย คอื วนั แรม ๕ คำ�่ เดอื น ๒ เวลาบา่ ยมสี วดมนตท์ ใ่ี นเทวสถาน ๑๑ รปู รงุ่ ขนึ้ วนั แรม ๖ คำ่� เวลาเชา้ เลยี้ งพระทส่ี วดมนต์ สำ� รบั ทเ่ี ลยี้ งพระและไทยทานของพราหมณ์ เองในเวลาเช้าวันเลี้ยงพระมีราษฎรพาบุตรหลานมาโกนจุกท่ีเทวสถานมีจ�ำนวนคน ต้งั แต่ ๑๕๐ คนเศษข้ึนไปจน ๓๙๐ คน พระราชครพู ธิ ไี ดแ้ จกเงินคนละเฟอื้ งท่ัวกนั และ แจง้ ความวา่ มจี ำ� นวนมากขน้ึ ทกุ ปี ครน้ั เวลาบา่ ยมเี วยี นเทยี นเทวรปู ของหลวงมบี ายศรตี อง ซา้ ยขวา แตรสงั ขพ์ ณิ พาทย์กลองแขกไปประโคมในเวลาเวยี นเทยี นด้วย ๚”24 พระราชพธิ ตี รยี มั ปวาย - ตรปี วาย ซง่ึ จดั กนั อยา่ งยง่ิ ใหญแ่ บบนถี้ อื ปฏบิ ตั กิ นั ตอ่ มาจนถงึ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อย่หู ัว แตภ่ ายหลงั เหตกุ ารณ์ การเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ พระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวาย กถ็ ูกยกเลกิ ไป เนื่องจากเหตผุ ลทางเศรษฐกจิ ในช่วงเวลานน้ั เปน็ สำ� คัญ ตอ่ มาในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร แม้จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฟื้นฟูพระราชพิธี ตรยี มั ปวาย - ตรปี วาย ขนึ้ ใหม่ แตก่ ไ็ มม่ พี ธิ โี ลช้ งิ ชา้ เหมอื นทผี่ า่ นมา สว่ นขนั้ ตอน การประกอบพระราชพธิ ี มีดังน2ี้ 5 ในวนั ขนึ้ ๖ คำ่� เดอื นยี่ เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. คณะพราหมณม์ าประชมุ กนั ท่ีสถานพระอิศวร พราหมณ์ท่ีจะมาร่วมประกอบพิธีกรรมน้ีเรียกว่า พราหมณ์ โหรดาจารย์ ซง่ึ เปน็ พราหมณท์ ม่ี หี นา้ ทปี่ ระกอบพระราชพธิ ที วั่ ไปในสยาม ในชว่ ง เรมิ่ พธิ ี หากถา้ มพี ราหมณท์ จ่ี ะบวชใหมก่ จ็ ะทำ� การบวชในกาลนดี้ ว้ ย การบวชของ ฝ่ายพราหมณ์น้ีถอื วา่ เปน็ การเกิดคร้งั ทสี่ องหรอื ทวิชาติ 24 ดรู ายละเอยี ดการพระราชพธิ ีตรียัมปวาย - ตรีปวาย เพ่มิ เติม ในกรมศิลปากร, พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ (พระนคร2:5โ รพงรพะมิมพหพ์ ารระาชจนัคทรพู ร,์ธิ ๒ศี ร๔วี ๙สิ ๖ทุ )ธ,คิหณุ นา้ (ช๘ว๘นิ ร-งั ๑ส๐พิ ๘รา.หมณกลุ ) และคณะ, จดหมายเหตุ การบรู ณปฏสิ งั ขรณเ์ ทวสถาน สำ� หรบั พระนคร (กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ตงิ้ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ , ๒๕๕๗), หน้า ๑๗๔ - ๑๘๑ และ ๓๑๓ - ๓๑๘. และ พระราชพิธตี รียมั ปวาย, [ออนไลน์], สบื คน้ เมอื่ ๒๐ มนี าคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.devasthan.org/ceremony_main. html.
51 พระยายืนชงิ ช้าชงิ ช้านง่ั บนเสลีย่ ง ในกระบวนแห่ครง้ั พ.ศ. ๒๔๖๐ ที่มา : พระยายนื ชิงช้า พ.ศ. ๒๕๖๐, ไม่ระบุเลขหน้า ส่วนหนงึ่ ของกระบวนแห่พระยายนื ชิงช้า ในคราว พ.ศ. ๒๔๗๔ พระยายืนชิงช้า ซง่ึ สมมตเิ ปน็ พระอิศวร น่ังดกู ารโล้ชงิ ช้า และรำ� เสนง ในคราว พ.ศ. ๒๔๗๔
52 “นาลิวนั ” ซง่ึ สมมติเปน็ พญานาคตามตำ� นานกำ� ลงั โล้ชงิ ช้า ในพระราชพิธีตรยี มั ปวาย วันข้ึน ๗ ค่�ำ เดือนยี่ คณะพราหมณ์จะช�ำระกายผูกพรต รับประทาน อาหารแต่ถ่วั งา ไม่รับประทานเนอ้ื สัตว์ และประพฤตพิ รหมจรรย์ การผูกพรต จะท�ำกันจนถึงวันข้ึน ๙ ค่�ำ จึงอนุญาตให้ออกพรตได้ เว้นแต่พระมหาราชครู ทจ่ี ะตอ้ งทำ� การผูกพรตไปตลอดท้ัง ๑๕ วนั และตอ้ งนอนประจำ� อยูใ่ นเทวสถาน ตลอดช่วงพิธี ในวันขึ้น ๗ ค่�ำ เวลารุ่งเช้า ท่ีสถานพระอิศวร พระมหาราชครูจะอ่าน พระเวทเปิดประตูศิวาลัยเพื่อเชิญพระอิศวรเสด็จมายังโลกมนุษย์26 จากน้ัน 26 ในพระราชพธิ สี บิ สองเดอื นวา่ ในวนั ขน้ึ ๗ คำ่� ชว่ งเชา้ หลงั จากทพี่ ระมหาราชครู อา่ นพระเวท เพอ่ื เชญิ พระเปน็ เจา้ เสดจ็ ลงมายงั โลกมนษุ ยแ์ ลว้ พราหมณจ์ ะออกไปรบั พระยา ยืนชิงช้าที่โรงมานพหรือมาฬก (คือ พลับพลา, ปะร�ำ, โรงพิธี) เพ่ือท�ำพิธีโล้ชิงช้าต่อไป ดใู น กรมศลิ ปากร, พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธ์ (พระนคร : โรงพมิ พพ์ ระจนั ทร,์ ๒๔๙๖), หนา้ ๙๖ - ๙๗. แตใ่ นปจั จบุ นั ไม่มีการท�ำพิธีโล้ชิงช้าแล้ว จึงเลื่อนการถวายข้าวเวท หรือข้าวเปียก หรือข้าวทิพย์มาท�ำ ทกุ เชา้ แทน จนถึงวันแรม ๕ คำ่�
53 จะถวายขา้ วเวท (บางแห่งใช้ว่า ข้าวเวทย์) หรือข้าวเปียก (คอื ข้าวทก่ี วนกับกะทิ ใส่นม) ซึ่งเป็นข้าวทิพย์ตามคติความเชื่อแด่พระเป็นเจ้า ซ่ึงการถวายข้าวเวท ดังกลา่ วจะถวายทกุ เช้าจนถงึ วันแรม ๕ คำ่� ก่อนจะเริ่มพระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรปี วาย บชู าพระเป็นเจ้า พราหมณ์ผู้ประกอบพิธจี ะถือพรตโดยเคร่งครดั รักษากายใจให้บรสิ ทุ ธิ์ และในการน้ี พราหมณ์จะ “ผูกพรต” คือ ผกู สายสญิ จน์ที่ต้นแขนข้างขวา ตรงกลางสายสิญจน์จะผกู ดอกบานไม่รู้โรยสขี าว เพอ่ื เป็นสญั ลกั ษณ์ให้พงึ ระลกึ ว่า อยู่ระหว่างการถอื พรต ควรกระทำ� สงิ่ ต่าง ๆ ด้วยความส�ำรวม ทีม่ า : จดหมายเหตกุ ารบูรณปฏิสังขรณ์ เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หน้า ๓๑๖. ชว่ งคำ�่ พราหมณก์ ระทำ� พระราชพธิ ที เี่ ทวสถาน สำ� หรบั พระนคร เรม่ิ ทำ� ที่ สถานพระอิศวรและสถานพระพิฆเนศวรตามล�ำดับ โดยก่อนท�ำการบูชา พระมหาราชครทู ำ� พธิ อี าตมวสิ ุทธิ์ คือการชำ� ระร่างกายให้บริสทุ ธิ์ดว้ ยพระเวท การท�ำอาตมวิสุทธิ์ เร่ิมพิธีโดยพระมหาราชครูจุดธูปเทียนบูชาเทวรูป อ่านพระเวท แกว่งธูปเป่าสังข์บูชา จบแล้วกลับมานั่งที่อาสนะ เหล่าพราหมณ์ เข้ามากราบ และให้พระมหาราชครูประพรมน้�ำเทพมนตร์ตามล�ำดับพรต แลว้ ไปเขา้ แถวตอนเรยี งหนงึ่ ตอ่ กนั ๔ คน ยกอลุ บุ หรอื พานขา้ วตอก แลว้ สวดมไุ รย
54 สถานพระอศิ วร (สวดมไุ รย บางแหง่ ใชว้ า่ มไุ ร, มไู ร) ซงึ่ การสวดจะสวดกนั คนละวรรค วรรคต้น คนแรกสวดเรียกว่า มหาเวชตึก คนที่สองสวดวรรคท่ีสองเรียกว่า โกรายะตึก คนที่สามสวดวรรคท่ีสามเรียกว่า สาราวะตึก วรรคที่ส่ีคนสุดท้าย สวดเรยี กว่า เวชตึก เมอื่ ครบทง้ั ๔ คนแล้ว จงึ วา่ พรอ้ มกนั ทั้ง ๔ คน เรียกวา่ ลอริบาวาย ในขณะว่าลอริบาวายนั้นเป่าสังข์คลอไปด้วยว่าสามจบหยุดแล้ว สวดซ�้ำอย่างเดิม ถึงช่วงท่ีเป็นลอริบาวายเป่าสังข์ ท�ำอย่างน้ีจนครบ ๑๑ ครั้ง เรียกว่า หน่ึงกัณฑ์ จากน้ันพระมหาราชครูแกว่งธูปเทียนกระดึงเป่าสังข์บูชา อกี ครง้ั วางธปู เทยี นถวายแลว้ บชู าพานดอกไม้ จบแลว้ พราหมณค์ สู่ วด ทง้ั ๔ คน ยกอลุ บุ หรอื พานขา้ วตอกวา่ เวทถวายอกี คนละครงั้ แลว้ เอาขา้ วตอกนน้ั ไปแจกจา่ ย แก่ผู้ร่วมพิธีได้น�ำไปบริโภคเพ่ือความเป็นสวัสดิมงคล เป็นเสร็จพิธีในสถาน พระอิศวร ตอ่ จากนัน้ จงึ ท�ำพิธีท่สี ถานพระพฆิ เนศวรตอ่ ไป การท�ำพิธีท่ีสถานพระพิฆเนศวรเหมือนกับที่สถานพระอิศวร แต่ว่า สวดมไุ รย สถานพระพฆิ เนศวรน้นั จะสวด ๙ จบ นับเป็นหนง่ึ กัณฑ์ และมีการ แจกจา่ ยขา้ วตอกแกผ่ รู้ ว่ มพธิ เี หมอื นอยา่ งทสี่ ถานพระอศิ วร เปน็ อนั เสรจ็ พธิ ขี อง วันขึน้ ๗ คำ่� 27 วนั ขน้ึ ๘ ค�่ำ เดือนย่ี เวลาเชา้ มืด พระมหาราชครูเชิญกระดาน ๓ แผน่ ซึ่งสลักเป็นรูปพระอาทิตย์กับพระจันทร์แผ่นหนึ่ง เป็นรูปพระแม่ธรณีแผ่นหนึ่ง และเป็นรูปพระแม่คงคาแผ่นหนึ่ง ออกมาท่ีหลุมซึ่งขุดไว้ตรงพ้ืนที่ระหว่าง สถานพระอิศวรและสถานพระพฆิ เนศวร28 มี ๓ หลมุ รอบบรเิ วณหลมุ มีราชวตั ิ (คอื รวั้ แผงโปรง่ ทปี่ กั เพอื่ แสดงอาณาเขตของมณฑลพธิ )ี ปกั ฉตั รกระดาษหวั ทา้ ย แผงท้งั ๔ มมุ ทีป่ ากหลมุ ตง้ั เสา ๔ เสา มรี าวส�ำหรับพิงกระดาน ส่วนขนาด 27 ในพระราชพิธีสิบสองเดือนว่า การสวดสักการะที่สถานพระอิศวรต้องสวด จนครบ ๑๓ จบ จงึ นบั เปน็ หนง่ึ กณั ฑ์ สว่ นสถานพระพฆิ เนศวร ตอ้ งสวดครบ ๑๗ จบ นบั เปน็ หนงึ่ กณั 2ฑ8์ ด ใูในนพเรระ่อื รงาเชดพยี ธิวสี กบิ ันส,อหงนเดา้ อื ๙นว๗า่ . แตป่ ัจจุบนั คงเป็นการรวบรัดพิธใี ห้กระชับขนึ้ หลมุ สำ� หรบั วางกระดานซงึ่ สมมตเิ ปน็ พระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ พระแมธ่ รณี พระแมค่ งคา เสดจ็ ลงมาเขา้ เฝา้ พระอศิ วรนน้ั ขดุ ไวต้ รงบรเิ วณดา้ นหนา้ โรงพธิ หี รอื ชมรมสำ� หรบั พระยายนื ชงิ ชา้ นง่ั ชมการโลช้ งิ ชา้ ดใู น เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๙๘ - ๙๙. แตป่ จั จุบันเปลย่ี นมาขุดหลุมวางกระดานดงั กล่าวไวท้ ด่ี ้านขา้ งสถานพระอิศวรแทน
55 ของหลุม แต่ละหลุมมีขนาดกว้าง ๑ ศอก ลึก ๔ น้ิว ท่ีก้นหลุมปูอิฐวางขลัง (สิง่ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ)์ คอื หญ้าคา29 พธิ เี ชญิ กระดานลงหลมุ กอ่ นทจ่ี ะวางกระดานลงหลมุ ตอ้ งน�ำแผน่ กระดาน เวียนทักษิณาวรรต ๓ รอบ แล้วจึงวางลงที่ปากหลุมพิงไว้กับราวที่หน้าแผ่น กระดาน จัดวางเครอ่ื งสังเวยบูชาตา่ งๆ อาทิ ขา้ วตอก เผอื ก มันตม้ กลว้ ย ส้ม นำ้� ออ้ ยงบออ้ ยขา้ วตม้ นำ้� วนุ้ หมากพลูมะพรา้ วออ่ นมะพรา้ วแก่ครน้ั ไดเ้ วลาเรมิ่ พธิ ี พระมหาราชครรู ดนำ�้ กลศ สงั ข์ ถวายใบมะตมู แกวง่ คนั ประทปี สนั่ กระดงึ บชู าถวาย นำ้� กลศ สงั ข์ จณุ เจมิ วางขลงั แลว้ ยกกระดานลงหลมุ จากนน้ั ดาดเพดานกน้ั มา่ น รายรอบ ส�ำหรับกระดานรูปพระอาทิตย์กับพระจันทร์วางที่หลุมด้านตะวันออก แผ่นกระดานรูปพระแม่ธรณี วางทห่ี ลมุ ตรงกลาง และแผ่นกระดานพระแมค่ งคา วางทหี่ ลมุ ดา้ นตะวันตก30 กระดานท้ัง ๓ แผ่น จะวางหันหนา้ ทางทิศใต้ ช่วงเช้า ต่อจากพิธีเชิญกระดานลงหลุม เป็นพิธีถวายข้าวเวทเหมือนใน วันขึ้น ๗ คำ�่ แต่ไม่มีอา่ นพระเวทเปิดประตูศิวาลยั ชว่ งค่�ำ มีพธิ ีสวดสกั การะ ณ สถานพระอศิ วรและสถานพระพฆิ เนศวร ตั้งแต่วันข้ึน ๙ ค่�ำ จนถึงวันข้ึน ๑๑ ค�่ำ เดือนย่ี ช่วงเช้า มีพิธีถวาย ขา้ วเวท และชว่ งคำ�่ มพี ธิ สี วดสกั การะ ณ สถานพระอศิ วรและสถานพระพฆิ เนศวร เหมือนในวันขน้ึ ๘ คำ่� 29 ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เชือ่ ว่า หญ้าคา เปน็ หญา้ ศกั ด์ิสิทธิ์ เพราะในครั้งที่ น้�ำอมฤตหกลงมายังโลกมนุษย์นั้นได้ตกลงมาถูกกอหญ้าคา ท�ำให้หญ้าคากลายเป็น หญา้ อมตะ ทำ� ลายอยา่ งไรก็ไมส่ ูญสนิ้ ดงั นนั้ จงึ นิยมนำ� หญา้ คามาใชเ้ ปน็ เครื่องประกอบ พิธีกรรม3ม0า จเหนตปุทจั ่ีจมุบีกันารนเ้ีชิญกระดานลงหลุม สืบเนื่องมาแต่ความเช่ือว่าเทพเทวีท่ีเชิญมา รับเสดจ็ พระอิศวร อาทิ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เสดจ็ มาทาง ขอบน�้ำ ขอบฟ้า ขอบแผ่นดิน ซ่ึงเช่ือมโยงสอดรับกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ คือ พระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ ขน้ึ และตกทแ่ี นวขอบนำ�้ ขอบฟา้ หรอื ขอบแผน่ ดนิ สว่ นพระแมค่ งคา สื่อถึงผืนน�้ำ พระแม่ธรณีสื่อถึงแผ่นดิน ดังน้ัน ในพิธีกรรมนี้จึงสมมติให้ขอบหลุมที่ขุดไว้ สำ� หรบั วางกระดานเปน็ ขอบนำ�้ ขอบฟา้ ขอบแผน่ ดนิ คอื ทางทเี่ หลา่ เทพเทวเี สดจ็ ผา่ นขนึ้ มา เฝ้าพระอศิ วร
56 พระมหาราชครูขณะกำ� ลังถวายข้าวเวทแด่เทวรูปพระอศิ วร ณ สถานพระอิศวร ทม่ี า : จดหมายเหตกุ ารบรู ณปฏิสังขรณ์ เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หนา้ ๓๑๗. การสวดมไุ รยหรือมูไร ณ สถานพระอศิ วร ท่ีมา : https://www.facebook.com/devasthanbangkok/photos/2792670907458820. วนั ขึน้ ๑๒ คำ่� เดอื นย่ี เวลาเชา้ มดื มพี ิธเี ชญิ กระดานขนึ้ จากหลุมไปเกบ็ ในเทวสถาน สำ� หรบั พระนครตามเดมิ จากนนั้ เปน็ พธิ ถี วายขา้ วเวท สว่ นในชว่ งคำ�่ มพี ธิ ีสวดสกั การะ ณ สถานพระอิศวรและสถานพระพิฆเนศวร เหมอื นทกุ วนั
57 พระมหาราชครูทำ� พิธบี ูชากระดานครโู ล้ชงิ ช้า แผ่นกระดานสลกั เปน็ รปู พระแม่คงคา การทำ� พิธเี ชิญแผ่นกระดานลงหลมุ หลุมส�ำหรบั วางกระดาน มีราชวตั ิและ ฉตั รตกแต่ง แสดงถงึ อาณาเขตมณฑลพิธี ทีม่ า : จดหมายเหตกุ ารบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หน้า ๑๗๒ และ ๓๑๖. ต้ังแต่วันขึ้น ๑๓ ค่�ำ จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือนย่ี ช่วงเช้า มีพิธีถวาย ขา้ วเวท และชว่ งคำ�่ มพี ธิ สี วดสกั การะ ณ สถานพระอศิ วรและสถานพระพฆิ เนศวร เหมือนทกุ วนั วนั แรม ๑ ค�่ำ เดือนย่ี เปน็ พธิ ตี รยี มั ปวายและพธิ ตี รปี วายตอ่ กัน เวลาเช้า มีพิธถี วายขา้ วเวท เหมือนทุกวัน
58 เวลาบา่ ย ประกอบพธิ ตี รปี วาย ณ สถานพระนารายณ์ โดยพระมหาราชครู ท�ำพิธีอ่านพระเวทเปิดประตูศิวาลัยเชิญพระนารายณ์เสด็จมายังโลกมนุษย์ แล้วจึงสวดมุไรยสถานพระนารายณ์ ซึ่งมีพราหมณ์คู่สวด ๔ คน และมีวิธีการ สวดเหมอื นอยา่ งทท่ี ำ� ในสถานพระอศิ วรและสถานพระพฆิ เนศวรกอ่ นนน้ั หากแต่ พราหมณ์คู่สวดจะยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานเสมอกันท้ัง ๔ คน และสวด ครบ ๕ จบ นับเป็นกัณฑ์หนึ่ง31 เมื่อเสร็จพิธีบูชาที่สถานพระนารายณ์แล้ว จากนนั้ เปน็ พิธีรบั เทวรปู หลวงและพิธีช้าหงส์ ส่งพระอิศวร ซึ่งเปน็ พิธเี นื่องในพิธี ตรียัมปวายวันสดุ ทา้ ยตอ่ ไป เวลาค่�ำ ท่ีสถานพระอิศวร หลังจากรับเทวรูปหลวงท่ีทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ชญิ มาทำ� พธิ ี ไดแ้ ก่ เทวรปู พระอศิ วร พระอมุ า และพระพฆิ เนศวร ซง่ึ เปน็ เทวรปู ขนาดเลก็ พระมหาราชครู ทำ� อาตมวสิ ทุ ธ์ิ อา่ นเวทจบแลว้ พราหมณ์ คสู่ วด ๔ คน เขา้ มากราบ และใหพ้ ระมหาราชครปู ระพรมนำ้� เทพมนตรต์ ามลำ� ดบั พรต แล้วยืนเข้าแถวเรียงหนึ่งหน้าโต๊ะข้าวตอกสวดมุไรย จากนั้นพระมหาราชครู ประพรมนำ�้ เทพมนตรท์ โ่ี ตะ๊ ขา้ วตอกและทสี่ ง่ิ ของตา่ งๆ ทจ่ี ดั เตรยี มไวก้ อ่ นทจี่ ะนำ� ขนึ้ ทลู เกล้าฯ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั แลว้ แกว่งคนั ประทีป สัน่ กระดึง ถวายกระทงดอกไม้ แลว้ พราหมณค์ สู่ วด ยกอลุ บุ เชน่ ทกุ วนั แตว่ นั นไี้ มม่ กี ารแจกจา่ ย ข้าวตอกแก่ผู้ร่วมพิธี เพราะยกไว้เป็นของถวายหลวง จากน้ันไปท�ำพิธีต่อที่ สถานพระพฆิ เนศวรเช่นเดียวกันแลว้ กลับมายังสถานพระอศิ วร พระมหาราชครู อ่านเวทบูชาทิศท้งั ๘ บชู าขลงั บชู าเบญจคัพภ์ บูชาสงั ข์ บูชากลศ และบูชากุมภ์ ถวายขา้ วเวทแลว้ สรงนำ�้ เทวรปู พระอศิ วรพระอมุ าพระพฆิ เนศวรซง่ึ เปน็ เทวรปู หลวง ด้วยกลศ แล้วเชิญขึ้นภัทรบิฐ ถวายสังวาล (เป็นด้ายสีขาวท่ีผูกท�ำเหมือน สายสงั วาล) ระหวา่ งนนั้ พราหมณเ์ ปา่ สงั ข์ พระมหาราชครไู ปทหี่ นา้ หงสซ์ งึ่ แขวนไว้ กับเสาคู่ที่ตรงกลางสถานพระอิศวร รดน้�ำด้วยกลศ สังข์ จุณเจิม อ่านเวทบูชา แลว้ เชญิ เทวรปู ตงั้ บนพานทองขาว เดนิ ประทกั ษณิ ไปรอบทตี่ ง้ั หงส์ เมอ่ื ถงึ ศลิ าบด 31 ในพระราชพธิ สี บิ สองเดอื นวา่ การสวดมไุ รยสถานพระนารายณ์ เดมิ ตอ้ งสวดจน ครบ ๙ จบ จึงนบั เปน็ หนึง่ กณั ฑ์ ดูใน กรมศลิ ปากร, พระราชพิธีสิบสองเดือน พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ,์ หน้า ๙๙.
59 (สมมตวิ า่ แทนภเู ขา) ซง่ึ เรยี กวา่ บพั พโต ยกเทา้ ขวากา้ วเหยยี บขนึ้ บนศลิ าครง้ั หนง่ึ เดินเวียนจนครบสามครั้ง เชิญเทวรูปข้ึนบนบุษบกหงส์ ระหว่างนั้นพราหมณ์ เป่าสังข์จนเทวรูปขึ้นหงส์ พระมหาราชครูกลับมาอ่านเวทบูชาหงส์จนจบพิธี และในตอนนี้ยังมีพราหมณ์ ๒ คน อ่านพระเวทช้าหงส์ พราหมณ์อีกคนหนี่ง ไกวเปลหงส์ ซง่ึ การไกวเปลหงสเ์ ปน็ จงั หวะพรอ้ มการอา่ นพระเวทเปน็ ทำ� นองฉนั ทน์ ี้ ชาวบา้ นจงึ เรยี กวา่ กลอ่ มหงส์ เมอื่ พระมหาราชครอู า่ นเวทบชู าหงส์ บชู าพระสเุ มรุ และอ่านเวทส่งพระอุมาแล้ว จึงอ่านเวทปิดประตูศิวาลัยสถานพระอิศวร เป็นเสร็จการในค่�ำวันน้นั วันแรม ๒ ค�่ำ เดือนยี่ เวลาเช้า หลังจากถวายข้าวเวทเหมือนทุกวัน แล้วคณะพราหมณเ์ ขา้ เฝ้าฯ เพือ่ ถวายอลุ บุ และเครื่องพธิ ตี า่ งๆ เวลาคำ่� มีสวดสกั การะที่สถานพระนารายณ์ วนั แรม ๓ ค�่ำ เดือนย่ี เวลาเชา้ มีพิธถี วายขา้ วเวท เหมอื นทกุ วัน เวลาค่�ำ รับเทวรูปหลวง คือ เทวรูปพระพรหม แล้วท�ำพิธีสวดสักการะ ท่ีสถานพระนารายณ์ สถานพระอิศวร จากน้ันมีท�ำพิธีช้าหงส์ ส่งพระพรหม ทสี่ ถานพระอิศวร พธิ ีช้าหงส์ ส่งเสดจ็ พระเปน็ เจ้า ทมี่ า : จดหมายเหตุการบูรณปฏิสังขรณ์เทวสถาน ส�ำหรับพระนคร, หน้า ๓๑๗.
60 วนั แรม ๔ คำ�่ เดือนย่ี เวลาเชา้ ทำ� พิธีถวายขา้ วเวทแล้ว คณะพราหมณ์ เข้าเฝ้าฯ เพ่ือถวายอลุ ุบและเครอื่ งพิธีต่างๆ เวลาคำ่� มสี วดสกั การะท่ีสถานพระนารายณ์ วนั แรม ๕ คำ่� เดอื นย่ี เปน็ วนั ทา้ ยพธิ ตี รปี วายและเปน็ พธิ ตี ดั จกุ ในพระบรม ราชานเุ คราะหต์ อ่ เนอื่ งกัน เวลาเช้า มพี ิธถี วายขา้ วเวท เวลาเย็น ลงทะเบียนเดก็ ที่รว่ มพธิ ีตัดจกุ และมพี ิธีสงฆ์ทส่ี ถานพระอศิ วร เวลาคำ�่ รบั เทวรปู หลวง คอื พระนารายณ์ แลว้ ทำ� พธิ สี วดสกั การะทส่ี ถาน พระนารายณ์ ท�ำพธิ ชี า้ หงส์ สง่ พระนารายณ์ และอา่ นเวทปดิ ประตศู วิ าลยั สถาน พระนารายณ์ อนง่ึ เทวรปู หลวงซง่ึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานใหน้ ำ� มารว่ ม พธิ นี น้ั จะอัญเชญิ กลับไปประดษิ ฐานท่พี ระบรมมหาราชวัง ในวันรงุ่ ขน้ึ วนั แรม ๖ ค�่ำ เดือนย่ี เปน็ วนั ท�ำพธิ ตี ดั จุกในพระบรมราชานเุ คราะห์ เวลาเช้า หลังจากเด็กท่ีจะเข้ารับการตัดจุกมาพร้อมแล้ว มีพิธีสงฆ์ จากน้ันพราหมณ์ประกอบพิธีตัดจุก แล้วร่วมกันตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้า แด่พระสงฆ์ เสร็จแล้วประธานสงฆ์ให้โอวาทแก่เด็กที่เข้ารับการตัดจุก ถวาย จตุปัจจยั ไทยธรรมแดพ่ ระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา เสร็จพิธีสงฆแ์ ล้วเวียนเทียน สมโภชเทวรูปและเด็กท่ีมาตัดจุก เด็กท่ีมาตัดจุกรับแจกเหรียญพระราชทาน พราหมณล์ าพรต แลว้ รว่ มกนั รบั ประทานอาหาร จากนนั้ เชญิ เทวรปู หลวงกลบั ไป ประดิษฐานทีพ่ ระบรมมหาราชวงั เปน็ อันเสร็จพธิ ี โดยสรปุ จะเหน็ ได้วา่ พระราชพธิ ีตรียัมปวาย - ตรปี วาย เป็นพระราชพธิ ี ที่มีความเป็นมายาวนานต้ังแต่โบราณและยังคงปฏิบัติสืบต่อมาจนปัจจุบันน้ี แม้จะมีความเปล่ียนแปลงลดขั้นตอนไปบ้างตามสภาพเหตุการณ์บ้านเมือง ส่ิงน้ีจงึ เป็นเคร่อื งยืนยนั ถึงคณุ ค่าของพระราชพิธีดงั กลา่ ว
61 คณะพราหมณ์เข้าเฝ้าฯ นำ� อุลุบและเครื่องพธิ ตี ่าง ๆ ทลู เกล้าฯ ถวายแด่ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่มี า : จดหมายเหตุการบูรณปฏสิ งั ขรณ์เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หนา้ ๓๑๘. พิธีตัดจุก ณ เทวสถาน สำ� หรับพระนคร ท่ีมา : จดหมายเหตกุ ารบรู ณปฏสิ งั ขรณเ์ ทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หนา้ ๓๑๘.
62 กำ� หนดพระราชพธิ ตี รยี มั พวาย - ตรปี วาย วนั ที่ 21 ธนั วาคม 2563 - 4 มกราคม 2564
63 พธิ แี หน่ างจดังาหนว:ดั โนลคช้ รงิ ศชาร้ ีธใรนรปมรระาเพชณที อ้ งถน่ิ อาณาจักรนครศรีธรรมราชเป็นอาณาจักรท่ีเจริญรุ่งเรืองมาแต่ โบราณกาล เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู และ ศาสนาพุทธ สแู่ วน่ แควน้ ต่างๆ ในภมู ภิ าคนี้ ในส่วนของคติความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูน้ัน พราหมณ์ในเมืองนครศรีธรรมราชท่ีนับถือ พระอิศวรเป็นเจ้า เช่ือว่า พระอิศวรจะเสด็จลงมา เย่ียมโลกมนุษย์ในช่วงเดือนบุษยมาส (เดือนยี่ หรือ เดอื นมกราคม) ของทกุ ปี เมอ่ื พระอศิ วรผเู้ ปน็ เจา้ เสดจ็ มา ก็จะประทานพรให้โลกมนุษย์อยู่ด้วยความร่มเย็น เป็นสุข พระองค์จะบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ แก่พืชพันธุ์ธัญญาหาร ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล น้�ำท่าบริบูรณ์ ทั้งน้ี เชื่อกันว่าพระอิศวรจะเสด็จลงมา โลกมนษุ ยท์ างเสาชงิ ชา้ ดงั นนั้ จงึ ไดจ้ ดั ประเพณโี ลช้ งิ ชา้ หรือประเพณีตรียัมปวายข้ึนในเดือนยี่ของทุกปี และ ก่อนจะถึงเวลาท่พี ระอศิ วรจะเสด็จมาถงึ นั้น พราหมณ์ จะทำ� พธิ อี ญั เชญิ เทพบรวิ าร คอื พระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ พระธรณีและพระคงคา มาเตรียมการรอรับเสด็จ พระอศิ วรดว้ ย นางดานหรือนางกระดาน ขดุ พบทเ่ี ทวสถานโบสถ์พราหมณ์ อ�ำเภอเมอื งนครศรีธรรมราช จังหวดั นครศรีธรรมราช ปจั จบุ ันจัดแสดง ณ พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช
64 ในการอญั เชญิ เทพชนั้ บรวิ ารนนั้ มกี ารสมมตโิ ดยการแกะสลกั รปู ของเทพ ดังกล่าวลงบนแผน่ ไม้กระดาน ขนาดกว้าง ๑ ศอก สูง ๔ ศอก เปน็ สัญลกั ษณ์ จ�ำนวน ๓ แผ่น คือ พระอาทิตย์และพระจันทร์แผ่นหน่ึง พระธรณีแผ่นหน่ึง และพระคงคาอีกแผ่นหน่ึง เรียกไม้แกะสลักนี้ว่า นางดาน หรือ นางกระดาน แล้วผู้ร่วมพิธีจะร่วมกันท�ำพิธีแห่อัญเชิญไม้กระดานสัญลักษณ์เทพท้ังส่ีไปยัง เสาชิงช้า ซึ่งอยู่ในบริเวณหอพระอิศวร อัญเชิญประดิษฐานลงไว้ในหลุมหน้า เสาชิงช้าเพื่อรอรับเสด็จพระอิศวร และแผ่นไม้แกะสลักรูปเทพเหล่านั้นจึงเป็น ทม่ี าของชือ่ เรยี กประเพณีพธิ ีกรรมนใี้ นเวลาต่อมา หอพระอศิ วร และเสาชิงช้า เทวสถานในศาสนาพราหมณ์ ¯ ฮินดู จังหวดั นครศรีธรรมราช ใน พ.ศ. ๒๕๕๙ นางดาน หรือนางกระดาน ท่ีใช้ประกอบพธิ แี ห่นางดานของ จงั หวดั นครศรธี รรมราชในปจั จบุ ัน
65 พิธีแห่นางดาน จงั หวัดนครศรีธรรมราช ใน พ.ศ. ๒๕๔๔ ทม่ี า : พีรศษิ ฐ์ สมwแก้ว ประเพณีแห่นางดานของจังหวัดนครศรีธรรมราชในอดีตนั้น จะอัญเชิญ นางดานประดษิ ฐานบนเสลยี่ ง นางดานแผน่ ละเสลย่ี ง แลว้ จดั ขบวนหามแหก่ นั มา ในเวลาพลบคำ่� โดยจดั นำ� ขบวนดว้ ยเครอ่ื งดนตรปี ระโคม (ปน่ี อก กลองแขก และฆอ้ ง) มเี ครือ่ งสงู (ฉตั ร พดั โบก บังแทรก และบังสูรย์) โดยมพี ระราชครูและปลดั หลวง เดินน�ำหน้าเสล่ียงละคน มีพราหมณ์ถือสังข์เดินตาม และปิดท้ายขบวนด้วย นางละครหรือนางอัปสรและผู้ถือโคมบัว จนเมื่อแห่มาถึงหอพระอิศวรแล้ว หามเสลย่ี งนางดาน เวยี นรอบเสาชงิ ชา้ สามรอบ จากนน้ั จงึ ทำ� พธิ อี ญั เชญิ นางกระดาน ทง้ั สามลงหลมุ ในมณฑลพิธีราชวตั ฉิ ตั รธง เพอ่ื รอเวลาที่พระอศิ วรลงมาตอ่ ไป จากภมู หิ ลงั ของประเพณีแห่นางดาน จังหวัดนครศรธี รรมราช ท่กี ล่าวมา ขา้ งตน้ เปน็ หลกั ฐานชดั เจนวา่ เปน็ ประเพณนี แี้ ตด่ ง้ั เดมิ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของประเพณี ตรียัมปวายหรือประเพณีโล้ชิงช้าที่พราหมณ์เมืองนครในอดีตได้ปฏิบัติสืบทอด ตอ่ กนั มา รวมทงั้ ไดถ้ า่ ยทอดพธิ กี รรมดงั กลา่ วไปสภู่ มู ภิ าคอน่ื ทพ่ี ราหมณไ์ ดเ้ ขา้ ไปถงึ ความเป็นมาของพิธีแห่นางดาน จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการศกึ ษารอ่ งรอยเกยี่ วกบั ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะมี การประกอบพธิ ีตรยี ัมปวาย - ตรปี วาย มาตัง้ แตเ่ รมิ่ มีพราหมณ์เขา้ มาต้ังถนิ่ ฐาน ในเมืองนครศรีธรรมราช เพียงแต่ไม่พบรายละเอียดข้ันตอนการจัดพิธีท่ีชัดเจน
66 ลว่ งมาถงึ สมยั อยธุ ยา ขอ้ มลู จากตำ� นานพราหมณเ์ มอื งนครศรธี รรมราช ไดม้ กี าร กล่าวถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างพราหมณ์ในราชธานีกับพราหมณ์ จากอนิ เดยี และพราหมณใ์ นราชสำ� นกั เมอื งนครศรธี รรมราช ทำ� ใหเ้ ชอ่ื วา่ อยา่ งนอ้ ย ตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา เมืองนครศรีธรรมราชได้มีการประกอบ การพระราชพิธีน้ีรวมท้ังมีการโล้ชิงช้าด้วยเช่นเดียวกับในราชธานี แต่หลังจาก เสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ พราหมณ์จากเมืองนครศรีธรรมราชจึงเร่ิม มีบทบาทในการวางรากฐานขนบประเพณใี นราชสำ� นักสบื มาจนปัจจบุ ัน ส่วนการเรียกช่ือพิธีในท้องถิ่นเมืองนครศรีธรรมราชว่า พิธีแห่นางดาน ซ่ึงต่างจากในราชส�ำนัก ไม่พบหลักฐานว่าเร่ิมมามีแต่เมื่อใด แม้แต่ในช่วง ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ และหลังการยกเลกิ พิธีนที้ ัง้ ในสว่ น ของราชส�ำนักในกรุงเทพฯ และท้องถิ่น ก็ไม่ปรากฏว่ามีการเรียกพระราชพิธี ตรยี มั ปวาย - ตรีปวาย ท่จี ัดขน้ึ ทีเ่ มืองนครศรีธรรมราชเปน็ ชอื่ อย่างอ่นื จึงอาจ เปน็ ไปไดว้ ่าเปน็ การรับรู้เฉพาะกลุ่มภายในทอ้ งถ่ินเทา่ น้ัน ความคลี่คลายของพิธีแห่นางดาน จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวาย หรือโล้ชิงช้า เป็นพิธีท่ีเจ้าเมือง นครศรีธรรมราช และพราหมณ์ในเมืองนครศรีธรรมราช จัดกันเป็นประเพณี ส�ำคัญของบ้านเมือง เพ่ือขอพรจากพระเป็นเจ้าตามคติความเช่ือในศาสนา พราหมณ์ - ฮินดู ให้บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น รวมทั้งขอพรพระคงคา พระธรณี พระอาทิตย์ พระจันทร์ ซ่ึงเป็นเทพบริวาร และเป็นเทพท่ีสัมพันธ์กับธรรมชาติ และวิถีการด�ำรงชีวิตตามความเชื่อดั้งเดิม ให้ช่วยดลบันดาลให้พืชพรรณ ธญั ญาหารอดุ มสมบูรณ์ ประชาชนอยู่เย็นเปน็ สขุ ในอดีตประเพณีนี้ประกอบด้วยพิธีกรรมหลายขั้นตอน เร่ิมจากในวันข้ึน ๗ คำ่� เดอื นอา้ ย เปน็ พธิ ตี อ้ นรบั พระอศิ วร พธิ แี หน่ างดาน พธิ โี ลช้ งิ ชา้ พธิ อี า่ นเมา่ พิธีเปิดประตูสรรค์ พิธียกอุลุบ พิธีร่ายพระเวท พิธีธรณีลงดิน พิธีร�ำเสนง กวักน�้ำมนต์ พิธีช้าหงส์ ครั้นถึงวันแรม ๑ ค�่ำ เดือนอ้ายเป็นวันส่งพระอิศวร เสดจ็ กลบั และทำ� พธิ ตี อ้ นรบั พระนารายณจ์ นถงึ วนั แรม ๕ คำ่� สง่ พระนารายณก์ ลบั รวมเป็นเวลา ๑๕ วนั
67 ในส่วนของนางดานหรือนางกระดาน อันเป็นที่มาของชื่อพิธีนี้ คือ ไม้กระดาน ๓ แผ่น แกะสลักเป็นรูปพระคงคา พระธรณี พระอาทิตย์และ พระจันทรซ์ ง่ึ สมมติเป็นเทพและเทวบี รวิ ารที่เชิญเสด็จมารอตอ้ นรบั พระอศิ วร ท้งั นี้ ตามคตใิ นศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู เชอื่ วา่ พระคงคา : พระคงคาเป็นเทพผู้อ�ำนวยความชุ่มฉ่�ำและสมบูรณ์ ให้แกส่ รรพสง่ิ พระอาทติ ย์ พระจนั ทร์ : พระอาทติ ยเ์ ปน็ เทพผสู้ รา้ งกลางวนั ใหแ้ สงสวา่ ง และความร้อนแก่โลกมนุษย์และดาวเคราะห์อ่ืนๆ ในจักรวาลไม่มีวันหยุด ให้พลังงานแก่สรรพสิ่งที่มีชีวิตท้ังปวง ก่อให้เกิดวัฏจักรแห่งดินฟ้าอากาศ คือ ฤดูกาล เป็นเทพท่ีมีคุณูปการต่อการอยู่รอดของสรรพสัตว์ ส่วนพระจันทร์เป็น เทพผสู้ รา้ งกลางคนื เปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ ความอดุ มสมบรู ณแ์ ละงดงามออ่ นละมนุ ถอื เปน็ เทพผอู้ ำ� นวยใหส้ ง่ิ มชี วี ติ ทงั้ หลายไดพ้ กั ผอ่ นและผสมพนั ธส์ุ บื มาถงึ ปจั จบุ นั พระธรณี : เป็นเทพมีหน้าท่ีรองรับน�้ำหนักของสรรพส่ิงและพยุง สงิ่ ทง้ั หลายที่พระอิศวรสร้างไวใ้ นจักรวาลให้ดำ� รงอยู่ เปน็ เสมือนพอ่ แมข่ องเทพ ทง้ั หลาย รองรบั ทกุ อยา่ งโดยไม่รงั เกียจ เป็นเทพแห่งคุณงามความดที ั้งปวง พิธีตรียัมปวาย - ตรีปวาย หรือโล้ชิงช้า หรือแห่นางดาน ถูกยกเลิกไป เหตกุ ารณเ์ ปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ คงเหลอื แตเ่ พยี งโบราณสถาน ทเี่ กย่ี วขอ้ งในพธิ คี อื เสาชงิ ชา้ หอพระอศิ วร หอพระนารายณ์ และ ฐานพระสยม เปน็ อนสุ รณอ์ ยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชมาทกุ วันนี้ แมว้ า่ ในอดตี เคยมคี วามพยายามรอ้ื ฟน้ื ประเพณแี หน่ างดานขน้ึ ใหมห่ ลายครง้ั แตไ่ มส่ ำ� เรจ็ จนกระทง่ั ใน พ.ศ. ๒๕๔๔ มกี ลมุ่ นกั วชิ าการ หนว่ ยงาน และบคุ ลากร สำ� คญั ของทอ้ งถน่ิ รว่ มกนั ฟน้ื ฟปู ระเพณแี หน่ างดานเมอื งนครศรธี รรมราชอกี ครงั้ โดยผนวกเขา้ กบั เทศกาลมหาสงกรานตข์ องเมอื งนครศรธี รรมราช เนอื่ งจากเหน็ วา่ เป็นช่วงเวลาปีใหม่ของไทยแต่โบราณจึงได้น�ำคติความเชื่อประเพณีปีใหม่ของ ฝ่ายพราหมณ์มารวมกัน มีก�ำหนดจัดงานพิธีดังกล่าวในวันที่ ๑๔ เมษายน ของทุกปี ในวันงานจะมีการจ�ำลองพิธีแห่นางดาน โดยอัญเชิญนางดานจาก สนามหนา้ เมอื งมายงั หอพระอศิ วรและประดษิ ฐานในหลมุ หนา้ เสาชงิ ชา้ การจำ� ลอง พธิ ีโล้ชิงชา้ การร�ำเสนง การแสดง แสง สี เสียง เรื่องราวต�ำนานนางดานและ เทพเจ้าที่เกี่ยวข้องอยา่ งอลังการ
68 ปัจจุบัน พิธีแห่นางดานและโล้ชิงช้าจึงมีท่ีจังหวัดเมืองนครศรีธรรมราช แห่งเดียวในภาคใต้และในประเทศไทย รวมท้ังได้รับการสนับสนุนให้เป็น กิจกรรมส�ำคัญในปฏิทินการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ของการท่องเท่ียว แหง่ ประเทศไทยอกี กิจกรรมหนง่ึ ด้วย ถึงกระนั้น เป็นน่าสังเกตว่าการร้ือฟื้นประเพณีพิธีกรรมเก่าแก่น้ี ยังไม่ ครอบคลุมไปถึงส่วนของพิธีตรีปวายหรือพิธีแห่พระนารายณ์ และพิธีช้าหงส์ หรือกล่อมหงส์ส่งเสด็จพระเป็นเจ้ากลับสู่สวรรค์ดังเช่นที่เคยถือปฏิบัติกันมาแต่ ครั้งบรรพชนอีกทั้งการจัดงานก็มีขั้นตอนพิธีกรรมท่ีค่อนข้างรวบรัด คงไว้เพียง ข้ันตอนที่ส�ำคัญๆ เท่านั้น ซ่ึงคงเป็นเพราะบริบททางสังคมและเศรษฐกิจ ท่เี ปลี่ยนแปลงไป อยา่ งไรกต็ าม ความพยายามรอื้ ฟน้ื ประเพณพี ธิ กี รรมเกา่ แกแ่ ละทรงคณุ คา่ ที่เคยสูญหายไปเกือบร้อยปี สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจและความส�ำนึก ในคุณค่าของประเพณีพิธีกรรมท้องถิ่นของชาวนครศรีธรรมราชได้เป็นอย่างดี สมควรที่จะร่วมกันเผยแพร่ประเพณีพิธีกรรมอันทรงคุณค่าน้ีให้เป็นท่ีรู้จัก ในวงกว้างตอ่ ไป ฐานพระสยม ทจ่ี งั หวัดนครศรธี รรมราช
69
70 พิธีบวงสรวงนางดาน ก่อนอัญเชิญไปร่วมขบวนแห่นางดาน ขบวนแห่อญั เชญิ นางดานไปยังสถานท่ีจัดงานโล้ชิงช้า การอญั เชญิ นางกระดานลงหลมุ การจ�ำลองเหตุการณ์พิธโี ล้ชงิ ช้า ก่อนเร่ิมงานโล้ชงิ ช้า
71 พิธีโล้ชิงช้า ภาพสะท้อนสังคม และวัฒนธรรมไทย ความส�ำคัญของพิธีโล้ชิงช้าในบริบททาง ประวัติศาสตร์ พิธีโล้ชิงช้ากับอ�ำนาจทางการเมืองการปกครองไทย จากการ ศึกษาคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ข้างต้น ท�ำใหท้ ราบวา่ การประกอบพธิ กี รรมตา่ งๆ รวมถงึ พธิ โี ลช้ งิ ชา้ หรอื พระราชพธิ ตี รยี มั ปวาย - ตรีปวาย มีส่วนส�ำคัญอย่างย่ิงในการช่วยท�ำให้ผู้ปกครองหรือกษัตริย์ ไดร้ บั การยอมรบั จากผใู้ ตป้ กครอง ชว่ ยเสรมิ อำ� นาจเสรมิ บารมขี องผปู้ กครอง การมผี เู้ ขา้ รว่ มพธิ จี ำ� นวนมากโดยเฉพาะขบวนแหพ่ ระยายนื ชงิ ชา้ ไมเ่ พยี ง แต่ท�ำให้เห็นความยิ่งใหญ่ของผู้ปกครอง ยังท�ำให้ทราบขนาดก�ำลังพล ทส่ี งั กดั ในกรมกองตา่ งๆ หรอื อกี นยั หนงึ่ เปน็ การตรวจสอบดว้ ยวา่ ขนุ นาง ผู้ใดมีอ�ำนาจมากน้อยเพียงใด ทั้งยังท�ำให้แว่นแคว้นข้างเคียงมีความ เกรงขาม มิกล้าเข้ามารุกราน นอกจากน้ี การประกอบพระราชพิธีนี้ ในช่วงเวลาแรกสถาปนาราชวงศ์หรืออาณาจักรแว่นแคว้น ยังเป็นการ ช่วยเพ่ิมขวัญก�ำลังใจแก่พลเมืองให้มีความเชื่อม่ันในราชวงศ์และ ตัวผู้ปกครองด้วยและยังสะท้อนสภาพเศรษฐกิจของบ้านเมือง ในขณะน้ันด้วย ซึ่งเห็นได้จากเหตุผลประการหน่ึงท่ีน�ำไปสู่การยกเลิก พระราชพธิ นี ภี้ ายหลงั เปลย่ี นแปลงการปกครองในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงสรุปได้ว่าการประกอบพระราชพิธีดังกล่าว แสดงถงึ เสถยี รภาพความม่ันคงของราชอาณาจกั รได้เป็นอย่างดี
72 พราหมณ์ เปน็ ผู้มบี ทบาทสำ� คัญในการประกอบพธิ ีกรรมส่วนของราชสำ� นกั ซึ่งมีผลต่อการเพ่ิมพูนอำ� นาจบารมขี องชนช้ันปกครองในสงั คมอย่างย่ิง ทีม่ า : จดหมายเหตกุ ารบูรณปฏิสงั ขรณ์เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หน้า ๑๘๗. คไตวคิ้กวลาามงเพชร่ือะในนคศราสเมน่อืาพแรรกาหสมร้าณงต์ ¯้งั ฮบนิ ้าดนูเใมนอื บงรจิบะทยสงั ผงั ลคใมหไ้ทเกยิดคเชว่อื าวม่าเกปา็นรปสึกรแ้าผงเ่นสมานั่ชคิงชง้า ของแผ่นดิน และสร้างขวญั กำ� ลงั ใจแก่พสกนกิ ร นอกจากน้ี พธิ โี ล้ชงิ ช้า หรอื พอร�ำะนราาชจพเสธิ รีตมิ รบยี าัมรปมวีขาอยงผ¯ ู้ปตกรีปควรอายงแทล่ีจะดัเศใหรษ้มฐขี กน้ึ จิอคยว่าางยมิง่มใั่นหคญง่ขยอังงเบป้าน็ นภเามพอื สงะท้อน ท่ีมา : จดหมายเหตุการบูรณปฏิสังขรณ์เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หน้า ๑๘.
73 พิธีโล้ชิงช้ากับสังคมและวัฒนธรรมไทย พธิ ีโลช้ งิ ชา้ หรือพระราชพิธี ตรียัมปวาย - ตรีปวาย เป็นประเพณีพิธีกรรมหน่ึงท่ีสะท้อนให้เห็นถึงการคงอยู่ ของคติความเชื่อเนื่องในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ในสังคมไทยมาตั้งแต่อดีต และยังสะท้อนถึงพัฒนาการของคติความเชื่อด้ังเดิมที่ผ่านการปรับตัวเข้ากับ ความเชอ่ื ตา่ งๆ ในทอ้ งถนิ่ ดงั จะเหน็ วา่ ในส่วนของพราหมณ์ผปู้ ระกอบพธิ ีกรรม เมอ่ื เขา้ มาตงั้ ถนิ่ ฐานในดนิ แดนแถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตแ้ ลว้ กใ็ หค้ วามสำ� คญั กับพุทธศาสนาที่คนส่วนใหญ่นับถือกัน นอกจากพราหมณ์จะศึกษาตามลัทธิ ของตนแล้ว ยังต้องถือปฏิบัติศีลห้าตามหลักพุทธศาสนาด้วย จึงจะท�ำให้เป็นที่ เคารพนบั ถอื ในสงั คมไทย สว่ นเรอื่ งการสบื เชอื้ สายตระกลู กต็ า่ งไปจากคตดิ งั้ เดมิ ของอินเดียคือพราหมณ์สามารถสืบเชื้อสายเป็นคนในวรรณะพราหมณ์จาก ฝา่ ยบดิ ามารดาหรอื ฝา่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ไดต้ ามเหมาะสม ในขณะทสี่ งั คมอนิ เดยี มกี าร แบง่ แยกเรอ่ื งวรรณะอยา่ งเขม้ ขน้ หรอื สว่ นของการประกอบพธิ กี รรม โดยเฉพาะ กระบวนแหพ่ ระยายนื ชงิ ชา้ ยงั ทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ ความเปลย่ี นแปลงตามอยา่ งตะวนั ตก เชน่ เครอื่ งแตง่ กายของผเู้ ขา้ รว่ มในกระบวนแห่ อาวธุ ยทุ โธปกรณท์ ท่ี นั สมยั ความมี ระเบียบวินัยของผู้เข้าร่วมในขบวน ซึ่งมีส่วนในการจูงใจให้คนอยากเข้ารับ ราชการทหารเป็นก�ำลังพลตามพระราชประสงค์ในการฝึกทหารแบบสมัยใหม่ ในส่วนท้ายของพิธีซ่ึงมีการตัดจุกโกนจุกสะท้อนให้เห็นถึงความเช่ือเรื่องขวัญ ซง่ึ เปน็ การผสมผสานความเชอ่ื ดงั้ เดมิ กบั ความเชอ่ื ตามคตขิ องศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู เขา้ ดว้ ยกนั ซงึ่ ในสภาพสงั คมปจั จบุ นั ไมน่ ยิ มใหบ้ ตุ รหลานไวผ้ มจกุ ผมแกละ ผมเปีย และผมโก๊ะอีกต่อไป อีกทั้งพิธีโล้ชิงช้ายังเป็นท่ีมาของแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมหลายเร่ือง เช่น โคลงทวาทศมาส เป็นต้น และเป็นทีม่ าของการประดิษฐท์ ่าระบำ� รำ� เสนงเพื่อบูชาพระเป็นเจ้า การตัดหรือโกนผมจกุ ผมเปีย ผมโก๊ะ ทณ้ายเทพวธิ สตี ถราียนัมปสวำ� หายร บั¯ พตรระปี นวคายร ทม่ี า : จดหมายเหตุการบูรณปฏิสังขรณ์ เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร, หนา้ ๓๑๗.
74 พิธีโล้ชิงช้า ความสืบเนื่องเชื่อมโยงระหว่างประเพณี ราชส�ำนักกับประเพณีท้องถ่ิน โดยความเป็นจริงในด้านวัฒนธรรม ประเพณีหลวงกับประเพณีราษฎร์ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงใกลช้ ดิ กนั กลา่ วคอื ประเพณหี ลวงบางประเพณกี เ็ กดิ ขน้ึ กอ่ นและมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ประเพณรี าษฎร์ ในขณะทปี่ ระเพณหี ลวงบางประเพณกี ร็ บั แบบอย่างจากประเพณีราษฎร์มาปรับให้เหมาะสมกับบริบทก่อนน�ำไป ถือปฏิบัติก็มี นอกจากนี้ ยังมีบางประเพณีที่น่าจะเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน ทง้ั ของหลวงและของราษฎร์เชน่ ตรยี มั ปวาย-ตรปี วายหรอื โลช้ งิ ชา้ ซง่ึ สนั นษิ ฐานวา่ เกิดข้ึนเม่ือมีพราหมณ์เดินทางเข้ามาเผยแผ่ศาสนา ตามหลักฐานที่พบแต่ครั้ง สมัยอยุธยา ได้มีการเดินทางเข้ามาของคณะพราหมณ์จากเมืองรามรัฐหรือ พาราณสี และมีการนำ� เอาเทวรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู รวมท้งั ชิงช้า เข้ามาถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการ ดังน้ัน จึงเช่ือกันว่าพิธีพราหมณ์ ฝ่ายราชส�ำนักมีอิทธิพลต่อพิธีพราหมณ์ในราชส�ำนักนครศรีธรรมราช เพราะ พราหมณ์จากราชส�ำนักมีบทบาทอย่างยิ่งในการก�ำหนดแบบแผนท�ำเนียบ ข้าราชการเมืองนครศรีธรรมราช อีกทั้งต�ำแหน่งหัวหน้าคณะพราหมณ์ เมืองนครศรีธรรมราชนัน้ ต้องไดร้ ับการแต่งตัง้ จากราชสำ� นกั อยธุ ยา ต่อมาเม่ือกรุงศรีอยุธยาล่มสลายใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้มีการสถาปนา กรงุ ธนบรุ เี ป็นราชธานใี นระยะเวลาส้นั ๆ ตอ่ มาไดม้ กี ารสถาปนากรุงเทพฯ เปน็ ราชธานีแห่งใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช องค์ปฐม กษัตริย์แหง่ ราชวงศจ์ ักรี โปรดใหน้ �ำพราหมณจ์ ากหัวเมือง โดยเฉพาะพราหมณ์ จากเมืองนครศรีธรรมราช เข้ามาร่วมด�ำเนินการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี ทม่ี มี าแตค่ รง้ั อยธุ ยาจนมแี บบแผนปฏบิ ตั ทิ ชี่ ดั เจนสมบรู ณส์ บื ตอ่ มาจนถงึ ปจั จบุ นั อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อเม่ือชาวนครศรีธรรมราชต้องการร้ือฟื้นประเพณี โลช้ งิ ชา้ จงึ ไดเ้ ชญิ พราหมณจ์ ากราชสำ� นกั มายงั จงั หวดั นครศรธี รรมราช เพอื่ ชว่ ยฟน้ื ฟู และปรับปรงุ ประเพณใี หม้ ีความสมบรู ณใ์ กลเ้ คยี งกบั ท่ีเคยปฏบิ ัติมาแตก่ าลกอ่ น ในสว่ นของการฟน้ื ฟปู ระเพณแี หน่ างดาน จงั หวดั นครศรธี รรมราช ระยะแรก เกิดจากความต้องการของคนในท้องถ่ินเพื่อร่วมกันอนุรักษ์สืบสานประเพณี
75 ของทอ้ งถน่ิ ใหค้ งอยสู่ บื ไป ภายหลงั เมอื่ มหี นว่ ยงานภาครฐั และเอกชนเขา้ มารว่ ม ด้วยหลายหน่วยงาน ท�ำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ต่างไปจากประเพณี ด้ังเดมิ หลายประการ อาทิ เร่ืองก�ำหนดการจัดงาน ปัจจุบันมีการเปล่ียนแปลงโดยน�ำเอาพิธี แห่นางดานมาผนวกเข้ากับเทศกาลมหาสงกรานต์ของเมืองนครศรีธรรมราช และจัดในชว่ งเดอื นเมษายนของทุกปี ขณะทใ่ี นอดตี พธิ ีนี้จะจดั กนั ในราวเดอื นยี่ คือเดือนมกราคม ส่วนพระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวาย ของฝ่ายราชส�ำนัก ยังคงจัดกันในเดือนมกราคมมาจนทุกวันน้ี แต่หากจะถือว่าเทศกาลสงกรานต์ เปน็ ชว่ งปีใหมต่ ามคติอย่างไทย กน็ บั วา่ เปน็ ไปในแนวทางเดียวกนั ล�ำดบั ข้นั ตอนของพธิ โี ลช้ ิงช้าและพธิ ีแหน่ างดาน แต่เดมิ การโลช้ ิงชา้ เป็น ขนั้ ตอนสำ� คญั ของพธิ ตี รยี มั ปวายตามตำ� นานเรอื่ งพระอศิ วรทดสอบความแขง็ แรง ของโลกมนุษย์ ในอดีตพิธีโล้ชิงช้าท่ีจัดโดยราชส�ำนักจะมีความย่ิงใหญ่ มีผู้คน เข้าร่วมขบวนแห่จ�ำนวนมาก แต่เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต�่ำกับทั้งเกิดการ เปล่ียนแปลงการปกครองใน พ.ศ. ๒๔๗๕ จึงจ�ำเป็นต้องยกเลิกพิธีนี้ ส่วนการ แห่นางกระดานของราชสำ� นักเปน็ ขนั้ ตอนทไ่ี มไ่ ด้จัดอย่างยงิ่ ใหญ่ ทงั้ ยังทำ� กันใน เวลาเชา้ มดื ขณะทพ่ี ธิ โี ลช้ งิ ชา้ ของเมอื งนครศรธี รรมราชแตค่ รงั้ อดตี อาจจำ� กดั อยทู่ ่ี เทวสถานในตวั เมอื งหรอื เพยี งกลมุ่ พราหมณ์ สว่ นการแหน่ างกระดานหรอื นางดาน ไม่ปรากฏว่าท�ำพิธีใหญ่โตเช่นกัน แม้ว่าปัจจุบันการจัดพิธีโล้ชิงช้าของจังหวัด นครศรธี รรมราชจะเปน็ งานใหญ่ กไ็ มไ่ ดม้ จี ดุ ประสงคเ์ พอื่ สรา้ งความศกั ดส์ิ ทิ ธหิ์ รอื เพ่ือเสริมบารมีของผู้ปกครองเหมือนอย่างพิธีฝา่ ยราชสำ� นัก หากแม้มุ่งเน้นเรอ่ื ง ความสวยงาม และตอ้ งการสอ่ื ใหค้ นรจู้ ักในวงกวา้ ง อันจะมีผลตอ่ การทอ่ งเท่ยี ว สำ� หรบั การแหน่ างดาน ซงึ่ ในเวลานพี้ ฒั นากลายเปน็ จดุ ขายเพอื่ ดงึ ดดู การทอ่ งเทยี่ ว มีการแสดงโดยจัดเป็นขบวนแห่อย่างย่ิงใหญ่ และเริ่มแห่กันในเวลาพลบค่�ำ เพ่ือจะได้มีการตามไฟอย่างสวยงาม นอกจากน้ี ยังมีการต้ังเวทีบริเวณงาน เพอื่ บอกเลา่ ตำ� นานความเปน็ มาอย่างอลังการ
76 บทส่งท้าย พระราชพธิ ีตรยี มั ปวาย - ตรีปวาย หรือพิธโี ล้ชิงชา้ เป็นประเพณโี บราณ ของไทย ซึง่ มที ม่ี าจากคตคิ วามเชื่อเรอื่ งการนบั ถอื ผีและประเพณีทอ้ งถ่นิ ดั้งเดมิ ผสมผสานกบั อทิ ธพิ ลคติความเชื่อจากศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ทเี่ ข้ามาภายหลงั แล้วผูกเป็นต�ำนานเรื่องพระเป็นเจ้าเสด็จลงมาเยือนมนุษยโลกปีละคร้ัง เพอ่ื ประทานพรใหเ้ กดิ ความสงบสขุ ชว่ ยคมุ้ ครองมนษุ ยโลกใหป้ ลอดภยั บนั ดาล ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์และต�ำนานเรื่องพระอิศวรทดสอบความมั่นคงแข็งแรง ของโลก ในส่วนพิธีโล้ชิงช้าที่เป็นประเพณีของราชส�ำนักน้ัน มีหลักฐานว่าเกิดขึ้น ในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับประเพณีราษฎร์ โดยพิจารณาผ่านความสัมพันธ์ท่ี ฝา่ ยราชธานแี ละนครศรธี รรมราชมตี อ่ กนั มาตง้ั แตค่ รง้ั อยธุ ยาและเชอ่ื มโยงมาจนถงึ สมัยหลัง ในช่วงระยะเวลาหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๓๑๐ ท�ำให้ เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านขนบประเพณีระหว่างราชส�ำนักกับ เมอื งนครศรธี รรมราชมาโดยลำ� ดบั ทง้ั นเ้ี พราะราชสำ� นกั ขาดแคลนเอกสารตำ� รบั ตำ� ราและผรู้ เู้ กยี่ วกบั ระเบยี บแบบแผนประเพณเี ดมิ ปจั จบุ นั หลงั จากทพี่ ธิ โี ลช้ งิ ชา้ ในส่วนประเพณีราษฎร์ถูกยกเลิกไป ประกอบกับจังหวัดนครศรีธรรมราช มีความประสงค์จะฟื้นฟูประเพณีโล้ชิงช้า จึงได้เชิญพราหมณ์จากราชส�ำนัก มารว่ มกนั รอ้ื ฟน้ื ประเพณนี ที้ จ่ี งั หวดั นครศรธี รรมราชเพอื่ ทำ� ใหป้ ระเพณนี สี้ มบรู ณ์ ใกล้เคียงกบั ที่เคยปฏบิ ัติมาแตก่ ่อน และกลายเป็นพิธแี หน่ างดานในทุกวนั นี้ แ ม ้ ว ่ า ป ั จ จุ บั น ป ร ะ เ พ ณี แ ห ่ น า ง ด า น ห รื อ โ ล ้ ชิ ง ช ้ า ข อ ง จั ง ห วั ด นครศรีธรรมราชจะเป็นเพียงการจ�ำลองเหตุการณ์ประเพณีในอดีต และมีข้อ แตกต่างจากประเพณีของราชส�ำนักในหลายประเด็น แต่กระนั้นการพยายาม ส่งผ่านความรู้และสืบสานประเพณีด้วยการแสดงสื่อผสมท่ีทันสมัยดังท่ี จังหวัดนครศรีธรรมราชจัดงานมาอย่างต่อเนื่องก็นับเป็นอีกแนวทางหน่ึงในการ ช่วยผลักดันให้ประเพณีนี้เป็นท่ีรู้จักในวงกว้าง และท�ำให้วัฒนธรรมประเพณี เก่าแกอ่ ันทรงคุณค่าของทอ้ งถ่นิ ไมใ่ หส้ ูญหายไปจากสงั คม
77 บรรณานุกรม คำ� ใหก้ ารของพราหมณอ์ จั จตุ ะนนั นำ� กบั คำ� ใหก้ ารของพราหมณ์ ป. สพุ รหมณั ย ศาสตร.ี พระนคร : โรงพิมพ์ บ�ำรงุ นุกูลกิจ, ๒๔๗๒. (พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหมืน่ พงศาดศิ รมหิป โปรดให้พมิ พเ์ ป็น มติ รพลีข้ึนปีใหม่ พ.ศ. ๒๔๗๒). ฉัตรบงกช ศรวี ฒั นสาร. การสบื สานและความเปลยี่ นแปลงของพระราชประเพณใี นสมยั รชั กาลท่ี ๗. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๐ มกราคม ๒๕๖๑, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://kingprajadhipokstudy.blogspot.com/ 2016/04/blog-post.html. ______. ความเปลยี่ นแปลงของพระราชพธิ ตี า่ งๆ ในสมยั รชั กาลที่ ๗. [ออนไลน์]. สืบค้นเม่ือ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๑, เขา้ ถึงได้จาก http://kingprajadhipokstudy.blogspot.com/2010/07/7.html. ชาวเขาเผา่ ต่างๆ ชนเผา่ อาข่าหรืออีกอ้ , [ออนไลน์], สบื คน้ เม่ือ ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐, เขา้ ถึงได้จาก http://www.sawadee.co.th/thailand/hilltribes/akha.html. ชาวเผา่ หา่ หญ่ี โลช้ ิงชา้ ในวนั ตรุษฤดูฝน. [ออนไลน]์ . สืบค้นเมื่อ ๑ สงิ หาคม ๒๕๖๒. เขา้ ถงึ ได้จาก https://vovworld.vn/th-TH/สีสันวัฒนธรรม54ชนเผ่าเวียดนาม/ชาวเผ่าห่า-หญี่โล้ชิงช้าในวันตรุษ ฤดูฝน-769645.vov. ดาหวัน สะเม๊าะ. พราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราช สมัยพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมโศกราช - พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช (พ.ศ. ๑๘๐๒ - ๒๓๒๕). สารนพิ นธป์ รญิ ญา ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประวตั ศิ าสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำแหง, ๒๕๕๗. ตระการตา! “งานมหาสงกรานตแ์ หน่ างดานเมอื งคอน” สดุ ยงิ่ ใหญ่ จดั โลช้ งิ ชา้ จรงิ ใหช้ ม. [ออนไลน]์ . สืบค้นเมื่อ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑, เข้าถึงได้จาก https://www.matichon.co.th/economy/news_ 917057. ตรษุ จนี ของชนชาตติ า่ งๆ ในจนี . [ออนไลน]์ . สืบคน้ เม่ือ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๑, เขา้ ถึงไดจ้ าก https:// mgronline.com/china/detail/9540000014224. เทวสถาน สำ� หรบั พระนคร โบสถพ์ ราหมณ.์ (๒๕๖๓, ๑๖ มกราคม). การพระราชพธิ ตี รยี มั พวาย ตรปี วาย. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/devasthanbangkok/posts/279270671 7455239. เทศบาลนครนครศรธี รรมราช. เทศกาลมหาสงกรานต์แหน่ างดานเมอื งนครศรธี รรมราชประจำ� ปี๒๕๕๙. นครศรธี รรมราช : เทศบาลนครนครศรธี รรมราช, ๒๕๕๙. (สูจิบตั ร). ธนั วดี สุขประเสริฐ. ประเพณีท้องถนิ่ ในประเทศไทย : โล้ชงิ ชา้ ของอาขา่ . [ออนไลน์]. สบื คน้ เม่อื ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐, เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.sac.or.th/databases/rituals/detail.php?id=7. นิธิ เอยี วศรวี งศ.์ พุทธ-พราหมณ-์ ผี หรอื ผ-ี พราหมณ-์ พุทธ (1). [ออนไลน]์ . สืบคน้ เมอ่ื ๑๐ มกราคม ๒๕๖๓. เข้าถงึ ไดจ้ าก https://www.matichonweekly.com/column/article_248471. ______. พทุ ธ-พราหมณ-์ ผี หรอื ผ-ี พราหมณ-์ พทุ ธ (2) ). [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอื่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๓. เข้าถึงได้จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_250598. บำ� รงุ ค�ำเอก. อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดใู นสมัยรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ . Veridian e-Journal, Silpakorn University ฉบบั ภาษาไทย สาขามนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปะ. ปที ่ี ๘ ฉบบั ที่ ๒ (พฤษภาคม - สงิ หาคม ๒๕๕๘) : ๒๓๙๙ - ๒๔๑๒.
78 ประชมุ พงศาวดาร ภาคที่ ๕๐ เรอื่ ง ต�ำนานเมืองระนอง. พระนคร : ไทยแบบเรยี น (แผนกการพมิ พ)์ , ๒๕๐๒. (มหาอำ� มาตยต์ รี พระยาประดพิ ทั ธภบู าล (คอยเู่ หล ณ ระนอง) พมิ พท์ ลู เกลา้ ถวายเปน็ ทรี่ ะลกึ ในคราวเสด็จพระราชดำ� เนริ เย่ียมเยยี นราษฎรภาคใต้ ณ จังหวัดระนอง พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๒). ประเพณี “โลช้ งิ ชา้ ” ฉลองตรษุ จนี ในซอี าน. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอื่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.xinhuathai.com/tra/68664_20200112. ประวตั ศิ าสนาพราหมณ ์ - ฮนิ ด.ู [ออนไลน]์ . สบื ค้นเมื่อ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถงึ ไดจ้ าก http:// www.devasthan.org/history_main.html. ประหยัด เกษม. ประเพณีแหน่ างดาน ประเพณีตอ้ นรับพระอิศวรของพราหมณ์ นครศรีธรรมราช. [ออนไลน์]. สืบค้นเม่ือ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถึงได้จาก http://dspace.nstru.ac.th:8080/ dspace/handle/123456789/429. ปรชี า นนุ่ สขุ . ประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถ่ินนครศรีธรรมราช. นครศรธี รรมราช : โครงการต�ำราและเอกสาร ทางวิชาการ วทิ ยาลยั ครนู ครศรธี รรมราช, ๒๕๕๔. ______. พัฒนาการของศาสนาพราหมณ์ในนครศรีธรรมราช. ใน รายงานการสัมมนาประวัติศาสตร์ นครศรธี รรมราช ครง้ั ท่ี ๔ : ศลิ ปวฒั นธรรมนครศรธี รรมราชกบั การเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ และสังคมนครศรธี รรมราช, หนา้ ๑๘๐ - ๑๘๖. พมิ พค์ รั้งที่ ๒. นครศรธี รรมราช : โรงพิมพ์ไทม์ พรนิ้ ตง้ิ , ๒๕๕๔. เปรมวัฒนา สุวรรณมาศ. “เฉลิมไตรภพ”: การศึกษาแนวคิดและกลวิธีสร้างสรรค์. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาภาษาไทย ภาควิชาภาษาไทยและภาษาวัฒนธรรมตะวันออก คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๖๐. พรรณี กลสามัญ. เทศบาลนครนครศรีธรรมราช แถลงข่าวเตรียมพร้อมจัดงานมหาสงกรานต์ แหน่ างดานเมอื งนคร ประจำ� ปี ๒๕๕๙. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.rd1676.com/show_detial.php?ARICLES_ID=10176. พระมหาราชครพู ิธีศรีวิสทุ ธิคณุ (ชวนิ รงั สิพราหมณกุล) และคณะ. จดหมายเหตุการบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ เทวสถานสำ� หรบั พระนคร. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ชง่ิ , ๒๕๕๗. พระยายืนชงิ ช้า พ.ศ. ๒๔๖๐. พระนคร : ศวิ พร, ๒๕๐๕. (พมิ พ์ในการพระราชทานเพลงิ ศพ พลเอก เจา้ พระยาเดชานชุ ติ (แยม้ ณนคร)ณเมรพุ ลบั พลาอสิ รยิ าภรณ์วดั เทพศริ นิ ทราวาสวนั ที่๒๗กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๐๕). พระราชพธิ ตี รยี มั ปวาย.[ออนไลน]์ .สบื คน้ เมอ่ื ๒๐มนี าคม๒๕๕๙,เขา้ ถงึ ไดจ้ ากhttp://www.devasthan.org/ ceremony.html. พพิ ฒั น์ กระแจะจนั ทร.์ ชวี ติ และสงั คมพราหมณเ์ มอื งนครศรธี รรมราชในบรบิ ทสงั คมอยธุ ยากบั แนวคดิ ประวตั ศิ าสตรอ์ สิ ระ. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอื่ ๒๐ มนี าคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://kobarchaeology. blogspot.com/2007/08/blog-post_04.html. พพิ ธิ ภณั ฑเ์ มอื งนครศรธี รรมราช. ประเพณแี หน่ างดาน นครศรธี รรมราช. ม.ป.ท., ม.ป.ป. (บทจดั นทิ รรศการ). พรี ศษิ ฐ์ สมแกว้ . เทย่ี วเมอื งลกิ อร์ ดแู หน่ างดาน. เดลนิ วิ ส์ (๗ เมษายน ๒๕๔๔) : ๕. มง่ิ กมล หงษาวงศ.์ พระราชพธิ ตี รยี มั พวาย - ตรปี วาย : ความเชอ่ื หรอื อำ� นาจทางการเมอื งของพระมหากษตั รยิ ์ The ceremonial Triyumpwai - Tripwai : belief or political power of the king. วารสารศลิ ปกรรมศาสตร์ วิชาการ วิจัย และงานสรา้ งสรรค์ ปที ี่ ๒ ฉบบั ท่ี ๑ (มกราคม - มถิ ุนายน ๒๕๕๘) : ๑๓๘ - ๑๕๙. วาทนิ ศานต์ิ สนั ต.ิ การถวายชงิ ชา้ พระอศิ วร ตน้ เคา้ พธิ ตี รยี มั ปวาย - ตรปี วาย? [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/591558.
79 วาทิน ศานติ์ สนั ติ. พราหมณ์ : การโลช้ งิ ช้าในคติพราหมณ์. [ออนไลน]์ . สืบค้นเม่อื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.gotoknow.org/posts/486431. ______. พราหมณ์ : ตำ� นานการโลช้ งิ ชา้ ในเอกสารไทย. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/485888. ______. พราหมณ์ : พระราชพธิ ตี รยี มั ปวาย - ตรปี วายในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๑ ถงึ รชั กาลท่ี ๗. [ออนไลน]์ . สืบค้นเม่อื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.gotoknow.org/posts/ 475528. ______. พราหมณ์ : พระราชพธิ ตี รยี มั ปวาย - ตรีปวายในสมัยสุโขทยั . [ออนไลน]์ . สบื คน้ เม่อื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถึงไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/452696. ______. พราหมณ์:พระราชพธิ ตี รยี มั ปวาย-ตรปี วายในสมยั อยธุ ยา.[ออนไลน]์ .สบื คน้ เมอื่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถึงได้จาก https://www.gotoknow.org/posts/452699. ______. พราหมณ์ : พราหมณใ์ นพระราชสำ� นกั ในปจั จบุ นั . [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/452247. ______. พราหมณ์ : รอ่ งรอยศาสนาพราหมณใ์ นประเทศไทยกอ่ นพุทธศตวรรษท่ี ๑๘. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/328839. ______. พราหมณ์ : ศาสนาพราหมณใ์ นสมยั รตั นโกสนิ ทร.์ [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอื่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถงึ ได้จาก https://www.gotoknow.org/posts/452246. ______. พราหมณ์ : ศาสนาพราหมณ์ในสมยั สโุ ขทัย. [ออนไลน]์ . สืบค้นเมอื่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/449346. ______. อาเซยี น : การรบั อารยธรรมอนิ เดยี ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ). [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/328841. วิเชียร ณ นคร, วิมล ด�ำศรี และ สืบพงศ์ ธรรมชาติ. เอกสารเก่าเกี่ยวกับเมืองนครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช : โครงการอาศรมวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั วลัยลักษณ์, ๒๕๔๕. ศริ ญิ ญา มงคลวจั น.์ รอย “พราหมณ”์ เมอื งคอน. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอ่ื ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.siamganesh.com/manager-02.html. ศลิ ปากร,กรม.นางนพมาศหรอื ตำ� รบั ทา้ วศรจี ฬุ าลกั ษณ.์ พมิ พค์ รง้ั ท่ี๑๓.พระนคร:โรงพมิ พภ์ กั ดปี ระดษิ ฐ,์ ๒๕๐๘. (พมิ พเ์ ปน็ อนสุ รณใ์ นงานพระราชทานเพลงิ ศพ นางสะลไู ร ตลุ ยายน ณ เมรวุ ดั มกฏุ กษตั รยิ าราม วันท่ี ๒๙ มนี าคม ๒๕๐๘). ______. พระราชพิธสี บิ สองเดือน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ทรงพระราชนิพนธ.์ พระนคร : โรงพิมพพ์ ระจันทร,์ ๒๔๙๖. (พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พมิ พพ์ ระราชทานในงานพระราชทานเพลงิ พระศพ พลเอกพระวรวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนจนั ทบรุ ีสรุ นาถ ณ พระเมรวุ ดั เบญจมบพิตร วนั ท่ี ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๖). ศลิ ปากร, กรม. พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ นครศรธี รรมราช. ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู ในนครศรธี รรมราช. ม.ป.ท., ม.ป.ป. (บทจดั นิทรรศการ). ศลิ ปากร, กรม. อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ สโุ ขทยั . โบราณสถานส�ำคญั ของอทุ ยานประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั . [ออนไลน์]. สบื ค้นเมือ่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.finearts.go.th/sukhothai historicalpark/parameters/km/item/โบราณสถานสำ� คญั ของอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์สโุ ขทัย.html. ______. ประวัติเมืองสุโขทัย. [ออนไลน์]. สืบค้นเม่ือ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถึงได้จาก http:// www.finearts.go.th/sukhothaihistoricalpark/parameters/km/item/ประวตั เิ มอื งสโุ ขทยั .html.
80 สมศกั ด์ิ ตนั ตวิ วิ ทั น.์ “กำ� เนดิ ลทั ธวิ ญิ ญาณนยิ ม,” ใน ศาสนาสำ� คญั ของโลก. นครพนม : มลู นธิ ิ ร.อ.ชน้ั - พล.อ. ชวลติ ยงใจยทุ ธ, ๒๕๕๔). หนา้ ๑ - ๒. สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ. โลช้ งิ ชา้ ประเพณพี ้ืนเมอื งอุษาคเนย์ พราหมณ์สยามรับไปปรับเปน็ พธิ พี ราหมณ์. [ออนไลน์]. สบื คน้ เมอ่ื ๑๕ มกราคม ๒๕๖๐, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://www.matichon.co.th/columnists/ news_280719. สพุ ตั รา สำ� อางศร.ี ประเพณแี หน่ างดาน : กรณศี กึ ษาจงั หวดั นครศรีธรรมราช. [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอื่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙, เข้าถึงได้จาก http://symposium.pkru.ac.th/office/file_upload_temp/ 0MA37649DC.pdf. สพุ าภรณ์ ไผแ่ กว้ . สถานะและบทบาทของพราหมณใ์ นราชสำ� นกั ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๕๒). สารนิพนธป์ รญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชา ประวัตศิ าสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำแหง, ๒๕๔๙. สุวิทย์ ทองศรีเกตุ. อิทธิพลของศาสนาพรามหมณ์ในนครศรีธรรมราช. ใน รายงานการสัมมนา ประวัติศาสตร์ นครศรีธรรมราช ครั้งที่ ๒ : ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมของ นครศรีธรรมราช, หนา้ ๓๔๓ - ๓๖๖. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพก์ รงุ สยามการพิมพ,์ ๒๕๒๖. เสนารามวดั , วดั . โบราณสถานและโบราณวตั ถ.ุ [ออนไลน]์ . สบื คน้ เมอื่ ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://watsenasanaram.blogspot.com/P/blog-page_20html. อภลิ กั ษณ์ เกษมผลกลู . เทวสถานโบสถพ์ ราหมณ.์ สารานกุ รมไทยสำ� หรบั เยาวชนโดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ๓๔ (๒๕๕๒) : ๗ - ๔๑. อรุ คนิ ทร์ วริ ยิ ะบรู ณะ. ประเพณไี ทยฉบบั พระมหาราชครฯู . พระนคร : โรงพมิ พป์ ระจกั ษว์ ทิ ยา, ๒๕๑๐. Dano. [ออนไลน]์ . สืบค้นเมื่อ ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐, เข้าถึงได้จาก http://www.korea.net/NewsFocus/ Society/view?articleId=137305#none. Gangneung Danoje. [ออนไลน์]. สืบคน้ เม่ือ ๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๐, เข้าถึงไดจ้ าก https://www.danoje festival.or.kr/contents.asp?page=505. Teej. [ออนไลน์]. สืบคน้ เมื่อ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เข้าถงึ ได้จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Teej. Wright, A. Twentieth century impressions of Siam : its history, people commerce, industries, and resources. London : Lloyd’s Greater Britain Publishing Company, 1908. สัมภาษณ์ นฤมล แก้วจ�ำนง. นักพัฒนาการท่องเที่ยวช�ำนาญการ ฝ่ายส่งเสริมการท่องเท่ียว สํานักปลดั เทศบาล เทศบาลนครนครศรธี รรมราช. สมั ภาษณ,์ ๒๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๙. โชติ ทวสิ วุ รรณ. พราหมณ์อาวุโสชาวนครศรธี รรมราช. สมั ภาษณ,์ ๒๙ มถิ นุ ายน ๒๕๕๙. พระมหาราชครพู ธิ ศี รวี สิ ทุ ธคิ ณุ (ชวนิ รงั สพิ ราหมณกลุ ). ประธานพระครพู ราหมณ.์ สมั ภาษณ,์ ๒๑ ตลุ าคม ๒๕๖๓. ศภุ ฤกษ์ จงศริ ิ. บรษิ ทั สตรีมไลน์ เอน็ เตอร์ไพรส์ จ�ำกดั . สัมภาษณ,์ ๑๗ และ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙. สุพฒั น์ นาคเสน. อาจารย์ประจ�ำหลกั สูตรนาฏศิลปไ์ ทยศกึ ษา หัวหน้ากลมุ่ สาระวิชานาฏศลิ ปพ์ ื้นบ้าน วิทยาลัยนาฏศลิ ปนครศรีธรรมราช. สัมภาษณ,์ ๒๗ มิถนุ ายน ๒๕๕๙.
ใบพาดหลัง ติดกาว
กสร�ำมนศักิลวปรารกณร กกรระรทมรแวงลวะัฒปนรธะรวรตั มศิ าสตร์ กรมศลิ ปากรจดั พิมพ์เผยแพร่ พุทธศักราช 2563
Search