Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Published by 6032040014, 2018-09-02 23:17:54

Description: การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Search

Read the Text Version

บทที่ 1 การส่อื สารข้อมูลและเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบอื้ งตน้

การสอ่ื สารข้อมลู และเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บือ้ งต้น1.1 ความรเู้ บือ้ งต้นเกยี่ วกับเครือข่าย เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) คือ ระบบ ท่ีมีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเคร่ืองเชื่อมต่อกันโดยใช้ สื่ อ กลา ง และสา มา รถ ส่ื อ ส า รข้ อ มู ล กันไ ด้ อ ย่า งมี ประสิทธิภาพ ซ่ึงทาให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองสามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลซ่ึงกันและกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น การใช้ทรัพยากรเหล่านี้ผ่าน เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ชว่ ยใหป้ ระหยัดคา่ ใช้จา่ ยไดม้ าก เมื่อ มีการเช่ือมต่อกับเครือข่ายอ่ืนๆ ที่อยู่ห่างไกล เช่น ระบบ อินเตอร์เน็ต ซ่ึงเป็นเครือข่ายที่เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ท่ัวโลก ก็ทาให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ได้กับคนทั่วโลก โดยใชแ้ อพพลิเคชั่น เช่น เว็บ อเี มลล์ เปน็ ตน้

1.2 ความหมายของเครอื ข่ายและการสอื่ สาร เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบท่ีมีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเคร่ืองเชื่อมต่อกันโดยใช้ส่ือกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งทาให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกนั และ ไดแ้ ละใชท้ รพั ยากรที่อยใู่ นเครือขา่ ยร่วมกันได้และทาใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยได้เปน็ จานวนมาก การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) คือ การ รับส่ง โอน ย้าย หรือแลกเปล่ียนข้อมูลและข่าวสาร (Information) จากผ้สู ่งไปยังผู้รับข้อมูล โดยการสื่อสารผ่าน ส่อื ซง่ึ เป็นตวั กลางในการรบั และส่งข้อมลู1.3 ส่วนประกอบของระบบส่อื สารข้อมูล องค์ประกอบของระบบสอื่ สารขอ้ มูล

1. ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล (Sender) เป็นแหล่งต้นทางของการสื่อสารโดยมีหน้าที่ในการให้กาเนิด ข้อมูล หรือเตรียมข้อมลู เช่น ผ้พู ูด คอมพิวเตอร์ตน้ ทาง เปน็ ต้น2. ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล (Receiver) เป็นแหล่งปลายทางของการสื่อสาร หรือเป็นอุปกรณ์สาหรับ ข้อมูลที่จะนาข้อมลู น้ันไปใช้ดาเนินการต่อไป เช่น ผ้รู บั คอมพวิ เตอร์ปลายทาง เคร่อื งพิมพ์3. ข่าวสาร (Massage) เป็นตัวเนื้อหาของข้อมูล ซ่ึงมีได้หลายรูปแบบดงั นี้- ข้อความ (Text) ข้อมูลที่อยู่ในรูปอักขระ หรือเอกสาร เช่นข้อความในหนังสือ เป็นต้น- เสียง (Voice) ข้อมูลเสียงท่ีแหล่งต้นทางสร้างขึ้นมา ซ่ึงอาจจะเป็นเสียงที่มนุษย์หรืออุปกรณ์บางอย่างเป็นตัวสร้างก็ได้- รูปภาพ (Image) เปน็ ข้อมลู ท่ีไม่เหมือนข้อความตัวอกั ษรท่ีเรียงติดต่อกัน แต่จะมีลักษณะเหมือนรูปภาพ เช่น การสแกนภาพเข้าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เม่ือเปรียบเทียบข้อมูลรปู ภาพกับขอ้ มลู ขอ้ ความ แลว้ รปู ภาพจะมีขนาดใหญก่ วา่

- สือ่ ผสม (Multimedia) ข้อมลู ทีผ่ สมลักษณะของทั้งรูปภาพเสียงและขอ้ ความเข้าด้วยกนั โดยสามารถเคลอ่ื นไหวได้ เช่นการเรียนผ่านระบบ VDO conference เป็นต้น โดยข้อมูลจะมขี นาดใหญ่มาก4 . สื่ อ ก ล า ง ห รื อ ตั ว ก ล า ง ใ น ก า ร น า ส่ ง ข้ อ มู ล(Medium) เป็นส่ือหรือช่องทางที่ใช้ในการนาข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง สื่อกลางในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆสามารถแบง่ ออกได้เปน็ 2 ชนิดใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่4.1 ส่อื กลางประเภทมีสาย4.1.1 สายคู่บิดเกลียว (twisted pair) ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงท่ีหุ้มด้วยฉนวนพลาสติก 2 เส้นพันบิดเป็นเกลียว เพื่อลดการรบกวนจากคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าจากคู่สายขา้ งเคียงภายในเคเบิลเดยี วกนั หรอื จากภายนอก4.1.2 สายโคแอกเชียล (coaxial) เป็นตัวกลางเช่ือมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายท่ีต่อจากเสาอากาศ สายโคแอกเชียลท่ีใช้ทั่วไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซ่ึงใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทัล และชนดิ 75 โอห์มซึง่ ใชส้ ง่ ข้อมูลสญั ญาณแอนะล็อก

4.1.3 เส้นใยนาแสง (fiber optic) มแี กนกลางของสายซ่ึงประกอบด้วยเส้นใยแก้วหรือพลาสติกขนาดเล็กหลายๆ เส้นอยู่รวมกัน เส้นใยแต่ละเสน้ มีขนาดเล็ดเทา่ เส้นผมและภายในกลวง และเส้นใยเหล่าน้ันได้รับการห่อหุ้มด้วยเส้นใยอีกชนิดหน่งึ ก่อนจะหุ้มชั้นนอกสดุ ดว้ ยฉนวน 4.2.1 สญั ญาณไมโครเวฟ (Microwave) เป็นส่ือกลางในการสื่อสารที่มีความเร็วสูง ส่งข้อมูลโดยอาศัยสัญญาณไมโครเวฟซึ่งเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศพร้อมกับข้อมูลท่ีต้องการส่ง และจะต้องมีสถานีที่ทาหน้าท่ีส่งและรับข้อมูล5. โปรโตคอล (Protocol) เป็นขอ้ กาหนดหรอื ข้อตกลงทีใ่ ช้ควบคุมการส่ือสารข้อมูลในเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายท่ีใช้โพรโทคอลชนิดเดียวกันเท่าน้ันจึงจะสามารถติดต่อและส่งข้อมูลระหวา่ งกันได้ โพรโทคอลจึงมีลกั ษณะเช่นเดียวกบั ภาษาที่ใช้ในการสอ่ื สารของมนษุ ย์ที่ต้องใชภ้ าษาเดียวกันจึงจะสามารถส่ือสารกนั ได้เขา้ ใจ

1.4 การใช้เทคโนโลยีการส่ือสารขอ้ มลู 1.4.1 ดา้ นการศึกษา เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ถูกนามาใช้เพื่ออานวยความสะดวกในการบริหารด้านการ บริหารด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน และระบบ การจัดตารางสอน นอกจากน้ียังใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่ม โอกาสทางดา้ นการศกึ ษาและเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการเรยี นการ สอน 1.4.2 ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารถูกนามาใช้เร่ิมตั้งแต่การทา ทะเบียนคนไข้ การรักษาพยาบาลทั่วไป ตลอดจนการ วินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแม่นยา นอกจากน้ียังใช้ในห้องทดลอง การศึกษาและการวิจัยทาง การแพทย์ งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี สามารถค้นคว้าข้อมูล ทางการแพทย์ รักษาคนไข้ด้วยระบบการรักษาทางไกล

ตลอดเวลาผ่านเครือข่ายการส่ือสาร เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อีเอ็มไอสแกนเนอร์ (EMI scanner)ถูกนามาถ่ายภาพสมองมนุษย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติในสมอง1.4.3 ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกนามาใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม เช่น การจัดทาระบบข้อมูลเพื่อการเกษตรและพยากรณ์ผลผลิตด้านการเกษตร นอกจากน้ียังช่วยพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม การประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อใช้ทางานบ้าน และหุ่นยนต์เพื่องานอุตสาหกรรมท่ีต้องเส่ียงภัยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรงงานสารเคมีโรงผลติ และการจ่ายไฟฟ้า รวมถึงงานที่ต้องทาซา้ ๆ

1.4.4 ด้านการเงินธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารถูกนามาใช้ในด้านการเงินและการธนาคาร โดยใช้ช่วยด้านการบัญชี การฝากถอนเงิน โอนเงิน บริการสินเช่ือและเปลี่ยนเงินตรา บริการข่าวสารธนาคาร การใช้คอมพิวเตอร์ด้านการเงินการธนาคารท่ีรู้จักและนิยมใช้กันทั่วไป เช่น บริการฝากถอนเงิน การโอนเงินแบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์

1.4.5 ด้านความมั่นคง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย เช่น ใช้ในการควบคุมประสานงานวงจรส่ือสารทหาร การแปลรหัสลับในงานจารกรรมระหว่างประเทศ การส่งดาวเทียมและการคานวณวิถีโคจรของจรวดไปสู่อวกาศ สานักงานตารวจแห่งชาติของประเทศไทยมีศูนย์ประมวลข่าวสาร มีระบบจัดทาทะเบียนปืน ทะเบียนประวัติอาชญากร ทาให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นขอ้ มลู เพื่อการสืบสวนคดีตา่ งๆ1.4.6 ด้านการคมนาคม มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น การเดินทางโดยรถไฟ มีการเช่ือมโยงข้อมูลการจองท่ีน่ังไปยังทุกสถานีทาให้สะดวกต่อผู้โดยสาร การเช็คอินของสายการบิน ได้จัดทาเครื่องมือท่ีสะดวกต่อลูกค้า ในรูปแบบของการเช็คอินดว้ ยตนเอง

1.4.7 ดา้ นวิศวกรรมและสถาปตั ยกรรม มกี ารใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการออกแบบ หรือจาลอง สภาวการณ์ต่างๆ เช่น การรบั แรงสั่นสะเทือนของอาคารเมือ่ เกิดแผ่นดินไหว โดยการคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ ใกล้เคยี งความจริง1.4.8 ด้านการพาณิชย์ องค์กรในภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการบริหารจัดการ เพ่ือช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในการทางาน ทาให้การประสานงานหรือการทากิจกรรมต่างๆ ของแต่ละหน่วยงานในองค์กรหรือระหว่างองค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้นึ

1.5 ประโยชน์ของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์1. การแลกเปล่ยี นข้อมลู ทาได้ง่าย โดยผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถท่ีจะดึงข้อมูลจากส่วนกลาง หรอื ข้อมลู จากผู้ใชค้ นอื่นมาใช้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เหมือนกับการดึงข้อมูลมาใช้จากเครื่องของตนเอง และ นอกจากดึงไฟล์ข้อมูลมาใชแ้ ล้ว ยังสามารถคัดลอกไฟล์ไป ให้ผอู้ ื่นได้อกี ด้วย2.ใช้ทรัพยากรรว่ มกันได้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนั้น ถือว่าเป็น ทรพั ยากรส่วนกลางท่ีผ้ใู ชใ้ นเครือข่ายทุกคน สามารถใชไ้ ด้ โดยการสั่งงานจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของ ตัวเองผ่าน เครือข่ายไปยังอุปกรณ์น้ัน เช่น มีเคร่ืองพิมพ์ส่วนกลางใน เครือขา่ ย เปน็ ตน้ ซ่งึ ทาใหป้ ระหยดั ค่าใช้จ่ายได้ดว้ ย

3.ใช้โปรแกรมรว่ มกนั ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถท่ีจะรันโปรแกรมจาก เคร่ือง คอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เช่น โปรแกรม Word, Excel, Power Point ได้ โดยไม่จาเป็นจะต้องจัดซื้อโปรแกรม สาหรับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เป็นการประหยัด งบประมาณในการจัดซื้อ และยังประหยัดเนื้อท่ีใน หน่วยความจาด้วย4.ทางานประสานกันเปน็ อย่างดี ก่อนท่ีเครือข่ายจะเป็นท่ีนิยม องค์กรส่วนใหญ่จะใช้ ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ข น า ด ใ ห ญ่ เ ช่ น เ ม น เ ฟ ร ม ห รื อ มินิคอมพิวเตอร์ ในการจัดการงาน และข้อมูลทุกอย่างใน องค์กร แต่ปัจจุบันองค์กรสามารถกระจายงานต่าง ๆ ให้กับหลาย ๆ เคร่ือง แล้วทางานประสานกัน เช่น การใช้ เครือข่ายในการจัดการระบบงานขาย โดยให้เคร่ืองหน่ึง ทาหน้าท่ีจัดการการเกี่ยวกับใบส่ังซื้อ อีกเคร่ืองหนึ่ง จัดการกับระบบสนิ ค้าคงคลัง เปน็ ต้น5.ติดตอ่ สอื่ สารสะดวก รวดเร็ว เครือข่ายนับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ได้ เป็นอย่างดี ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล กับเพื่อน รว่ มงานทอ่ี ยู่คนละที่ ได้อยา่ งสะดวก และรวดเร็ว

6.เรยี กขอ้ มูลจากบ้านได้ เครือข่ายในปัจจุบันมักจะมีการติดต้ังคอมพิวเตอร์ เครื่อง หนง่ึ เปน็ เซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ผใู้ ช้สามารถเขา้ ใช้เครือข่ายจาก ระยะไกล เช่น จากท่ีบ้าน โดยใช้ติดตั้งโมเด็มเพื่อใช้หมุน โทรศัพท์เชื่อมต่อ เข้ากับเคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์ เครอ่ื งนนั้ ก็จะเป็นส่วนหน่ึงของเครือขา่ ย1.6 การส่อื สารโทรคมนาคม การสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication) หมายถึง การติดต่อสื่อสารด้วยการรับส่งข้อมูลข่าวสาร ระหว่างตัวประมวลผล โดยผ่านสื่อกลางที่เชื่อมต้นทางและ ปลายทางที่ห่างกัน โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลาย รปู แบบ ตามกฎเกณฑ์ หรือระเบียบวิธกี ารท่ีกาหนดข้นึ ในแต่ ละอุปกรณ์1.6.1 โทรสาร ( Facsimile ) เครื่องโทรสารมักเรียกส้ัน ๆว่า แฟกซ์ ใช้เทคนิคของแสงสแกนลงบนเอกสาร ต้นฉบับท่ีสามารถเป็นได้ทั้งข้อความและภาพ จากน้ันก็จะเปล่ียนเป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อส่งต่อไปตามสายโทรศัพท์ เม่ือเครื่องฝ่ายผู้รับได้รับข้อมูลท่ีส่งมา ก็จะนาข้อมูลท่ีเป็นสัญญาณไฟฟ้าน้ันมาเปล่ยี นเป็นขอ้ มลู ที่เหมือนกับตน้ ฉบับ

1.6.2 โทรศัพท์ ( Telephone ) เป็นอุปกรณ์ท่ีนิยมใช้เป็นอย่างสูง ซึ่งมักมีใช้งานตามบ้านเรือนเกือบทุกครัวเรือน ในปัจจุบัน ชุมสานโทรศัพท์น้ันได้มีการพัฒนาและเปล่ียนมาเป็นรูปแบบของสัญญาณดิจิตอลใน บางพ้ืนท่ีมากข้ึนตามลาดับเพื่อรองรับการสือ่ สารข้อมูลความเรว็ สงู การใชช้ มุ สายโทรศพั ท์ในการสื่อสารน้ันราคาถูกและเป็นท่ีนิยม ตัวอย่างเช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ตตามบ้านเรือนต่าง ๆ ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์เช่ือมต่อกับโมเด็ม ซ่ึงบางบริษัทท่ีบริการอินเทอร์เน็ตก็ยังคงรูปแบบการบริการแบบแอนะล็อกกับ แบบดิจิตอลความเร็วสูงโดยระบบดิจิตอลจะมีช่องสัญญาณหรือแบนด์วิดธ์ท่ีกว้างกว่าทาใหม้ กี ารรบั สง่ ขอ้ มลู ท่รี วดเร็วโดยเฉพาะขอ้ มลู ในรูปแบบของสื่อประสมหรอื มลั ติมีเดีย อกี ทงั้ ในขณะทีใ่ ชง้ านก็ยังสามารถใช้งานโทรศัพท์ได้อีกด้วย เนื่องจากใช้ช่องความถี่ท่ีต่างกันในการสื่อสาร ในขณะทร่ี ปู แบบเดิมหรอื แบบแอนะล็อกน้ัน เม่ือใชง้ านอิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต อ ยู่ ก็ จ ะ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ง า น โ ท ร ศั พ ท์ ไ ด้1.6.3 โทรทัศน์ ( Television ) เป็นระบบท่ีใช้ในการแพร่ภาพกระจายในย่านความถี่สูง เช่น ท่ีย่านความถี่สูง หรือย่านความถี่สูงมาก ซ่ึงเป็นย่านความถี่ที่ใช้สาหรับกิจการทางโทรทัศน์ ในอดีตการแพร่ภาพทางโทรทัศน์มักจะประสบกับปัญหากับพ้ืนท่ีรับสัญญาณ เช่น ตามจังหวัดท่ีห่างไกล แต่ในปจั จบุ ันได้มีการต้ังสถานีทวนสัญญาณโทรทัศน์ตามพนื้ ท่ีต่าง ๆ

ท่ัวประเทศ เพื่อให้ประชาชนตามจังหวัดต่าง ๆ สามารถรับชมการแพร่ภาพโทรทัศน์ได้ ปัจจุบันการส่งสัญญาณโทรทัศน์ในประเทศไทยมีอยู่ 2 ระบบด้วยกัน คือ ระบบออกอาการท่ัวไปและอีกระบบอีกหนึง่ คือ ระบบเคเบลิ ทีวี ซ่ึงระบบนี้จาเปน็ ต้องสมัครสมาชิกและต้องเสียค่าบริการรายเดือน โดยจะมีเสารับสัญญาณท่ีแตกต่างกันกับเสาอากาศของโทรทัศน์ท่ัวไปนอกจากนีย้ งั มีเทคโนโลยีหนงึ่ เรียกว่า Video on Demand ซึ่งเป็นระบบโทรทัศน์ที่ผู้ชมสามารถเป็นผู้เลือกชมรายการได้ด้วยตนเอง1.6.4 วิทยุกระจายเสียง (Radio) เป็นการสื่อสารท่ีอาศัยคล่ืนวิทยุด้วยการส่งคล่ืนไปยังอากาศเพื่อเข้าไปยัง เคร่ืองรับวิทยุ โดยใช้เทคนิคการกล้าสัญญาณหรือเรียกว่าการมอดูเลต(Modulate) การด้วยการรวมกับคลื่นเสียงท่ีเป็นไฟฟ้าความถี่เสียงรวมกัน ทาให้การสื่อสารด้วยวิทยุกระจายเสียงนั้นไม่จาเป็นตอ้ งใชส้ าย อีกทั้งยงั สามารถส่งคลื่นไดใ้ นระยะทางทไี่ กลออกไปได้ตามประเภทของคล่ืนน้ัน ๆ

1.6.5 ไมโครเวฟ (Microwave) เป็นคล่ืนวิทยุชนิดหน่ึงท่ีมีความถี่ระดับกิกะเฮิรตซ์ (GHz) และเนื่องจากความยาวของคล่ืนมีหน่วยวัดเป็นไมโครเมตร จึงเรียกว่าไมโครเวฟน่ันเองคล่ืนไมโครเวฟเปน็ คลื่นเสน้ ตรงในระดบั สายตา ซ่งึ หากลกั ษณะภูมิประเทศมีภูเขาหรือตึกสูงบดบังคลื่นแล้ว จะทาให้ไม่สามารถส่งสัญญาณไปยังที่หมายได้ ดังนั้นจึงจาเป็นต้องมีการติดตงั้ จานรับสง่ บนยอดตึกหรอื ยอดเขา เพอ่ื ใหส้ ญั ญาณส่งทอดต่อไปอกี ได้1.6.6 ดาวเทียม (Satellite) จากคล่ืนไมโครเวฟมีข้อจากัดในเร่อื งของลักษณะภูมิประเทศที่มีผลต่อการบดบงั คลน่ื ดังนัน้จึงได้มีการพัฒนาดาวเทียม โดยความเป็นจริงแล้ว ดาวเทียมก็คือสถานีไมโครเวฟนั่งเอง แต่เป็นสถานีไมโครเวฟที่ลอยอยู่บนเหนือพ้ืนผิวโลก มีลักษณะเป็นจานขนาดใหญ่โคจรห่างจากพื้นโลกประมาณ 22,300 ไมล์ ทาให้สามารถติดต่อสถานีภาคพ้ืนดินที่อยูบ่ นพน้ื โลกได้ เราสามารถส่งดาวเทียมทเ่ี รียกว่าGrostationary ซ่ึงเป็นดาวเทียมหมุนโคจรด้วยความเร็วเท่ากับโลก ทาให้ดูเหมือนกับไม่มีเคลื่อนไหว และด้วยการนาดาวเทียมดังกล่าวขึ้นไปโคจรเหนือพื้นผิวโลกเพียง 3 ดวง ก็สามารถครอบคลุมการส่ือสารได้ทุกหมุนโลก โดยดาวเทียมดวงหนึ่งส่งสัญญาณในบริเวณกว้างเท่ากับ 1 ใน 3 ของโลก (120

องศา) ดังนั้นดาวเทียม 3 ดวงก็ครอบคลุมบริเวณพ้ืนโลกได้ท้ังหมด (360 องศา) ส่วนการสื่อสารสามารถส่งสัญญาณแบบขาข้ึน (Uplink) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณจากสถานีพื้นดินไปยังดาวเทียม และการส่งสัญญาณแบบขาลง(Downlink) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณจากดาวเทียมมายังสถานีภาคพื้นดิน และด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมในอนาคตก็จะสามารถสื่อสารได้ท้ังสองทาง ไมว่ า่ จะเป็นแบบขาขน้ึ หรอื ขาลงในขณะเดยี วกนั1.7 ความนา่ เช่ือและมาตรฐานเครอื ข่าย1.7.1 ความถ่ีของความล้มเหลว เครือข่ายทุกระบบมีโอกาสล่มได้เสมอ อย่างไรก็ตามเครือข่ายท่ีได้รับการออกแบบที่ดีหากเครือข่ายเกิดข้อขัดข้องหรือล้มเหลวด้วยประการใดก็ตามควรส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานให้น้อยที่สุดเท่าท่ีเป็นไปได้และหากเครือข่ายมีความถี่ในการล้มเหลวอยู่บ่อยคร้ัง น่ันหมายถึงเครือขา่ ยนัน่ มีความน่าเชื่อถือตา่1.7.2 ระยะเวลาในการกู้คนื ระยะเวลาในการกคู้ ืนระบบกรณีเครือข่ายล่มหรือเกิดข้อขัดข้องใด ๆ หากการกู้คืนระบบสามารถแก้ไขได้ด้วยระยะเวลาอันส้ัน ย่อมดีกว่าการกู้คืนระบบที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน โดยการกู้คืนหมายถึงการกู้

ระบบให้กลับคืนสภาพเดิมที่สามารถใช้งานได้ รวมถึงการกู้คืนข้อมลู กรณีที่ข้อมูลเกดิ ความสูญเสยี1.7.3 ความคงทนตอ่ ข้อผดิ พลาด เครือข่ายทีด่ ีจะต้องมีระบบป้องกันภัยต่าง ๆ ท่ีอาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ใด ๆ ท่ีไม่คาดคิดได้เสมอไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า รวมถึงภัยธรรมชาติท่ีไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ดังนั้นระบบเครือข่ายท่ีดีจึงต้องได้รับการออกแบบให้มีระบบสารองข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รวมถึงอุปกรณ์สาคัญของระบบ หากทางานขัดข้อง อุปกรณ์ตัวแทนสารถทางานแทนไดท้ ันที เปน็ ต้น

จัดทาโดยนางสาวณฐั พร กลิ่นบหุ งา เลขท่ี 14ปวส.2 คอมพวิ เตอร์ธุรกิจ 1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook