Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครือข่ายไร้สาย

เครือข่ายไร้สาย

Published by 6032040014, 2018-09-03 21:23:37

Description: เครือข่ายไร้สาย

Search

Read the Text Version

บทท่ี 9เครือขา่ ยไรส้ าย

เครอื ขา่ ยไร้สาย9.1 ความหมายของเครือขา่ ยไร้สาย ระบบเครือข่ายไร้สาย ( Wireless Network) หมายถึงเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 2เครื่อง หรือกลุ่มของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ รวมถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งการสือ่ สารจะไม่ใชส้ ายสญั ญาณในการเช่ือมต่อ(LAN) แต่จะใช้คล่ืนวิทยุ หรือ คล่ืน อินฟาเรด ในการรับส่งข้อมูลแทน ซ่ึงในขณะนี้กาลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากแทบจะทุกจุดในเมืองที่สาคัญๆจะมีสัญญาณของWireless อยู่แทบทุกที่เลยท่ีเดียวด้วยความสะดวกสบายในการใช้งานไม่ต้องมองหา plug เสียบสาย LAN กันให้ยุ่งยากเคลื่อนย้ายง่าย แถมด้วยสัญญาณ ที่กระจายอยู่ท่ัวไป ทาให้ไม่ว่าจะอยู่ท่ีไหน ขอแค่สัญญาณไปถึงก็สามารถรับ-ส่งข้อมูลกันได้ ไม่ต้องเจาะกาแพง เดินสายกนั ใหย้ ุ่งยากอีกต่อไป

เทคโนโลยีของระบบเครือข่ายไร้สายได้มีการพัฒนาข้ึนเรื่อยๆ เพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานท่ีต้องการเทคโนโลยีท่ีใช้ในการเช่ือมต่อท่ีมีความสามารถและความเร็วเพิ่มมากขึ้น เรามาดูวิวัฒนาการของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายตง้ั แต่ยุคแรกๆ จนถงึ ปัจจุบนั ท่ีเราใชง้ านกนั อยูม่ ดี ั้งน้ี ยุค 1G เป็นยุคแรกของการพัฒนาระบบโทรศัพท์เคลื่อนท่ีแบบเซลลูล่าร์ การรับส่งสัญญาณใช้วิธีการผสมสัญญาณอะนาล็อกเข้าช่องสื่อสารโดยการใช้การแบ่งความถี่ออกมาเป็นช่องเล็กๆ

ยุค 2G เป็นยุคที่พัฒนาต่อมาโดยการเข้ารหัสสัญญาณเสียง โดยบีบอัดสัญญาณเสียงในรูปแบบดิจิตอล ให้มีขนาดจานวนข้อมูลน้อยลง มีการติดต่อจากสถานีลูกหรือตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่กับสถานีเบสใช้วิธีการ 2 แบบคือ TDMA(Time Division Multiple Access) แ ล ะ CDMA (CodeDivision Multiple Access) ในยุค นี้เป็นการรับส่งสัญญาณโทรศพั ทแ์ บบดิจิตอลหมดแล้ว ยุค 2.5G เป็นยุคท่ีให้กาเนิดเทคโนโลยี GPRS (GeneralPacket Radio Service) ซ่ึงมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสงู สุดถงึ 115 kbps แตเ่ อาเขา้ จรงิ ความเร็วจะถกู จากัดอยเู่ พยี ง40 kbps เท่านน้ั ยุค 2.75G เป็นช่วงท่ีเร่ิมมีการใช้เทคโนโลยี EDGE(Enhanced Data rates for Global Evolution) นั่ น เ อ งEDGE นั้นถือเป็นเทคโนโลยตี ่อยอดของ GPRS และถูกเรียกกันว่าเทคโนโลยียุค 2.75 G (อย่างไม่เป็นทางการ) ลักษณะการทางานของ EDGE น้ันจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วจากพื้นฐานของ GPRS ให้มีความเร็วในการรับ-ส่งขอ้ มลู ได้สูงขนึ้

ยุค 3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการส่อื สารในยคุ ท่ี 3 จุดเดน่ ทสี่ ุดของ 3G นนั้ เป็นเรอื่ งของความเร็วในการเช่ือมต่อและการรับ-ส่งข้อมูล โดยเน้นการเช่ือมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทาให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลตา่ งๆ รวดเรว็ มากขนึ้ พรอ้ มท้งั สามารถใช้ บริการ Multimediaได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีประสิทธิภาพแบบมากย่ิงขึ้น เช่นการรับ-ส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ , การใช้บริการ Video/CallConference , Download เพลง , ดู TV Streaming ต่างๆซ่ึงถ้าเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า แต่อย่างว่าระบบ 3G ในประเทศไทยยังไปไม่ถึงไหน ซึ่งจะได้ใช้เม่ือไหร่ก็ตอ้ งติดตามกนั ต่อไป9.2 สอ่ื กลางประเภทไรส้ าย สื่อกลางแบบไร้สายสัญญาณ (Wireless Media) เป็นสื่อกลางประเภทท่ีไม่มีวัสดุใดๆในการนาสัญญาณแต่จะใช้อากาศเป็นส่ือกลาง ซ่ึงจะไม่มีการกาหนดเส้นทางให้สัญญาณเดนิ ทาง สือ่ หรอื ตัวกลางประเภทไร้สายมีดงั น้ี

1. อนิ ฟราเรด (Infrared) เป็นสอ่ื สารท่ใี ช้คล่ืนแสงที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า สามารถส่งข้อมูลด้วยคล่ืนอินฟราเรดต้องส่งในแนวเส้นตรง และไม่สามารถทะลุส่ิงกีดขวางที่มีความหนาได้ นิยมใช้ในการส่งถ่ายโอนข้อมูลสาหรับอุปกรณ์แบบพกพา เช่น โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ หรือเคร่ืองพีดีเอไปยังคอมพวิ เตอร์สว่ นบคุ คล เป็นต้น ข้อดีของคล่ืนอินฟราเรด: -ใชพ้ ลังงานน้อย จึงนิยมใชก้ ับเครอื่ ง Laptops, โทรศัพท์ -แผงวงจรควบคุมราคาต่า (Low circuitry cost) เรียบง่ายและสามารถเชอื่ มตอ่ กับระบบอ่ืนได้อย่างรวดเร็ว -มีความปลอดภยั ในการเรื่องขอ้ มลู สูง ลักษณะการส่งคลื่น(Directionality of the beam) จะไม่ร่ัวไปที่เคร่ืองรับตัวอ่ืนในขณะท่สี ง่ สญั ญาณ -กฎข้อห้ามระหว่างประเทศของ IrDA (Infrared DataAssociation) มคี อ่ นข้างนอ้ ยสาหรบั นกั เดนิ ทางทั่วโลก -คล่ืนแทรกจากเคร่ืองใช้ไฟฟ้าใกล้เคียงมีน้อย (highnoise immunity) ขอ้ เสยี ของอนิ ฟราเรด: -เครื่องส่ง (Transmitter) และเคร่ืองรับ (receiver) ต้องอยู่ในแนวเดยี วกนั คือตอ้ งเห็นวา่ อยู่ในแนวเดียวกัน

-คล่ืนจะถูกกันโดยวัตถุท่ัวไปได้ง่ายเช่น คน กาแพง ต้นไม้ทาให้สอ่ื สารไมไ่ ด้ -ระยะทางการส่ือสารจะน้อย ประสิทธิภาพจะตกลงถ้าระยะทางมากขน้ึ -สภาพอากาศ เช่นหมอก แสงอาทิตย์แรงๆ ฝนและมลภาวะมีผลต่อประสิทธิภาพการสื่อสาร -อัตราการสง่ ข้อมูลจะชา้ กว่าแบบใช้สายไฟทัว่ ไป การสง่ ขอ้ มลู ดว้ ยคล่นื

2. คล่ืนวิทยุ (Radio Wave) เป็นการส่ือสารโดยใช้คลื่นวิทยุจากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ เช่น โทรศัพท์เคล่ือนที่ หรืออุปกรณ์ท่ีสามารถเปิดเข้าถึงเว็บไซต์ได้ เป็นต้น ผู้ใช้บางรายใช้โทรศัพท์เคล่ือนที่ในการเชื่อมต่อเพ่ือใช้บริการอินเทอร์เน็ตปัจจุบันมีเทคโนโลยีไร้สายท่ีใช้คล่ืนวิทยุ คือ บลูทูธ(Bluetooth) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณโดยใช้คล่ืนวิทยุระยะสั้นเหมาะสาหรับการติดต่อส่ือสารในระยะไม่เกิน 33 ฟุต การส่งสัญญาณสามารถส่งผ่านส่ิงกีดขวางได้ ทาให้เทคโนโลยีบลูทูธได้รับความนิยมสูง จึงมีการนามาบรรจุไว้ในอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์เคล่ือนที่ เคร่ืองพีดีเอ โน้ตบุ๊กเครื่องคอมพวิ เตอร์ เครอ่ื งพมิ พด์ ิจทิ ลั เป็นต้นBluetooth จะใช้สัญญาณวิทยุความถ่ี สูง 2.4 GHz. (กิ๊กกะเฮิร์ซ) แต่จะแยกย่อยออกไป ตามแต่ละประเทศ อย่างในแถบยุโรปและอเมริกา จะใช้ช่วง 2.400 ถึง 2.4835 GHz. แบ่งออกเปน็ 79 ชอ่ งสัญญาณ

การส่งสัญญาณบลทู ูธ 3 .ไมโครเวฟ (Microwave) เป็นการส่ือสารโดยใช้คลื่นวิทยุความเร็วสูงสามารถส่งสัญญาณเป็นทอดๆ จากสถานีหน่ึงไปยังอีกสถานีหน่ึงในแนวเส้นตรง ไม่สามารถโค้งหรือหักเลี้ยวได้ สามารถรับ ส่งได้ในระยะทางใกล้ๆ นิยมใช้สาหรับการสื่อสารระหว่างอาคารที่อยู่ในเมืองเดียวกัน หรือวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย สาหรับระยะทางไกลๆ ต้องใช้สถานีรับส่ง

สัญญาณเป็นทอดๆโดยติดตั้งในพ้ืนท่ีสูง เช่น ยอดเขา หอคอยตึก เป็นต้น โดยปกติความถไี่ มโครเวฟอยู่ในช่วงคลนื่ อินฟราเรดซ่ึงนามาใชป้ ระโยชน์ดา้ นโทรคมนาคมและการทาอาหารขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของระบบไมโครเวฟ ขอ้ ดีไมโครเวฟ 1. ใชใ้ นพนื้ ทีซ่ ึ่งการเดินสายกระทาได้ไมส่ ะดวก 2. ราคาถกู กว่าสายใยแกว้ นาแสงและดาวเทียม 3. ตดิ ตงั้ งา่ ยกวา่ สายใยแก้วนาแสงและดาวเทยี ม 4. อัตราการสง่ ข้อมูลสงู ข้อเสยี -สัญญาณจะถูกรบกวนได้ง่ายจากคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า จาก ธรรมชาติ เชน่ พายุ หรอื ฟา้ ผา่

4. ดาวเทียม(Satellite) เป็นการส่ือสารโดยคล่ืนไมโครเวฟแต่เน่ืองจากเป็นคลื่นที่เดินทางในแนวตรง ทาให้พื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหรือตึกสูงมผี ลต่อการบดบังคลื่น จึงมีการพัฒนาดาวเทียมให้เป็นสถานีไมโครเวฟที่อยู่เหนือพื้นผิวโลก ทาหน้าที่เป็นสถานีส่งและรับข้อมูล ถ้าเป็นลกั ษณะการส่งข้อมูลจากภาคพ้นื ดนิ ไปยังดาวเทยี ม ดาวเทยี มสู่ภาคพื้นดิน เรียกว่า “การเชื่อมโยงหรือดาวน์ลิงค์ (DownLink)” ทั้งนี้มีระบบเทคโนโลยีท่ีนิยมและอาศัยการทางานของดาวเทียมเป็นหลัก คือ ระบบจีพีเอส(Global PositioningSystem : GPS) ท่ีช่วยตรวจสอบตาแหน่งที่อยู่บนพ้ืนผิวโลกเช่น การติดต้ังอุปกรณ์จีพีเอสไว้ในรถและทางานร่วมกับแผนท่ีผู้ใช้สามารถขับรถไปตามระบบนาทางได้ นอกจากน้ียังได้นาอุปกรณ์จพี ีเอสมาตดิ ตั้งในระบบโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ดว้ ยขอ้ ดแี ละขอ้ เสียของระบบดาวเทยี ม ขอ้ ดี 1. สง่ สญั ญาณครอบคลมุ ไปยงั ทกุ จดุ ของโลกได้ 2. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการส่งข้อมูลของระบบดาวเทียมไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางทีห่ า่ งกนั ของสถานีพน้ื ดนิ ขอ้ เสีย มเี วลาหนว่ ง (Delay Time) ในการสง่ สัญญาณ

การสื่อสารผ่านดาวเทยี ม

จัดทาโดยนางสาวณัฐพร กลิ่นบุหงา เลขที่ 14ปวส.2 คอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook