โครงสร้างเครือขา่ ย3.1 ลักษณะการเชื่อมต่อเครือข่าย 3.1.1 การเช่อื มตอ่ แบบจดุ ตอ่ จดุ (Point to Point) การเช่อื มโยงเครือข่ายแบบจดุ ตอ่ จุด(Point-to-Point) คือ การเชอ่ื มต่อระหวา่ งอปุ กรณส์ องอุปกรณ์ท่ีเชือ่ มโยงเข้าถึงกนั เท่านนั้ โดยชอ่ งทางการส่ือสารจะถูกจบั จองสาหรับอปุ กรณส์ องอุปกรณ์เพ่ือใชส้ อื่ สารระหวา่ งกัน อยา่ งไรกต็ าม หากโหนดคู่ใดท่ีไมม่ ีสายสง่ ถึงกนั กส็ ามารถส่อื สารผา่ นโหนดที่อยตู่ ิดกันได้ เพื่อสง่ทอดต่อไปเรื่อยๆ จนถึงโหนดปลายทางทตี่ ้องการ ข้อดีของการเช่ือมโยงแบบ (Point-to-Point) -สามารถใชค้ วามเร็วในการสอ่ื สารระหว่างกนั ได้อย่างเต็มที่ จึงเหมาะสมกับการที่ต้องส่งข้อมูลไดค้ ราวละ มากๆ แบบต่อเน่ืองกนั ไป -มีความปลอดภยั ในข้อมลู เพราะมกี ารเชอื่ มต่อกันระหว่างโหนดสองโหนดเทา่ นน้ั ข้อเสีย ของการเชอื่ มโยงแบบ (Point-to-Point) -ไมเ่ หมาะกบั เครอื ขา่ ยท่ีมขี นาดใหญ่ -หากเครือขา่ ยมจี านวนโหนดเพิ่มมากขึ้น กจ็ ะต้องใชส้ ายในการเชือ่ มโยงหรอื สายในการสื่อสารเพ่ิมมากขึ้นด้วย
3.1.2 การเชือ่ มตอ่ แบบหลายจดุ (Multipoint or Multidrop) การเช่อื มโยงเครือข่ายแบบหลายจดุ (Multipoint or Multidrop)คือ การเชื่อมโยงเครือขา่ ยทใี่ ช้เส้นทางหรือลงิ ก์เพื่อการส่ือสารร่วมกนั หรอื กล่าวง่ายๆ คอื อุปกรณ์ต่างๆ สามารถสอื่ สารระหวา่ งกนั ไดด้ ว้ ยการใชล้ ิงกห์ รือสายส่ือสารเพียงเส้นเดียว ดงั นัน้ วธิ กี ารเชอื่ มโยงชนิดนที้ าใหป้ ระหยัดสายสง่ ขอ้ มลู กว่าแบบการเชอ่ื มโยงเครือขา่ ยแบบจุดต่อ โดยระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์สว่ นใหญแ่ ล้วใช้วธิ กี ารเชือ่ มโยงแบบหลายจุด ข้อดีของการเชอื่ มโยงเครือข่ายแบบหลายจุด-ประหยัดสายส่งข้อมูล-การเพ่มิ เตมิ โหนดสามารถเพิ่มได้โดยง่ายดว้ ยการเชอื่ มต่อเขา้ กบั สายส่งท่ีใช้งานรว่ มกันได้ทันที ข้อเสยี ของการเชอ่ื มโยงเครอื ข่ายแบบหลายจุด-หากสายสง่ ข้อมลู ขาด จะมีผลกระทบต่อระบบเครือข่าย-ไม่เหมาะกับการส่งข้อมลู แบบตอ่ เน่อื งท่มี ีขอ้ มูลคราวละมากๆในเวลาเดียวกนั3.2 ลักษณะของโครงสร้างเครือข่ายโครงสร้างของเครือข่าย (Network Topology) แบง่ เป็น 6 ชนดิ 3.2.1 โครงสรา้ งแบบบัส (Bus Topology) เป็นเครือข่ายท่เี ช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ตา่ งๆ ด้วยสายเคเบลิ้ ยาว ตอ่ เน่อื งไปเรื่อย ๆ โดยจะมคี อนเน็กเตอร์เป็นตวั เช่อื มต่อคอมพิวเตอร์ และอปุ กรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ล ในการส่งข้อมูล จะมคี อมพิวเตอร์เพยี งตวั เดยี วเท่าน้นั ทสี่ ามารถสง่ ข้อมูลได้ในชว่ งเวลาหน่งึ ๆการจดั สง่ ข้อมลู วิธนี ีจ้ ะต้องกาหนดวิธีการ ทจ่ี ะไมใ่ ห้ทุกสถานสี ่งข้อมูลพร้อมกัน เพราะจะทาให้ข้อมูลชนกันข้อดี การเช่ือมตอ่ แบบบสั คือ ใชส้ ื่อนาข้อมูลน้อย ชว่ ยให้ประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย และถา้ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเคร่ืองหนงึ่ เสียก็จะไม่สง่ ผลต่อการทางานของระบบโดยรวม
ข้อเสยี การตรวจจดุ ทีม่ ีปญั หา กระทาไดค้ ่อนข้างยาก และถา้ มจี านวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในเครอื ข่ายมากเกนิ ไป จะมีการส่งขอ้ มูลชนกันมากจนเป็นปัญหา จาเปน็ ต้องใช้วงจรส่อื สารและซอฟต์แวรเ์ ข้ามาช่วยเพือ่หลกี เล่ียงการชนกันของสัญญาณข้อมลู และถ้ามีอปุ กรณต์ วั ใดตัวหนงึ่ เสียหาย อาจสง่ ผลให้ท้งั ระบบหยดุทางานได้ 3.2.2 โครงสร้างแบบดาว (Star Topology) เป็นเครอื ข่ายท่ีเช่อื มต่อคอมพิวเตอร์ เข้ากบั อุปกรณท์ ี่เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง ของเครอื ข่าย โดยการนาสถานีต่าง ๆ มาตอ่ รว่ มกนั กบั หน่วยสลบั สายกลางการติดต่อส่อื สารระหวา่ งสถานีจะกระทาได้ ด้วยการ ติดตอ่ ผ่านทางวงจรของหน่วนสลับสายกลางการทางานของหน่วยสลับสายกลางจงึ เปน็ ศูนยก์ ลางของการตดิ ตอ่ วงจรเช่อื มโยงระหว่างสถานตี ่าง ๆ ท่ีตอ้ งการติดต่อกันข้อดี ถ้าต้องการเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่กส็ ามารถทาไดง้ ่ายและไม่กระทบตอ่ เครื่องคอมพิวเตอร์อืน่ ๆในระบบขอ้ เสยี ค่าใชจ้ ่ายในการใชส้ ายเคเบล้ิ จะค่อนข้างสูง และเมื่อฮบั ไมท่ างาน การส่ือสารของคอมพวิ เตอรท์ ้งั ระบบก็จะหยุดตามไปดว้ ย ข้อจากัด ถ้าฮับเสยี หายจะทาให้ทง้ั ระบบตอ้ งหยุดซะงัก และมีความส้ินเปลืองสายสญั ญาณมากกว่าแบบอ่นื ๆ
3.2.3 โครงสรา้ งแบบวงแหวน (Ring Topology)topology) เปน็ เครือข่ายท่เี ชอ่ื มต่อคอมพวิ เตอร์ด้วยสายเคเบิลยาวเส้นเดียว ในลกั ษณะวงแหวน การรับส่งขอ้ มูลในเครือขา่ ยวงแหวน จะใช้ทศิ ทางเดยี วเท่านน้ั เมอ่ื คอมพิวเตอรเ์ ครื่องหน่งึ สง่ ข้อมลู มนั กจ็ ะสง่ ไปยังคอมพวิ เตอรเ์ ครื่องถัดไป ถา้ ขอ้ มลู ทร่ี บั มาไมต่ รงตามท่คี อมพิวเตอร์เครอ่ื งตน้ ทางระบุ มันกจ็ ะส่งผา่ นไปยัง คอมพิวเตอรเ์ ครื่องถัดไปซ่งึ จะเปน็ ขั้นตอนอยา่ งนี้ไปเรอ่ื ย ๆ จนกวา่ จะถงึ คอมพวิ เตอร์ปลายทางท่ถี ูกระบุตามที่อยู่ขอ้ ดี ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ่เี สียออกจากระบบ กจ็ ะไมส่ ่งผลต่อการทางานของระบบเครือข่ายนี้ และจะไมม่ ีการชนกันของข้อมลู ท่ีแตล่ ะเครอื่ งสง่ขอ้ เสยี ถ้าเคร่ืองใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายเสียหาย อาจทาใหท้ งั้ ระบบหยุดทางานได้ 3.2.4 โครงสรา้ งแบบต้นไม้ (Tree Topology) มลี ักษณะเช่อื มโยงคล้ายกบั โครงสรา้ งแบบดาวแต่จะมโี ครงสร้างแบบต้นไม้ โดยมีสายนาสญั ญาณแยกออกไปเป็นแบบกง่ิ ไม่เป็นวงรอบ โครงสร้างแบบนีจ้ ะเหมาะกบั การประมวลผลแบบกลมุ่ จะประกอบดว้ ยเครื่องคอมพิวเตอรร์ ะดับต่างๆกนั อยู่หลายเครอ่ื งแล้วต่อกันเปน็ ชน้ั ๆ ดรู าวกบั แผนภาพองค์กร แตล่ ะกลมุ่ จะมโี หนดแม่ละโหนดลูกในกลุม่ นัน้ ท่ีมกี ารสมั พนั ธก์ นั การสื่อสารขอ้ มลู จะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอืน่ ๆได้ท้ังหมด เพราะทุกสถานีจะอยูบ่ นทางเชอ่ื ม และรบั สง่ ข้อมูลเดียวกนั ดังน้นั ในแต่ละกล่มุ จะสง่ ข้อมลู ได้ทีละสถานีโดยไม่สง่ พรอ้ มกัน ขอ้ ดี 1. รองรับการขยายเครือข่ายในแตล่ ะจุด 2. รองรับอปุ กรณจ์ ากผูผ้ ลิตท่ีแตกตา่ งกนั ขอ้ เสีย 1.ความยาวของแตล่ ะเซก็ เมนต์อาจแตกตา่ งกันไปข้ึนอยู่กบั สายสญั ญาณทีใ่ ช้ 2.หากสายสัญญาณแบ๊กโบนเสียหาย เครือขา่ ยจะไมส่ ามารถสอ่ื สารกนั ได้ 3.การตดิ ตงั้ ทาได้ยากกวา่ โพโลยีแบบอ่ืน
3.2.5โครงสรา้ งแบบผสม (Hybrid Topology) เป็นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ท่ผี สมผสานระหว่างรปู แบบต่างๆหลายๆแบบเข้าดว้ ยกนั คือจะมเี ครอื ข่ายคอมพิวเตอรย์ ่อย ๆ หลาย ๆ เครือข่ายเพอ่ื ใหเ้ กดิประสทิ ธภิ าพสงู สุดในการทางานข้อดี1. ไมต่ อ้ งเสียคา่ ใช้จ่ายในการวางสายเคเบิลมากนัก2. สามารถขยายระบบได้ง่าย3. เสียค่าใชจ้ ่ายน้อยข้อเสยี1. อาจเกิดข้อผิดพลาดงา่ ย เนอื่ งจากทกุ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ต่อยบู่ นสายสญั ญาณเพยี งเส้นเดยี ว ดงั นัน้ หากมีการขาดท่ีตาแหน่งใดตาแหน่งหนง่ึ ก็จะทาให้เครื่องอืน่ ส่วนใหญ่หรอื ท้ังหมดในระบบไมส่ ามารถใช้งานได้ตามไปด้วย2. การตรวจหาโหนดเสีย ทาได้ยากเนื่องจากขณะใดขณะหนึ่งจะมีคอมพิวเตอรเ์ พียงเคร่ืองเดยี วเทา่ น้นั ท่ีสามารถสง่ ข้อความออกมาบนสายสญั ญาณ ดงั น้ันถ้ามเี คร่ืองคอมพิวเตอรจ์ านวนมากๆ อาจทาใหเ้ กดิ การคบัคง่ั ของเนตเวริ ์ก ซง่ึ จะทาให้ระบบช้าลงได้
3.2.6โครงสร้างแบบเมซ (Mesh Topology) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอรท์ ี่ไดร้ บั ความนิยมมากและมีประสทิ ธภิ าพสงู ตามลาดบั เพราะเม่ือเสน้ ทางของการเชื่อมตอ่ ข้อมูลคู่ใดคู่หนง่ึ เกิดปญั หาหรอื ขาดจากกัน การติดต่อสอ่ื สารระหว่างกนั ยังสามารถติดตอ่ กนั ได้ดว้ ยอุปกรณ์จัดเส้นทาง (Router) ซงึ่ จะเชอื่ มตอ่เส้นทางใหม่ ไปยังจดุ หมายปลายทางโดยอัตโนมตั ิ การเช่อื มตอ่ แบบเมชนมี้ ักเปน็ เครือข่ายแบบไรส้ ายข้อดีในกรณสี ายเคเบล้ิ บางสายชารดุ เครือขา่ ยทัง้ หมดยังสมารถใชไ้ ด้ ทาใหร้ ะบบมเี สถียรภาพสงู นยิ มใชก้ ับเครือข่ายทต่ี ้องการเสถียรภาพสงู และเครอื ข่ายทมี่ ีความสาคัญข้อเสยีสิน้ เปลืองค่าใช้จ่าย และสายเคเบล้ิ มากกว่าการต่อแบบอ่นื ๆยากต่อการตดิ ตง้ั เดินสาย เคล่อื นยา้ ยปรบั เปลย่ี นและบารุงรักษาระบบเครือข่าย3.3 สว่ นประกอบของเครือข่าย สว่ นประกอบของเครือข่าย ( Network Component ) ในชีวิตประจาวนั ของเรานัน้ เกี่ยวข้องกบัเครอื ข่ายตลอดเวลา เพระทุกการติดต่อสอ่ื สารนัน้ ต้องผ่านระบบเครือขา่ ยมาแล้วทง้ั สิ้น ไม่วา่ จะเป็น โทรศัพท์SMS ATM วิทยุ โทรทัศน์ ลว้ นเปน็ ระบบเครือขา่ ยท้ังสนิ้ โดยที่ Internet เป็นระบบเครอื ขา่ ยท่ีใหญท่ ี่สดุ ในโลก ในทน่ี ีจ้ ะกล่าวถึงสว่ นประกอบของระบบเครือขา่ ย ซ่งึ ประกอบไปดว้ ย· เครอ่ื งบรกิ ารข้อมลู (Server)· เครื่องลูกข่ายหรือสถานี (Client)· การ์ดเครือข่าย (Network Interface Cards)· สายเคเบิลทใ่ี ชบ้ นเครือขา่ ย (Network Cables)· ฮับหรือสวิตช์ (Hubs and Switches)· ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่าย (Network operating System)
3.3.1 เคร่อื งศนู ยบ์ ริการขอ้ มูล โดยมักเรียกว่า เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ เป็นคอมพวิ เตอรท์ ท่ี าหน้าที่บรกิ ารทรัพยากรให้กบั เคร่ืองลูกขา่ ย เช่น การบริการไฟล์ การบรกิ ารงานพิมพ์ เป็นตน้ เนือ่ งจากเครอ่ื งเซฟเวอร์มักต้องรับภารกจิ หนกั ในระบบจึงมักใชเ้ คร่อื งท่ีมีขดี ความสามารถมาเปน็ เครอื่ งแมข่ า่ ย3.3.2 เครื่องลกู ข่ายหรอื สถานเี ครือข่าย เครอ่ื งลูกขา่ ยเปน็ คอมพิวเตอร์ที่เชอื่ มตอ่ เข้ากบั ระบบเครือขา่ ย ซึง่อาจเรียกว่า เวริ ์กสเตชัน ก็ได้ โดยมักเปน็ เครือ่ งของผใู้ ชง้ านทั่วไปสาหรับติดต่อเพื่อขอใช้บริการจากเซริ ์ฟเวอร์ซึง่ สามารถจะขอหรอื นา software ท้งั ข้อมูลจากเครือ่ งแม่ข่ายมาประมวลผลใชง้ านได้และยังตดิ ต่อสอ่ื สารรบั -ส่งขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์เคร่ืองอ่นื ๆในเครือข่ายได้3.3.3 การ์ดเครอื ขา่ ย แผงวงจรสาหรบั ใชใ้ นการเช่อื มต่อสายสัญญาณของเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ทกุ เครอื่ งในเครอื ข่ายจะต้องมีอุปกรณน์ ้ี และหน้าทขี องการ์ดก็คือ แปลงสญั ญาณของคอมพิวเตอรส์ ่งผ่านไปตามสายสัญญาณทาให้คอมพิวเตอรใ์ นเครือข่ายแลกเปลีย่ นข้อมลู กันได้3.3.4 สายเคเบลิ ทใี่ ช้บนเครือข่าย เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์จาเปน็ ตอ้ งมีสายเคเบลิ เพอื่ ใช้สาหรับเช่อื มตอ่คอมพิวเตอรต์ ่าง ๆ ให้อยู่บนเครือข่ายเดยี วกนั เพือ่ ส่ือสารกันได้ นอกจากน้เี ครือข่ายยังสามารถสื่อสารระหว่างกนั โดยไม่ใช้สายกไ็ ด้ เรียกวา่ เครือข่ายไร้สายโดยสามารถใช้คลืน่ วทิ ยหุ รืออนิ ฟาเรด เป็นตวั กลางในการปลงสญั ญาณ อีกทัง้ ยงั สามารถนาเครือข่ายแบบมีสายและเครือขา่ ยแบบไร้สายมาเชื่อมตอ่ เขา้ ด้วยกนั เป็นเครอื ข่ายเดยี วกนั ได้3.3.5 ฮับและสวิตช์ เปน็ อุปกรณฮ์ บั และสวิตชม์ ักนาไปใช้เป็นศูนย์กลางของสายเคเบิลที่เชอ่ื มต่อเครือขา่ ยเข้าไว้ด้วยกนั ซึง่ ฮับหรือสวิตช์จะมพี อร์ตเพ่ือให้สายเคเบิลเช่ือมต่อเขา้ ระหวา่ งฮบั กับคอมพิวเตอร์ โดยจานวนพอร์ตจะขน้ึ อยู่กับแตล่ ะชนดิ เชน่ แบบ 4 , 8, 16 , 24 พอร์ต ยังสามารถนาฮับหรอื สวิตช์หลายๆตัว มาเชือ่ มตอ่ เข้าด้วยกนั เพื่อขยายเครอื ขา่ ยได้อีกด้วย3.3.6 ระบบปฏบิ ัติการเครอื ขา่ ย เครอ่ื งแม่ข่ายของระบบจาเป็นต้องติดต้ังระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยไว้ เพื่อทาหนา้ ทคี่ วบคุมและรองรับการทางานของเครอื ข่ายไว้ เครือขา่ ยท่ีมีประสิทธภิ าพจาเปน็ ต้องพึ่ง Software ท่ีมปี ระสทิ ธิภาพตามด้วยเชน่ กัน
3.4 รูปแบบของเครือข่าย 3.4.1. Client/Server เครือข่ายแบบ Client/Server เป็นรูปแบบหนึ่งของเครือข่ายแบบ server-based โดยจะมีคอมพิวเตอร์หลักเคร่ืองหนึ่งเปน็ เซิร์ฟเวอร์ ซ่ึงจะไม่ไดท้ าหน้าทปี่ ระมวลผลทั้งหมดให้เครื่องลกู ขา่ ยหรือเคร่ืองไคลเอนต์ (client) แต่เซิร์ฟเวอร์จะทาหน้าท่ีเสมือนเป็นท่ีเก็บข้อมูลระยะไกล และประมวลผลบางอย่างให้กบัเครื่องไคลเอนต์เท่าน้ัน เช่น ประมวลผลคาสั่งในการดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล (database server)เป็นต้นขอ้ ดี/ข้อดอ้ ยของ Client / Server-ใหป้ ระสิทธิภาพในการแบ่งปันการใชง้ านทรัพยากรแก่ไคลเอนต์ได้ดกี วา่ เน่ืองจากคอมพิวเตอร์ที่ถูกนามาใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์มักเป็นเครื่องท่ีมีประสิทธภิ าพสงู-การรักษาความปลอดภยั สามารถทาไดด้ ีกว่าเนื่องจากการดูแลความปลอดภยั เป็นไปในรูปแบบรวมศนู ย์ (Centralized) ผูใ้ ชง้ านทจี่ ะเข้ามาส่เู ครือข่ายเพื่อใช้งานเซิร์ฟเวอร์จะต้องไดร้ บั อนุญาตเสียกอ่ น-งา่ ยตอ่ การบริหารจัดการหากเครือข่ายถูกขยายขนาด รวมท้งั มผี ใู้ ช้งานเพมิ่ ข้นึ-สามารถตดิ ตัง้ แอพพลิเคชนั (Application) ไว้ทเี่ ซริ ์ฟเวอรเ์ พยี งชุดเดยี ว และแบง่ ใชง้ านแกผ่ ูใ้ ช้งานเป็นจานวนมาก ทาให้ประหยัดคา่ ใช้จา่ ยในเร่ืองซอฟต์แวร์ไดด้ ี-สามารถสารองหรือทาสาเนาข้อมูลที่ศูนย์กลาง ทาใหส้ ะดวกรวดเร็วขอ้ ด้อยของการตอ่ แบบ Client / Server-คา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ต้ังเซิรฟ์ เวอร์ 1 ตัวสงู กวา่ คอมพวิ เตอรท์ ่ัวไป อีกทั้งผดู้ แู ลจะต้องมีความรู้พอสมควร- จะต้องมผี ดู้ ูแลและจดั การเซิรฟ์ เวอรเ์ ปน็ การเฉพาะ -Web Server ทาหนา้ ท่ี เครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ี่มปี ระสิทธภิ าพสูงทาหน้าท่ี เป็น Server ใหบ้ รกิ าร World Wide Web (WWW) หรือทรี่ ู้จกั กันว่า Homepage Web server คอื บรกิ าร HTTP (Hyper Text Transfer Protocol) เพ่ือให้ผู้ใชส้ ามารถอา่ นข้อมลู ทง้ั ภาพ และเสียง จากเครื่องบรกิ าร ผา่ น Browser เชน่ ริการ http://www.9inter.com หรือ http://localhost เป็น ตน้
- Mail server ทาหน้าที่ เครื่องคอมพิวเตอรท์ ่ีมหี น้าที่ในการรบั (Incomming) และ ส่งอเี มล์ (Outgoing) รวมถงึ ตอ้ งเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตนเองดว้ ย, ดงั นัน้ คอมพิวเตอร์ท่ี ใช้ตามบ้านคงไม่เหมาะที่จะเอามาทา Email Server แนน่ อน จึงตอ้ งใชอ้ ปุ กรณ์ทม่ี ีความคงทนและมี ความรวดเร็วมากกว่าปกติ ซ่งึ เปน็ ชอ่ื เรียกตามมาว่า Server หรือ Email Server นน่ั เอง - File Server ทาหน้าทจี่ ดั เก็บไฟล์ โดยการจัดเกบ็ ไฟลจ์ ะทาเสมือนเปน็ ฮาร์ดดสิ กร์ วมศนู ย์ เสมือน ว่าผู้ใช้งานทุกคนมีท่ีเกบ็ ข้อมูลอยู่ทีเ่ ดยี ว เพราะควบคุม-บริหารงา่ ย การสารองขอ้ มูล การ Restore งา่ ย ข้อมูลดังกล่าว Shared ใหก้ บั Client ได้ โดยส่วนมากขอ้ มูลที่อยู่ใน File Server คือ โปรแกรม และข้อมลู (Personal Data File) โดยปกติแล้วเซริ ์ฟเวอรไ์ ม่มหี น้าที่ต้องประมวลขอ้ มูลเหลา่ น้ี เป็น เพียงแหล่งเก็บข้อมูล ปัจจบุ ัน File Server ไมไ่ ด้ทาหนา้ ท่เี พยี งจดั เกบ็ ไฟล์แบบ Local แลว้ แต่มีผู้ ใหบ้ ริการพ้นื ทีฟ่ รีในฮารด์ ดิสก์หลายๆแหง่ ให้บริการพนื้ ที่ฟรผี ่านอนิ เตอรเ์ นต็ ดว้ ย เช่น 100 MB 200 MB ซง่ึ เหมาะสาหรบั การเก็บไฟลท์ ่ีต้องการสารองไว้ - Print Server ทาหน้าที่ แบง่ ให้พรินเตอร์ที่ออกแบบมาสาหรบั การทางานมากๆ เช่น HP Laser 5000 พิมพ์ได้ 10 – 24 แผ่นตอ่ นาที พรินเตอร์ประเภทน้ี ความสามารถในการทางานสูง ถา้ หากซ้ือ มาเพ่ือใช้งานเพียงคนเดยี ว แต่ละวนั พิมพ์ 50 แผ่น กจ็ งึ ต้องมีกระบวนการจดั การแบ่งปันพรนิ เตอร์ ดังกล่าวให้กับผู้ใชท้ ุกๆ คนในสานกั งาน หน้าทีใ่ นการแบ่งปัน กป็ ระกอบด้วย การจัดคิว ใครส่ังพิมพ์ กอ่ น การจดั การเรื่อง File Spooling เปน็ ของเซริ ์ฟเวอร์ ท่ีมีชื่อวา่ Print Server 3.4.2 Peer to Peer มลี ักษณะอย่างไร และมีขอ้ ดี-ข้อเสียอย่างไรเครือข่ายของคอมพวิ เตอร์กาหนดให้ไฟลแ์ ละโฟลเดอรท์ จี่ ะใช้ร่วมกนั ได้ ระบบเครือขา่ ย peer-to-peer พบมากบ่อยในสานักงานขนาดเล็กที่ไม่ได้ใชไ้ ฟล์เซริ ์ฟเวอรเ์ ฉพาะ เครือขา่ ย peer-to-peer คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกันแตล่ ะคู่ (เช่ือมตอ่ 1 ตอ่ 1) ไมม่ ี เซิร์ฟเวอร์(server) เครอื่ งคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองความสามารถเท่ากนัเหมอื นเพื่อนกัน ซงึ่ สามารถใชไ้ ดท้ ้ัง Windows, Mac and Linux ในระบบเครอื ข่าย peer-to-peer และสามารถใช้ข้อมูลรว่ มกนั ได้ ข้อดีของการต่อแบบ Peer to Peer · คอมพวิ เตอร์หรอื โฮสต์ (Host) แตล่ ะตวั บนเครอื ข่าย ตา่ งทาหนา้ ทเ่ี ป็นท้ังเซิรฟ์ เวอรแ์ ละ ไคลเอนต์ (Client) ในตวั · ไม่ต้องตดิ ต้ังเซริ ์ฟเวอร์ต่างหากเป็นการเฉพาะ · ไมต่ ้องมีการวางแผนหรือบริหารจดั การท่ียุ่งยาก เม่ือเทียบกบั เครือข่ายท่ีใชเ้ ซริ ฟ์ เวอรเ์ ป็น คอมพิวเตอร์หลัก · ผ้ใู ชง้ านคอมพิวเตอรแ์ ตล่ ะคนทาหน้าทดี่ ูแลรักษาความปลอดภัยกนั เอง · ผใู้ ชง้ านประจาเคร่ืองทาหน้าทีเ่ ป็นผ้ใู ชง้ านและบริหารจดั การคอมพิวเตอร์กนั เอง
ข้อด้อยของการต่อแบบ Peer to Peer · มขี ้อจากัดท่ีจานวนของผู้ใชง้ าน · เมือ่ จานวนของผ้ใู ชง้ านมีเพ่ิมขึน้ จะเกดิ ปัญหาเกยี่ วกบั การบรหิ ารจัดการขนึ้ · ปัญหาของการรกั ษาความปลอดภัยเกิดขึ้นเมือ่ ปริมาณของผู้ใช้งานเพมิ่ มากขน้ึ · การขยายเครอื ขา่ ยทาได้อย่างจากัด รวมทั้งไม่สามารถรองรบั การเปล่ยี นแปลงทางเทคโนโลยีของ เครือข่ายไดด้ ี3.5 อุปกรณ์ที่ใชเ้ ชอื่ มต่อระบบเครือข่าย 1. การ์ดเครือขา่ ย (Network Interface Card) หรอื การ์ดแลน หรืออเี ทอร์เน็ตการ์ด ทาหนา้ ทใ่ี นการเช่อื มต่อคอมพิวเตอร์ทใ่ี ช้งานอยู่เข้ากบั ระบบเครือขา่ ยได้ เช่น ในระบบแลนเครื่องคอมพวิ เตอร์ทุกเครอ่ื งในเครอื ข่ายจะต้องมีการด์ เครือขา่ ยท่ีเชื่อมโยงด้วยสายเคเบิลจงึ สามารถทาให้เครือ่ งติดต่อเครือข่ายได้ 2. ฮับ (Hub) คือ อุปกรณ์ท่ีรวมสัญญาณท่ีมาจากอุปกรณ์รับส่งหลาย ๆ สถานีเข้าด้วยกัน ฮับเปรียบเสมือนเป็นบัสท่ีรวมอยู่ที่จุดเดียวกัน ฮับท่ีใช้งานอยู่ภายใต้มาตรฐานการรับ-ส่งแบบอีเทอร์เน็ต หรือIEEE802.3 ข้อมูลท่ีรบั -ส่งผ่านฮับจากเครือ่ งหน่ึงกระจายไปยังทุกสถานีที่ติดต่ออยบู่ นฮบั นน้ั ดังน้ันทกุ สถานีจะรับสัญญาณข้อมูลท่ีกระจายมาได้ทั้งหมดแต่จะเลือกคัดลอกเฉพาะข้อมูลท่ีส่งมาถึงตนเท่าน้ัน การตรวจสอบข้อมลู จึงตอ้ งดแู อดเดรส (address) ที่กากับมาในกลุม่ ของข้อมูลหรอื แพ็กเกจ
3. สวติ ช์ (Switch) คอื อุปกรณ์รวมสัญญาณท่ีมาจากอปุ กรณร์ ับ-ส่งหลายสถานีเช่นเดยี วกบั ฮับ แต่มขี ้อแตกต่างจากฮบั คือ การรับ-สง่ ข้อมูลจากสถานีหรอื อุปกรณ์ตวั หน่งึ จะไม่กระจายไปยงั ทุกสถานีเหมอื นฮับท้ังน้เี พราะสวติ ชจ์ ะรบั กลมุ่ ข้อมูลหรอื แพ็กเกจมาตรวจสอบก่อน แลว้ ดวู ่าแอดเดรสของสถานหี ลายทางไปที่ใดสวติ ชจ์ ะลดปัญหาการชนกันของขอ้ มูลเพราะ ไม่ต้องกระจายข้อมลู ไปทุกสถานี และยังมีขอ้ ดีในเร่ืองการปอ้ งกนั การดกั จบั ข้อมูลทก่ี ระจายไปในเครือขา่ ย 4. บรดิ จ์ (Bridge) คอื อุปกรณ์ทเ่ี หมาะสมกับเครือขา่ ยหลาย ๆ กลุ่มท่ีเช่ือมต่อกนั เนอื่ งจากสามารถแบ่งเครือข่ายท่เี ช่ือมต่อกนั หลาย ๆ เซ็กเมนต์แยกออกจากกันได้ ทาให้ขอ้ มูลในแต่ละเซ็กเมนต์ไมต่ ้องวง่ิ ไปท่วัทั้งเครือข่าย กล่าวคือ บริดจส์ ามารถอา่ นเฟรมข้อมลู ท่ีส่งมาได้ว่ามาจากเครอื่ งในเซ็กเมนต์ใด จากน้ันจะทาการสง่ ขอ้ มลู ไปยงั เครื่องซ่ึงอาจอยู่ในเซ็กเมนต์เดียวกันหรือตา่ งเซ็กเมนต์ก็ได้ ซ่ึงความสามารถดังกลา่ วทาใหช้ ่วยลดปัญหาความคับค่ังของข้อมูลในระบบได้
5. รีพตี เตอร์ (Repeater) คือ อปุ กรณท์ วนสัญญาณเพื่อใหส้ ามารถสง่ ข้อมูลถงึ กันไดร้ ะยะไกลข้ึนคือ รีพีตเตอรจ์ ะปรับรปู แบบเดมิ เพื่อไดส้ ญั ญาณสามารถส่งต่อไปได้อกี เชน่ การเชื่อมต่อเครือข่ายแลนหลายๆ เซก็ เมนต์ ซ่ึงความยาวของแตล่ ะเซ็กเมนตน์ ั้นจะมรี ะยะทางทจ่ี ากัด ดงั น้นั อปุ กรณ์อย่างรีพีตเตอร์จะช่วยแกไ้ ขปัญหาเหลา่ น้ีได้ 6. โมเด็ม (Modem) คือ อุปกรณท์ ี่ทาหน้าท่แี ปลงสญั ญาณคอมพิวเตอร์ใหส้ ามารถเชื่อมคอมพิวเตอร์ทอ่ี ยูร่ ะยะไกลเข้าหากนั ไดด้ ้วยการผ่านสายโทรศัพท์ โดยโมเด็มจะทาหนา้ ที่แปลงสัญญาณ ซ่ึงแบง่ออกเปน็ ทง้ั ภาคสง่ และภาครับ โดยภาคสง่ จะทาการแปลงสัญญาณคอมพวิ เตอรใ์ ห้เปน็ สัญญาณโทรศัพท์(Digital to Analog) ในขณะทภ่ี าครบั น้นั จะทาการแปลงสัญญาณโทรศัพท์กลบั มาเป็นสัญญาณคอมพวิ เตอร์(Analog to Digital) ดังน้ัน ในการเช่อื มต่อเครือข่ายระยะไกลๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต จงึ จาเปน็ ตอ้ งใชโ้ มเดม็ โดยโมเด็มมีท้ังแบบภายใน (Internal Modem) ที่มีลกั ษณะเป็นการด์ โมเด็มภายนอก (External Modem) ที่มีลกั ษณะเปน็ กล่องแยกออกต่างหาก และรวมถงึ โมเด็มท่ีเป็น PCMCIA ทม่ี กั ใชก้ บั เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบคุ๊ โมเด็มภายนอกและภายใน
7. เราเตอร์ (Router) ในการเช่อื มโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะต้องมีการเชอื่ มโยงหลายๆ เครอื ข่ายหรืออปุ กรณ์หลายอย่างเขา้ ด้วยกนั ดังนน้ั จงึ มีเสน้ ทางเข้า - ออกของขอ้ มลู ไดห้ ลายเส้นทาง และแต่ละเส้นทางอาจใช้เทคโนโลยเี ครือข่ายท่ีต่างกัน อุปกรณจ์ ัดเส้นทางจะทาหน้าที่หาเสน้ ทางที่เหมาะสมเพื่อให้การส่งข้อมลู เปนไปอย่างมปี ระพสิทธิภาพ การท่ีอปุ กรณจ์ ัดหาเส้นทางตอ้ งรบั รู้ตาแหนง่ และสามารถนาข้อมลู ออกเส้นทางได้ถูกต้องตามตาแหน่งแอดเดรสท่ีกากับอยูเ่ สน้ ทางนน้ั 8. เกตเวย์ (Gateway) คอื อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ทช่ี ว่ ยในการส่อื สารข้อมลู หนา้ ท่ีหลักของเกตเวย์คือ ช่วยทาใหเ้ ครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 2 เครอื ข่าย หรือมากกว่าทม่ี ีลกั ษณะไม่เหมือนกนั คือ ลักษณะของการเชือ่ ต่อ (Connectivity) ของเครือข่ายท่ีแตกต่างกัน และมโี พรโตคอลสาหรับการส่ง - รับขอ้ มลู ต่างกนั เชน่LAN เครือหน่ึงเปน็ แบบ Ethernet และ โพรโตคอลแบบอะซงิ โครนัส ส่วน LAN อีกเครือข่ายหนง่ึ เป็นแบบToken Ring และใช้โพรโตคอลแบบซงิ โครนัสเพ่ือให้สามารถตดิ ต่อกนั ไดเ้ สมือนเป็นเครือขา่ ยเดียวกนั เพื่อกาจัดวงให้แคบลงมา เกตเวย์โดยท่ัวไปจะใชเ้ ป็นเคร่ืองมือส่ง - รับข้อมลู กนั ระหวา่ ง LAN 2 เครอื ข่ายหรือLAN กับเครื่องคอมพิวเตอรเ์ มนเฟรม หรือระหวา่ ง LAN กบั WAN โดยผา่ นเครอื ขา่ ยโทรศัพทส์ าธารณะ เช่นX.25 แพก็ เกจสวติ ซ์ เครือขา่ ย ISDN เทเล็กซ์ หรือเครือข่ายทางไกลอนื่
9. สายสญั ญาณ เปน็ สายสาหรบั เช่ือมต่อเครื่องคอมพวิ เตอรต์ า่ งๆในระบบเขา้ ด้วยกนั หากเปน็ระบบทม่ี ีจานวนเครอ่ื งมากกวา่ 2 เครอื่ งกจ็ ะต้องต่อผ่านฮับอกี ทหี น่ึง โดยสายสัญญาณสาหรับเชือ่ มต่อเครือ่ งในระบบเครือขา่ ย จะมีอยู่ 2 ประเภท คอื- สาย Coax มีลกั ษณะเปน็ สายกลม คลา้ ยสายโทรทศั น์ สว่ นมากจะเป็นสดี าสายชนิดน้จี ะใชก้ ับการด์ LANทใ่ี ชค้ อนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถสง่ สญั ญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนี้จะต้องใช้ตัว TConnector สาหรบั เชอ่ื มตอ่ สายสญั ญาณกับการ์ด LAN ตา่ งๆในระบบ และต้องใชต้ ัว Terminator ขนาด 50โอห์ม สาหรบั ปิดหัวและทา้ ยของสาย- สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็นสายสาหรบั การด์ LAN ที่ใชค้ อนเนก็ เตอร์แบบ RJ-45สามารถส่งสญั ญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคุณใข้สายแบบน้จี ะต้องเลอื กประเภทของสายอีกโดยท่วั ไปนิยมใชก้ ัน 2 รนุ่ คือ CAT 3 กบั CAT5 ซง่ึ แบบ CAT3 จะมคี วามเรว็ ในการส่งสัญญาณ10 Mbpsและแบบ CAT 5 จะมคี วามเร็วในการสง่ ข้อมูลที่ 100 Mbps แนะนาว่าควรเลอื กแบบ CAT 5 เพ่ือการอัพเกรดในภายหลังจะได้ไม่ต้องเดินสายใหม่ ในการใช้งานสายนี้ สาย 1 เส้นจะต้องใช้ตัว RJ - 45Connector จานวน 2 ตวั เพื่อเป็นตัวเชอ่ื มต่อระหว่างสายสัญญาณจากการ์ด LAN ไปยังฮับหรือเคร่อื งอ่นืเช่นเดยี วกบั สายโทรศพั ท์ ในกรณีเปน็ การเช่ือมต่อเคร่ือง 2 เครอ่ื งสามารถใช้ตอ่ ผ่านสายเพยี งเสน้ เดียไดแ้ ต่ถ้ามากกวา่ 2 เครื่อง ก็จาเป็นต้องต่อผา่ นฮับ
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: