สอื่ กลางการสง่ ขอ้ มลู7.1 ส่อื กลางแบบสายสญั ญาณ 1.สายโคแอกเชียล (Coaxial) สายโคแอกเชียล (Coaxial) เป็นตัวกลางเชอ่ื มโยงท่มี ีลักษณะเช่นเดียวกับ สายท่ตี อ่ จากเสาอากาศของโทรทัศน์ สายโคแอกเชียลที่ใชท้ ่วั ไปมี 2 ชนดิ คือ 50 โอห์ม ซึ่งใช้สง่ ขอ้ มลู แบบดจิ ิตอล และ ชนดิ 75 โอห์ม ซง่ึ ใช้สง่ ขอ้ มูลสญั ญาณอนาล็อก สายประกอบด้วยลวดทองแดงท่เี ปน็ แกนหลักหน่ึง เสน้ ทห่ี ุ้มดว้ ยด้วยฉนวนอกี ช้นั หนึง่ เพ่อื ป้องกันกระแสไฟฟา้ ร่วั จากนน้ั จะ หุม้ ด้วยตัวนาซึ่งทาจากลวดทองแดงถกั เปน็ เปียเพอื่ ป้องกันการรวบกวน ของคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และสญั ญาณรวบกวนอืน่ ๆ ก่อนจะหุ้มช้ันนอกสดุ ดว้ ยฉนวนพลาสตกิ ลวดทองแดงที่ถกั เป็นเปยี น้เี องเป็นสว่ นที่ทาให้สวย แบบนมี้ ชี ่วงความถี่สัญญาณไฟฟา้ สามารถผ่านได้สูงมากและนิยมใชเ้ ป็น ช่องสือ่ สารสญั ญาณอนาล็อกเชื่อมโยงผา่ นใต้ทะเลและใตด้ ิน ขอ้ ดีและขอ้ เสยี ของสายโคแอกเชยี ล ข้อดี 1. ราคาถูก 2. มีความยืดหยุ่นในการใชง้ าน 3. ตดิ ตงั้ ง่าย และมีน้าหนกั เบา ขอ้ เสีย 1. ถกู รบกวนจากสญั ญาณภายนอกได้งา่ ย 2. ระยะทางจากดั 2.สายคู่บดิ เกลยี ว (Twisted pair) ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงทีห่ ุ้มด้วยฉนวนพลาสตกิ 2 เสน้พนั บิดเป็นเกลียว ท้งั นเี้ พื่อลดการรบกวนจากคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าจากคสู่ ายขา้ งเคยี งภายในสายเดียวกนั หรือจากภายนอก เนอ่ื งจากสายคบู่ ดิ เกลียวนยี้ อมให้สัญญาณไฟฟา้ ความถส่ี งู ผา่ นได้ สาหรบั อตั ราการสง่ ขอ้ มูลผา่ นสายค่บู ดิ เกลยี วจะขึ้นอยู่กับความหนาของสายดว้ ย กลา่ วคอื สายทองแดงที่มเี สน้ ผา่ นศนู ย์กลางกว้าง จะสามารถสง่ สญั ญาณไฟฟา้ กาลังแรงได้ ทาใหส้ ามารถส่งขอ้ มูลด้วยอัตราส่งสูง โดยท่ัวไปแลว้ สาหรบั การสง่ขอ้ มูลแบบดจิ ทิ ัล สญั ญาณทส่ี ง่ เปน็ ลกั ษณะคลน่ื สเ่ี หลย่ี ม สายคู่บิดเกลยี วสามารถใชส้ ่งข้อมลู ไดถ้ งึ ร้อยเมกะบติตอ่ วินาทีในระยะทางไมเ่ กนิ ร้อยเมตร เนื่องจากสายคูบ่ ิดเกลยี วมีราคาไม่แพงมาก ใชส้ ่งข้อมลู ได้ดีจงึ มีการงานอยา่ งกว้างขวาง สายประเภทนมี้ ีด้วยกนั 2 ชนดิ คอื
-สายคบู่ ิดเกลยี วชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เป็นสายคบู่ ดิ เกลียวทห่ี ้มุ ดว้ ยลวดถักชั้นนอกท่หี นาอกี ช้ัน เพอ่ื ปอ้ งกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(นิยมนามาใชเ้ ปน็ สายโทรศัพท)์ -สายคบู่ ิดเกลยี วชนิดไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เปน็ สายคู่บดิ เกลียวมฉี นวนช้ันนอกทบ่ี างอีกชั้น ทาให้สะดวกในการโค้งงอ แต่สามารถปอ้ งกนั การรบกวนของคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ไดน้ ้อยกว่าชนิดแรก แต่ก็มีราคาต่ากว่า จึงนยิ มใชใ้ นการเชือ่ มต่ออปุ กรณใ์ นเครอื ขา่ ย ตัวอย่างของสายคูบ่ ิดเกลยี วชนิดไมห่ มุ้ ฉนวนท่เี ห็นในชีวติ ประจาวนั คือ สายโทรศัพท์ทใ่ี ชอ้ ย่ใู นบา้ น ขอ้ ดี 1. ราคาถูก 2. มคี วามยืดหยนุ่ ในการใช้งาน 3. ตดิ ตัง้ งา่ ย และมนี ้าหนักเบา ขอ้ เสยี 1. ถกู รบกวนจากสญั ญาณภายนอกได้งา่ ย 2. ระยะทางจากดั
3.เสน้ ใยนาแสง (Fiber Optic) มแี กนกลางของสายซึง่ ประกอบดว้ ยเสน้ ใยแก้วหรือพลาสตกิ ขนาดเลก็ หลายๆ เสน้ อยรู่ วมกัน เส้นใยแตล่ ะเสน้ มีขนาดเล็กเทา่ เสน้ ผมและภายในกลวง และเสน้ ใยเหล่านั้นไดร้ บัการห่อหมุ้ ด้วยเสน้ ใยอกี ชนดิ หนง่ึ ก่อนจะหมุ้ ชนั้ นอกสุดดว้ ยฉนวน การส่งข้อมลู ผ่านทางสื่อกลางชนิดนจี้ ะแตกตา่ งจากชนดิ อื่นๆ ซึง่ ใชส้ ัญญาณไฟฟา้ ในการสง่ แต่การทางานของสอื่ กลางชนิดนี้จะใชเ้ ลเซอรว์ ิง่ ผา่ นช่องกลวงของเส้นใยแตล่ ะเส้นและอาศัยหลักการหักเหของแสงโดยใชใ้ ยแกว้ ชั้นนอกเป็นกระจกสะทอ้ นแสง การให้แสงเคลอ่ื นทไ่ี ปในทอ่ แก้วสามารถส่งข้อมลู ด้วยอัตราความหนาแน่นของสญั ญาณข้อมูลสูงมาก และไมม่ กี ารก่อกวนของคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ ปัจจุบนั ถา้ ใชเ้ สน้ ใยนาแสงกบั ระบบอเี ทอรเ์ นต็ จะใช้ได้ด้วยอตั ราเร็วหลายร้อยเมกะบติ และเนอื่ งจากความสามารถในการส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแนน่ สงู ทาใหส้ ามารถสง่ ขอ้ มลู ท้ังตัวอักษร เสยี ง ภาพกราฟิก หรือวดี ีทศั น์ไดใ้ นเวลาเดียวกนั อีกทงั้ ยงั มคี วามปลอดภยั ในการส่งสงู แตอ่ ย่างไรก็มีขอ้ เสียเนอ่ื งจากการบิดงอสายสญั ญาณจะทาให้เสน้ ใยหกั จึงไมส่ ามารถใชส้ ่อื กลางนใ้ี นการเดนิ ทางตามมมุ ตกึได้ เสน้ ใยนาแสงมลี ักษณะพเิ ศษทใ่ี ชส้ าหรับเช่อื มโยงแบบจุดไปจดุ ดังนนั้ จึงเหมาะที่จะใช้กับการเชื่อมโยงระหว่างอาคารกบั อาคารหรือระหวา่ งเมืองกับเมอื ง เสน้ ใยนาแสงจึงถูกนาไปใช้เปน็ สายแกนหลัก ข้อดี 1. สง่ ข้อมูลดว้ ยความเรว็ สูง 2. ไมม่ ีการรบกวนทางแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 3. สง่ ขอ้ มลู ได้ในปรมิ าณมาก ข้อเสยี 1. มีราคาแพงกวา่ สายสง่ ขอ้ มลู แบบสายคตู่ เี กลยี วและโคแอกเชียล 2. ต้องใช้ความชานาญในการตดิ ต้งั 3. มคี ่าใชจ้ ่ายในการตดิ ตัง้ สงู กวา่ สายคู่ตีเกลยี วและโคแอกเชียล
7.2 สอ่ื กลางแบบไรส้ าย สอื่ กลางแบบไร้สายสญั ญาณ (Wireless Media) เป็นสอื่ กลางประเภททไ่ี มม่ ีวสั ดใุ ดๆในการนาสัญญาณแตจ่ ะใชอ้ ากาศเป็นสอ่ื กลาง ซ่ึงจะไมม่ กี ารกาหนดเส้นทางใหส้ ัญญาณเดนิ ทาง สือ่ หรอื ตัวกลางประเภทไรส้ ายมีดงั นี้ 1. อินฟราเรด (Infrared) เป็นสื่อสารทีใ่ ช้คลนื่ แสงทีไ่ ม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า สามารถสง่ข้อมลู ดว้ ยคลน่ื อินฟราเรดต้องส่งในแนวเสน้ ตรง และไม่สามารถทะลสุ ิง่ กีดขวางทม่ี คี วามหนาได้ นิยมใชใ้ นการส่งถ่ายโอนขอ้ มูลสาหรบั อปุ กรณแ์ บบพกพา เช่น โนต้ บุ๊กคอมพิวเตอร์ หรอื เครื่องพดี ีเอไปยังคอมพิวเตอร์สว่ นบคุ คล เปน็ ต้น ข้อดขี องคลน่ื อินฟราเรด: -ใช้พลงั งานน้อย จงึ นิยมใชก้ บั เคร่ือง Laptops, โทรศพั ท์ -แผงวงจรควบคมุ ราคาต่า (Low circuitry cost) เรยี บง่ายและสามารถเชอ่ื มต่อกับระบบอื่นได้อยา่ งรวดเร็ว -มคี วามปลอดภยั ในการเรื่องข้อมูลสงู ลักษณะการสง่ คลน่ื (Directionality of the beam) จะไมร่ ว่ัไปท่เี คร่ืองรบั ตวั อน่ื ในขณะท่สี ่งสัญญาณ -กฎขอ้ ห้ามระหวา่ งประเทศของ IrDA (Infrared Data Association) มีค่อนขา้ งน้อยสาหรบั นักเดนิ ทางทว่ั โลก -คลืน่ แทรกจากเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าใกล้เคียงมนี ้อย (high noise immunity) ขอ้ เสียของอินฟราเรด: -เคร่ืองส่ง (Transmitter) และเครือ่ งรบั (receiver) ตอ้ งอยใู่ นแนวเดยี วกัน คือตอ้ งเหน็ วา่ อยใู่ นแนวเดียวกนั -คลนื่ จะถกู กันโดยวัตถุท่ัวไปได้งา่ ยเชน่ คน กาแพง ต้นไม้ ทาให้ส่อื สารไมไ่ ด้ -ระยะทางการสื่อสารจะน้อย ประสิทธภิ าพจะตกลงถา้ ระยะทางมากขน้ึ -สภาพอากาศ เชน่ หมอก แสงอาทิตยแ์ รงๆ ฝนและมลภาวะมีผลต่อประสทิ ธิภาพการสื่อสาร -อตั ราการส่งขอ้ มลู จะชา้ กวา่ แบบใช้สายไฟทั่วไป การส่งข้อมลู ดว้ ยคล่นื
2 .คลนื่ วิทย(ุ Radio Wave) เป็นการสอ่ื สารโดยใชค้ ล่ืนวทิ ยจุ ากอุปกรณไ์ รส้ ายตา่ งๆ เชน่โทรศัพท์เคลือ่ นที่ หรืออปุ กรณท์ ่สี ามารถเปดิ เข้าถึงเว็บไซต์ได้ เป็นต้น ผู้ใช้บางรายใชโ้ ทรศัพทเ์ คลื่อนท่ีในการเช่ือมต่อเพ่ือใชบ้ รกิ ารอนิ เทอรเ์ น็ต ปัจจบุ ันมีเทคโนโลยไี รส้ ายทใ่ี ช้คลื่นวทิ ยุ คือ บลทู ธู (Bluetooth) ซ่งึ เป็นการส่งสัญญาณโดยใช้คลน่ื วทิ ยรุ ะยะส้ัน เหมาะสาหรบั การตดิ ตอ่ ส่ือสารในระยะไม่เกนิ 33 ฟตุ การสง่สัญญาณสามารถส่งผา่ นส่ิงกดี ขวางได้ ทาใหเ้ ทคโนโลยีบลทู ูธได้รบั ความนยิ มสงู จงึ มกี ารนามาบรรจไุ วใ้ นอุปกรณ์เทคโนโลยสี มยั ใหม่ เชน่ โทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี เครือ่ งพีดีเอ โน้ตบุ๊กเครื่องคอมพวิ เตอร์ เครอ่ื งพิมพ์ดิจทิ ลัเปน็ ตน้Bluetooth จะใชส้ ญั ญาณวทิ ยุความถ่สี งู 2.4 GHz. (กก๊ิ กะเฮิร์ซ) แต่จะแยกยอ่ ยออกไป ตามแตล่ ะประเทศอย่างในแถบยโุ รปและอเมริกา จะใชช้ ่วง 2.400 ถึง 2.4835 GHz. แบ่งออกเปน็ 79 ชอ่ งสญั ญาณ การสง่ สัญญาณบลูทธู 3 .ไมโครเวฟ (Microwave) เป็นการส่ือสารโดยใชค้ ลน่ื วิทยคุ วามเร็วสูงสามารถสง่ สญั ญาณเปน็ทอดๆ จากสถานีหนึง่ ไปยังอีกสถานีหนง่ึ ในแนวเส้นตรง ไมส่ ามารถโค้งหรือหักเลี้ยวได้ สามารถรับ สง่ ได้ในระยะทางใกล้ๆ นิยมใช้สาหรบั การสอ่ื สารระหว่างอาคารที่อยู่ในเมอื งเดยี วกนั หรอื วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยสาหรับระยะทางไกลๆ ตอ้ งใช้สถานีรบั สง่ สัญญาณเป็นทอดๆโดยตดิ ตั้งในพืน้ ทส่ี งู เช่น ยอดเขา หอคอย ตึกเป็นต้น โดยปกติความถไ่ี มโครเวฟอยู่ในช่วงคลื่นอินฟราเรด ซง่ึ นามาใชป้ ระโยชนด์ ้านโทรคมนาคมและการทาอาหารขอ้ ดแี ละข้อเสียของระบบไมโครเวฟ
ขอ้ ดี 1. ใชใ้ นพน้ื ที่ซ่ึงการเดนิ สายกระทาได้ไม่สะดวก 2. ราคาถูกกวา่ สายใยแก้วนาแสงและดาวเทยี ม 3. ติดต้ังงา่ ยกว่าสายใยแก้วนาแสงและดาวเทียม 4. อตั ราการส่งข้อมลู สงู ข้อเสีย สญั ญาณจะถกู รบกวนได้งา่ ยจากคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า จากธรรมชาติ เชน่ พายุ หรอื ฟา้ ผ่า 4. ดาวเทยี ม(Satellite) เปน็ การส่อื สารโดยคล่นื ไมโครเวฟแต่เนอื่ งจากเปน็ คลนื่ ทเ่ี ดนิ ทางในแนวตรง ทาให้พนื้ ที่ทม่ี ีลกั ษณะภูมิประเทศเป็นภเู ขาหรือตึกสงู มผี ลตอ่ การบดบังคลื่น จงึ มกี ารพัฒนาดาวเทียมให้เป็นสถานไี มโครเวฟท่ีอยู่เหนอื พื้นผวิ โลก ทาหน้าที่เป็นสถานีส่งและรบั ขอ้ มูล ถา้ เปน็ ลกั ษณะการส่งข้อมลู จากภาคพ้ืนดินไปยังดาวเทยี ม ดาวเทยี มสูภ่ าคพน้ื ดนิ เรียกว่า “การเชอ่ื มโยงหรอื ดาวน์ลงิ ค์ (Down Link)” ท้งั น้ีมีระบบเทคโนโลยที นี่ ยิ มและอาศยั การทางานของดาวเทียมเป็นหลกั คือ ระบบจีพีเอส(Global PositioningSystem : GPS) ทีช่ ว่ ยตรวจสอบตาแหน่งทอี่ ยู่บนพืน้ ผวิ โลก เชน่ การติดตั้งอุปกรณจ์ ีพีเอสไว้ในรถและทางานรว่ มกับแผนท่ี ผ้ใู ช้สามารถขบั รถไปตามระบบนาทางได้ นอกจากนย้ี งั ไดน้ าอปุ กรณจ์ ีพีเอสมาตดิ ต้ังในระบบโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นทีด่ ้วยขอ้ ดแี ละข้อเสียของระบบดาวเทียม
ขอ้ ดี 1. สง่ สัญญาณครอบคลุมไปยงั ทกุ จดุ ของโลกได้ 2. คา่ ใชจ้ า่ ยในการให้บรกิ ารส่งขอ้ มลู ของระบบดาวเทยี มไมข่ ้ึนอยูก่ บั ระยะทางทหี่ า่ งกันของสถานีพน้ื ดนิ ข้อเสีย มีเวลาหนว่ ง (Delay Time) ในการส่งสญั ญาณ การส่ือสารผา่ นดาวเทยี ม7.3 ปจั จยั ทส่ี ่งผลกระทบตอ่ การเลือกใชส้ ่อื กลาง ในการใชง้ านดา้ นการสอ่ื สารข้อมลู หรือการออกแบบเครือข่าย ส่งิ สาคัญอยา่ งหน่งึ ที่ควรพิจารณาก็คอื“การใชส้ อ่ื กลางที่เหมาะสม” เพราะหากมกี ารเลือกใชส้ อ่ื กลางท่ไี มเ่ หมาะสมแลว้ เครือข่ายนั้นอาจไม่สมบูรณ์หรือนาไปส่คู วามลม้ เหลวได้ ซ่ึงปัจจัยตา่ ง ๆ ทค่ี วรพิจารณา มดี ังน้ี 1. ตน้ ทนุ – พิจารณาต้นทนุ ของตวั อุปกรณท์ ใ่ี ช้ – พิจารณาต้นทุนการตดิ ต้ังอุปกรณ์ – เปรยี บเทยี บราคาของอปุ กรณ์ และประสทิ ธิภาพการใช้งาน 2. ความเรว็ – ความเร็วในการสง่ ผา่ นสัญญาณ จานวนบติ ต่อวนิ าที – ความเร็วในการแพร่สัญญาณ ขอ้ มูลทส่ี ามารถเคลื่อนทผี่ ่านส่ือกลางไปได้
3. ระยะทาง – ส่ือกลางแตล่ ะชนดิ มีความสามารถในการส่งสัญญาณข้อมลู ไปได้ในระยะทางตา่ งกัน ดงั นั้นการเลอื กใช้สอ่ื กลางแตล่ ะชนิดจะตอ้ งทราบข้อจากัดดา้ นระยะทาง เพ่ือท่ีจะต้องทาการตดิ ตง้ั อปุ กรณ์ทบทวนสัญญาณเม่อื ใช้สอ่ื กลางในระยะไกล 4. สภาพแวดล้อม – เปน็ ปัจจัยสาคัญอย่างหนึ่งในเลอื กใช้สอ่ื กลาง เชน่ สภาพแวดล้อมทีเ่ ปน็ โรงงานอุตสาหกรรมเครอ่ื งจกั รกล จะมีคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าต่าง ๆ ดงั นนั้ การเลอื กใช้ส่ือกลางควรเลอื กส่อื กลางทที่ นทานต่อสญั ญาณรบกวนไดด้ ี 5. ความปลอดภัยของข้อมูล หากส่ือกลางทเ่ี ลือกใชไ้ ม่สามารถป้องกันการลกั ลอบนาขอ้ มูลไปได้ดงั นั้นการส่ือสารข้อมูลจะต้องมีการเขา้ รหัสข้อมูลก่อนที่จะสง่ ไปในส่ือกลาง และผูร้ ับก็ต้องมกี ารถอดรหัสที่ใช้หลกั เกณฑ์เดียวกนั จึงจะสามารถนาข้อมูลนนั้ ไปใชไ้ ด้7.4 ปจั จยั ทส่ี ่งผลกระทบตอ่ การขนส่งขอ้ มลู 1. แบนดว์ ดิ ธ์ (Bandwidth) คือ ยา่ นความถ่ขี องช่องสญั ญาณ หากมชี อ่ งสญั ญาณขนาดใหญ่ จะสง่ ผลใหใ้ นหนง่ึ หน่วยเวลา สามารถเคลือ่ นยา้ ยปรมิ าณข้อมลู ได้จานวนมากขน้ึ 2. จานวนโหนดทเี่ ชอ่ื มตอ่ (Number of Receivers) สอื่ กลางสง่ ข้อมูลแบบใช้สาย สามารถนามาเช่อื มต่อเครอื ข่ายในรูปแบบ จดุ ตอ่ จดุ หรือแบบหลายจดุ เพือ่ แชรก์ ารใช้งานสายส่งข้อมลู รว่ มกนั สาหรับเครอื ข่ายทใ่ี ชส้ ายสง่ ขอ้ มูลรว่ มกนั จะมีขอ้ จากัดด้านระยะทางและความเร็วทจ่ี ากัด ดังน้นั หากเครือข่ายมีโหนดและอุปกรณ์เชอ่ื มตอ่ เปน็ จานวนมาก ยอ่ มส่งผลให้ ความเร็วลดลง 3. ความสญู เสียตอ่ การสง่ ผ่าน (Transmission Impairments) คอื การอ่อนตัวของสัญญาณ ซง่ึ จะเก่ียวข้องกบั ระยะทางในการส่งผ่าน ขอ้ มูล หากระยะทางยง่ิ ไกล สัญญาณกย็ ิ่งเบาบางลง ไม่มกี าลังสง่ เช่นสายค่บู ิต เกลยี วจะมคี วามสญู เสียตอ่ การสง่ ผ่านข้อมูลภายในสายมากกวา่ สายโคแอกเชียล ดงั นน้ั การเลือกใช้สายโคแอกเชียลกจ็ ะสามารถเช่ือมโยงได้ไกลกว่า และหากใช้สายไฟเบอรอ์ อปติกจะมีความสญู เสยี ตอ่ การ
ส่งผ่านขอ้ มูลภายใน สายน้อยกว่าสายประเภทอนื่ ๆ ดังนั้นสายไฟเบอร์ออปติกจงึ เปน็ สายส่อื สารทสี่ ามารถเช่อื มโยงระยะทางได้ไกลทสี่ ุด โดยสามารถลากสายได้ยาวหลายกโิ ลเมตรโดยไม่ตอ้ งใช้ อุปกรณ์ทวนสญั ญาณชว่ ย 4. การรบกวนของสญั ญาณ (Interference) การรบกวนของสัญญาณทค่ี าบเกีย่ วกนั ในยา่ นความถ่ีอาจทาให้ เกิดการบดิ เบอื นสัญญาณได้ โดยไม่วา่ จะเป็นสอ่ื กลางแบบมสี าย หรอื แบบ ไรส้ าย เช่น การรบกวนกันของคลนื่ วทิ ยุ สญั ญาณครอสทอรก์ ทเ่ี กดิ ขึ้นใน สายคูบ่ ติ เกลยี วชนดิ ไม่มฉี นวน ท่ภี ายในประกอบด้วยสายทองแดงหลายคู่ มัดอยรู่ วมกนั วิธีแก้ไขคือ เลอื กใชส้ ายคบู่ ิตเกลยี วชนดิ ทมี่ ีฉนวนหรีอชีลด์ เพ่ือปอ้ งกันสัญญาณรบกวน
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: