Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยชั้นเรียน ม3 เทอม 1-ุ64

วิจัยชั้นเรียน ม3 เทอม 1-ุ64

Published by palmmy-my, 2022-08-12 07:20:40

Description: วิจัยชั้นเรียน ม3 เทอม 1-ุ64

Search

Read the Text Version

วจิ ัยชั้นเรียน เร่ือง การสรา้ งสรรค์งานทศั นศิลป์ 2 มติ ิ แบบก่ึงนามธรรม สาระการเรยี นรู้ศิลปะ วิชาทัศนศลิ ป์ ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จากการเรียนโดยใช้ทักษะการปฏบิ ตั ิ โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร ปีการศึกษาที่ 1/2564 ผวู้ ิจัย นางสาวสมฤดี ตราชู ตาแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วิทยาคาร สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต 2

วจิ ยั ชนั้ เรียน เรอ่ื ง การสร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ ศิลปะแบบกึ่งนามธรรม สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ วิชาทัศนศลิ ป์ ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จากการเรยี นโดยใชท้ ักษะการปฏิบัติ ของโรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ัตย์วิทยาคาร ปกี ารศกึ ษา 2564 ผู้วิจยั นางสาวสมฤดี ตราชู กลมุ่ สาระการเรียนร้ศู ิลปะ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 บทคัดยอ่ เรือ่ งวจิ ัย เร่ือง การสรา้ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ ศลิ ปะแบบกึ่งนามธรรม วชิ าทัศนศิลป์ ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 จากการเรียนโดยใชท้ ักษะการปฏบิ ัติ ปีทว่ี จิ ยั ภาคเรยี นท่ี1 ประจาปีการศึกษา 2564 การวิจยั นี้มีจดุ มงุ่ หมายเพื่อพัฒนาการเรยี น และความสามารถในการสรา้ งสรรค์งานศลิ ปะ ของนักเรียนระดบั ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ปีการศึกษาที่ 1/2564 โรงเรยี นชมุ ชนประชาธิปตั ย์วทิ ยาคาร เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการวิจยั ได้แก่ แผนการสอน ความรเู้ บอ้ื งต้นเกย่ี วกับงานทัศนศลิ ป์ การสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศิลป์ แบบ 2 มิติ ในรูปแบบเทคนิค วธิ กี ารต่างๆ ในชั้น มธั ยมศึกษาปีที่ 3 นกั เรียนสว่ นมากมคี วามสามารถในด้านศิลปะอยู่ในเกณฑด์ ี มนี กั เรยี นกลุ่มตวั อย่างทจี่ ะใชเ้ ป็นกลุ่มในการ วจิ ยั ในครง้ั นี้ เพ่ือการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้ดีย่ิงข้ึน ซ่ึงจะทาการวจิ ัยระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3/1 และ ม.3/2 มี นักเรยี นจานวน 65 คน จากผลงานของนักเรียน ผูว้ ิจยั มีความคดิ ว่านักเรียน น่าจะไดร้ ับการสง่ เสรมิ ความรู้ เพ่ือเสรมิ ศักยภาพ ด้านทกั ษะ และฝมี ือของนักเรียนในกลมุ่ ที่มีความสนใจในด้านศิลปะ ใหม้ ีความรู้ และความสามารถทดี่ ียง่ิ ขึน้ มากกว่าที่ เป็นอยู่และเป็นการหาแนวทางในการส่งเสรมิ อาชพี ได้ โดยครูจะฝึกฝนทางดา้ นทักษะการสรา้ งสรรค์ผลงาน ความคิด สรา้ งสรรค์ ทักษะการแกป้ ญั หา ในการฝกึ ฝนทักษะนี้ตอ้ งใชท้ ักษะและเวลาเยอะพอสมควร ในการฝึกจากการสังเกตนักเรยี น สนกุ กบั การเรียนรู้ จากการประเมนิ ผลงานศลิ ปะระหว่างก่อน-หลังเข้ารบั การฝึกฝน การสรา้ งผลงานศลิ ปะของนักเรียน สะท้อนให้เห็นได้ว่านักเรยี นมีรปู แบบการสร้างสรรคง์ านศิลปะทด่ี ีข้นึ จงึ ได้จัดทางานวิจยั ขึน้ เพ่อื เปน็ การเพ่ิมความรูแ้ ละ ทักษะในการปฏิบตั ิงานให้มีประสิทธิภาพมากยง่ิ ขึ้น เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ได้แก่ แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน ผลงาน ศิลปะ 2 มิติ แบบกึ่งเหมือนจริงกึ่งนามธรรม การเสรมิ แรงโดยใช้คาพดู ท่สี ภุ าพ กระตุ้น ให้กาลังใจ เป็นกันเอง สรปุ ได้ว่า นักเรียนที่ไดร้ ับการส่งเสรมิ ศักยภาพดา้ นในการสร้างงานศิลปะทด่ี ขี ึน้ ผลการวิจัยพบวา่ 1.นกั เรยี นได้รับความรเู้ กยี่ วกับการสรา้ งสรรค์งานทัศนศิลป์แบบ 2 มติ ิ ในรูปแบบก่ึงนามธรรมดีมากข้ึน 2.นกั เรียนมศี ักยภาพในการสร้างงานทัศนศิลป์ 2 มิติ แบบก่งึ นามธรรมไดด้ พี อสมควร และสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ทศั นศิลป์ได้อยา่ งมคี ุณภาพอยูใ่ นเกณฑน์ ่าพอใจ บทนา

ทมี่ า ความสาคัญ และปัญหา ศิลปะ หมายถึง การกระทาหรอื ข้ันตอนของการสรา้ งช้ินงานศิลปะโดยมนุษย์ คาแปลในภาษาอังกฤษทีต่ รงทีส่ ุดคือ Art ศลิ ปะเป็นคาที่มีความหมายกว้าง แต่สว่ นใหญ่แล้วจะมีความหมายเกี่ยวกับการสร้างสรรค์, สุนทรียภาพ, หรือการสร้าง อารมณต์ ่าง ๆ ในการดารงชีวิตประจาวนั ของมนษุ ย์ไดส้ ัมผัสกับศิลปะทุกแขนงในลักษณะต่าง ๆ กัน คือมนุษย์เป็นทง้ั ผู้สรา้ ง และผู้รับงานศิลปะ ศิลปะเป็นผลงานอันเกิดจากการพากเพียรพยายามของมนุษย์เพื่อสนองความต้องการของตนเองและ สังคม รูปแบบของผลงานจึงสะท้อนถึงแนวคิด ความเช่ือ สภาพความเป็นอยู่ สภาพสังคมและประเพณีของคนกลุ่มน้ัน ยุค น้นั เพ่ือเป็นเคร่ืองยืนยันความมวี ัฒนธรรม ศิลปะสง่ เสริมประสทิ ธิภาพทางด้านการรับรู้การทางานศลิ ปะต้องอาศยั สื่อดลใจ มาสู่การสร้างสรรค์ข้ึนทั้งศิลปะของเด็กและของศิลปินก็ต้องเกี่ยวข้องกับการดูท้ังสองด้านคือ การดูสิ่ง แวดล้อมและการดู ศิลปะในช่วงการเรียนรู้รับรู้สิ่งแวดล้อม รูปทรงต่าง ๆ จะมีสภาพเป็นนามธรรม เมื่อสร้างสรรค์ศิลปะกระตุ้นคุณภาพของ รูปร่าง รูปทรง มวล ปริมาตร รวมท้ังพื้นผวิ ของสิ่งต่าง ๆ ตามวิถีทางของศลิ ปะ เมื่อการสรา้ งสรรคศ์ ิลปะเกย่ี วกับส่ิงแวดล้อม ในฐานะทสี่ ิ่งแวดลอ้ มและพืน้ ผิวของสิ่งนน้ั สัมพันธก์ ับการสร้างศิลปะของเรา ประสิทธิภาพในการรับรเู้ ช่นน้ีย่อมเป็นวิถที างท่ี ดีท่ีสุดทางหน่ึงในการที่เด็กจะเรียนรู้โลก เพราะความรู้ทั้งหลายย่อยมาจากส่ิงแวดล้อมน้ันเอง การสอนศิลปะในระดับ มัธยมศึกษา การเรียนรู้ทางการศึกษาในศาสตร์ใดศาสตร์หน่ึง จาเป็นจะต้องพึงตระหนักถึงเป้าหมายของผู้เรียนด้วย เพ่ือท่ีจะเป็นส่วนหน่ึงของการนาไปใช้ในการดารงชีวิต การให้การศึกษาทางด้านศิลปะก็เช่นกัน นอกจากจะให้ผู้เรียน สร้างสรรค์งานอย่างมีคุณภาพแลว้ ยังคานึงถงึ คุณภาพที่เกิดขึ้นในตวั บุคคลทางด้านบุคลิกภาพด้วยและยังมีผลนาไปสู่การใช้ ชีวิตอย่างมีประสทิ ธภิ าพ วิชาทัศนศิลป์ คือศิลปะที่รับรู้หรือสัมผัสด้วยประสาทตา โดยทั่วไปจะหมายถึง งานประเภท จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ภาพพิมพ์ แต่ในหลกั สูตรมัธยมตอนต้นและมัธยมตอนปลาย จะรวมไปด้วยการเขียนภาพ การ ปั้น การแกะสลัก การประดิษฐ์ การออกแบบ เป็นต้น การสร้างสรรค์งานศิลปะนอกจากจะเป็นการเรียนรู้ท่ีจะพัฒนาไปสู่ ความเหมาะสมและสังคมอารยธรรม ยังรวมถึงเป็นการเรียนการสอนยังจะต้องเน้นให้ผู้เรียนเข้าใจถึงจิตวิทยาและ มานุษยวิทยาไปพร้อมกัน การแสดงออกและการช่ืนชมศิลปะเด็ก ย่อมสัมพันธ์กับความแตกต่างเฉพาะตัวบุคคลในการรับรู้ การสร้างสรรค์ และการเจริญเติบโต ทัศนศิลป์สาหรับมัธยมศึกษาตอนต้น ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช 2551 ซึ่ง ถือปฏบิ ัติกนั อยูใ่ นขณะนไี้ ดก้ าหนดคุณภาพผเู้ รียนของวชิ า ทศั นศิลป์ ไว้ดังนี้ เม่ือนักเรยี นจบช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 นักเรยี นสามารถรู้และเข้าใจเรอื่ งทศั นธาตุและหลักการออกแบบ และเทคนคิ ที่ หลากหลายในการ สร้างงานทศั นศิลป์ 2 มิติ และ 3 มิติ เพ่ือสื่อความหมายและเรอ่ื งราวต่าง ๆ ได้อย่างมีคณุ ภาพ วิเคราะห์ รูปแบบเน้ือหาและประเมินคุณค่างานทัศนศิลป์ของตนเองและผู้อื่น สามารถเลือกงานทัศนศิลป์โดยใช้เกณฑ์ที่กาหนดขึ้น อย่างเหมาะสม สามารถออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ กราฟิก ในการนาเสนอข้อมูลและมีความรู้ ทกั ษะท่ีจาเป็นดา้ นอาชีพท่ี เก่ียวข้องกันกับงานทัศนศิลป์และยงั มีความรู้และความเขา้ ใจการเปลี่ยนแปลงและพฒั นาการของงานทัศนศลิ ป์ของชาตแิ ละ ทอ้ งถิ่น แต่ละยุคสมัย เห็นคุณค่างานทัศนศิลป์ที่สะท้อนวัฒนธรรมและสามารถเปรียบเทยี บงานทัศนศิลป์ ที่มาจากยุคสมัย และวัฒนธรรมต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าการออกแบบหลักสูตรยังมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีมีรากเหง้ า ทางวฒั นธรรมทส่ี ืบทอดจากบรรพบรุ ษุ และเรียนรู้ถงึ ความเป็นมาในแต่ละยุคดว้ ย จากการวเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้ข้อดงั กลา่ ว แสดงให้เหน็ วา่ ได้ วา่ หลกั สูตรตอ้ งการใหเ้ น้นทกั ษะการคิด สร้างสรรค์และการปฏิบตั ิ ในผลงานทัศนศลิ ปข์ องผู้เรียนด้วย จากการจดั การเรยี นรู้วิชานี้ ที่ผ่านมาผู้วจิ ัยได้เห็นวา่ น่าจะมี วธิ กี ารท่ีจะทาใหน้ ักเรยี นมีความสนใจ ในการเรียนวชิ าทศั นศิลป์มากขนึ้ จงึ ได้คิดหาวธิ กี ารต่าง ๆ เพ่ือทจ่ี ะทาใหเ้ กิดผลที่ ผู้วิจยั คาดหวังดังกล่าว จงึ ได้นาเอางานการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะ 2 มติ ิ แบบกงึ่ เหมือนจริงก่ึงนามธรรม เข้ามาใชใ้ นการจัด กระบวนการเรยี นการสอนในวิชานี้ และการสร้างสรรคง์ านศลิ ปะ นับว่ามีความสาคัญยิ่งในการเรยี นรู้ เพราะสามารถฝึกจติ ใจ ใหเ้ กดิ สมาธแิ น่วแน่ มีจิตใจงดงาม สุขภาพและสุขภาพจิต มคี วามสมดุล เปน็ รากฐานของการพัฒนาความเป็นมนษุ ย์ที่ สมบูรณพ์ ร้อม ส่งผลถึงการเรียนร้ใู นกลุ่มสาระการเรยี นรูต้ ่างๆ และการดารงชวี ิตอยู่อยา่ งมีความสุขในสงั คมไทย ซึง่ การ เรียนรูท้ ี่สาเร็จได้นนั้ ต้องได้ท้งั จากทฤษฎแี ละจากประสบการณ์จริงท่ีไดล้ งมือปฏิบัติ

วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย 1.นักเรยี นไดศ้ ึกษา รับความรู้เกยี่ วกบั การสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์ 2 มิติ แบบกง่ึ นามธรรม 2.นกั เรียนมีการลงมอื ฝึกทักษะพัฒนาศักยภาพในการสรา้ งงานทัศนศิลป์ 2 มิติ แบบก่ึงนามธรรมได้ 3.เพ่ือให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ที่นาไปสู่การสร้างสรรค์ผลงาน ท่ีมีความร่วมสมัยและสามารถนาเสนอในลักษณะ มมุ มองแบบเฉพาะตนได้ ตามจนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ขอบเขตการวจิ ยั 1. ประชากร ประชากร คือนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่3 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนชมุ ชนประชาธปิ ัตย์วิทยาคาร ม.3/1 และ ม.3/2 กลุ่มตัวอย่าง ใช้วิธีเลือกแบบเจาะจงได้ แก่นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 เป็นนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จานวน 65 คน ผ้วู ิจัยได้จดั กิจกรรมการเรยี นการสอน กล่มุ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ วิชาทัศนศลิ ป์ ในปกี ารศกึ ษา 2564 2. เน้อื หา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชา ทัศนศิลป์ จากมาตรฐาน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และ ความคดิ สร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณค์ ุณค่างานทัศนศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอยา่ งอิสระ ชื่น ชม และประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจาวัน ตัวช้ีวัด ม.3/4 มีทักษะในการสร้างงานทัศนศิลป์อย่างน้อย 3 ประเภท และ ม.3/6 สร้างงานทัศนศลิ ป์ ทัง้ 2 มติ ิ และ 3 มิติ เพอ่ื ถา่ ยทอดประสบการณแ์ ละจนิ ตนาการ 3. ตัวแปร ตวั แปรอิสระ ได้แก่ ความร้เู รอื่ งของทัศนศลิ ป์เบอ้ื งตน้ และมคี วามสามารถในการสร้างสรรคง์ านศลิ ปะ ตวั แปรตาม ได้แก่ ผลงานและ พัฒนาทกั ษะ โดยใช้กระบวนการปฏบิ ตั งิ านสร้างสรรคผ์ ลงาน ระยะเวลา ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 สถานที่ หอ้ งเรียนออนไลน์ ห้องเรียนทศั นศิลป์ โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ตั ยว์ ิทยาคาร สมมุติฐาน 1.นักเรยี นมีความรเู้ กี่ยวกับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ 2 มิติ แบบกึ่งนามธรรม มากข้ึน 2.นักเรียนมที ักษะพน้ื ฐาน ในการสร้างงานศิลปะ 3.นักเรียนมีทักษะการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ปรากฏจากผลงานของนักเรียนโดยใช้กระบวนการปฏิบัติ และนาไปสู่ การสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ท่มี คี วามร่วมสมัยและสามารถนาเสนอในลักษณะมุมมองแบบเฉพาะตนได้ ประโยชน์/ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ 1. นกั เรียนมีความรเู้ กี่ยวกบั ศิลปะลายไทยท่รี ูล้ ึกขึน้ การกระตอื รือร้น สนใจในวชิ าเรียนน้มี ากขนึ้ 2. นักเรยี นมีทักษะการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะท่ปี รากฏจากผลงานของนักเรยี นโดยใช้กระบวนการปฏิบตั ิ และเกิด ปฏสิ ัมพันธท์ ่ดี ีต่อกนั 3. นักเรยี นไดแ้ นวทางสาหรบั พฒั นาทักษะการสร้างสรรคง์ านศลิ ปะ สามารถนาความรู้ท่ีได้ ไปประยกุ ต์ใช้ ในการ เรียนร้ใู นกลุ่มสาระอ่ืนๆ และในชวี ิตประจาวนั ได้

ตวั แปรที่ศึกษา 1. งานทศั นศิลป์ 2 มิติ แบบก่ึงนามธรรม 2. ทักษะ ความสามารถใน การปฏบิ ตั ิงาน 2 มิติ แบบก่ึงนามธรรม วิธกี ารดาเนินการวจิ ัย การวจิ ยั เร่อื ง การสร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ ศิลปะแบบกง่ึ นามธรรม วชิ าทศั นศิลป์ ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 จากการเรยี นโดยใชท้ ักษะการปฏิบัติทป่ี รากฏจากผลงานของนักเรียน โดยใช้ความเขา้ ใจ ทฤษฎีของทศั นศิลป์ และ กระบวนการปฏบิ ตั ิ ผู้วิจัยจะดาเนนิ การตามขน้ั ตอน ดังน้ี 1. ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง ประชากรทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัยคือนักเรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ตั ยว์ ทิ ยาคาร จานวน 65 คน 2. ระยะเวลาท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั ตลอดภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 3. เครือ่ งมือท่ใี ช้ในการทดลอง เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการทดลอง ไดแ้ ก่ แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรยี น การจดั การเรยี นรู้ท่ีใช้กระบวนการปฏบิ ัตมิ ลี าดับ ข้ันตอนในการสร้าง ดังนี้ ข้นั เตรียมการ 1. ศึกษาการสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากคลปิ วดิ โี อ ยทู ูป และศึกษาตวั อยา่ งผลงานในหนังสอื เรยี น ข้นั สร้าง ในการสรา้ งแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ใช้กระบวนการปฏิบัติ ผู้วจิ ัยมวี ิธดี าเนินการตามขั้นตอน ดงั น้ี 1. วเิ คราะห์ทกั ษะการฝึกปฏิบัติงานจากมาตรฐานการเรียนรูช้ ว่ งช้ันกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 1 ทศั นศิลป์ 2. นาผลการวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรมู้ าปรับปรงุ แผนการจดั การเรียนร้โู ดยเพม่ิ เตมิ ทกั ษะการสรา้ งสรรคใ์ น ชิน้ งานและปรับปรุงกระบวนการเรยี นรู้ ซ่งึ ประกอบด้วย 4 ข้นั ตอน ได้แก่ ขนั้ ศกึ ษาจากแบบขนั้ ทาตามแบบ ขั้นทาเอง และ ข้ันฝึกจนชานาญ 3. นักเรียนลงมือทางานทัศนศลิ ป์ ข้นั หาคุณภาพ ดูจากทกั ษะการสร้างสรรคง์ านศิลปะ จนสาเร็จผล โดยถือเกณฑ์ ความคดิ เหน็ สอดคล้องกัน ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป เคร่อื งมือรวบรวมข้อมลู 1. การสังเกตดูพฤติกรรมการทางานของนกั เรียน 2. เกณฑ์การให้คะแนนตามผลงานของนักเรยี นในแตล่ ะชน้ิ งาน เกณฑ์การให้คะแนน/ระดบั คุณภาพ 1. เกณฑ์คะแนนผลงานทัศนศลิ ป์ 2 มติ ิ แบบกึ่งนามธรรม สวยงามดีมาก คือ ได้ 14-15 คะแนน ดี คือ ได้ 10-13 คะแนน พอใช้ คือ ได้ 8-9 คะแนน ขั้นตอนในการวจิ ยั และรวบรวมขอ้ มูล 1. ครทู บทวนความรู้เบื้องต้นของการสรา้ งสรรค์งานทัศนศิลป์แบบ 2 มิติ และ3 มิติ 2. ครูศึกษาผลงาน วิธกี าร ทดลองสร้างผลงาน 2 มิติ แบบกงึ่ เหมือนจริงกง่ึ นามธรรม มาให้นกั เรียนชมและเลา่ ถงึ ความเป็นมาของชิ้นงานน้นั 3. นักเรียนศกึ ษาและลงมอื ปฏิบตั ิงานของตนเอง

4 ประเมนิ ผล ด้วยการให้ระดับคะแนน ด้วยการดจู ากระยะเวลา การออกแบบสรา้ งสรรค์ตามจนิ ตนาการ ในการทา และความสวยงามของช้นิ งาน สรปุ ผลการวจิ ัย สรุปได้ ดงั นี้ 1. การใช้เทคนิค วธิ ีการ จัดการเรียนการสอนทหี่ ลากหลาย และการรูจ้ กั ใชส้ ือ่ เทคโนโลยหี รอื สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึน้ มาใช้เปน็ ส่อื การสอน เป็นการช่วยในการตอบสนองการรบั รู้และการเป็นเครื่องทุ่นแรงท่ที าให้เด็กสนใจและเขา้ ใจเนอ้ื หา ไดช้ ดั เจนยิ่งขึ้น 2. นกั เรยี นช่นื ชอบและสามารถทาช้นิ งานนน้ั อย่างมีความสขุ และสวยงามตามความสารถสามารถสร้างสรรคเ์ ป็น ชิน้ งานอ่นื ๆต่อยอดไปได้สร้างความภาคภมู ิใจแก่ตนเอง ข้อเสนอแนะ การสรา้ งเจตคติทีด่ ีทางการเรียน การสร้างแรงจูงใจ การเห็นคณุ ค่าในตนเอง รวมถงึ วิสยั ทศั นข์ องผบู้ ริหาร ความ รว่ มมือและเสยี สละของครู การสนบั สนุนจากชุมชน ทอ้ งถ่ิน สภาพแวดล้อมภายในและนอกห้องเรียน ถือเปน็ ปจั จยั สาคญั ท่ี ทาให้เกดิ การพฒั นาการที่ดขี ึ้นและมคี ุณภาพท่ีดีที่เกดิ แก่ตัวผ้เู รยี น

ตวั อย่างผลงานครู งานทัศนศิลป์ 2 มติ ิ แบบกึ่งนามธรรม

ตวั อย่างผลงานนกั เรยี น

ตวั อย่างผลงานนกั เรยี น

ตวั อย่างผลงานนกั เรยี น

แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งข้อเดียว 1. ขอ้ ใดคอื กำรสรำ้ งสรรคผ์ ลงำนทศั นศลิ ป์ 6. เอกลกั ษณ์ของจติ รกรรมไทย คอื ขอ้ ใด ก. กำรรบั รู้ จนิ ตนำกำร ก. เน้อื หำและสี ประสบกำรณ์ ข. ลวดลำยและสี ข. องคป์ ระกอบศลิ ป์ ทศั นธำตุ จนิ ตนำกำร ค. ลลี ำของเสน้ เน้อื หำ สี ค. วสั ด-ุ อปุ กรณ์ ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ สง่ิ แวดลอ้ ม ง. ลลี ำของเสน้ ลวดลำย สี ง. ประสบกำรณ์ ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ จนิ ตนำกำร 7. กำรรำ่ งภำพงำนจติ รกรรมควรคำนึงถงึ เร่อื งใด 2. ขอ้ ใดคอื ผลงำนสอ่ื ผสม ก. เน้อื เร่อื งชดั เจน ก. ใชเ้ ศษวสั ดุหลำยๆ ประเภท ข. กระดำษชนิดพเิ ศษ ข. รปู แบบและเน้อื หำซบั ซอ้ น ค. สรำ้ งภำพดว้ ยดนิ สอ ค. กำรใชส้ ชี นดิ ต่ำงๆ ผสมผสำนกนั ง. ควรเลอื กชนิดของดนิ สอ ง. นำวสั ดุทห่ี ลำกหลำยแบบผสมผสำนกนั 8. ประโยชน์ของกำรวำดภำพเพ่อื สอ่ื ควำมหมำยและ 3. ขอ้ ใดคอื ผลงำน 2 มติ ิ เหตุกำรณ์ คอื ขอ้ ใด ก. ผลงำนสอ่ื ผสม ก. ใชส้ อ่ื ควำมหมำยใน ข. ผลงำนภำพวำด ชวี ติ ประจำวนั ค. ผลงำนแบบลอยตวั ข. ใชล้ อ้ เลยี นกำรเมอื ง ง. ผลงำนสถำปัตยกรรม ค. ใชถ้ ่ำยทอดวฒั นธรรม ประเพณี 4. ขอ้ ใดคอื ผลงำน 3 มติ ิ ง. ใชส้ ะทอ้ นเอกลกั ษณ์ของควำมเป็นไทย ก. งำนปัน้ ตุ๊กตำ 9. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สว่ นประกอบของทศั นธำตุ ข. ภำพพมิ พห์ มกึ ก. จุด เสน้ สี ค. ภำพวำดหุ่นน่งิ ข. ทว่ี ่ำง น้ำหนกั ง. ภำพวำดทวิ ทศั น์ ค. รปู ร่ำง รปู ทรง พน้ื ผวิ 5. ประตมิ ำกรรมในขอ้ ใด จดั เป็นกระบวนกำรเชงิ บวก ง. เอกภำพ ควำมสมดลุ จดุ สนใจ ก. งำนแกะสลกั น้ำแขง็ 10. ขอ้ ใดมคี วำมสำคญั ต่อกำรสรำ้ งสรรคผ์ ลงำนทศั นศลิ ป์ ข. บำนประตวู ดั สทุ ศั น์ ก. สงิ่ แวดลอ้ ม ค. รปู ปัน้ หน้ำคนจำกดนิ เหนียว ข. วสั ด-ุ อปุ กรณ์ ง. ประตมิ ำกรรมหนิ รปู เจำ้ แมก่ วนอมิ ค. กำรถ่ำยทอด ประสบกำรณ์ ง. ทศั นธำตุและหลกั กำรออกแบบ

เฉลย 1. ก 2. ง 3. ข 4. ก 5. ค 6. ง 7. ค 8. ก 9. ง 10. ง

ท่ี ช่ือ แบบทดสอบ ก่อน หลงั 1 เดก็ ชายภูริภทั ร บุญเลศิ 69 2 เด็กชายธรี เทพ เหล่าพทิ ักษ์ 69 3 เด็กหญงิ ศภุ านนั ท์ พนั ธ์ุรัมย์ 79 4 เด็กหญงิ ศภุ านนั ท์ พันธ์รุ ัมย์ 57 5 เดก็ ชายปิยวฒั น์ ศลิ าบุตร 47 6 เดก็ หญงิ กชวรรณ เอี่ยมชม 46 7 เดก็ หญงิ จริ นนั ท์ นันเขยี ว 56 8 เดก็ หญงิ วราภรณ์วรรณสทุ ธิ 57 9 เด็กชายธรี วัฒน์ แก้วนอ้ ย 79 10 เด็กหญิงธนติ า ทองอุ่น 79 11 เด็กชายจิรันธนิน โกศล 58 12 เด็กหญงิ ยมลทชั ปสั เสนะ 57 13 เด็กหญงิ ศรตุ า มณีขวญั 67 14 เด็กชายกฤษณะ รกั ษาบรุ ี 78 15 เด็กชายศรราม หาสขุ 58 16 เดก็ ชายยานภุ าพ เอื้อนไธสงค์ 58 17 เดก็ ชายอภวิ ฑั ฒน์ ดวงสะอาด 69 18 เด็กชายณัฐนนท์ กิ่งแสง 69 19 เด็กชายพรี ะพัชร ทองไพรวรรณ 69 20 เด็กชายธนาโชติ สหุ ญ้านาง 58 21 เดก็ ชายธรี นนั ทร์ ระเดน่ 22 เด็กชายวอ เฮงเบอรมยั 26 68 23 เดก็ หญงิ สินิทรา นวลจนั ทร์ 24 เดก็ หญงิ ศศิชา รอดเนยี ม 57 69

25 เด็กชายธาชัย อัปมะให 69 26 เดก็ หญงิ น้าฝน วชิ ัยวงษ์ 58 27 เด็กหญงิ สวุ รรณี สาระธรรม 68 28 เดก็ ชายฉัตรฐกจิ มศี รี 56 29 เด็กหญิงฐิตาภา สายบัว 57 30 เดก็ หญิงนนั ท์นภัส มณีขาว 79 31 เดก็ ชายกนั ต์ เบ็ญจ์ 79 32 เดก็ ชายกรองพล ตลบั นาค 58 33 เดก็ ชายเกรยี งไกร เขียวเปยี่ ม 57 34 เดก็ ชายจรี พนั ธ์ จณิ กบั 67 35 เด็กชายเจษฎาพร สุทาสี 78 36 เด็กชายณพจรส วิหงสกุล 58 37 เด็กชายธนธรณ์ มลู เภา 58 38 เด็กชายธรี พล เงินดี 69 39 เด็กชายธรี ภทั ร อยเู่ จรญิ 69 40 เด็กชายพีรภทั ร กพู่ ิมาย 69 41 เด็กชายภูมิธนนิ ทร์ สหะลาภ 58 42 เด็กชายมงคลศรัณย์ รงั จะโปะ 56 43 เด็กชายรณชยั ไชยสุระ 69 44 เด็กชายสุรชัย เช้อื ทอง 58 45 เด็กหญงิ กนกพร พุทธชาติ 57 46 เดก็ หญิงเจนจิรา กรองมาดี 79 47 เดก็ หญิงดาริกา เดชฤทธ์ิ 79 48 เดก็ หญงิ ตรีสุคนธ์ แดงสะอาด 58

49 เดก็ หญงิ ธนภรณ์ แกว้ จาบงั 57 50 เด็กหญงิ นมัสกร ใสสม 67 51 เดก็ หญงิ ปิยฉตั ร์ แสงสธุ า 78 52 เดก็ หญงิ พัชริดา ไผ่งาม 57 53 เดก็ หญงิ พิมชนก โภชะนะหาร 79 54 เด็กหญงิ พมิ พากานต์ วยั เจริญ 79 55 เด็กหญิงแพรพิไล ปนู่ อ้ ย 58 56 เด็กหญงิ ยุภาพร ทอนเสาร์ 57 57 เดก็ หญงิ รตั นา ขวญั ชัย 67 58 เดก็ หญิงลลิตพรรณ โพธิเศษณ์ 78 59 เดก็ หญิงเลอลักษณ์ บญุ คมุ้ 58 60 เดก็ หญงิ วรรณภา ทรพั ย์พล 58 61 เดก็ หญงิ องั คณา ตสุ๊ าราญ 79 62 เด็กหญงิ อารียา ธรรมวจั นงั 58 63 เดก็ หญงิ อนิ ทริ า วาจาจรงิ 57 64 เด็กหญิงกชกร อ่นุ พงษ์ 67 65 เด็กหญงิ มนสั ชนก ศรียานนท์ 79 ผลการวจิ ยั พบว่า 1.นกั เรียนได้รับความรูเ้ กี่ยวกับการสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์แบบ 2 มติ ิ ในรูปแบบกง่ึ นามธรรมดีมากขนึ้ 2.นกั เรียนมีศักยภาพในการสร้างงานทัศนศลิ ป์ 2 มิติ แบบกึง่ นามธรรมไดด้ ีพอสมควร และสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศิลปไ์ ด้ อย่างมีคุณภาพอยใู่ นเกณฑน์ ่าพอใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook