ก มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๒ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ก คานา เอกสาร ฉบับน้ี เป็นเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีรายละเอียดของมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้แกนกลางฯ เพื่อเป็นกรอบและทิศทางในการจัดการเรียนการสอน ให้ตรงตามมาตรฐานตัวชี้วัดและ สาระการเรียนรู้ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ โดยพิจารณาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ๒๕๕๑ (ฉบับ ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร พุทธศักราช ๒๕๖๕ ซ่ึงมี องค์ประกอบ ดงั นี้ - จดุ หมาย - สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น - คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ - สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ - คณุ ภาพผูเ้ รียน - ตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง คณะผู้จัดทาขอขอบคุณผู้ท่ีมีส่วนร่วมในการพัฒนาและจัดทาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ฉบับนี้ จนสาเร็จลลุ ่วงเป็นอยา่ งดี และหวังเปน็ อย่างยิ่งวา่ จะเกิดประโยชน์ตอ่ การจัดการเรียนรใู้ ห้กบั ผู้เรยี นต่อไป กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ลิ ปะ คณะผจู้ ดั ทา
สารบญั ข คานา หน้า สารบัญ ก จดุ หมาย ข สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑ ทาไมต้องเรยี นศิลปะ ๒ เรยี นรอู้ ะไรในศลิ ปะ ๓ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ ๓ ทักษะกระบวนการทางศลิ ปะ ๔ คุณภาพของผู้เรยี น ๔ ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๕ อภิธานศพั ท์ ๙ ภาคผนวก ๓๘ คณะผ้จู ดั ทา ๔๒ บรรณานุกรม ๔๓
๓ จดุ หมาย หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอยา่ งอิสระในศิลปะแขนงต่าง ๆ ประกอบด้วย สาระสาคัญ คอื • ทศั นศิลป์ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบศลิ ป์ ทัศนธาตุ สรา้ งและนาเสนอผลงาน ทางทัศนศิลปจ์ าก จินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมท้ังสามารถใช้เทคนิค วิธีการ ของศิลปินในการสร้างงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานศิลปะท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และสากล ช่นื ชม ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน • ดนตรี มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคา่ ดนตรี ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ทอ้ งถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล รอ้ งเพลง และเล่นดนตรี ในรูปแบบต่างๆ แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั เสยี งดนตรี แสดงความรู้สึกที่มีต่อดนตรีในเชิงสุนทรียะ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับประเพณีวัฒนธรรม และ เหตกุ ารณใ์ นประวัตศิ าสตร์ • นาฏศิลป์ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลป์ อย่างสร้างสรรค์ ใช้ศัพท์ เบอื้ งตน้ ทางนาฏศิลป์ วิเคราะหว์ พิ ากษ์ วจิ ารณ์คุณคา่ นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดอย่างอสิ ระ สร้างสรรค์ การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ ประยุกต์ใช้นาฏศิลป์ ในชีวิตประจาวันเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์กับ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของนาฏศิลป์ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และสากล สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มุ่งพัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึง่ การพัฒนาผู้เรียนให้ บรรลมุ าตรฐานการเรยี นรู้ทีก่ าหนดนั้น จะช่วยใหผ้ ู้เรียนเกดิ สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอด ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อัน จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองและสงั คม รวมท้ังการเจรจาตอ่ รองเพื่อขจดั และลดปญั หาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่มี ประสิทธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบท่มี ตี อ่ ตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การ คิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจ เกี่ยวกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธ์และการเปลีย่ นแปลงของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความร้มู าใช้ในการปูองกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถึงผลกระทบทเ่ี กิดข้นึ ต่อตนเอง สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนิน ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการ สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสมการปรับตัว
๔ ให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสงั คมและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ ันกบั การเปล่ียนแปลง ของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จกั หลกี เลย่ี งพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่นื ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมีทักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้การส่ือสาร การทางาน การ แก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เพ่ือให้สามารถอยู่รว่ มกับ ผอู้ ่ืนในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั นี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ๓. มวี นิ ัย ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพียง ๖. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ
๕ ทาไมต้องเรยี นศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ มีจินตนาการ ทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรมทางศิลปะช่วย พัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จติ ใจ สติปัญญา อารมณ์ สงั คม ตลอดจน การนาไปสูก่ ารพัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม ส่งเสริม ให้ผเู้ รยี นมคี วามเช่ือมั่นในตนเอง อันเป็นพืน้ ฐาน ในการศึกษาตอ่ หรอื ประกอบอาชีพได้ เรียนรอู้ ะไรในศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความ ซาบซ้ึงในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างอิสระในศิลปะแขนงต่าง ๆ ประกอบด้วย สาระสาคัญ คอื • ทศั นศิลป์ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สรา้ งและนาเสนอผลงาน ทางทศั นศิลป์จาก จินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ท่ีเหมาะสม รวมท้ังสามารถใช้เทคนิค วิธีการ ของศิลปินในการสร้างงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานศิลปะท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และสากล ชน่ื ชม ประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวัน • ดนตรี มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เข้าใจ ความสัมพนั ธ์ระหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคา่ ดนตรี ท่เี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญา ท้องถน่ิ ภูมิปญั ญาไทย และสากล รอ้ งเพลง และเลน่ ดนตรี ในรปู แบบตา่ ง ๆ แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั เสียงดนตรี แสดงความรู้สึกท่ีมีต่อดนตรีในเชิงสุนทรียะ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับประเพณีวัฒนธรรม และ เหตกุ ารณใ์ นประวตั ิศาสตร์ • นาฏศิลป์ มีความร้คู วามเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลป์ อย่างสรา้ งสรรค์ ใช้ศัพท์ เบ้ืองต้นทางนาฏศิลป์ วิเคราะห์วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ สร้างสรรค์การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ ประยุกต์ใช้นาฏศิลป์ ในชีวิตประจาวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง นาฏศิลป์กับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของนาฏศิลป์ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิ ปญั ญาไทย และสากล
๖ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ สาระท่ี ๑ ทัศนศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และ ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็น คุณคา่ งาน ทศั นศลิ ปท์ เ่ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ภูมิปญั ญาไทย และสากล สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คณุ คา่ ดนตรี ถ่ายทอดความร้สู กึ ความคิดตอ่ ดนตรีอยา่ งอิสระ ชนื่ ชม และประยุกตใ์ ช้ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของดนตรี ที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ภูมิปัญญาไทยและสากล สาระที่ ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คณุ ค่านาฏศิลป์ถ่ายทอดความร้สู ึก ความคิดอย่างอิสระ ช่นื ชม และประยุกตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรม เหน็ คุณค่า ของนาฏศลิ ป์ทีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ทักษะและกระบวนการทางศิลปะ ทักษะและกระบวนการทางศิลปะเป็นความสามารถท่ีมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะ วิธีการทางศลิ ปะ เกิดความซาบซง้ึ ในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนแสดงออกอยา่ งอสิ ระในศลิ ปะแขนงต่าง ๆ นาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้ ได้มาซ่ึงความรู้ ทักษะและกระบวนการทางศิลปะในที่นี้ เน้นที่ทักษะและกระบวนการทางศิลปะท่ีจาเป็น และ ต้องการพฒั นาให้เกิดขนึ้ กบั ผูเ้ รยี น ไดแ้ กค่ วามสามารถตอ่ ไปนี้ ๑. การคิดสรา้ งสรรค์ กระบวนการคิดของสมอง ซ่ึงมีความสามารถในการคิดไดห้ ลากหลายและแปลกใหม่ จากเดิม โดยสามารถนาไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถกู ต้อง จนนาไปสู่การคิดค้น และสร้างส่งิ แปลกใหมไ่ ด้ ๒. กระบวนการปฏิบัติ เป็นกระบวนการให้ผู้เรียนฝึกฝน มักใช้กับการจัดการเรียนรู้ประสบการณ์ด้าน ทักษะ ไดแ้ ก่ สงั เกต และรับรู้ ทาตามแบบ ทาเองโดยไม่มแี บบ และฝกึ ให้เกิดความชานาญ ๓. กระบวนการสร้างค่านิยม ค่านิยม เป็นส่วนหน่ึงของคุณธรรมที่ต้องเน้นคล้ายเจตคติ แต่ค่านิยมเป็น การยอมรับและนาไปปฏบิ ัติ ได้แก่ สงั เกตและตระหนัก การวิเคราะห์ การเลือกกาหนดเปน็ คา่ นยิ มเหน็ คุณค่า และ นาไปปฏบิ ัติ ๔. การแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการทาความเข้าใจปัญหา คิดวิเคราะห์ วางแผนแก้ปัญหาและ เลอื กใช้วิธีการท่ีเหมาะสม
๗ คณุ ภาพของผเู้ รียนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ คณุ ภาพผเู้ รยี น จบชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ รู้และเข้าใจเกี่ยวกับรูปร่าง รูปทรง และจาแนกทัศนธาตุของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติส่ิงแวดล้อมและ งานทัศนศิลป์ มีทักษะพ้ืนฐานการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการสร้างงานวาดภาพระบายสี โดยใช้เส้น รูปร่าง รูปทรง สี และพื้นผิว ภาพปะติด และงานป้ัน งานโครงสร้างเคลื่อนไหวอย่างง่าย ๆ ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกจากเร่ืองราว เหตุการณ์ ชีวิตจริง สร้างงานทัศนศิลป์ตามท่ีตนชื่นชอบ สามารถแสดงเหตุผลและวิธีการในการปรับปรุงงานของ ตนเอง รู้และเข้าใจความสาคัญของงานทัศนศิลป์ในชีวิตประจาวัน ท่ีมาของงานทัศนศิลป์ ในท้องถิ่น ตลอดจนการใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ และวธิ กี ารสรา้ งงานทศั นศิลป์ในท้องถิ่น รู้และเข้าใจแหล่งกาเนิดเสียง คุณสมบัติของเสียง บทบาทหน้าท่ี ความหมาย ความสาคัญของบท เพลงใกล้ตัวที่ได้ยิน สามารถท่องบทกลอน ร้องเพลง เคาะจังหวะ เคลื่อนไหวร่างกาย ให้สอดคล้องกับบทเพลง อ่าน เขียน และใช้สัญลักษณ์แทนเสียงและเคาะจังหวะ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับดนตรี เสียงขับร้องของตนเอง มสี ว่ นรว่ มกับกิจกรรมดนตรีในชวี ติ ประจาวนั ร้แู ละเข้าใจเอกลักษณ์ของดนตรีในท้องถิ่น มีความช่ืนชอบ เห็นความสาคัญและประโยชน์ของดนตรี ตอ่ การดาเนินชวี ติ ของคนในท้องถนิ่ สร้างสรรค์การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ สามารถแสดงท่าทางประกอบจังหวะเพลงตามรูปแบบ นาฏศิลป์ มีมารยาทในการชมการแสดง รู้หน้าท่ีของผู้แสดงและผู้ชม รู้ประโยชน์ ของการแสดงนาฏศิลป์ใน ชีวิตประจาวัน เข้ารว่ มกิจกรรมการแสดงท่เี หมาะสมกับวยั รแู้ ละเข้าใจการละเล่นของเดก็ ไทยและนาฏศิลปท์ ้องถิ่น ชนื่ ชอบและภาคภูมิใจ ในการละเล่นพื้นบ้าน สามารถเชื่อมโยงสิ่งท่ีพบเห็นในการละเล่นพ้ืนบ้านกับการดารงชีวิต ของคนไทย บอกลักษณะเด่นและเอกลักษณ์ ของนาฏศิลป์ไทยตลอดจนความสาคัญของการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยได้
๘ จบชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ รู้และเข้าใจการใช้ทัศนธาตุ รูปร่าง รูปทรง พ้ืนผิว สี แสงเงา มีทักษะพื้นฐานในการใช้วัสดุ อปุ กรณ์ ถ่ายทอดความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สามารถใช้หลักการจัดขนาด สัดส่วน ความสมดุล น้าหนัก แสงเงา ตลอดจนการใชส้ ีคู่ตรงขา้ มที่เหมาะสมในการสรา้ งงานทัศนศิลป์ ๒ มิติ ๓ มิติ เช่น งานสอ่ื ผสม งาน วาดภาพระบายสี งานป้ัน งานพิมพ์ภาพ รวมทั้งสามารถ สร้างแผนภาพ แผนผัง และภาพประกอบเพ่ือ ถา่ ยทอดความคิดจินตนาการเป็นเรอื่ งราวเกีย่ วกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และสามารถเปรยี บเทียบความแตกตา่ ง ระหว่างงานทัศนศิลป์ที่สร้างสรรค์ ด้วยวัสดุอุปกรณ์และวิธีการท่ีแตกต่างกัน เข้าใจปัญหาในการจัด องค์ประกอบศิลป์ หลักการลด และเพิ่มในงานปั้น การส่ือความหมายในงานทัศนศิลป์ของตน รู้วิธีการ ปรับปรุงงานให้ดีขน้ึ ตลอดจน รู้และเข้าใจคุณคา่ ของงานทัศนศิลปท์ ่มี ผี ลต่อชวี ติ ของคนในสังคม รู้และเข้าใจบทบาทของงานทัศนศิลป์ท่ีสะท้อนชีวิตและสังคม อิทธิพลของความเชื่อ ความ ศรทั ธา ในศาสนา และวัฒนธรรมทมี่ ีผลตอ่ การสรา้ งงานทศั นศิลปใ์ นท้องถิน่ รู้และเข้าใจเก่ียวกับเสียงดนตรี เสียงร้อง เคร่ืองดนตรี และบทบาทหน้าท่ี รู้ถึงการเคลื่อนที่ข้ึน ลง ของทานองเพลง องค์ประกอบของดนตรี ศัพท์สังคีตในบทเพลง ประโยค และอารมณ์ของบทเพลงที่ฟัง ร้องและบรรเลงเครื่องดนตรี ด้นสดอย่างง่าย ใช้และเก็บรักษา เคร่ืองดนตรีอย่างถูกวิธี อ่าน เขียนโน้ตไทย และสากลในรูปแบบต่าง ๆ รู้ลกั ษณะของผู้ท่ีจะเล่นดนตรีได้ดี แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับองค์ประกอบดนตรี ถา่ ยทอดความรู้สกึ ของบทเพลงที่ฟงั สามารถใช้ดนตรีประกอบกจิ กรรมทางนาฏศลิ ปแ์ ละ การเลา่ เรื่อง รแู้ ละเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวติ ประเพณี วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมต่าง ๆ เรื่องราวดนตรีในประวัติศาสตร์ อิทธิพลของวัฒนธรรมต่อดนตรี รู้คุณค่าดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน เหน็ ความสาคญั ในการอนุรักษ์ รู้และเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ สามารถแสดงภาษาท่า นาฏยศัพท์พื้นฐาน สร้างสรรค์การ เคลื่อนไหวและการแสดงนาฏศิลป์ และการละครง่าย ๆ ถ่ายทอดลีลาหรืออารมณ์ และสามารถออกแบบ เคร่ืองแต่งกายหรืออุปกรณ์ประกอบการแสดงง่าย ๆ เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างนาฏศิลป์และการละครกับ ส่ิงที่ประสบในชีวิตประจาวัน แสดงความคิดเห็นในการชมการแสดง และบรรยายความรู้สึกของตนเองท่ีมี ต่องานนาฏศิลป์ รู้และเข้าใจความสัมพันธ์และประโยชน์ของนาฏศิลป์และการละคร สามารถเปรียบเทียบการ แสดงประเภทต่าง ๆ ของไทยในแตล่ ะท้องถ่ิน และสง่ิ ที่การแสดงสะท้อนวัฒนธรรมประเพณี เห็นคณุ ค่าการ รกั ษาและสบื ทอดการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทย
๙ จบชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ • ร้แู ละเข้าใจเรื่องทศั นธาตุ และหลักการออกแบบ และเทคนคิ ที่หลากหลายในการ สรา้ งงานทัศนศิลป์ ๒ มิติ และ ๓ มิติ เพื่อส่ือความหมายและเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างมีคุณภาพ วิเคราะห์รูปแบบเนื้อหาและประเมิน คุณค่างานทัศนศิลป์ของตนเองและผู้อ่ืน สามารถเลือกงานทัศนศิลป์โดยใช้เกณฑ์ที่กาหนดขึ้นอย่างเหมาะสม สามารถออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ กราฟิก ในการนาเสนอข้อมูลและมีความรู้ ทักษะที่จาเป็นด้านอาชีพที่ เก่ียวข้องกันกับงานทัศนศิลป์ • รู้และเข้าใจการเปล่ียนแปลงและพัฒนาการของงานทัศนศิลป์ของชาติและท้องถิ่น แต่ละยุคสมัย เห็น คุณค่างานทัศนศิลป์ท่ีสะท้อนวัฒนธรรมและสามารถเปรียบเทียบงานทัศนศิลป์ ท่ีมาจากยุคสมัยและวัฒนธรรม ตา่ ง ๆ • รู้และเข้าใจถงึ ความแตกต่างทางด้านเสียง องค์ประกอบ อารมณ์ ความรู้สึก ของบทเพลงจากวัฒนธรรม ต่าง ๆ มีทักษะในการร้อง บรรเลงเครื่องดนตรี ทั้งเด่ียวและเป็นวงโดยเน้นเทคนิคการร้องบรรเลงอย่างมีคุณภาพ มีทักษะในการสร้างสรรค์บทเพลงอย่างง่าย อ่านเขียนโน้ต ในบันไดเสียงท่ีมีเคร่ืองหมาย แปลงเสียงเบื้องต้นได้ รู้ และเข้าใจถึงปัจจัยท่ีมีผลต่อรูปแบบของผลงานทางดนตรี องค์ประกอบของผลงานด้านดนตรีกับศิลปะแขนงอื่น แสดงความคิดเห็นและบรรยายอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อบทเพลง สามารถนาเสนอบทเพลงที่ชื่นชอบได้อย่างมี เหตุผล มีทักษะในการประเมนิ คณุ ภาพของบทเพลงและการแสดงดนตรี รู้ถึงอาชพี ต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วข้องกับดนตรีและ บทบาทของดนตรใี นธุรกิจบนั เทิง เข้าใจถงึ อิทธิพลของดนตรีที่มตี ่อบุคคลและสังคม • รู้และเข้าใจที่มา ความสัมพันธ์ อิทธิพลและบทบาทของดนตรีแต่ละวัฒนธรรมในยุคสมัยต่าง ๆ วเิ คราะห์ปจั จัยทท่ี าให้งานดนตรีได้รับการยอมรับ • รู้และเข้าใจการใช้นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละครในการแปลความและสื่อสาร ผ่านการแสดง รวมทั้งพัฒนารูปแบบการแสดง สามารถใช้เกณฑ์ง่าย ๆ ในการพิจารณาคุณภาพ การแสดง วิจารณ์เปรียบเทียบ งานนาฏศลิ ป์ โดยใช้ความรเู้ ร่อื งองค์ประกอบทางนาฏศิลป์ ร่วมจัดการแสดง นาแนวคิดของการแสดงไปปรบั ใช้ใน ชีวิตประจาวนั • รู้และเข้าใจประเภทละครไทยในแต่ละยุคสมัย ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ของนาฏศิลป์ไทย นาฏศลิ ป์พ้ืนบ้าน ละครไทย และละครพนื้ บา้ น เปรียบเทียบลักษณะเฉพาะ ของการแสดงนาฏศิลปจ์ ากวัฒนธรรม ต่าง ๆ รวมทั้งสามารถออกแบบและสร้างสรรค์อุปกรณ์ เคร่ืองแต่งกายในการแสดงนาฏศิลป์และละคร มีความ เขา้ ใจ ความสาคญั บทบาทของนาฏศิลป์ และละครในชีวิตประจาวนั
๑๐ จบชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ • รู้และเขา้ ใจเก่ียวกับทศั นธาตุและหลกั การออกแบบในการสอื่ ความหมาย สามารถใชศ้ พั ท์ทางทศั นศลิ ป์ อธิบายจุดประสงค์และเน้ือหาของงานทัศนศิลป์ มีทักษะและเทคนิคในการใช้วัสดุ อุปกรณ์และกระบวนการท่ี สูงขึ้นในการสร้างงานทัศนศิลป์ วิเคราะห์เน้ือหาและแนวคิด เทคนิควิธีการ การแสดงออกของศิลปินทั้งไทยและ สากล ตลอดจนการใช้เทคโนโลยตี ่าง ๆ ในการออกแบบสรา้ งสรรคง์ านท่ีเหมาะสมกบั โอกาส สถานท่ี รวมท้ังแสดง ความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพสังคมด้วยภาพล้อเลียนหรือการ์ตูน ตลอดจนประเมินและวิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ด้วยหลักทฤษฎวี ิจารณศ์ ิลปะ • วิเคราะห์เปรียบเทียบงานทัศนศิลป์ในรูปแบบตะวันออกและรูปแบบตะวันตก เขา้ ใจอิทธิพลของมรดก ทางวัฒนธรรมภูมิปญั ญาระหว่างประเทศทีม่ ผี ลต่อการสร้างสรรค์ งานทศั นศิลป์ในสังคม • รู้และเข้าใจรูปแบบบทเพลงและวงดนตรีแต่ละประเภท และจาแนกรูปแบบ ของวงดนตรีท้ังไทยและ สากล เข้าใจอิทธิพลของวัฒนธรรมต่อการสร้างสรรค์ดนตรี เปรียบเทียบอารมณ์และความรู้สึกที่ได้รับจากดนตรี ท่มี าจากวฒั นธรรมต่างกัน อ่าน เขยี น โน้ตดนตรไี ทยและสากล ในอัตราจังหวะต่าง ๆ มีทักษะในการร้องเพลงหรือ เล่นดนตรีเดี่ยวและรวมวงโดยเน้นเทคนิค การแสดงออกและคุณภาพของการแสดง สร้างเกณฑ์สาหรับประเมิน คณุ ภาพการประพนั ธ์ การเล่นดนตรีของตนเองและผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม สามารถนาดนตรีไประยุกต์ใช้ในงานอื่น ๆ • วเิ คราะห์ เปรียบเทียบรูปแบบ ลักษณะเด่นของดนตรีไทยและสากลในวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้าใจบทบาท ของดนตรีที่สะท้อนแนวความคิดและค่านิยมของคนในสังคม สถานะทางสังคม ของนักดนตรีในวัฒนธรรมต่าง ๆ สรา้ งแนวทางและมีส่วนรว่ มในการส่งเสรมิ และอนุรักษด์ นตรี • มีทักษะในการแสดงหลากหลายรูปแบบ มีความคิดริเร่ิมในการแสดงนาฏศิลป์เป็นคู่ และเป็นหมู่ สร้างสรรค์ละครส้ันในรูปแบบท่ีช่ืนชอบ สามารถวิเคราะห์แก่นของการแสดงนาฏศิลป์และละครที่ต้องการส่ือ ความหมายในการแสดง อิทธิพลของเคร่ืองแต่งกาย แสง สี เสียง ฉาก อุปกรณ์ และสถานที่ท่ีมีผลต่อการแสดง วิจารณ์การแสดงนาฏศิลป์และละคร พัฒนาและใช้เกณฑ์การประเมินในการประเมินการแสดง และสามารถ วเิ คราะห์ทา่ ทางการเคล่อื นไหวของผ้คู นในชวี ิตประจาวนั และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในการแสดง • เขา้ ใจววิ ัฒนาการของนาฏศิลป์และการแสดงละครไทย และบทบาทของบุคคลสาคญั ในวงการนาฏศิลป์ และการละครของประเทศไทยในยุคสมัยต่าง ๆ สามารถเปรียบเทียบ การนาการแสดงไปใช้ในโอกาสต่าง ๆ และ เสนอแนวคิดในการอนุรักษน์ าฏศิลปไ์ ทย
๑๑ ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ สาระที่ ๑ ทศั นศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรคง์ านทศั นศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คณุ ค่างานทัศนศลิ ป์ ถ่ายทอดความร้สู ึก ความคดิ ต่องานศลิ ปะอยา่ งอสิ ระ ชื่นชม และ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวนั ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ป.๑ ๑. อภปิ รายเกยี่ วกบั รปู รา่ ง ลักษณะ รูปร่าง ลกั ษณะ และขนาดของสิง่ ต่าง ๆ รอบตัว และขนาดของสิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั ในธรรมชาติและส่ิงท่มี นุษยส์ ร้างขึน้ ในธรรมชาตแิ ละสิ่งทมี่ นุษย์สร้างขึน้ ๒. บอกความรสู้ กึ ท่ีมตี อ่ ธรรมชาติ ความร้สู กึ ท่มี ีตอ่ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มรอบตวั และสิง่ แวดล้อมรอบตัว เชน่ ร้สู กึ ประทับใจกบั ความงาม ของบริเวณรอบอาคาร เรียน หรอื รสู้ กึ ถึงความไม่เป็นระเบียบ ของสภาพภายใน ห้องเรยี น ๓. มที กั ษะพ้นื ฐานในการใช้วัสดุ การใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ เช่น ดินเหนยี ว ดินน้ามนั อปุ กรณ์สรา้ งงานทัศนศิลป์ ดินสอ พูก่ นั กระดาษ สเี ทียน สีนา้ ดนิ สอสีสร้างงาน ทัศนศิลป์ ๔. สรา้ งงานทัศนศิลปโ์ ดยการ การทดลองสดี ว้ ยการใชส้ นี า้ ,สโี ปสเตอร์ สเี ทียน ทดลองใชส้ ี ด้วยเทคนิคงา่ ย ๆ และสจี ากธรรมชาติทหี่ าได้ในทอ้ งถ่ิน ๕. วาดภาพระบายสภี าพธรรมชาติ การวาดภาพระบายสตี ามความร้สู ึกของตนเอง ตามความรูส้ ึกของตนเอง ป.๒ ๑. บรรยายรปู รา่ ง รูปทรงที่พบใน รปู รา่ ง รปู ทรงในธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เช่น ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม รูปกลม รี สามเหลี่ยม สเ่ี หลี่ยม และกระบอก ๒. ระบทุ ศั นธาตุทีอ่ ยู่ในสง่ิ แวดล้อม เสน้ สี รูปรา่ ง รูปทรงในสงิ่ แวดลอ้ ม และงาน และงานทัศนศิลป์ โดยเนน้ เร่ืองเส้น ทัศนศิลปป์ ระเภทต่าง ๆ เช่น งานวาด งานปน้ั และงาน สี รูปร่าง และรปู ทรง พมิ พภ์ าพ ๓. สรา้ งงานทศั นศิลป์ตา่ ง ๆ โดยใช้ เส้น รปู รา่ งในงานทัศนศลิ ป์ประเภทต่าง ๆ เช่น ทศั นธาตทุ ่ีเนน้ เส้น รปู รา่ ง งานวาด งานปัน้ และงานพิมพ์ภาพ ๔. มีทกั ษะพน้ื ฐานในการใช้วสั ดุ การใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ สร้างงานทศั นศิลป์ ๓ มิติ อปุ กรณ์ สร้างงานทัศนศลิ ป์ ๓ มติ ิ ชนั้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๕. สรา้ งภาพปะติดโดยการตดั หรือ ภาพปะตดิ จากกระดาษ ฉกี กระดาษ
๑๒ ๖. วาดภาพเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว การวาดภาพถ่ายทอดเรือ่ งราว เกยี่ วกบั ครอบครัวของตนเองและเพ่ือน บ้าน ๗. เลอื กงานทัศนศลิ ป์ และบรรยาย เน้อื หาเร่ืองราวในงานทัศนศิลป์ ถงึ ส่ิงทมี่ องเหน็ รวมถึงเน้อื หาเรื่องราว ๘. สรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์เป็น งานโครงสรา้ งเคลอื่ นไหว รปู แบบงานโครงสรา้ งเคลื่อนไหว ป.๓ ๑. บรรยาย รปู รา่ ง รปู ทรงใน รูปรา่ ง รปู ทรงในธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและงาน ธรรมชาตสิ งิ่ แวดลอ้ ม และงานทัศนศิลป์ ทัศนศลิ ป์ ๒. ระบุ วัสดุ อปุ กรณ์ทใี่ ช้สร้าง วัสดุ อปุ กรณ์ทใ่ี ชส้ ร้างงานทัศนศลิ ป์ประเภทงาน ผลงาน วาด งานปนั้ งานพมิ พภ์ าพ เม่อื ชมงานทัศนศลิ ป์ ๓. จาแนกทัศนธาตุของสง่ิ ต่าง ๆ เสน้ สี รูปร่าง รปู ทรง พ้นื ผวิ ในธรรมชาติ ในธรรมชาติส่ิงแวดล้อมและงาน ส่ิงแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ ทศั นศิลป์ โดยเน้นเร่ือง เสน้ สี รูปรา่ ง รูปทรง และพนื้ ผิว ๔. วาดภาพ ระบายสสี ง่ิ ของรอบตวั การวาดภาพระบายสีสิ่งของรอบตวั ด้วยสเี ทียน ดินสอสี และสโี ปสเตอร์ ๕. มที กั ษะพนื้ ฐาน ในการใชว้ สั ดุ การใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์ในงานปั้น อปุ กรณ์สรา้ งสรรคง์ านปัน้ ๖. วาดภาพถ่ายทอดความคดิ การใชเ้ สน้ รปู รา่ ง รปู ทรง สี และพื้นผวิ ความรูส้ กึ จากเหตุการณ์ชวี ิตจรงิ โดยใช้ วาดภาพถา่ ยทอดความคิดความร้สู ึก เสน้ รูปรา่ ง รูปทรง สี และพ้ืนผวิ ๗. บรรยายเหตผุ ลและวิธกี ารใน วัสดุ อุปกรณ์ เทคนิควิธกี ารในการสร้างงาน การสรา้ งงานทัศนศลิ ป์ โดยเน้นถงึ เทคนิค ทศั นศิลป์ และวัสดุ อปุ กรณ์ ๘. ระบุสง่ิ ทีช่ ่ืนชมและส่ิงที่ควร การแสดงความคิดเหน็ ในงานทศั นศิลปข์ องตนเอง ปรับปรงุ ในงานทัศนศิลปข์ องตนเอง ๙. ระบุ และจัดกลุ่มของภาพตาม การจดั กลุม่ ของภาพตามทัศนธาตุ ทศั นธาตทุ เ่ี นน้ ในงานทศั นศิลปน์ น้ั ๆ ชน้ั ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑๐. บรรยายลกั ษณะรูปรา่ ง รูปทรง รปู รา่ ง รูปทรง ในงานออกแบบ ในงานการออกแบบส่ิงต่าง ๆ ทมี่ ใี นบา้ น และโรงเรียน ป.๔ ๑. เปรยี บเทยี บรูปลักษณะของ รปู รา่ ง รูปทรง ในธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อมและงาน รปู ร่าง รูปทรงในธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม ทศั นศลิ ป์ และงานทัศนศิลป์
๑๓ ๒. อภปิ รายเกีย่ วกบั อิทธพิ ลของสี อทิ ธพิ ลของสี วรรณะอนุ่ และวรรณะเยน็ วรรณะอนุ่ และสีวรรณะเย็นท่ีมีตอ่ อารมณ์ ของมนุษย์ ๓. จาแนกทัศนธาตขุ องส่งิ ต่าง ๆ เสน้ สี รูปร่าง รปู ทรง พ้ืนผิว และพนื้ ทวี่ ่าง ในธรรมชาตสิ ่งิ แวดลอ้ มและงานทัศนศลิ ป์ ในธรรมชาตสิ ิง่ แวดล้อมและงานทศั นศิลป์ โดยเนน้ เรือ่ งเสน้ สี รปู ร่าง รูปทรงพื้นผวิ และพนื้ ทว่ี า่ ง ๔. มที ักษะพื้นฐานในการใช้วสั ดุ การใช้วสั ดุ อุปกรณ์สร้างงานพมิ พภ์ าพ อุปกรณส์ ร้างสรรคง์ านพมิ พภ์ าพ ๕. มที ักษะพืน้ ฐานในการใช้วสั ดุ การใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ในการวาดภาพระบายสี อปุ กรณ์สร้างสรรค์งานวาดภาพระบายสี ๖. บรรยายลกั ษณะของภาพโดยเนน้ เรื่อง การจดั ระยะความลึก น้าหนกั และแสงเงา การจัดระยะ ความลึก น้าหนักและแสงเงา ในการวาดภาพ ในภาพ ๗. วาดภาพระบายสี โดยใช้สีวรรณะ การใช้สีวรรณะอนุ่ และใชส้ ีวรรณะเย็น วาด อ่นุ และสวี รรณะเยน็ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ภาพถ่ายทอดความรู้สึกและจินตนาการ และจนิ ตนาการ ๘. เปรียบเทียบความคิดความรูส้ ึก ความเหมือนและความแตกต่างในงานทัศนศลิ ป์ ท่ถี า่ ยทอดผ่านงานทัศนศลิ ป์ของตนเอง ความคดิ ความรู้สึกที่ถา่ ยทอดในงานทศั นศลิ ป์ และบคุ คลอ่ืน ๙. เลือกใชว้ รรณะสเี พื่อถ่ายทอด การเลอื กใชว้ รรณะสเี พ่ือถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก อารมณ์ ความรู้สกึ ในการสรา้ งงาน ทศั นศิลป์ ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ป.๕ ๑. บรรยายเก่ยี วกับจงั หวะตาแหนง่ จงั หวะ ตาแหนง่ ของสง่ิ ต่าง ๆ ในส่ิงแวดล้อมและ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ปี รากฏในส่ิงแวดล้อม งานทัศนศลิ ป์ และงานทัศนศลิ ป์ ๒. เปรยี บเทยี บความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างงานทศั นศิลป์ ระหว่างงานทัศนศลิ ป์ ท่ีสร้างสรรค์ด้วย วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละวิธกี ารทตี่ า่ งกนั ๓. วาดภาพ โดยใช้เทคนิคของแสงเงา แสงเงา นา้ หนกั และวรรณะสี นา้ หนัก และวรรณะสี ๔. สร้างสรรค์งานป้นั จาก ดินน้ามัน การสร้างงานปัน้ เพ่อื ถา่ ยทอดจนิ ตนาการดว้ ยการ หรอื ดินเหนยี ว โดยเน้นการถ่ายทอด ใชด้ ินน้ามนั หรอื ดินเหนยี ว จนิ ตนาการ ๕. สรา้ งสรรค์งานพมิ พภ์ าพ โดย การจัดภาพในงานพิมพ์ภาพ เนน้ การจัดวางตาแหน่งของส่ิงตา่ ง ๆ ใน ภาพ
๑๔ ๖. ระบปุ ญั หาในการจดั การจดั องค์ประกอบศิลปแ์ ละการสอื่ ความหมาย ในงาน องคป์ ระกอบศลิ ป์ ทัศนศิลป์ และการสื่อความหมายในงานทัศนศิลป์ ของตนเอง และบอกวิธกี ารปรบั ปรงุ งาน ใหด้ ีข้นึ ๗. บรรยายประโยชน์และคุณค่า ประโยชน์และคุณคา่ ของงานทัศนศลิ ป์ ของงานทัศนศลิ ปท์ ี่มีผลต่อชีวิตของคน ในสงั คม ป.๖ ๑. ระบุสคี ูต่ รงข้าม และอภิปราย วงสีธรรมชาติ และสีค่ตู รงขา้ ม เกย่ี วกบั การใช้สคี ู่ตรงขา้ มในการ ถ่ายทอดความคิดและอารมณ์ ๒. อธิบายหลกั การจดั ขนาดสัดส่วน หลกั การจัดขนาด สัดสว่ นความสมดลุ ในงาน ความสมดุลในการสร้างงานทัศนศิลป์ ทศั นศลิ ป์ ๓. สรา้ งงานทศั นศิลป์จากรูปแบบ งานทศั นศลิ ปร์ ปู แบบ ๒ มิติ และ ๓ มิติ ๒ มิติ เป็น๓ มิติ โดยใชห้ ลกั การ ของแสงเงาและน้าหนกั ๔. สร้างสรรคง์ านปน้ั โดยใช้ การใช้หลักการเพิม่ และลดในการสรา้ งสรรค์งาน หลักการเพ่ิมและลด ปั้น ชั้น ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๕. สรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ปโ์ ดยใช้ รูปและพ้นื ท่วี า่ งในงานทศั นศิลป์ หลักการ ของรูปและพนื้ ท่ีว่าง ๖. สรา้ งสรรคง์ านทัศนศลิ ป์โดยใช้ การสรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลปโ์ ดยใช้ สี สคี ่ตู รงขา้ มหลักการจัดขนาดสัดส่วน และ คู่ตรงขา้ ม หลกั การจัดขนาด สัดส่วนและความสมดุล ความสมดลุ ๗. สรา้ งงานทัศนศิลป์เปน็ แผนภาพ การสร้างงานทัศนศิลป์เป็นแผนภาพ แผนผัง แผนผัง และภาพประกอบ เพอื่ ถา่ ยทอด และภาพประกอบ ความคดิ หรือเร่อื งราวเก่ยี วกบั เหตุการณ์ ต่าง ๆ ม.๑ ๑. บรรยายความแตกต่างและความ ความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลงึ กนั ของ คล้ายคลงึ กนั ของงานทัศนศลิ ป์ ทศั นธาตใุ นงานทัศนศิลป์ และสิ่งแวดลอ้ ม และสง่ิ แวดล้อมโดยใชค้ วามรู้เรอ่ื งทศั น ธาตุ ๒. ระบุ และบรรยายหลักการ ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลนื ความสมดุล ออกแบบงานทศั นศิลป์ โดยเน้นความเป็น เอกภาพความกลมกลนื และความสมดุล ๓. วาดภาพทัศนียภาพแสดงใหเ้ ห็น หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ ระยะไกลใกล้ เปน็ ๓ มติ ิ
๑๕ ๔. รวบรวมงานป้นั หรือสอ่ื ผสมมา เอกภาพความกลมกลืนของเรื่องราวในงานป้นั สรา้ งเป็นเรื่องราว ๓ มติ ิโดยเนน้ ความ หรอื งานสอ่ื ผสม เป็นเอกภาพ ความกลมกลืน และการส่ือ ถึงเร่ืองราวของงาน ๕. ออกแบบรูปภาพ สญั ลกั ษณ์ การออกแบบรูปภาพ สญั ลกั ษณ์ หรอื หรือกราฟกิ อน่ื ๆ ในการนาเสนอความคิด งานกราฟิก และข้อมลู ๖. ประเมินงานทัศนศิลป์ และ การประเมนิ งานทัศนศลิ ป์ บรรยายถงึ วิธีการปรับปรุงงานของตนเอง และผอู้ ่นื โดยใชเ้ กณฑ์ที่กาหนดให้ ชั้น ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม.๒ ๑. อภปิ รายเกย่ี วกบั ทศั นธาตุในดา้ น รูปแบบของทศั นธาตุและแนวคิดในงาน รปู แบบ และแนวคดิ ของงานทัศนศิลปท์ ี่ ทศั นศิลป์ เลอื กมา ๒. บรรยายเก่ียวกบั ความเหมือนและ ความเหมือนและความแตกต่างของรปู แบบการ ความแตกต่างของรูปแบบการใช้วสั ดุ ใช้วสั ดุ อปุ กรณใ์ นงานทศั นศิลป์ ของศลิ ปนิ อุปกรณ์ในงานทัศนศลิ ป์ของศิลปิน ๓. วาดภาพด้วยเทคนิคที่หลากหลาย เทคนิคในการวาดภาพส่ือความหมาย ในการส่ือความหมายและเร่อื งราวต่าง ๆ ๔. สร้างเกณฑ์ในการประเมนิ การประเมนิ และวจิ ารณ์งานทัศนศลิ ป์ และวจิ ารณง์ านทัศนศลิ ป์ ๕. นาผลการวิจารณ์ไปปรบั ปรุงแก้ไข การพัฒนางานทศั นศิลป์ และพฒั นางาน การจัดทาแฟ้มสะสมงานทัศนศิลป์ ๖. วาดภาพแสดงบคุ ลิกลักษณะ การวาดภาพถ่ายทอดบคุ ลิกลักษณะ ของตวั ละคร ของตวั ละคร ๗. บรรยายวธิ กี ารใชง้ านทัศนศลิ ป์ งานทัศนศิลป์ในการโฆษณา ในการโฆษณาเพ่ือโน้มน้าวใจ และ นาเสนอตวั อยา่ งประกอบ ม.๓ ๑. บรรยายสิง่ แวดลอ้ ม และงาน ทศั นธาตุ หลักการออกแบบในสิง่ แวดล้อมและ ทศั นศลิ ป์ที่เลือกมาโดยใช้ความรูเ้ ร่อื งทัศน งานทศั นศิลป์ ธาตุ และหลกั การออกแบบ ๒. ระบุ และบรรยายเทคนิค วิธกี าร เทคนคิ วิธกี ารของศิลปินในการสร้างงาน ของศลิ ปนิ ในการสรา้ งงาน ทัศนศิลป์ ทัศนศิลป์ ๓. วเิ คราะห์ และบรรยายวธิ กี ารใช้ วิธกี ารใชท้ ศั นธาตแุ ละหลักการออกแบบในการ ทศั นธาตุ และหลักการออกแบบในการ สรา้ งงานทศั นศลิ ป์ สร้างงานทศั นศิลปข์ องตนเอง ใหม้ คี ุณภาพ
๑๖ ๔. มีทักษะในการสร้างงานทศั นศลิ ป์ การสรา้ งงานทัศนศิลป์ท้ังไทยและสากล อยา่ งน้อย ๓ ประเภท ชน้ั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๓ ๕. มีทักษะในการผสมผสานวสั ดุ การใชห้ ลกั การออกแบบในการสร้างงานสือ่ ผสม ตา่ ง ๆ ในการสรา้ งงานทศั นศลิ ป์โดยใช้ หลักการออกแบบ ๖. สร้างงานทศั นศลิ ป์ ทง้ั ๒ มิติ การสรา้ งงานทัศนศิลป์แบบ ๒ มิติ และ ๓ มิติ และ ๓ มิติ เพ่ือถ่ายทอดประสบการณ์ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ และจินตนาการ และจินตนาการ ๗. สรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์สื่อ การประยุกตใ์ ชท้ ศั นธาตุและหลักการ ความหมายเปน็ เร่ืองราว โดยประยกุ ตใ์ ช้ ออกแบบสรา้ งงานทัศนศลิ ป์ ทัศนธาตุ และหลกั การออกแบบ ๘. วเิ คราะห์และอภิปรายรูปแบบ การวเิ คราะห์รปู แบบ เนื้อหา และคุณค่า ใน เนอื้ หาและคณุ คา่ ในงานทัศนศลิ ป์ ของตนเอง และผ้อู ืน่ หรอื ของศิลปนิ งานทศั นศลิ ป์ ๙. สร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ปเ์ พ่ือ การใชเ้ ทคนิค วิธกี ารทีห่ ลากหลาย สร้างงาน บรรยาย เหตุการณ์ตา่ ง ๆ โดยใช้เทคนิคที่ ทศั นศิลปเ์ พอ่ื สื่อความหมาย หลากหลาย ๑๐.ระบุอาชพี ท่เี ก่ยี วข้องกับงาน การประกอบอาชีพทางทัศนศิลป์ ทศั นศิลปแ์ ละทักษะทจ่ี าเป็นในการ ประกอบอาชีพน้นั ๆ ๑๑.เลอื กงานทศั นศิลปโ์ ดยใชเ้ กณฑ์ท่ี การจัดนทิ รรศการ กาหนดขึน้ อยา่ งเหมาะสม และนาไป จดั นิทรรศการ ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ทศั นธาตุและหลักการออกแบบ ม.๔-๖ ๑. วิเคราะหก์ ารใชท้ ัศนธาตุ และหลักการออกแบบในการสอ่ื ศพั ท์ทางทัศนศิลป์ ความหมายในรูปแบบต่าง ๆ วสั ดุ อปุ กรณ์ และเทคนิคของศลิ ปนิ ๒. บรรยายจุดประสงคแ์ ละเน้ือหาของ ในการแสดงออกทางทัศนศิลป์ งานทัศนศิลป์โดยใชศ้ ัพท์ทางทศั นศลิ ป์ เทคนคิ วสั ดุ อปุ กรณ์ กระบวนการในการ ๓. วิเคราะหก์ ารเลือกใชว้ ัสดุอปุ กรณ์ และเทคนิคของศิลปนิ ในการแสดงออก ทางทัศนศลิ ป์ ๔. มที กั ษะและเทคนิคในการใชว้ สั ดุ
๑๗ อปุ กรณ์และกระบวนการทส่ี งู ขนึ้ สรา้ งงานทศั นศิลป์ ในการสรา้ งงานทัศนศิลป์ ๕. สรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลปด์ ้วย หลักการออกแบบและการจัดองคป์ ระกอบ เทคโนโลยี ศลิ ป์ดว้ ยเทคโนโลยี ต่าง ๆ โดยเนน้ หลักการออกแบบและ การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ ๖. ออกแบบงานทัศนศลิ ปไ์ ด้เหมาะกับ การออกแบบงานทัศนศิลป์ โอกาสและสถานท่ี ๗. วิเคราะห์และอธบิ ายจุดมุ่งหมาย จุดมุ่งหมายของศิลปนิ ในการเลอื กใชว้ ัสดุ ของศิลปนิ ในการเลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ อุปกรณ์ เทคนิคและเนื้อหา ในการสรา้ งงาน เทคนิคและเน้ือหา เพ่ือสรา้ งสรรค์งาน ทศั นศลิ ป์ ทศั นศลิ ป์ ๘. ประเมินและวิจารณง์ านทัศนศิลป์ ทฤษฎีการวิจารณ์ศิลปะ โดยใชท้ ฤษฎกี ารวจิ ารณ์ศิลปะ ๙. จดั กลุม่ งานทัศนศลิ ปเ์ พ่ือสะท้อน การจัดทาแฟ้มสะสมงานทัศนศลิ ป์ พัฒนาการและความกา้ วหนา้ ของตนเอง ๑๐.สรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลปไ์ ทย สากล การสรา้ งงานทัศนศิลป์จากแนวคดิ และ โดยศกึ ษาจากแนวคิดและวธิ กี าร สรา้ งงานของศิลปนิ ท่ตี นชนื่ ชอบ วธิ ีการของศลิ ปิน ๑๑.วาดภาพ ระบายสีเปน็ ภาพลอ้ เลียน การวาดภาพลอ้ เลยี นหรือภาพการต์ ูน หรอื ภาพการ์ตนู เพื่อแสดงความคดิ เห็น เกย่ี วกับสภาพสังคมในปจั จบุ ัน สาระท่ี ๑ ทศั นศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งทัศนศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ งานทัศนศลิ ป์ท่เี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ภูมปิ ัญญาไทย และสากล ชนั้ ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.๑ ๑. ระบงุ านทัศนศลิ ป์ใน งานทัศนศิลป์ในชีวติ ประจาวัน ชีวติ ประจาวนั ป.๒ ๑. บอกความสาคัญของงาน ความสาคัญของงานทัศนศลิ ป์ในชีวติ ประจาวนั ทัศนศิลป์ ทพ่ี บเหน็ ในชีวติ ประจาวัน
๑๘ ๒. อภปิ รายเกย่ี วกับงานทัศนศลิ ป์ งานทัศนศลิ ป์ในท้องถ่ิน ประเภทต่าง ๆ ในท้องถิ่นโดยเนน้ ถงึ วธิ ีการสร้างงานและวสั ดอุ ปุ กรณ์ ที่ใช้ ป.๓ ๑. เลา่ ถงึ ที่มาของงานทัศนศิลปใ์ น ที่มาของงานทัศนศิลปใ์ นท้องถิ่น ท้องถิ่น ๒. อธบิ ายเกี่ยวกบั วสั ดอุ ุปกรณ์และ วสั ดุ อปุ กรณ์ และวธิ กี ารสรา้ งงานทศั นศิลปใ์ น วธิ ีการสร้างงานทศั นศิลป์ในท้องถนิ่ ทอ้ งถ่นิ ป.๔ ๑. ระบุ และอภิปรายเกีย่ วกับงาน งานทัศนศิลป์ในวฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ ทศั นศิลป์ ในเหตุการณ์ และงานเฉลิม ฉลอง ของวัฒนธรรมในท้องถน่ิ ๒. บรรยายเก่ยี วกบั งานทศั นศิลป์ งานทัศนศลิ ป์จากวฒั นธรรมต่าง ๆ ท่ีมาจากวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ป.๕ ๑. ระบุ และบรรยายเก่ียวกับ ลักษณะรูปแบบของงานทศั นศลิ ป์ ลักษณะรปู แบบของงานทัศนศลิ ปใ์ น แหล่งเรยี นรหู้ รอื นิทรรศการศิลปะ ๒. อภปิ รายเกีย่ วกับงานทัศนศิลป์ งานทศั นศลิ ป์ทีส่ ะท้อนวัฒนธรรมและ ภูมปิ ัญญา ทส่ี ะท้อนวัฒนธรรมและภมู ิปัญญา ในทอ้ งถ่นิ ในทอ้ งถิน่ ป.๖ ๑. บรรยายบทบาทของงาน บทบาทของงานทัศนศิลปใ์ นชวี ติ และสังคม ทศั นศลิ ป์ ทีส่ ะทอ้ นชวี ิตและสงั คม ๒. อภปิ รายเก่ียวกับอิทธิพลของ อทิ ธพิ ลของศาสนาที่มีตอ่ งานทศั นศลิ ปใ์ นทอ้ งถ่ิน ความเชอื่ ความศรทั ธาในศาสนาที่มีผลตอ่ งานทศั นศิลป์ในท้องถิ่น ๓. ระบุ และบรรยายอิทธิพลทาง อทิ ธิพลทางวัฒนธรรมในท้องถ่นิ ท่มี ีผล ตอ่ วัฒนธรรมในท้องถิ่นทม่ี ผี ลต่อการสรา้ ง การสร้างงานทัศนศิลป์ งานทศั นศลิ ป์ของบคุ คล ชัน้ ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๑ ๑. ระบุ และบรรยายเกย่ี วกบั ลักษณะ รปู แบบงานทัศนศิลป์ของชาติและ ลกั ษณะ รูปแบบงานทัศนศิลปข์ องชาติ ท้องถนิ่ และของท้องถ่ินตนเองจากอดีตจนถึง ปจั จบุ ัน ๒. ระบุ และเปรียบเทยี บงาน งานทศั นศลิ ปภ์ าคตา่ ง ๆ ในประเทศไทย ทศั นศลิ ปข์ องภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย ๓. เปรยี บเทยี บความแตกต่างของ ความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ ในวัฒนธรรม จดุ ประสงค์ในการสร้างสรรคง์ าน ไทยและสากล ทัศนศิลป์ของวัฒนธรรมไทยและสากล
๑๙ ม.๒ ๑. ระบุ และบรรยายเกี่ยวกับ วัฒนธรรมทส่ี ะท้อนในงานทัศนศิลปป์ จั จุบัน วัฒนธรรม ตา่ ง ๆ ทส่ี ะทอ้ นถึงงาน ทศั นศิลปใ์ นปัจจบุ นั ๒. บรรยายถงึ การเปลี่ยนแปลง งานทศั นศลิ ป์ของไทยในแตล่ ะยคุ สมยั ของ งานทัศนศิลป์ของไทยในแตล่ ะยุค สมยั โดยเน้นถึงแนวคดิ และเนื้อหาของ งาน ๓. เปรียบเทียบแนวคดิ ในการ การออกแบบงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและ ออกแบบงานทศั นศลิ ป์ทีม่ าจาก สากล วฒั นธรรมไทยและสากล ม.๓ ๑. ศกึ ษาและอภิปรายเกีย่ วกบั งาน งานทศั นศิลป์กบั การสะท้อนคุณค่า ของ ทัศนศิลป์ ทสี่ ะท้อนคุณค่าของวัฒนธรรม วฒั นธรรม ๒. เปรียบเทยี บความแตกตา่ งของ ความแตกตา่ งของงานทศั นศิลป์ในแตล่ ะยคุ สมยั งานทศั นศิลป์ในแตล่ ะยุคสมัย ของวัฒนธรรมไทยและสากล ของวฒั นธรรมไทยและสากล ม.๔-๖ ๑. วเิ คราะห์ และเปรียบเทียบงาน งานทศั นศิลป์รปู แบบตะวนั ออกและ ทศั นศลิ ปใ์ นรปู แบบตะวนั ออกและ รปู แบบตะวันตก ตะวนั ตก ๒. ระบุงานทัศนศลิ ปข์ องศลิ ปนิ ทีม่ ี งานทศั นศิลปข์ องศิลปินท่ีมีช่อื เสยี ง ชือ่ เสยี งและบรรยายผลตอบรับของ สงั คม ๓. อภิปรายเกีย่ วกบั อิทธิพลของ อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมระหว่างประเทศ วฒั นธรรมระหว่างประเทศท่ีมผี ลต่อ ท่มี ีผลต่องานทศั นศิลป์ งานทัศนศลิ ป์ในสงั คม สาระท่ี ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอยา่ งสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณ์คณุ คา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ ต่อดนตรอี ย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวัน ชัน้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.๑ ๑. รูว้ ่าสิง่ ต่าง ๆ สามารถก่อกาเนดิ การกาเนดิ ของเสียง เสียง - เสียงจากธรรมชาติ ท่ีแตกต่างกัน - แหล่งกาเนิดของเสยี ง - สีสนั ของเสยี ง ๒. บอกลกั ษณะของเสียงดงั -เบา และ ระดับเสยี งดงั -เบา (Dynamic) ความช้า- เร็วของจังหวะ อัตราความเร็วของจังหวะTempo ๓. ท่องบทกลอน ร้องเพลงงา่ ย ๆ การอ่านบทกลอนประกอบจังหวะ
๒๐ การรอ้ งเพลงประกอบจังหวะ ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๔. มีส่วนร่วมในกจิ กรรมดนตรีอยา่ ง กจิ กรรมดนตรี สนุกสนาน - การรอ้ งเพลง - การเคาะจงั หวะ - การเคลอื่ นไหวประกอบบทเพลง -ตามความดัง- เบาของบทเพลง -ตามความชา้ เรว็ ของจังหวะ ๕. บอกความเกยี่ วข้องของเพลงท่ใี ช้ เพลงท่ใี ชใ้ นชีวิตประจาวัน ในชีวติ ประจาวนั - เพลงกลอ่ มเด็ก - บทเพลงประกอบการละเล่น - เพลงสาคญั (เพลงชาติไทย เพลง สรรเสรญิ พระบารมี) ป.๒ ๑. จาแนกแหลง่ กาเนดิ ของเสยี งทีไ่ ด้ สสี นั ของเสียงเครื่องดนตรี ยนิ สสี ันของเสียงมนุษย์ ๒. จาแนกคุณสมบัตขิ องเสยี ง สูง- ต่า การฝึกโสตประสาท การจาแนกเสยี ง สงู - , ดัง-เบา ยาว-สนั้ ของดนตรี ต่า ดัง-เบา ยาว-สั้น ๓. เคาะจังหวะหรือเคล่ือนไหว การเคล่ือนไหวประกอบเนื้อหาในบทเพลง การเล่นเครอ่ื งดนตรีประกอบเพลง ร่างกาย ให้สอดคล้องกบั เน้อื หาของ เพลง ๔. ร้องเพลงงา่ ย ๆ ท่เี หมาะสมกับวัย การขบั ร้อง ๕. บอกความหมายและความสาคัญ ความหมายและความสาคญั ของเพลง ท่ี ของเพลงที่ไดย้ ิน ได้ยนิ - เพลงปลุกใจ - เพลงสอนใจ ป.๓ ๑. ระบรุ ปู รา่ งลกั ษณะของเครื่อง รูปรา่ งลักษณะของเครอ่ื งดนตรี ดนตรี ทเ่ี ห็นและได้ยนิ ใน เสียงของเคร่ืองดนตรี ชวี ิตประจาวนั ๒. ใช้รปู ภาพหรือสัญลักษณแ์ ทนเสยี ง สญั ลกั ษณแ์ ทนคุณสมบัตขิ องเสียง (สูง-ต่า ดงั - และจงั หวะเคาะ เบา ยาว-ส้นั ) สญั ลักษณ์แทนรปู แบบจงั หวะ ชัน้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๓. บอกบทบาทหนา้ ท่ีของเพลงท่ีได้ บทบาทหนา้ ที่ของบทเพลงสาคัญ ยนิ - เพลงชาติ
๒๑ - เพลงสรรเสรญิ พระบารมี - เพลงประจาโรงเรยี น ๔. ขับรอ้ งและบรรเลงดนตรีง่าย ๆ การขบั ร้องเดีย่ วและหมู่ การบรรเลงเครื่องดนตรีประกอบเพลง ๕. เคล่ือนไหวท่าทางสอดคล้องกับ การเคล่ือนไหวตามอารมณ์ของบทเพลง อารมณ์ของเพลงท่ฟี ัง ๖. แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับ การแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับเสียงร้องและ เสยี งดนตรี เสยี งขับรอ้ งของตนเองและผู้อื่น เสยี งดนตรี - คณุ ภาพเสยี งร้อง - คณุ ภาพเสียงดนตรี ๗. นาดนตรีไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน การใช้ดนตรใี นโอกาสพเิ ศษ หรอื โอกาสต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม - ดนตรใี นงานรนื่ เรงิ - ดนตรีในการฉลองวนั สาคญั ของชาติ ป.๔ ๑. บอกประโยคเพลงอยา่ งง่าย โครงสร้างของบทเพลง - ความหมายของประโยคเพลง - การแบง่ ประโยคเพลง ๒. จาแนกประเภทของเคร่ืองดนตรที ่ี ประเภทของเคร่ืองดนตรี ใชใ้ นเพลงที่ฟัง เสยี งของเครอื่ งดนตรีแต่ละประเภท ๓. ระบุทศิ ทางการเคลือ่ นท่ขี น้ึ – ลง การเคลื่อนท่ขี ึน้ - ลงของทานอง ง่าย ๆ ของทานอง รูปแบบจังหวะ รปู แบบจงั หวะของทานองจังหวะ และความเรว็ ของจังหวะใน รูปแบบจังหวะ เพลงท่ีฟัง ความช้า - เร็วของจังหวะ ๔. อ่าน เขียนโนต้ ดนตรีไทยและสากล เครือ่ งหมายและสญั ลักษณ์ทางดนตรี - กุญแจประจาหลกั - บรรทดั หา้ เสน้ - โน้ตและเคร่อื งหมายหยุด - เสน้ กน้ั หอ้ ง โครงสรา้ งโนต้ เพลงไทย - การแบ่งห้อง - การแบง่ จงั หวะ ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง การขับรอ้ งเพลงในบนั ไดเสยี งที่เหมาะสมกับตนเอง ๕. รอ้ งเพลงโดยใช้ช่วงเสียงท่ี เหมาะสมกบั ตนเอง การใชแ้ ละการดแู ลรกั ษาเครอื่ งดนตรี ของตน ๖. ใชแ้ ละเกบ็ เคร่อื งดนตรีอย่าง ถกู ต้องและปลอดภยั
๒๒ ๗. ระบวุ ่าดนตรีสามารถใชใ้ นการส่ือ ความหมายของเนื้อหาในบทเพลง เรอ่ื งราว ป.๕ ๑. ระบุองคป์ ระกอบดนตรใี นเพลงที่ การสอ่ื อารมณ์ของบทเพลงดว้ ยองคป์ ระกอบดนตรี ใช้ในการสอ่ื อารมณ์ - จงั หวะกบั อารมณ์ของบทเพลง - ทานองกบั อารมณ์ของบทเพลง ๒. จาแนกลักษณะของเสียงขบั ร้อง ลกั ษณะของเสยี งนกั ร้องกลุม่ ตา่ ง ๆ และเครื่องดนตรที ี่อยูใ่ นวงดนตรีประเภท ลกั ษณะเสียงของวงดนตรีประเภทต่าง ๆ ตา่ ง ๆ ๓. อา่ น เขยี นโน้ตดนตรีไทยและสากล เครื่องหมายและสัญลักษณท์ างดนตรี ๕ ระดับเสยี ง - บนั ไดเสียง ๕ เสยี ง Pentatonic scale - โนต้ เพลงในบนั ไดเสียง ๕ เสยี ง Pentatonic scale ๔. ใช้เครื่องดนตรีบรรเลงจังหวะ และ การบรรเลงเคร่ืองประกอบจังหวะ ทานอง การบรรเลงทานองดว้ ยเครื่องดนตรี ๕. ร้องเพลงไทยหรือเพลงสากลหรือ การร้องเพลงไทยในอัตราจังหวะสองช้ัน เพลง ไทยสากลที่เหมาะสมกับ การรอ้ งเพลงสากล หรอื ไทยสากล วัย การร้องเพลงประสานเสยี งแบบ Canon Round ๖. ดน้ สดงา่ ย ๆ โดยใชป้ ระโยคเพลง การสร้างสรรค์ประโยคเพลงถาม-ตอบ แบบถามตอบ ๗. ใชด้ นตรรี ่วมกับกิจกรรมในการ การบรรเลงดนตรีประกอบกิจกรรมนาฏศิลป์ แสดงออกตามจนิ ตนาการ การสรา้ งสรรคเ์ สียงประกอบการเล่าเรื่อง ป.๖ ๑. บรรยายเพลงที่ฟัง โดยอาศัย องค์ประกอบดนตรแี ละศัพทส์ ังคีต องคป์ ระกอบดนตรี และศัพท์สงั คตี ๒. จาแนกประเภทและบทบาทหนา้ ที่ เคร่ืองดนตรีไทยแต่ละภาค เครอ่ื งดนตรีไทยและเครื่องดนตรีที่ บทบาทและหน้าท่ีของเคร่อื งดนตรี ประเภทของเครื่องดนตรสี ากล มาจากวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ชน้ั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๓. อ่าน เขยี นโนต้ ไทย และโนต้ สากล เครอื่ งหมายและสญั ลักษณ์ทางดนตรี ทานองง่าย ๆ โน้ตบทเพลงไทย อตั ราจังหวะสองช้ัน โนต้ บทเพลงสากลในบันไดเสียง C Major ๔. ใช้เครอ่ื งดนตรีบรรเลงประกอบ การรอ้ งเพลงประกอบดนตรี การรอ้ งเพลง ดน้ สด ที่มีจังหวะและทานอง การสรา้ งสรรคร์ ูปแบบจังหวะและทานองดว้ ยเครอ่ื ง งา่ ย ๆ ดนตรี
๒๓ ๕. บรรยายความรู้สึกท่ีมตี อ่ ดนตรี การบรรยายความรสู้ ึกและแสดงความคดิ เหน็ ที่ ๖. แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับทานอง มตี อ่ บทเพลง จังหวะการประสานเสียง และคณุ ภาพเสยี ง - เนือ้ หาในบทเพลง ของเพลงที่ฟงั - องค์ประกอบในบทเพลง - คณุ ภาพเสยี งในบทเพลง ม.๑ ๑. อา่ น เขียน ร้องโนต้ ไทย และโนต้ เคร่ืองหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี สากล -โน้ตบทเพลงไทย อตั ราจงั หวะสองชัน้ -โน้ตสากล ในกุญแจซอลและฟาในบนั ไดเสยี ง C Major ๒. เปรยี บเทยี บเสียงรอ้ งและเสยี ง เสียงร้องและเสยี งของเครื่องดนตรี ในบทเพลง ของเครอ่ื งดนตรที ีม่ าจากวฒั นธรรม จากวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ต่างกนั - วธิ ีการขบั ร้อง ๓. ร้องเพลงและใช้เครื่องดนตรี - เครอ่ื งดนตรีท่ีใช้ บรรเลงประกอบการร้องเพลงด้วยบทเพลง ท่หี ลากหลายรปู แบบ การร้องและการบรรเลงเครื่องดนตรี ประกอบการร้อง - บทเพลงพน้ื บา้ น บทเพลงปลุกใจ - บทเพลงไทยเดิม - บทเพลงประสานเสยี ง ๒ แนว - บทเพลงรปู แบบ ABA - บทเพลงประกอบการเต้นรา ช้ัน ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๑ ๔. จดั ประเภทของวงดนตรีไทยและ วงดนตรพี นื้ เมือง วงดนตรีทมี่ าจากวฒั นธรรมต่าง ๆ วงดนตรีไทย วงดนตรีสากล ๕. แสดงความคิดเห็นทีม่ ีต่ออารมณ์ของ การถา่ ยทอดอารมณข์ องบทเพลง บทเพลงที่มีความเร็วของจังหวะ - จังหวะกบั อารมณ์เพลง และความดัง - เบา แตกตา่ งกัน - ความดงั -เบากับอารมณเ์ พลง ๖. เปรยี บเทยี บอารมณ์ ความรู้สึกใน - ความแตกต่างของอารมณ์เพลง การ ฟงั ดนตรีแตล่ ะประเภท ๗. นาเสนอตัวอยา่ งเพลงท่ีตนเองชน่ื การนาเสนอบทเพลงท่ีตนสนใจ ชอบ และอภปิ รายลักษณะเดน่ ที่ทาใหง้ านนนั้ นา่ ช่ืนชม ๘. ใช้เกณฑส์ าหรบั ประเมินคณุ ภาพ การประเมนิ คุณภาพของบทเพลง งานดนตรีหรอื เพลงที่ฟงั - คุณภาพด้านเนอ้ื หา
๒๔ - คุณภาพดา้ นเสยี ง - คณุ ภาพดา้ นองค์ประกอบดนตรี ๙. ใช้และบารุงรกั ษาเคร่ืองดนตรี การใชแ้ ละบารงุ รักษาเคร่อื งดนตรขี องตน อยา่ งระมัดระวังและรบั ผิดชอบ ม.๒ ๑. เปรยี บเทียบการใช้องค์ประกอบ องค์ประกอบของดนตรจี ากแหลง่ วัฒนธรรม ดนตรที ม่ี าจากวฒั นธรรมตา่ งกัน ต่าง ๆ ๒. อา่ น เขียนร้องโน้ตไทย และโนต้ เครอ่ื งหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี สากลทีม่ เี ครื่องหมายแปลงเสียง - โนต้ จากเพลงไทยอัตราจังหวะสองชัน้ - โน้ตสากล (เครอ่ื งหมายแปลงเสยี ง) ๓. ระบปุ จั จยั สาคญั ท่ีมอี ิทธิพลต่อการ ปจั จยั ในการสรา้ งสรรค์บทเพลง สรา้ งสรรคง์ านดนตรี - จินตนาการในการสรา้ งสรรค์บทเพลง - การถ่ายทอดเรื่องราวความคิด ในบทเพลง ๔. ร้องเพลง และเล่นดนตรีเดี่ยวและ เทคนคิ การร้องและบรรเลงดนตรี รวมวง - การร้องและบรรเลงเดี่ยว - การรอ้ งและบรรเลงเปน็ วง ๕. บรรยายอารมณข์ องเพลงและ การบรรยายอารมณ์และความรู้สกึ ในบทเพลง ความรสู้ กึ ที่มีตอ่ บทเพลงทีฟ่ งั ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๖. ประเมิน พฒั นาการทกั ษะทาง การประเมินความสามารถทางดนตรี ดนตรีของตนเอง หลงั จากการฝกึ ปฏิบตั ิ - ความถกู ตอ้ งในการบรรเลง - ความแม่นยาในการอ่านเครื่องหมายและ สญั ลกั ษณ์ - การควบคมุ คุณภาพเสียงในการร้องและบรรเลง ๗. ระบงุ านอาชีพตา่ ง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ ง อาชพี ทางด้านดนตรี กบั ดนตรแี ละบทบาทของดนตรีในธุรกจิ บทบาทของดนตรีในธุรกจิ บันเทงิ บันเทงิ ม.๓ ๑. เปรยี บเทยี บองค์ประกอบทใ่ี ชใ้ นงาน การเปรยี บเทียบองคป์ ระกอบในงานศลิ ปะ ดนตรแี ละงานศลิ ปะอนื่ - การใช้องคป์ ระกอบในการสร้างสรรคง์ านดนตรี และศิลปะแขนงอ่ืน
๒๕ - เทคนคิ ท่ีใชใ้ นการสร้างสรรค์งานดนตรแี ละ ศลิ ปะแขนงอื่น ๒. ร้องเพลง เลน่ ดนตรเี ดยี่ ว และรวม เทคนิคและการแสดงออกในการขับรอ้ งและบรรเลง วง โดยเนน้ เทคนิคการร้อง การเลน่ การ ดนตรเี ดี่ยวและรวมวง แสดงออก และคุณภาพสียง ๓. แตง่ เพลงส้นั ๆ จังหวะง่าย ๆ อตั ราจังหวะ ๒ และ ๔ ๔๔ การประพันธ์เพลงในอัตราจงั หวะ๒ และ ๔ ๔๔ ๔. อธบิ ายเหตุผลในการเลือกใช้ การเลอื กใช้องคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคบ์ ทเพลง องค์ประกอบดนตรใี นการสรา้ งสรรค์ งานดนตรขี องตนเอง - การเลือกจังหวะเพ่ือสร้างสรรค์ บทเพลง - การเรียบเรียงทานองเพลง ๕. เปรยี บเทยี บความแตกต่างระหวา่ ง การเปรียบเทียบความแตกตา่ งของบทเพลง งานดนตรขี องตนเองและผู้อื่น - สาเนียง - อตั ราจงั หวะ - รปู แบบบทเพลง - การประสานเสียง - เคร่ืองดนตรีท่ีบรรเลง ๖. อธิบายเก่ียวกบั อทิ ธพิ ลของดนตรี อทิ ธิพลของดนตรี ทมี่ ตี อ่ บุคคลและสังคม - อทิ ธพิ ลของดนตรีตอ่ บุคคล - อทิ ธพิ ลของดนตรีตอ่ สงั คม ชน้ั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๓ ๗.นาเสนอหรือจดั การแสดงดนตรี การจดั การแสดงดนตรใี นวาระต่าง ๆ ที่เหมาะสมโดยการบูรณาการกบั สาระ - การเลือกวงดนตรี การเรยี นรอู้ ื่นในกลุ่มศิลปะ - การเลอื กบทเพลง - การเลือกและจัดเตรยี มสถานท่ี - การเตรยี มบคุ ลากร - การเตรยี มอปุ กรณเ์ คร่ืองมือ - การจัดรายการแสดง ม.๔-๖ ๑. เปรียบเทยี บรูปแบบของบทเพลงและ การจดั วงดนตรี วงดนตรแี ต่ละประเภท - การใช้เครื่องดนตรใี นวงดนตรี ประเภทตา่ งๆ - บทเพลงทบี่ รรเลงโดยวงดนตรี ประเภทต่างๆ ๒. จาแนกประเภทและรูปแบบของ ประเภทของวงดนตรี
๒๖ วงดนตรีทง้ั ไทยและสากล - ประเภทของวงดนตรีไทย - ประเภทของวงดนตรสี ากล ๓. อธิบายเหตผุ ลทคี่ นตา่ งวฒั นธรรม สรา้ งสรรคง์ านดนตรีแตกต่างกนั ปจั จัยในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานดนตรี ในแตล่ ะวฒั นธรรม ๔. อา่ น เขียน โน้ตดนตรไี ทยและสากล - ความเชอื่ กับการสรา้ งสรรค์งาน ในอัตราจังหวะตา่ ง ๆ ดนตรี - ศาสนากบั การสร้างสรรค์งานดนตรี ๕. รอ้ งเพลง หรอื เลน่ ดนตรีเด่ียวและ - วถิ ีชีวติ กบั การสร้างสรรค์งานดนตรี รวมวงโดยเน้นเทคนคิ การแสดงออก - เทคโนโลยีกบั การสรา้ งสรรค์งาน และคณุ ภาพของการแสดง ดนตรี ๖. สรา้ งเกณฑ์สาหรับประเมินคุณภาพ การประพนั ธแ์ ละการเลน่ ดนตรี เคร่อื งหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี ของตนเองและผอู้ ่นื ได้อยา่ งเหมาะสม - เครือ่ งหมายกาหนดอตั ราจังหวะ ๗. เปรียบเทียบอารมณ์ และความร้สู กึ - เครอื่ งหมายกาหนดบันไดเสียง ท่ีได้รับจากงานดนตรที ่ีมาจากวัฒนธรรม ตา่ งกัน โนต้ บทเพลงไทยอัตราจงั หวะ ๒ ชั้น ๘. นาดนตรีไปประยกุ ต์ใช้ในงานอ่ืน ๆ และ ๓ ชั้น เทคนคิ และ การถา่ ยทอดอารมณ์เพลง ดว้ ยการร้อง บรรเลงเคร่ืองดนตรีเดย่ี วและ รวมวง เกณฑ์ในการประเมนิ ผลงานดนตรี - คุณภาพของผลงานทางดนตรี - คุณคา่ ของผลงานทางดนตรี การถ่ายทอดอารมณ์ ความรสู้ ึกของงาน ดนตรจี ากแต่ละวัฒนธรรม ดนตรีกับการผ่อนคลาย ดนตรีกับการพฒั นามนุษย์ ดนตรกี ับการประชาสัมพันธ์ ดนตรีกบั การบาบดั รักษา ดนตรกี บั ธรุ กจิ ดนตรกี ับการศึกษา สาระท่ี ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๒ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งดนตรี ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ ของดนตรีทีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.๑ ๑. เล่าถึงเพลงในทอ้ งถิน่ ทีม่ าของบทเพลงในท้องถ่ิน
๒๗ ๒. ระบุส่ิงท่ีชนื่ ชอบในดนตรี ความนา่ สนใจของบทเพลงในท้องถ่นิ ท้องถน่ิ ป.๒ ๑. บอกความสมั พนั ธ์ของเสียง บทเพลงในท้องถ่ิน รอ้ ง เสยี งเครือ่ ง - ลกั ษณะของเสยี งร้องในบทเพลง ดนตรีในเพลงท้องถ่ิน โดยใช้ - ลกั ษณะของเสยี งเคร่ืองดนตรีที่ใช้ ในบทเพลง คาง่าย ๆ ๒. แสดงและเขา้ ร่วมกิจกรรม กิจกรรมดนตรีในโอกาสพเิ ศษ ทางดนตรี ในท้องถนิ่ - ดนตรีกับโอกาสสาคัญในโรงเรียน - ดนตรีกบั วนั สาคญั ของชาติ ป.๓ ๑. ระบุลักษณะเด่นและ เอกลกั ษณ์ของดนตรใี นท้องถ่ิน เอกลกั ษณ์ ของดนตรใี น - ลกั ษณะเสียงรอ้ งของดนตรีในท้องถ่ิน ท้องถ่นิ - ภาษาและเนื้อหาในบทร้องของดนตรใี นท้องถน่ิ - เครอื่ งดนตรีและวงดนตรีในท้องถน่ิ ๒. ระบคุ วามสาคัญและ ดนตรีกบั การดาเนินชีวิตในท้องถ่นิ ประโยชน์ของดนตรตี ่อการดาเนินชีวติ - ดนตรใี นชวี ติ ประจาวนั ของคนในท้องถ่นิ - ดนตรีในวาระสาคญั ป.๔ ๑. บอกแหล่งท่ีมาและ ความสมั พนั ธ์ของวถิ ชี ีวิตกับผลงานดนตรี ความสัมพนั ธ์ ของวถิ ีชีวิต - เน้อื หาเร่อื งราวในบทเพลงกับวิถีชีวิต ไทย ท่สี ะท้อนในดนตรี และ - โอกาสในการบรรเลงดนตรี เพลงท้องถิ่น ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๒. ระบคุ วามสาคัญในการอนุรักษ์ การอนุรักษว์ ัฒนธรรมทางดนตรี ส่งเสริมวฒั นธรรมทางดนตรี - ความสาคัญและความจาเป็นในการอนุรักษ์ - แนวทางในการอนรุ ักษ์ ป.๕ ๑. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างดนตรี ดนตรีกบั งานประเพณี กับประเพณใี นวัฒนธรรมตา่ ง ๆ - บทเพลงในงานประเพณีในท้องถ่ิน - บทบาทของดนตรีในแตล่ ะประเพณี ๒. อธบิ ายคุณค่าของดนตรีทีม่ าจาก คณุ ค่าของดนตรจี ากแหล่งวัฒนธรรม วฒั นธรรมท่ตี ่างกนั - คณุ ค่าทางสังคม - คณุ คา่ ทางประวัตศิ าสตร์ ป.๖ ๑. อธิบายเรอื่ งราวของดนตรีไทย ดนตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ ในประวตั ิศาสตร์ - ดนตรใี นเหตกุ ารณส์ าคัญทางประวัตศิ าสตร์ - ดนตรีในยุคสมัยต่าง ๆ ๒. จาแนกดนตรที ่ีมาจากยุคสมยั ท่ี ตา่ งกนั
๒๘ ๓. อภิปรายอิทธิพลของวัฒนธรรม - อิทธิพลของวฒั นธรรมทม่ี ีตอ่ ดนตรี ต่อดนตรีในทอ้ งถน่ิ ม.๑ ๑. อธบิ ายบทบาทความสมั พนั ธแ์ ละ บทบาทและอิทธิพลของดนตรี อทิ ธพิ ลของดนตรที ่มี ีต่อสังคมไทย - บทบาทดนตรีในสงั คม - อทิ ธิพลของดนตรีในสังคม ๒. ระบคุ วามหลากหลายของ องคป์ ระกอบของดนตรีในแต่ละวัฒนธรรม องคป์ ระกอบดนตรใี นวัฒนธรรมต่างกนั ม.๒ ๑. บรรยายบทบาท และอิทธิพลของ ดนตรีในวัฒนธรรมต่างประเทศ ดนตรใี นวัฒนธรรมของประเทศตา่ ง ๆ - บทบาทของดนตรีในวฒั นธรรม - อทิ ธพิ ลของดนตรใี นวัฒนธรรม ๒. บรรยายอทิ ธิพลของวฒั นธรรม เหตกุ ารณ์ประวตั ศิ าสตร์กบั การเปล่ยี นแปลง และเหตกุ ารณ์ในประวตั ิศาสตร์ท่มี ตี อ่ ทางดนตรีในประเทศไทย รูปแบบของดนตรีในประเทศไทย -การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกับงานดนตรี ช้นั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม.๓ ๑. บรรยายววิ ัฒนาการของดนตรี ประวตั ดิ นตรีไทยยุคสมยั ต่าง ๆ แต่ละ ยุคสมัย ประวัตดิ นตรีตะวันตกยคุ สมยั ต่าง ๆ ๒. อภปิ รายลกั ษณะเด่นทที่ าใหง้ านดนตรี ปจั จยั ทที่ าให้งานดนตรีไดร้ ับการยอมรบั นน้ั ไดร้ ับการยอมรบั ม.๔-๖ ๑. วิเคราะห์รปู แบบของดนตรีไทย รปู แบบบทเพลงและวงดนตรีไทยแตล่ ะยคุ สมยั และดนตรสี ากลในยุคสมัยตา่ ง ๆ รปู แบบบทเพลงและวงดนตรสี ากล แต่ละยคุ สมยั ๒. วิเคราะห์สถานะทางสังคม ประวัตสิ ังคตี กวี ของนักดนตรใี นวัฒนธรรมตา่ ง ๆ ๓. เปรียบเทียบลกั ษณะเดน่ ของดนตรี ลักษณะเด่นของดนตรี ในวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ในแต่ละวฒั นธรรม - เครือ่ งดนตรี - วงดนตรี - ภาษา เน้อื รอ้ ง - สาเนียง - องค์ประกอบบทเพลง ๔. อธิบายบทบาทของดนตรี บทบาทดนตรีในการสะทอ้ นสังคม ในการสะท้อนแนวความคดิ - ค่านิยมของสงั คมในผลงานดนตรี และค่านิยมที่เปล่ียนไป - ความเชือ่ ของสงั คมในงานดนตรี ของคนในสังคม ๕. นาเสนอแนวทางในการสง่ เสริมและ แนวทางและวธิ กี ารในการสง่ เสริม
๒๙ อนุรักษ์ดนตรีในฐานะมรดกของชาติ อนรุ กั ษ์ดนตรีไทย สาระที่ ๓ นาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณ์ คณุ คา่ นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวัน ช้นั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.๑ ๑. เลียนแบบการเคล่ือนไหว การเคล่ือนไหวลกั ษณะต่าง ๆ - การเลยี นแบบธรรมชาติ - การเลียนแบบคน สตั ว์ สิ่งของ ๒. แสดงทา่ ทางง่าย ๆ เพอื่ ส่ือ การใชภ้ าษาท่า และการประดิษฐ์ ทา่ ประกอบ ความหมาย แทนคาพดู เพลง การแสดงประกอบเพลงท่ีเกี่ยวกับธรรมชาตสิ ตั ว์ ๓. บอกสิ่งที่ตนเองชอบ จากการดู การเปน็ ผูช้ มท่ดี ี หรือร่วมการแสดง ป.๒ ๑. เคลื่อนไหวขณะอยู่กบั ทแ่ี ละ การเคล่อื นไหวอยา่ งมีรปู แบบ เคลอื่ นท่ี - การน่งั - การยืน - การเดนิ ๒. แสดงการเคลื่อนไหวท่สี ะท้อน การประดิษฐ์ทา่ จากการเคลื่อนไหว อย่างมี อารมณ์ของตนเองอยา่ งอิสระ รปู แบบ เพลงทเี่ กย่ี วกบั สิง่ แวดล้อม ๓. แสดงทา่ ทาง เพ่ือส่อื ความหมาย หลักและวธิ ีการปฏบิ ัตินาฏศลิ ป์ แทนคาพดู - การฝึกภาษาท่าสอ่ื ความหมายแทนอากัปกริ ยิ า - การฝึกนาฏยศัพทใ์ นสว่ นลาตัว ๔. แสดงทา่ ทางประกอบจงั หวะ การใช้ภาษาทา่ และนาฏยศัพทป์ ระกอบจงั หวะ อยา่ งสรา้ งสรรค์ ๕. ระบุมารยาทในการชมการแสดง มารยาทในการชมการแสดง การเขา้ ชมหรอื มี ส่วนรว่ ม ชัน้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ป.๓ ๑. สร้างสรรคก์ ารเคลื่อนไหวใน การเคลือ่ นไหวในรูปแบบต่าง ๆ รูปแบบต่าง ๆ ในสถานการณ์สน้ั ๆ - ราวงมาตรฐาน - เพลงพระราชนิพนธ์ ๒. แสดงทา่ ทางประกอบเพลงตาม - สถานการณส์ น้ั ๆ รปู แบบนาฏศิลป์ - สถานการณ์ที่กาหนดให้ หลกั และวิธกี ารปฏิบตั นิ าฏศลิ ป์ - การฝกึ ภาษาท่าสื่ออารมณ์ของมนุษย์
๓๐ - การฝึกนาฎยศัพท์ในสว่ นขา ๓. เปรียบเทียบบทบาทหนา้ ทข่ี องผู้ หลกั ในการชมการแสดง แสดงและผู้ชม - ผแู้ สดง ๔. มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการแสดงท่ี เหมาะสมกบั วยั - ผูช้ ม - การมีสว่ นรว่ ม ๕. บอกประโยชนข์ องการแสดง การบรู ณาการนาฏศิลปก์ บั สาระ การเรยี นรอู้ ืน่ นาฏศิลปใ์ นชวี ิตประจาวัน ๆ ป.๔ ๑. ระบทุ ักษะพื้นฐานทางนาฏศิลป์ หลกั และวิธีการปฏบิ ตั ินาฏศิลป์ และ - การฝกึ ภาษาท่า การละครทีใ่ ชส้ ่อื ความหมายและอารมณ์ - การฝึกนาฏยศัพท์ ๒. ใช้ภาษาทา่ และนาฏยศพั ท์หรอื การใช้ภาษาท่าและนาฏยศัพทป์ ระกอบเพลง ศพั ท์ทางการละครง่าย ๆ ในการถ่ายทอด ปลกุ ใจและเพลงพระราชนพิ นธ์ เร่อื งราว การใช้ศพั ท์ทางการละครในการถ่ายทอด เรื่องราว ๓. แสดง การเคลื่อนไหวในจังหวะต่าง การประดิษฐท์ า่ ทางหรือท่าราประกอบจังหวะ ๆ ตามความคดิ ของตน พืน้ เมือง ๔. แสดงนาฏศลิ ป์เป็นคู่ และหมู่ การแสดงนาฏศลิ ป์ ประเภทคู่และหมู่ - ราวงมาตรฐาน - ระบา ๕. เลา่ ส่ิงทีช่ ื่นชอบในการแสดงโดย การเลา่ เรือ่ ง เนน้ จดุ สาคัญของเร่ืองและลักษณะเด่น - จุดสาคญั ของตวั ละคร - ลักษณะเดน่ ของตัวละคร ช้นั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.๕ ๑. บรรยายองคป์ ระกอบนาฏศิลป์ องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ - จงั หวะ ทานอง คาร้อง - ภาษาท่า นาฏยศัพท์ - อปุ กรณ์ ๒. แสดงทา่ ทางประกอบเพลงหรือ การประดิษฐ์ทา่ ทางประกอบเพลง หรือ เร่ืองราวตามความคดิ ของตน ท่าทางประกอบเรื่องราว ๓. แสดงนาฏศิลป์ โดยเนน้ การใช้ การแสดงนาฏศิลป์ ภาษาทา่ และนาฏยศพั ทใ์ นการสือ่ ความหมายและ - ระบา การแสดงออก - ฟอ้ น - ราวงมาตรฐาน ๔. มีส่วนรว่ มในกลุม่ กบั การเขียน องค์ประกอบของละคร เคา้ โครงเร่อื งหรือบทละครส้ัน ๆ - การเลือกและเขยี นเค้าโครงเรื่อง
๓๑ - บทละครส้ัน ๆ ๕. เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลปช์ ดุ ท่ีมาของการแสดงนาฏศิลป์ชุดต่าง ๆ ต่าง ๆ ๖. บอกประโยชน์ทไี่ ดร้ บั จากการชม หลักการชมการแสดง การแสดง การถ่ายทอดความรู้สึกและคุณค่าของการแสดง ป.๖ ๑. สรา้ งสรรคก์ ารเคลื่อนไหวและการ การประดิษฐ์ทา่ ทางประกอบเพลงปลุกใจหรือ แสดงโดยเน้นการถ่ายทอดลลี าหรืออารมณ์ เพลงพ้นื เมอื งหรือท้องถน่ิ เน้นลลี า หรืออารมณ์ ๒. ออกแบบเคร่อื งแต่งกาย หรอื การออกแบบสร้างสรรค์ อุปกรณ์ประกอบการแสดงอย่างง่าย ๆ - เครือ่ งแต่งกาย - อุปกรณ์ ฉากประกอบการแสดง ๓. แสดงนาฏศิลปแ์ ละละครงา่ ย ๆ การแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละการแสดงละคร - ราวงมาตรฐาน - ระบา - ฟ้อน - ละครสร้างสรรค์ ช้ัน ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๖ ๔. บรรยายความรูส้ ึกของตนเองท่ีมี บทบาทและหนา้ ท่ใี นงานนาฏศลิ ปแ์ ละการ ตอ่ งานนาฏศิลป์และการละครอยา่ ง ละคร สร้างสรรค์ ๕. แสดงความคดิ เห็นในการชมการ หลักการชมการแสดง แสดง - การวิเคราะห์ - ความรูส้ ึกชื่นชม ๖. อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่าง องคป์ ระกอบทางนาฏศิลปแ์ ละการละคร นาฏศิลปแ์ ละการละครกบั สิง่ ทป่ี ระสบ ในชีวติ ประจาวัน ม.๑ ๑. อธบิ ายอิทธิพลของนกั แสดงชอ่ื ดงั การปฏบิ ตั ิของผู้แสดงและผู้ชม ท่มี ผี ลต่อการโนม้ น้าวอารมณ์หรือความคิด ประวัตนิ ักแสดงที่ช่ืนชอบ ของผู้ชม การพัฒนารปู แบบของการแสดง อิทธิพลของนักแสดงที่มีผลตอ่ พฤติกรรมของ ผู้ชม ๒. ใช้นาฏยศพั ท์หรือศัพท์ทางการ นาฏยศัพท์หรือศัพท์ทางการละคร ในการแสดง ละครในการแสดง ภาษาท่า และการตบี ท ท่าทางเคล่ือนไหวทแ่ี สดงสอื่ ทางอารมณ์
๓๒ ระบาเบ็ดเตลด็ ราวงมาตรฐาน ๓. แสดงนาฏศลิ ปแ์ ละละครใน รปู แบบการแสดงนาฏศิลป์ รปู แบบง่าย ๆ - นาฏศลิ ป์ - นาฏศลิ ป์พนื้ บา้ น - นาฏศิลป์นานาชาติ ๔. ใช้ทักษะการทางานเปน็ กลุ่ม บทบาทและหน้าท่ขี องฝา่ ยต่าง ๆ ในการจดั การ ในกระบวนการผลติ การแสดง แสดง การสร้างสรรค์กิจกรรมการแสดงท่สี นใจ โดยแบ่งฝ่ายและหน้าท่ีใหช้ ัดเจน ๕. ใชเ้ กณฑ์ง่าย ๆ ทก่ี าหนดให้ในการ หลักในการชมการแสดง พจิ ารณาคณุ ภาพการแสดงที่ชม โดยเน้นเรือ่ งการใช้เสียงการแสดงทา่ และ การเคลอ่ื นไหว ชัน้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๒ ๑. อธบิ ายการบรู ณาการศิลปะแขนง ศิลปะแขนงอนื่ ๆ กบั การแสดง อนื่ ๆ กบั การแสดง - แสง สี เสยี ง - ฉาก - เครอ่ื งแต่งกาย - อปุ กรณ์ ๒. สรา้ งสรรค์การแสดงโดยใช้ หลกั และวธิ ีการสรา้ งสรรค์การแสดง โดยใช้ องค์ประกอบนาฏศิลปแ์ ละการละคร องค์ประกอบนาฏศิลป์และการละคร ๓. วเิ คราะหก์ ารแสดงของตนเองและ หลักและวิธีการวิเคราะห์การแสดง ผูอ้ ื่น โดยใชน้ าฏยศัพทห์ รือศัพทท์ างการ ละคร ที่เหมาะสม ๔. เสนอข้อคิดเหน็ ในการปรบั ปรุง วิธกี ารวเิ คราะห์ วิจารณก์ ารแสดง นาฏศลิ ป์ การแสดง และการละคร ราวงมาตรฐาน ๕. เชือ่ มโยงการเรียนรรู้ ะหว่าง ความสมั พนั ธข์ องนาฏศิลปห์ รือ การละครกับ นาฏศลิ ป์และการละครกบั สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้อื่น ๆ อนื่ ๆ ม.๓ ๑. ระบโุ ครงสร้างของบทละครโดยใช้ องคป์ ระกอบของบทละคร ศัพท์ทางการละคร - โครงเรื่อง - ตวั ละครและการวางลกั ษณะนิสัย ของตวั ละคร
๓๓ - ความคิดหรือแกน่ ของเร่อื ง - บทสนทนา ๒. ใชน้ าฏยศพั ท์หรือศัพท์ทางการ ภาษาท่าหรอื ภาษาทางนาฏศิลป์ ละคร ท่เี หมาะสมบรรยายเปรยี บเทียบการ - ภาษาท่าทม่ี าจากธรรมชาติ แสดงอากปั กิริยาของผู้คนในชีวติ ประจาวัน - ภาษาท่าที่มาจากการประดิษฐ์ และในการแสดง - ราวงมาตรฐาน ๓. มที ักษะในการใช้ความคดิ ในการ รปู แบบการแสดง พฒั นารูปแบบการแสดง - การแสดงเป็นหมู่ - การแสดงเดย่ี ว - การแสดงละคร - การแสดงเป็นชดุ เปน็ ตอน ชน้ั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๔. มีทักษะในการแปลความและ การประดิษฐ์ทา่ ราและทา่ ทางประกอบ การส่อื สารผา่ นการแสดง การแสดง - ความหมาย - ความเปน็ มา - ทา่ ทางที่ใชใ้ นการประดิษฐท์ ่ารา ๕. วจิ ารณ์เปรยี บเทียบงานนาฏศิลป์ องคป์ ระกอบนาฏศลิ ป์ ท่มี ีความแตกต่างกนั โดยใชค้ วามรู้ เรอ่ื งองค์ประกอบนาฏศิลป์ - จงั หวะทานอง - การเคลอื่ นไหว - อารมณ์และความรูส้ ึก - ภาษาทา่ นาฎยศัพท์ - รปู แบบของการแสดง - การแตง่ กาย ๖. ร่วมจดั งานการแสดงในบทบาท วิธกี ารเลือกการแสดง หน้าทต่ี ่าง ๆ - ประเภทของงาน - ขน้ั ตอน - ประโยชนแ์ ละคุณค่าของการแสดง ๗. นาเสนอแนวคดิ จากเนอื้ เร่ือง ละครกับชวี ติ ของการแสดงทสี่ ามารถนาไปปรบั ใช้ ในชวี ิตประจาวัน ม.๔-๖ ๑. มที กั ษะในการแสดงหลากหลาย รปู แบบของการแสดง รูปแบบ - ระบา รา ฟอ้ น - การแสดงพน้ื เมอื งภาคต่าง ๆ
๓๔ ๒. สรา้ งสรรค์ละครสั้นในรูปแบบ - การละครไทย ที่ชื่นชอบ - การละครสากล ๓. ใชค้ วามคดิ ริเรมิ่ ในการแสดงนาฏศลิ ป์ ละครสร้างสรรค์ เป็นคู่ และหมู่ - ความเป็นมา - องค์ประกอบของละครสรา้ งสรรค์ ๔. วจิ ารณก์ ารแสดงตามหลกั นาฏศลิ ป์ - ละครพดู และการละคร o ละครโศกนาฏกรรม ๕. วิเคราะหแ์ กน่ ของการแสดงนาฏศิลป์ o ละครสขุ นาฏกรรม และการละครทตี่ ้องการส่อื ความหมาย o ละครแนวเหมือนจริง ในการแสดง o ละครแนวไมเ่ หมอื นจริง ๖. บรรยาย และวิเคราะห์ อิทธพิ ลของ การประดิษฐ์ทา่ ราท่ีเปน็ คู่และหมู่ เคร่ืองแตง่ กาย แสง สี เสียง ฉากอุปกรณ์ - ความหมาย และสถานท่ีทมี่ ผี ลตอ่ การแสดง - ประวตั ิความเปน็ มา - ท่าทางท่ีใช้ในการประดิษฐท์ ่ารา ๗. พัฒนาและใช้เกณฑ์การประเมนิ ในการ - เพลงทใ่ี ช้ ประเมินการแสดง หลักการสร้างสรรคแ์ ละการวิจารณ์ ๘. วเิ คราะหท์ ่าทาง และการเคล่ือนไหว ของผู้คนในชวี ติ ประจาวนั และนามา หลักการชมการแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละละคร ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแสดง ประวัตคิ วามเป็นมาของนาฏศลิ ป์ และการละคร - ววิ ัฒนาการ - ความงามและคณุ คา่ เทคนคิ การจัดการแสดง - แสงสีเสียง - ฉาก - อปุ กรณ์ - สถานท่ี - เครอ่ื งแตง่ กาย การประเมินคณุ ภาพของการแสดง - คุณภาพดา้ นการแสดง - คุณภาพองค์ประกอบการแสดง การสร้างสรรค์ผลงาน - การจัดการแสดงในวนั สาคัญ ของโรงเรียน - ชดุ การแสดงประจาโรงเรียน
๓๕ สาระท่ี ๓ นาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งนาฏศิลป์ ประวตั ิศาสตร์และวัฒนธรรม เหน็ คณุ คา่ ของนาฏศิลป์ทเี่ ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถ่ิน ภูมปิ ัญญาไทยและสากล ชน้ั ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.๑ ๑. ระบุ และเล่นการละเล่นของ การละเล่นของเด็กไทย เด็กไทย - วิธกี ารเลน่ - กติกา ๒. บอกส่ิงที่ตนเองชอบในการแสดง การแสดงนาฏศลิ ป์ นาฏศิลป์ ป.๒ ๑. ระบแุ ละเล่นการละเลน่ พ้ืนบ้าน การละเล่นพน้ื บ้าน - วธิ กี ารเลน่ - กตกิ า ช้นั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๒. เช่ือมโยงสิ่งที่พบเห็นในการละเล่น ทม่ี าของการละเล่นพน้ื บ้าน พ้ืนบา้ นกบั ส่งิ ท่พี บเห็นในการดารงชีวติ ของ คนไทย ๓. ระบสุ ิ่งที่ช่ืนชอบและภาคภูมิใจ การละเล่นพ้นื บ้าน ในการละเล่นพ้ืนบ้าน ป.๓ ๑. เลา่ การแสดงนาฏศลิ ป์ทเ่ี คยเห็น การแสดงนาฏศิลป์พืน้ บ้านหรือท้องถน่ิ ของตน ในท้องถ่ิน ๒. ระบสุ ง่ิ ทีเ่ ป็นลกั ษณะเด่นและ การแสดงนาฏศลิ ป์ เอกลกั ษณ์ของการแสดงนาฏศลิ ป์ - ลกั ษณะ - เอกลักษณ์ ๓. อธบิ ายความสาคัญของการแสดง ทีม่ าของการแสดงนาฏศิลป์ นาฏศลิ ป์ - สงิ่ ทเ่ี คารพ ป.๔ ๑. อธบิ ายประวตั ิความเป็นมาของ ความเป็นมาของนาฏศลิ ป์ นาฏศิลป์ หรือชดุ การแสดงอยา่ งงา่ ย ๆ ทม่ี าของชดุ การแสดง ๒. เปรยี บเทียบการแสดงนาฏศลิ ป์ การชมการแสดง กบั การแสดงที่มาจากวัฒนธรรมอ่นื - นาฏศิลป์ - การแสดงของท้องถิน่ ๓. อธบิ ายความสาคัญของการแสดง ความเป็นมาของนาฏศลิ ป์ ความเคารพในการเรียนและการแสดง นาฏศลิ ป์ - การทาความเคารพก่อนเรยี นและก่อนแสดง ๔. ระบุเหตุผลทีค่ วรรักษา และสืบทอด ความเปน็ มาของนาฏศิลป์ การแสดงนาฏศลิ ป์ - คุณคา่
๓๖ ป.๕ ๑. เปรียบเทยี บการแสดงประเภทต่าง การแสดงนาฏศิลป์ประเภทต่าง ๆ ๆ ของไทย ในแต่ละท้องถ่ิน - การแสดงพ้ืนบา้ น ๒. ระบหุ รอื แสดงนาฏศลิ ป์ นาฏศิลป์ การแสดงนาฏศิลป์ประเภทต่าง ๆ พน้ื บ้านทีส่ ะท้อนถงึ วฒั นธรรมและประเพณี - การแสดงพืน้ บ้าน ป.๖ ๑. อธิบายสิ่งทีม่ ีความสาคัญต่อการ ความหมาย ความเป็นมา ความสาคัญ ของ แสดงนาฏศิลป์และละคร นาฏศิลป์และละคร - บุคคลสาคัญ - คุณคา่ ๒. ระบปุ ระโยชนท์ ไี่ ด้รับจากการแสดง การแสดงนาฏศิลปแ์ ละละคร ในวนั สาคญั หรอื การชมการแสดงนาฏศิลปแ์ ละละคร ของโรงเรยี น ชน้ั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม.๑ ๑. ระบปุ จั จัยทม่ี ผี ลต่อการ ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลง ของ เปลย่ี นแปลงของนาฏศลิ ป์ นาฏศิลป์ นาฏศลิ ป์ นาฏศิลปพ์ ื้นบา้ น ละครไทย และละคร พืน้ บ้าน ละครไทยและละครพ้ืนบ้าน พื้นบา้ น ๒. บรรยายประเภทของละครไทย ประเภทของละครไทยในแตล่ ะยุคสมัย ในแต่ละยคุ สมัย ม.๒ ๑. เปรียบเทยี บลักษณะเฉพาะของ นาฏศิลปพ์ ้นื เมือง การแสดงนาฏศิลป์จากวฒั นธรรมต่างๆ - ความหมาย - ทม่ี า - วฒั นธรรม - ลกั ษณะเฉพาะ ๒. ระบหุ รือแสดงนาฏศลิ ป์ นาฏศิลป์ รูปแบบการแสดงประเภทตา่ ง ๆ พ้ืนบา้ น ละครไทย ละครพนื้ บ้าน - นาฏศลิ ป์ หรอื มหรสพอื่นท่เี คยนยิ มกนั ในอดตี - นาฏศลิ ปพ์ ้ืนเมือง - ละครไทย - ละครพ้นื บ้าน ๓. อธิบายอิทธิพลของวฒั นธรรมทีม่ ี การละครสมยั ตา่ ง ๆ ผลตอ่ เนื้อหาของละคร ม.๓ ๑. ออกแบบ และสรา้ งสรรค์อุปกรณ์ การออกแบบและสรา้ งสรรค์อุปกรณ์และ และเครื่องแตง่ กาย เพื่อแสดงนาฏศลิ ป์ เครือ่ งแต่งกายเพื่อการแสดงนาฏศิลป์ และละครทมี่ าจากวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ๒. อธิบายความสาคัญและบทบาท ความสาคญั และบทบาทของนาฏศิลป์ และการ ของนาฏศิลป์และการละครใน ละครในชวี ติ ประจาวัน ชวี ิตประจาวัน ๓. แสดงความคิดเหน็ ในการอนุรักษ์ การอนรุ ักษน์ าฏศิลป์ ม.๔-๖ ๑. เปรียบเทยี บการนาการแสดงไปใชใ้ น การแสดงนาฏศิลป์ในโอกาสต่างๆ
๓๗ โอกาสตา่ ง ๆ บคุ คลสาคญั ในวงการนาฏศิลปแ์ ละ ๒. อภปิ รายบทบาทของบุคคลสาคัญ การละครของไทยในยคุ สมยั ต่าง ๆ ในวงการนาฏศลิ ป์และการละคร ของประเทศไทยในยคุ สมัยต่างๆ ววิ ัฒนาการของนาฏศลิ ป์และการละคร ๓. บรรยายววิ ัฒนาการของนาฏศิลป์และ ไทยตงั้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั การละครไทย ต้งั แตอ่ ดีตจนถึงปจั จบุ ัน การอนุรักษ์นาฏศิลป์ ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ๔. นาเสนอแนวคิดในการอนุรักษ์ นาฏศลิ ปไ์ ทย
๓๘ อภิธานศัพท์ ทศั นศิลป์ โครงสรา้ งเคลือ่ นไหว (mobile) เป็นงานประติมากรรมท่ีมีโครงสร้างบอบบางจัดสมดุลด้วยเส้นลวดแข็งบาง ๆ ท่ีมีวัตถุรูปร่าง รูปทรงต่าง ๆ ท่ี ออกแบบเชือ่ มตดิ กับเสน้ ลวด เป็นเครอื่ งแขวนท่เี คลอื่ นไหวไดด้ ้วยกระแสลมเพียงเบา ๆ งานสื่อผสม (mixed media) เป็นงานออกแบบทางทัศนศิลป์ที่ประกอบด้วยหลายสื่อโดยใช้วัสดุหลาย ๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ สร้าง ความผสมกลมกลนื ดว้ ยการสรา้ งสรรค์ จงั หวะ (rhythm) เป็นความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง น้าหนักในลักษณะของการซ้ากัน สลับไปมา หรือ ลักษณะล่ืนไหล เคล่ือนไหวไม่ขาดระยะจังหวะท่ีมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันจะช่วยเน้นให้เกิดความเด่น หรือทาง ดนตรีก็คอื การซ้ากันของเสียงในช่วงเท่ากนั หรือแตกต่างกนั จังหวะให้ความรู้สึกหรอื ความพอใจทางสนุ ทรียภาพใน งานศิลปะ ทศั นธาตุ (visual elements) สิ่งที่เป็นปจั จัยของการมองเหน็ เปน็ ส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบกันเป็นภาพ ได้แก่ เส้น น้าหนัก ที่วา่ ง รปู ร่าง รูปทรง สี และลกั ษณะพืน้ ผิว ทัศนียภาพ (perspective) วิธีเขยี นภาพของวตั ถใุ หม้ องเหน็ วา่ มีระยะใกลไ้ กล ทศั นศลิ ป์ (visual art) ศิลปะทร่ี บั รูไ้ ดด้ ้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ และงานสร้างสรรค์อืน่ ๆ ทรี่ ับรูด้ ้วยการเห็น ภาพปะตดิ (collage) เป็นภาพท่ีทาขึ้นด้วยการใช้วัสดุต่าง ๆ เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุธรรมชาติ ฯลฯ ปะติดลงบนแผ่นภาพด้วยกาว หรอื แป้งเปยี ก วงสีธรรมชาติ (color circle) คือวงกลมซ่ึงจัดระบบสีในแสงสีรุ้งที่เรียงกันอยู่ในธรรมชาติ สีวรรณะอุ่น จะอยู่ในซีกท่ีมีสีแดงและเหลือง ส่วนสี วรรณะเยน็ อยู่ในซกี ทม่ี ีสีเขียว และสมี ่วง สคี ่ตู รงขา้ มกันจะอยตู่ รงกันขา้ มในวงสี วรรณะสี (tone) ลักษณะของสีท่ีแบ่งตามความรสู้ ึกอนุ่ หรือเย็น เช่น สีแดง อยูใ่ นวรรณะอุ่น (warm tone) สเี ขียวอยู่ในวรรณะเย็น (cool tone) สคี ูต่ รงขา้ ม (complementary colors) สีท่ีอยู่ตรงกันข้ามกันในวงสีธรรมชาติเป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ท่ีตัดกันหรือต่างจากกันมากที่สุด เช่น สีแดงกับสีเขียว สี เหลืองกบั สีม่วง สนี า้ เงินกับสีสม้ องคป์ ระกอบศลิ ป์ (composition of art) วชิ าหรอื ทฤษฎีท่ีเกยี่ วกับการสร้างรปู ทรงในงานทศั นศลิ ป์ ดนตรี การดาเนินทานอง (melodic progression) ๑. การก้าวเดนิ ไปขา้ งหน้าของทานอง ๒. กระบวนการดาเนนิ คอรด์ ซึง่ แนวทานองขยับทีละขั้น ความเขม้ ของเสยี ง (dynamic)
๓๙ เสยี งเบา เสยี งดงั เสยี งท่มี ีความเขม้ เสียงมากกย็ ่งิ ดงั มากเหมอื นกบั loudness ดน้ สด เป็นการเล่นดนตรีหรือขับร้อง โดยไม่ได้เตรียมซ้อมตามโน้ตเพลงมาก่อน ผู้เล่นมีอิสระในการกาหนดวิธีปฏิบัติ เคร่ืองดนตรีและขบั รอ้ ง บนพื้นฐานของเนื้อหาดนตรีที่เหมาะสม เช่น การบรรเลง ในอัตราความเร็วทีย่ ืดหยุน่ การ บรรเลงด้วยการเพิม่ หรอื ตดั โนต้ บางตวั บทเพลงไล่เลยี น (canon) แคนอน มาจากภาษากรีก แปลว่า กฎเกณฑ์ หมายถึงรูปแบบบทเพลงที่มีหลายแนวหรือดนตรีหลายแนว แต่ละ แนวมีทานองเหมือนกัน แต่เร่ิมไม่พร้อมกันแต่ละแนว จึงมีทานองท่ีไลเ่ ลียนกันไปเป็นระยะเวลายาวกว่าการเลียน ท่ัวไป โดยท่ัวไปไม่ควรต่ากว่า ๓ ห้อง ระยะขั้นคู่ระหว่างสองแนว ท่ีเลียนกันจะห่างกันเป็นระยะเท่าใดก็ได้ เช่น แคนอนคู่สอง หมายถึง แคนอนที่แนวทั้งสอง เริ่มท่ีโน้ตหา่ งกันเป็นระยะคู่ ๕ และรกั ษาระยะคู่ ๕ ไปโดยตลอดถือ เปน็ ประเภทของลลี าสอดประสานแนวทานองแบบเลียนท่ีมกี ฎเกณฑ์เขม้ งวดทสี่ ดุ ประโยคเพลง (phrase) กลุ่มทานอง จังหวะท่ีเรียบเรียงเช่ือมโยงกันเป็นหน่วยของเพลงท่ีมีความคิดจบสมบูรณ์ในตัวเอง มักลงท้ายด้วยเค เดนซ์ เป็นหน่วยสาคญั ของเพลง ประโยคเพลงถาม - ตอบ เป็นประโยคเพลง ๒ ประโยคที่ตอ่ เน่อื งกันลีลาในการตอบรบั – ส่งล้อ – ล้อเลยี นกนั อยา่ งสอดคลอ้ ง เปน็ ลักษณะ คล้ายกันกับบทเพลงรูปแบบ AB แต่เป็นประโยคเพลงส้ัน ๆ ซ่ึงมักจะมีอัตราความเร็วเท่ากันระหว่าง ๒ ประโยค และความยาวเท่ากนั เช่น ประโยคเพลงท่ี ๑ (ถาม) มีความยาว ๒ ห้องเพลง ประโยคเพลงที่ ๒ (ตอบ) กจ็ ะมีความ ยาว ๒ ห้องเพลง ซงึ่ จะมีลลี าต่างกัน แต่สอดรบั กันไดก้ ลมกลนื ผลงานดนตรี ผลงานที่สรา้ งสรรค์ขน้ึ มาโดยมคี วามเก่ียวข้องกบั การนาเสนองานทางดนตรี เช่น บทเพลง การแสดงดนตรี เพลงทานองวน (round) เพลงทป่ี ระกอบด้วยทานองอย่างน้อย ๒ แนว ไลเ่ ลยี นทานองเดยี วกัน แตต่ ่างเวลาหรือจังหวะ สามารถไล่เลยี นกัน ไปไดอ้ ยา่ งต่อเนอื่ งจนกลบั มาเรมิ่ ตน้ ใหมไ่ ด้อกี ไมม่ ีวันจบ รปู ร่างทานอง (melodic contour) รูปรา่ งการขึน้ ลงของทานอง ทานองทีส่ มดลุ จะมที ิศทางการขึน้ ลงทเี่ หมาะสม สสี ันของเสยี ง ลักษณะเฉพาะของเสียงแต่ละชนิดท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะต่างกัน เช่น ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียงผู้ชายจะมี ความทุ้มต่าแตกต่างจากสีสันของเสียงผู้หญิง ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียง ของเด็กผู้ชายคนหน่ึงจะมีความ แตกต่างจากเสยี งเดก็ ผชู้ ายคนอ่นื ๆ องคป์ ระกอบดนตรี (elements of music) ส่วนประกอบสาคัญท่ที าให้เกดิ เสยี งดนตรี ไดแ้ กท่ านอง จงั หวะ เสยี งประสาน สสี นั ของเสียง และเนื้อดนตรี อัตราความเรว็ (tempo) ความชา้ ความเร็วของเพลง เชน่ อลั เลโกร(allegero) เลนโต (lento) ABA สญั ลักษณ์บอกรปู แบบวรรณกรรมดนตรแี บบตรีบท หรอื เทอร์นารี (ternary) ternary form สังคีตลักษณ์สามตอน โครงสร้างของบทเพลงท่ีมีส่วนสาคัญขยับทีละขั้นอยู่ ๓ ตอน ตอนแรกและตอนท่ี ๓ คือ ตอน A จะเหมือนหรือคล้ายคลึงกันท้ังในแง่ของทานองและกุญแจเสียง ส่วนตอนที่ ๒ คือ ตอน B เป็นตอนที่
๔๐ แตกต่างออกไป ความสาคัญของสังคีตลักษณ์นี้ คือ การกลับมา ของตอน A ซ่ึงนาทานองของส่วนแรกกลับมาใน กุญแจเสียงเดิมเป็นสังคีตลักษณ์ที่ใช้มากที่สุดโดยเฉพาะในเพลงร้อง จึงอาจเรียกว่า สังคีตลักษณ์เพลงร้อง (song form) ก็ได้ นาฏศิลป์ การตบี ท การแสดงท่าราตามบทร้อง บทเจรจาหรือบทพากย์ควรคานึงถึงความหมายของบท แบ่งเป็นการตีบท ธรรมชาติ และการตีบทแบบละคร การประดิษฐ์ทา่ การนาภาษาท่า ภาษานาฎศิลป์ หรือ นาฏยศัพท์มาออกแบบ ใหส้ อดคล้องสัมพันธก์ ับจังหวะทานอง บทเพลง บท ร้อง ลลี า ความสวยงาม นาฏยศพั ท์ ศัพท์เฉพาะทางนาฎศิลป์ ท่ีใช้เก่ียวกับการเรียกท่ารา กิริยาท่ีแสดงมีส่วนศีรษะใบหน้าและไหล่ ส่วนแขนและมือ ส่วนของลาตัว ส่วนขาและเท้า บุคคลสาคญั ในวงการนาฎศิลป์ เปน็ ผู้เชีย่ วชาญทางนาฎศลิ ป์ และภมู ิปญั ญาท้องถ่ินทส่ี รา้ งผลงาน ภาษาท่า การแสดงทา่ ทางแทนคาพดู ใชแ้ สดงกิรยิ าหรอื อิรยิ าบถ และใช้แสดงถึงอารมณ์ภายใน สว่ นขาและเทา้ กริ ยิ าแสดง เชน่ กระทบ ยืดยุบ ประเทา้ กระดกเทา้ กระทุ้ง จรด ขยบั ซอย วางสน้ ยกเทา้ ถดั เทา้ สว่ นแขนและมือ กริ ยิ าที่แสดง เชน่ จีบ ตัง้ วง ล่อแก้ว มว้ นมอื สะบดั มอื กรายมอื สา่ ยมือ ส่วนลาตัว ทีแ่ สดง เชน่ ยักตวั โย้ตัว โยกตวั ส่วนศีรษะใบหน้าและไหล่ กิริยาท่แี สดง เช่น เอยี งศรี ษะ เอียงไหล่ กดไหล่ กลอ่ มไหล่ กล่อมหน้า สิง่ ที่เคารพ ในสาระนาฎศลิ ป์มีส่ิงทเี่ คารพสบื ทอดมา คือ พ่อแก่ หรือพระพรตฤษี ซง่ึ ผู้เรียนจะต้อง แสดงความเคารพ เม่ือเร่ิม เรยี นและก่อนแสดง องค์ประกอบนาฎศลิ ป์ จังหวะและทานองการเคลอื่ นไหว อารมณแ์ ละความรู้สึก ภาษาทา่ นาฎยศัพท์ รูปแบบของการแสดง การแต่งกาย องค์ประกอบละคร การเลือกและแต่งบท การเลือกผู้แสดง การกาหนดบุคลิกของผู้แสดง การพัฒนารูปแบบของ การแสดง การปฏบิ ตั ติ นของผ้แู สดงและผู้ชม
๔๑ ภาคผนวก
คณะผู้จดั ทา ตราชู ๔๒ ครูกลุม่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ คงชนะ อรรถกฤษณ์ หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ ๑. นางสาวสมฤดี ผวิ ออ่ น รองหวั หนา้ กลุม่ ๒. นายชาญชัย เชยเดช กรรมการ ๓. นายธนัทภัทร กรรมการ ๔. นายวรพงศ์ กรรมการและเลขานุการ ๕. นางสาวฤดี
๔๓ บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๔). หลกั สูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ . กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุ ุสภาลาดพร้าว. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ (๒๕๔๙). แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (๒๕๔๗). ข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: เซน็ จูร่ี. สานกั นายกรฐั มนตรี, สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาต.ิ (๒๕๔๒). พระราชบัญญัตกิ ารศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพอ์ งคก์ ารรับสง่ สินค้าและพัสดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ.). การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔. บันทกึ ท่ี ศธ ๐๒๐๗/ ๒๖๙๒ ลงวนั ท่ี ๑๙ กนั ยายน ๒๕๔๘. สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๖ ก.). สรปุ ผลการประชุมวเิ คราะห์หลกั สูตรการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน. ๒๗-๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๖ โรงแรมตรงั กรุงเทพฯ. (เอกสารอดั สาเนา). สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๔๖ ข.). สรปุ ความเหน็ จากการประชุมเสวนาหลักสูตร การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ๕ จุด. พฤศจกิ ายน ๒๕๔๖ (เอกสารอัดสาเนา). สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ก). รายงานการวิจัย การใช้หลกั สูตรการศึกษา ขนั้ พน้ื ฐานตามทัศนะของผูส้ อน. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๘ ข.). รายงานการวิจัยโครงการวิจัยเชิงทดลอง กระบวนการ สร้างหลักสูตรสถานศึกษาแบบอิงมาตรฐาน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: