Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กระบี่กระบอง 12 ไม้รำ

กระบี่กระบอง 12 ไม้รำ

Published by PE 058, 2022-04-04 06:36:34

Description: สื่อการสอนท่ารำกระบี่กระบอง

Search

Read the Text Version

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฉบับนี เปนส่วนหนึงของรายวิชา นวัตกรรม แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ เ พื อ ก า ร สื อ ส า ร ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ ก า ร เ รี ย น รู้ (1133304) เพือให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรือง กระบีกระบอง ประวัติ ความเปนมาในประเทศไทย ประโยชน์ของการเล่น อุปกรณ์การเล่น เครืองแต่งกาย ท่าไม้รํา12ท่ารํา และวีดีโอการสอน การขึนพรหมนัง การขึนพรหมยืน รวมทังการถวายบังคม เปนต้น ผู้จัดทาํ หวังว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี จะเปนประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ทีกําลังศึกษาและหาข้อมูลเรืองนีอยู่ หากมีขอผิด พลาดประการใด ผู้จัดทําขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ทีนีด้วย

เรือง หน้า คาํ นาํ 1 สารบัญ 2 บทนาํ 5 ประวัติความเปนมาในประเทศไทย 7 ประโยชน์ของการเล่นกระบีกระบอง 8 อุปกรณ์การเล่นกระบีกระบอง เครืองแต่งกายของผู้เล่นกระบีกระบอง 9 พรหมนัง - พรหมยืน 13 - การขึนพรหมนัง 18 - การขึนพรหมยืน - การถวายบังคม 20 ท่าไม้ราํ 12ไม้ราํ 22 - ไม้รําที1 ลอยชาย 24 - ไม้ราํ ที2 ควงทัดหู 26 - ไม้รําที3 เหน็บข้าง 28 - ไม้ราํ ที4 ตังศอก 31 - ไม้รําที5 จ้วงหน้าจ้วงหลัง 33 - ไม้รําที6 ควงปองหน้า 36 - ไม้รําที7 ท่ายักษื 39 - ไม้ราํ ที8 สอยดาว 40 - ไม้รําที9 ควงแตะ 42 - ไม้ราํ ที10 หนุมานแหวกฟองนํา 44 - ไม้รําที11 ลดล่อ 46 - ไม้ราํ ที12 เชิญเทียน คลิปวีดีโอ บรรณานุกรม

~1~ บทนํา กระบีกระบองเปนศิลปะปองกันตัวของไทย ซึงสืบทอดมาจาก สมัยบรรพบุรุษหลายชัวคน จนไม่สามารถทีจะหาแหล่งทีมาและบุคคล ผู้เปนต้นคิดได้ อย่างไรก็ตามกระบีกระบองก็ได้แพร่หลายไปในหมู่คน ไทย ปจจุบันกระบีกระบองได้กลายเปนศิลปการกีฬาประจาํ ชาติไทย อย่างหนึง ม นุ ษ ย์ เ ป น สั ต ว์ ที อ่ อ น แ อ ธ ร ร ม ช า ติ ไ ม่ ไ ด้ ใ ห้ อ า วุ ธ สํา ห รั บ ก า ร ปองกันตัวมาแต่กาํ เนิดเหมือนเปนอย่างสัตว์อืนทังหลาย ซึงสัตว์เหล่า นันจะมีเขียว เล็บ งา เขา ความสามารถในการดมกลิน ตลอดจนความ ว่องไวและอืนๆเปนเครืองมือในการหาอาหารและปองกันตัว แต่ ร่างกายของมนุษย์ได้รับการพัฒนาขึนมาจนได้ระดับทีพอดี เหนือกว่า สัตว์ทัวๆไปและสิงสําคัญทีสุดคือ มนุษย์มีมันสมองมากกว่าสัตว์อืน ทังหมดจึงทาํ ให้อยู่รอดได้ดังจะเห็นว่ามนุษย์สามารถสร้างภาษาพูด มี ความจาํ ทีดี รู้จักดัดแปลงธรรมชาติให้เปนประโยชน์ รู้จักทาํ การเพาะ ปลูกและใช้อาวุธล่าสัตว์ แต่อาวุธของชนแต่ละหมู่เราย่อมแตกต่างกัน ออกไปตามสภาพแวดล้อมและวัสดุทีอํานวย เช่นบางพวกรู้จักใช้ก้อน หินและไม้บางพวกรู้จักใช้โลหะเปนต้น จากภัยต่างๆทีกล่าวมาทาํ ให้มนุษย์เริมรู้จักการใช้อาวุธเพือ ปองกันตัวและทาํ ลาย ด้วยการผลิตอาวุธใหม่ๆทุกครังได้เพิม ประสิทธิภาพของการทาํ ลายให้มากขึน โดยเริมจากการใช้ไม้และก้อน หินขว้างปากัน ซึงทาํ ให้มีคนตายและบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านันก็ได้ เปลียนไปเปนการใช้ธนู ดาบปน จนในทีสุดใช้ระเบิดและระเบิด ปรมาณู ซึงมีอานุภาพในการทาํ งานมหาศาล

~2~ ประวัตคิ วามเปนมาในประเทศไทย สมัยก่อน การรบแต่ละครังมนุษย์จะต้องยกพวกเข้าตะลุมบอนกัน อาวุธทีใช้จึงเปนพวกทีใช้ในระยะใกล้ประชิดตัว ของไทยเราก็รู้จักใช้ กระบีกระบองเปนอาวุธ และในยามบ้านเมืองสงบก็ใช้การตีกระบี กระบองเปนการกีฬาเพือออกกาํ ลังกายและฝกฝนความแข็งแกร่ง เ พื อ เ ต รี ย ม พ ร้ อ ม เ ส ม อ ที จ ะ รั บ ศึ ก ก ร ะ บี ก ร ะ บ อ ง เ ป น ก า ร กี ฬ า ที เ ห ม า ะ ทีสุดในการซ้อมรบ เพราะคล้ายกับการรบจําลอง วัสดุทีหาง่าย คือ เอา หวายมาทําเปนกระบี ดาบ ง้าว ฯลฯ เอาหนังหรือหวายมาทาํ เปนโล่ห์ เขน ดัง ฯลฯ แล้วก็มาตีกันเล่น หรือแข่งกันเปนคู่ๆ ดุจจะสู้รบกันใน สนามรบตัวต่อตัวเปนการฝกหัดรุกและรับไปในตัว ฝายใดพลาดท่า เสียทีก็จะเจ็บตัวเพราะผู้เล่นไม่ได้สวมเกราะปองกันตัว จึงเปนกีฬาที ฝกกายและใจอย่างดีเลิศ ในการฝกนีจะยึดหลัก 3 ประการคือ 1.อบรมนําใจให้กล้าหาญอยู่เสมอ ไม่ครันคร้ามต่อภยันตรายทัง ปวง 2.บํารุงกายบํารุงใจแข็งแกร่งมันคงอยู่เสมอพร้อมทีจะเผชิญต่อ ความยากลาํ บากการเกียวกับการรบได้ทุกเมือ 3.อบรมและฝกฝนตนให้แม่นยาํ ชาํ นาญในวิทยาการอันเกียวกับ การลบโดยเฉพาะ

~3~ วิ ช า ก ร ะ บี ก ร ะ บ อ ง ไ ด้ ล ง เ ริ ม ส อ น นั ก เ รี ย น พ ล ศึ ก ษ า ก ล า ง ขึ น เ ป น ครังแรกเมือป พ.ศ 2478 โดยขณะนันนายนาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้มีความสนใจและมีความรู้ทางด้านนีมากคนหนึง เปนอาจารย์ใหญ่ ของโรงเรียนพลศึกษากลาง ทดลองสอนอยู่ 1 ปได้ผลเปนทีพึงพอใจ ของท่านผู้ใหญ่ จึงได้กําหนดวิชากระบีกระบองเข้าไว้ในหลักสูตรของ ประโยคผู้สอนพลศึกษาเมือป 2479 พวกนักเรียนทีจบไปก็ได้รับ ร า ช ก า ร เ ป น ค รู ส อ น วิ ช า พ ล ศึ ก ษ า ต า ม จั ง ห วั ด ต่ า ง ๆ ไ ด้ นํา วิ ช า นี ไ ป เ ผ ย แพร่ ปรากฏว่าประชาชนคนไทยได้ให้ความสนใจในวิชาศิลปของชาติ ชนิดนีมาก

~4~ บรมครูแห่งวชากระบีกระบอง (อาจารย์ นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา บรมครูแห่งวิชากระบีกระบอง) เมือมาถึง พ.ศ.2518 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตร ประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายใหม่ และได้มีการกําหนดให้วิชากระบี กระบองเปนส่วนหนึงของวิชาพลศึกษา ในรายวิชาบังคับ ในระดับ มัธยมศึกษาปที 4 และต่อมาในป พ.ศ.2521 กระทรวงศึกษาฯได้ ป ร ะ ก า ศ ห ลั ก สู ต ร มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ต อ น ต้ น ต า ม แ น ว แ ผ น ก า ร ศึ ก ษ า แ ห่ ง ช า ติ พุทธศักราช 2520 และได้กาํ หนดวิชากระบี 1 เปนวิชาบังคับเรียนใน ชันมัธยมศึกษาปที 2 นับแต่นันมา ประวัตกิ ระบีกระบอง รวบรวมข้อมลู โดย Educateprak.com

~5~ ประโยชน์ของการเล่นกระบกี ระบอง กระบีกระบองย่อมีคุณประโยชน์ต่อผู้เล่นเอนกประการ แต่ สามารถสรุปรวมเปนข้อใหญ่ๆได้ 5 ข้อด้วยกันดังนี 1.เปนวิชาทีเกียวกับการปองกันตัว ผู้ทีได้รับเรียนทางด้านนีมา สามารถนาํ มาใช้ในยามคับขัน เช่นในกรณีทีมีศัตรูจะทาํ ร้ายเราแล้วก็ สามารถนาํ วิชากระบีกระบองมาใช้ปองกันตัวผ่อนหนักให้เปนเบา คือ แทนทีจะเจ็บตัวมากก็กลายเปนเจ็บตัวน้อยลงหรืออาจจะไม่เปนอะไร เลยและในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทาํ ลายคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย หรือใน กรณีทีอาวุธของเราเสียเปรียบ เช่น เขาไม่ด่าแต่เรามีไม้ เขามีไม้ยาว แต่เรามีไม้สัน เราก็ยังเอาชนะได้และขณะเดียวกันก็มีวิธีทาํ ให้อาวุธ ของศัตรูเปนประโยชน์แก่เราได้โดยกลับไปทําร้ายเจ้าของๆ มันเอง 2.กระบีกระบองเปนพลศึกษาทีดีอย่างหนึง กล่าวคือเปนการออก กําลังกายโดยใช้ทุกส่วนของร่างกายคือมีทังยืน เดิน วิง นัง กระโดด ฯลฯ ต้องใช้กําลังพอสมควรเปนกีฬาทีเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ จาํ เปนต้องเหมาะกับผู้ชายเท่านัน นอกจากนียังเปนกีฬาทีสร้างความ สนุกสนานให้ทางผู้เล่นและผู้ดูใช้อุปกรณ์น้อยหาง่าย ทนทาน และการ เล่นไม่เปลืองสถานทีแต่ก็มีอันตรายบ้างในกรณีทีพลาดพลัง 3.กระบีกระบองเปนกีฬาทีฝกนําใจอย่างดีเลิศ ความกล้าหาญใน เวลาเผชิญกับศัตรูให้มีสติมันคง ฝกความทรหดอดทนของร่างกาย เพราะในเวลาฝกซ้อมไม่มีการใส่เกราะปองกันตัว ผู้ฝกการได้รับบาด เจ็บเล็กน้อย เช่น พกชาํ ดําเขียว แตกหรือหักบ้าง เนืองจากในการฝก ก ร ะ บี ก ร ะ บ อ ง ไ ม่ มี ก ติ ก า ห้ า ม ห รื อ ใ ห้ เ ว้ น จ า ก ก า ร ตี ส่ ว น นั น ส่ ว น นี ข อ ง ร่างกาย แต่ให้ตีได้ทุกทีเมือมีโอกาส เพราะในการเผชิญหน้ากับศัตรู จริงๆนันก็ไม่มีกติกาเช่นกัน

~6~ ดังนันจึงเปนหน้าทีของผู้เล่นทีจะต้องปองกันตัวเอง และจะต้องมีนําใจ เปนนักกีฬา จะถือโทษโกรธเคืองไม่ได้ในกรณีทีได้รับบาดเจ็บผู้เล่นจะ ต้องมีใจยุติธรรมและมีความรับผิดชอบ กล่าวคือต้องไม่ใช้วิธีนีไปใน ทางทีผิด 4.ช่วยฝกปฏิญาณไหวพริบความว่องไว เพราะการเล่นกระบี กระบองผู้เล่นจะเผลอตัวไม่ได้เลย การเปดตัวเท่ากับเปนการเปดช่อง ว่างให้ศัตรู สมองจะต้องสังการอยู่ตลอดเวลาวัยวะทุกส่วนของ ร่างกายจะต้องทาํ งานสัมพันธ์กัน หูตาต้องไว ศัตรูจะเคลือนไหวทาง ไหนต้องเห็นและรับรู้เสมอแขน ขา มือ เท้า จะต้องเคลือนไหวให้ สอดคล้องรวดเร็ว มิฉะนันจะพลังพลาดได้ 5.วิชากระบีกระบองเปนศิลปการปองกันตัวประจาํ ชาติไทย มีทัง ประโยชน์ ความสนุกสนาน และความสวยงามทางด้านศิลปรวมอยู่ ด้วย จึงทาํ ให้กระบีกระบองเปนศิลปการแสดงทีเชิดหน้าชูตาของไทย สามารถอวดชาวต่างชาติได้ จึงนับว่าเปนสมบัติทางวัฒนธรรมของ ไ ท ย ที ค ว ร จ ะ ไ ด้ รั บ ก า ร ฟ น ฟู แ ล ะ รั ก ษ า ไ ว้

~7~ อปุ กรณ์การเล่นกระบีกระบอง 1.สนาม ไม่จํากัดขอบเขต บริเวณ จะเล่นในทีแจ้งอยู่ทีร่วมก็ได้ แต่ควรจะมีบริเวณกว้างพอสมควร ไม่มีสิงกีดขวางเพราะการเล่นกีฬา ชนิดนีมีทังรุกและรับ ถ้าบริเวณแคบจะทําให้เล่นได้ไม่เต็มที อีกทังอาจ เ ป น อั น ต ร า ย ต่ อ สิ ง ที อ ยู่ ใ ก ล้ เ คี ย ง ไ ด้ ด้ ว ย 2.เครืองกระบีกระบอง เครืองกระบีกระบองได้จําลองดัดแปลง มาจากเครืองอาวุธของไทยในสมัยโบราณ ซึงเปนอาวุธทีใช้ในระยะ ประชิดตัวหรือขันตะลุมบอน ได้แก่ กระบี ดาบ กันหยัน หอก ทวน ง้าว ของง้าว โตมร แหลน หลาว ตะบอง พลอง มีด และกริช ส่วนเครือง ปองกันอาวุธนันมี ดัง เขน และโล่ห์ ส่วนเครืองกระบีกระบองนันมี กระบี ดาบง้าว พลอง ดัง เขน โล่ห์ และไม้สัน แต่เครืองกระบีที จําลองจากอาวุธจริงๆนันมีเพียง กระบี ดาบ ง้าว และพลองเท่านัน ส่วนทีเหลือก็เอาของจริงมาเล่น อุปกรณ์เหล่านีนะกระบีกระบองมัก เรียกว่า \"เครืองไม้\" เครืองกระบีทังหมดแบ่งออกเปน 2 ชนิดคือ 1.เครืองไม้รํา ได้แก่เครืองกระบีทีจําลองมาจากอาวุธจริงมุ่งทาง ด้านสวยงาม มีลวดลายวิจิตร บอบบางไม่แข็งแรง ใช้สําหรับละหมวด กันเวลาราํ จะต้องระวังไม่ให้เครืองหมายกระทบกัน จะต้องระวังทีสุด แต่บางครังใช้อาวุธยิงลาํ แสงก็มี 2.เครืองไม้ตรี ได้แก่เครืองกระบีทีจําลองมาจากอาวุธจริงแต่เอา ไว้สําหรับตี ดังนันต้องทําให้เหนียว แข็งแรง เบา และทนทาน

~8~ เครองแต่งกายของผู้เลน่ กระบีกระบอง ในสมัยโบราณ รักกระบีกระบองแต่งตัวแบบนักรบ คือสวมเสือ ยันต์ ไม่มีแขนเสือ กางเกงขากว้างยาวครึงน่อง ต่อมาในสมัยกลาง เปลียนจากกางเกงขากว้างมาเปนนุ่งผ้านางแบบเขมร ซึงไม่สะดวกแก่ ผู้เล่นนัก เพราะเวลาลามันจะยกแข้งยกขาได้ไม่ถนัดนัก ปจจุบันจึง เปลียนมาแต่งกายแบบนักกีฬาทัวไป คือใส่กางเกงขาสันส่วนเสือนัน จะมีแขนหรือไม่มีแขนก็ได้ สิงสําคัญทีสุดในจาํ นวนเครืองแต่งกายทังหมด ซึงจะขาดเสียไม่ ได้คือ \"มงคล\" มงคล คือสายสิญจน์เส้นเล็กๆหลายเส้น มารวมขวันเปนเส้น เดียว ใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย ยาวพอกดรอบศีรษะของผู้ใหญ่ได้ แล้วรวบปลายทังสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน ฉะนันเมือกดเข้าแล้วจะมีรูป ร่างคล้ายไข่ เพือความมันคงถาวรเขามักหุ้มด้วยผ้าตลอดอัน โดย ปลายทังสองยืนออกมาพอสมควรเหมือนไส้หัวเทียนขีผึง มงคลนีจะนํา เ ข้ า ป ร ะ ก อ บ พิ ธี ท า ง พุ ท ธ ศ า ส น า ก่ อ น ที จ ะ ส ว ม ใ ส่ ใ ห้ พู ด เ ล่ น ผู้เล่นกระบีกระบองทุกคนจะสวมมงคลไว้บนศีรษะ เพือเปนสิริ มงคลและสร้างกําลังใจให้แก่ตัวเอง บางคณะ อาจารย์จะเปนผู้สวม มงคลให้แก่นักเรียนกระบอง

~9~ พรหมนงั - พรหมยนื การขึนพรหมนัง

~10~

~11~

~12~

~13~ การขนึ พรหมยนื

~14~

~15~

~16~

~17~

~18~ การถวายบังคม

~19~

~20~ ท่าไม้รํา12ไมร้ ํา ไม้รําท1ี ลอยชาย

~21~

~22~ ไมร้ ําท2ี ควงทดั หู

~23~

~24~ ไมร้ ําท3ี เหนบ็ ขา้ ง

~25~

~26~ ไมร้ ําท4ี ตงั ศอก

~27~

~28~ ไมร้ ําที5 จว้ งหนา้ จว้ งหลงั

~29~

~30~

~31~ ไมร้ ําท6ี ควงปองหน้า

~32~

~33~ ไมร้ ําท7ี ท่ายกั ษ์

~34~

~35~

~36~ ไมร้ ําท8ี สอยดาว

~37~

~38~ 19 20 21 22 23 24 25 26 27

~39~ ไม้รําท9ี ควงแตะ 1 23 4 56 7

~40~ ไมร้ ําท1ี 0 หนุมานแหวกฟองนํา 1 23 4 56 7 89

~41~ 10 11 12 13 14 15 16

~42~ ไม้รําท1ี 1 ลดลอ่ 1 23 4 56 7 89

~43~ 10 11 12 13

~44~ ไมร้ ําท1ี 2 เชญิ เทยี น 1 23 4 56 7 89

~45~ 10 11 12 13

~46~ คลิปวดโี อ https://www.youtube.com/watch?v=uJLzYnxiM8w

http://anyflip.com/jewrp/yins/basic http://old-book.ru.ac.th/e-book/p/PE281/pe281-1.pdf https://www.educatepark.com/story/history-of-krabi- krabong/ file:///C:/Users/HP/Downloads/permalink.htm ตวั การ์ตูนประกอบทา่ รํากระบกี ระบอง 12 ไม้รํา โดย นางสาวจิตราวดี เมืองแปน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook