Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานศึกษาบริบทของครูผู้สอนและชั้นเรียน

รายงานศึกษาบริบทของครูผู้สอนและชั้นเรียน

Published by suyubon, 2022-01-28 08:49:04

Description: รายงานศึกษาบริบทของครูผู้สอนและชั้นเรียน

Search

Read the Text Version

รายงานศกึ ษาบริบทของครูผสู้ อนและช้นั เรียน โดย นางสาวพรนภา ช่วยสขุ รหัสนกั ศกึ ษา 64121070119 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ภาคเรียนท2ี่ ปีการศกึ ษา2564 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอบุ ลราชธานี



รายงานศกึ ษาบริบทของครูผสู้ อนและช้นั เรียน โดย นางสาวพรนภา ช่วยสขุ รหัสนกั ศกึ ษา 64121070119 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ภาคเรียนท2ี่ ปีการศกึ ษา2564 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอบุ ลราชธานี

คำนำ หนงั สือ E-Book เลม่ นี้จัดขนึ้ เพื่อการศึกษาบทบาทหน้าทขี่ องครผู ูส้ อนและศกึ ษาบรบิ ทของ ช้ันเรียน ทักษะต่างๆของครผู สู้ อนและวธิ ริ ับมอื กับปัญหาต่างๆท่อี าจเกิดข้ึนในระหว่างทำการเรยี น การสอนของครูผู้สอน ตลอดจนถึงบริบทของการทำงานร่วมกันในหน่วยงานของสถานศึกษ โดยการ ประยุกตใ์ ช้ทกั ษะ Growth mindset ขอขอบคณุ อาจารย์ชนารักษ์ เวชสวัสดิ์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุบลราชธานี ทไี่ ด้ใหค้ วามรู้ เกีย่ วกบั ทักษะ Growth mindset และใหค้ ำแนะนำสำหรับการทำหนังสือ E-Bookจึงทำใหร้ ายงาน ครั้งนี้ลลุ ่วงไปดว้ ยดี พรนภา ชว่ ยสุข 20 มกราคม 2565

ศึกษาบรบิ ทของครูผู้สอนและช้นั เรยี น ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที 5ี่ 1. จำนวนนักเรียน ชาย 8 คน หญิง 13 คน รวม 21 คน 2. สิ่งสนับสนุนการเรยี นรู้ (เช่น จอทวี ี มมุ ศกึ ษาดว้ ยตนเอง ป้ายนเิ ทศ สัญญาณอนิ เตอรเ์ นต็ ฯลฯ) 1. Smart TV จำนวน 1เครือ่ ง 2. พัดลม จำนวน 6เครอื่ ง 3. หลอดไฟ จำนวน 6หลอด 4. กระดาน Whiteboard จำนวน 1อัน 5. สญั ญาณอนิ เทอร์เนต็ จำนวน 2แหล่ง 6. มมุ หนังสอื ตา่ งๆ/มุมศกึ ษาด้วยตนเอง จำนวน 1แหล่ง 7. ป้ายนเิ ทศใหค้ วามรู้ จำนวน 3ปา้ ย

3. การจดั สภาพของห้องเรยี น เชน่ แสง เสยี ง อุณหภูมหิ ้อง ความเป็นระเบียบ การตกแตง่ การจดั การเรยี นการสอนในห้องเรยี นอุณหภมู คิ อ่ นขา้ งทจ่ี ะพอดตี ่อการเรียนการสอนไม่ร้อนและเยน็ จนเกินไปเพราะในหอ้ งเรียนอากาศปลอดโปร่งและการจดั โต๊ะของนักเรยี นเปน็ การจดั โตะ๊ แบบเว้น ระยะห่างกนั 1 เมตรนกั เรียนในหอ้ งสามารถรกั ษาความสะอาดไดอ้ ยา่ งดีเพราะวา่ มกี ารจดั แจงเวร ประจำวนั และมรี ะเบยี บวินัยในการทำความสะอาดมาก การตกแต่งหอ้ งเรยี นคณุ ครูประจำช้ันนำส่ือ การสอนต่างๆเช่นสตู รคูณบทอาขยานและคำศัพทภ์ าษาองั กฤษต่างๆมาติดตกแตง่ หอ้ งเรยี น

สังเกตการศึกษาเรยี นรู้บทบาทหนา้ ทค่ี รู โดยประยุกตท์ กั ษะ Growth mindset 1) การบันทกึ การสังเกตการสอนครูผ้สอน ช่อื ผูส้ งั เกต นางสาวพรนภา ชว่ ยสุข สาขาวิชาภาษาองั กฤษ วชิ าที่สงั เกตภาษาอังกฤษ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ี่5 สังเกตวนั ท่ี 22 เดือน พฤษจิกายน พ.ศ2564 เวลาทใี่ ช้ในการสังเกต 50นาที คำช้แี จง ใหน้ กั ศกึ ษาสังเกตการจดั การเรียนรู้ของนกั เรยี นในชั้นเรยี น ที่ครพู ีเ่ ลยี้ งเป็นผ้สู อน แล้วบนั ทึกการสังเกต ในประเด็นต่อไปนี้ แผนผงั ให้รายละเอียด ยกตวั อยา่ ง หรือใหเ้ หตุผลตอ่ ประเด็นตา่ ง ๆ ช่ือครผู ู้สอน นางสาวอัญญารัตน์ เชอ้ื ทอง รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหสั วชิ าอ23202 ระดับชั้นที่สอน ประถมศึกษาปีที่5 จำนวนนักเรียนในห้องเรียนทงั้ หมด 21 คน ชาย 8 คน หญงิ 13 คน เรือ่ งทส่ี อน คำศัพท์เก่ยี วกับวันลอยกระทงและสอนนักเรยี นร้องเพลงวันลอยกระทงภาษาอังกฤษ ความคิดรวบยอดสำคัญของชั้นเรียนที่สังเกต คุณครูพานกั เรียนท่องกรยิ าสามชอ่ งก่อนจะเขา้ สู่บทเรยี นวันน้คี ุณครูไดท้ ำส่ือการสอนเป็นหมวกทีม่ ีชือ่ สัตว์ชนิด ตา่ งๆโดยให้ชือ่ กจิ กรรมว่า animal farm จากนัน้ กใ็ ห้นักเรยี นแต่งประโยคเกี่ยวกบั สัตวท์ ี่ตวั เองได้จากน้นั กเ็ ลือก สตั ว์ทีเ่ พอ่ื นไดม้ า10ชนิด แลว้ แต่งประโยคเปน็ นภาษาอังกฤษ แผนผงั หอ้ งเรียน (การจดั ท่ีนัง่ ในชั้นเรยี น)

2) การสงั เกตการณ์หอ้ งเรยี น (บรรยากาศในห้องเรียน ปฏสิ มั พันธข์ องผูเ้ รียน) 1. บรรยากาศการเรยี นรู้ในชั้นเรียนโดยรวม บรรยากาศในชัน้ เรียนคอ่ นข้างจะคึกครนื้ เพราะว่านักเรียนต่ืนเต้นกบั การที่ได้เป็นคาแรกเตอรข์ องสัตว์ ต่างๆ 2. ขอ้ สงั เกตตำแหน่งครยู ืนหรอื เดิน วันน้คี ุณครูเดอื นไปรอบห้องเพื่อจะสำรวจว่านกั เรียนสามารถแตง่ ประโยคภาษาองั กฤษและ ประยุกต์ใช้กบั คำศัพท์ที่ไดม้ าถูกตอ้ งหรือไม่ 3. การปฏิสมั พันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน การปฏิสัมพันธ์ระหว่างนกั เรยี นกบั นักเรยี น ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งครูกับนกั เรยี นนักเรียนตา่ งดีใจและวิง่ ไปมาทั่วหอ้ งเพอื่ ทจี่ ะถามเพื่อนวา่ สตั วท์ ีเ่ ธอ ได้เป็นสัตวอ์ ะไรและถามวา่ ภาษาอังกฤษทเี่ ก่ียวกับช่ือสัตว์สัตว์ชนดิ นเี้ ขียนยงั ไงบา้ ง 4. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนร้ขู องนักเรียน(เช่น การทำกิจกรรมกลมุ่ การมสี ว่ นรว่ มในการ อภิปรายแนวคิดและสรุปแนวคิด เป็นตน้ ) คณุ ครมู สี ว่ นร่วมในการเรียนของนักเรียนคือชว่ ยนกั เรียนบอกว่าสัตว์ชนิดนี้ภาษาอังกฤษเค้าเรียกวา่ อะไรและชว่ ยไปการแตง่ ประโยคทถี่ ูกต้องและหลังจากการแต่งประโยคทถ่ี ูกตอ้ งของนักเรยี นคุณครูก็ นำสมุดของนักเรียนมาตรวจอีกทแี ล้วบอกวา่ ถกู หรือผิดตรงไหนอกี เพื่อใหน้ กั เรียนนำไปปรับแก้

3) การสงั เกตการณ์การจดั การเรยี นร้ขู องครูผู้สอนในชั้นเรยี น ประเด็น พฤติกรรมการสอนของครู พฤติกรรมการเรยี นรู้ของนักเรยี น การนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น วันนค้ี ณุ ครจู ะให้นกั เรยี นแสดง นักเรียนแสดงพฤติกรรมตื่นเต้นและ ทา่ ทางของสัตวต์ ่างๆตามท่ตี ัวเอง พูดชื่อสตั วช์ นิดน้ันเป็นภาษาองั กฤษ ได้รับ และถอื หมวกทท่ี รี ูปสตั ว์ ข้นึ มา การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ของวันน้ีคือให้ นักเรยี นเตรียมสมุดและปากกา นักเรยี นไดใ้ สห่ มวกท่เี ป็นสัตว์ เพ่ือที่จะจดและเตรยี มท่จี ะเรียนรู้ ตา่ งๆและใหแ้ ตง่ ประโยคชอ่ื สัตว์ที่ ตวั เองได้และเลือกเพ่ือนมา 10 คนแตง่ ประโยคเป็นภาษาอังกฤษ การสรปุ บทเรียน คณุ ครูไดก้ ลา่ วสรปุ เน้อื หาในวันนี้ นักเรียนมคี วามสุขและสนุกที่ได้แตง่ โดยอยากจะให้นักเรียนหัดแต่ง ประโยคและทำทา่ ทางเปน็ สัตว์ตาม ประโยคและเรยี นรู้คำศัพท์ หมวกท่ตี ัวเองได้รบั พฤติกรรมครู การใช้คำถาม การเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม การแก้ปัญหา การวัดผล บุคลิกลักษณะของครู การแต่งกาย น้ำเสียง ภาษา การเสริมแรง การช่วยเหลือ จัดลำดับขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ชัดเจน/

ผสมผสานระหว่างไม่มีรูปแบบชัดเจน การกระตุ้นความสนใจ การสรุปบทเรียน โดยที่ครูผู้สอนจะให้กำลังใจ นักเรยี นเสมอเวลาท่นี กั เรยี นตอบคำถามผดิ ครผู ้สู อนโดยจะใชน้ ้ำเสยี งออ่ นโยนและนำคำตอบท่ถี ูกใหน้ ักเรียน พฤติกรรมนักเรียน ความสนใจ ตั้งใจในการเรียน การมีส่วนร่วมในกิจกรรม การค้นหาคำตอบที่ หลากหลายการตอบคำถามการเป็นผู้นำเป็นผู้ตาม ความเข้าใจในความคิดสำคัญการสรปุ บทเรียน ผลงาน ชิ้นงาน กลา้ ทีจ่ ะแสดงออกและ กลา้ ทีจ่ ะตอบคำถาม แม้บางทอี าจจะตอบไม่ถูกแตน่ ักเรยี นก็มีความสุขที่ได้ตอบคำถาม

ความสัมพนั ธ์ของครูผูส้ อนกับผปู้ กครอง และชมุ ชน ส่งิ ทีไ่ ดเ้ รยี นรจู้ ากการมสี ่วนร่วมในกิจกรรมเกยี่ วกับความสมั พันธก์ ับผู้ปกครอง และชมุ ชน จากการทีข่ า้ พเจ้าไดท้ ำกิจกรรมเกีย่ วกับผปู้ กครองและชนุ คอื ผ้ปู กครองและชุมชนมรส่วนในการช่วยดู และขัดเกลานักเรียนมากพอกันกับโรงเรียนโดยถ้าขาดการขดั เกลาจากผู้ปกครองและชุมชนแล้ว คอ่ นข้างที่จะเปน็ ไปได้ยากทีจ่ ะทำใหน้ กั เรียนเตบิ โตมาอย่างดีและรู้สึกอบอ่นุ โดยขา้ พเจ้าได้ทำการยืน รับนกั เรยี นด้านหนา้ โรงเรียนตอนเชา้ ตรแู่ ละไดท้ ักทายผู้ปกครองและนกั เรียนเพ่อื สร้างความสัมพันธ์ อนั ดีงามระหว่างผู้ปกครองและโรงเรยี น และในดา้ นของกิจกรรมทเี่ กี่ยวกับชุมชนหลงั โรงเรยี นเลกิ เรียนข้าพเจ้าและครูพี่เลี้ยงไดท้ ำกจิ กรรมร่วมกับชุมชนคอื การเพาะปลกู ตน้ ทานตะวันเพอ่ื ทจ่ี ะทำให้ เปน็ ทงุ่ ทานตะวันและส่งเสริมการท่องเทีย่ วของชุมชน

การปฏิบัตงิ านในหนา้ ทคี่ รู สงิ่ ทีต่ นเองปฏิบัติไดด้ ี สิ่งที่ต้องพัฒนาให้สามารถปฏบิ ตั ไิ ดม้ ากข้นึ การทำใหน้ ักเรียนเปดิ ใจและเขา้ หาข้าพเจ้า ขา้ พเจ้าจะพยายามเรยี นรบู้ ริบทการทำงานร่วมกับ บคุ คลประเภทต่างๆในรั้วโรงเรยี นใหม้ ากขึน้ แนวทางสำหรบั การพัฒนาตนเองใหส้ ามารถปฏิบตั ไิ ด้มากขึน้ ตั้งใจสงั เกต มีสมาธิ วางแผนให้ดี ส่ิงที่ตนเองปฏบิ ัตไิ ด้ดี การจดั การเรียนรู้ สิ่งท่ีต้องพัฒนาใหส้ ามารถปฏบิ ัตไิ ด้มากข้ึน ข้าพเจา้ สามารถจดั สือ่ การสอนท่เี หมาะสมและ การศกึ ษาลักษณะรายบุคคลของนักเรียนความถนัด นกั เรยี นให้ความสนใจในรายวชิ าเรียนไดด้ ี ด้านตา่ งๆ เพราะนักเรยี นบางคนอาจจะไม่ถนัดใน ภาษาองั กฤษแต่อาจจะถนัดในรายวิชาศลิ ปะ ข้าพเจา้ ตอ้ งคิดวธิ ที ี่จะส่งเสริมความสามารถของ นักเรียนควบคูก่ บั การทำใหน้ ักเรียนสนใจรายวิชา ภาษาองั กฤษ แนวทางสำหรับการพัฒนาตนเองใหส้ ามารถปฏบิ ตั ไิ ด้มากข้นึ ตั้งใจสงั เกตครพู ่เี ลี้ยงและการปฏิบัตใิ นสถานการณ์ต่างๆท่เี กิดข้นึ ในชัน้ เรยี น

ความสัมพันธ์กับผูป้ กครอง และชุมชน ส่งิ ทีต่ นเองปฏบิ ัตไิ ด้ดี ส่ิงท่ตี ้องพัฒนาให้สามารถปฏบิ ตั ิได้มากขึ้น ช่วยงานชมุ ชนและสร้างปฏิสมั พันธก์ บั ผู้ปกครอง เรยี นรบู้ ริบทของชุมชนให้มากขึน้ คน้ หาจดุ เดน่ ของ ชุมชนและนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั ทำส่อื การเรยี น การสอนภาษาองั กฤษ แนวทางสำหรบั การพัฒนาตนเองใหส้ ามารถปฏิบตั ไิ ด้มากข้นึ พบปะกับบคุ คลสำคัญทส่ี ามารถให้ความรเู้ กีย่ วกับชุมชนไดห้ ลงั โรงเรยี นเลิกเรียน

ผลการเรียนรูบ้ ทบาทหนา้ ท่ีครู ส่งิ ทีไ่ ด้เรียนรู้/ประเดน็ ในการเรียนรู้ การศกึ ษาการจัดการเรียนรขู้ องครูผู้สอนในชนั้ เรยี น คุณครูเปน็ ผทู้ ่ีมคี วามรู้และสอนนกั เรียนได้เปน็ อย่างดีรวมถึงการจดั การเรยี นการสอนให้สอดคลอ้ งกบั วยั ของ ผเู้ รยี นและสามารถแกป้ ัญหาตา่ งๆในห้องเรียนได้ การศกึ ษาบทบาทหนา้ ท่ีครูประจำชน้ั คุณครูอุทศิ เวลาและเสยี สละเวลาเพื่อทำการเรียนการสอนใหน้ ักเรียนและมีปฏิสมั พันธก์ ับนักเรียนที่ดที ำให้ นกั เรียนเข้าใจและเข้าถงึ เนื้อหาสาระความรงู้ า่ ยและสามารถปฏบิ ัติตนได้อย่างเหมาะสม การศกึ ษาบทบาทหน้าท่ีครูด้านอ่ืนๆ คณุ ครูสามารถบรหิ ารจัดการภาระงานของตนเองได้อยา่ งเป็นระบบระเบียบและช่วยเหลอื งานของโรงเรยี น หรอื งานของกลุ่มสาระสามารถเป็นผูจ้ ดั การงานต่างๆของโรงเรยี นได้ดีเยยี่ ม ความรูส้ ึกหรือความคิดเหน็ ท่เี กดิ จากการเรียนรู้ (ประสบการณท์ ่ไี ดร้ ับเพ่มิ ข้ึน) หลังจากท่ขี า้ พเจา้ ไดท้ ำการสังเกตบริบทของโรงเรียนและสังเกตการณส์ อนของคณุ ครูนัน้ ข้าพเจา้ รสู้ ึกได้รบั ประสบการณ์เช่นการจดั การเรยี นการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรยี นและการรับมือสถานการณ์ต่างๆทส่ี ามารถ เกิดขนึ้ ไดโ้ ดยท่ีไมท่ ันต้ังตัวในหอ้ งเรียนและการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ตี า่ งๆในโรงเรียนได้ดขี นึ้ การนำไปประยุกต์ใชเ้ พ่ือพฒั นางานและพฒั นาตนเอง ขา้ พเจ้าสามารถนำประสบการณ์ทไ่ี ดร้ ับในการสังเกตกุ ารสอนนไี้ ปประยุกต์ใชใ้ นการฝึกสอนในเทอมหน้า และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนนักเรยี นจรงิ ๆเมื่อไดร้ ับราชการครแู ล้วและจะทำทกั ษะของการ แกป้ ญั หาเฉพาะหน้าและการสรา้ งปฏสิ ัมพนั ธก์ บั นกั เรียนไปใชใ้ นการสอนในภายภาคหน้า

บทบาทหนา้ ท่คี รปู ระจำช้นั ผลการศึกษา 1.ช่วงเช้าก่อนเคารพธงชาติ เป็นช่วงตรวจสอบความเรียบร้อยของ ได้รบั มอบหมายให้พานักเรียนบำเพญ็ นักเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียน เช่น การส่งการบ้าน หรือ ประโยชนท์ ำความสะอาดโรงเรยี นก่อน สง่ งานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทั้งงานรายบุคคลหรอื กลมุ่ เขา้ แถวเคารพธงชาติ 2. ช่วงเคารพธงชาติ เป็นอีกช่วงหน่ึงที่นักเรีนยจะได้ฝึกวินัยในตนเอง ได้รับมอบหมายให้คมุ แถวของนกั เรียน นักเรียนทุกคนต้องยืนตรง เคารพธงชาติ และสวดมนต์ไหว้พระ โดย ใหเ้ ปน็ ระเบียบในระหว่างการเข้าแถว ต้องอยู่ในอาการทีส่ ำรวม รวมทัง้ การมีสมาธใิ นการรับฟงั ประกาศ 3. ช่วงโฮมรูมเช้า/เย็น เป็นช่วงหนึ่งก่อนจะถึงคาบเรียน ซึ่งเป็นเวลา คณุ ครูไดใ้ หน้ กั เรียนเขา้ ไปท่ีห้องเรียน หลังจากกิจกรรมหน้าเสาธง ก่อนจะเริ่มเรียนวิชาแรกและเลิกเรียน จากนั้นวดั อุณหภูมิร่างกายและแจกนม ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของครูประจำชั้นและนักเรียนจะได้พูดคุย โรงเรียนให้นักเรยี นด่มื ในตอนเช้าและ กันเพื่อการพัฒนานักเรียน การเอาใจใส่ดูแลนักเรียนให้ประพฤติ ให้นักเรยี นอ่านหนังสอื ให้ฟงั เปน็ ปฏบิ ัติตามข้อบงั คับต่าง ๆ รายบคุ คล 4. ช่วงรับประทานอาหารกลางวัน ชว่ งนีน้ กั เรยี นทุกคนในโรงเรยี น ไดร้ ับมอบหมายให้ตักขา้ วและอาหาร ต้องรบั ประทานอาหารกลางวันที่ โรงเรียน ซง่ึ บางครง้ั มักจะพบปัญหา ให้กบั นกั เรยี นในตนพักกลางวันกอ่ น ในการเลือกรับประทานของนักเรียน จะตกั กถ็ ามนักเรยี นก่อนวา่ วันนจี้ ะกนิ เยอะม้ัย เพราะถ้าให้เยอะเกินไป อาจจะกนิ ไมห่ มดทำให้ไม่อยากกินอกี 5. ช่วงเวลาทำกิจกรรมนอกชั้นเรยี น เป็นช่วงเวลาที่ใหโ้ อกาสนักเรยี น ในช่วงกิจกรรมนอกช้นั เรยี นคือวิชา ไปเรียนวิชาที่มีการเรียนหรือการจัดกิจกรรมนอกห้องเรียนประจำชั้น พละศึกษาโดยไดร้ บั หน้าท่ีให้พา ของตนเอง ไดแ้ ก่ วิชาดนตรี นาฏศลิ ป์ พลศกึ ษา นกั เรียนไปฝกึ ทกั ษะของการรำคตี ะ มวยไทย เพื่อออกกำลังกายและ ส่งเสรมิ ศิลปะการป้องกนั ตัว 6. การตดิ ตามผลการเรียน คะแนนทดสอบระหว่างเรยี นของนกั เรียน มีการพบปะกบั คุณครูและหวั หนา้ สาย จากครปู ระจำวิชา การเอาใจใสต่ รวจตราการทำงานของนักเรยี นเพือ่ ชน้ั เพอ่ื ตรวจสอบการเรียนและการ แก้ไขและปรบั ปรุงการเรียนของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล รบั ผิดชอบงานตา่ งๆของนักเรียน 7. การสำรวจการมาโรงเรยี นของนักเรียนและสรุปสง่ ทแ่ี ผนกสถิติ จะสำรวจโดยการเชค็ ช่อื ของนักเรียน 8. กิจกรรมการเยย่ี มบา้ นนกั เรยี น / การประชมุ ผู้ปกครองและอนื่ ๆ ทางโรงเรยี นมกี ารจดั กิจกรรมเยย่ี ม บ้านและประชุมผปู้ กครองเป็นประจำ

การศกึ ษาบริบทสถานศกึ ษา 1) ประวตั ิความเป็นมาของโรงเรยี น โรงเรียนบ้านนาโพธ์กิ ลางตั้งอยูท่ ห่ี มู่ท่ี 1 บ้านนาโพธิ์กลางตำบลนาโพธ์ิกลางอำเภอโขงเจียม จงั หวัด อุบลราชธานี เปน็ โรงเรยี นในสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาอุบลราชธานเี ขต 3 สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกระทรวงศกึ ษาธิการจดั ตั้งเมอื่ วันท่ี 2 มถิ ุนายน พ.ศ.2468 เป็น โรงเรียนประชาบาลอาศัยศาลาการเปรียญวดั โพธาราม เป็นสถานทเ่ี ลา่ เรียนช่ัวคราวเมอ่ื ปี พ.ศ.2484 ไดร้ ับงบประมาณปลกู สร้างอาคารเรียนแบบใต้ถนุ เตี้ยของกระทรวงศกึ ษาธิการโดยนายเคยี งภูทอง กำนันตำบลนาโพธก์ิ ลางได้จับจองที่ดนิ เพือ่ ปลูกสร้างโรงเรียนโรงเรียนมีสภาพม่ันคงอยรู่ ะยะหน่งึ ก็ผุ พังเมื่อปี พ.ศ.2494 นายประหยัดกญั ญาลา ครูใหญไ่ ด้รายงานของบประมาณซ่อมแซมจากทาง ราชการแต่ไมไ่ ดร้ ับงบประมาณชาวบา้ นนาโพธกิ์ ลางจึงช่วยกันซอ่ มแซมให้ดีขึ้น

2) บุคลากร ครู มีทั้งหมด มที ง้ั หมด 32 คน เพศชาย 13 คน เพศหญิง 19 คน ซง่ึ แยกตามวุฒกิ ารศกึ ษา ดงั น้ี ปรญิ ญาเอก จำนวน 2 คน ปริญญาโท จำนวน 4 คน ปรญิ ญาตรี จำนวน 24 คน ป.กศ.ชั้นสูง หรอื เทยี บเท่า จำนวน 2 คน อ่ืน ๆ .................................. จำนวน ............................. คน นักการภารโรง มีทั้งหมด 2 คน เพศชาย 2 คน เพศหญิง - คน นกั เรียน มีท้งั หมด คน เพศชาย 245 คน เพศหญิง 249 คน โดยแบ่งเป็นระดับชั้น ดงั นี้ ระดับอนุบาลก่อนวัยเรียน จำนวน 78 คน จำนวนห้อง 4 หอ้ ง ระดบั ประถมศกึ ษา 1 - 6 จำนวน 279 คน จำนวนห้อง 12 หอ้ ง ระดับมธั ยมศึกษา 1 – 3 จำนวน 137 คน จำนวนห้อง 6 หอ้ ง อัตราส่วนครู อาจารย์ต่อจำนวนนักเรียนประมาณ 1 คน ต่อ 17 คน

3) โครงสรา้ งการบรหิ ารงาน (แผนผัง) แผนผงั บริเวณโรงเรยี น จำนวนพ้นื ที่ท้งั หมดของโรงเรียน 20 ไร่ - ตารางวา

4) ระบบการบรหิ ารจดั การในโรงเรียน ระบบการจัดการศกึ ษา/โครงสร้างของโรงเรียน งานพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษาการพัฒนากระบวนการเรียนรกู้ ารวดั ผลประเมนิ ผลและเทยี บโอนผล การเรียนการวิจัยเพื่อพฒั นาคุณภาพการศึกษา การพฒั นาส่อื และนวตั กรรมและเทคโนโลยีทางการ ศึกษา การพฒั นาแหล่งเรียนรู้ การนิเทศการศึกษา การแนะแนวการศึกษา การพัฒนาระบบประกนั คุณภาพ การส่งเสรมิ ความรู้ด้านวชิ าการแกช่ ุมชน การบริหารงานวิชาการ การบริหารงานบรหิ ารท่วั ไป การดำเนินงานธรุ การสถานศกึ ษาฯ ระบบขอ้ มลู สารสนเทศ การประสานและพฒั นาเครอื ข่าย การศกึ ษา การจดั ระบบบริหารและพฒั นาองค์กร งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ การส่งเสรมิ สนบั สนุนดา้ นวิชาการ งบประมาณบุคลากรและบรหิ ารทวั่ ไป การดูแลอาคารสถานท่ีฯ การรับนักเรียน การบรหิ ารงานการเงนิ และสนิ ทรัพย์ การจดั ทำและเสนอของบประมาณ การจัดสรรงบประมาณ การตรวจสอบติดตามประเมนิ ผลและ รายงานผลการใชเ้ งินและผลการดำเนินงาน การระดมทรัพยากรและการลงทนุ เพือ่ การศกึ ษา การ บรหิ ารการเงิน การบรหิ ารบญั ชี การบริหารพสั ดุและสนิ ทรัพย์ การบริหารงานบคุ คล การวางแผน อัตรากำลงั และการกำหนดตำแหนง่ การสรรหาและการบรรจแุ ต่งตง้ั การเสรมิ สร้าง ประสิทธิภาพในการปฏบิ ัติราชการ วนิ ัยและการรักษาวนิ ัย การออกจากราชการ

การทำงานเปน็ ทมี ในโรงเรยี น 1. บรรยากาศของการทำงานมีความเปน็ กนั เอง อบอุ่น มคี วามกระตอื รอื รน้ และสร้างสรรค์ ทุกคน ชว่ ยกันทำงานอย่างจรงิ จัง และจรงิ ใจ ไม่มีร่องรอยทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเบอื่ หนา่ ย 2. ความไว้วางใจกัน (Trust) เป็นหวั ใจสำคญั ของการทำงานเปน็ ทีม สมาชิกทกุ คนในทมี ควรไวว้ างใจ ซง่ึ กันและกนั ได้ ซื่อสัตยต์ อ่ กัน ส่ือสารกันอยา่ งเปิดเผย ไม่มลี บั ลมคมใน 3. มีการมอบหมายงานอย่างชดั เจน สมาชิกทมี งานเข้าใจวตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย และยอมรบั ภารกิจ หลกั ของทีมงาน 4. บทบาท(Role) สมาชิกแตล่ ะคนเข้าใจและปฏิบัตติ ามบทบาทของตน และเรยี นร้เู ข้าใจในบทบาท ของผอู้ ่ืนในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ รวมทงั้ บทบาทในการช่วยรกั ษาความเป็นทีมงานใหม้ น่ั คง เช่น การประนปี ระนอม การอำนวยความสะดวก การให้กำลงั ใจ เปน็ ตน้ 5. วธิ ีการทำงาน (Work Procedure) ส่ิงสำคัญทคี่ วรพจิ ารณา คอื 5.1 การส่ือความ (Communication) การทำงานเปน็ ทีมอาศยั บรรยากาศ การส่อื ความท่ี ชัดเจนเหมาะสม ซง่ึ จะทำใหท้ ุกคนกล้าที่จะเปดิ ใจ แลกเปลีย่ นความคดิ เห็น และแลกเปล่ยี นเรยี นรซู้ ่งึ กันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และนำไปสกู่ ารทำงานที่มีประสทิ ธิภาพ 5.2 การตดั สนิ ใจ (Decision Making) การทำงานเปน็ ทีมตอ้ งใช้การตัดสนิ ใจรว่ มกัน เมื่อเปิด โอกาสใหส้ มาชกิ ในทีมแสดงความคิดเห็น และรว่ มตดั สินใจแลว้ สมาชกิ ย่อมเกิดความผกู พนั ทจี่ ะทำใน สงิ่ ที่ตนเองได้มีส่วนร่วมตัง้ แต่ต้น 5.3 ภาวะผ้นู ำ (Leadership) คือ บุคคลทีไ่ ดร้ ับการยอมรับจากผู้อน่ื การทำงานเป็นทีมควร สง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ ทกุ คนไดม้ โี อกาสแสดงความเป็นผู้นำ (ไมใ่ ชผ่ ลดั กนั เป็นหวั หนา้ ) เพ่ือใหท้ ุกคนเกิด ความร้สู กึ ว่าได้รับการยอมรบั จะไดร้ ้สู ึกว่าการทำงานเป็นทมี นนั้ มคี วามหมาย ปรารถนาทจี่ ะทำอกี 5.4 การกำหนดกติกา หรอื กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ท่ีจะเอื้อตอ่ การทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ควรเปดิ โอกาสให้สมาชกิ ไดม้ ีสว่ นร่วม ในการกำหนดกตกิ า หรอื กฎเกณฑ์ทีจ่ ะนำมาใชร้ ่วมกัน

6. การมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ ผลการทำงานของทีม ทีมงานควรมกี ารประเมินผลการทำงาน เป็น ระยะ ในรูปแบบทงั้ ไมเ่ ป็นทางการ และเปน็ ทางการ โดยสมาชกิ ทุกคนมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ ผล งาน ทำให้สมาชกิ ไดท้ ราบความกา้ วหน้าของงาน ปัญหา อปุ สรรคทเ่ี กิดขึ้น รวมท้ังพฒั นากระบวนการ ทำงาน หรือการปรับปรงุ แกไ้ ขรว่ มกัน ซ่งึ ในทส่ี ุดสมาชิกจะไดท้ ราบวา่ ผลงานบรรลเุ ป้าหมาย และมี คณุ ภาพมากนอ้ ยเพียงใด 7. การพัฒนาทีมงานใหเ้ ข้มแขง็ 7.1 พัฒนาศกั ยภาพทมี งาน ด้วยการสร้างแรงจงู ใจทางบวก สมาชกิ มีความสมั พันธท์ ด่ี ีต่อกนั มีการจัดกิจกรรมสร้างพลงั ทมี งาน เกดิ ความมงุ่ มั่นทีจ่ ะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ 7.2 การใหร้ างวัล ปัจจบุ นั การพิจารณาผลการปฏบิ ัติงานของหนว่ ยงานไม่เอื้อต่อการทำงาน เปน็ ทมี สว่ นใหญจ่ ะพจิ ารณาผลการทำงานเปน็ รายบุคคล ดงั นัน้ ระบบรางวลั ที่เอือ้ ตอ่ การทำงานเปน็ ทีม คือ การท่ที ุกคนได้รางวัลอย่างยุตธิ รรมทุกคน คือ ควรสนับสนุนการให้รางวลั แกก่ ารทำงานเป็น ทีมในลกั ษณะท่วี ่างอยบู่ นพื้นฐานการใหร้ างวลั กับกลุ่ม (Group base reward system) บุคลากรโรงเรียนมกี ารทำงานเปน็ ทีม มีการช่วยเหลือซ่ึงกนั และกัน ทง้ั ทางดา้ นการเรยี น การสอน และเรอื่ งส่วนบุคคล ทำใหโ้ รงเรียนนา่ อยู่ และมีความสขุ ในการทำงาน จงึ เป็นเหตใุ ห้โรงเรียน มปี ระสทิ ธิภาพในการบริหารการจัดการทกุ ดา้ น

การศกึ ษาเรียนรคู้ ุณลกั ษณะของครดู ีจากการสัมภาษณค์ รผู ูส้ อน (รักและศรัทธาในวิชาชพี ครู จิตวิญญาณความเปน็ ครู จรรยาบรรณตอ่ ตนเองและวิชาชีพครู) ประเด็นคำถามการสัมภาษณ์ 1. ประวตั คิ รูผู้ให้สมั ภาษณโ์ ดยสังเขป 2. “รกั และศรทั ธาในวชิ าชพี ครู จติ วิญญาณความเป็นครู จรรยาบรรณตอ่ ตนเองและวิชาชีพครู” 3. การปฏิบัตงิ านในหน้าทีผ่ ู้สอน 4. ครอบครวั ชุมชน มคี วามสัมพันธแ์ ละมบี ทบาทอยา่ งไรต่อการจัดการศกึ ษาของโรงเรียน เรียบเรยี งความเรียงจากการสัมภาษณ์ครู ประวตั ขิ องผ้ใู ห้สัมภาษณ์ ช่อื นางสาวอัญญารัตน์ เช้ือทองชื่อเลน่ ครูหนูเล็กตำแหนง่ ครคู .ศ. 1 โรงเรียนบ้านนาโพธกิ์ ลางเกิดวนั ที่ 11 พฤศจิกายนพ.ศ. 2536 จบการศกึ ษาจากคณะครุศาสตร์บณั ฑิต สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลยั ราชภัฎสรุ ินทร์รับราชการมาแลว้ 4ปี 2เดือน ความคดิ เห็นเกี่ยวกับวชิ าชีพครวู ชิ าชีพครูเป็นวิชาชีพชน้ั สงู ทส่ี ง่ เสริมสนบั สนนุ และใหค้ วามรู้ แกเ่ ยาวชนหรอื ผู้เรยี นเปน็ อาชีพที่มีเกยี รตแิ ละสามารถช่วยเหลือให้ทุกคนมคี วามรู้และคุณธรรมครู จะต้องมจี ิตวิญญาณและอดุ มการความเปน็ ครตู อ้ งร้จู ักที่จะอทุ ศิ เวลาและเสยี สละเพ่ือผลประโยชน์ ของผเู้ รียนและทำให้ผู้เรียนประสบความสำเรจ็ ในอนาคตและเป็นบคุ ลากรทีด่ ีของประเทศชาตใิ นการ ทจ่ี ะเป็นครผู ู้สอนคณุ ครูจะต้องเปน็ ผู้ท่มี คี วามรูส้ อนดมี คี ณุ ธรรมมีจรรยาบรรณตอ่ ตนเองต่อวิชาชีพ และต่อผรู้ บั บรกิ ารซึง่ ก็คอื ผูเ้ รียน

ครอบครวั เป็นสถานทีท่ ่ีสำคัญมากตอ่ การจดั การเรยี นรู้เท่ากบั ทเ่ี รียนในโรงเรียนเพราะ ลักษณะพฤติกรรมของผู้เรียนแกแ่ รกเริ่มล้วนมาจากครอบครวั ไมว่ า่ จะเป็นความร้ใู นการเรียน กิรยิ ามารยาทครอบครวั มีส่วนผลักดันใหผ้ ้เู รยี นแสดงพฤติกรรมเหลา่ นน้ั ออกมา

ด้านของชมุ ชนชุมชนมสี ่วนร่วมในการพัฒนาทักษะในการทำกจิ กรรมหรอื ใหค้ วามรู้แกผ่ เู้ รียนใน โรงเรียนโรงเรยี นสามารถนำชุมชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการจดั การเรียนรู้ให้เหมาะสมในบรบิ ทส่งตอ่ ให้ ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้และเพม่ิ ทักษะชวี ติ เพม่ิ มากขึ้น

5.สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั คุณลกั ษณะครู ดา้ นความรู้ดี ในด้านของความรู้คุณครตู ้องเปน็ ผู้ท่มี ีความรู้รอบดา้ นไมใ่ ชเ่ พียงในรายวิชาที่ตนเองสอนคุณครูจะต้อง หมั่นฝกึ ฝนวชิ าของตนเองอยตู่ ลอดเวลาเพือ่ ท่จี ะสามารถให้ความรแู้ ก่นักเรยี นไดแ้ ละสามารถสง่ เสริม นักเรยี นให้เป็นคนทม่ี ีความรเู้ ปน็ เลศิ และประสบความสำเร็จได้

ดา้ นการสอนดี ในด้านของการสอนคณุ ครูจะต้องใช้นำ้ เสียงที่สภุ าพและเหมาะสมกับนกั เรยี นในวยั น้นั เพราะจะทำให้ นกั เรียนเขา้ ใจมากขนึ้ และรจู้ กั นำสื่อการสอนทีน่ ักเรียนสนใจเพราะจะทำใหน้ กั เรยี นตั้งใจเรียนและ ร้จู ักแก้ปญั หาตา่ งๆทเ่ี กดิ ขนึ้ ในช้นั เรยี นครูผูส้ อนจะต้องมีความรู้และพรอ้ มท่จี ะใหค้ วามรูต้ ลอดเวลา อทุ ิศตนอุทิศเวลาเพื่อใหค้ วามรแู้ กน่ ักเรยี น

ด้านการเปน็ คนดี คุณครจู ะต้องอบรมสัง่ สอนนักเรยี นให้เป็นคนดรี ูจ้ กั รบั ผิดชอบหน้าทีใ่ หน้ กั เรยี นรบั รูถ้ ึงโทษและ กฎหมายของการทำผดิ กฎหมายและทำส่งิ ไม่ดแี ละให้นักเรียนฝึกการมีจิตสาธารณะฝึกการอบออ้ ม อารชี ่วยเหลอื เผ่อื แผ่เพอื่ ให้นักเรยี นเปน็ เตบิ โตเปน็ คนดีของสงั คมและประเทศชาติ

สรปุ ผลการเรยี นรู้ 1.ศกึ ษาบริบทของชนั้ เรยี น การจัดห้องเรียน สภาพของห้องเรยี นในแตล่ ะช่วงชน้ั มีลกั ษณะทแี่ ตกต่างกนั ซงึ่ ควรจัด ให้สอดคลอ้ ง กบั กิจกรรมการเรยี นการสอนและความต้องการของผู้เรยี นในแต่ละชว่ งวัยและชว่ ยกระตนุ้ การอยากท่ี จะเรยี นรขู้ องนกั เรียนมากขึ้น การจัดห้องเรียนจงึ มผี ลต่อ mindset ขอองนักเรียนดว้ ย ครูผสู้ อนจึง ตอ้ งทำใหห้องเรยี นน่าอย่แู ละเหมาะสมตามวัยของนักเรียนอกี ด้วย 2.การสังเกตบรบิ ทของครผู ู้สอน การใช้คำถาม การเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม การแก้ปัญหา การวัดผล บุคลิกลักษณะของครู การแต่ง กาย น้ำเสียง ภาษา การเสริมแรง การช่วยเหลือ จัดลำดับขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ชัดเจน/ ผสมผสานระหว่างไม่มีรูปแบบชัดเจน การกระตุ้นmindsetที่ดีต่อการสนใจของนักเรียน การสรุป บทเรียน โดยที่ครูผู้สอนจะให้กำลังใจนักเรียนเสมอเวลาที่นักเรียนตอบคำถามผิด ครูผู้สอนโดยจะใช้ น้ำเสียงอ่อนโยนและนำคำตอบท่ถี ูกใหน้ กั เรียน และ คณุ ครมู ีสว่ นร่วมในการเรียนของนักเรียนคือช่วย นักเรียนบอกว่าสัตว์ชนิดนี้ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่าอะไรและช่วยไปการแต่งประโยคที่ถูกต้องและ หลงั จากการแต่งประโยคทีถ่ กู ตอ้ งของนกั เรยี นคณุ ครกู น็ ำสมดุ ของนกั เรยี นมาตรวจอีกทแี ล้วบอกวา่ ถูก หรือผดิ ตรงไหนอกี เพอื่ ให้นักเรยี นนำไปปรบั แก้

3.การสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น ความสนใจ ต้งั ใจในการเรียน การมีส่วนรว่ มในกิจกรรม การคน้ หาคำตอบท่ีหลากหลายการตอบ คำถามการเปน็ ผู้นำเป็นผูต้ าม ความเข้าใจในความคิดสำคัญการสรุปบทเรียน ผลงาน ช้นิ งาน กล้าท่ี จะแสดงออกและ กลา้ ทีจ่ ะตอบคำถาม แมบ้ างทอี าจจะตอบไมถ่ กู แตน่ ักเรียนกม็ ีความสขุ ท่ีไดต้ อบ คำถาม คำชมมีส่วนสำคัญในการปลูกฝัง Growth Mindset ให้กับเด็ก และคำทม่ี ักนำมาใชก้ นั บอ่ ย อย่างเช่น “เกง่ มาก” “ฉลาดท่สี ดุ ” ประโยคเหลา่ นี้ อาจทำให้เด็กเขา้ ใจวา่ ตนเก่งและฉลาดจนยอมรบั ความผดิ พลาดไดย้ าก นอกจากคำติชมเชิงสร้างสรรค์ การถามให้เด็กๆ อธิบายความเข้าใจ ไอเดยี หรอื ความเปน็ มาของงานท่ีทำกเ็ ป็นการชว่ ยสร้าง Growth Mindset ได้ดอี ีกทาง หน่งึ ในคำถามทรงพลังที่ จะชว่ ยให้เขากระตอื รือร้นคิดอธบิ ายอย่างเสรีคือ “หนชู อบงานชิ้นน้ขี องตัวเองไหม ชอบตรงไหนมาก ท่ีสดุ ” คงเหน็ แลว้ วา่ การกล่าวชมเด็กๆ สามารถสร้าง Growth Mindset หรอื Fixed Mindset ให้ เขาได้ เซลล์สมองเชื่อมตอ่ ได้ไวและดที ี่สดุ ชว่ งเดก็ เลก็ เพราะฉะนนั้ การปลูกฝังให้เดก็ มี Growth Mindset ไมเ่ กรงกลัวอุปสรรค เปดิ รับและรูจ้ ักคำติชมเชงิ สร้างสรรคส์ ามารถทำไดต้ ั้งแต่เน่ินๆ ครคู วร แนะนำว่าวธิ ีสร้าง Growth Mindset ท่ีดที ่สี ดุ คือการไดป้ ฏิสมั พันธแ์ ละมสี ว่ นร่วมกับเดก็ ๆ ระหว่างท่ี พวกเขากำลังตัง้ ใจทำบางอย่าง ให้ความสนใจว่าเขาทำอะไรและถามไถ่ว่าทำไมเขาจึงเลือกทำเช่นนั้น โดยไม่ไปตดั สิน เมอ่ื ผดิ หวังพล้งั พลาด ปล่อยให้เขาเรียนรดู้ ว้ ยตนเองแล้วเปิดโอกาสใหล้ องใหม่ 4. ความสมั พนั ธข์ องครผู สู้ อนกบั ผปู้ กครอง และชมุ ชน การสร้างความสมั พนั ธอ์ ันดีระหวา่ งโรงเรียนกับชุมชนชว่ ยใหโ้ รงเรยี นและชุมชนเกดิ ความเข้าใจอนั ดี ตอ่ กัน ช่วยลดปญั หาความขัดแยง้ และช่วยใหเ้ กิดความรว่ มมืออนั ดตี อ่ กนั ทัง้ นีท้ ง้ั สองฝ่ายจะตอ้ ง ปฏบิ ัตติ าม บทบาทของตนด้วยวิธกี ารท่ีเหมาะสม จึงจะสามารถสร้างความสมั พันธ์อันดีให้เกิดขน้ึ ได้ บทบาทหน้าท่สี ำคัญของโรงเรยี นต่อชมุ ชน คือ บทบาทในการให้การศึกษาอบรมแกบ่ คุ ลากรในชมุ ชน ส่วนบทบาทสำคญั ของชมุ ชนต่อโรงเรียนคือบทบาทในการมสี ว่ นร่วมกำหนดทิศทางการจดั การศึกษา การให้ ความร่วมมือและสนับสนนุ การจัดการศึกษาและ บทบาทในการกำกบั ติดตามและประเมนิ ผล การดำเนนิ งานของ โรงเรียน

5.สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกับคณุ ลกั ษณะครู -ต้องเป็นผูท้ ี่มีความรู้ ความเข้าใจในดา้ นวิชาการและความเข้าใจในตวั ของลกู ศษิ ย์ท่ีกำลงั ทำการสอน เพอ่ื ปรับวธิ กี ารเรยี นการสอนให้เข้ากับบริบทของโรงเรียน -ตอ้ งเตรยี มการสอนล่วงหนา้ อย่างมีเป็นระบบและครบทกุ ข้นั ตอน วางแผนและจัดสงิ่ แวดล้อมใน ห้องเรียนใหเ้ หมาะสมแกก่ ารเรียนรู้ของผเู้ รียน -มีความรู้เกีย่ วกบั ลักษณะแบบทดสอบตามหลักการวดั ผล ประเมินผล และสามารถออกขอ้ สอบและ ปรับปรงุ แบบทดสอบ รวมทงั้ นำมาใชง้ านไดจ้ ริง เหมาะสมกับทกุ ระดบั ชน้ั ของผเู้ รยี น -การทีค่ รรู ้จู กั ทจี่ ะสงั เกตและรู้จักนกั เรียนเปน็ รายบุคคลและบันทึกลงระเบียนประวัตนิ กั เรียน เป็น การสอดส่องดูความประพฤตนิ กั เรยี นเมื่อนกั เรียนคนใดเกิดปัญหาขึ้นครูสามารถจดั กิจกรรมหรอื เรียก มาพดู คยุ เพอ่ื ชว่ ยแนะแนวทางหรอื แก้ปัญหาให้แก่นกั เรยี น -มคี วามสนใจและห่วงใยในการเรียนและความประพฤตขิ องผู้เรียน แนะนำเอาใจใสช่ ว่ ยเหลอื เดก็ และ เพือ่ นรว่ มงานให้ได้รับความสุข เป็นกนั เองกับผู้เรียนเพอ่ื ให้ผู้เรียนมีความรสู้ ึกเปิดเผย ไวว้ างใจและ เป็นทพี่ ่ึงได้ -มีความเปน็ ธรรมต่อนกั เรียน และรูจ้ กั ที่จะเอาใจใส่ตอ่ ผู้เรียนและเพือ่ นร่วมงานทุกคนอยา่ งเสมอภาค และไม่ลำเอียงตดั สินปัญหาของผเู้ รียนดว้ ยความเปน็ ธรรม มคี วามเป็น -มุ่งเน้นการสอนให้เดก็ นักเรียนไดค้ วามรู้ มีวธิ ีปฏิบัตงิ านใหบ้ รรลุวัตถุประสงค์ วางแผนการใช้เวลา อยา่ งเหมาะสมและปฏบิ ัติงานไดท้ นั เวลา ใช้เวลาไดอ้ ยา่ งค้มุ ค่าและมีประสิทธิภาพสงู สุด -มีวินยั ในตนเอง ควบคุมตนเองใหป้ ฏิบัติตนอยา่ งถกู ตอ้ งตามทำนองคลองธรรม มีวธิ ที ำงานทเี่ ป็น แบบอยา่ งที่ดใี ห้แก่นกั เรียนและบคุ คลอน่ื ได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook