ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งวรรณคดกี บั นาฏศลิ ป์ ไทย
ความหมาย วรรณคดี หมายถงึ หนังสอื หรอื งานเขยี นทไี่ ดร้ บั การยกย่องวา่ แต่งดมี คี วามงามดา้ นภาษาการใชค้ า มคี ุณคา่ เขา้ ชน้ั วรรณศลิ ป์ และมเี นือ้ หาทดี่ สี ามารถโนม้ นา้ วจติ ใจผูอ้ ่านใหเ้ กดิ ความเพลดิ เ พลนิ ความสานึกคดิ และอารมณต์ ่างๆตามผเู้ ขยี น นาฏศลิ ป์ หมายถงึ ศลิ ปะแห่งการละครและการฟ้ อนราทมี่ นุษยป์ ระดษิ ฐข์ นึ้ จากธรรมชาตดิ ว้ ยความประณีตอนั ลกึ ซงึ้ ประกอบดว้ ยศลิ ปะ ๓ ประการคอื การฟ้ อนรา การดนตรแี ละการขบั รอ้ งรวมเขา้ ดว้ ยกนั เป็ นสงิ่ ทสี่ ะทอ้ นถงึ ลทั ธคิ วามเชอื่ ในการนับถอื สงิ่ ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์เทพเจา้ โดยแสดงความเคารพบชู าดว้ ยการเตน้ รา ขบั รอ้ งฟ้ อนราเพอ่ื ความพงึ พอใจ
ทมี่ าของวรรณคดี วรรณคดรี ูจ้ กั กนั อย่างเป็ นทางการเมอื่ พ.ศ.๒๔๕๐ ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ในโอกาสทที่ รงตงั้ โบราณคดสี โมสรขึ้ น วตั ถุประสงคข์ องสโมสรนีก้ เ็ พอ่ื ส่งเสรมิ การประพนั ธ ์ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดงี านทสี่ าคญั ทสี่ ุดเกยี่ วกบั วรรณคดคอี การพมิ พเ์ ผบแพรว่ รรณคดโี บราณนอกจากนีย้ งั มคี ณะกรรมการตรวจคดั หนีงสอื ทแี่ ต่งดี เพอื่ รบั พระบรมราชานุญาตประทบั พระราชลญั จกรมงั กรคาบแกว้ หนังสอื ใดทโี่ บราณคดสี โมสรนีป้ ระทบั พระราชลญั จกรมงั กรคาบแกว้ ก็ไดช้ อ่ื วา่ เป็ น วรรณคดี ซงึ่ ในขณะน้ันถอื วา่ เป็ นหนัง ตอ่ มาใน พ.ศ.๒๔๕๗ คาว่า วรรณคดจี งึ ไดป้ ระกาศใชอ้ ย่างเป็ นทางการ การแสดงนาฏศลิ ป์ ไทย การแสดงนาฏศลิ ป์ ไทย ตามทสี่ ุมติ ร เทพวงษ(์ ๒๕๔๑ :๒- ๓)ไดอ้ ธบิ ายความสาคญั ของนาฏศลิ ป์ วา่ นาฏศลิ ป์ นั้นเป็ นสว่ นหนึ่งของวชิ าศลิ ปะสาขาวจิ ติ รศลิ ป์ อนั เป็ นศลิ ปะทสี่ รา้ งสรรคค์ วามงาม ยดึ ถอื เอาความงามเป็ ยจดุ มุ่งหมายสาคญั สรา้ งขนึ้ เพอื่ สนองความตอ้ งการของอารมณแ์ ละจติ ใจเพอื่ ใหเ้ กดิ พุทธปัญญาทสี่ าคญั โดยวจิ ติ รศลิ ป์ จาแนกออกเป็ น ๕ สาขา อนั ไดแ้ ก่ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปัตยกรรม วรรณศลิ ป์ สาหรบั สาขาวรรณศลิ ป์ และดรุ ยิ างคศลิ ป์ มกั จดั ใหม้ นี าฏศลิ ป์ เขา้ รว่ มไวดว้ ย ซงิ่ ได ้ศลิ แะในการละครหรอื การฟ้ อนรา
การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหวง่ วรรณคดกี บั นาฏศลิ ป์ ประเภทการแสดงนาฏศลิ ป์ ไทยต่างๆเกอื บทุกประเภทมวี รรณคดเี ขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง เนื่องดว้ ยนาฏศลิ ป์ เป็ นการแสดงทตี่ อ้ งสอื่ ถงึ เรอื่ งราวต่างของแตล่ ะเรอื่ งของวรรณคดจี งึ เป็ นการแสดงมคี วามออ่ นชอ้ ยงดงาม เพรยี บพรอ้ มไปดว้ ยความวจิ ติ รบรรจงอนั ละเอยี ดออ่ นของเรอื่ งราว ลลี าการรา่ ยรา โดยแบ่งประเภทของการแสดงนาฏศลิ ป์ ไทย ไดแ้ ก่ โขน- โขนจดั เป็ นการแสดงทปี่ ระกอบไปดว้ ยศลิ ปะแห่งการเตน้ เขา้ กบั จงั หวะดนตรมี กี ารพากษยเ์ จรจา การขบั รอ้ งประกอบการรา โขนน้ันมมี าตง้ั แตส่ มยั กรงุ ศรอี ยุธยาและมกี ารแกไ้ ขปรบั ปงุ ตามลาดบั ตวั อย่างวรรณคดี เชน่ การแสดงเรอื่ งรามเกยี รตติ ์ อนศกึ ทศกณั ฐแ์ ละสบิ ขนุ สบิ รถ ละคร – เป็ นการแสดงทเี่ ป็ นเรอื่ งราว โดยมโี ครงเรอื่ ง แนวคดิ ตวั ละคร บทละคร และดาเนินเรอื่ งดว้ ยการขบั รอ้ ง เจรจาและแสดงลลี าท่าทางสอื่ ความหมายตามบทขบั รอ้ ง ตวั อย่างวรรณคดที ใี่ ช ้เชน่ สงั ขท์ อง ไกรทอง รามเกยี รติ ์อุณรุท อเิ หนา ฯลฯ ระบา – เป็ นการแสดงถงึ ความสวยงาม เขา้ ใจมากกว่าการดูโขนมนั เป็ นการแสดงสน้ั ๆ การระบาจดั ไดว้ ่าเป็ นพนื้ ฐานสว่ นหน่ึงในการทจี่ ะจดั การแสดงโขนเพราะตอ้ งใชผ้ ูท้ มี่ ฝี ี มอื แ ละประสบการณ์ ศลิ ปะแหง่ การรา่ ยราจาเป็ นตอ้ งม2ี คนขนึ้ ไป และเนน้ ความพรอ้ มเพรยี ง รา – คอื การแสดงทเี่ นน้ ลลี าท่าราเป็ นสาคญั เชน่ ราเดยี่ ว ราคู่ ราหมู่ การแสดงพนื้ เมอื ง – เป็ นการแสดงในแต่ละภมู ภิ าคของประเทศไทยสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ ความเป็ นอยู่ วถิ ชี วี ติ ขนบธรรมเนียม ประเพณี สงั คมและเศรษฐกจิ ของแต่ละทอ้ งถนิ่ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เชน่ ภาคเหนือ – ฟ้ อนลาวแพน ฟ้ อนเงยี้ ว ฟ้ อนสาวไหม ภาคกลาง – เพลงพวงมาลยั เพลงฉ่อย เพลงเกยี่ วขา้ ว ภาคอสี าน – เซงิ้ สวงิ เซงิ้ โปงลาง เซงิ้ กระตบิ๊ ขา้ ว ภาคใต ้– ระบารองเง็ง ระบาตารบี หุ งา ระบาตารกี ปี ัส
แนวทางการอนุรกั ษ์สบื สาน และเผยแพร่ ๑.รวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ ทง้ั จากคนในทอ้ งถนิ่ และเอกสารทไี่ ดม้ กี ารบนั ทกึ ไวเ้ พอ่ื นามาศกึ ษาใหเ้ ขา้ ใจถงึ แกน่ แท ้เอกลกั ษณ์ และมคี ุณประโยชนข์ องศลิ ป์ นั้นๆ ๒.สรา้ งศุนยก์ ลางในการเผยแพรแ่ ระชาสมั พนั ธง์ านดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมไทย ดว้ ยระบบเครอื ข่าย สารสนเทศ เชน่ กลางสรา้ งเว็บไซตเ์ กยี่ วกบั ศลิ ป์ ไทย เป็ นตน้ ๓. ใหก้ ารสนับสนุนและยกยอ่ งผสู้ รา้ งสรรค ์และอนุรกั ษศ์ ลิ ป์ ไทย เชน่ ศลิ ปิ นปหง่ ชาติ สาขาตา่ งๆ เป็ นตน้ ๔.รณรงคเ์ พอ่ื ปลกู ฝึ งจติ สานึกดว้ ยการใหค้ วามรูแ้ ละจดั กจิ กรรมทเี่ ปิ ดโอกาสใหท้ ุกคนสา มารถเขา้ รว่ มได ้ ๕.ดแู ลรกั ษาศลิ ปกรรมไทย ใหค้ งอย่ใู นสภาพสมบูรณ์ ๖.ส่งเสรมิ และแลกเปลยี่ นวฒั นธรรม ทงั้ ภายในประเทศ และระหวา่ งประเทศโดยการใหศ้ ลิ ปวฒั นธรรมเป็ นสอื่ สรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหว่างกนั ๗.เขา้ รว่ ม แนะนา และเชญิ ชวนใหผ้ อู้ นื่ เขา้ รว่ มงานหรอื กจิ กรรม ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ศลิ ปวฒั นธรรม เชน่ งานสปั ดาหว์ นั อนุรกั ษม์ รดกไทย
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: