Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยการส่งเสริมการขาย

วิจัยการส่งเสริมการขาย

Description: วิจัยการส่งเสริมการขาย

Search

Read the Text Version

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน เรอ่ื ง การยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าการสง่ เสริมการขาย ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 สายบญั ชี โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ด้วยวิธกี ารสอนแบบ กระบวนการเพือ่ นช่วยเพือ่ น จัดทาโดย นางสาวจนั ทร์ศริ ิ ครี รี งั สี ตาแหนง่ พนักงานราชการ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ตาบลช่างเคิ่ง อาเภอแม่แจม่ จังหวัดเชียงใหม่ สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานกั งานการศึกษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

ก บทคัดย่อ ในการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรทวิศึกษา ในรายวิชาส่งเสริมการขาย นักเรียนที่พ้ืนฐานค่อนข้างอ่อนในด้านการ เสนอขายสินค้า ผู้วิจัยจึงทาวิจัยในชั้นเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ความสามารถในการใช้เทคนิคในการเสนอขาย สินค้า ของนกั เรยี นระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 สายบัญชี ระหว่างก่อนละหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาส่งเสริมการ ขาย จานวน 15 คน เพ่อื ทาการทดสอบเครอ่ื งมอื ทผี่ ูว้ จิ ัยทาขนึ้ แสดงว่าการเรยี นการสอน แบบกระบวนการเพ่ือนช่วยเพื่อน ทาให้ นักเรยี นทง้ั หมดมคี ะแนนสงู ขนึ้ แสดงวา่ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน แบบกระบวนการเพ่ือนช่วยเพื่อนสามารถแก้ปัญหาการ เรียน เร่ืองเทคนิคการนาเสนอขายสนิ ค้าได้ นางสาวจนั ทรศ์ ริ ิ คีรีรังสี ผวู้ จิ ยั

ข กติ ิตกิ รรมประกาศ รายงานวิจัยในชั้นเรียนฉบับน้ี จัดทาข้ึนเพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนในรายวชิา การส่งเสริมการขาย ซ่ึงรายงาน ฉบบั น้ี สาเร็จได้ดว้ ยดี เนือ่ งจากได้รบั คา แนะนา จาก ผอู้ านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 คณะครูสายบัญชี และ ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากนักเรียน สาขาวิชาการบัญชี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ท่ีให้การ สนบั สนุนและส่งเสริมอบรม เกยี่ วกบั เร่อื งของการวิจยั ในชั้นเรยี น กระทัง่ สาเรจ็ ลลุ ่วงด้วยดี จึงขอขอบพระคุณทุกทา่ นไว้ ณ โอกาสนี้ นางสาวจันทรศ์ ริ ิ คีรรี ังสี ผวู้ ิจยั

ค สารบญั บทคัดย่อ หนา้ กิตติกรรมประกาศ ก สารบัญ ข ความเปน็ มาและความสาคญั ของการวจิ ยั ค วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย 1 สมมตฐิ านการวิจยั 1 ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รับ 1 ขอบเขตการวจิ ัย 1 นิยามศพั ท์ 1 สถติ ิที่ใช้ในการวจิ ัย 2 แนวคดิ และทฤษฎที ีเ่ กีย่ วข้องในงานวิจัย 2 วธิ กี ารดาเนนิ การวจิ ัย 2 3 นวัตกรรมทใ่ี ชใ้ นการวิจัย เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล 4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 6 การวิเคราะหข์ ้อมูล 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู 7 สรปุ ผลการวจิ ยั ง อภปิ รายผล ข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม

-1- บทที่1 บทนา 1. ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา เนื่องผวู้ ิจยั ไดร้ ับมอบหมายให้ทา การสอนวิชาการส่งเสริมการขาย ในภาคเรยี นท่ี 2/2562 จากการ สารวจใน ชัน้ เรยี นพบว่า นักเรยี นมผี ลสมั ฤทธใ์ิ นดา้ นการใช้เทคนคิ ในการนา เสนอขายสินค้าค่อนข้างต่า ดังน้ันเพ่ือพัฒนาการเรียนการสอน ในรายวชิ าการส่งเสริมการขาย ในภาคเรียนน้ี ให้สมั ฤทธ์ผิ ลจงึ จาเปน็ ตอ้ งมีการแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาผู้เรียน ผู้วิจัยจึง สนใจและทา การวจิ ัย ปฏบิ ตั กิ ารในชนั้ เรยี นโดยใช้กิจกรรมการสอน แบบเพ่ือนชว่ ยเพ่ือน ใน วิชาการส่งเสริมการขาย เพื่อ แก้ปัญหาการขาด ทักษะในด้านการใชเ้ ทคนคิ ในการเสนอขายสนิ ค้า วิชาการส่งเสริมการขาย 2. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั เพ่ือเปรียบเทยี บความสามารถในด้านการใช้เทคนิคในการเสนอขายสนิ ค้าของนักเรียน ระดับช้ัน มัธยมศึกษา ปีท่ี 6ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน แบบกระบวนการเพ่ือนชว่ ยเพ่ือน 3. ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั 1. เป็นแนวคดิ ในการปรบั ปรงุ พัฒนาการเรียนการสอนวิชาการส่งเสริมการขาย และวิชาอน่ื ๆ 2. เปน็ ขอ้ มูลในการวจิ ัยในช้ันเรยี น 4. สมมตฐิ านของการวิจยั ความสามารถในด้านการใช้เทคนิคในการเสนอขายสินค้าของนักเรียน ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 หลงั การจัดกจิ กรรม การเรียนการสอน แบบกระบวนการเพือ่ นชว่ ยเพื่อน สูง กวา่ การจัดการเรยี นการสอนแบบบรรยาย 5. ขอบเขตการวิจัย 5.1 ประชากร นักเรยี นระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 สาขาการบัญชี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 โรงเรยี นราชประชานุ เคราะห์ 31

5.2 กลุม่ ตัวอยา่ ง นักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สาขาวิชา การบญั ชี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จานวน 15 คน 5.3 กรอบแนวคดิ วิธีการสอนแบบ เพ่อื นช่วยเพ่ือน ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน วชิ าการขายตรง เรอื่ งเทคนคิ การนา เสนอขายสนิ คา้ 5.4 ตวั แปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น คือ ไดแ้ ก่ การจัดการเรียนการสอน แบบเพื่อนช่วยเพอ่ื น ตวั แปรตาม คือ ความสามารถในการนาเสนอ ขายสินค้า 5.5 ขอบเขตด้านเนื้อหา เนอื้ หาทใ่ี ช้ในการวิจัย ได้แก่ การใช้เทคนิคในการนา เสนอขายสนิ ค้า วิธกี ารสอนแบบ เพ่อื นช่วยเพื่อน 5.6 ระยะเวลาท่ีใช้ในการวิจยั ระยะเวลาในการดา เนินการทดลอง การทาวิจยั เร่ืองการศึกษาผลสมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาการขายตรง เร่ือง เทคนิคในการนา เสนอขายสินค้า สาหรับนกั เรียนระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โดยใช้วธิ ีการสอน แบบ เพอื่ นช่วย เพ่ือน ใช้เวลาในการสอน การนา เสนอขายทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ 3 คาบ 5. ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 สาขาวิชาการบญั ชี จานวน 15 คน มีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนสูงข้นึ และสอบผ่าน เกณฑ์ 7. นยิ ามศัพท์เฉพาะ 1. สถานศกึ ษา หมายถึง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเค่ิง อาเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ 2. นักเรียน หมายถึง นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 สาขาการบญั ชี ปกี ารศึกษา 2562 3. ผลสมั ฤทธ์ทางการเรยี น หมายถงึ คะแนนท่ีได้จากแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการ เรียนหลังจากเรียนด้วยวธิ ีการสอนแบบ เพ่อื นชว่ ยเพ่อื น ซึ่งวัดไดจ้ ากแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี น

บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ียวข้อง การวิจัยในคร้งั นี้ การศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ที่เก่ียวข้อง เพอ่ื เป็นพ้ืนฐานของ การศึกษา ในการใช้วิธีการสอนแบบเพอื่ นช่วยเพื่อน เพอื่ ใช้ในการเรยี นการสอน วชิ าการขายตรง เรือ่ งการ นา เสนอขายสนิ ค้า ผู้วจิ ัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้องตามลาดับหัวข้อตอ่ ไปนี้ แนวคดิ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในงานวิจัย ผู้วจิ ยั ไดใ้ ช้แบบ CIPPA MODEL ดังนี้ 1. ข้ันเตรยี มการ ได้แก่ การเตรียมตนเอง เตรียมแหล่งขอ้ มูล การจัดทาแผนการสอน เตรยี มกิจกรรมส่อื วัสดุ อปุ กรณ์ และการ เตรียมการวัดผลประเมินผล 2. ขั้นดาเนินการ 2.1 สรา้ ง ค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง 2.2 มปี ฏสิ มั พนั ธ์กับแหล่งเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย 2.3 เคลอื่ นไหวทางกายอยา่ งเหมาะสมกับวัยและความสนใจ 2.4 ไดเ้ รียนรกู้ ระบวนการต่าง ๆ 2.5 นา ความรูไ้ ปประยุกต์ใช้ 3. ข้ันประเมนิ ผล วดั และประเมนิ ผลตามสภาพจริงด้วยวธิ ีการหลากหลายจากการปฏบิ ัติและจาก แผนการสอน

งานวิจยั ที่เกยี่ วขอ้ ง นางสาวศิรินทร์ สุดเจริญ (2550: บทคัดย่อ) การศึกษาคร้ังน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างและ หาประสิทธิภาพของสื่อ ประสม พฒั นาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพือ่ ความเขา้ ใจ กลุ่มสาระการ เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตาม เกณฑ์ 80/80 เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ของนักเรียนก่อนและหลังการใช้ส่ือประสมพัฒนาทักษะการอ่าน ภาษาอังกฤษเพ่ือ ความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่4 และเพ่ือศึกษาความพึง พอใจของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โดยใช้สื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเสด็จวนชยางคก์ลู วิทยา ส านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาลาปางเขต 1 ปีการศึกษา2550 จานวน 41 คน ซ่ึงไดม้าโดยการ เลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling) เคร่ืองมือที่ใช้ได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้โดยใชส่ือ ประสม พฒั นาทักษะการอ่านภาษาองั กฤษ เพื่อความเข้าใจจานวน 5 แผน สื่อประสมพฒั นาทักษะการอา่ น ภาษาอังกฤษเพ่ือความ เข้าใจ จานวน 5 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นจานวน30ข้อมี ค่าอานาจจาแนกระหวา่ ง 0.35 ถึง 0.96 และค่าความเช่ือมน่ั เท่ากบั 0.97 และแบบทดสอบวัดความ พึงพอใจ จานวน 10 ข้อ สถติ ิทใ่ี ช้ คอื รอ้ ยละ คา่ เฉลี่ย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบ สมมติฐานt-test (Dependent Sample) ผลการศึกษา พบวา่ การพฒั นาทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษ เพ่ือความเข้าใจโดยใชส้ อื่ ประสมพัฒนาทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษเพ่อื ความเข้าใจ กล่มุ สาระการ เรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 83.02/ 80.14 ซึ่งสงู กว่าเกณฑ์ 80 / 80 ท่ีต้ังไว้ มีคา่ ดชั นปี ระสิทธผิ ล เทา่ กบั 0.88 แสดงว่านกั เรียนมคี วามรเู้ พมิ่ ข้นึ คิดเป็นรอ้ ยละ 70. 89 ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียน หลัง เรียนสูงกวา่ กอ่ นเรียนอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.01 และนักเรยี นมคี วามพึงพอใจในระดบั ที่มากท่ีสุด

บทท่ี 3 วิธกี ารดาเนินการวจิ ัย การวิจยั ในครั้งน้ี เป็นการวจิ ยั ชน้ั เรยี นเชิงปฏบิ ตั ิการ เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการ เรียนของนกั เรียน ใน ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สายบัญชี หลงั เรียน ดว้ ยวิธีการสอนแบบเพอ่ื นชว่ ยเพ่อื น วิชาการสง่ เสรมิ การขายเร่อื งเทคนิคการ นาเสนอขายสินคา้ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 มีวธิ ีดาเนนิ การดังน้ี 1. ประชากรกลุม่ ตวั อย่าง ประชากร ท่ีใช้ในการวจิ ยั คร้ังนี้เป็นนักเรยี นระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 สาขาบัญชี ภาค เรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 ของโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 สงั กัดบริหารงานการศกึ ษาพิเศษ กล่มุ ตัวอยา่ ง ที่ใช้ในการวจิ ัยคร้ังนี้ เปน็ นักเรยี นระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 ของ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 สังกัดสานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ จานวน 15 คน โดยใช้วธิ ีเลอื กจากนักเรียนที่ มีผลการ ทดสอบก่อนเรียนว่า (หรือโดยใช้วธิ ีเลือกสุ่มอย่างง่าย) 2. แบบแผนในการวิจัย แบบแผนการทดลองในการวิจัยครั้งนีค้ ือ การทดลองแบบ One-Group Pretest-Posttest Design เมอื่ T1 คือ การทดสอบกอ่ นเรยี น X คือ การเรียนร้ดู ้วยวธิ กี ารสอนแบบเพอ่ื นชว่ ยเพ่ือน T2 คอื การทดสอบหลังเรยี น 3. เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการวิจัย 1. วิธกี ารสอนแบบเพอ่ื นช่วยเพ่ือน 2. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน วิชาการสง่ เสริมการขาย เร่อื งเทคนคิ การนา เสนอขาย สินค้า เป็นแบบปรนัยเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ขอ้ 4. วิธดี าเนินการวิจัย 1. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน จานวน 10 ข้อ และเก็บบนั ทกึ รวบรวมคะแนนเพ่ือคิดคานวณคา่ ทางสถิติ 2. เลือกนักเรยี นทม่ี ีผลคะแนนตา่ มาทดลองเรียนโดยใชว้ ิธีการสอนแบบเพ่ือนช่วยเพื่อน วิชาการส่งเสริมการขาย เร่อื งเทคนิคในการนาเสนอขายสินค้า 3. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ขอ้ เพื่อวัดความก้าวหน้าของนกั เรยี น และเกบ็ บันทกึ รวบรวม คะแนนเพอ่ื คิดคานวณค่าทางสถิติ 4. สรปุ ผลและเปรยี บเทยี บความก้าวหน้าในการพัฒนาความสามารถในการเรยี น วชิ าการส่งเสริมการขาย เรอื่ งเทคนคิ ในการนา เสนอขายสนิ ค้า กอ่ นเรียนและหลงั เรยี น

วิธกี ารดาเนินการวิจัย 1. รปู แบบการวิจัย สอบ 2. ใช้นวัตกรรมสอบ 3. ข้ันตอนการวจิ ยั 3.1 ศกึ ษาปญั หาการเรียนการสอนวิชาทสี่ อน 3.2 ศึกษาแนวทางการปรบั ปรุง และพัฒนาการสอนจากเอกสารท่เี ก่ียวขอ้ ง 3.3 กาหนดวัตถุประสงค์ สรา้ งสมมติฐาน 3.4 วางแผนการสอน การสรา้ งนวัตกรรมการแกป้ ญั หาการเรียนการสอน 3.5 ทดสอบก่อนเรยี น 3.6 ดาเนินการจัดการสอนแบบกระบวนการเพอ่ื นช่วยเพ่อื น 3.7 ทดสอบหลังเรียน 3.8 วิเคราะห์ข้อมลู 3.9 เขียนรายงานการวิจัย 3.10 เผยแพร่รายงานการวจิ ัย นวตกั รรมที่ใชใ้ นการวิจัย นวตั กรรมทใ่ี ชใ้ นการวิจยั คร้งั น้ี ผวู้ จิ ัยใช้วิธีแบบกระบวนการเพ่ือนช่วยเพื่อน เครือ่ งมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ชดุ 2. แบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ชุด 6. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการตรวจให้คะแนน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ก่อนเรียน และ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรยี นของกลุ่มทดลอง โดยมีเกณฑ์การ ให้คะแนนดังน้ี ให้ 1 คะแนนสาหรับ ข้อทีต่ อบถูก และ ให้ 0 คะแนนสาหรับข้อที่ตอบผิด หรอื ไม่ ตอบ หรือเลอื กตอบมากกว่า 1 ในข้อเดียวกันแล้วน าผลต่าง ของคะแนนกอ่ นเรียนกับคะแนนหลงั เรยี นทีไ่ ด้มาวิเคราะห์ข้อมูลตามวิธกี ารทางสถิติตอ่ ไป

บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู การวเิ คราะห์ขอ้ มูลในการวิจยั ครงั้ นี้ ผ้วู จิ ัยได้นาคะแนนจากข้อสอบที่ได้จากแบบทดสอบ ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน และหลงั เรยี น วิชาการสง่ เสริมการขาย เรอื่ งเทคนคิ การนาเสนอข้อมูล ของ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 สายบัญชี ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จานวน10 ขอ้ ได้ผลการวิเคราะหด์ งั น้ี ตารางท1่ี แสดงการพัฒนาการผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน คะแนนหลังเรียน คนท่ี คะแนนก่อนเรยี น 15 1 10 18 2 12 16 38 15 49 17 5 11 15 68 18 7 13 16 8 10 15 97 14 10 5 16 11 10 16 12 8 16 13 11 15 14 10 16 15 12 จากตารางที่ 1 และ 2 พบวา่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของงนักเรียนระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 สายบญั ชี ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 ก่อนเรียนมคี ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 9.3 ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 2.41 ส่วนหลังเรยี นมีคะแนนเฉล่ีย เทา่ กับ 15.9 และค่าสว่ น เบยี่ งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 1.37. แสดงว่าผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนหลังเรียนของนกั เรียนสูงกว่ากอ่ น เรียนโดยใช้สอ่ื ประสม และเมอื่ ทดสอบสมมติฐานการวิจยั พบวา่ ค่า t ท่ีได้จากการคานวณมากกวา่ คา่ t วกิ ฤต (15.463 > 1.833 ) หมายความว่าผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั เรียนดว้ ยสือ่ ประสมวิชาการการ ใช้โปรแกรมฐานข้อมลู เร่ืองการสรา้ งฐานข้อมูล สงู กวา่ กอ่ นเรียนอย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ี่ 0.05

จากตารางท่ี 1 พบว่า ในการทดสอบหลงั เรียน ไดม้ กี ารจดั กระบวนการเรียนโดยใหน้ ักเรยี นจับคกู่ ัน ซงึ่ ในแตล่ ะคจู่ ะ ประกอบด้วยนักเรียนทีม่ ผี ลการเรียนดีเปน็ ตัวหลกั สอนให้กับนกั เรียนทีม่ ผี ลการ เรียนระดับปานกลาง และอ่อน ซึง่ พบว่านักเรียน ท่มี ผี ลการเรยี นดี จะทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนได้ คะแนน 5 – 7 และหลงั จากสอน ก็จะใช้วิธกี ารเพ่ือนช่วยเพื่อนและสามารถ ทาแบบทดสอบหลงั สอนและผลคะแนนออกมากจ็ ะไดค้ ะแนนอยูใ่ นระดับดมี าก ส่วนนักเรียนท่มี ผี ลคะแนนปานกลางจะ ทา แบบทดสอบกอ่ นสอนไดค้ ะแนนส่วนใหญอ่ ยู่ที่ประมาณครง่ึ ของคะแนนเตม็ และทาแบบทดสอบ หลงั เรียนได้คะแนนระดับดี หลังจากที่ครใู ช้วิธีการสอนแบบกระบวนการเพือ่ นช่วยเพื่อน สว่ น นกเั รียนท่ีมีผลการเรยี นออ่ น จะท าแบบทดสอบกอ่ นเรียน ได้ ไมถ่ ึงคร่ึงของคะแนนเต็ม แตห่ ลงั จาก ทีค่ รใู ชว้ ิธกี ารสอนแบบกระบวนการเพอ่ื นชว่ ยเพ่อื น นกั เรียนกลุม่ น้ีจะท าแบบทดสอบได้ คะแนน เพิม่ ขนึ้ ปานกลาง ดี ท าใหส้ รปุ ไดว้ า่ การแกป้ ัญหากับนกั เรียนทมี่ ีผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑ์ออ่ น ว้ธกิ ารสอนแบบ กระบวนการเพ่อื นชว่ ยเพ่ือนนี้จะใช้ได้ผล จะเห็นได้ว่า วิธกี ารสอนแบบกระบวนการเพือ่ นช่วยเพอ่ื น ท าใหน้ ักเรียนท้ังหมด สามารถ ทา การทดสอบ การใช้เทคนิคในการเสนอขายสินค้าได้ และสอบไดค้ ะแนนเพม่ิ ข้ึน ผ่านเกณฑท์ ่ี ก าหนด ซ่งึ สอดคล้องกบั สมมติฐาน เมอื่ พิจารณาเปน็ รายบคุ คลพบวา่ คะแนนนกั เรยี นอยู่ในระดบั ดมี าก มีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 30 คะแนนนักเรียนอยู่ในระดับดี มีจานวน 10 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 50 คะแนนนกั เรียนอยใู่ นระดบั ปานกลาง มีจานวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20 คะแนนนกั เรียนอยใู่ นระดับพอใช้ มจี านวน - คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ –

บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการวิจยั จากการที่ผู้วจิ ยั ได้รับมอบหมายให้ทาการวชิ าการสง่ เสริมการขาย ซึ่งนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 สายบญั ชี มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นตา่ และเมอ่ื ผู้วจิ ัยทาการทดสอบในเรอ่ื งการใชเ้ ทคนคิ ในการเสนอขายสินค้า พบว่า นักเรียน สว่ นใหญม่ ผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรียนต่า ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาแนวทางการแก้ปัญหา โดยนาเอาวิธีการสอนแบบกระบวนการเพื่อนช่วย เพ่อื น ประยุกต์กบั หลกั การ รูปแบบ CIPPA MODEL ซง่ึ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมุ่งผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยผู้วิจัยได้กาหนด วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการเสนอขายท่ีมีประสิทธิภาพ โดยใช้วิธีสอนแบบ กระบวนการเพือ่ นช่วยเพื่อน ซงึ่ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลมดี งั นี้ วธิ กี ารสอนแบบกระบวนการเพื่อนช่วยเพ่ือน ทาให้นักเรียนท้ังหมด มีความสามารถในการ ใช้เทคนิคในการเสนอขายสินค้า โดยมีคะแนนมากขึ้น และผ่านเกณฑ์ที่กาหนด ซ่ึงสอดคล้องกับ สมมติฐาน คอื นักเรียนสามารถใชเ้ ทคนิคในการเสนอขายสินคา้ ไดด้ ีข้ึน เม่ือพิจารณาเป็น รายบุคคล พบว่า มีคะแนนนักเรียน อย่ใู นระดับดมี าก จานวน 6 คน (ร้อยละ 30 ) อยูใ่ นระดับดี จานวน 10 คน (ร้อยละ 50 ) อยู่ในระดับปานกลาง จานวน 4 คน (รอ้ ยละ 20 ) อภิปรายผล จากผลการวจิ ัยพบวา่ การสอนแบบกระบวนการเพ่ือนชว่ ยเพอื่ นทาใหน้ ักเรียนมีความสามารถ ในการเรียนรู้ เทคนิคในการเสนอขายสินค้า และมีคะแนนมากขึ้น ผ่านเกณฑ์ที่กาหนดไว้ การสอน แบบกระบวนการเพื่อนช่วยเพื่อนได้ ประยุกต์หลักการใช้ รูปแบบ CIPPA MODEL เป็นแนวทาง การดาเนินการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยกาหนด วิธีการสอนใหน้ กั เรียน ร่วมกันวางแผน ไดเ้ รยี นรู้กระบวนการตา่ ง ๆ จะสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ให้ เกดิ ความรบั ผิดชอบ ความกระตือรือรน้ และมีความเข้าใจใฝ่รู้ ที่จะเรียนรู้ จากแหล่งความรู้ต่างๆ ทั้งใน สถานศึกษาและนอก สถานศกึ ษา และครู นักเรยี น ได้ปฏบิ ัตสิ มั พันธ์กับแหลง่ เรยี นรู้ ท่ีหลากหลาย สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียน และผู้เรียนได้ เคล่ือนไหวทางกายอยา่ งเหมาะสมกับวยั และความ สนใจในการแบ่งกลุ่มนักเรียน ได้ร่วมกันวางแผนการเรียน นักเรียน ร่วมกัน สรปุ สาระการเรียนและ บนั ทึก และรว่ มกนั อภิปรายการนา สาระการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน ทาให้นักเรียนได้สร้างและ ค้น พบองค์ความรู้ด้วยตนเอง มีความเข้าใจและภูมิใจ มองเห็นประโยชน์ การนา ความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน จึงเป็น เหตุผลสาคัญทท่ี าให้การสอนแบกระบวนการเพ่ือนช่วยเพ่ือนใน การแก้ปัญหาการเรียน วิชาการขายตรง เรื่อง การใช้เทคนิคใน การเสนอขายสนิ ค้า ทา ให้ได้ผล สัมฤทธ์ทิ างการเรยี นดีขึ้น ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรนาวิธีการสอนแบบกระบวนการเพอ่ื นช่วยเพอ่ื นไปใช้ในการเรยี นการสอนกับกลุ่ม นักเรียนที่มีผลการเรียนต่างกัน 2. ควรนาวธิ ีการสอนแบบกระบวนการเพอ่ื นชว่ ยเพอื่ นไปใชใ้ นการเรยี นการสอนวิชาอื่น

ง บรรณานกุ รม วิชาการ .กรม, การวิจัยเชิงพัฒนาระดับโรงเรียน. กรุงเทพมหานคร. โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว อรัญ ก่วั พานิช . คูม่ อื การวจิ ัยในช้ันเรยี นและการฝึกปฏบิ ตั .ิ หนว่ ยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 3 ชลบุรี 2539.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก 4 แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรยี น

บททดสอบ เรอื่ ง เทคนิคการน าเสนอสนิ ค้า วชิ าการขายตรง จานวน 20 ข้อ 10 คะแนน จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องเพยี งข้อ เดียว 1. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของการขายตรง ก. การทีผ่ ู้ลติ จาหนา่ ยสนิ ค้าให้ผูบ้ รโิ ภคโดยตรง ข. การทีต่ ัวแทนจาหนา่ ยขายสินค้าให้แก่ร้านคา้ ปลีกโดยตรง ค. การทีพ่ นกั งานขายเสนอขายสนิ ค้าแกผ่ บู้ รโิ ภคถงึ บานหรอื ท่ที า งาน ง. การที่พนักงานขายในร้านค้าปลกี เสนอขายสินค้าผู้บริโภคโดยตรง 2. สนิ ค้าชนิดแรกทีบ่ รษิ ัทเอวอน โปรดักส์ ขายคอื ข้อใด ก. ลปิ สติก ข. นา้ หอม ค. อาหารเสรมิ ง. ครมี บารงุ ผวิ 3. ข้อใดกลา่ วถึงปัญหาของธุรกิจขายตรงทเ่ี ก่ียวกบั บคุ คลไดถ้ กู ต้อง ก. บุคคลส่วนใหญ่มที ศั นะดูถกู อาชพี ค้าขาย ข. บคุ คลส่วนใหญ่ตอ้ งการลบลา้ งระบบขายตรง ค. บคุ คลส่วนใหญ่แย่งกันประกอบอาชีพขายตรง ง. บุคคลส่วนใหญไ่ มม่ คี วามสามารถด้านการขายตรง 4. Direct Mail เป็นการสือ่ สารไปยังผู้ม่งุ หวงั โดยใช้สิง่ ใด ก. โทรศัพท์ ข. จดหมายขาย ค. เข้าพบด้วยตัวเอง ง. ให้ผู้ใกล้ชิดเป็นผ้บู อกขา่ วสาร 5. สนิ คา้ ท่ีเหมาะกับการตลาดทางตรงโดยใช้แคต็ ตาล็อกคือข้อใด ก. สินคา้ ทม่ี รี าคาแพง ข. สินคา้ ประเภทเครื่องสาอางเท่าน้นั ค. สนิ ค้าทีห่ าซือ้ ได้ตามร้านค้าท่วั ไป ง. สนิ คา้ ท่ไี ม่สามารถหาซือ้ ได้ตามร้านค้าทั่วไป 6. การตลาดทางตรงทางพาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ มีข้อได้เปรยี บตามข้อใด ก. ได้เห็นรปู สินคา้ อย่างชัดเจน ข. สามารถเปิดดูได้เมือ่ ตอ้ งการ ค. ซอื้ ขายไดใ้ นราคาท่ีถกู กว่าการซือ้ ขายทางอ่ืน ง. เปน็ การซือ้ ขายสาหรับผูท้ ี่มคี วามทันสมยั เทา่ นั้น 7. ขอ้ ใดไมใ่ ชผ่ ลตอบแทนของตวั แทนขายตรงแบบช้ันเดียว ก. ส่วนลดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาขาย ข. ส่วนลดจากคะแนนสะสมหรอื ยอดขายประจา เดอื น ค. ผลตอบแทนในรปู ของรางวัลพิเศษ ง. ผลตอบแทนในรูปของการเป็นผูถ้ อื หนุ้ ในกจิ การ 8. สินค้าข้อใดไมเ่ หมาะสมกบั การขายตรงแบบช้ันเดียว ก. จิวเวลร่ี ข. อาหารเสรมิ ค. บัตรเครดิต ง. สถาบนั เสรมิ ความงาม

9. จุดเดน่ ของการขายตรงแบบหลายชัน้ คือขอ้ ใด ก. ผบู้ ริหารงานทีมงานขายต้องการสร้างยอดขายให้ไดสุงสุด ข. ผู้บริหารงานทมี งานขายต้องวางแผนเพือ่ สร้างทีมงานขายใหเ้ ตบิ โต ค. ผบู้ รหิ ารงานทีมงานขายพยายามทา ให้ผู้ม่งุ หวงั มีความตอ้ งการสินค้า ง. ผู้บริหารงานทมี งานขายพยายามคิดค้นผลิตภณั ฑ์ใหม่อยูต่ ลอดเวลา 10. ข้อใด ไม่จาเปน็ ต้องระบุในแผนการขาย ก. กิจกรรมท่ตี ้องทา ข. ตัวบคุ คลทตี่ ้องรับผดิ ชอบ ค. งบประมาณที่ต้องใช้ ง. วัตถดุ บิ สาหรบั ผลิตสินค้า 11. ข้อใดแสดงถึงความตอ้ งการขั้นพ้ืนฐาน ก. นายประสงค์ตดิ กล้องวงจรปดิ ไว้ทบ่ี า้ น ข. นายประชาซือ้ ข้าวทานเป็นอาหารกลางวัน ค. นายประดิษฐ์ลงรบั สมัครเลือกต้ังกานัน ง. นายเสน่ห์เข้าแข่งขันการประกวดร้องเพลง 12. นางสาวแอนเลือกซื้อแซมพูมีมะกรูดมคี ุณสมบตั ิทาให้ผมดา จดั วา่ นางสาวแอนตัดสนิ ใจซอ้ื เพราะ ปัจจัยข้อใด ก. การรับรู้ ข. การเรียนรู้ ค. ความต้องการ ง. ความเชือ่ และทัศนคติ 13. มาลาตี มกั ซ้อื สนิ ค้าราคาแพง เน้นตรายีห่ ้อ เพราะคนในสงั คมของเธอปฏบิ ตั เิ ช่นน้ัน จดั วา่ มาลาตี ตัดสนิ ใจซอ้ื เพราะปจั จยั ข้อใด ก. ทัศนคติ ข. กลมุ่ อา้ งอิง ค. วฒั นธรรม ง. ชนช้ันทางสงั คม 14. การใชส้ ว่ น ผสมทางการตลาดแบบเดยี วกบั กลมุ่ ผ้บู ริโภคท้งั หมด แสดงว่านักการตลาดเห็นว่าตลาดมีลกษั ณะขอ้ใด ก. ตลาดไม่มีความแตกต่าง ข. ตลาดมคี วามแตกต่าง ค. ตลาดมคี วามคลา้ ยคลงึ กนั ง. ตลาดไม่มกี ารแบ่งแยก 15. ผ้บู ริโภคคนสุดท้ายทต่ี ัวแทนขายควรนา สินค้าไปเสนอขาย ควรมีคุณสมบัติตามข้อใด ก. มีอานาจในการตัดสินใจซือ้ ข. มีท่พี กั อยใู่ กล้กับตัวแทนขาย ค. มวี ัยใกล้เคียงกบั ตัวแทนขาย ง. มคี ุณสมบตั ทิ ี่น่าจะตดั สนิ ใจซื้อได้ 16. ตวั แทนขายใหม่ และขาดประสบการณใ์ นการขาย ควรใช้วธิ กี ารเสนอขายแบบใด ก. แบบทอ่ งจา ข. แบบวางโครงร่าง ค. แบบโปรแกรม ง. แบบที่ตัวแทนขายถนัดทีส่ ุด 17. ขอ้ ดีของการเสนอขายแบบวางโครงร่างคอื ขอ้ ใด ก. มคี วามยดื หยุ่นและปรับเขา้ กับลูกคา้ ได้ ข. การเสนอขายครอบคลมุ เนือ้ หาทั้งหมด ค. ตัวแทนขายและผู้มุง่ หวังมคี วามสมั พันธท์ ่ดี ีต่อกนั ง. ตัวแทนขายทราบความต้องการของผ้มู ุ่งหวังเปน็ อยา่ งดี 18. การขายสนิ คา้ ประเภทเครือ่ งคอมพิวเตอร์และโสตทัศนูปกรณต์ า่ ง เหมาะกบั การเสนอขาบแบบใด ก. แบบท่องจา ข. แบบโปรแกรม ค. แบบวางโครงรา่ ง ง. นาท้งั สามแบบมาผสมกัน 19. ตัวแทนขายคนใดพัฒนากลยุทธ์ขายได้เหมาะสมทส่ี ดุ ก. นงเยาวเ์ สนอขายตามท่ที ่องจามา ข. นงลักษณเ์ สนอขายกบั ผมู้ ่งุ หวังทกุ คนด้วยคาพูดแบบเดียวกัน

ค. นงนุช ใช้เวลาในการท าความคุน้ เคยมากกวา่ เวลาในการน าเสนอสนิ คา้ ง. นงนารถกล่าวเฉพาะประโยชน์ของสินคา้ ทีจ่ ะ สนองความต้องการของผู้มุ่งหวังได้ 20. ไมโครเวฟ ทคี่ ุณใชอ้ ยู่ ทาใหค้ ณุ ไม่พอใจในเรื่องใดค่ะ จัดเป็นคาถามประเภทใด ก. คาถามเพื่อประเมิน ข. คาถามเพื่อหาจดุ ออ่ น ค. คาถามแบบสนับสนุน ง. คาถามทผ่ี ู้ตอบลาดับข้อมลู

ภาคผนวก ข เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรยี น

เฉลยแบบทดสอบ เร่อื ง เทคนคิ การน าเสนอขายสินค้า วิชาการขายตรง จานวน 20 ข้อ 10 คะแนน 1. ค. การทพี่นกั งานขายเสนอขายสนิ คา้ แก่ผบู้ รโิ ภคถึงบา้ นหรือทท่ี า งาน 2. ข. น ้าหอม 3. ก. บคุ คลสว่ นใหญ่มีทศั นะดูถกู อาชีพค้าขาย 4. ข. จดหมายขาย 5. ง. สนิ คา้ ที่ไม่สามารถหาซอื้ ไดต้ ามร้านคา้ ทั่วไป 6. ข. สามารถเปิดดูได้เมือ่ ตอ้ งการ 7. ง. ผลตอบแทนในรปู ของการเปน็ ผูถ้ ือหนุ้ ในกิจการ 8. ก. จวิ เวลรี่ 9. ข. ผู้บริหารงานทมงี านขายตอ้ งวางแผนเพื่อสรา้ งทีมงานขายใหเ้ ติบโต 10. ง. วัตถดุ ิบสาหรับผลติสนิ ค้า 11.ข. นายประชาซ้อื ขา้ วทานเปน็ อาหารกลางวนั 12. ข. การเรยี นรู้ 13. ง. ชนชั้นทางสงั คม 14. ก. ตลาดไม่มีความแตกตา่ ง 15. ก. มีอานาจในการตัดสินใจซอ้ื 16. ก. แบบทอ่ งจา 17.ก. มคี วามยดื หยนุ่ และปรับเขา้ กับลูกค้าได้ 18. ข. แบบโปรแกรม 19. ง. นงนารถกล่าวเฉพาะประโยชนข์ องสนิ คา้ ที่จะสนองความตอ้ งการของผ้มู ุง่ หวงั ได้ 20. ข. ค าถามเพอื่ หาจุดออ่ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook