Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วย3

หน่วย3

Published by panwad.panwad.11, 2018-09-03 22:50:56

Description: หน่วย3

Search

Read the Text Version

นางสาวปานวาด วงษ์บัวงามปวส.2 คอมพิวเตอร์ธุรกจิ หอ้ ง 1 เลขท่ี 24

โครงสรา้ งเครือข่าย1. ลกั ษณะการเชือ่ มต่อเครอื ข่ายจุดปลายทางของการรับ-ส่งข้อมูล เรียกว่า โหนด (Node) ซ่ึงการท่ีจะทาให้แต่ละโหนดติดต่อรับ-ส่งข้อมูลถึงกนั ไดน้ ้นั ต้องมกี ารเชื่อมต่อทเ่ี ป็นระบบ ในระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรน์ ้สี ามารถแบ่งลกั ษณะของการเชื่อมโยงออกเปน็ 4 ลกั ษณะ คอื1. เครือข่ายแบบดาว (Star Network) จะมีคอมพิวเตอร์หลักเป็นโฮสต์ (Host) ต่อสายส่ือสารกับคอมพิวเตอร์ย่อยท่ีเป็นไคลเอนต์ (Client) คอมพิวเตอร์ท่ีเป็นไคลเอนต์แต่ละเคร่ืองไม่สามารถติดต่อกันได้โดยตรง การตดิ ต่อจะต้องผา่ นคอมพิวเตอร์โฮสตท์ ่ีเป็นศูนย์กลาง2. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลเดียวในลักษณะวงแหวนไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลาง ข้อมูลจะต้องผ่านไปยังคอมพิวเตอร์รอบ ๆ วงแหวนและผ่านเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ทุกเครื่องเพ่อื ไปยงั สถานีที่ต้องการ ซง่ึ ขอ้ มูลท่สี ง่ ไปจะไปในทศิ ทางเดียวกนั การว่ิงของข้อมูลในเครือข่ายวงแหวนจะใชท้ ิศทางเดียวเท่าน้นั เมื่อคอมพิวเตอร์เครือ่ งหนงึ่ ส่งข้อมูลจะส่งไปยังเครอื่ งคอมพิวเตอร์ตัวถัดไป ถ้าข้อมูลท่ีรับมาไม่ตรงตามที่คอมพิวเตอร์ต้นทางระบุก็จะส่งผ่านไปให้คอมพิวเตอร์เคร่ืองถัดไป ซ่ึงจะเป็นข้ันตอนแบบนี้ไปเร่ือย ๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทาง ท่ีถูกระบุตามท่ีอยู่จากเครื่องต้นทาง

3. เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) จะมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์บนสายเคเบิล ซ่ึงเรียนว่า บัสคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ๆ สามารถส่งถ่ายข้อมูลได้เป็นอิสระในการสง่ ข้อมูลน้ันจะมีเพียงคอมพิวเตอร์ตัวเดยี วเท่าน้ันที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหน่ึง ๆ จากนั้นข้อมูลจะว่ิงไปตลอดความยาวของสายเคเบิล แล้วคอมพิวเตอร์ปลายทางจะรบั ข้อมูลทวี่ งิ่ ผ่านมา4. เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบต่าง ๆหลาย ๆ แบบเขา้ ด้วยกนั คือ มเี ครือขา่ ยคอมพิวเตอรย์ ่อยหลาย ๆ เครอื ข่าย เพือ่ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทางานเครือขา่ ยบรเิ วณกวา้ ง ซึ่งเครอื ขา่ ยทีถ่ กู เชอ่ื มต่ออาจจะอยู่หา่ งกันคนละจงั หวด หรอื อาจจะอยคู่ นละประเทศก็เป็นได้

2. ลกั ษณะของโครงสร้างเครือข่ายคือการนาเครอื่ งคอมพวิ เตอร์มาเชื่อมต่อเป็นระบบเครือขา่ ย เพอ่ื เปน็ ประโยชนส์ าหรบั การส่ือสารข้อมูลน้นั ๆมีหลายรูปแบบสาหรับการเชื่อมต่อ การเลือกโครงสร้างการเช่ือมต่อเครือข่ายหรือเรียกว่า\"โทโปโลยี(Topology)\"ลกั ษณะการใช้งานของเครือข่าย สามารถแบง่ ออกเปน็ 4 ประเภทคือ 1.โครงสรา้ งเครอื ขา่ ยแบบบสั (Bus Topology) - มีการเชื่อมต่อแบบเส้นตรง เช่ือมต่อง่ายและไม่ซับซ้อน โดยจะใช้สายสัญญาณเส้นเดียวในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอรท์ กุ เครื่องในเครือขา่ ย ขอ้ ดคี อื เชอื่ มตอ่ งา่ ย ไมซ่ บั ซ้อน , ประหยดั สายสัญญาณ , เพิม่ เตมิ ปรมิ าณเครื่องคอมพวิ เตอร์ในเครือข่ายไดง้ า่ ย. ข้อเสียคือ เน่ืองจากเป็นการเช่ือมต่อโดยใช้สัญญาณเดียว เม่ือสายสัญญาณเสียหายจุดใดจุดหน่ึงจะส่งผลใหเ้ ครอื ข่ายจะไมท่ างานได้ทนั ที , หาข้อผิดพลาดในการชารุดไดย้ าก. 2.โครงสรา้ งเครือขา่ ยแบบดาว (Star Topology) - มีอุปกรณ์สาหรับเชือ่ มตอ่ เครือข่ายคือ \"ฮับ (Hub)\" เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะเชื่อมต่อสายสัญญาณเข้าไปยังฮับ เป็นแบบการกระจาย ถ้าหากจะส่งข้อมูล ข้อมูลจะต้องผ่านฮบั กอ่ น ฮับจะทาหนา้ ท่ีกระจายข้อมลู ไปยงั เคร่ืองปลายทาง ขอ้ ดีคอื จัดการระบบง่าย , จับหาขอ้ ผดิ พลาดง่าย , เครอื ขา่ ยคงทนสงู ข้อเสยี คือ สน้ิ เปลอื งสัญญาณ , ตอ้ งมีการจากดั จานวนคอมพวิ เตอรท์ จ่ี ะนามาเชื่อมตอ่ . 3.โครงสรา้ งเครอื ขา่ ยแบบวงแหวน (Ring Topology) - มีลักษณะของการเช่ือมต่อเป็นรูปวงแหวนหรือวงกลม สัญญาณจะเดินทางเป็นวงกลมในทิศทางเดียวโดยจะใช้ลักษณะการส่งต่อข้อมูล เมื่อการส่งข้อมูลเรียบร้อย จะแจ้งไปยังเครื่องอื่นๆ ว่าสายสัญญาณว่างเพ่อื ให้เครอื่ งอนื่ ทาการส่งข้อมลู ตอ่ ไป ขอ้ ดีคอื ประหยัดสายสัญญาณ , ทาการติดตัง้ ในเครือข่ายสามารถทาได้ง่าย , การส่งขอ้ มูลมผี ลเท่าเทยี มกนั ข้อเสียคือ ถ้าสายสัญญาณช่วงใดช่วงหน่ึงเสียหายจะทาให้ระบบเครือข่ายท้ังหมดไม่สามารถทางานได้ทันท,ี การตรวจสอบเมื่อเกดิ ความผดิ พลาดทาได้ยาก

4.โครงสร้างเครอื ข่ายแบบเมซ (Mesh Topology) - เป็นการเช่ือมต่อเครือข่ายที่สมบูรณ์ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายเชื่อมต่อถึงกันได้ท้ังหมดด้วยสัญญาณเป็นอิสระในการส่งข้อมูล ถ้าเส้นทางหลักเกิดความเสียหาย จะลดความผิดพลาดในการส่งข้อมูล ทาให้ระบบนี้มีประสทิ ธภิ าพและมคี วามเชอื่ ถอื สูง ข้อดีคือ ถ้าสายสัญญาณเกิดความเสียหายก็ไม่ส่งผลต่อการส่งข้อมูลเพราะมีเส้นสารองเพ่ือส่งข้อมูล,เกดิ ความรวดเร็วในการส่งขอ้ มลู เนือ่ งจากเดินทางได้หลายทาง ขอ้ เสียคือ ทาให้ส้ินเปลอื งสายสัญญาณมาก , มีความซับซ้อนในการเชือ่ มตอ่ เครือข่าย. นอกจากโครงสร้างท้ัง 4 ประเภทท่ีได้กล่าวมาแล้ว ได้นารูปแบบของโครงสรา้ งหลายๆ รูปแบบผสมผสานให้เกิดเป็นโครงสร้างเครือข่ายข้ึนอีกรูปแบบหนึ่งท่ีเรียกว่า \"ไฮบริดจ์\" เป็นการนาโครงสร้างเครือข่ายหลายรูปแบบมารวมกนั3. ส่วนประกอบของเครอื ขา่ ย 1. เครอ่ื งบรกิ ารข้อมูล (Server) 2. เคร่อื งลูกข่ายหรอื สถานี (Client) 3. การ์ดเครือขา่ ย (Network Interface Cards) 4. สายเคเบิลท่ีใชบ้ นเครอื ขา่ ย (Network Cables) 5. ฮบั หรอื สวติ ช์ (Hubs and Switches) 6. ระบบปฏิบัติการเครอื ขา่ ย (Network operating System)เครื่องศูนย์บริการข้อมูล โดยมักเรียกว่า เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ท่ีทาหน้าท่ีบริการทรัพยากรใหก้ บัเครื่องลูกข่าย เช่น การบริการไฟล์ การบริการงานพิมพ์ เป็นต้น เนื่องจากเครื่องเซฟเวอร์มักต้องรับภารกิจหนักในระบบจึงมกั ใชเ้ ครอื่ งทีม่ ขี ีดความสามารถมาเป็นเคร่ืองแม่ขา่ ยเคร่ืองลูกข่ายหรือสถานีเครือข่าย เคร่ืองลูกข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ที่เช่ือมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซ่ึงอาจเรียกว่า เวิร์กสเตชัน ก็ได้ โดยมักเป็นเครื่องของผู้ใช้งานทั่วไปสาหรับติดต่อเพื่อขอใช้บริการจากเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งสามารถจะขอหรือนา software ท้ังข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายมาประมวลผลใช้งานได้และยังติดต่อส่ือสาร รับ-ส่งขอ้ มลู จากคอมพวิ เตอร์เครื่องอ่ืนๆในเครอื ข่ายได้

การ์ดเครือข่าย แผงวงจรสาหรับใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายจะต้องมีอุปกรณ์นี้ และหน้าทีของการ์ดก็คือ แปลงสัญญาณของคอมพิวเตอร์ส่งผ่านไปตามสายสญั ญาณทาให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายแลกเปล่ยี นข้อมลู กนั ได้สายเคเบลิ ทีใ่ ช้บนเครือข่าย เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์จาเป็นต้องมีสายเคเบิลเพ่ือใชส้ าหรับเช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์ตา่ ง ๆ ใหอ้ ยู่บนเครอื ข่ายเดียวกันเพ่ือสื่อสารกันได้ นอกจากนีเ้ ครอื ข่ายยังสามารถสื่อสารระหว่างกันโดยไม่ใช้สายก็ได้ เรียกว่า เครือข่ายไร้สายโดยสามารถใช้คลื่นวิทยุหรืออินฟาเรด เป็นตัวกลางในการปลงสัญญาณ อีกทงั้ ยงั สามารถนาเครอื ขา่ ยแบบมสี ายและเครอื ข่ายแบบไรส้ ายมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกนั เป็นเครือข่ายเดียวกันได้ฮับและสวิตช์ เป็นอุปกรณ์ฮับและสวิตช์มักนาไปใช้เป็นศูนย์กลางของสายเคเบิลที่เช่ือมต่อเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งฮับหรือสวิตช์จะมีพอร์ตเพื่อให้สายเคเบลิ เชื่อมต่อเข้าระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์ โดยจานวนพอร์ตจะขึ้นอยู่กับแต่ละชนิด เช่น แบบ 4 , 8, 16 , 24 พอร์ต ยังสามารถนาฮับหรือสวิตชห์ ลายๆตัว มาเชื่อมต่อเข้าดว้ ยกันเพื่อขยายเครือขา่ ยไดอ้ ีกด้วย4. รูปแบบของเครือข่าย1. แบบดาว (Star Topology) เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต่อผ่านอุปกรณ์ท่ีเรียกว่า ฮับ ( Hub ) ซ่ึงเป็นจุดกลางในการติดต่อ เป็นเครือข่ายท่ีได้รับความนิยมมากในปัจจุบันเพราะติดตั้งและ ดูแลรักษาระบบง่าย ราคาวัสดุอุปกรณ์ก็ไม่แพง ข้อดีคือ เมื่อเคร่ืองคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหน่ึงมีปัญหา จะไม่ส่งผลกระทบต่อเคร่ืองอ่ืนๆ ในเครือข่าย ข้อเสีย ถ้า Hub เสียจะใช้งานไม่ได้ทั้งระบบ ใช้สายสญั ญาณติดตง้ั มากกว่าแบบอนื่2. แบบวงแหวน (Ring Topology) เปน็ การเชือ่ มต่อเคร่อื งคอมพวิ เตอร์แตล่ ะเครื่องเช่ือมต่อกันเปน็ ลักษณะแบบวงแหวน ข้อดี คือ สามารถเช่ือมได้ระยะทางท่ีไกลกว่าแบบอื่นๆ ข้อเสียคือ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครอื ขา่ ยมปี ัญหา จะทาให้ระบบหยุดการทางาน3. แบบบัส (Bus Topology) เป็นการเช่ือมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเคร่ืองต่อเชื่อมอยู่บนสายสัญญาณเดยี วกัน เป็นการเช่ือมตอ่ สายแบบเส้นตรง จากเครอื่ งคอมพิวเตอรเ์ คร่อื งแรก แล้วโยงสายไปยงั เครอ่ื งท่ี 2 3 ...ตามลาดับในลักษณะการต่อแบบอนุกรม การเชื่อมแบบนี้ทาได้ง่าย แต่มีข้อเสีย คือ ถ้ามีปัญหาที่สายสัญญาณเสน้ ใดเส้นหนึง่ จะส่งผลกระทบตอ่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองในระบบเครือขา่ ย

4. แบบผสมผสาน (Hybrid) เป็นการเช่ือมต่อที่เอาแบบดาว แบบวงแหวนและแบบบัส มาผสมผสานกันเพ่ือลดจดุ อ่อนและเพิ่มจุดเด่นให้กับระบบเครือข่าย5. อุปกรณ์ทใ่ี ชเ้ ช่อื มตอ่ ระบบเครือขา่ ย1. เครื่องทวนสญั ญาณ (Repeater)เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าที่ขยายหรือเพิ่มระยะทางการส่ือสารของเครือข่ายในการสง่ ข้อมูลในระบบเครือข่ายตามมาตรฐานต่าง ๆ เช่น ในมาตรฐานการส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายใช้ 10BaseT ซึ่งมีข้อกาหนดของมาตรฐานการเชอ่ื มต่อระบบไดใ้ นระยะทางไม่เกิน 100 เมตร ถา้ ความยาวของระบบมากกวา่ 100เมตร ตอ้ งมีเครือ่ งทวนสญั ญาณในการขยายสัญญาณเพอื่ ให้เป็นระบบเครอื ข่ายเดยี วกนั2. บรดิ จ์ (Bridge)เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้เชื่อมต่อระบบ LAN เข้าด้วยกันโดยออกแบบมาเพ่ือใช้ติดต่อระหว่างเครือข่ายท้องถ่ิน LANจานวน 2 เครอื ข่ายที่มีโปรโตคอลเหมือนกันหรือต่างกัน เพื่อใหส้ ามารถขยายขอบเขตของ LANออกไปได้ โดยประสิทธิภาพในทางรวมลดลงไม่มากเนื่องจากการติดต่อของเครื่องอยู่ในเซกเมนด์เดียวกันจะไม่มีการส่งผ่านตา่ งเซกเมนด์ (Segment)3. ฮับ (Hub)เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าที่กระจายช่องทางการส่ือสารข้อมูลได้หลายช่องทางในระบบเครือข่าย โดยการขยายสัญญาณที่ส่งผ่านมา ทาให้สามารถเช่ือมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ผ่านสายเคเบิลได้ใกล้ขึ้น และใช้กับระบบเครือข่ายแบบ Star ในปจั จุบนั Hub มีความเร็วในการสอ่ื สารแบบ 10 และ 100 Mbps ลักษณะการทางานของ Hubจะแบ่งความเร็วตามจานวนช่องสัญญาณ (Port) ทีใ่ ช้งานตามมาตรฐานความเร็วเช่น ระบบเครอื ข่ายใช้มาตรฐานความเร็วเป็นแบบ 10 Mbpsและมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีต่อในระบบ 5 เคร่ืองแต่ละเคร่ืองสามารถส่ือสารกันภายในระบบโดยใชค้ วามเรว็ เทา่ กับ 10/5 คอื 2Mbps4. สวิตช์ (Switch)สวิตซ์หรือ อีเธอร์เนตสวิตช์ (Ethernet Switch)เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีกระจายช่องทางการสื่อสารข้อมูลหลายช่องทางในระบบเครอื ข่าย คล้ายกับ Hubต่างกันตรงที่ลักษณะการทางานและความสามารถในเร่ืองของความเร็ว การทางานของSwitch ไม่ได้แบ่งความเร็วตามจานวนช่องสัญญาณ (port)ตามมาตรฐานความเร็วเหมือน Hub โดยแต่ละช่องสัญญาณ (port)จะใช้ความเร็วเป็นอิสระต่อกันตามมาตรฐานความเร็ว เช่นระบบ

เครือข่ายใช้มาตรฐานความเร็วเป็นแบบ 100 Mbpsและมีเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีต่อในระบบ 5 เคร่ืองแต่ละเครื่องกจ็ ะส่อื สารกันภายในระบบโดยใช้ความเร็วเทา่ กับ 100 Mbps. 5. เราทเ์ ตอร์ (Router)เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีเชื่อมต่อระบบเครือข่ายต่างชนิดกันหรือใช้โปรโตคอลต่างกัน เข้าด้วยกัน คล้าย ๆ กับBridgeแต่ลักษณะการทางานของ Router น้นั จะซับซ้อนกว่าเพราะนอกจากจะเชื่อมต่อแลว้ ยงั เก็บสภาวะของเครือขา่ ยแต่ละสว่ น (Segment)ดว้ ย และสามารถทาการกรอง (Filter)หรอื เลือกเฉพาะชนดิ ของขอ้ มลู ทร่ี ะบุไว้ว่าให้ผ่านไปได้ทาให้ช่วยลดปัญหาการจราจรที่คับคั่งของข้อมูลและเพ่ิมระดับความปลอดภัยของเครือข่ายซ่ึงสภาวะของระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันน้ี Routerจะจัดเก็บในรูปของตารางท่ีเรียกว่า Routing Table ซึ่งตาราง Routing Tableน้ีจะมีประโยชน์ในด้านของความเร็วในการหาเส้นทางการสื่อสารข้อมูลระหว่างระบบเครือข่ายโดยเฉพาะกับระบบเครือข่ายทีซ่ บั ซ้อนมาก ๆ เชน่ ระบบ MAN, WANหรอื Internet เปน็ ต้น6. เกตเวย์ (Gateway)เป็นอุปกรณ์ที่ทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่าท่ีมีลักษณะไม่เหมือนกันสามารถติดต่อกันได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดียวกันเปรียบเสมือนเป็นประตูทางผ่านในการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกัน เช่น ระหว่างเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ท่ัว ๆไปกับเคร่ืองมินิคอมพิวเตอร์ หรือเมนเฟรมซึ่งเป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เป็นต้น อุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีเป็นGateway น้ันอาจจะใช้คอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเคร่ืองหนึง่ ทาหนา้ ทก่ี ็ได้7. โมเด็ม (Modem)เป็นอปุ กรณ์ที่ทาหน้าที่ในการแปลงสญั ญาณจากดิจติ อล (Digital)ใหเ้ ป็นสญั ญาณอนาล็อก (Analog) และจากสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอลโมเด็มเป็นอุปกรณ์ท่ีมีความสาคัญ ในการสื่อสารบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพราะโมเด็มทาหน้าท่ีในการแปลงสัญญาณ คอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณท่ีอุปกรณ์สื่อสารอื่น ๆในระบบเครือข่ายสามารถเข้าใจได้หลังจากนั้นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีรับข้อมูลต้องมีโมเด็มเพื่อแปลงสัญญาณจากอุปกรณ์สื่อสารให้เป็นสัญญาณ ท่ีคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ซึ่งความสามารถของโมเด็มสามารถวัดได้จากความเร็วในการรับส่งข้อมูลจานวน 1บิตต่อ 1 วินาที (บิตต่อวินาที) หรือ bps (bit per second) ปัจจุบันModemมีสองประเภท คือ โมเด็มที่ติดต้ังไว้ในเครื่อง (Internal Modem)และโมเด็มที่ไม่ได้ติดตั้งไว้ในเครื่อง(External Modem)ซ่ึงผู้ใช้สามารถเลือกใชไ้ ดต้ ามความเหมาะสม

6. เกตเวย์ (Gateway)เป็นอุปกรณ์ท่ีทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่าที่มีลักษณะไม่เหมือนกันสามารถติดต่อกันได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดียวกันเปรียบเสมือนเป็นประตูทางผ่านในการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกัน เช่น ระหว่างเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ทั่ว ๆไปกับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ หรือเมนเฟรมซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เป็นต้น อุปกรณ์ท่ีทาหน้าที่เป็นGateway นั้นอาจจะใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใดเคร่ืองหนึง่ ทาหนา้ ท่ีก็ได้7. โมเด็ม (Modem)เปน็ อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ในการแปลงสญั ญาณจากดิจิตอล (Digital)ใหเ้ ปน็ สัญญาณอนาล็อก (Analog) และจากสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอลโมเด็มเป็นอุปกรณ์ที่มีความสาคัญ ในการส่ือสารบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพราะโมเด็มทาหน้าที่ในการแปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณที่อุปกรณ์ส่ือสารอ่ืน ๆในระบบเครือข่ายสามารถเข้าใจได้หลังจากนั้นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีรับข้อมูลต้องมีโมเด็มเพ่ือแปลงสัญญาณจากอุปกรณ์สื่อสารให้เป็นสัญญาณท่ีคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ซึ่งความสามารถของโมเด็มสามารถวัดได้จากความเร็วในการรับส่งข้อมูลจานวน 1บิตต่อ 1 วินาที (บิตต่อวินาที) หรือ bps (bit per second) ปัจจุบันModemมีสองประเภท คือ โมเด็มที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง (Internal Modem)และโมเด็มที่ไม่ได้ติดตั้งไว้ในเครื่อง(External Modem)ซ่ึงผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมระบบเครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet)เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรหรือระหว่างองค์กรโดยการเช่ือมต่อกันเป็นเครือข่ายท้องถิ่น หรือเครือข่ายแลน (LAN)หรืออาจจะเป็นเครือขายต่างท้องถ่ิน หรือเครือข่ายแวน (WAN)และเป็นเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอล ทซี ีพี/ไอพี (TCP/IP)เป็นตวั เช่ือมโยงการส่ือสาร การส่ือสารบนเครือข่ายอินทราเน็ตท่ีสาคญั ๆได้แก่การสื่อสารระบบเว็บ (Web) การโอนย้ายไฟล์ (FTP) และระบบฐานข้อมูล(Database) อาจกล่าวได้ว่าอนิ ทราเนต็ คอื อินเตอร์เน็ตขนาดเล็กเพราะซอฟต์แวร์ที่ใช้เพ่ือการสื่อสารบนอนิ ทราเนต็ จะเปน็ แบบเดยี วกับท่ีใช้บนอินเตอร์เน็ตรวมทั้งเซิร์ฟเวอร์บนเครือข่ายอินทราเน็ตก็มีการใช้แอพพลิเคชันเหมือนกับเซิร์ฟเวอร์บนเครอื ข่ายอินเตอร์เนต็ ทกุ ประการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook