แบบบันทกึ องคค์ วามรู้ ถอดบทเรียนหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียงต้นแบบ ช่อื – สกุล นางสาวยพุ ิน สแี สน ตาแหนง่ นกั วชิ าการพัฒนาชุมชนชานาญการ สงั กัด สานักงานพฒั นาชมุ ชนอาเภอคาเข่อื นแก้ว เบอรโ์ ทรศพั ท์ 089-666-5372 บ้านโคกกลาง หมูท่ ี่ 5 ตาบลลมุ พุก อาเภอคาเข่ือนแก้ว จังหวดั ยโสธร ชาวบ้านโคกกลาง หมู่ท่ี 5 มีความเป็นอยู่กันแบบ เรียบง่าย มีความสุข ไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักแบ่งปัน และอยู่กันแบบ เครือญาติกัน อาชีพหลักได้แก่ การทานา อาชีพเสริม ได้แก่ การ ทาไร่มันสาปะหลัง ปลูกพืชผักสวนครัว หาของป่า รู้จักการใช้ภูมิ ปัญญาโดยได้รับการถ่ายทอดสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ จน มาถึงปัจจุบันบริบทของชุมชนได้เปล่ียนแปลงไป ได้เปิดเอา วัฒนธรรม ความเชื่อค่านิยม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้เป็นวิถี ชวี ิตประจาวนั หรือท่ีเรียกกนั ติดปากว่า “สงั คมกม้ หน้า” จากความพออยู่พอกินในระยะแรก กลายเปน็ การด้ิน รนเพ่ือหนี้สิน ยื้อแย่งแข่งขันกัน ทาให้คาว่า “พอ” ได้ถูกลบเลือนออกจากจิตใจผู้คนไปเกือบหมดสิ้น จาก ปัญหาดังกล่าวชุมชนเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงที่นับวันจะกัดกินรากเหง้าตัวตนท่ีแท้จริงของชุมชน จึงได้หา แนวทางแก้ไขปัญหาโดยผู้นาท่ีเสียสละ และความร่วมมือของคนในชุมชน นาแนวทางการพัฒนาชุมชนท่ี สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชุมชน และในหมู่บ้านนี้มีครัวเรือนท่ีประกอบอาชีพ เสริม คือการปลูกพืชผักสวนครัว การทอผ้าขาวมา้ ผ้าพื้นเมือง การทาขนม การจกั สานไม้ไผ่ เป็นต้น ซึง่ ถอื เป็น การสร้างความม่ันคงทางอหาร และยังจาหน่ายสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน กรอปกับในครัวเรือนในชุมชนทุก ครัวเรือนปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ทุกครัวเรือน และนอกจากนี้ยัง มีศูนย์สาธิตการตลาดเป็นแหล่งจาหน่าย ผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชน ทาเอง ปลูกเอง ขายกินกันเองในชุมชน ทาให้เกดิ กระบวนการพลิกฟ้ืนความพอเพียง ให้เกิดขึน้ กบั คนในหมูบ่ ้าน โดยไดเ้ รม่ิ จัดระบบการพฒั นาชุมชนดงั น้ี การดาเนนิ งาน พัฒนาวิถีชีวติ แห่งการเรยี นรู้ การพัฒนาบ้านโคกกลางภายใต้แนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ไดใ้ ห้ความสาคัญกับการสร้าง กระบวนการเรียนรู้ ภูมิปัญญา ท่ีผ่านมาผู้นาชุมชนและแกนนาชุมชนได้ไปศึกษาดูงานและเข้ารับการอบรมใน หลายพ้ืนท่ีท่วั ประเทศ จนทาใหต้ กผลึกทางความคดิ เก่ียวกับการจดั ระบบขอ้ มูล ปจั จยั ทีท่ าใหเ้ กิดผลสาเร็จ บา้ นโคกกลาง หมทู่ ี่ 5 ตาบลลุมพุก เปน็ ชุมชนทย่ี ึดหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มกี ารรวมกลุ่ม กันทาอาชีพเสริม เพ่ิมรายได้ ปลูกพืชผักสวนครัวไว้ในบริเวณบ้าน เป็นการสร้างความม่ันคงทางอาหารใน สภาวการณท์ ่ีโลกกาลงั เผชญิ กับการตดิ เช้ือจากไวรสั สายพันธ์ุใหม่ คือ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVIC 19) เพยี ง แค่เดินไปเก็บ ก็นามาปรุงอาหารได้แล้ว และมีความปลอดภัยสูง มีการปลูกข้าวไว้กินตลอดปี การทาไร่มัน สาปะหลัง เป็นอาชีพเสริมหลังจากเสร็จส้ินฤดูกาลทานา การเล้ียงไก่พันธุ์พื้นเมือง และเล้ียงวัว การเพาะเห็ด ฟาง ไว้บริโภคกันเองในครวั เรอื นและในชุมชนที่เหลือจาหน่าย ก่อให้เกดิ การลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้ และ ขยายโอกาสท่ัวทกุ ครัวเรอื น ในความสาเรจ็ ดังกลา่ ว มปี ัจจยั ทท่ี าให้ประสบผลสาเร็จ ดังน้ี
-2- 1. ผนู้ าหมู่บ้านและแกนนาหมบู่ ้าน ผู้นาชุมชน เป็นคนท่ีมีความตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ ในการทางานเพื่อส่วนรวม ไม่เคยหยุดคิดในการ สร้างสรรค์ และการพัฒนา ทาด้วยความเต็มใจ รักคนในชุมชน มีความเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่แก่ลูกบ้านแบบเสมอ ต้นเสมอปลาย เป็นที่ยอมรับและยกย่องของคนในชุมชน และยังได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายในชุมชน อาทิ เช่น คณะกรรมการหมู่บ้าน สมาชิก อบต. หัวหน้า/คณะกรรมการคุ้ม อาสาพัฒนาชุมชน ประธาน แม่บ้าน ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม) และผู้นาอื่นๆ ร่วมเป็นผู้นาขับเคลื่อนกิจกรรม ตา่ งๆ จนบังเกดิ ผลเปน็ รปู ธรรม 2. การมีส่วนร่วมของคนในชมุ ชน คนในชุมชนทุกคนจะมีส่วนร่วมในการจัดทาแผนชุมชน การทากิจกรรมต่างๆ ของคนในชุมชน และการดาเนินงานขับเคล่ือนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อนาไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน จะใช้หลัก ประชาธปิ ไตยเป็นในการดาเนินงาน 3. มีแผนชุมชน มกี ารจดั ทาแผนชมุ ชน โดยจะมกี ารเตรียมการสาหรบั แกนนา โดยเปดิ เวทีประชุมแกนนา ทาความ เข้าใจวิธีการแผนชุมชน หลังจากนั้นทาการเปิดเวทีชุมชน เปิดโลกการเรียนรู้/ทบทวนแผนชุมชน สารวจและ จัดเก็บข้อมูลครัวเรือน/ข้อมูลชุมชน เปิดเวทีชุมชนเพื่อวิเคราะห์/ประเมินชุมชน เปิดเวทีชุมชนเพ่ือศึกษา เรียนรู้ประสบการณ์บทเรียนชุมชนอ่ืน และสุดท้ายเปิดเวทีชุมชนในการจัดทาแผนชุมชนร่วมกันจนนาไปสู่เวที การทาประชาพจิ ารณ์ 4. มแี ผนงาน/โครงการ และกจิ กรรม 5. มภี าคกี ารพฒั นา
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: