ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอแมล่ าน สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั ปตั ตานี
คานา เอกสารฉบบั น้จี ัดทาขนึ้ ใหเ้ ปน็ สือ่ เพื่อการศึกษา คน้ ควา้ ของ นกั เรยี น นักศกึ ษา โดยไดร้ วบรวมเนอื้ หาเกย่ี วกับเรอ่ื ง ศาสตร์พระราชา กบั การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื ของในหลวง รัชกาลท่ี 9 ทางผ้จู ัดทาหวังเป็นอยา่ งย่ิงวา่ เอกสารฉบับคงเปน็ ประโยชน์แก่ผ้ทู ่ี สนใจ ได้ศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ได้ กศน.อาเภอแมล่ าน
สารบญั หนา้ เร่อื ง ความหมายของศาสตรพ์ ระราชา ที่มาและความสาคัญของศาสตรพ์ ระราชา หลักการทรงงาน บทสรุป
ศาสตรพ์ ระราชา ศาสตร์พระราชา คือ ศาสตร์การจัดการและการ อนรุ กั ษ์ดิน น้า ปา่ ทพี่ ระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงศึกษา คิดค้น และวิจัย แล้วพระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย เพ่ือใช้ในการจัดการลุ่มน้า ตั้งแต่ต้นน้า กลางน้า สู่ปลาย น้า จากภูผาสู่มหานที เมื่อนาองค์ความรู้น้ีมาปฏิบัติตาม หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ จะนาไปสู่ การพึง่ พาตนเองและการพัฒนาอย่างย่ังยืน
ทมี่ าและความสาคญั ศาสตร์พระราชา ที่มาและความสาคญั ศาสตร์พระราชา การสบื สานศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาท่ีย่ังยืน เป็นกระบวนการนาศาสตร์พระราชาไปสู่การ ปฏิบัติให้ เกดิ ผล หรือเรียกงา่ ย ๆ วา่ การนาความร้ใู นศาสตรท์ ง้ั ๓ ดา้ น หรอื ๓ มติ ิ ทง้ั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม และ ส่ิงแวดล้อม สู่การพัฒนาประเทศให้มั่นคง ย่ังยืน ไปสู่การปฏิบัติจริง หรือเดินตามรอยเท้าพ่อ ในการปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน เพ่ือการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ประกอบด้วย การนาองค์ความรู้ ด้านการกาหนด เป้าหมายของ การเรียนรหู้ รอื การพฒั นางาน องคค์ วามร้ดู ้านเนื้อหา ความรู้จากโครงการพระราชดาริ และอ่ืน ๆ รวมทั้งการน า องคค์ วามรใู้ นวิธที รงงานมาใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต การท างานของบุคคล ครอบครัว ชุมชน หรือ ขององค์กร มูลนิธิ หน่วยงานทัง้ ภาครฐั และภาคเอกชนตา่ ง ๆ เพือ่ การพฒั นาตนเอง พฒั นางานดาเนนิ ชวี ิต ดาเนินงานในหน้าที่ความ รบั ผิดชอบดว้ ยองคค์ วามรตู้ ามศาสตร์พระราชา หรอื เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า “เดินตาม รอยเท้าพ่อ สานต่องานที่พ่อ ทา” นับต้ังแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จข้ึนครองราชย์สมบัติเป็น ประมุขแห่ง ประเทศไทยเป็นต้นมา พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์ แก่ชาวไทย ตลอดพระชนมายุของพระองค์ โดยพระราชกรณียกิจที่สาคัญของพระองค์ คือ การเสด็จพระราชดาเนิน เยือน ประชาชนในท้องถิน่ ต่าง ๆ ของประเทศ ดังในปฐมพระบรมราชโองการในระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เม่ือ วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชน ชาว สยาม” ซึ่งในขณะน้ันสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ยังคงบอบช้าจากสงครามโลกคร้ังที่ ๒ ประชาชน เดือดร้อน ชีวิตความเป็นอยู่แย่ลง ฐานะยากจน ดังน้ัน เม่ือเสด็จฯ กลับจากการไปศึกษาที่ ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จึงได้พระราชทานพระราชดาริในการช่วยเหลือพสกนิกรให้มีสภาพ ความ เป็นอยู่ที่ดีข้ึน การทรงงานพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ในแต่ละช่วงเวลาน้ัน พระองค์ทรงใชศ้ าสตรค์ วามรแู้ ขนงตา่ งๆมาบูรณาการหลกั การทรงงานของพระองคเ์ พื่อให้ประชาชนของ พระองค์ น้ัน ได้รบั ประโยชน์สงู สุด
หลกั ๒๓ ขอ้ ในการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รชั กาลที่ ๙ หลกั การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั รชั กาลที่ ๙ มีดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ศกึ ษาขอ้ มูลอยา่ งเปน็ ระบบ ทรงศกึ ษาข้อมูลรายละเอยี ดอย่างเปน็ ระบบ ทัง้ จาก ข้อมลู เบอ้ื งตน้ จากเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าท่ี นักวิชาการและราษฎรในพน้ื ท่ี เพอ่ื ใหไ้ ด้รายละเอียด ทถี่ กู ต้อง เพ่ือท่จี ะพระราชทานความชว่ ยเหลอื ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและ รวดเรว็ ตรงตามความต้องการของประชาชน ๒. ระเบดิ จากขา้ งใน พระองคท์ รงมงุ่ เนน้ เรือ่ งการพัฒนาคนทรงตรัสว่า “ตอ้ งระเบดิ จากข้างใน” หมายความว่า ต้องสรา้ งความเข้มแข็งให้คนภายในชุมชน ใหม้ ีสภาพพรอ้ มทีจ่ ะ ร่วมพัฒนาเสียก่อนแลว้ จึงออกมาสสู่ งั คมภายนอก มิใชก่ ารนาเอาความจริงหรอื บคุ คลจาก สังคมภายนอกเขา้ ไปหาชุมชนในหมบู่ ้าน ทย่ี งั ไม่ทนั ได้มโี อกาสไดต้ ้ังตวั หรอื เตรียมพรอ้ ม ๓. แกป้ ัญหาท่ีจดุ เลก็ ทรงแกป้ ัญหาในภาพรวม (Macro) กอ่ นเสมอ แต่การแก้ปัญหา ของ พระองคจ์ ะเรม่ิ จากจุดเล็ก ๆ (Micro) คอื การแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ทค่ี นมักจะมองขา้ ม “ ถ้าปวดหวั คิดอะไรไม่ออก ก็ต้องแกไ้ ขการปวดหวั นก้ี ่อน มันไมไ่ ด้แกอ้ าการจรงิ แตต่ ้องแก้ปวดหวั กอ่ น เพอื่ จะให้อยูใ่ นสภาพทคี่ ดิ ได้...”
๔. ทาตามลาดับขั้นตอน ทรงเร่ิมต้นจากส่ิงที่จาเป็นของประชาชนท่ีสุดก่อน ได้แก่ สุขภาพ สาธารณสุขเมื่อมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้วก็จะสามารถทาประโยชน์ด้านอ่ืน ๆ ต่อไปได้ จากน้ันจึงเป็นเร่ือง สาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐาน และส่ิงจาเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้าเพื่อการเกษตร การอุปโภค บริโภคที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนโดยไม่ ทาลายทรพั ยากรธรรมชาติ รวมถงึ การให้ความรู้ทางวิชาการและ เทคโนโลยีเน้นการปรับใช้ภูมิ ปัญหาทอ้ งถ่นิ ท่รี าษฎรสามารถนาไปปฏบิ ตั ิได้ และเกดิ ประโยชน์สูงสุด “ การพฒั นาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดบั ข้ัน ตอ้ งสร้างพ้นื ฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนสว่ นใหญ่เป็นเบอ้ื งต้นก่อน ใช้วธิ กี ารและอุปกรณ์ทีป่ ระหยัด แต่ถกู ตอ้ ง ตามหลกั วิชา เมือ่ ได้พน้ื ฐานท่มี นั่ คงพรอ้ มพอสมควร และปฏบิ ัติไดแ้ ลว้ จงึ คอ่ ยสรา้ งเสริม ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกิจข้ันทส่ี งู ข้นึ โดยลาดบั ต่อไป...” ๕. ภูมสิ งั คม การพฒั นาใด ๆ ตอ้ งคานงึ ถึงสภาพภูมปิ ระเทศของบริเวณนนั้ ว่าเป็น อย่างไร และสงั คมวทิ ยาเก่ียวกับนสิ ัยใจคอของคนตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถ่นิ ที่มคี วามแตกตา่ งกัน “การพัฒนาจะตอ้ งเปน็ ไปตามภมู ิประเทศทางภมู ศิ าสตร์ และภมู ิประเทศทาง สังคมศาสตร์ ในสงั คมวิทยา คอื นสิ ัยใจคอของคนเรา จะไปบังคบั ให้คนอื่นคดิ อย่างอ่ืนไมไ่ ด้ เราต้องแนะนา เราเข้าไป ดูว่าเขาต้องการอะไรจริง ๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเขา้ ใจหลักการ ของการพฒั นาน้ีกจ็ ะเกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งยิ่ง”
๖. องคร์ วม ทรงมวี ธิ ีคดิ อย่างองคร์ วม (Holistic) หรือมองอย่างครบวงจรในการทจี่ ะ พระราชทานพระราชดารเิ กีย่ วกบั โครงการหน่ึงนนั้ จะทรงมองเหตุการณท์ ี่จะเกิดขึน้ และแนว ทางแกไ้ ขอย่างเช่ือมโยง ดังเชน่ กรณีของ “ทฤษฎีใหม่” ที ่พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชพี แนวทางหนึ่งที ่พระองค์ทรงมองอย่างองคร์ วมตั้งแต่การ ถอื ครองทด่ี ินโดยเฉล่ียของประชาชนคนไทย ประมาณ ๑๐ - ๑๕ ไร่การบรหิ ารจัดการที่ดนิ และแหลง่ น้าอนั เป็นปัจจยั พ้นื ฐานที่สาคัญในการประกอบอาชีพ เมอ่ื มนี ้าในการเกษตรแลว้ จะส่งผลให้ผลผลติ ดขี นึ้ และหากมผี ลผลติ มากขนึ้ เกษตรกรตอ้ งรจู้ ักวธิ ีการจดั การ และ การตลาดรวมถงึ การรวมกลมุ่ รวมพลงั ชมุ ชนใหม้ คี วามเข้มแขง็ เพ่ือพร้อมทจ่ี ะออกสู่การ เปลี่ยนแปลง ของสงั คมภายนอกไดอ้ ยา่ งครบวงจรนั้น คือทฤษฎีใหม่ ข้ันที่ ๑, ๒ และ ๓ ๗. ไมต่ ิดตารา มลี ักษณะของการพัฒนาทีอ่ นุโลม และลอมชอมกับสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ มและสภาพของสงั คม จติ วทิ ยาแห่งชุมชน “ไมต่ ดิ ตารา” ไมผ่ ูกมัดติดกับวชิ าการ และเทคโนโลยี ทไ่ี มเ่ หมาะสมกับสภาพชวี ิตความเปน็ อยทู่ แี่ ท้จริงของคนไทย ๘. ประหยดั เรียบงา่ ย ไดป้ ระโยชน์สงู สดุ ในเรอื่ งของความประหยัดนีป้ ระชาชน ไทย ทราบกนั ดีว่าเรือ่ งส่วนพระองคก์ ท็ รงประหยดั มาก ดงั ท่เี ราเคยเห็นว่าหลอดยาสีพระ ทนต์นัน้ ท่านทรงใชอ้ ยา่ งค้มุ คา่ อยา่ งไร หรอื ฉลองพระองคแ์ ต่ละองคท์ รงใชอ้ ยู่เป็น เวลานาน ขณะเดยี วกนั ในการพฒั นาและชว่ ยเหลอื ราษฎร ทรงใชห้ ลกั ในการแกป้ ัญหาด้วย ความเรียบง่าย และประหยัด ราษฎรสามารถทาได้เอง หาได้ในท้องถนิ่ และ ประยุกตใ์ ช้สิ่งท่ี มอี ยู่ในภูมิภาคนั้นมาแกไ้ ขโดยไม่ต้องลงทนุ สงู หรือใช้เทคโนโลยที ี่ไม่ยงุ่ ยากนัก
๙. ทาใหง้ า่ ย (Simplicity) ทรงคิดคน้ ดดั แปลง ปรบั ปรงุ และแก้ไขงาน การ พัฒนาประเทศ ตามแนวพระราชดาริดาเนนิ การไปได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซบั ซ้อน และท่สี า คญั อย่างย่งิ คอื สอดคลอ้ งกบั สภาพ ความเปน็ อยแู่ ละระบบนิเวศโดยรวม ตลอดจนสภาพ สงั คมของชุมชนนนั้ ๆ ทรงโปรดทจี่ ะทาส่ิงทีย่ ากให้กลายเปน็ ง่าย นาสง่ิ ท่ีสลบั ซับซ้อนให้ เข้าใจง่ายอนั เปน็ การแกป้ ัญหาดว้ ยการใชก้ ฎธรรมชาติเปน็ แนวทางนั่นเองแต่การทาสงิ่ ที่ ยากให้กลายเปน็ ง่ายน้ันเป็นของยาก ฉะน้นั คาว่า “ทาให้งา่ ย” หรือ Simplicity จงึ เป็น หลักคดิ สาคัญทีส่ ดุ ของ การพัฒนาประเทศในรูปแบบของโครงการอนั เนื่องมาจาก พระราชดาริ ๑๐. การมสี ่วนร่วม ทรงเปน็ นักประชาธปิ ไตย จึงทรงนา “ประชาพิจารณ์” มาใช้ ในการ บรหิ าร เพื่อเปดิ โอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรอื เจา้ หน้าที่ทกุ ระดบั ไดม้ า ร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั เร่ืองที่จะต้องคานึงถงึ ความคิดเหน็ ของประชาชนหรือ ความตอ้ งการของสาธารณชน “สาคญั ทส่ี ดุ จะต้องหดั ทาใจให้กวา้ งขวาง หนักแนน่ ร้จู กั รับฟังความคดิ เห็น แมก้ ระทง่ั ความวิพากษว์ จิ ารณจ์ ากผู้อน่ื อย่างฉลาดนนั้ แท้จริงคือ การระดมสติปัญญา และประสบการณ์ อนั หลากหลายมาอานวยการปฏิบตั ิบรหิ ารงานให้ประสบผลสาเรจ็ ทสี่ มบรู ณน์ นั่ เอง” ๑๑. มุง่ ประโยชนค์ นส่วนใหญ่เป็นหลกั “การปฏิบตั งิ านทกุ อยา่ งของข้าราชการมผี ล เก่ียวเน่อื งถึงประโยชนส์ ่วนรวม ของบา้ นเมืองและประชาชนทุกคน เพราะฉะนน้ั จงึ จาเป็นทีข่ ้าราชการทกุ คน จะต้อง ทาหน้าท่ที ุก ๆ ประการให้บริสทุ ธิ์บริบูรณ์ โดยเตม็ กาลงั สตปิ ญั ญาความรู้ ความสามารถ เพอื่ ผลการ ปฏบิ ัตริ าชการทุกอยา่ งจักไดบ้ รรลุความสาเรจ็ อยา่ งสงู และบงั เกดิ ประโยชน์อย่างดที ี่สดุ แกต่ น แก่หน้าท่ี และ แกแ่ ผ่นดิน”
๑๒. บรกิ ารรวมท่จี ดุ เดยี ว (One Stop Services) ทรงมีพระราชดาริให้บริการ “ศนู ย์ศกึ ษา การพฒั นาท้ัง ๖ แหง่ ” ใหเ้ ป็น “การบริการรวมท่ีจุดเดยี ว” เป็นรูปแบบการ บรหิ ารแบบเบด็ เสร็จที่เกดิ ข้นึ เป็น ครั้งแรกในระบบบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ของประเทศไทย โดยทรงให้ “ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอันเนอ่ื งมาจาก พระราชดาริ”เปน็ ต้นแบบในการบริการ เบ็ดเสรจ็ ณ จดุ เดียว เพือ่ ประโยชนท์ ีจ่ ะมาขอใช้บริการจะประหยัดเวลา และค่าใชจ้ า่ ยโดย จะมีหนว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ มาร่วมดาเนินการ และให้บริการประชาชน ณ ท่ีแห่งเดียว โดย ทรง เน้นเรื่องรู้รักสามคั คแี ละการร่วมมือรว่ มแรงร่วมใจกนั ด้วยการปรบั ลดช่องวา่ งระหว่าง หนว่ ยงานที่เกีย่ วข้อง ๑๓. ทรงใช้ธรรมชาตชิ ว่ ยธรรมชาติทรงเขา้ ใจถงึ ธรรมชาตแิ ละตอ้ งการให้ ประชาชนใกลช้ ิด กับธรรมชาติ ทรงมองอย่างละเอียดถงึ ปัญหาธรรมชาติ หากเราต้องการ แก้ไขธรรมชาติ จะต้องใชธ้ รรมชาติ เข้าช่วยเหลอื เช่น การแก้ไขปัญหาปา่ เส่ือมโทรมได้ พระราชทานพระราชดาริ “การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก” ปล่อยให้ธรรมชาตชิ ่วยในการ ฟ้นื ฟูธรรมชาติ หรอื แม้กระทงั่ การปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง เพื่อทาให้ มนุษย์และ ธรรมชาตเิ ก้ือกูลกัน ๑๔. ใช้อธรรมปราบอธรรม ทรงนาความจริงในเรื่องความเปน็ ไปแหง่ ธรรมชาติและ กฎเกณฑ์ ของธรรมชาตเิ ป็นหลักการ แนวปฏิบตั ิที่สาคญั ในการแกป้ ญั หาและปรับปรุง เปล่ยี นแปลงสภาวะทีไ่ มป่ กตเิ ขา้ สู่ ระบบทเี่ ปน็ ปกติ เช่น การทาน้าดีขบั ไล่นา้ เสีย หรอื เจือ จางน้าเสยี ใหก้ ลบั เป็นน้าดตี ามจงั หวะการขน้ึ ลงตาม ธรรมชาตขิ องน้า การบาบัดนา้ เนา่ เสยี โดยใชผ้ กั ตบชวา ซึ่งมีตามธรรมชาติให้ดดู ซมึ สิ่งสกปรกปนเปอ้ื นในน้า ดงั พระราชดารสั ความ ว่า “ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม”
๑๕. ปลกู ป่าในใจคน เปน็ การปลูกปา่ ลงบนแผ่นดนิ ดว้ ยความต้องการของมนุษย์ ทาให้ ต้องการบริโภคและใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลอื งเพอื่ ประโยชนข์ องตนเอง และสรา้ งความเสียหายให้แก่ สิง่ แวดลอ้ มไมร่ ้จู ักพอ ปัญหาความไมส่ มดลุ จึงบังเกิดขึ้นดังน้ัน ในการฟืน้ ฟูธรรมชาตใิ ห้กลบั คนื มาจะต้อง ปลูกจติ สานกึ ในการรักผนื ปา่ ให้แก่คนเสียก่อน “เจ้าหนา้ ท่ีปา่ ไมค้ วรจะปลูกตน้ ไมล้ งในใจคนเสียก่อน แลว้ คนเหล่าน้นั ก็จะพากันปลูกต้นไม้ ลงบนแผ่นดิน และจะรักษาตน้ ไมด้ ้วยตนเอง” ๑๖. ขาดทนุ คอื กาไร (Our loss is gain) การเสีย คอื การได้ ประเทศชาตกิ ็จะ กา้ วหน้าและ การทีค่ นอยู่ดมี ีสุขนนั้ เป็นการนบั ที่เนน้ มูลคา่ เงนิ ไมไ่ ด้ จากพระราชดารัส ดงั กลา่ ว คอื หลักการในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลท่ี ๙ ท่มี ตี ่อพสกนกิ รไทย “การให”้ และ “การเสยี สละ” เป็นการกระทาอนั มีผลเป็นกาไร คอื ความอยู่ดีมสี ุขของ ราษฎร ซ่ึงสามารถสะท้อนให้เหน็ เปน็ รูปธรรมชดั เจนได้ “...ถ้าเราทาอะไรที่เราเสีย แต่ใน ทส่ี ดุ เราเสยี นน้ั เป็นการได้ทางอ้อม... ในไมช่ ้าประชาชนจะได้รับผล ราษฎรมรี ายได้ รฐั บาล ก็เก็บภาษไี ด้สะดวก เพือ่ ให้รฐั บาลไดท้ าโครงการตอ่ ไป... ถ้ารรู้ ักสามัคคี รู้เสียสละ คอื การ ได้ ประเทศชาติก็จะก้าวหนา้ และการที่คนอยดู่ มี ีสขุ นน้ั เป็นการนบั ที่เป็นมลู ค่าเงนิ ไม่ได้...” ๑๗. การพึ่งพาตนเอง การพฒั นาตามแนวพระราชดาริเพอื่ การแกไ้ ขปัญหาใน เบื้องตน้ ด้วย การแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้า เพอ่ื ใหม้ คี วามแขง็ แรงพอทีจ่ ะดารงชวี ิตได้ต่อไป แล้ว ขน้ั ตอนตอ่ ไปก็คอื การพัฒนา ให้ประชาชนสามารถอย่ใู นสังคมไดต้ ามสภาพแวดล้อม และสามารถ “พึ่งตนเองได้” ในท่สี ุด ๑๘. พออยู่พอกนิ ใหป้ ระชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยูพ่ อกิน” เสียก่อน แลว้ จึง คอ่ ยขยบั ขยายให้มีขดี สมรรถนะท่กี ้าวหน้าต่อไป การพัฒนาเพือ่ ให้พสกนิกรทงั้ หลาย ประสบความสขุ สมบูรณใ์ นชีวติ ได้เร่ิมจากการเสด็จฯ ไปเยีย่ มประชาชนทุกหมเู่ หล่าในทกุ ภูมภิ าคของประเทศไทยได้ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ ของราษฎรดว้ ยพระองค์เองจึงทรง สามารถเข้าพระราชหฤทัยในสภาพปัญหาไดอ้ ย่างลกึ ซงึ้ ในการพัฒนาน้ัน หากมองใน ภาพรวมของประเทศมใิ ชง่ านเลก็ น้อยแตต่ อ้ งใช้ความคิดและกาลงั ของคนทงั้ ชาตจิ ึงจะ บรรลุผล สาเร็จด้วยพระปรีชาญาณในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รัชกาลที่ ๙ จงึ ทาให้ คนทัง้ หลายได้ประจักษ์วา่ แนวพระราชดารใิ นพระองคน์ น้ั “เรยี บง่ายปฏบิ ตั ิไดผ้ ล” เป็นที่ ยอมรบั โดยทั่วกัน
๑๙. เศรษฐกิจพอเพียง เปน็ ปรัชญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มี พระราช ดารสั ชแี้ นะแนวทางการดาเนนิ ชีวิตแกพ่ สกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี ตง้ั แต่กอ่ นเกิดวิกฤตการณ์ ทางเศรษฐกจิ และเมอื่ ภายหลงั ได้ทรงย้า แนวทางการแก้ไข เพอ่ื ให้ รอดพ้นและสามารถดารงอยู่ไดอ้ ยา่ งม่นั คง และยัง่ ยืนภายใตก้ ระแสโลกาภิวัตน์และความ เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ดังปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งที่ได้ พระราชทานไวด้ งั นี้ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถงึ ความจาเปน็ ท่จี ะตอ้ งมี ระบบภูมคิ ุ้มกนั ใน ตวั ท่ีดีพอสมควร ตอ่ มามีผลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทัง้ ภายนอกและภายใน ทงั้ นี้ ต้องอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยง่ิ ในการน าวชิ าการตา่ ง ๆ มาใช้ในการ วางแผนและการดาเนินการทุกขน้ั ตอนขณะเดียวกนั จะต้องเสริมสรา้ งพื้นฐาน จิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าทีข่ องรัฐ นักทฤษฎี และนกั ธรุ กิจในทกุ ระดบั ให้มี สานกึ ในคณุ ธรรมและความซ่ือสัตยส์ ุจรติ ดาเนินชวี ิต ดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มี สติปญั ญาและความรอบคอบ เพือ่ ให้สมดุลและพรอ้ มต่อการรองรับการ เปลีย่ นแปลงตา่ ง ๆ อยา่ งรวดเรว็ และกวา้ งขวางทั้งด้านวัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อมและวฒั นธรรมจากโลกภายนอก ได้ เปน็ อยา่ งดี ๒๐. ความซ่อื สัตย์สจุ ริต จริงใจต่อกนั “คนทไ่ี ม่มีความสุจริต คนทไ่ี ม่มคี วามม่นั คง ชอบแต่ มกั ง่ายไม่มีวนั จะสร้างสรรคป์ ระโยชน์ส่วนรวมท่ีสาคัญอันใดไดผ้ ทู้ ม่ี คี วามสจุ รติ และ ความม่งุ มั่นเท่านั้น จงึ จะ ท างานสาคัญยิ่งใหญท่ ่ีเป็นคุณเป็นประโยชนแ์ ทจ้ ริงที่สาเรจ็ ” “ผู้ท่ีมี ความสุจรติ และบริสุทธิ์ใจแมจ้ ะมีความรูน้ อ้ ยกย็ อ่ มท าประโยชนใ์ หแ้ กส่ ่วนรวม ไดม้ ากกว่าผู้ท่ี มคี วามรู้มากแต่ไม่มคี วามสุจรติ ไมม่ คี วามบริสุทธิ์ใจ” “ผู้ว่า CEO ตอ้ งเป็นคนทีส่ จุ รติ ทุจรติ ไม่ได้ถ้าทุจริตแมแ้ ต่นิดเดียวกข็ อแช่งให้มีอนั เป็นไปข้าราชการหรอื ประชาชนที่มกี ารทุจรติ ถา้ มีทจุ ริตแล้วบ้านเมอื งพังที่เมอื งไทยพังมาเพราะมีการ ทจุ รติ ”
๒๑. ทางานอย่างมคี วามสขุ ทรงพระเกษมสาราญทรงมีความสขุ ทกุ คราที่จะ ช่วยเหลอื ประชาชน ซึ่งเคยรบั ส่งั ครงั้ หนึ่งว่า “ทางานกับฉนั ฉันไมม่ อี ะไรจะให้ นอกจาก การมคี วามสุขร่วมกัน ในการ ทาประโยชน์ให้กับผู้อืน่ ” ๒๒. ความเพียร : พระมหาชนก จากพระราชนพิ นธ์ “พระมหาชนก” เป็นพระ ราชนพิ นธ์ที่ ทรงใช้เวลาค่อนข้างนานในการคดิ ประดิษฐด์ ว้ ยการทาให้เขา้ ใจง่าย ปรบั เปลยี่ นให้เข้ากบั สภาพสงั คมปจั จบุ ันอีก ท้งั ภาพประกอบและคตธิ รรมต่าง ๆ ได้ สง่ เสรมิ ให้หนังสอื เล่มนีม้ ีความศกั ด์สิ ทิ ธ์ิท่ีหากคนไทยนอ้ มรับมาศึกษา วเิ คราะหแ์ ละ ปฏบิ ัติตามรอยพระมหาชนก กษตั ริยผ์ ู้เพยี รพยายาม แมจ้ ะไม่เห็นฝงั่ กย็ งั ว่ายนา้ ตอ่ ไป เพราะถา้ ไม่ เพยี รว่ายก็จะตกเป็นอาหารปปู ลาและไมไ่ ดพ้ บกบั เทวดาที่มาช่วยเหลือมใิ ห้ จมนา้ เชน่ เดียวกับพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทท่ี รงรเิ รม่ิ ทาโครงการตา่ ง ๆ ในระยะแรกที่ไม่มคี วามพรอ้ มในการท างานมากนกั และทรงใช้พระราชทรพั ยส์ ่วน พระองค์ทัง้ สิ้น แตพ่ ระองคก์ ็มไิ ดท้ อ้ พระราชหฤทยั มุ่งมนั่ พฒั นาบ้านเมืองให้ บังเกิดความ รม่ เยน็ เปน็ สขุ ๒๓. รู้ รัก สามคั คี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มพี ระราชดารสั ใน เร่อื ง “รู้ รกั สามัคคี”มาอยา่ งต่อเนอื่ ง ซงึ่ เปน็ สามคาท่มี ีค่าและมคี วามหมายลกึ ซ้งึ พร้อม ท้งั สามารถปรบั ใช้ไดท้ ุกยุคทกุ สมัย รู้ : การท่ีเราจะลงมอื ทาสง่ิ ใดน้นั จะตอ้ งรู้เสียกอ่ น รถู้ ึง ปัจจัยทงั้ หมด ร้ถู ึงปัญหา และรู้ ถึงวธิ ีการแกป้ ัญหา รัก : คอื เมอ่ื เรารคู้ รบดว้ ย กระบวนการความแล้ว จะต้องมคี วามรักการพจิ ารณาท่จี ะเขา้ ไปลงมอื ปฏิบตั ิแกไ้ ขปัญหา นัน้ ๆ คอื การสร้างฉนั ทะ สามคั คี: การที่จะลงมอื ปฏิบัตนิ น้ั ควรคานึงเสมอว่าเราจะ ทางานคนเดยี วไมไ่ ด้ ต้องทางานร่วมมือร่วมใจเปน็ องคก์ รเปน็ หมคู่ ณะ จึงจะมพี ลงั เข้าไป แกป้ ญั หาใหล้ ุลว่ งไปไดด้ ้วยดี การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี ๙ ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะ ทางสายกลางทสี่ อดคล้องกับสง่ิ ทอ่ี ยู่รอบตวั และ สามารถปฏิบัตไิ ด้จรงิ ทรงมีความละเอยี ดรอบคอบและ ทรงคิดค้นหาแนวทางพฒั นาเพอ่ื มงุ่ ส่ปู ระโยชน์ตอ่ ประชาชนสงู สุด
บทสรุป ศาสตรข์ องพระราชา เนน้ การพัฒนาที่มุ่งสร้างความสมดุลทางเศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม และ วัฒนธรรม ตลอดจนสรา้ งความสุขแบบยั่งยืนภายใตห้ ลัก 3S ได้แก่ Survival (การอยรู่ อด) Sufficiency (พอเพียง) และ Sustainability (ยง่ั ยนื ) การท างานต้องให้ประชาชนสามารถหารายได้ด้วยตนเองจากการเพ่ิม มลู คา่ ทางการเกษตร พร้อมท้ังปกปอ้ งส่งิ แวดลอ้ มไปพร้อม ๆ กัน ร่วมท้ังเปิดโอกาสให้ผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียภายทกุ ๆ คนไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นร่วมในทุก ๆ ข้นั ตอนการพัฒนา เพ่ือสรา้ งความรูส้ กึ เป็นเจา้ ของ โดยเร่ิมจากการระบปุ ัญหา ความตอ้ งการ และสิ่งท่เี ป็นความจาเป็นเรง่ ด่วน และร่วมกันออกแบบโครงการ วธิ ีการดาเนนิ งาน และ การ ประเมนิ ผล กระตุ้นให้ประชาชนรจู้ กั คิดและลงมือทาเอง เพอ่ื สรา้ งความเข้มแข็งใหก้ ับผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ให้ สามารถขับเคลอื่ นกระบวนการพฒั นาได้ดว้ ยตวั เอง หลักการสาคัญอีกประการของศาสตรพ์ ระราชาคือ “การ พัฒนาแบบองคร์ วมและการบูรณาการ” เป็นความรว่ มมือกันระหวา่ งหนว่ ยราชการตา่ ง ๆ ทงั้ ภาครฐั ภาคเอกชนและองคก์ รทอ้ งถ่ินโดยงานพัฒนาครอบคลมุ ต้ังแตก่ ารสรา้ งความมนั่ คงทางอาหารและน้า ไปจนถงึ การพฒั นาโครงสร้างสาธารณูปโภคพน้ื ฐาน การชลประทาน ถนนและไฟฟา้ เพ่ือปทู างไปสู่โครงการพัฒนาใน ระยะยาว นอกจากนั้นยังได้ใหค้ วามสาคัญกับเร่ืองของการพฒั นาคน สขุ ภาวะ การดารงชีวติ และการศกึ ษา อยา่ งมีบูรณาการและเปน็ องค์รวม เพอ่ื ใหเ้ กิดการแกป้ ัญหาท่ีรอบดา้ นและยง่ั ยนื ผลของการใช้ศาสตร์ของ พระราชา คือการสามารถช่วยเหลอื ปลดแอกความทุกขย์ ากและสรา้ ง ความสุขท่ียงั่ ยนื ใหก้ บั ประชาชน และที่ สาคญั เกิดธุรกิจเพ่ือสังคมที่สามารถสร้างความย่ังยนื ให้กบั ประชาชนได้ ในดา้ นสงั คม สว่ นในดา้ นสิ่งแวดล้อม ประชาชนภายในพื้นทเี่ ปน็ ผู้คิดเองทาเองและสามารถอยู่กับสิ่งแวดลอ้ ม ได้อย่างกลมกลืน ทัง้ ยังสามารถรักษา มรดกทางวัฒนธรรม ได้รบั ศกั ด์ิศรแี ละความภาคภมู ิใจในตนเองกลับคนื มา ต้นแบบของการใชศ้ าสตรข์ อง พระราชาในการพัฒนาเพื่อความยงั่ ยนื ไม่เพียงปรากฏผลสัมฤทธ์เิ ท่านนั้ หากยังมี การนาไปประยกุ ต์ใชใ้ น หนว่ ยงานตา่ ง ๆ โดยยงั คงยึดหลักการและแนวทางในการปฏบิ ัติแบบเดยี วกนั เพียงแต่ ปรับให้เหมาะสมกับ สภาพความเปน็ จริง ดว้ ยแนวคิดการพัฒนาที่เน้นคนเป็นศนู ยก์ ลาง การนาศาสตร์พระราชานอกจากจะไดร้ บั ความสาเร็จภายในประเทศแลว้ ยังกา้ วไปสู่ระดบั สากล โดยไดม้ กี ารริเริม่ โครงการพฒั นาต้นแบบในอีกหลาย ประเทศในภมู ิภาคเอเชีย -แปซิฟิก ไดแ้ ก่ประเทศอัฟกานิสถาน เมียนมาร์ และอาเจะห์ – อินโดนีเซยี จนทาให้ ไดร้ ับความสนใจจากประชาคมโลกมากยิง่ ข้ึน ตลอดเวลาที่ได้นาศาสตรพ์ ระราชาต่อยอดสูก่ ารปฏบิ ัตซิ ึ่งไดร้ บั การพสิ ูจนแ์ ละการยอมรับแล้ววา่ สามารถนาไปใชแ้ ก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไดจ้ ริงทงั้ ในระดับประเทศและสากลโดย นายโคฟีอนั นัน เลขาธกิ ารองคก์ ารสหประชาชาติ ไดถ้ วายรางวลั ความสาเรจ็ สงู สุดดา้ นการพฒั นามนุษย์ ใหแ้ ก่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว เม่ือเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 ด้วยแนวคดิ การพัฒนาทเ่ี น้นคนเป็นศนู ย์กลาง และการสร้างอาชีพท่หี ลากหลาย นามาสวู่ ิถกี ารพัฒนาทางเลือกที่ทัว่ โลก ให้การยอมรับ ………………………………………………………
บรรณานกุ รม รัฐสภาไทย. บทท่ี6 ศาสตรพ์ ระราชาสู่การพฒั นาอยา่ งยั่งยืน. สืบคน้ เม่ือวันที่ 20 มกราคม 2563. จาก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ ewt_dl_link.php?nid=55704&filename=dyouth ศาสตรพ์ ระราชา. สืบ้นเมือ่ วนั ท่ี 20 มกราคม 2563. จาก https://sites.google.com/ site/sastrphraracha2513/
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: