Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การใช้เครื่องมือสื่อทางเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา

การใช้เครื่องมือสื่อทางเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา

Published by warakit9999, 2018-06-08 00:12:33

Description: การศึกษา

Search

Read the Text Version

การพฒั นารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใชเ้ คร่อื งมือทางปัญญา เพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ The Development of Blended Learning Model by Using Cognitive Tools to Develop Critical Thinking Skills ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุ *บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ การวจิ ยั แบง่ ออกเปน็ 4 ระยะ คอื 1) การศกึ ษาและสงั เคราะหก์ รอบแนวคดิ ของรปู แบบ 2) การพฒั นารปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3) การศกึ ษาผลของการใชร้ ปู แบบ และ 4) การรบั รองรปู แบบ กลมุ่ ตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั คอื นกั ศกึ ษาระดับบัณฑิตศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่เรียนวิชาสื่อการเรียนการสอนบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้จากการสุ่มอย่างง่ายจำนวน 25 คน เรยี นโดยใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานทพ่ี ฒั นาขน้ึ เปน็ ระยะเวลา 10 สปั ดาห์เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั คอื รปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ แบบวดั การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ (Cornell Critical Thinking TestLevel Z) และแบบสอบถามความคดิ เหน็ ของนกั ศกึ ษา ระยะเวลาในการทดลอง 10 สปั ดาห์ วเิ คราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบค่าที (t-TestDependent) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. องคป์ ระกอบของรปู แบบการเรยี นการสอนประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสำคญั 4 องคป์ ระกอบคือ 1) หลักการของรูปแบบการเรียนการสอน 2)วัตถุประสงค์ของรูปแบบการเรียนการสอน 3)กระบวนการเรยี นการสอน และ 4) การวดั และประเมนิ ผล; วตั ถปุ ระสงคข์ องรปู แบบ คอื เพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ; กระบวนการเรยี นการสอน แบง่ ออกเปน็ 2 ขน้ั ตอน คอื 1) ขน้ัการเตรียมการก่อนการเรียนการสอน และ 2) ขั้นการจัดกระบวนการเรียนการสอน; การวัดและประเมินผลใช้การวัดพัฒนาการของทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการประเมินตามสภาพจริง*อาจารย์ ภาควชิ าครศุ าสตรเ์ ทคโนโลยี คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ

153วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุ 2. นักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีคะแนนทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนการเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการจัดกระบวนการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3. ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ทำการประเมินรูปแบบการเรียนการสอนแล้วมีความคิดเห็นว่ารูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดคำสำคญั : การเรยี นแบบผสมผสาน, รปู แบบการเรยี นการสอน, เครอ่ื งมอื ทางปญั ญา, ทกั ษะการ คิดอย่างมีวิจารณญาณAbstract The objective the research study was to develop the blended learning model by usingcognitive tools to develop critical thinking skills. The research and development (R&D) procedureswas divided into four stages: 1) developing the main concept of the blended learning model byusing cognitive tools to develop critical thinking skills (CTBL model), 2) developing the CTBLmodel, and 3) determining the results of CTBL model; 4) evaluating the CTBL model.The sample group of the study was 25 undergraduate students from King Mongkut's Universityof Technology North Bangkok who had enrolled to the Learning and Teaching Media on ComputerNetwork in the first semester of 2011. The experiment period was ten weeks. The research toolswere the CTBL model, the Cornell Critical Thinking Test Level Z, and the students’ satisfactionquestionnaire. Data were analyzed using the frequency, the percentage, the arithmetic mean, thestandard deviation and the t-Test for Dependent.The results of the study revealed those: 1. The CTBL model consisted of 4 components which were: 1) principles, 2) objectives,3) instructional process and 4) evaluation. The objective of the model is to develop criticalthinking skills. The instructional process consisted of two stages. The first stage was the preparingstage and the second stage was learning stage. The evaluation of learning was to measure a criticalthinking skills development and authentic assessment. 2. The graduate students learned with the CTBL model had a statistically significantdifference of the critical thinking skills posttest scores over the pretest scores .01 level.The students agree that the CTBL process was appropriateness at a high level of satisfaction. 3. The experts agree that a CTBL Model was appropriateness at an excellent level ofsatisfaction.Keywords: Blended Learning, Instructional Model, Cognitive Tools, Critical Thinking Skills

154วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุบทนำ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับการเรียนการสอนในระบบอิเล็กทรอนิกส์(e-Learning) ทไ่ี ดร้ บั การนยิ มรปู แบบหนง่ึ คอื การจดั การเรยี นแบบผสมผสาน (Blended Learning)ซึ่งหมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่ผสมผสานการเรียนบนเว็บและการเรียนในห้องเรียนเป็นรูปแบบการเรียนที่ยืดหยุ่น ตอบสนองต่อความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนทั้งด้านรูปแบบการเรยี น รปู แบบการคดิ ความสนใจและความสามารถของผเู้ รยี นแตล่ ะคน [1] มีสัดส่วนการนำเสนอเนือ้ หาบทเรียนผา่ นทางอินเทอร์เนต็ ร้อยละ 30-79 โดยใช้รว่ มกับการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี น หากมสี ดั สว่ นของเนอ้ื หาบทเรยี นทน่ี ำเสนอทางอนิ เทอรเ์ นต็ นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 30 นน้ั ถอื เปน็ การใชเ้ ทคโนโลยเี วบ็ ชว่ ยการเรยี นการสอน [2] ในการออกแบบการเรยี นแบบผสมผสานนน้ั ควรออกแบบและกำหนดกจิ กรรม 3 ประการ คอื 1) การออกแบบและกำหนดกจิ กรรมแบบฝกึ หรอื การทบทวนความรขู้ องผเู้ รยี น 2) การออกแบบและกำหนดกจิ กรรมใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรรู้ ว่ มกนั (Collaboration)เพอ่ื เสรมิ สรา้ งทกั ษะทางสงั คม และ 3) การออกแบบและกำหนดกจิ กรรมการเรยี นรหู้ ลกั เพอ่ื ชว่ ยให้ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี ำหนดไว้ [3] สอดคล้องกับ e-Education ในแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบบั ท่ี 2 พ.ศ. 2551 - 2565 ไดก้ ำหนดแนวนโยบายโครงสรา้ งพน้ื ฐานการเรยี นรวู้ า่รัฐควรให้การสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและภาคเอกชนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารเพอ่ื การเขา้ ถงึ และการลดชอ่ งวา่ งของดจิ ติ อล (Digital Divide) โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การให้บรกิ ารการเรยี นรทู้ างไกลและการเรยี นรผู้ า่ นสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ า่ งๆ ทง้ั การศกึ ษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย การพฒั นาการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณเปน็ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ แกผ่ เู้ รยี นตามจดุ มงุ่ หมายของการศกึ ษาตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 นอกจากนย้ี งั เปน็กระบวนการคดิ ทจ่ี ำเปน็ และสำคญั ทส่ี ดุ สำหรบั ผเู้ รยี นทกุ ระดบั เนอ่ื งจากเปน็ กระบวนการคดิ ทผ่ี า่ นการไตรต่ รองและพจิ ารณาจากขอ้ มลู หลกั ฐานทม่ี อี ยมู่ าเปน็ อยา่ งดี ซง่ึ สามารถนำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณจึงถือเป็นพื้นฐานของการคดิ ทง้ั ปวง [4] การใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั หาเปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรยี นรบู้ นเวบ็ แบบผสมผสานและสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ที่เหมาะสมสามารถพัฒนาศักยภาพการคิดของผู้เรียน ได้แก่ การคิดอย่างสร้างสรรค์(Creative Thinking) การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) การคิดอย่างมีเหตุผลและการคดิ ขน้ั สงู ได้ [5] จากความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หาดงั กลา่ วขา้ งตน้ จงึ มคี วามจำเปน็ ตอ้ งพฒั นารปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ เพอ่ืเปน็ แนวทางในการพฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณของนกั ศกึ ษา และพฒั นาการจดั การศกึ ษาทางไกลผ่านระบบเครือข่ายสารสนเทศ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และปริมาณสอดคล้องกับความต้องการของประเทศต่อไป

155วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั 1. วัตถุประสงค์ทั่วไป เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2. วัตถุประสงค์เฉพาะ 2.1 เพื่อศึกษาและสังเคราะห์กรอบแนวคิดของรูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.2 เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.3 เพอ่ื ศกึ ษาผลของการใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.4 เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณที่พัฒนาขึ้น 2.5 เพื่อรับรองรูปแบบการเรียนบนเว็บแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณสมมติฐานของการวิจัย นกั ศกึ ษาทเ่ี รยี นโดยใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาทพ่ี ฒั นาขน้ึมีทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติขอบเขตการวจิ ยั 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร คอื นกั ศกึ ษาระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2554 มหาวทิ ยาลยัเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กลมุ่ ตวั อยา่ ง คอื นกั ศกึ ษาระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2554 มหาวทิ ยาลยัเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื ทเ่ี รยี นวชิ าสอ่ื การเรยี นการสอนบนเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรไ์ ด้จากการสมุ่ อยา่ งงา่ ย จำนวน 25 คน 2. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย ตวั แปรอสิ ระ คอื รปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา ตวั แปรตาม คอื คะแนนทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และความคดิ เหน็ ของผเู้ รยี น 3. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง การศกึ ษาผลของการใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณใชร้ ะยะเวลาในการทดลอง 10 สปั ดาห์

156วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุกรอบแนวคดิ การวจิ ยั กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ประกอบดว้ ย 6 องคป์ ระกอบ คอื 1) ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ 2) การเรยี นโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา (cognitive tools) 3) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ (critical thinkingskills) 4) การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (blended learning) 5) การออกแบบระบบการเรียนการสอน (Instructional System Design: ISD) และ 6) กิจกรรมการเรียนการสอนเพอื่ พฒั นาความคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ดงั รปู ท่ี 1ทฤษฎีการเรยี นรู การจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน (Thorne, [8]; Bonk & Graham, [9])1. การเรยี นรอู ยา งมคี วามหมาย 1. การกําหนดจดุ มงุ หมายในแตล ะขน้ั ตอนการเรียน2. การเรยี นรูดว ยโครงความคดิ ลว งหนา ในโครงสรา ง 2. การจดั กจิ กรรมระหวา งการเรยี นการสอน 3. การกําหนดทักษะความรพู นื้ ฐานทีจ่ าํ เปน กอ นการเรยี น ทางปญ ญาในสมอง 4. การกาํ หนดจดุ มงุ หมายของการเรียน3. การเรียนรตู ามแนวคอนสตรคั ตวิ ิสต 5. การจัดการเนอ้ื หาและกจิ กรรมการเรยี นการสอน 6. การประยกุ ตย ุทธวธิ ใี นการจัดการเรียนการสอน การเรยี นโดยใชเ ครอื งมอื ทางปญญา 7. การกําหนดยุทธวธิ กี ารประเมนิ ผล (Buzan & Buzan, [6] )1. ขนั้ เตรยี มการกอนการเรียนการสอน การออกแบบระบบการเรยี นการสอน2. ขน้ั ศกึ ษาเน้อื หา (Seele and Glagow, [10] ; Dick and Carrey, [11]) 1. การวิเคราะหแ ละประเมนิ ความตอ งการ 2.1 ศกึ ษาเน้อื หาภาคทฤษฎี (Online) 2. การกําหนดจดุ มงุ หมาย/วตั ถปุ ระสงค 2.2 ศกึ ษาเนื้อหาภาคปฏบิ ัติ (Face to Face) 3. การวเิ คราะหค ุณลกั ษณะของผเู รยี น (learner characteristics)3. ขน้ั การสรา งแผนผงั ทางปญ ญาโดยใชเครอื่ งมอื ทางปญญา 4. การสรางตน แบบ ออกแบบเนอื้ หาที่สอดคลอ งกบั 3.1 ขนั้ ของการระดมสมอง วตั ถปุ ระสงค และจัดเรยี งลาํ ดบั เนอ้ื หา 3.2 ขนั้ จัดโครงสรางและรปู แบบ 5. การกาํ หนดเวลาเรยี น สถานที่ วิเคราะหก จิ กรรมและแหลง 3.3 ขนั้ การแสดงความเช่อื มโยง ทรพั ยากรการเรยี นรูสําหรบั การเรียนการสอน 3.4 ขน้ั สรปุ ทบทวน 6. การกาํ หนดวธิ กี ารสอนและออกแบบกลยุทธก ารสอน 3.5 ขน้ั การนาํ ไปใชประโยชน 7. การพฒั นา/เลอื กวสั ดกุ ารสอน สอ่ื การสอน และทรพั ยากร4. ขนั้ การวัดและประเมนิ ผล การสอน 8. การเสริมทกั ษะและจดั กจิ กรรมสนบั สนุน ควบคมุ ทักษะการคดิ อยางมวี ิจารณญาณ ตรวจสอบ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการเรยี นและการทดสอบ (Ennis, [7]) 9. การใหข อ มลู ยอ นกลบั เพอื่ ปรบั ปรุงการเรยี นการสอน1. การสรุปแบบนิรนยั กิจกรรมการเรยี นการสอนเพอื พฒั นา2. การใหค วามหมาย ทกั ษะการคิดอยางมีวจิ ารณญาณ3. การพจิ ารณาความนาเชอื่ ถอื ของแหลง ขอ มลู และการสงั เกต (Woods, [12] )4. การสรุปแบบอปุ นยั5. การสรุปโดยการทดสอบสมมตฐิ านและการทํานาย 1. เสนอปญหาหรือสถานการณ6. การนยิ ามและระบขุ อ สนั นษิ ฐาน 2. กระตนุ ใหผ เู รยี นคดิ วิเคราะหส ถานการณ 3. สง เสรมิ ใหผ เู รยี นตรวจสอบ คน หาเหตผุ ล 4. ใหผ เู รียนตคี วาม สรปุ ความและประเมนิ สถานภาพ 5. ใหผเู รยี นตดั สนิ ใจเลอื กคําตอบ 6. ใหผ เู รยี นตรวจคาํ ตอบ 7. การประเมนิ ผลขน้ั สดุ ทา ยเพือ่ ใหไ ดข อ สรุปท่ีเปนเหตุเปนผล รูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใชเครืองมอื ทางปญญา เพ่ือพัฒนาทกั ษะการคดิ อยา งมวี จิ ารณญาณรปู ท่ี 1: กรอบแนวคิดในการพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญา เพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ

157วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุวิธีดำเนินการวิจัย การวจิ ยั ครง้ั นเ้ี ปน็ การวจิ ยั และพฒั นา (Research and Development) แบง่ การวจิ ยั เปน็ 4ระยะ คอื ระยะท่ี 1 การศกึ ษาและสงั เคราะหก์ รอบแนวคดิ ของรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 1. การศึกษา วิเคราะห์และสังเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการเรียนการสอน การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน การเรยี นโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา และทกั ษะการคดิอย่างมีวิจารณญาณ 2. ศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน 2.1 ศกึ ษาขอ้ มลู ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน โดยการสมั ภาษณอ์ าจารยผ์ สู้ อนในสถาบนัอดุ มศกึ ษา จำนวน 20 ทา่ น จาก 11 มหาวทิ ยาลยั ทง้ั มหาวทิ ยาลยั ของรฐั และเอกชน เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพ ปัญหาและแนวทางในการการจัดการเรียนการสอนบนเว็บ การเรียนโดยใช้เครอ่ื งมอื ทางปญั ญา และคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นในเรอ่ื งของความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถในการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละอนิ เทอรเ์ นต็ การสบื คน้ ขอ้ มลู ผา่ นเวบ็ 2.2 ศกึ ษาขอ้ มลู คณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น โดยการสมั ภาษณน์ กั ศกึ ษาระดบั บณั ฑติ ศกึ ษาจำนวน 40 คน จาก 4 มหาวทิ ยาลยั ทง้ั มหาวทิ ยาลยั ของรฐั และเอกชน เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู เกย่ี วกบัความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถในการใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละอนิ เทอรเ์ นต็ การสบื คน้ ขอ้ มลู ผา่ นเวบ็และสิ่งที่นักศึกษาต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ระยะที่ 2 การพฒั นารปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ตามขั้นตอนการออกแบบระบบการเรียนการสอน (InstructionalSystem Design: ISD) 5 ขน้ั ตอน ดงั น้ี 1. ขน้ั การวเิ คราะห์ (Analysis) วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา สรา้ งแผนภาพมโนทศั นเ์ ปน็ การเรม่ิ ตน้ขอบเขตเนื้อหา วิเคราะห์คุณลักษณะและรูปแบบการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา และวิเคราะห์บริบทที่เกี่ยวข้องกับการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญา 2. ขน้ั การออกแบบ (Design) ออกแบบจดุ ประสงค์ ออกแบบโครงขา่ ยเนอ้ื หา ออกแบบยทุ ธศาสตรก์ ารเรยี น 2 ขน้ั ตอน คอื 1 การศกึ ษาเนอ้ื หา 1.1) การศกึ ษาเนอ้ื หาภาคทฤษฎแี บบออนไลน์ 1.2) การศกึ ษาเนอ้ื หาภาคปฏบิ ตั ใิ นหอ้ งเรยี น 2) กระบวนการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา ประกอบดว้ ย 5 ขน้ั ตอนยอ่ ย คอื 2.1) ขน้ั การระดมสมอง 2.2) ขน้ั การจดัโครงสรา้ งและรปู แบบ 2.3) ขน้ั การแสดงความเชอ่ื มโยง 2.4) ขน้ั การสรปุ ทบทวน และ 2.5) ขน้ั การนำไปใช้ประโยชน์ 3. ขน้ั การพฒั นา (Development) พฒั นาเครอ่ื งมอื ตามรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา ไดแ้ ก่ ระบบบรหิ ารจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้ MOODLE คมู่ อื ผดู้ แู ลระบบและ

158วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุคมู่ อื การเรยี น พฒั นาเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาผลการวจิ ยั ไดแ้ ก่ แบบวดั ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและแบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษา 4. ขน้ั การนำไปทดลองใช้ (Implementation) การทดสอบแบบหนง่ึ ตอ่ หนง่ึ (One-to-onetesting) และการทดสอบกบั กลมุ่ เลก็ (Small group testing) เพอ่ื นำขอ้ มลู มาปรบั ปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งของรปู แบบ และการทดลองนำรอ่ ง (Field trial) โดยใหน้ กั ศกึ ษาทไ่ี มใ่ ชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ ง จำนวน 15 คน 5. ขน้ั การประเมนิ ผล (Evaluation) ประเมนิ คณุ ภาพรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญา โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน และประเมินคุณภาพระบบบริหารจัดการเรียนรู้ตามรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา ดา้ นเนอ้ื หาและดา้ นโดยผเู้ ชย่ี วชาญ ระยะท่ี 3 การศกึ ษาผลของการใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การศกึ ษาผลของการใชร้ ปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา ดำเนนิ การตามแบบแผนการวจิ ยั แบบ One Group Pretest-Posttest Design [13] O1 X O2มีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้ 3. ขั้นเตรียมการก่อนการทดลอง 3.1 ปฐมนิเทศนักศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปญั ญา การวดั และประเมนิ ผล และฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารใชเ้ ครอ่ื งมอื ตามรปู แบบการเรยี น 3.2 วดั และประเมนิ ผลทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณกอ่ นเรยี นและแจง้ ผลการประเมนิให้แก่นักศึกษา 4. ขน้ั ดำเนนิ การทดลอง 4.1 ให้นักศึกษาเรียนรูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเปน็ ระยะเวลา 10 สปั ดาห์ 4.2 วดั และประเมนิ ผลทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณหลงั เรยี นและแจง้ ผลการประเมนิใหแ้ กน่ กั ศกึ ษา และสอบถามความคดิ เหน็ ของนกั ศกึ ษา ระยะที่ 4 การรบั รองรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ นำเสนอรปู แบบใหผ้ ทู้ รงคณุ วฒุ จิ ำนวน 5 ทา่ น ประกอบดว้ ย ผทู้ รงคณุ วฒุ ดิ า้ นการออกแบบการเรยี นการสอน การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน การเรยี นการสอนโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา และดา้ นทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ไดม้ าจากการเลอื กแบบเจาะจง โดยเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามเชย่ี วชาญในด้านที่เกี่ยวข้อง มีประสบการณ์วิจัยหรือผลงานทางวิชาการอย่างน้อย 5 ปี ทำการประเมินเพื่อรบั รองรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาฯ ทพ่ี ฒั นาขน้ึ

159วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุสรปุ ผลการวจิ ยั ตอนท่ี 1 รปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิอย่างมีวิจารณญาณ 1. รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณทพ่ี ฒั นาขน้ึ ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบหลกั 4 องคป์ ระกอบ ดงั น้ี 1.1 หลักการของรูปแบบการเรียนการสอน 1.2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบการเรียนการสอน 1.3 กระบวนการเรียนการสอน 1.4 การวัดและประเมินผล 2. กระบวนการเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิอยา่ งมวี จิ ารณญาณ ประกอบดว้ ยขน้ั ตอนการเรยี นการสอน 2 ขน้ั ตอน ดงั น้ี 2.1 ขั้นการเตรียมการก่อนการเรียนการสอน เป็นการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนผสู้ อนและผชู้ ว่ ยสอน เกย่ี วกบั กจิ กรรมการเรยี นการสอนและการวัดและประเมนิ ผลการเรยี น รวมถงึการสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียน 2.2 ขั้นการจัดกระบวนการเรียนการสอน ประกอบด้วยขั้นตอนที่ผสมผสานระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา และกจิ กรรมการเรยี นการสอนเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ โดยมที ง้ั กจิ กรรมการเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี นและการเรยี นการสอนบนเวบ็ ประกอบดว้ ยขน้ั ตอนและกจิ กรรม 2 ขน้ั ตอนใหญ่ 7 ขน้ั ตอนยอ่ ย ดงั น้ีขน้ั ท่ี 1 การศกึ ษาเนอ้ื หา ประกอบดว้ ย 2 ขน้ั ตอนยอ่ ย ดงั น้ี 1. การศึกษาเนื้อหาภาคทฤษฎี 2. การศึกษาเนื้อหาภาคปฏิบัติขน้ั ท่ี 2 กระบวนการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญา ประกอบดว้ ย5 ขน้ั ตอนยอ่ ย ดงั น้ี 1. ขน้ั การระดมสมอง (Brainstorming Phase) 2. ขน้ั การจดั โครงสรา้ งและรปู แบบ (Organizing Phase) 3. ขน้ั การแสดงความเชอ่ื มโยง (Linking Phase) 4. ขน้ั การสรปุ ทบวน (Finalizing the Concept Map) 5. ขน้ั การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization Phase)





162วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุพงึ พอใจกจิ กรรมขน้ั ท่ี 3 ขน้ั การระดมสมองมากทส่ี ดุ (X= 4.45, S.D. = 0.62) รองลงมาไดแ้ ก่ขน้ั ท่ี 2 ศกึ ษาเนอ้ื หาภาคปฏบิ ตั ิ (X= 4.39, S.D.= 0.66) และขน้ั ท่ี 1 ศกึ ษาเนอ้ื หาภาคทฤษฎีขน้ั ท่ี 6 ขน้ั การสรปุ ทบวน (X= 4.33, S.D.= 0.69) ตามลำดบัตอนท่ี 3 ผลการรบั รองรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยผู้ทรงคุณวุฒิตารางท่ี 3 ความเหมาะสมเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของรปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานฯข้อคำถาม ขอคาํ ถาม x S.D. ความ เหมาะสม องคประกอบของรปู แบบการเรยี นการสอน มากที่สดุ 1. หลักการและแนวคิด 5.00 0.00 มากทสี่ ดุ 2. วตั ถุประสงคของรูปแบบ มากทีส่ ดุ มากที่สดุ การเรยี นการสอน 4.80 0.45 3. กระบวนการเรียนการสอน 5.00 0.00 4. การวดั และประเมนิ ผล 5.00 0.00 ภาพรวมดานองคป ระกอบ 4.95 0.22 มากทีส่ ดุ จากตารางที่ 3 พบว่า ในภาพรวมด้านองค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอนฯผทู้ รงคณุ วฒุ เิ หน็ วา่ มคี วามเหมาะสมอยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ (X= 4.95, S.D. = 0.22) โดยคา่ เฉลย่ีความเหมาะสมสงู สดุ 3 อนั ดบั คอื องคป์ ระกอบดา้ นหลกั การและแนวคดิ (X=5.00, S.D.= 0.00)ดา้ นกระบวนการเรยี นการสอน (X= 5.00, S.D. = 0.00) และดา้ นการวดั และประเมนิ ผล(X= 5.00, S.D. = 0.00) ตามลำดบัอภปิ รายผล 1. รปู แบบการเรยี นแบบผสมผสานโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาทพ่ี ฒั นาขน้ึ สามารถพฒั นาพฒั นาทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณหลงั เรยี นใหส้ งู กวา่ กอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั.01 ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ ธรี ดี ถงั คบตุ ร [14] พบวา่ การเรยี นโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางปญั ญาเป็นวิธีสอนที่ส่งเสริมความสามารถในทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของผู้เรียนได้ 2. นกั ศกึ ษามคี วามพงึ พอใจตอ่ การจดั กระบวนการเรยี นการสอนในภาพรวมอยใู่ นระดบั มากและมคี วามเหน็ วา่ จากการจดั กระบวนการเรยี นการสอนทำใหน้ กั ศกึ ษาสามารถตดิ ตอ่ อาจารยไ์ ดม้ ากขน้ึการเรยี นการสอนในลกั ษณะนท้ี ำใหน้ กั ศกึ ษาไดล้ งมอื ปฏบิ ตั มิ ากขน้ึ นกั ศกึ ษาเขา้ ใจเนอ้ื หาภาคปฏบิ ตั ิมากขน้ึ และนกั ศกึ ษาตอ้ งการใหส้ อนในลกั ษณะนใ้ี นวชิ าอน่ื ๆ สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของ Bonk &

163วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุGraham [9] ทก่ี ลา่ ววา่ กจิ กรรมการเรยี นสอนแบบผสมผสานทำใหผ้ เู้ รยี นสามารถเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งอสิ ระสง่ ผลใหเ้ กดิ การเรยี นทก่ี ระฉบั กระเฉง (Active Learning) ทำใหผ้ เู้ รยี นเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามกระฉบั กระเฉงในการเรยี นรู้ (Active Learner) และสามารถลดเวลาในการเขา้ ชน้ั เรยี นได้ นอกจากนก้ี ารเรยี นแบบผสมผสานยงั มสี ว่ นสนบั สนนุ ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งผเู้ รยี นกบั ผเู้ รยี นดว้ ยกนั และผเู้ รยี นกบั ผสู้ อนโดยการตดิ ตอ่ แบบสว่ นตวั ชว่ ยใหก้ ารเรยี นรดู้ ขี น้ึ [8] และชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้มากขึ้นเอกสารอ้างอิง[1] Bonk, C. J., & Graham, C. R. (2004). Handbook of blended learning: Global perspectives. San Francisco: Pfeiffer Publishing.[2] Allen, I. E., & Seaman, J. (2005). Growing by Degrees: Online education in the United States, 2005. The Sloan Consortium. Retrieved from http://www.sloan-c.org/ publications/survey/pdf/growing_by_degrees.pdf[3] Bersin, J. (2004). The blended learning book: Best practices, proven methodologies, and lessons learned. San Francisco: Pfeiffer.[4] ทศิ นา แขมมณ.ี (2551). ศาสตรก์ ารสอน: องคค์ วามรเู้ พอ่ื การจดั กระบวนการเรยี นรทู้ ม่ี ี ประสทิ ธภิ าพ. (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 7). กรงุ เทพฯ: สำนกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .[5] Jonassen, David H. (1999). Handbook of research for educational communications and technology: A project of the association for educational communications and technology. New York: Macmillan Library References.[6] Buzan, T., & Buzan, B. (1997). The ทind Map books: Radiant thinking. London: BBC. Books.[7] Ennis, R. H. (1989). Critical thinking and subject specificity. Educational Researcher, 18(3), 4-10.[8] Thorne, K. (2003). Blended learning: How to integrate online and traditional learning. London: Kogan Page.[9] Bonk, C. J. & Graham, C. R. (2004). Handbook of blended learning: Global perspectives. San Francisco: Pfeiffer Publishing.[10] Seels, B., & Glasgow, Z. (1997). Making instructional design Decisions. Columbus, OH: Prentice Merrill.[11] Dick, W., Carey, L., & Carey, J. (2001). The Systematic design of instruction. (5th ed). London: Addison - Wesley Educational.

164วารสารวิทยบริการ การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานฯปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ พฤษภาคม-สงิ หาคม ๒๕๕๕ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุ[12] Woods, D. R. (1994). Problem-Based Learning: How to gain the most from PBL. Hamilton: W.L. Griffin Printing Limited.[13] William, W. & Stephen G. J. (2009). Research methods in education: An introduction. (9th ed). Boston: Pearson.[14] ธรี วดี ถงั คบตุ ร. (2552). การพฒั นารปู แบบการออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน โดยใช้แผนผังทางปัญญาเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณสำหรับ นกั ศกึ ษาปรญิ ญาบณั ฑติ . วทิ ยานพิ นธค์ รศุ าสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ , สาขาวชิ าเทคโนโลยแี ละ สอ่ื สารการศกึ ษา คณะครศุ าสตร,์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .ประวัติผู้เขียนชื่อผู้เขียน: อาจารย์ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอืสถานที่ทำงาน: ภาควชิ าครศุ าสตรเ์ ทคโนโลยี คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 1518 ถ.พบิ ลู สงคราม บางซอ่ื กรงุ เทพฯ 10800โทรศัพท์: 081 455 5741, 02 913 2500 ต่อ 3298โทรสาร: 0 2587 8256E-mail: [email protected]สาขาวิชาที่เชี่ยวชาญ • การวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารเพื่อการศึกษา • จิตวิทยาการศึกษา • การออกแบบและพัฒนาระบบการสอน • การจัดการเรียนการสอนบนเว็บ • การจัดการความรู้ ***********************