เป็นส่ิงท่ีมีเหมือนไมม่ เี รือ่ งราวใดๆ ตนเองท่ีไดเ้ รียนรูจ้ ดจ�ำมา จึงไล่จับเรอื่ งราวความหมายในค�ำตรงน้ี จนเกดิ ความ ฟุ้งซ่านหาท่ีจบไม่ลง สิ่งที่ง่ายจึงไม่ง่ายเลย กลายเป็นความยาก แต่ยังมีความ อยากได้ อยากมี อยากเป็นในใจท่าน อยากเขา้ ถึงเรือ่ งราวความหมายในค�ำตรง นใี้ หไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง ยงิ่ ทา่ นทงั้ หลายยงั มคี วามอยากมากเทา่ ไรกย็ ง่ิ มคี วามพยายาม ท่ีมากล้นทลี่ มื ความจริงตนเอง ยิ่งท�ำอะไรในความรู้สึกของตนเองก็ย่ิงข้ามเร่ือง ราวความจรงิ ของตนเองออกไปเรอื่ ยๆ กลายเปน็ ความอยากทไี่ มส่ มอยากอยแู่ บบ นี้ เพราะอะไรเปน็ เหตุ ?... เพราะเรอื่ งราวความจรงิ นนั้ ทไ่ี ดเ้ คยบรรยายผา่ นมาแลว้ กค็ อื “รสู้ กึ ไดแ้ ต่ แตะต้องไมไ่ ด”้ เร่ืองราวความจริงตรงนีจ้ งึ ไมใ่ ชเ่ รื่องการขาดสติ เผลอสติ ไมใ่ ช่ เรื่องของปัญญาหรือมหาปัญญาตามภาษาที่ท่านเคยเข้าใจมาเลย หากท่านทั้ง หลายยังยึดติดในภาษาจากการเรียนจากการปฏิบัติตามเร่ืองราวท่ีมีผู้มาสอน อยู่ ตามท่ีบันทึกจดจ�ำมาตลอด ก็หมดโอกาสตนเองที่จะเหน็ ความจริงตรงนไ้ี ด้ ส่งิ ท่ีมเี หมือนไม่มี คอื เรือ่ งราวที่เข้าถึงได้ง่ายๆ ตามธรรมชาติ ปจั จบุ นั ตนเองคอื ตน้ เหตุ เปน็ เหมอื นสงิ่ ทไ่ี มม่ เี รอ่ื งราวตลอดเวลา แต่ รูส้ กึ ไดต้ ลอดเวลา ผล คือ ความมี ที่ซ้อนปัจจุบันท่ีมารองรับในความรู้สึกที่ต้องปรุงแต่ง ในเรอ่ื งราวเนอ้ื หาตา่ งๆ ในธรรมชาตขิ ณะหนง่ึ ๆ ตรงนนั้ แตผ่ ลทป่ี รงุ แตง่ เรอื่ งราว เนอ้ื หาในความมีตา่ งๆ นัน้ ไม่มใี ครเปน็ เจา้ ของในการปรุงแตง่ ใดๆ แต่รูส้ กึ ได้อยู่ ตลอดเวลาในการปรงุ แต่ง ต้นเหตุตนเองท่ีไม่มีเรื่องราว จึงไม่มารองรับในผลที่ปรุงแต่งอยู่ ผลที่มี นั้นก็เหมือนปรุงแต่งความมีแบบลอยๆ แต่การปรุงแต่งที่มีอยู่ในผลเหมือนกับ ไม่ได้มีการปรุงแต่งตรงน้ัน เป็นสภาวธรรมท่ีเกิดความรู้สึกร่วมกันในธรรมชาติ ความจริง ทีไ่ ม่มใี ครเปน็ เจ้าของในเนอ้ื หาเร่อื งราวใดๆ ท่ปี รุงแตง่ แต่เข้าใจได้ใน 51
ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนน้ั เนื้อหาเร่ืองราวต่างๆ จึงเหมือนต้นเหตุเป็นส่ิงที่ไม่มี และไม่มีผลในความมีของ ตนเองในเหตุตรงน้ัน เร่ืองราวตรงนี้เห็นได้ยากเพราะเป็นสิ่งท่ีซับซ้อนเร็วมาก ในความรู้สึก หากทา่ นยงั ติดอยใู่ นภาษาท่ชี ีใ้ ห้ดูในเรือ่ งราวแบบน้ี การยดึ ตดิ กับ ความจ�ำที่เปน็ ภาษานั้นจะไม่สามารถเข้าถึงความจรงิ ไดใ้ นสง่ิ ทม่ี เี หมอื นไม่มตี รง นไ้ี ดเ้ ลย เพราะความจรงิ กเ็ ตอื นมามากแลว้ วา่ ตอ้ งใชค้ วามรสู้ กึ สคู่ วามรสู้ กึ เพยี ง ดเู รอ่ื งราว รูเ้ รอื่ งราว ดูผา่ นรผู้ า่ นไม่เขา้ ไปแบกในเรื่องราวตนเอง ทา่ นพอจะตามมาดเู รอื่ งราวตนเองกนั ทนั ไหม อะไรเปน็ เหตุ ทขี่ วางความ รู้สึกของท่านมาตลอดการเดินทางตั้งแต่เร่ิมมาจนถึงตอนนี้ ? ค�ำกล่าวลอยๆ ท่ไี ม่เคยมีอยูใ่ นความจรงิ ของตนเองเลย การหมดสงสัยนนั้ เปน็ ส่งิ ทีง่ า่ ย ค�ำๆ น้ี ท่านจะต้องถอดถอนในความจ�ำที่เคยเรียนรู้มาตามภาษาลงก่อน หยุดแสวงหา ความหมายใดๆ เพื่อมาอธิบายต่อในค�ำที่ขีดเส้นใตต้ รงนี้ลงก่อน การท่จี ะเขา้ ถึงในค�ำน้ีได้แท้จริงคือต้องใช้ความรู้สึกของตนเอง ดู ความรู้สึกของตนเอง ใช้ ความรู้สึกของตนเอง รู้ ความรู้สึกของตนเองในปัจจุบันตนเองเท่าน้ัน ตามที่ บรรยายผ่านมา การหมดสงสัยเป็นสิ่งที่ง่าย ค�ำนี้คือต้นเหตุท่ีไม่มีเร่ืองราวใดๆ ทป่ี รงุ แตง่ อยกู่ อ่ นเปน็ ค�ำลอยๆ แตเ่ กดิ จากผลทม่ี ใี นความรสู้ กึ ของตนเองมารองรบั เพอ่ื ปรุงแตง่ ในความหมายของค�ำน้ี จงึ เกิดเรอื่ งราวความหมายตามความเข้าใจ ตามภาษา แต่ผลท่ีรู้สึกปรุงแต่งตรงนี้หากท่านไม่ไปครอบครองเป็นเจ้าของใน เนือ้ หาของค�ำตรงนี้ แต่สามารถหย่งั เขา้ ไปได้ในความร้สู กึ ตนเองในขณะน้นั จน เขา้ ใจเขา้ ถึงเร่อื งราวไดม้ ีความประจักษ์แจ้งแท้จรงิ และรู้สกึ ได้ตามการปรุงแตง่ ตรงนี้ รู้แล้วเขา้ ใจแล้ว ก็ต้องปล่อยกลับคืนไปในธรรมชาติของความรู้สึกในการ ปรุงแต่งตรงผลนี้ด้วย ผลจึงเปรียบเสมือนเป็นสิ่งที่มี หรือความมีท่ีเหมือนไม่มี เร่ืองราวใดๆ เชน่ กัน เนื้อหาตรงน้ีเปรยี บไดก้ ับส่ิงทีร่ สู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะต้องไมไ่ ด้ ตาม ความเป็นจริงในธรรมชาตติ นเอง 52
เป็นสง่ิ ที่มเี หมอื นไมม่ เี ร่อื งราวใดๆ ส่ิงท่ีหมดสงสัย เป็นเรื่องง่าย ง่ายจริงหรือ ทา่ นผแู้ สวงในสจั ธรรมทง้ั หลาย สิง่ ทหี่ มดสงสัยนั้นคอื เรอ่ื งราวอะไรท่ีว่า “งา่ ย” เป็นเรื่องง่ายจริงหรือ เร่ืองราวในค�ำกล่าวตรงน้ีน้ัน ทา่ นทง้ั หลายต้อง เขา้ ไปพสิ จู นต์ นเอง ดว้ ยการเดนิ ทางเขา้ สคู่ วามจรงิ ในธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเอง ให้ได้ จนได้ประจกั ษแ์ จง้ แท้จริงตามเน้ือหาเรือ่ งราวตนเอง ได้ดู ได้รู้ ตามความ เปน็ จริงของธรรมชาติตนเองในขณะนน้ั ให้ไดข้ ณะเดยี ว ขอให้ท่านท�ำได้แท้จริง จนเห็นธรรมชาติตนเองไดจ้ ริงๆ จะเขา้ ใจเลยว่า ยงิ่ มีความพยายามที่จะท�ำอะไร ในเรือ่ งราวตนเองในขณะนนั้ เหมอื นการตามดู ตามรู้ ก็ย่งิ มเี รือ่ งราวปรงุ แตง่ ต่อ ทนั ที แตก่ ารทีไ่ มต่ อ้ งพยายามจะท�ำอะไรเลย ทเี่ หมอื นการดูผา่ น รู้ผ่าน ในเรอ่ื ง ราวตนเองในขณะน้ันกลับมีความส�ำเร็จได้แท้จริง อาจจะเป็นเร่ืองแปลกใหม่ ส�ำหรบั พวกทา่ นกไ็ ดใ้ นเรอื่ งราวทช่ี แ้ี ละสะกดิ ใหเ้ ขา้ ใจตรงนี้ คอื ไมต่ อ้ งไปท�ำอะไร ในสิ่งทรี่ ู้สกึ อยแู่ ละกระทบใดๆ เลยน่ันแหละ จะหมดสงสัยลงเองแบบง่ายๆ ตรงนี้ท่านคงนึกแปลกใจกับสิ่งที่ผู้บรรยายช้ีและสะกิดแบบฟันธงเลย คือการท่ไี มต่ ้องไปท�ำอะไรจะหมดสงสยั แบบง่ายๆ แค่เพยี งใชค้ วามรูส้ ึกเขา้ ไปดู ในความรู้สกึ ตนเองเทา่ นัน้ ส่ิงที่ท่านรู้สึกตลอดเวลานั้นเป็นธรรมชาติที่มีที่เป็น 53
ธรรมใดเกดิ แตเ่ หตุ เหตุ แห่งธรรมน้ัน ห้ามไม่ได้ หยุดไม่ได้ ความรู้สึกต่างๆ ท่ีมีที่เป็นน้ันเป็นธรรมชาติที่มีคู่กับชีวิตที่ ต้องมีตอ้ งเป็นแบบน้นั ทา่ นอาจจะลมื สงิ่ ท่ีเคยบอกไวต้ ัง้ แต่ตน้ เร่ือง “รู้สึกได้แต่ แตะตอ้ งไมไ่ ด”้ คอื ความง่าย งา่ ยๆ แค่น้ี ที่จะหมดสงสยั ความรู้สึกต่างๆ ทที่ า่ นรสู้ กึ อยตู่ ลอดเวลานน้ั กไ็ ดบ้ รรยายผา่ นมามากแลว้ เร่ืองปัจจุบันซ้อนปัจจุบัน แตท่ ่านจะมาตดิ ในกับดักของตนเองแบบท่ไี ม่ทันรู้สึก ตนเองเสียด้วยซ�้ำ ตรงท่ีเข้าไปยึดไว้กับส่ิงที่ปรุงแต่งท่ีตามดูตามรู้กับส่ิงท่ีสงสัย ในเน้ือหาตนเอง ทา่ นจึงคา้ งคาอยู่แค่สิ่งท่ขี า้ มปัจจุบนั ตนเองมาเทา่ น้ัน การข้ามปัจจุบันตนเองมาที่ท่านมองไม่เห็นรู้สึกไม่ทันในเร่ืองราว ตนเอง คอื สิ่งท่ีทา่ นไดเ้ ข้าไปแตะตอ้ งในความรสู้ ึกของตนเองแล้ว ความง่าย จึง มีเร่ืองราวปรุงแต่งต่อไม่รู้จบ กลายเป็นความมี ทม่ี ีเรือ่ งราวของค�ำตรงน้ีไปเลย ส่ิงทไ่ี มเ่ คยมีในความรู้สึกตนเอง จนมคี วามรสู้ กึ เข้าไปรองรบั เรอื่ งราวไปแลว้ จงึ เกดิ ความสงสัย เรื่อง งา่ ย กลายเป็นเร่ือง ยาก เกดิ ความรสู้ กึ ที่เขา้ ไปครอบครอง สิ่งทไี่ ม่เคยมี แต่ทา่ นกลับท�ำใหม้ ีขึน้ มาในความรูส้ ึกของตนเอง ลองมาดกู ันใหล้ กึ แบบละเอียดเลยดีกวา่ ความง่ายทเี่ ปน็ ตามธรรมชาติ ในการหมดสงสัยคอื อะไรทจ่ี ะท�ำใหต้ นเองเข้าไปถึงได้ ทา่ นผู้มากดว้ ยปัญญาทั้ง หลายลองย้อนมองดูเนื้อหาตรงนี้ให้ละเอยี ดกอ่ น ขอใหท้ ่านทัง้ หลายจงใชค้ วาม รู้สึกของตนเองเท่านั้นที่จะเข้ามาพิสูจน์ในสัจธรรมตนเองให้เห็นประจักษ์แจ้ง เร่ืองท่ีบอกว่า ง่าย ในความเป็นจริง เหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย ไม่ต้องท�ำอะไรเป็นดที สี่ ดุ เพยี งใช้ความรสู้ ึกตนเองเพียงดเู ร่ืองราว รเู้ ร่อื งราว ไม่ พยายามท�ำอะไรกับเรอื่ งราวตรงน้นั แค่นเี้ องจบแลว้ แตเ่ ช่อื ได้วา่ ท่านท้งั หลายนั้นท�ำไม่ได้ตามทผ่ี ูบ้ รรยายบอกหรอก เพราะ ความสงสยั ทมี่ มี ากมายในความรสู้ กึ ของทา่ นกบั เรอ่ื งราวงา่ ยๆ ตรงนี้ ทา่ นจะเลน่ กบั ความรสู้ กึ ของตนเองและจะตดิ กบั ดกั ธรรมชาตติ นเองทนั ที ในค�ำวา่ งา่ ย ตรงนี้ 54
เปน็ สิ่งทีม่ เี หมือนไมม่ ีเร่ืองราวใดๆ จะมเี รอ่ื งราวทที่ า่ นเองปรงุ แตง่ ตอ่ เกดิ ขน้ึ ในความรสู้ กึ ตนเองแบบไมร่ จู้ บ แทบจะ ไม่รสู้ ึกตัวเองดว้ ยซำ้� วา่ ค�ำๆ นไี้ ดม้ กี ารปรงุ แตง่ ทขี่ า้ มปจั จบุ นั ตนเองมาแลว้ รสู้ กึ ตนเองแทบไมท่ นั ค�ำๆ นีท้ ่ที ่านไดเ้ ขา้ ไปแตะต้องในเรอ่ื งราวตนเองแบบท่ีไม่รสู้ กึ ตวั ในค�ำๆ น้ี จนเกิดมีความหมายมคี วามเข้าใจ ในใจตนเองเรียบร้อย ผบู้ รรยายขอบอกวา่ ค�ำวา่ งา่ ย ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งราวตามภาษาทท่ี า่ นเคยจ�ำมาละ่ งา่ ย ตรงนเี้ ปน็ เพยี งอะไรบางอยา่ งทที่ า่ นรสู้ กึ อยเู่ ทา่ นนั้ แตไ่ มไ่ ปแตะตอ้ งในความ รสู้ กึ ตรงนนั้ เพยี งแคใ่ ชค้ วามรสู้ กึ ในขณะนนั้ เปน็ การเดนิ ทางเขา้ ไปดใู นความรสู้ กึ สู่ ความรสู้ กึ ทไ่ี มต่ อ้ งใชภ้ าษาไปอธบิ าย ความรสู้ ึกทีร่ สู้ ึกขณะหนึง่ นั้นเพยี งมองดแู บบสบายๆ จะนง่ั จะนอน จะ เดิน จะยืน ก็ให้รู้สึกแบบสบายๆ ในความรู้ท่ีรู้สึกอยู่เท่าน้นั ปลอ่ ยใหค้ วามรสู้ ึก ต่างๆ ท่ีเกดิ ข้ึนนั้น ให้รูไ้ ปตามอารมณ์ในขณะนัน้ เพราะความรู้สึกทเ่ี กิดครงั้ ใด จะมีองค์ประกอบที่เกิดข้ึนมาพร้อมกันเลยกับสิ่งที่มากระทบท่านรับรู้ได้ทันที เกดิ ความเขา้ ใจในทนั ที มคี วามจ�ำ มคี วามคดิ สวมทบั เกดิ ความหมายเปน็ เรอื่ งราว ต่างๆ ทนั ทีเชน่ กนั ทเี่ รว็ และรู้สกึ เป็นสิง่ ๆ เดยี วกนั ในความรสู้ ึกขณะน้ัน ท่านท้ัง หลายก็ต้องใชค้ วามรสู้ กึ ตนเองรสู้ ึกใหเ้ ท่าทันในสง่ิ ทีม่ ากระทบขณะนั้น ดูและรู้ ความรสู้ กึ ไปแบบสบายๆ ใหแ้ ยบคายจดจอ่ ในสง่ิ ทด่ี แู ละรขู้ องการกระทบขณะนน้ั เพียงดูผ่านในเร่ืองราว รู้ผ่านในเรื่องราว เห็นให้ได้กับความจริงหยาบๆ ของ ความรสู้ ึกตนเองกอ่ นในรอบแรก คอื รเู้ ทา่ ทันในความรู้สกึ ทเ่ี กดิ ในขณะนน้ั เมอ่ื เหน็ ในความจรงิ ทร่ี สู้ กึ หยาบๆ ได้ กไ็ มต่ อ้ งไปไลจ่ บั ในความร้สู ึกตรง น้นั ปลอ่ ยผา่ นไปเลย เมอ่ื ท�ำไดท้ า่ นกจ็ ะเหน็ ในความรสู้ กึ ทล่ี ะเอยี ดขน้ึ มาแทนใหม่ เปน็ รอบทส่ี อง ครง้ั นจ้ี ะเขา้ ใจในธรรมชาตทิ หี่ มนุ วนเปน็ วฏั จกั รทเ่ี ปน็ อสิ ระตรงนนั้ กป็ ลอ่ ยผ่านไปอีกอยา่ ไปครอบครองเด็ดขาด เมื่อท�ำได้ท่านจะเห็นในความรู้สึก ทล่ี กึ ลงไปเองในความรสู้ กึ ทซ่ี บั ซอ้ นของเรอื่ งราวตนเองตรงนน้ั กป็ ลอ่ ยผา่ นไปอกี 55
ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมนน้ั ทา่ นกแ็ คด่ ผู า่ น รผู้ า่ น แบบอสิ ระอยา่ งนน้ั ทไี่ มเ่ ขา้ ไปแตะตอ้ งในเรอ่ื งราวทเ่ี กดิ ขนึ้ ในความรู้สกึ ใดๆ เลย ปลอ่ ยอารมณใ์ ห้เกิดความสบายใจ จะน่ังดูนอนดูเดินดูได้ ทกุ อริ ยิ าบถใชเ้ พยี งความรสู้ กึ ตนเอง ดแู ละรู้เรือ่ งราวอยู่แบบน้ันในทุกขณะทเ่ี กดิ มีอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดข้ึน ไม่ตอ้ งไปไล่จบั เนื้อหาใดๆ ปลอ่ ยไปตามธรรมชาติ ในความรสู้ กึ เลยใหเ้ ปน็ ไป มไี ป แบบทม่ี ี แบบทเี่ ปน็ จดจอ่ ในเนอ้ื หาเรอ่ื งราวตา่ งๆ ที่รับรู้ในขณะน้ันแบบปล่อยผ่าน ความสบายใจทด่ี ูอยู่ รู้อยู่ ทุกขณะนั้นจึงเป็น เรอ่ื ง งา่ ย ตามทบี่ รรยายมา เพราะทา่ นไมเ่ ขา้ ไปครอบครอง แมจ้ ะมกี ารปรงุ แตง่ ก็ ต้องปล่อยให้มีปรุงแต่งไปในความมี แต่ไม่เข้าไปรองรับการปรุงแต่ง ปล่อยให้ ธรรมชาติตรงน้นั ปรงุ แต่งไปตามธรรมชาตติ รงนน้ั เมื่อท่านท้ังหลายสามารถท�ำให้ประจักษแจ้งได้ในความรู้สึกของตนเอง ไดแ้ บบน้ี จะพบความอิ่มเอมใจ จะมีความเบกิ บานในอารมณ์ จะมคี วามรสู้ กึ โลง่ เบาสบาย เกิดความผ่องใสในความรู้สึกตนเอง ความสงสัยจะคลายตัวลงเอง ที่ ไมต่ อ้ งเขา้ ไปเลน่ เขา้ ไปแบกไว้ ไมแ่ ตะตอ้ งกบั ความรสู้ กึ ตนเองอกี ไมเ่ ขา้ ไปรองรบั ในเรอ่ื งราวทปี่ รงุ แตง่ ตา่ งๆ ของอารมณข์ องความรสู้ กึ ทเ่ี กดิ ขน้ึ อกี เพราะสง่ิ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในอารมณ์ และความรูส้ ึกตรงนน้ั เปน็ สง่ิ ท่ีมีท่เี ปน็ ตามธรรมชาตติ นเอง เปน็ ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั แบบธรรมชาติ คอื มเี หตยุ อ่ มเกดิ ผล ทา่ นเพยี งแตด่ ผู า่ น และ รผู้ ่านในเหตุและผล ปล่อยให้เรอื่ งราวด�ำเนินไปตามทม่ี ที เี่ ปน็ หากท่านทงั้ หลาย เห็นไดร้ ไู้ ด้แบบน้ี ทา่ นจะประจกั ษเ์ องในธรรม จะพบความจริงท่บี อกว่า ง่าย คือ ความหมายคล้ายๆ ตามภาษาอย่างน้ี จะไม่ลังเลสงสัยกับค�ำว่า “ง่าย และงา่ ย จริงหรอื ” อกี ตอ่ ไปแลว้ ตามภาษาทีจ่ ดจ�ำมา ส่งิ ทรี่ ู้สกึ ไดแ้ ตะตอ้ งไม่ไดเ้ กิดความ ประจักษแ์ จ้งเองเพียงแค่ดูผา่ นและรู้ผ่านเรือ่ งราวตา่ งๆ ที่ท�ำได้แบบสบายๆ ที่ ไม่ต้องเกรง็ ไม่ต้องกงั วลใจ ไมต่ ้องหวาดระแวงในความรูส้ กึ ของตนเอง ส่ิงนี้คอื สัจธรรมตนเองแท้จริง ในเร่ืองเหตุและผลของตนเอง และจะไมเ่ ดินขา้ มเนอื้ หา ตนเองไปปรงุ แต่งต่ออีก แม้จะปรุงแตง่ อกี ก็ไมเ่ กิดกังวลใดๆ แล้ว 56
การเข้าถึงแก่นแท้ของตนเองให้เป็นผลส�ำเร็จ ต้องหยุดดิ้นรนแสวงหากับเรื่องราวท่ีมี ความมีท่ีมีจะเป็นส่ิงรองรับในเหตุตัวใหม่ ท่ีจะน�ำไปเกิดให้มีเรื่องราวต่อในตนเอง การเข้าถึงแก่นแท้ของตนเองน้ันเหมือนไม่มีเรื่องราว การอยู่นิ่งเฉยแต่รู้สึกได้ในเรื่องราวความมี กลับน�ำตนเองไปถึงแก่นแท้ได้แบบง่ายกว่า เพราะชีวิตต้องอาศัยความมีที่มีการปรุงแต่ง การอยู่นิ่งเฉยเพียงดูและรู้การปรุงแต่งท่ีมี ปล่อยให้การปรุงแต่งที่มีท�ำหน้าท่ีปรุงแต่งความมีไป ไม่มีใครเป็นเจ้าของการปรุงแต่งใดๆ ท่ีมีได้จริงๆ หากใครสามารถท�ำความรู้สึกให้นิ่งเฉยได้ ดูและรู้การปรุงแต่งความมีที่มีการปรุงแต่งก็ไม่มีเร่ืองราว การด้ินรนแสวงหาจึงยุติลงตรงนี้เอง 57
ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมนั้น ผลลัพธ์ท่ีเกิดการยอมรับ และรองรับเรื่องราวตนเอง เรอื่ งราวตามที่บรรยายมาถึงตรงนี้ สง่ิ ท่ชี ี้และสะกิดใหด้ ูความจรงิ ทีเ่ ป็น เรอ่ื งราวของทา่ นเองนนั้ ทา่ นอาจจะไมย่ อมรบั กไ็ ด้ แตข่ อใหท้ า่ นลองอา่ นบทความ ทบี่ รรยายมาเรอื่ ยๆกอ่ น ทา่ นทง้ั หลายอาจจะดเู ปน็ สง่ิ ยอ้ นแยง้ ในความรสู้ กึ ตนเอง วา่ เปน็ เรอื่ งบา้ บอ และแปลกประหลาดในความรขู้ องทา่ น ซงึ่ กข็ อยอมรบั วา่ แปลก จรงิ ๆ โดยเนอื้ หาทช่ี ี้และสะกิดในเรื่องราวแบบน้ี เป็นเรื่องราวท่ีรเู้ ฉพาะตนเอง ทผี่ บู้ รรยายเดนิ ทางไปถงึ ในเหตแุ หง่ ธรรมของธรรมชาตติ นเอง เนือ้ หาเรื่องราวท่ี บรรยายมาจึงเหมือนว่าแตกต่างออกไปกับเนื้อหาเร่ืองราวที่ท่านท้ังหลายได้คุ้น เคยจดจ�ำผ่านมาตลอด จากการเรยี นรู้และบนั ทกึ จดจ�ำตามๆกนั มาทั้งชีวิต ท่มี ี ผรู้ เู้ รือ่ งราวมากมายในวงการนักธรรมะเคยพูด เคยบรรยายซ�ำ้ ๆ ไวแ้ บบนัน้ เรอ่ื งการอธบิ ายหรอื การบรรยายในเนอื้ ธรรมนน้ั เรียกไดว้ า่ เป็นเร่ืองของ “สไตล์” เปน็ เร่อื งของ “บุคลิกเฉพาะตน” ผบู้ รรยายทกุ คนก็มีบุคลกิ เฉพาะตน มีสไตล์เป็นของตนเอง ที่ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ ผู้รู้เรื่องราวมากมายท้ังหลาย เหลา่ น้ันจะบรรยายเร่อื งราวแบบไหนก็เปน็ สทิ ธ์ิ เป็นสไตล์ และบุคลิกในแบบ ฉบบั เฉพาะตนเอง สงิ่ นคี้ อื ผลลพั ธท์ ที่ า่ นเองเกดิ การยอมรบั และรองรบั กบั เรอ่ื งราว 58
เปน็ สง่ิ ทม่ี ีเหมือนไมม่ เี รอ่ื งราวใดๆ ของผรู้ เู้ รอื่ งราวเหลา่ นนั้ เอาไวแ้ ลว้ หากไมม่ กี ารชแ้ี ละสะกดิ ใหเ้ หน็ ความจรงิ ทเ่ี ปน็ ธรรมชาติของทา่ นเอง โอกาสจะรอดมาเหน็ ความจรงิ นนั้ แทบจะไมม่ ี เพราะทา่ น จะติดกับดักในธรรมชาติตนเองท่ีหลงยึดติดผู้รู้เร่ืองราวเอาไว้แบบเงียบๆ เหมอื นเปน็ ตน้ แบบในการเดนิ ทาง รวมไปถงึ ผรู้ เู้ รอ่ื งราวกด็ ว้ ยเชน่ กนั ทลี่ อกกนั มา ก็ไม่ได้ ซ่ึงเป็นเร่ืองที่ผิดพลาดอย่างมาก ท่านลอกเลียนแบบใครไม่ได้ท้ังนั้น จะ เป็นเหมือนใครก็ไมไ่ ด้ จงจ�ำไวใ้ หข้ นึ้ ใจ ท่านจะต้องเปน็ แบบฉบับตนเองเทา่ นนั้ ร้ไู ดด้ ว้ ยตนเอง เขา้ ถงึ ดว้ ยตนเอง ตอ้ งเปน็ รู้ที่ร้เู ฉพาะตนเอง เรอ่ื งตรงน้ีเคยมี ใครมาสะกิดทา่ นให้เหน็ เรอ่ื งราวแบบน้กี นั หรือยัง การมตี วั ตนของทา่ นไปรองรบั ตวั ตนของผรู้ เู้ รอ่ื งราวไวเ้ รยี บรอ้ ยแบบนนั้ เป็นสงิ่ ที่ผิดหลกั ของธรรมชาติเดมิ แท้ตนเองไปแลว้ ท่านจะหลงเชื่อในเร่ืองราว ของผู้รู้ตรงนั้นไปเลย หลงใหลยดึ ตดิ แน่นแบบทไี่ ม่รู้สกึ ตัวด้วย หากไม่ถอดถอน ความเชอ่ื ทเี่ กิดการยอมรบั และรองรับเรื่องราวตนเองตรงน้ลี งก่อน การเดินทาง ของท่านท้ังหลายไม่มีทางประสบความส�ำเร็จในตนเองได้ จะล้มลุกคลุกคลาน ล�ำบากเสียเหลือเกิน เกิดความกังวลใจมากมาย กลัวในความรู้สึก มีวิตกจริต ขาดความมนั่ ใจ เหมอื นโดนสาป โดนสตา๊ ฟแชแ่ ขง็ ไวแ้ บบนนั้ ตดิ อยใู่ นวงั วนตนเอง เกิด ดบั ไม่มที ีส่ นิ้ สุดในความรู้สึกตนเอง ผบู้ รรยายกม็ สี ไตลม์ บี คุ ลกิ ในแบบฉบบั เฉพาะตน ทช่ี แี้ ละสะกดิ ใหท้ กุ ทา่ น ดคู วามจรงิ ของทา่ นเอง ไมส่ ามารถจะบรรยายธรรมตามสไตลใ์ ครได้ หรอื ลอกเลยี น รปู แบบของใครในเนอ้ื หาเรอื่ งราวในธรรมของการบรรยายได้ สง่ิ นเ้ี ปน็ สง่ิ ทรี่ เู้ ฉพาะ ตนเอง จงึ ตอ้ งเดนิ ทางตามความจรงิ ทเ่ี ปน็ ธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเองทเ่ี ปน็ จริง ไดเ้ ขา้ ถึงแลว้ ตามทศ่ี าสดาได้เดนิ ทางผ่านมาก่อน เสน้ ทางในการเดินทางทแ่ี ตก ตา่ งกนั แตก่ ม็ าบรรจบลงไดใ้ นทเี่ ดยี วกนั ตามความเปน็ จรงิ “ตนจงึ เปน็ ทพ่ี งึ่ แหง่ ตน” ตนเองจงึ บอกเสมอวา่ ไมไ่ ดเ้ ป็นท่ีพง่ึ พาใหใ้ ครๆ ไม่ไดเ้ ป็นครูบาอาจารย์ของใคร 59
ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น เน้ือธรรมของการบรรยายเพียงชี้และสะกิดให้ทุกคนได้เดินตามดูความจริงของ พวกทา่ นเอง วา่ คอื เรอ่ื งราวอะไร ทจ่ี ะท�ำใหต้ นเองหมดสงสยั ในธรรมชาตติ รงนนั้ ความเชื่อมั่นและมีศรัทธาในธรรมชาติท่ีได้เดินทางไปถึงด้วยตนเอง ใน ความเชอ่ื มนั่ และความศรทั ธาตรงนก้ี ย็ งั เปน็ เรอ่ื งของภาษาทใ่ี ชบ้ รรยายอยู่ แตใ่ น ความรู้สึกทีไ่ ด้ไปถงึ แลว้ จึงเป็นความรู้สกึ ท่ีรไู้ ดเ้ ฉพาะตน ซ่ึงแทนค่าเป็นภาษาท่ี พดู บรรยายมาตรงนไ้ี มไ่ ด้ เพราะฉะนนั้ กเ็ หมอื นกบั วา่ เรอ่ื งราวตา่ งๆ ท่ีบรรยายมา ตรงนี้เป็นความเชื่อและศรัทธาเฉพาะตนเองที่ได้เข้าไปถึงในธรรมชาติแบบ เฉพาะตน จึงห้ามใครลอกและจดจ�ำกบั เนื้อหาเรือ่ งราวตามภาษาตรงน้ี ยงั มบี คุ คลอกี เปน็ จ�ำนวนมากมายมหาศาล ทีย่ งั เข้าใจไม่ไดต้ ามเรื่องราว แบบที่บรรยายมาตรงนี้ การชี้และสะกิดให้ดูความจริง ที่พวกเขาเหล่านั้นยัง ลงั เลสงสยั และกำ� ลงั เลน่ อยกู่ บั ปลายเหตุ คอื ผลทซี่ อ้ นปจั จบุ นั เลยขา้ มปจั จบุ นั ตนเองมา ซ่งึ เปน็ เหตตุ วั ใหม่ไปแล้วที่เขา้ ใจอยู่ รู้อยู่ แลว้ กย็ ึดการปรุงแต่งอยู่อีก จนเกิดเป็นวงเวียนวงที่สามที่ซ้อนเร่ืองราวความจริงตนเองเลยข้ามความจริง ของปัจจบุ นั ตนเองมา สิ่งที่มองไม่เห็นในความรู้สึกของตนเองจากการบันทึกที่ จดจ�ำมาตลอดน้นั จึงเกดิ มคี วามคดิ เกดิ เป็นเรือ่ งราวมากมาย จนกลายเปน็ ผล สเู่ หตตุ วั ใหม่ ลงเป็นผลสเู่ หตตุ ัวใหมอ่ ีกหมนุ วนเกดิ ดับอยู่แบบนี้ เกดิ ความเข้าใจ อยแู่ บบนี้ ทเี่ ลยความจรงิ ของตนเองอยตู่ ลอดเวลา เป็นส่ิงท่ีน่ากลวั และน่ากงั วล ใจแทนก็คอื เร่อื งราวความมี ทม่ี เี พ่มิ ข้ึนอยตู่ ลอดเวลาแบบน้ีทต่ี นเองกไ็ มร่ ู้สึกตวั เองเลย ได้เป็นผู้ครอบครองเป็นเจ้าของความมีไว้แล้วในความรู้สึกของตนเอง ตรงนี้ ร้ไู ม่ทนั ดว้ ย จงึ เลน่ กบั เรอ่ื งราวความมีตามความจ�ำในภาษา ค�ำวา่ งา่ ย ท่ี ตนเองเขา้ ใจไวแ้ บบจ�ำมา จงึ ไดป้ รงุ แตง่ เพมิ่ เตมิ ตอ่ ไปในเรอ่ื งราวตนเอง ซงึ่ เปน็ เรอื่ ง แบบนอี้ ยตู่ ลอดเวลาทง้ั ชวี ติ จึงกลับไปเปน็ อิสระทเ่ี ปน็ อิสระอยแู่ ลว้ ไม่ได้ เข้าไป ไมถ่ ึงในเรอ่ื งราวตนเอง ในส่งิ ทมี่ เี หมือนไม่มี ตามภาษาท่ี ง่าย จงึ ไมง่ ่าย 60
เปน็ สิ่งทมี่ เี หมอื นไมม่ ีเร่อื งราวใดๆ ผลลัพธ์ท่ีเกิดการยอมรับและรองรับกับเรื่องราวในเหตุแห่งธรรมตรงนี้ ทร่ี สู้ ึกไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไม่ได้ จึงเป็นวงเวียนของชีวติ ตนเอง มีอย่ภู ายในตนเอง ที่มี เหมือนกันทุกชีวิตบนโลก และมอี ยตู่ ลอดเวลา เป็นอสิ ระอยู่ตลอดเวลา แตท่ า่ น ทงั้ หลายรสู้ กึ ไมไ่ ดใ้ นความเปน็ เดมิ แทข้ องตนเองทเี่ ปน็ อสิ ระอยแู่ ลว้ จงึ เขา้ ไปแตะ ต้องผลลัพธจ์ นเกดิ การยอมรบั และรองรับในความรสู้ ึกตนเอง จึงเล่นอยู่กับการ ปรงุ แตง่ ตลอดเวลา ผลทป่ี รงุ แตง่ ในเหตเุ ดมิ แทต้ นเอง ซง่ึ อยภู่ ายนอกทร่ี สู้ กึ ตลอด เวลาและปรงุ แตง่ อยตู่ ลอดเวลา หากทา่ นเหน็ ไดด้ ว้ ยความรสู้ กึ ตนเองวา่ ไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของในผลตรงนน้ั ผลลพั ธท์ ี่เกิดการยอมรบั กจ็ ะเส่ือม การรองรับกับเร่อื งราว กค็ ลายตวั เอง เปรยี บเหมอื นไดว้ าง เปรยี บเหมอื นไดท้ ง้ิ เรอ่ื งราวลงเองในธรรมชาติ ตรงนั้น การปรงุ แต่งทีไ่ มม่ ีการรองรับในเรือ่ งราว ก็จะกลับไปสู่ในต้นเหตุท่ีเป็น เดมิ แท้ ต้นเหตุและผลตรงน้ีก็กลับมาเป็นอิสระท่ีมีอยู่ร่วมกันตามเดิม ไมม่ ีใคร เปน็ ผรู้ องรบั ในเรอื่ งราว หรอื การอปุ มาทว่ี า่ ท�ำเหตดุ ี ยอ่ มไดร้ บั ผลดี แตห่ ากใคร ยงั เดนิ ทางมาไมถ่ งึ เรอ่ื งราวตรงนต้ี ามทช่ี ที้ สี่ ะกดิ ใหด้ ใู นเนอื้ หาทบี่ รรยาย กเ็ ขา้ ใจ ไมไ่ ด้เช่นกัน บุคคลเหล่านนั้ จะหลงใหลจะเล่นสนกุ อยตู่ รงผลทป่ี รงุ แตง่ สเู่ หตตุ วั ใหม่ ก็คือการซ้อนปัจจุบันเลยข้ามปัจจุบันตนเองมา จะเล่นสนุกในเร่ืองราวปรุงแต่ง ส่กู ารปรุงแต่งตรงนี้แทน ส่ิงทเ่ี ลยข้ามปัจจุบนั ตนเองมา ทา่ นเหล่านั้นจะลุม่ หลง เกิดเสน่หา รักใคร่กับความรู้สึกท่ีปรุงแต่งของผลสู่เหตุตัวใหม่ตรงน้ี ท่ีปรุงแต่ง ตามที่ชอบๆ ในความรสู้ กึ ของตนเอง จนกลายเปน็ ความเชอื่ จนงมงายเกดิ ความ คุ้นเคยของชวี ติ ตนเองไปเลย จงึ เดนิ ทางกลบั ไปหาความจรงิ ของตนเองไมไ่ ด้ เปน็ เหตตุ วั ใหมข่ องตนเองท่ีเกิดการยอมรับและรองรับการปรุงแต่งแบบท่ีตนเองไม่ เคยรมู้ ากอ่ น จงึ ยงั ตอ้ งพง่ึ พาอาศยั ผรู้ เู้ รอ่ื งราวแบบเดมิ ๆ ทเี่ คยเชอื่ อยแู่ บบนี้ กลาย เปน็ ความยากในเนือ้ หาตนเองไปท่จี ะได้เขา้ ถงึ ความจรงิ ในเรื่องราวตนเอง 61
ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมน้นั ผลลพั ธ์ท่ีเกิดจากการยอมรบั ในเรอื่ งราวปรงุ แตง่ ของตนเอง ท่านจะไม่ กล้าท่จี ะปฏเิ สธกับผู้รเู้ รอื่ งราวในสง่ิ ท่เี คยเรียนรมู้ าจดจ�ำมาทง้ั หลาย จะมีความ กงั วลใจในความรูต้ นเองของเร่ืองราวต่างๆ ในความรขู้ องตรงนน้ั แต่ไมก่ ลา้ ทจี่ ะ ปรปิ ากออกถาม เกิดความกลวั ในใจตา่ งๆ กบั เร่อื งราวที่ตนเองสงสัย มีวิตกจริต กบั การปรงุ แตง่ เนอ้ื หาตรงนนั้ อยตู่ ลอดเวลา ตรงนค้ี อื ผลลพั ธท์ ตี่ นเองไดร้ องรบั ใน การปรงุ แตง่ กับผ้รู ูเ้ รอื่ งราวที่มาสอนไปแล้ว จึงเปน็ สง่ิ ที่ข้ามความจริงตนเองมา นกั ธรรมะและนกั ปฏบิ ัตทิ มี่ ีมากมายมหาศาล ทเี่ กิดมีความวติ กกังวลใจ ก็คอื เร่อื งราวแบบนี้ คอื การยอมรบั และรองรับกบั เรื่องราวต่างๆ ไว้แล้วแตม่ อง ไม่เห็นรู้สึกไม่ได้ด้วยตนเอง คือการปรุงแต่งของผลที่น�ำไปสู่เหตุตัวใหม่ ท่ขี ้าม ความจรงิ ตนเองมาแบบไมร่ สู้ กึ ตัว จึงขาดความม่ันใจ ขาดความกล้าที่จะเผชิญ ความจรงิ ในความรสู้ กึ ตนเอง สง่ิ ทเ่ี ขา้ ไปเลน่ ในการปรงุ แตง่ อยู่ รอู้ ยู่ เขา้ ใจอยคู่ อื สงิ่ ที่เคยบันทึกจดจ�ำไว้แล้วในเรื่องราวตนเองตลอดเวลาที่ผ่านมา ทม่ี ที ้งั ความจ�ำ ความคดิ ทผ่ี สมกลมกลนื กนั เปน็ เนอ้ื เดยี วจนเขา้ ใจไดเ้ ลยในภาษาทจ่ี ดจ�ำมา จงึ เกดิ มเี ปน็ เรอื่ งราวตา่ งๆขยายตอ่ ความงา่ ยจงึ ไมง่ า่ ย เพราะเกดิ จากการยอมรบั ใหห้ ลง ตดิ อยใู่ นภาษาทปี่ รงุ แตง่ ทหี่ มนุ วนอยตู่ ลอดเวลาแตไ่ มร่ สู้ กึ ตวั เอง เกิดมีทิฏฐมิ านะ มากตามมา ทา่ นอาจจะมองข้ามในส่ิงทช่ี ีแ้ ละสะกดิ ตรงน้ไี ปเลยก็ได้ เพราะส่ิงท่ี บรรยายมาเปน็ เรอื่ งราวทที่ า่ นไมเ่ คยเสพคนุ้ ไมเ่ คยฟงั ไมเ่ คยมบี นั ทกึ ในความจ�ำ ตนเองมาก่อน อาจจะรบั ไม่ได้กับการบรรยายในเนอ้ื หาตรงน้ี ที่แปลกออกไปใน ความรูส้ กึ ของตนเอง ลังเลสงสัยในใจและขาดความมั่นใจเพราะไมเ่ คยรจู้ กั กบั ผู้ บรรยายวา่ เป็นใครไมม่ ีรูปทรงใหเ้ ห็น ตา่ งจากเรื่องราวของผ้รู ตู้ ่างๆ ท่ีผ่านมา ท่ี ทา่ นมบี นั ทกึ จดจ�ำมาแลว้ และทา่ นกย็ อมรบั กบั เรอื่ งราวเรยี บรอ้ ยตามผรู้ เู้ รอ่ื งราว ที่เหน็ รูปทรงตรงน้นั และยึดไว้ ยอมรับไว้ จนได้รองรับในเร่ืองราวความมีตรงน้นั จงึ กลายเปน็ ความมที มี่ ตี นเองรองรบั ความรสู้ กึ ของตนเองไป เหมอื นเลน่ ในผลลง สู่เหตตุ วั ใหมข่ องตนเอง ไม่สามารถมองเห็นเรอื่ งราวแบบท่เี ล่นตรงน้ไี ดด้ ้วย 62
เป็นสง่ิ ทมี่ ีเหมอื นไมม่ เี ร่อื งราวใดๆ เรื่องราวแบบท่ีบรรยายมาตรงน้ีจึงไม่ต้องมีใครมาการันตีอะไรกับส่ิงที่ บรรยายมาเลย ท่านทง้ั หลายจะรสู้ ึกตนเองได้ในเรือ่ งราวแบบนหี้ ากเดินตามมา ดมู ารดู้ ว้ ยตนเอง การเดินขา้ มปัจจุบันตนเองมาในอดตี ทา่ นจะรูส้ กึ มีความกังวล ใจในความรตู้ า่ งๆ มคี วามวติ ก ความหวาดระแวง ความหวาดผวา ความสงสัยใน เรอ่ื งราวของตนเองอยตู่ ลอดในสง่ิ ทย่ี ดึ ตดิ ทค่ี รอบครองเงยี บๆ มเี รอื่ งราวมากมาย ทคี่ อยกดั กรอ่ นก�ำลงั ใจตวั เองอยตู่ ลอดเวลา ตดิ แนน่ เหนยี วหนบึ อยแู่ บบนนั้ เพราะ อะไร เพราะทา่ นยงั มคี วามอยาก อยากไดอ้ ยากมอี ยากเปน็ อยากเขา้ ถงึ กบั เรอื่ งราว ตรงน้ัน แต่ไม่มีทางเห็นกับเรื่องราวตรงน้ันได้ซ่ึงเร็วมาก ทิฏฐิมานะของท่านจึง บดบงั ความจรงิ ตนเอง ทา่ นจึงไม่มีทางจะเห็นต้นตอ เห็นความจรงิ ของตนเองได้ วา่ ทา่ นก�ำลงั เลน่ กบั ค�ำสอนของผรู้ เู้ รอ่ื งราวทจ่ี ดจ�ำมา ซง่ึ หา่ งไกลกบั ความจรงิ มาก กไ็ มใ่ ชห่ นา้ ทอี่ ะไรของผบู้ รรยายทจี่ ะไปตดั สนิ ใจแทนใคร ตนมหี นา้ ทแ่ี คช่ ้ี และสะกิดให้ท่านท้ังหลายดูความจริงของตนเองเท่านั้น หากใครมีความเคารพ มคี วามนอบน้อม มีความศรทั ธากับเน้ือหาท่ีบรรยายมาตรงนี้ สามารถทจ่ี ะหยงั่ ลงดูเร่ืองราวตนเองและรู้ได้เฉพาะตนก็จะพบทางสว่างในตนเองได้ ผู้บรรยาย ไม่ได้เป็นท่ีพ่ึงและเป็นครูอาจารย์ให้ใคร ในเร่ืองราวของการบรรยายตรงน้ีเป็น เพยี งค�ำกลา่ วลอยๆ ทไ่ี ม่มใี ครเป็นเจา้ ของ จึงไมส่ ามารถพึ่งพาอาศยั ภาษาตรงนี้ เปน็ ทพ่ี งึ่ พงิ ได้ ภาษาเปน็ แคก่ ารชแ้ี ละสะกดิ ใหพ้ วกทา่ นทงั้ หลายไดเ้ ดนิ ทางตามมาดู ใหเ้ ข้าใจในความรสู้ ึกสูค่ วามรสู้ ึกของตนเองเท่านน้ั ทตี่ ้องเปน็ ที่พ่งึ พาอาศัยของ ตนเอง จะตอ้ งรเู้ อง เปน็ เอง เขา้ ใจเอง เดนิ ทางไปดว้ ยตนเอง จนเขา้ ถงึ เรอ่ื งราวเนอ้ื หา ตนไดเ้ อง หมดสงสยั ดว้ ยตนเอง น.่ี .ตอ้ งเปน็ แบบนี้ คอื แบบเฉพาะตนหรอื รเู้ ฉพาะ ตนเองในความรสู้ กึ เทา่ นนั้ พวกทา่ นทง้ั หลายจะตอ้ งยงิ่ ใหญด่ ว้ ยตนเอง พง่ึ พาอาศยั ใครไมไ่ ด้ ตอ้ งเดนิ ทางตามล�ำพงั ใชค้ วามรสู้ กึ ตนเองเปน็ ก�ำลงั ใจ หากก�ำลงั ใจตรง นั้นอ่อนล้าแต่มีศรัทธาที่มั่นคง ธรรมชาติจะมาโอบอุ้มพาพวกท่านทั้งหลายไป ให้ถึงที่สุดในเรอื่ งราวตนเองได้ หากไดเ้ ข้าใจในการช้แี ละสะกิดเรอ่ื งราวตรงนี้ 63
ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนน้ั เปอร์เซ็นต์ความส�ำเร็จ ต้องวัดด้วยก�ำลังใจ เปอร์เซ็นตค์ วามส�ำเรจ็ ของท่านเอง ต้องมีความกล้าหาญเดด็ เดย่ี วทจ่ี ะ สามารถจะลบล้างความรู้สึกท่ีเคยจดจ�ำมาตลอดของตนเองน้ันออกไปก่อน จะ ต้องวัดก�ำลังใจกนั ในธรรมชาตทิ ี่มีเรอ่ื งราวของตนเองกันสุดๆ ท่านตอ้ งกล้าที่จะ เผชิญกบั ความจรงิ ในธรรมชาตขิ องตนเอง ตอ้ งเด็ดเด่ียวมากจนท�ำลายก�ำแพงท่ี ขวางก้นั ในความรู้สกึ ตนเองออกไปใหไ้ ดเ้ สยี กอ่ น สง่ิ แรก ที่ท่านจะต้องกล้าเผชิญ คือ การวางและทิ้งผู้รู้เรื่องราวผู้สอน ในธรรมท้ังหลายตลอดจนรูปทรงของผู้รู้ผู้สอนตรงนั้นลง แมแ้ ต่ผูบ้ รรยายก็วาง ต้องทง้ิ ไปด้วย จะตอ้ งไมม่ ใี นส่ิงๆ นี้อยู่กอ่ นเป็นสงิ่ แรก สงิ่ ทสี่ อง ต้องกล้าท่ีจะท้ิงสิ่งท่ีจดจ�ำมาในบันทึกทั้งหลายจากการเรียน รู้ความเข้าใจในธรรมตามภาษาจากผู้รู้เร่ืองราวท่ีมาสอนท้ังหลายลง ส่ิงที่สอง ตรงนกี้ ต็ ้องไมม่ อี ยเู่ ช่นกนั การเดินทางท่จี ะเข้าสคู่ วามจรงิ ของตนเองได้น้นั เพยี งดูผ่านรผู้ า่ น ทา่ น จะเกบ็ สะสมเรอ่ื งราวใดๆ ของความรสู้ กึ ในสง่ิ ทดี่ ทู รี่ ไู้ มไ่ ดเ้ ลย เพราะเมอ่ื ทา่ นเกบ็ เรอ่ื งราวเอาไว้ เรอื่ งราวตรงนนั้ กย็ งั มเี รอ่ื งราวอยู่ สงิ่ นจ้ี ะเปน็ สงิ่ ทสี่ รา้ งความสงสยั 64
เป็นสิง่ ทม่ี ีเหมือนไม่มเี รอ่ื งราวใดๆ ใหม้ ตี อ่ ในความสงสยั ทยี่ งั สงสยั อยตู่ รงนน้ั ตลอดเวลา การดูผา่ นรู้ผา่ นมีเพยี งเรอ่ื ง ธรรมชาติคือ เหตุ เหตุแห่งธรรมชาติตรงน้ัน ที่มีเหตุและผลท่ีเป็นอิสระอยู่แล้ว จึงไม่มีเรื่องราวในเน้ือหาใดๆ ท่านจะต้องจดจ่อหยั่งลงไปดูไปรู้ในความรู้สึกท่ี แยบคายของเรอื่ งราวตนเองแค่น้นั ดใู ห้ชดั แจ้งรใู้ ห้ชดั เจนกบั เรอื่ งราวตนเอง ไม่ ต้องเขา้ ไปยอมรับและรองรับในสงิ่ ทด่ี ูและรใู้ ดๆ ในความรูส้ ึกตรงนนั้ เพราะสงิ่ แรกนน้ั คอื ตน้ เหตุ ทข่ี วางความจรงิ ในธรรมชาตติ นเองทพ่ี ยายาม จะรตู้ ามแบบลอกกนั มคี วามเชอื่ ตามรปู ทรงทเ่ี หน็ มคี วามเชอื่ ในเรอ่ื งราวของผรู้ ู้ ผสู้ อน มตี วั ตนครบู าอาจารยจ์ รงิ ๆ จงึ ยดึ ตดิ ตวั ตนผรู้ ผู้ สู้ อนตรงนน้ั เปน็ ทพี่ ง่ึ ตนเอง ไปเลย จึงหลงตดิ ในรูปทรงตรงนนั้ จนมีความเชื่อในเร่อื งราวตามรปู ทรงและค�ำ สอนตามเนือ้ หาในภาษาของผูร้ ผู้ สู้ อนแบบนัน้ เกิดการรองรับยอมรับความมีที่ ไมเ่ คยมเี รอ่ื งราวใดๆ มากอ่ น แตต่ นเองไดย้ ดึ มนั่ ครอบครองไวห้ มดแลว้ ในรปู ทรง และเนื้อหาเร่ืองราวค�ำสอนตรงนน้ั ท่ีตนเองก็ไม่รู้ สง่ิ ท่ีสองนัน้ คือผล ทปี่ รงุ แตง่ ขยายออกมาจากความไมม่ ี จนมเี ร่ืองราว ปรุงแต่งต่อตามความเชอ่ื ที่ได้เรียนรู้มา จดจ�ำมาทงั้ หลายในเนือ้ ธรรมตรงนน้ั จึง มีจึงเป็นเรอ่ื งราวความเชื่อแบบลอกๆ กันมาอยูอ่ ย่างนน้ั จริงๆ ไล่จบั ไลไ่ ขวค่ ว้า เอาไว้จนตดิ แน่นในผลท่ปี รุงแตง่ เรอ่ื งราวความมีจนข้ามความจรงิ ตนเองมา เรอื่ งราวส่ิงแรกและสิ่งที่สองตรงนี้ หากใครมีความกล้าหาญเด็ดขาดท่ี จะท�ำลายก�ำแพงตรงนีล้ งได้ ก็มีโอกาสเขา้ ถงึ ความจรงิ ของตนเองได้ เรอ่ื งราวความเช่อื ต่างๆ ที่ถกู หล่อหลอมมานัน้ หากทา่ นทงั้ หลายยังไม่ กลา้ เขา้ ไปพิสจู น์ให้เห็นประจักษแ์ จง้ ดว้ ยตนเองแลว้ ทา่ นกไ็ มส่ ามารถจะลบลา้ ง ความเช่อื ของตนเองลงได้ ค�ำกล่าวท่ีมกี ลา่ วไวใ้ นต�ำราเรอ่ื งหลกั กาลามสตู ร จงึ สามารถพิสจู น์ในสัจธรรมของตนเองได้ การบรรยายแบบนไ้ี มใ่ ช่เป็นการกลา่ วตู่ ในธรรมใดๆ หลักกาลามสูตรก็มีบอกไว้ ความย้อนแยง้ ในความรสู้ ึกของท่านนัก 65
ธรรมใดเกิดแตเ่ หตุ เหตุ แหง่ ธรรมนน้ั เดินทางที่บอกว่ามีปัญญาท้ังหลายต่างหากที่ยังไม่ได้เข้ามาพิสูจน์ในสัจธรรม ความจริงทีม่ ใี นตนเอง ไมม่ ีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวพอ ยังมคี วามหว่นั ไหวอย่ใู น หลักธรรมค�ำสอนตามความเช่ืออยู่ในความรู้สึกตนเอง ก็ถือได้ว่าท่านนั้นยังมี ปญั ญาเทยี มทไ่ี มใ่ ชป้ ญั ญาแทจ้ รงิ ทมี่ อี ยเู่ หนอื หลกั ความเชอื่ ปัญญาเทียมในความ เช่อื ของท่านจงึ ผกู รัดตนเองไวก้ บั ความเช่ือของตวั ตนคนสอนอยู่ มคี วามกลัว มี ความกงั วลใจ ประหมา่ ขาดความมัน่ ใจทจี่ ะท�ำลายก�ำแพงความเช่ือในเรือ่ งราว ตรงน้ลี ง กลัวจะเปน็ การปรามาสในความรสู้ ึกตรงน้นั เด๋ียวตอ้ งมเี วรมกี รรมกับ ตนเอง ต้องตามไปชดใช้เวรชดใช้กรรม ต้องมีการขอขมา ความมีท่ีมีในความ รู้สึกท่ีมีอยู่ในรูปทรงตัวตนคนสอนและเร่ืองราวค�ำสอนของผู้รู้เร่ืองราวตรงน้ัน ยังติดอยู่ในความรู้สึกของตนเองตลอดเวลา ความรู้สึกที่หลงทางอยู่แบบน้ีจน ยดึ ตดิ เป็นนสิ ยั ตนเองอยู่แบบเงียบๆ เช่ืออยู่แบบเงยี บๆ และม่นั ใจในเรื่องราวท่ี ครอบครองอยู่แบบเงียบๆ จนเกิดความเข้าใจท่ีไหลตามไปกับเรื่องราวในความ เชื่อที่ตนเองรู้สึกอยู่แบบน้ันท่ีเลยข้ามความจริงตนเองมาตลอดเวลา สิ่งที่มีการ บันทึกจดจ�ำไว้แบบเงียบๆ กับเรื่องราวของตนเองท่ีเกิดจากความเช่ือ จนท�ำให้ ทา่ นขาดความม่นั ใจแตไ่ ม่รสู้ กึ ตนเอง บางคนถงึ แม้จะรสู้ กึ ตนเองได้ แต่กย็ งั ขาด ความกล้าอยดู่ ที จี่ ะตอ้ งท�ำลายก�ำแพงตรงน้ลี ง เพราะยงั ไมร่ จู้ ะหาสง่ิ ใดมาเป็นท่ี ยึดเหนยี่ วในการเดนิ ทางของตนเอง จึงยึดมนั่ ถือครองตามๆ ผอู้ ืน่ ไว้กอ่ น อยา่ ปลงใจเชอ่ื เพราะนบั ถอื วา่ ทา่ นสมณะนเ้ี ปน็ ครขู องเรา ขอ้ นสี้ �ำคญั ทส่ี ดุ ในหลกั กาลมสตู ร หากศาสดาเปรยี บเหมอื นครู เนอื้ หามากมายทไี่ ดม้ บี นั ทกึ ไวใ้ นต�ำราทง้ั หลายนั้น ก็ยงั คงเป็นค�ำกล่าวลอยๆ ยงั เปน็ ความเชื่อทย่ี ังเชือ่ ไม่ได้ เชน่ กัน เพราะความเชื่อในกาลมสูตร ศาสดาเปน็ ผูก้ ลา่ วไว้เองตามบนั ทกึ หากจะบอกความจริงท่ีจะช้ีให้ดูตรงน้ีสะกิดให้ตื่นในความเช่ือแบบ เดิมๆ ตรงนี้ บอกได้เลยว่า หากใครยังหลงใหลกับผู้รู้ผู้สอนอยู่จนยึดม่ันครอบ 66
เปน็ ส่ิงทีม่ เี หมือนไมม่ เี ร่อื งราวใดๆ ครองเป็นเจ้าของตัวตนของผู้รู้เรื่องราวผู้สอนอยู่แบบน้ันก็ไม่อาจจะเดินทางไป สคู่ วามจรงิ ของตนเองได้ เพราะความเชอ่ื ตา่ งๆ ทค่ี รอบครองไวท้ กุ สง่ิ ตรงนจ้ี ะท�ำให้ ความรสู้ กึ ของตนเองขาดความมน่ั ใจ จนไมก่ ลา้ ทจ่ี ะแสดงความรสู้ กึ ทแ่ี ทจ้ รงิ ของ ตนเองออกมา กลัวลนลานกังวลใจในสิ่งที่จะพูดที่จะแสดงความจริงของตนเอง ออกไป เพราะก�ำลงั ใจตนเองโดนครอบไวใ้ นความรสู้ กึ ของรปู ทรงเรอ่ื งราวของผรู้ ู้ ผูส้ อนขึน้ มารองรับในความรู้สึกตนเองแล้ว แต่กลบั เหน็ ไมไ่ ด้ในความรสู้ ึกตรงน้ี ไมม่ ใี ครมาช้ีให้ทา่ นดหู รอก การยอมรับตัวตนคนพูดของผรู้ ู้ผู้สอนตรงน้จี ึงขวาง เส้นทางความจริงตนเองไว้ตลอดเวลา เพราะอะไร เพราะเกิดรูปทรงเรื่องราว เน้อื หาท่ซี อ้ นการปรงุ แตง่ ทีเ่ ลยข้ามความจรงิ ในความรูส้ กึ ของตนเอง จนตนเอง ยอมรบั เขา้ มารองรบั กบั ความรสู้ กึ ของตนเองเรยี บรอ้ ยแลว้ การรองรบั ในตน้ เหตุ ความเชื่อตรงน้ี จึงมีผลจากการปรุงแต่งตอ่ แบบเงียบมากแทบรสู้ กึ ไม่ได้ จงึ เกิด เรอ่ื งราวปรงุ แตง่ เพม่ิ เตมิ ในความรสู้ กึ ตนเองในขณะนนั้ จนเลยขา้ มเรอ่ื งราวความ จรงิ ตนเองไปอกี ไดเ้ ขา้ ไปยดึ มนั่ ครอบครองในสงิ่ ทจ่ี ดจ�ำตา่ งๆ โดยทนั ที จนไดเ้ ขา้ ใจ แบบจ�ำมาในเรอื่ งราวค�ำสอนตรงนนั้ วา่ ตอ้ งเปน็ แบบนน้ั จรงิ ๆ จงึ ตดิ หนบึ ในกบั ดกั ธรรมชาตทิ ว่ี างลอ่ ไวใ้ นความรตู้ รงนน้ั ทนั ที กลายมาเปน็ ผลทปี่ รงุ แตง่ สเู่ หตตุ วั ใหม่ รองรบั การปรุงแต่งในเรอ่ื งราวของความเชอ่ื แบบมีอยู่จริงๆ ผรู้ ผู้ สู้ อนเรอ่ื งราวทงั้ หลายทเ่ี ดนิ ทางไปถงึ ทสี่ ดุ แลว้ กค็ วรจะบอกความจรงิ ตรงนไี้ วด้ ว้ ย ไมเ่ ชน่ นน้ั ผ้ทู ี่เดนิ ตามทา่ นจะติดกับดบั ตนเองที่เหนยี วแนน่ ตดิ หนบึ ในความเชอ่ื ตรงน้ี จนเปน็ เรอ่ื งราวปรงุ แตง่ ในความเชอ่ื ทข่ี า้ มความจรงิ ตนเองตอ่ ไป เรอื่ ยๆ ยดึ ตดิ ความเชอ่ื ของตนเองไวต้ ลอดเวลา การเดนิ ทางจงึ ไมก่ า้ วหนา้ ไปไหน เดินทางต่อไม่ได้เพราะพอจะก้าวไปต่อก็เตะขาตนเองสะดุดขาตนเองอยู่แบบนี้ ล้มลุกคลุกคลานตลอดทาง หากทา่ นผรู้ ูผ้ สู้ อนเหลา่ นน้ั สามารถเดินทางไปถงึ ได้ จริงก็ควรจะท�ำตามตัวอย่างที่ ศาสดาท�ำไว้แล้ว คือ บอกความจริง ไม่ใช่ให้เช่ือ ในเรือ่ งใดๆ แตใ่ ห้เขา้ มาพสิ จู นใ์ นธรรมชาติตนเองจนเป็นผรู้ ู้ ท่ีรูไ้ ดเ้ ฉพาะตน 67
ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนน้ั เรื่องราวความเช่ือท่ีฝังแน่น เป็นเนื้อเดียวกับความรู้สึกตนเอง มนี กั ธรรมะทมี่ ากดว้ ยปญั ญาทมี่ ากมายในทกุ วนั น้ี ทา่ นทง้ั หลายไดม้ ปี ญั ญา แท้จรงิ ตามธรรมชาติจริงหรอื หรอื มเี พยี งปัญญาที่ได้ลอกๆ กันมาตามความเช่อื จนเปน็ ปญั ญาเทยี มทไ่ี มส่ ามารถมองเหน็ ความจรงิ ตนเองไดใ้ นเรอ่ื งราวความเชอื่ ท่ีฝั่งแน่นจนเป็นเนื้อเดียวกับความรู้สึกของตนเอง ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านได้โดน มายาในความเช่ือของความรู้สึกที่จดจ�ำมาตลอดเข้าเล่นงานตนเองไปแล้ว จน เกิดความหลงใหล ไหลตามธรรมชาตติ รงน้นั ไปเลย ยินยอมช่นื ชมในเรอื่ งราวที่ ไดย้ นิ ไดฟ้ งั มาในถอ้ ยค�ำพรรณนาทเ่ี ลา่ ลอื ตามๆ กนั มา อา้ งองิ มาจากต�ำรา นกึ คิด คาดเดากันเอาเอง คาดคะเนความนา่ จะเปน็ ไปไดแ้ บบทค่ี ดิ ตรกึ ตรองไวแ้ ลว้ ตาม แนวทางตนเองจนเข้ากันได้กับทฤษฎีที่ถูกใจแล้วในความรู้สึกของตนเองตรง น้ัน เชอื่ เพราะมองเห็นรปู ลักษณะทีน่ า่ จะเปน็ ไปได้ กราบ ไหว้ บูชา เกดิ ศรทั ธา น่าเล่ือมใสแล้วก็ยึดติดผูกรัดกับรูปทรงเนื้อหาเร่ืองราวตนเองไว้แบบนั้น หลัก กาลามสูตร 10 เขียนไว้ว่าอย่างไร ท่านต้องไปหาอ่านกันเอง ไม่มีใครกล้าแสดง ความคิดเห็นแบบท่ีบรรยายตรงนี้หรอก ในเรื่องของความเชื่อ เพราะเน้ือหาที่ ล้ำ� คา่ ตา่ งๆ ทผ่ี า่ นมา ทท่ี า่ นเองรบั รมู้ ามากมายในอดตี ยอ่ มมรี าคาทที่ า่ นตอ้ งจ่าย เปน็ สง่ิ ตอบแทนมาตลอด ตอ้ งใส่ซองหยอดตู้เปน็ ธรรมเนียมของทกุ สถานท่ี 68
เปน็ ส่ิงทม่ี ีเหมือนไมม่ เี รื่องราวใดๆ การเดินทางไปสู่ธรรมชาติตนเองที่จะประสบความส�ำเร็จได้แท้จริงน้ัน ท่านผู้บรรยายทั้งหลายจะต้องเหน่ือยฟรีแบบไม่ได้อะไรเป็นการตอบแทน เพราะเนอื้ หาท่ลี �้ำคา่ ตรงน้ตี ้องไม่มีค่าตอบแทนใดๆ มาขวางทางผู้เดนิ ตาม ท่าน ผรู้ เู้ รอ่ื งราวทง้ั หลายจะยอมรบั ไดก้ บั เรอ่ื งราวตรงนห้ี รอื เปลา่ หากการสอนสมมติ แลว้ ยงั ใหใ้ ครแบกยงั ใหใ้ ครยดึ ตดิ กบั สมมตอิ กี จะเกดิ ประโยชนอ์ ะไรกบั ผเู้ ดนิ ตาม ทา่ นจะตอ้ งถอดถอนทกุ เรอื่ งราวความเชอ่ื ออกจากความรสู้ กึ ของผเู้ ดนิ ตามลงกอ่ น โดยเฉพาะตัวตนผู้บรรยายเนื้อหาตรงนี้และจะต้องท�ำลายลาภยศสรรเสริญท้ัง หลายท่มี ที ง้ิ ไปด้วย สละทิ้งทุกอยา่ งลงกอ่ นในความมที ง้ั หลาย หากยังหวังจะได้ อะไรเป็นส่ิงตอบแทนในการบรรยายกับสมมติตรงนี้ เท่ากับท่านยังแบกสมมติ ตนเองไว้เองแบบน้ีแล้วสมมติก็ยังมีสมมติตามเดิมอีก เหมือนสอนแล้วกลับยึด สมมติในตนเองไว้ ผูเ้ ดินตามทา่ นมาเขาจะหลงทางกบั สมมตทิ แี่ บกสมมตติ ัวตน ท่านเองไว้ตรงน้ัน หากท่านเป็นผู้รู้ระดับครูบาอาจารย์แท้จริงย่อมเข้าใจได้เอง ในเรอื่ งราวเนอื้ หาสมมตติ รงนไี้ ดด้ ี แต่จากประสบการณ์ของตนเองบอกไดเ้ ลยวา่ ความส�ำเร็จแท้จริงจะต้องไม่มีเรื่องราวใดๆ มารองรับในความรู้สึกตรงน้ัน สิ่ง ท่ีรู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้ คือความจริงในธรรมชาติเดิมแท้ตนเอง โดยเฉพาะ ความเช่อื ท่ีฝังแนน่ จนเป็นเนื้อเดยี วกับความร้สู ึกของตนเองตรงนี้ ทม่ี ารองรบั ใน ความรู้สึกของผู้ฟังท้ังหลาย ต้องถูกถอดถอนไม่ให้ใครยึดติดในเน้ือหาเร่ืองราว ใดๆ ในสง่ิ ทพี่ ดู และบรรยายมา ห้ามยอมรบั ในเรอ่ื งราวตรงน้ัน แต่ใช้เพียงความ รสู้ กึ ทร่ี ้สู กึ เทา่ นน้ั ในการเดนิ ทางเข้ามาดูความจรงิ ที่ไม่มีเร่อื งราวใดๆ สงิ่ ทบ่ี รรยายแบบหมดสนิ้ แบบนจี้ งึ ไมม่ ลี าภสกั การะใดๆใหใ้ ครตอ้ งยดึ อกี ใช้เพียงความรูส้ กึ สู่ความรสู้ กึ เท่านนั้ ในการรบั รู้ ทไ่ี ม่มผี ูพ้ ดู ผู้สอนใดๆ ในเนื้อหา เรอ่ื งราวตรงนี้ ไมม่ ตี วั ตนคนรบั ฟงั มีเพียงความรสู้ ึกทใ่ี ชส้ ่ือถึงเร่ืองราวความจรงิ ในธรรมชาตขิ องเนอื้ หาเรอื่ งราวตรงนเี้ ทา่ นนั้ ทค่ี นฟงั กไ็ มม่ ตี วั ตนมารองรบั คนพดู คนสอนกไ็ มม่ ตี วั ตนใหใ้ ครมาแตะตอ้ ง จงึ เหมอื นสงิ่ ทร่ี บั รมู้ อี ยแู่ ตไ่ มม่ เี รอื่ งราวใดๆ 69
ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมนั้น ตามมาในภาษาและรปู ทรงตรงนนั้ ใหใ้ ครเขา้ ไปยดึ มน่ั ครอบครองอกี มเี พียงความ รสู้ กึ ทมี่ อี ยรู่ ว่ มกนั เทา่ นนั้ คนฟงั ใช้ความรู้สึกของตนเองจดจอ่ ในเร่ืองราวตรงนน้ั เพอ่ื หยง่ั ลงในความรสู้ กึ ของตนเองใหล้ กึ ทส่ี ดุ เทา่ ทก่ี �ำลงั ใจตนเองจะท�ำได้ ไมต่ อ้ ง มารองรบั ในสง่ิ ทบี่ รรยายมาตามภาษาตรงนี้ หากท่านท้ังหลายท�ำไดแ้ ท้จริงกจ็ ะ พบความจริงไดด้ ว้ ยตนเอง เปน็ ธรรมชาตเิ ดมิ แท้ท่ีมอี ยู่ตลอดเวลา แตค่ วามเช่ือในความรู้สึกของทา่ น คือความมีที่ยังมอี ยู่ ที่ท่านท้ังหลาย ยงั รสู้ กึ อยากมอี ยตู่ ลอดเวลาในเรอื่ งราวตนเองนนั้ มนั ฝังแนบแนน่ เปน็ รากลกึ กบั ความรสู้ กึ ตนเองไวแ้ ลว้ ทยี่ อมรบั กบั เรอ่ื งราวตนเองตลอดเวลา จงึ เปน็ สง่ิ ทย่ี ากที่ จะถอดถอนตนเองออกมาได้ ไมม่ ีใครสามารถจะเข้าไปถอดถอนเรอ่ื งราวแบบน้ี ใหก้ ับท่านได้เลย จนกว่าท่านเองจะเห็นได้ด้วยความรู้สึกตนเอง ความสงสัยกบั ความมีในความเชื่อของตนเอง ยิ่งมีการแสวงหามากเท่าไร ยิ่งรู้มากขนาดไหน ย่ิงมคี วามเข้าใจมากเพียงใด ก็ยิง่ แบกเรอื่ งราวตนเองไวม้ ากเทา่ นัน้ เหมอื นเข้าใจ ไปเองวา่ ตนเองมปี ญั ญาแลว้ แตไ่ มส่ ามารถเอาตวั รอดได้ ท�ำไมไปไหนไม่รอดดว้ ย ปญั ญาตรงนไ้ี ด้สักที เกิดจากเรอื่ งราวอะไรในความรูต้ นเองอย่ตู ลอดเวลา สงสัย ในความรูส้ กึ อยูต่ ลอดเวลา เหมอื นจะไมส่ งสยั แตก่ ไ็ มม่ คี �ำตอบวา่ หมดสงสยั ในใจ ตนเองสักที อาการเหมอื นเส้ียนต�ำมือให้เจ็บแปล๊บๆ อยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ส่ิงที่ ท่านทั้งหลายรู้สึกในอาการแบบน้ีคือ เรื่องราวความเช่ือของตนเองที่ฝังแน่น เป็นเน้ือเดียวกับความรู้สึกตนเอง ตามเน้ือหาเร่ืองราวที่บรรยายมาแล้ว ที่ ตนเองยงั เดนิ ทางไปไมถ่ ึงความจริง แต่ใช้ความจ�ำท่ีจ�ำมาเทียบมาเปรียบใน ความรสู้ ึกของตนเอง จึงเกดิ สงสัยในเร่อื งราวตนเอง เพราะยังเดนิ ทางไม่พบ วา่ ความจรงิ ของตนเองในเนอ้ื หาทบี่ อกวา่ รสู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ดน้ นั้ คอื อะไร เรื่องราวความเชื่อที่ฝังลึกแนบแน่นของตนเองจึงเหมือนได้เข้าไปแตะต้องใน ส่ิงท่ีรู้สึกของตนเองตลอดเวลา และครอบครองยึดม่ันไว้ในความรู้สึกที่แตะ ตอ้ งไวต้ ลอดเวลาเช่นกนั แต่มองไม่เห็นในสิ่งๆ นี้ 70
เป็นสิง่ ที่มีเหมอื นไม่มีเรอ่ื งราวใดๆ บทสรุปสุดท้าย ก่อนจบการบรรยาย วงเวยี นแหง่ ชวี ติ คอื เหตแุ หง่ ธรรมทรี่ สู้ กึ ไดแ้ ตแ่ ตะตอ้ งไมไ่ ด้ คอื เรอ่ื งราว ความจริงของตนเองท่ีเป็นธรรมชาติเดิมแท้มีอิสระอยู่ตลอดเวลาเป็นเหตุแห่ง ธรรม ธรรมใดเกดิ แต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนน้ั อปุ มาคอื “ส่ิงทมี่ ี เหมือนไม่มีเรือ่ ง ราว” ใดๆ ในตนเอง แตร่ สู้ ึกได้ตลอดเวลา “ส่ิงทีม่ ”ี คือ ผล ท่ีเกิดจากการปรงุ แต่งเรอ่ื งราวต่างๆ ในการรบั รู้และ รองรับของปัจจบุ นั ตรงนน้ั ผลทรี่ องรบั จากต้นเหตจุ งึ มเี รื่องราวที่ปรงุ แตง่ ในต้น เหตุตนเองทันที ที่รับรู้และรับสัมผัสในความรู้สึกของตนเองในขณะหนึ่งๆ ของ ปัจจุบันตรงน้ัน เกิดการปรุงแต่งท่ีต้องปรุงแต่งกับเร่ืองราวในขณะนั้นซ่ึงเป็น ธรรมชาติที่ต้องมีการปรุงแต่งเพื่อความเข้าในใจในเนื้อหาเร่ืองราวแท้จริงที่ต้อง ด�ำรงอยขู่ องชีวิต แต่การปรงุ แต่งในผลตรงนี้ เป็นเพยี งสง่ิ ท่ีพง่ึ พาอาศยั รว่ มกนั ระหว่างความมีท่ีไม่มีเรื่องราวที่รองรับไว้กับสิ่งปรุงแต่งเพ่ือเข้าใจในความจริง ของธรรมชาตติ รงนั้นแต่ไม่ครอบครอง ไม่มีใครเป็นเจา้ ของในเรอ่ื งการปรงุ แต่ง ใดๆ ในเน้อื หาท่ปี รุงแตง่ อยู่ ความรู้สกึ ท่ีรองรับไวจ้ ึงไม่มีความรู้สึกเขา้ ไปรองรบั ในเร่ืองราวตรงนั้น ผลจงึ เปรยี บเหมือน เป็นสง่ิ ทม่ี ี ทร่ี องรบั เหมือนไมไ่ ดร้ องรับ ในการปรงุ แตง่ ใดๆ 71
ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แหง่ ธรรมน้ัน “เหมือนไม่มีเรื่องราว” คือ ต้นเหตุ เป็นสิ่งท่ีไม่มีเร่ืองราวเนื้อหาใดๆ ในความรู้สกึ แตร่ สู้ กึ ไดใ้ นเนอ้ื หาเรอ่ื งราวตลอดเวลา ไม่มกี ารปรงุ แตง่ ในเร่อื งราว ตนเอง จึงไม่มีการเกิดดับใดๆ ในความรู้สึกของธรรมชาติตนเอง แต่ต้องพ่ึงพา อาศัยการปรุงแต่งในความมีของผลเพ่ือความเป็นอยู่ในเรื่องราวตนเองในขณะ นั้น แต่ไม่ไปรองรับกับการปรุงแต่งใดๆ ในเร่ืองราวตนเอง จึงมีอิสระอยู่เหนือ การปรงุ แตง่ เหมอื นเพยี งดกู ารปรงุ แตง่ รกู้ ารปรงุ แตง่ เพยี งดผู า่ น รผู้ า่ น เรอ่ื งราว ปรงุ แตง่ ที่รสู้ ึกเท่านน้ั ในการปรุงแต่งของความมที ่มี ีผลเปน็ สิ่งรองรับไว้ ส่ิงทีร่ บั รู้ ในความมีของผลตรงนั้นจึงมีอิสระท่ีปรุงแต่งตามเหตุปัจจัยในเร่ืองราวต่างๆ ในขณะน้ัน เป็นสิ่งท่ีมีอยู่ร่วมกันแบบมีอิสระต่อกัน เป็นธรรมชาติท่ีเกิดคู่กัน ตามธรรมชาติ ทไ่ี มม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในธรรมชาตติ รงนน้ั จงึ มอี สิ ระอยเู่ หนอื อสิ ระ ความมที ั้งหลาย เรยี กไดว้ า่ ปจั จบุ นั ซอ้ นปัจจุบนั ทีม่ อี ิสระอยตู่ ลอดเวลา เป็นวง เวยี นแห่งชวี ติ ทเ่ี รยี กวา่ เหตุแห่งธรรมท่รี ู้สกึ ได้แต่แตะตอ้ งไม่ได้ เรอื่ งราวปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั เปน็ สง่ิ ทมี่ ที เี่ ปน็ ตามธรรมชาติ สิ่งทเี่ ลยขา้ ม ปัจจุบันตนเองมาตรงนี้เป็นสิ่งที่เข้าไปแตะต้องในปัจจุบันตนเอง อิสระท่ีเคยมี เคยเปน็ อยจู่ งึ หมดอสิ ระในเนอื้ หาเรอ่ื งราวตนเองทนั ที เพราะสง่ิ ทเ่ี ลยขา้ มปจั จบุ นั ตนเองมาตรงนนี้ น้ั ทท่ี า่ นทง้ั หลายผมู้ ปี ญั ญามาก ไดเ้ ขา้ ยดึ มน่ั ครอบครองไวแ้ ลว้ กบั ความมขี องความเชื่อ ที่ตนเองยอมรบั และรองรับไว้กับเร่ืองราวเนอ้ื หาตา่ งๆ จนเกดิ การปรงุ แตง่ ตอ่ ในเรอ่ื งราวความเชอ่ื ทซ่ี อ้ นทบั เรอื่ งราวความจรงิ ของตนเอง อยู่ แต่มองไม่เห็นรู้สึกไม่ทัน คือการเข้าไปแตะต้องในสิ่งท่ีรู้สึกท่ีเป็นธรรมชาติ เดมิ แทท้ ไี่ มม่ เี รอื่ งราวใดๆ แตท่ า่ นใชค้ วามเชอ่ื ทจ่ี ดจ�ำมาเขา้ ไปรองรบั ในความรสู้ กึ ตรงนน้ั จงึ เกดิ เรอ่ื งราวปรงุ แตง่ ตอ่ กลายเปน็ สงิ่ ทขี่ า้ มความจรงิ ตนเอง จงึ เกดิ เปน็ เหตุตัวใหม่ที่ปรุงแต่งต่อมาจากผลท่ีเป็นปัจจุบันเดิมแท้ของตนเอง เปรียบได้ กบั การขา้ มปจั จบุ นั ตนเองมา ทา่ นทงั้ หลายจะตดิ อยใู่ นกบั ดกั ของธรรมชาตติ นเอง ในเร่ืองราวเน้ือหาความเชื่อตรงน้ีกันมากมาย ส่ิงที่ข้ามปัจจบันตนเองมาตรงน้ี 72
เป็นส่งิ ทม่ี เี หมอื นไม่มเี รอ่ื งราวใดๆ ท่ีทกุ ท่านแทบจะร้สู กึ ไม่ทัน เพราะเป็นสิ่งท่ีฝังลกึ ในความจ�ำทบ่ี ันทกึ มาแล้วทั้ง น้นั ในความเชอ่ื ตา่ งๆ ของตนเองตามท่ีไดบ้ รรยายผา่ นมาแล้ว สิ่งท่ีบรรยายมาทั้งหมดในเรื่องราวเนื้อหาท้ังหลายในหนังสือเล่มน้ี จะส�ำเรจ็ ประโยชนแ์ ทจ้ รงิ กบั ทา่ นทง้ั หลายผแู้ สวงหาในสจั ธรรมตนเอง ขอให้ทา่ น ทง้ั หลายจงจ�ำในสง่ิ ทยี่ ำ้� เตอื นตรงนไ้ี วต้ ง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ เรอ่ื งคอื ขอใหท้ า่ นทง้ั หลายผทู้ ี่ ก�ำลงั เดนิ ทางตามมาใชเ้ พียงความรู้สกึ สคู่ วามรูส้ ึกของตนเอง เขา้ มาดู มารู้ เพียง ดผู า่ น รผู้ ่าน ไม่มีใครเป็นเจ้าของในเรอื่ งราวใดๆ ในเน้อื หาที่เป็นค�ำกลา่ วลอยๆ ตามตวั หนังสอื หรอื ตามภาษาในหนังสอื เลม่ น้ี เหมอื นเรื่องทบี่ รรยายมานี้เป็นสงิ่ ทล่ี อ่ งลอยมาไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในเรอื่ งราวใดๆ ผรู้ บั ใชเ้ พยี งความรสู้ กึ ของตนเอง จนู คลื่นความถ่ีเขา้ รับสมั ผสั ของความรสู้ กึ เท่านั้น จดจ่อหยงั่ ลงไปให้ได้มากท่ีสดุ ดว้ ยความรสู้ กึ ของตนเองจากสง่ิ ทลี่ อ่ งลอยมาตรงน้ี เขา้ ใจแลว้ ก็ต้องท้งิ ไป วางไป ทา่ นสะสมใดๆ ไวไ้ ม่ไดท้ ั้งน้นั ไมม่ ีเหตุและผลใดๆ ตามภาษาในนที้ ่จี ะต้องสะสม เพราะเร่อื งราวตรงนีเ้ ป็นส่งิ ที่สมมติขึน้ มา ที่สะสมใดๆ ไม่ไดเ้ ลย มีแตค่ วามรู้สกึ ทใี่ ชจ้ บั ความรสู้ กึ ของตนเองเทา่ นน้ั ตามเนอื้ หาเรอื่ งราวในนี้ ทต่ี นเองจะตอ้ งเขา้ มา พิสูจน์ในสจั ธรรมใหเ้ กดิ เป็นผรู้ ู้ตามให้ได้ ตามความเปน็ จริงในธรรมของตนเอง การบรรยายในสมมตทิ งั้ หลายกบั เรอ่ื งราวตา่ งๆ ของหนงั สือเลม่ นี้มาถึง ตรงนี้ก็ขอยุติเน้ือหาการบรรยายเร่ือง ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น เป็นสิ่งท่ีมีเหมือนไม่มีเรื่องราวใดๆ ไว้เพียงเท่าน้ี ขอให้ท่านท้ังหลายในกลุ่ม สะเก็ดดาวและผู้ท่ีแสวงหาในสัจธรรมตนเองท้ังหลายได้เห็นแสงสว่างในความ เป็นจรงิ เกิดดวงตาแห่งธรรมภายในตนเอง เขา้ ถงึ ความจรงิ ในธรรมชาตติ นเองได้ แทจ้ รงิ หมดสงสยั เรอื่ งราวไดด้ ว้ ยตนเอง เปน็ ผรู้ เู้ ฉพาะตนในแบบฉบบั ตนเอง ...โชคด.ี ..% 73
หนงั สือเลม่ ที่ 2 ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น เป็นสง่ิ ทม่ี ี เหมือนไม่มเี ร่อื งราวใดๆ ISBN 978-616-568-128-5 ผู้เขียน ตัวเหี้ย ...ท่ีมีอิสระแล้ว พมิ พ์ค ร ้ังท ี่ 1 มีนาคม 2563 จ�ำนวนพมิ พ ์ 500 เล่ม จัดท�ำโดย Meteoroid บรรณาธิการผู้พิมพ์ Varunya Willems ภาพประกอบ ภาพปก มาจาก เว็บไซต์ภาพฟรี พิสูจน์อักษร คุณเพ็ชร และ คุณฝ้าย ออกแบบรูปเล่ม กลุ่มสะเก็ดดาว พิมพ์ท่ี ส�ำนักพิมพ์ก อ้ นเมฆ 35/151 ถ.ท่าน�้ำ หมู่ 1 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 02 886 7971 โทรสาร 02 446 3722 เผยแพร่เป็นวิทยาทาน กลุ่มสะเก็ดดาว ไม่มีวางจ�ำหน่าย โทร. 083 115 5449, 086 816 5787 Email [email protected] เจ้าของลิขสิทธิ์ ในบทความและเนื้อหาทั้งหมดภายในเล่ม
ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เหตุ แห่งธรรมนั้น เปน็ สง่ิ ที่มี เหมอื นไมม่ ีเรือ่ งราวใดๆ ธรรมชาติที่เป็นเดิมแท้ของตนเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของใดๆ ในธรรมน้ัน ไม่มีเร่ืองราวใดๆ ท่ีมารองรับในธรรมตรงนั้น อิสระจึงมีอยู่ตลอดเวลาจากเร่ืองราวที่มีอยู่ รู้อยู่ เข้าใจอยู่ ความรู้สึกใดๆ ท่ีมีเหมือนไม่มีเรื่องราวใดๆ ในตนเอง เป็นส่ิงท่ีรู้สึกได้เฉพาะตนเองเท่านั้นท่ีได้เดินทางเข้าไปถึง ไม่มีค�ำอธิบายอะไรท่ีต้องอธิบายต่อในเรื่องราวตนเอง ส่ิงที่รู้ก็ไม่รู้อะไร จึงไม่มีค�ำอธิบายในส่ิงที่รู้ เม่ือไม่ต้องอธิบายในส่ิงที่รู้ คือหมดเร่ืองราวท่ีรู้ตนเอง เพราะธรรมชาติท่ีรู้อยู่นั้น เป็นส่ิงที่มีหมุนวนอยู่แบบน้ัน หยุดหาค�ำตอบในรู้เม่ือได้เมื่อไร ความสงสัยในรู้ก็หายไป จบเร่ืองราวตนเอง ISBN : 978-616-568-128-5 ราคาสามแสนบาทไม่ขาย ...%...
Search