Eastern Incredible อัศจรรย์ภาคตะวันออก • EEC เขตเศรษฐกิจชัน้ นำ�ของเอเชยี ฉบับประจ�ำเดือนมีนาคม 2561 • เขตเศรษฐกิจชายแดนประตูสอู่ าเซยี น • เมอื งน่าอยอู่ าศัยของคนทกุ กลุม่
CONTENTS ถ้อยแถลง ขณะน้ีประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ทางทีมงานวารสารราชรถ มีความห่วงใยในการเดินทางท่ามกลาง สภาพอากาศรอ้ น กอ่ นเดนิ ทางขอแนะนำ� ใหต้ รวจสภาพรถใหพ้ รอ้ มโดยเฉพาะระบบหลอ่ เยน็ เครอ่ื งปรบั อากาศของรถ หลีกเล่ียงการจอดรถกลางแจ้งเป็นเวลานาน ที่ส�ำคัญขอให้ผู้อ่านทุกท่านขับข่ีด้วยความระมัดระวังและเคารพกฎ จราจรดว้ ยนะครับ วารสารราชรถฉบับประจ�ำเดือนมีนาคม 2561 น้ี ได้น�ำเสนอภารกิจการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง ภาคตะวนั ออกและพน้ื ทร่ี ะเบยี งเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) พรอ้ มท่จี ะเปน็ เขตเศรษฐกจิ ชั้นนำ� ของเอเชียควบคกู่ บั การเปน็ เมอื งท่นี ่าอยอู่ าศัย พลกิ โฉมและยกระดบั เศรษฐกจิ ใหป้ ระเทศไทยสู่การแข่งขัน พรอ้ มเชอ่ื มโยงกบั เวทโี ลก และบทสมั ภาษณพ์ เิ ศษ นายอาคม เตมิ พทิ ยาไพสฐิ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคม ถึงภารกิจ “ปลดธงแดง” ICAO ที่กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เก่ียวข้องได้ร่วมกันแก้ปัญหาจนส�ำเร็จ กระทรวงคมนาคมมีความมุ่งม่ันท่ีจะพิชิตทุกอุปสรรคปัญหา มุ่งพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพ่อื ความสุขของประชาชนคนไทยทุกคน คณะผู้จัดท�ำ ท่ปี รึกษา นายชาติชาย ทิพย์สนุ าวี ปลดั กระทรวงคมนาคม นายพรี ะพล ถาวรสภุ เจรญิ รองปลัดกระทรวงคมนาคม Eastern Incredible นายสมศกั ด์ิ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม อัศจรรยภ์ าคตะวันออก นายกฤชเทพ สมิ ล ี รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรยพ์ งษ ์ ผชู้ ว่ ยปลดั กระทรวงคมนาคม บรรณาธิการ ผอู้ �ำนวยการกองเผยแพรแ่ ละประชาสมั พันธ์ กองบรรณาธกิ าร ฝา่ ยแผนงานและประชาสัมพันธ์ ฝ่ายโฆษกและวเิ คราะหข์ า่ ว • EEC เขตเศรษฐกจิ ชั้นน�ของเอเชยี ฝา่ ยเทคโนโลยโี สตทศั นูปกรณ์ • เขตเศรษฐกจิ ชายแดนประตสู ู่อาเซียน ฉบับประจ�ำเดือนมีนำคม 2561 • เมืองนา่ อยอู่ าศยั ของคนทุกกลุ่ม 4 8 16 18 สนทนากับรัฐมนตรี Eastern Incredible : กระดานข่าวราชรถ รม่ หกู วาง วา่ การกระทรวง อัศจรรย์ภาคตะวนั ออก คมนาคม หลงั การ แกป้ ญั หา ปลดธงแดง ICAO จัดท�ำโดย กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม โทร. 0 2283 3024 โทรสาร 0 2281 6300 www.mot.go.th https;//www.facebook.com/ข่าวและภาพกิจกรรมกระทรวงคมนาคม
สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน�้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวล�ำโพง – บางแค ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนวัดราชบพิธและมิวเซียมสยาม (พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้) มีการตกแต่งภายใน ดว้ ยสถาปตั ยกรรมสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ กำ� หนดเปดิ ให้บริการปี 2562
สหนลทังนกาากรบัแกรป้ฐั ัญมนหตารปวี ่าลกาดรธกรงะแทรดวงงคICมนAาคOม นับต้ังแต่ประเทศไทยได้ถูกประกาศติดธงแดง จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เก่ียวข้องได้ร่วมมือกันท�ำงานอย่างหนัก เพ่ือคลี่คลายปัญหา จนกระท่ัง ICAO SSC Committee ได้พิจารณาเห็นชอบให้ ประเทศไทยพ้นจากการเป็นประเทศที่มีข้อบกพร่องที่มีนัยส�ำคัญต่อความปลอดภัย ทำ� ให้ประเทศไทยสามารถ “ปลดธงแดง” ไดส้ ำ� เร็จ “นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติสัมภาษณ์พิเศษกบั สถาบนั การบนิ พลเรอื น ถึงข้ันตอนการท�ำงานสู่ความส�ำเร็จ ในการร่วมมือแก้ปัญหาปลดธงแดงและภารกิจของกระทรวงคมนาคม ในปี 2561 เพื่อสร้างความเช่ือและพัฒนาอุตสาหกรรมการบนิ ไทย กระทรวงคมนาคมดำ� เนนิ การอยา่ งไร จนนำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ในการแกป้ ัญหา หลงั จากองคก์ ารการบนิ พลเรอื นระหวา่ งประเทศ หรอื ICAO เขา้ มา ตรวจสอบการก�ำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน พลเรอื น ภายใตโ้ ครงการกำ� กบั ดแู ลความปลอดภยั สากลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง (Universal Safety Oversight Audit Program-Continuous Monitoring Approach: USOAP-CMA) พบว่า ประเทศไทย มคี วามบกพรอ่ งเกยี่ วกบั กระบวนการออกใบรบั รองผดู้ ำ� เนนิ การ เดินอากาศ โดยมีข้อบกพร่องท่ีมีนัยส�ำคัญต่อความปลอดภัย ดา้ นการบนิ พลเรือน (SSC) จ�ำนวน 33 ขอ้ และ ICAO ได้ประกาศ ติดธงแดงประเทศไทย เมือ่ วนั ท่ี 18 มิถนุ ายน 2558 4 วารสารราชรถ
ปัญหาดังกล่าวถือเป็นวิกฤตของอุตสาหกรรม ควบคมุ สง่ เสรมิ และพฒั นาการบนิ พลเรอื นใหเ้ ปน็ ไปตาม การบนิ ของประเทศไทย ซง่ึ กลายเปน็ จดุ เปลย่ี นทถ่ี อื เปน็ กฎหมายและมาตรฐานสากล โดยมภี ารกจิ ส�ำคญั ที่สดุ คือ โอกาสทที่ ำ� ใหเ้ กดิ การปรบั โครงสรา้ งหนว่ ยงานดา้ นการบนิ การปลดธงแดง” ของประเทศ รฐั บาลไทย โดยคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ จากการตง้ั ขอ้ จำ� กดั ทางการบนิ เรมิ่ ตง้ั แต่ ICAO กระทรวงคมนาคม และกรมการบินพลเรือนในขณะนั้น ไดม้ คี ำ� เตอื นเกย่ี วกบั มาตรฐานความปลอดภยั ทางการบิน ได้ให้ความส�ำคัญกับปัญหาธงแดงที่เกิดข้ึน เน่ืองจาก ของไทยใหแ้ กภ่ าคสี มาชกิ ทราบ เมอ่ื เดอื นมนี าคม 2558 มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินและความน่าเชื่อถือ รวมระยะเวลาทง้ั สน้ิ 2 ปี 7 เดอื น ซงึ่ มผี ลใหป้ ระเทศอน่ื ๆ ของประเทศ และไดม้ กี ารขอความชว่ ยเหลอื จาก Civil Aviation ใช้เป็นข้อพิจารณาที่จะจ�ำกัด หรือขอยกเลิกสิทธิการบิน Authority of Singapore (CAAS) ในการอบรมพนกั งาน ของสายการบินประเทศไทยเข้าประเทศปลายทางได้ ของกรมการบนิ พลเรอื นใหส้ ามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐาน ส่งผลให้เกิดความเสียโอกาสของอุตสาหกรรมการบิน ของ ICAO และขอความช่วยเหลือจากสายการบินต่าง ๆ ของไทยเป็นอยา่ งมาก ให้ช่วยปรับปรุงระเบียบของกรมการบินพลเรือน เมอื่ วนั ที่ 30 มถิ นุ ายน 2560 กพท. ไดย้ นื่ ขอรบั และเพื่อไม่ให้การแก้ปัญหาล่าช้า เนื่องจากต้องรอขั้นตอน การตรวจสอบ ICAO Coordinated Validation Mission ทางกฎหมาย หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ICVM) และเงอื่ นไขหนง่ึ ในการเขา้ มาตรวจสอบ คอื ตง้ั แต่ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ วนั ท่ี 1 กนั ยายน 2560 เปน็ ตน้ ไป สายการบนิ ทีย่ งั ไมไ่ ด้ ได้มีค�ำสั่งโดยอาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา 44 รับใบรับรองผู้ด�ำเนินการเดินอากาศฉบับใหม่ ต้องระงับ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) การใหบ้ รกิ ารเทยี่ วบนิ ระหวา่ งประเทศไวก้ อ่ น โดยในวนั ดงั กลา่ ว พุทธศักราช 2557 จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหา มสี ายการบนิ ทไ่ี ดร้ บั ใบรบั รองผดู้ ำ� เนนิ การเดนิ อากาศใหม่ การบินพลเรือน (ศบปพ.) บัญชาการโดยผู้บัญชาการ รวม 9 สายการบิน มีสัดส่วนการให้บริการผู้โดยสาร ทหารอากาศ เพ่ือขับเคล่ือนการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ตา่ งประเทศคดิ เปน็ รอ้ ยละ 98 ของจำ� นวนผโู้ ดยสารทง้ั หมด ให้รวดเร็วข้ึนเม่ือวันท่ี 1 ตุลาคม 2558 รัฐบาลได้ปฏิรูป ทใี่ ชบ้ รกิ ารเขา้ –ออกประเทศไทยในปี 2559 องค์กรก�ำกับดูแล โดยยุบเลิกกรมการบินพลเรือนเดิม ต่อมาเมื่อวันท่ี 6 ตุลาคม 2560 ICAOSSC และจัดต้ังส�ำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย Committee ไดพ้ จิ ารณาเหน็ ชอบใหป้ ระเทศไทยพ้นจากการ กรมท่าอากาศยาน กลมุ่ คน้ หาและชว่ ยเหลอื อากาศยาน เป็นประเทศที่มีข้อบกพร่องท่ีมีนัยส�ำคัญต่อความปลอดภัย และเรอื ประสบภยั และกลมุ่ นริ ภยั การบนิ และสอบสวนอากาศยาน (Signiifcant Safely Concerns) ซง่ึ เปน็ ผลสบื เนอื่ งจาก ประสบอบุ ตั เิ หตุ ภายใตส้ ำ� นกั งานปลดั กระทรวงคมนาคม การท่ี ICAO ไดส้ ง่ คณะผตู้ รวจสอบ (ICAO Coordinated ทง้ั น้ี เพอื่ เปน็ การแยกหนว่ ยงานกำ� กบั ดแู ล (Regulator) Validation Mission หรอื ICVM) เขา้ มาตรวจสอบยนื ยนั และหนว่ ยงานใหบ้ ริการ (Operator) ออกจากกัน ความก้าวหน้าและความครบถ้วนของการด�ำเนินงาน “สำ� นกั งานการบนิ พลเรอื นแหง่ ประเทศไทย ของ กพท. เมอื่ วนั ที่ 20 - 27 กนั ยายน 2560 พบวา่ (กพท.) ไดถ้ อื กำ� เนดิ ขนึ้ ตามพระราชกำ� หนดการบนิ พลเรอื น ประเทศไทยสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยส�ำคัญต่อ แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2558 เปน็ หนว่ ยงานของรฐั ขนึ้ ตรง ความปลอดภยั จำ� นวน 33 ขอ้ และกรณตี อ่ เนอื่ งอกี 35 ขอ้ กบั รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคม ทำ� หนา้ ทก่ี ำ� กบั ดแู ล ในเร่ืองเก่ียวกับกระบวนการออกใบรับรองผู้ด�ำเนินการ วารสารราชรถ 5
เดินอากาศ รวมถึงได้เย่ียมชมระบบการจัดการ ผมมโี อกาสนำ� ทมี งาน กพท. เขา้ พบ ความปลอดภยั ของสายการบนิ ทไ่ี ดร้ บั ใบรบั รองผดู้ ำ� เนนิ การ ท่านนายกรัฐมนตรี เพือ่ ขอบพระคุณทา่ น เดินอากาศใหม่แลว้ 2 สายการบิน ที่ได้กรุณาสนับสนุน และให้ก�ำลังใจ จากมติดังกล่าว สถานภาพในเว็บไซต์ คนท�ำงาน เพราะการแก้ไขปัญหาธงแดง ของ ICAO ในส่วนของ Safety Audit Result ซงึ่ เคย นนั้ เปน็ เรอื่ งทที่ กุ ประเทศใหค้ วามสำ� คญั มาก มีรูปธงแดงอยู่ด้านหน้าชื่อประเทศไทย ต้ังแต่ ถือเป็นความเป็นความตายของประเทศ วนั ที่ 18 มถิ นุ ายน 2558 ไดร้ บั การถอดออก ทำ� ให้ ซึง่ ท่านนายกรัฐมนตรไี ด้บอกวา่ เราท�ำดี ประเทศไทยสามารถ “ปลดธงแดง” ได้ส�ำเรจ็ แล้ว และขอบคุณพวกเราท่ีได้ท�ำงาน การด�ำเนินการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน อยา่ งหนกั เมอ่ื ปลดธงแดงไดแ้ ลว้ เรายงั ของประเทศไทยในครง้ั น้ี เปน็ การรว่ มมอื รว่ มใจ และความมงุ่ มน่ั ต้องรักษาไว้ให้ได้ โดยทางรัฐบาลพร้อม ข อ ง รั ฐ ทั้ ง ร ะ ดั บ น โ ย บ า ย แ ล ะ ผู ้ ป ฏิ บั ติ ข อ ง ภ า ค รั ฐ ใหก้ ารสนบั สนนุ ในทกุ ๆ ดา้ น ซง่ึ ไดแ้ ก่ นายกรฐั มนตรี คณะรฐั มนตรี คณะรกั ษาความสงบ แห่งชาติ กระทรวงคมนาคม ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหา การบินพลเรือน คณะกรรมการขับเคล่ือนและปฏิรูป การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ คณะท่ี 5 คณะอนกุ รรมการแกไ้ ข ปัญหาการบินพลเรือน ส�ำนักงานการบินพลเรือน แหง่ ประเทศไทย ตลอดจนความรว่ มมอื รว่ มใจของหนว่ ยงาน ราชการส่วนกลางทไ่ี ด้ให้การสนบั สนนุ ได้แก่ กระทรวง การต่างประเทศ ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส�ำนักงบประมาณ ส�ำนักงานคณะกรรมการข้าราชการ พลเรือน ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และทสี่ ำ� คญั ทส่ี ดุ คอื ความรว่ มมอื จากสายการบนิ ทกุ สาย ตลอดจนผเู้ ชย่ี วชาญจากสหราชอาณาจกั ร ฝรงั่ เศส ญป่ี นุ่ สหภาพยุโรป ท่ี กพท. ได้ว่าจ้างและจัดท�ำความตกลง เพอ่ื ใหเ้ ขา้ มาชว่ ยเหลอื ในดา้ นเทคนคิ ซง่ึ ผมตอ้ งขอขอบคณุ ทุกหน่วยงานดงั กลา่ วแลว้ ข้างต้นด้วย 6 วารสารราชรถ
แผนการด�ำเนินงานของกระทรวง มกราคม 2558 ย��นเส�น�างการ�ก����หา คมนาคม หลงั จากการปลดธงแดง ICAO เข�ามาตรว�สอบการกำกับด�แลความปลอด�ัยด�านการบิน การติดธงแดงของประเทศไทย หลงั จากปลดธงแดงแลว้ นนั้ กระทรวง กับกรมการบิน�ลเร�อน �าย�ต��ครงการกำกับด�แลความปลอด�ัยสากล �SOA� คมนาคม และ กพท. มเี ปา้ หมายหลกั ๆ ในการ 18 มถิ ุนายน 2558 ด�ำเนินการ โดยมีกระบวนการตรวจประเมิน �บว�าประเทศไทยม�ข�อบก�ร�องท�ม�นัยสำคั�ต�อความปลอด�ัย ด�านการบิน�ลเร�อน SSC �� ข�อ ICAO ติด �ธงแดง� ประเทศไทย เป�นสั�ลัก���แสดงว�า ไทยยังไม�ม�การกำกับด�แลท�เ��ยง�อ USOAP �นด�านมาตร�านความปลอด�ัยการบิน�ลเร�อน 11 กนั ยายน 2558 การออกใบรับรองผู้ด�ำเนินการเดินอากาศใหม่ คสช. �ัดตั้งศ�นย�บั�ชาการแก�ไขป��หาการบิน�ลเร�อน (ศบป�.) 1 ตลุ าคม 2558 (AOC) อยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยมแี ผนทจี่ ะดำ� เนนิ การ เ��อขับเคล�อนการแก�ไขป��หาการบิน�ลเร�อน�ห�ครอบคล�มและรวดเร็วขึ้น ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ครบทกุ สายการบนิ ภายในไตรมาสแรก กำเนิดสำนักงานการบิน�ลเร�อนแห�งประเทศไทย CAAT ของปี 2561 ศบปพ. ตาม ��ระราชกำหนดการบิน�ลเร�อนแห�งประเทศไทย �.ศ. 2���� สำ� หรบั แผนการตรวจสอบ Full ICAO Coordinated Validation Mission (ICVM) นนั้ 20 เมษายน 2559 กรมการบิน�ลเร�อนเดิม แยกออกมาเป�น �. สำนักงานการบิน�ลเร�อนแห�งประเทศไทย CAAT ว�า��างบริ�ัท CAAi �� ส�ง��เช�ยวชา�มาเป�นท�ปรึก�าการตรว�ประเมิน 2. กรมท�าอากาศยาน เ��อออก�บรับรอง��ดำเนินการเดินอากาศ�หม� หร�อ AOC �ecerti�cation �. กล�มค�นหาและช�วยเหล�ออากาศยานและเร�อประสบ�ัย และ และเตร�ยมความ�ร�อมรับการตรว�สอบ�าก ICAO �ดยเน�นการแก�ไข SSC �� ข�อ กล�มนิร�ัยการบินและสอบสวนอากาศยานประสบอ�บัติเหต� สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม 12 กันยายน 2559 สงิ หาคม 2559 กระทรวงคมนาคมแต�งตั้งค�ะกรรมการกำกับการทำงานร�วม ระหว�าง CAAT กับ CAAi �ดยรั�มนตร�ว�าการกระทรวงคมนาคมเป�นประธาน มีเป้าหมายท่ีจะด�ำเนินการแก้ไขข้อบกพร่อง CAAT เริ�มกระบวนการออก AOC �หม� กับสายการบินของไทย ตลุ าคม 2559 ทั้งหมด 572 ข้อ ตามที่ ICAO ตรวจพบ ท�ม�เท�ยวบินระหว�างประเทศ เ��อ�ห�เป�นไปตามมาตร�านของ ICAO ต้ังแต่ปี 2558 รวม 8 ด้าน คือ 1. LEG �. เเต�งตั้งค�ะอน�กรรมการแก�ไขป��หาการบิน�ลเร�อน (ด้านกฎหมาย) 2. ORG (ด้านองค์กร) �ดยได�แบ�งสายการบินเป�น � กล�ม �ดยม�รั�มนตร�ว�าการ กระทรวงคมนาคมเป�นประธาน 3. OPS (ด้านมาตรฐานปฏิบัติการบิน) และดำเนินการตรว�สอบสายการบินอย�างต�อเน�อง 4. AIR (ด้านมาตรฐานสมควรเดินอากาศ 2. The French Civil Aviation Authority (DGAC) และวศิ วกรรมการบนิ ) 5. AIG (ดา้ นนริ ภยั การบนิ ICAO 5 Phase process ส�ง��เช�ยวชา�มา�ห�ความช�วยเหล�อด�านการ��กอบรม Ins�ector และสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุ) Phase1 Phase2 Phase3 Phase4 Phase5 และ�ห�คำปรึก�า�นการปรับปร�งประสิทธิ�า�ของกระบวนการทำงานต�าง� 6. ANS (ดา้ นมาตรฐานบรกิ ารการเดนิ อากาศ) 7. AGA (ด้านมาตรฐานสนามบิน) 8. PEL พฤศจกิ ายน 2559 27 กุม�าพัน�� 2560 (ดา้ นทะเบยี นอากาศยานและใบอนญุ าตประจำ� �a�an Civil Aviation Bureau (�CAB) เข�ามาช�วยเหล�อ CAAT สายการบิน Bangkok Airways เ�ิ�มประสิทธิ�า�ของ Ins�ector ด�านเทคนิค�นการตรว�สอบ เป�นสายการบินแรกท���านการประเมิน และได�รับ AOC �หม� ด�านสมควรเดินอากาศ และปรับปร�งระบบการรายงาน�ลด�านความปลอด�ัย AOC 30 มิถนุ ายน 2560 1 กันยายน 2560 ก�ท. ย�นขอ�ห� ICAO เข�ามาตรว�สอบ IC�� เ��อปลดธงแดง สายการบินท�ยังไม�ได�รับ AOC �หม� ต�องระงับการ�ห�บริการเท�ยวบิน 20-27 กนั ยายน 2560 ระหว�างประเทศ ตามเง�อนไข ICAO ท��ะเข�ามาตรว�สอบ IC�� ICAO เข�ามาตรว�สอบ IC�� เ��อปลดธงแดง �. วันท�น�้ ม�สายการบินท�ได�รับ AOC �หม�แล�ว รวม � สายการบิน �ดยม�กรอบการตรว�เ��าะข�อบก�ร�อง SSC �� ข�อ 6 ตลุ าคม 2560 และข�อบก�ร�องท�เก�ยวข�องอ�ก �� ข�อ ICAO SSC Committee เห็นชอบปลดธงแดงประเทศไทย หนา้ ที)่ โดยจะทำ� รายงานความก้าวหนา้ เพ่อื ICAD จะไดส้ ่งคณะ Full ICVM มาตรวจสอบประเทศไทยภายในปี 2561 ผลดีตอ่ อตุ สาหกรรมการบินของไทย จากการท่ี ICAO ปลดธงแดงประเทศไทย การปลดธงแดงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการก�ำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินของประเทศกลับมา ดูน่าเช่ือถืออีกคร้ังในสายตาของนานาประเทศ และเรียกความเชื่อมั่นจากคนไทย รวมทั้งเป็นผลดีต่อการพิจารณา ของส�ำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration: FAA) ท่ีจะปรับระดับ มาตรฐานด้านการบินของประเทศกลับมาท่ีประเภทที่ 1 มีผลให้สายการบนิ ของไทยสามารถทำ� การบนิ ไปยงั ประเทศ สหรฐั อเมริกาได้ สายการบนิ จะสามารถเพม่ิ เสน้ ทางการบนิ ความถ่ี และเปลย่ี นแบบเครอื่ งบนิ ใหเ้ หมาะสมกับความต้องการของตลาด และแผนการธุรกิจของสายการบินได้ ซึ่งจะท�ำให้สายการบินของประเทศไทยมคี วามสามารถในการแขง่ ขนั สงู ขนึ้ เมือ่ มีการปลดธงแดงแลว้ ความน่าเชอ่ื ถอื ในการก�ำกับดแู ลด้านความปลอดภัยทางการบินจะดึงดูดให้นักลงทุน และ ผปู้ ระกอบการเขา้ มาลงทนุ ในประเทศไทยมากขนึ้ การพฒั นาไทยไปสศู่ นู ยก์ ลางการบนิ ในภมู ภิ าค และศนู ยก์ ารซอ่ มบำ� รงุ อากาศยานเกดิ ไดเ้ ร็วขนึ้ มผี ลให้ธุรกิจต่อเนื่องต่าง ๆ สามารถขยายตัว และมีการจา้ งงานมากข้ึนในอนาคตอันใกล้ การท่ี กพท. ได้ตั้งขึ้นมาเพียง 2 ปี สามารถด�ำเนินการปลดธงแดงได้นั้น เป็นการแสดงให้เห็นถงึ มาตรฐาน ของหนว่ ยงานท่กี �ำกับดแู ลของไทยเทียบเท่ากับมาตรฐานสากล คอื ICAO ท้ังยงั เป็นการสรา้ งความเชอื่ มน่ั ในมาตรฐาน ความปลอดภยั ของสายการบนิ ของประเทศไทยใหก้ บั ผใู้ ชบ้ รกิ ารทงั้ คนไทย และตา่ งชาติ ดงั นั้น ตราบใดท่ี กพท. ยงั คงรกั ษา มาตรฐานไวไ้ ด้ สายการบินของไทยสามารถขยายตลาด และการพฒั นาอตุ สาหกรรมการบินกจ็ ะสามารถด�ำเนนิ การได้ อย่างตอ่ เน่อื ง ซึ่งจะมีผลโดยตรงกบั อุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ยี วของประเทศไทย วารสารราชรถ 7
อaัศsจteรรrnย์ภInาcคrตeะdวiนั bอleอก: เมอื่ ตน้ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2561 ทผี่ า่ นมา คณะรฐั มนตรี ได้จัดประชุมนอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่จังหวัด จันทบรุ ี นายกรัฐมนตรี และคณะรฐั มนตรีได้ลงพืน้ ที่ เพ่ือตดิ ตามความกา้ วหน้าการด�ำเนนิ โครงการต่าง ๆ ในพ้ืนที่ภาคตะวันออก ซ่ึงรัฐบาลได้ก�ำหนดให้เป็น พ้ืนที่ยุทธศาสตร์ส�ำคัญในการวางรากฐานท่ีจะท�ำให้ ประเทศก้าวสู่การเป็น “ประเทศไทย 4.0” น�ำพา ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายไดป้ านกลาง ภาคตะวนั ออก ซง่ึ ประกอบดว้ ย 8 จงั หวดั ไดแ้ ก่ ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี ตราด ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว เป็นพ้ืนที่ที่มีความพร้อมของโครงสร้างพ้ืนฐานที่ทันสมัย และเชอื่ มโยงกนั อย่างลงตัว ทั้งทางถนน ทางรถไฟ และทางน้ำ� มพี ้นื ฐานด้านอุตสาหกรรมทแ่ี ขง็ แกรง่ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทส่ี ำ� คญั และรจู้ กั แพรห่ ลายในระดบั นานาชาติ เชน่ พทั ยา บางแสน เกาะชา้ ง เกาะเสมด็ เปน็ แหลง่ ผลติ อาหารสำ� คญั ของประเทศ โดยเฉพาะทเุ รยี น เงาะ มงั คดุ และอาหารทะเล ประกอบกบั ทำ� เลทตี่ งั้ ทมี่ คี วามไดเ้ ปรยี บทางยทุ ธศาสตรใ์ นการเปน็ ศนู ยก์ ลางเศรษฐกจิ ทเี่ ชอ่ื มโยงการคา้ การลงทนุ ของภมู ภิ าค และเปน็ ประตสู อู่ าเซยี น อกี ทง้ั ยงั สามารถเชอื่ มโยงมหาสมทุ รแปซฟิ กิ กบั มหาสมทุ รอนิ เดยี และเชอื่ มตอ่ จีนตอนใต้กับประเทศในกลุ่ม CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) ภาคตะวันออก จึงเปน็ ความหวังในการขบั เคลอื่ นเศรษฐกิจของประเทศ 8 วารสารราชรถ
สนบั สนุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวนั ออก (EEC) นับต้งั แต่ปี 2525 รัฐบาลภายใตก้ ารนำ� ของ พลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ ไดก้ �ำหนด “โครงการพฒั นาพน้ื ท่ี ชายฝง่ั ทะเลภาคตะวนั ออก หรอื Eastern Seaboard” เพอื่ สรา้ งโอกาสใหมท่ างเศรษฐกจิ ใหก้ บั ประเทศไทย ทำ� ให้ พนื้ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง กลายเป็นศนู ยก์ ลางเศรษฐกจิ เช่อื มโยงการค้าการลงทนุ กบั ท่วั โลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีท่ีติดอันดับ 1 ใน 5 ของเอเชีย เป็นฐานการผลิตยานยนต์ เคร่ืองไฟฟ้า และอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ่สี �ำคัญของโลก ส่งผลให้ประเทศมีการพฒั นาอยา่ งก้าวกระโดด มีการขยายตวั ทางเศรษฐกิจ กว่า 8% ต่อปี รายได้ตอ่ หวั ของประชากรจังหวดั ระยองสูงทีส่ ดุ ในประเทศไทย อยา่ งไรกด็ ี ทา่ มกลางสถานการณก์ ารเปลย่ี นแปลงทง้ั ภายในและภายนอกประเทศทม่ี คี วามผนั ผวน การเกดิ กระแสภมู ภิ าคนยิ ม (Regionalism) หรอื การรวมกลมุ่ ระหวา่ งประเทศภายในภมู ภิ าคเดยี วกนั ของโลกและภมู ภิ าค เอเชีย อีกทง้ั มกี ารเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีและปจั จยั แวดลอ้ มทำ� ให้อปุ สงคข์ องตลาดเปล่ียนแปลงไป สนิ คา้ ทไี่ ทยผลติ เร่ิมล้าสมยั ไม่อาจตอบโจทย์การเปล่ียนแปลงของความต้องการในตลาดโลก อตั ราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศระหวา่ งปี 2555 – 2558 เฉลี่ยต่ำ� ลงจากในช่วงแผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 11 ทำ� ให้ ไทยจ�ำเป็นต้องปรบั โครงสร้างภาคการผลติ ของประเทศ เพื่อรักษาอัตราการเตบิ โตทางเศรษฐกิจในระยะยาว รัฐบาลภายใตก้ ารน�ำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทรโ์ อชา จึงต้องเร่งผลกั ดันการพัฒนาภาคตะวันออกอีกคร้งั โดยตอ่ ยอดการพัฒนาพน้ื ท่ี Eastern Seaboard ข้ึนเปน็ ระเบียงเศรษฐกจิ ภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) พรอ้ มทจ่ี ะเปน็ เขตเศรษฐกจิ ชน้ั นำ� ของเอเชยี เปน็ ฐานการผลติ อตุ สาหกรรมทสี่ ำ� คญั โดยพฒั นาโครงขา่ ย คมนาคมขนสง่ ใหเ้ ออ้ื ตอ่ การพฒั นาเมอื งและรองรบั การลงทนุ ของ 10 อตุ สาหกรรมเปา้ หมายทจี่ ะมบี ทบาทสำ� คญั ต่อการยกระดับความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศไทยในอนาคต วารสารราชรถ 9
เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก จ�ำเป็นต้องลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง ซ่ึงจะมีบทบาทส�ำคัญในการน�ำไปสู่การเปล่ียนแปลงครั้งสำ� คัญน้ี โดยในระยะ 5 ปีแรก (2560 – 2564) รัฐบาลได้กำ� หนดแผนการลงทนุ เพ่ือเชอื่ มโยงเสน้ ทางคมนาคมขนสง่ สนิ คา้ และประชาชน ระหวา่ งกรงุ เทพฯ กบั พนื้ ทภี่ าคตะวนั ออก รวมทง้ั เชอื่ มสทู่ กุ ภมู ภิ าคทวั่ ประเทศ ใหภ้ าคตะวนั ออกของไทยเปน็ ประตูสเู่ มยี นมา เวียดนาม ลาว กัมพชู า และจนี ตอนใต้ ให้เกดิ ผลเปน็ รูปธรรมภายในปี 2561 ดงั นี้ ทางอากาศ พัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา ใหเ้ ปน็ ทา่ อากาศยานหลกั ของประเทศแหง่ ที่ 3 รวมทง้ั เป็น Aviation Hub ที่ส�ำคัญของภูมิภาค โดยเพิ่ม ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 3 ล้านคน เป็น 15 ล้านคน ก่อนจะขยายให้รองรับผโู้ ดยสารได้ 60 ลา้ นคน ในอกี 20 ปขี า้ งหนา้ พรอ้ มกบั เรง่ ผลกั ดนั ให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากร ด้านการบินและศูนย์ซ่อมบ�ำรุงอากาศยาน และนิคมอุตสาหกรรมท่ีทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไปพร้อมกันด้วย ซ่ึงเป็นส่วนส�ำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยไปสู่ระดับโลก ดึงดูด สายการบนิ ทวั่ โลกใหม้ าใชบ้ รกิ าร สรา้ งความมนั่ ใจใหก้ บั นกั ลงทนุ ทำ� ใหเ้ พมิ่ อตั ราการจา้ งแรงงาน พฒั นาฝมี อื แรงงาน ลา่ สุด บรษิ ัท การบินไทย จ�ำกดั (มหาชน) ไดล้ งนามความรว่ มมือเพ่ือประเมินโอกาสทางธุรกจิ กับ บรษิ ทั แอรบ์ ัส เมอ่ื ปลายปี 2560 ท่ผี า่ นมา ทางราง ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางของสนามบินหลักทั้ง 3 แห่ง ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ซึ่งจะสรา้ งมิติใหมข่ องการเดนิ ทางจากกรงุ เทพฯ – อู่ตะเภา ประมาณ 1 ชั่วโมงเทา่ นัน้ นอกจากนี้ ได้ด�ำเนินการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟ เพ่ือเช่ือมโยงการเดินทางและการขนส่งสินค้าจากแหล่ง อุตสาหกรรม และแหล่งท่องเท่ียวทั่วประเทศ สู่พ้ืนที่ภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และทา่ เรอื สตั หบี โดยขณะนอ้ี ยรู่ ะหวา่ งการกอ่ สรา้ งการรถไฟทางคู่ ฉะเชงิ เทรา – คลองสบิ เกา้ – แกง่ คอย คาดวา่ จะแลว้ เสรจ็ ในเดอื น กุมภาพันธ์ 2562 และเตรียมพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ ชว่ งหวั หมาก – ฉะเชงิ เทรา – ศรรี าชา ชว่ งศรรี าชา – มาบตาพดุ ส่วนระยะกลาง จะก่อสร้างรถไฟทางคู่สายชุมทางศรีราชา – ระยอง และมาบตาพุด – ระยอง – จนั ทบุรี – ตราด – คลองใหญ่ เปน็ ต้น 10 วารสารราชรถ
ทางนำ้� พฒั นาทา่ เรอื แหลมฉบงั ระยะท่ี 3 เพอื่ รองรบั การขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ในอนาคต จากเดมิ 11 ลา้ นทอี ยี /ู ปี เปน็ 18 ลา้ นทอี ยี /ู ปี และรองรับการส่งออกรถยนต์จาก 1 ล้านคันต่อปี เป็น 3 ล้านคันต่อปี พร้อมท้ังพัฒนาศูนย์การขนส่ง ตู้สินค้าทางรถไฟท่ีแหลมฉบัง (SRTO) ก่อสร้าง ท่าเทียบเรอื ชายฝง่ั (ท่าเทียบเรือ A) เพ่อื ให้บรกิ าร เรือชายฝั่งเป็นการเฉพาะ ซึ่งจะส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบังก้าวข้ึนเป็นท่าเรือขนส่งสินค้า 1 ใน 15 ของโลก เป็นประตูสู่อินโดจีน ศูนย์กลางโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้าที่ส�ำคัญท่ีสุดของอาเซียน และการพัฒนา ทา่ เรอื มาบตาพดุ ระยะที่ 3 เพอ่ื รองรับการขนสง่ สนิ ค้าเหลว ก๊าซธรรมชาติ และอตุ สาหกรรมตอ่ เนื่อง ทางถนน พฒั นาโครงขา่ ยทางหลวงใหม้ คี วามสมบรู ณ์ และแกไ้ ขปญั หาการจราจร ปญั หาคอขวด และรองรบั การขยายตวั ของฐานการผลติ และบริการ โดยก่อสรา้ งทางหลวงพิเศษระหว่างเมอื ง สายพัทยา - มาบตาพดุ ขณะน้ีการก่อสร้างมคี วามคบื หนา้ ไปแลว้ กวา่ รอ้ ยละ 66 และพรอ้ มเปิดใหบ้ รกิ ารไดภ้ ายในปี 2563 รวมทั้ง จะมีการก่อสร้าง บูรณะ ขยายช่องจราจรทางหลวงในพื้นท่ีอู่ตะเภา มาบตาพุด ถนนเลียบชายฝั่งทะเล (ระยอง – ชลบรุ )ี โดยไดร้ บั งบประมาณในปี 2557 – 2560 จำ� นวน 14 โครงการ งบประมาณปี 2561 จำ� นวน 13 โครงการ และเตรียมเสนอ ของบประมาณปี 2562 จำ� นวน 26 โครงการ งบประมาณปี 2563 อกี จ�ำนวน 8 โครงการ ส่วน D เชือ่ มโยงเขตเศรษฐกจิ พิเศษชายแดน และประเทศเพ่อื นบา้ น ดว้ ยศกั ยภาพของภาคตะวนั ออกทม่ี พี ้นื ท่ตี ดิ ตอ่ กับประเทศกัมพูชาถึง 3 จังหวัด ได้แก่ จงั หวัดสระแก้ว จนั ทบรุ ี และตราด มดี ่านชายแดนทเี่ ป็นจุดเชอื่ มโยงการค้าชายแดนไทย – กมั พูชา ดา่ นถาวร 4 แหง่ คือ ดา่ นบา้ นคลองลกึ จงั หวดั สระแกว้ ดา่ นบา้ นหาดเลก็ จงั หวดั ตราด ดา่ นบา้ นผกั กาดและดา่ นบา้ นแหลม จงั หวดั จนั ทบรุ ี มีจุดผอ่ นปรน 8 แหง่ ไดแ้ ก่ จดุ ผอ่ นปรนจังหวดั สระแกว้ 3 จดุ ท่บี ้านตาพระยา อ�ำเภอตาพระยา บา้ นหนองปรอื อำ� เภออรญั ประเทศ บา้ นเขาดนิ อำ� เภอคลองหาด จงั หวดั จนั ทบรุ ี 3 จดุ คอื บา้ นซบั ตารี อำ� เภอ สอยดาว บา้ นชนงั ลา่ ง อำ� เภอโปง่ นำ�้ รอ้ น บา้ นสวนสม้ อำ� เภอสอยดาว และจงั หวดั ตราด 2 จดุ คอื จดุ ผอ่ นปรน บ้านมะมว่ ง และบ้านหมน่ื ดา่ น อ�ำเภอบ่อไร่ ด่านการคา้ ชายแดนท้ัง 3 จงั หวัด จงึ เปน็ แหลง่ การคา้ การลงทุน ทสี่ ำ� คญั โดยมมี ลู คา่ การคา้ เพมิ่ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยในปี 2559 มมี ลู คา่ การคา้ ชายแดนรวม 116,331 ลา้ นบาท เพ่ิมข้ึนจากปี 2554 ถึง 79,892 ล้านบาท นอกจากน้ียังมีการค้าผ่านแดนไปยังประเทศเวียดนามอีก ปลี ะกวา่ 1.3 พันล้านบาท วารสารราชรถ 11
ด้วยเหตุน้ี รัฐบาลจึงได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนในจังหวัดภาคตะวันออกให้เป็น ประตูและศูนย์กลางทางการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุน เช่ือมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและเจริญเติบโต อยา่ งยั่งยนื เน้นการนำ� โอกาสและจดุ แขง็ ชายแดน เพอ่ื เพิ่มขดี ความสามารถการแขง่ ขนั รวมทั้งชว่ ยกระตนุ้ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ เช่น ขยายเส้นทางหลวงจากบ้านหนองเอี่ยนไปยังด่านผ่านแดน บา้ นคลองลกึ จงั หวดั สระแกว้ พรอ้ มสรา้ งสะพานขา้ มแดนไทย – กมั พชู า เชอ่ื มตอ่ กบั บา้ นสตงึ บท จงั หวดั บนั เตยี เมียนเจยของกัมพูชา ขยายโครงข่ายถนนสุขุมวิทจากตราดเข้าสู่ด่านหาดเล็กให้เป็น 6 ช่องจราจร ขยาย เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 จันทบุรี-สระแก้ว เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจ ชายแดนสระแกว้ และจนั ทบรุ -ี ตราด ไวด้ ว้ ยกนั และมโี ครงการจะดำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งทางหลวงพเิ ศษระหวา่ งเมอื ง หมายเลข 61 สายแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี-นครราชสีมา เพ่ือท่ีจะไปเช่ือมต่อกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา-หนองคาย และในปี 2565-2567 มแี ผนจะดำ� เนนิ โครงการกอ่ สรา้ งทางหลวงพเิ ศษระหวา่ งเมอื ง หมายเลข 72 สายชลบุรี-จันทบุรี-ตราด ปรับปรุงขยาย ชอ่ งจราจรทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข 332 สายแยก ทล.3 (แยกเจ) - แยก ทล.3 (แยกอตู่ ะเภา) ทางหลวงแผ่นดนิ หมายเลข 304 : สายฉะเชิงเทรา-เขาหินซ้อน ทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 3 พัทยา-สัตหีบ สัตหีบ-บ้านฉาง บ้านฉาง-ระยอง เป็นตน้ พฒั นาโครงข่ายรถไฟเชอื่ มตอ่ กับประเทศเพือ่ นบ้านในกลมุ่ CLMV และจีนตอนลา่ งเข้ากับ 3 ทา่ เรอื คอื ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือสัตหีบ อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพและเพ่ิมความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา ก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-สัตหีบ-มาบตาพุด พัฒนาสถานีขนส่ง สนิ คา้ คอนเทนเนอร์ (ICD) รองรบั การรวบรวมและกระจายสนิ คา้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และประเทศกมั พชู า (ผา่ นจงั หวดั สระแกว้ ) สว่ นแผนการดำ� เนนิ โครงการในระยะตอ่ ไป จะดำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งรถไฟทางคสู่ ายชมุ ทาง ศรรี าชา-ระยอง และมาบตาพดุ -ระยอง-จนั ทบรุ -ี ตราด-คลองใหญ่ รถไฟทางคชู่ ว่ งคลองสบิ เกา้ -อรญั ประเทศ โครงการรถไฟทางคู่ ชว่ งท่าแฉลบ-พานทอง เปน็ ตน้ ด้านการขนส่งทางน�้ำ กรมเจ้าท่า ได้พัฒนาท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ คลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อพัฒนา ระบบการขนส่งทางน้�ำชายฝั่งทะเล ในภาคตะวนั ออก และเชอ่ื มโยงการขนสง่ สินค้าทางน�้ำระหว่างไทย-กัมพูชา- เวียดนาม ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2559 ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหา ผู้ประกอบการเพ่อื บริหารท่าเรอื 12 วารสารราชรถ
เสรมิ สรา้ งใหเ้ ปน็ เมอื งนา่ อยู่ (Liveable City) จากการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านคมนาคม ขนส่งภาคตะวันออก นับว่ามีส่วนสนับสนุนบทบาท การเจริญเติบโตของเมืองหลักอย่างฉะเชิงเทรา และทิศทางการพัฒนาของภาคตะวันออก เพื่อ ชลบรุ ี ระยอง ทำ� ใหเ้ กิดการกระจกุ ตัวของชมุ ชน และ กระจายความเจริญและการพัฒนาให้มีความทั่วถึง อาจเกิดปญั หาต่าง ๆ ตามมา โดยจงั หวดั ทม่ี ีสัดส่วน โดยเฉพาะการพฒั นาเมอื งและกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อภาคสูงที่สุด คือ ระยอง ของ EEC จะเป็นผลให้รูปแบบการเดินทางและการ ร้อยละ 35.9 รองลงมา คือ ชลบุรี ร้อยละ 33.7 ขนส่งสินค้าในอนาคตเปล่ียนแปลงไปจากเดิมท่ีมี และฉะเชงิ เทรา รอ้ ยละ 12.9 ส่วนจังหวัดท่ีมีสัดส่วน กรงุ เทพมหานครเปน็ ศนู ยก์ ลางของโครงขา่ ยคมนาคม มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อภาคต�่ำที่สุด คือ จังหวัด จะเป็นโครงข่ายคมนาคมท่ีเริ่มต้นและกระจายออก นครนายก ร้อยละ 1.1 ดังนั้น เพื่อลดการกระจกุ ตัว จาก EEC ไปสู่พ้ืนท่ีภูมิภาคอ่ืน ๆ โดยตรงเพ่ิมขึ้น ของชมุ ชนในเมอื งหลกั และกระจายความเจรญิ เตบิ โต นอกจากน้ี การพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานคมนาคม ทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมพ้ืนท่ีภาคตะวันออก เชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพ่ือนบ้านชายแดน มากยิ่งขึ้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรี จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นประตูเศรษฐกิจ วา่ การกระทรวงคมนาคม เหน็ วา่ นอกจากการพฒั นา ของ CLMV และอนภุ มู ภิ าคตอ่ ไป โดยกระทรวงคมนาคม สภาพแวดล้อมเมืองส�ำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ขับเคล่ือนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ผ่านกลไก พัทยา อู่ตะเภา และระยอง ให้เป็นเมืองน่าอยู่แล้ว การเร่งรัดติดตามของแผนปฏิบัติการด้านคมนาคม จังหวัดปราจีนบุรี และนครนายก เป็นอีกพ้ืนท่ีหนึ่ง ขนสง่ พ.ศ. 2561 (Action Plan) รวมถึงผ่านกลไก ทม่ี ศี กั ยภาพเหมาะสมในการพฒั นาใหเ้ ปน็ เมอื งนา่ อยู่ การตดิ ตามของคณะกรรมการดา้ นตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ส�ำหรับคนทุกกลุ่มในสังคม เน่ืองจากมีพื้นท่ีติดกับ เพ่ือให้การด�ำเนินการเป็นไปตามแผนท่ีก�ำหนด 3 จังหวดั นำ� ร่องของโครงการ EEC สามารถเช่ือมตอ่ และเปา้ หมายการพฒั นาของรฐั บาลทตี่ อ้ งการเสรมิ สรา้ ง การเดนิ ทางจากกรงุ เทพฯ และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม กับพื้นที่ EEC ได้สะดวก รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลด ของประเทศ ความแออัดในเมืองหลัก กระตุ้นให้เกิดการขยายตัว ของเมอื ง และกระจายความเจรญิ ไปสพู่ นื้ ทภ่ี าคตะวนั ออก ในระยะ 5 ปี ตอ่ จากน้ี “เรา” จะเหน็ ภาคตะวนั ออก ได้กว้างขวางมากย่ิงข้ึน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทาง การพฒั นาภาคตะวนั ออกของสำ� นกั งานคณะกรรมการ กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจชั้นน�ำของเอเชีย พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วงปี ที่จะสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการ 2560 - 2564 แข่งขัน การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ เกดิ การจา้ งงานในภาคอตุ สาหกรรมและบรกิ ารเพมิ่ ขนึ้ ไม่ตำ่� กวา่ 100,000 คนต่อปี พื้นทีจ่ งั หวดั ตามแนว การพฒั นาเสน้ ทางดา้ นคมนาคมและระบบขนสง่ ชายแดนจะเป็นประตูการค้าสอู่ าเซยี นท่ีจะสร้างมูลค่าเพ่มิ ใหก้ บั ประเทศและประชาชน และเปน็ มหานครทน่ี า่ อยู่ สาธารณะให้มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ สำ� หรับคนทุกกลุ่มอยา่ งเต็มภาคภูมิ ดว้ ยความพรอ้ ม เพอ่ื รองรบั การเดนิ ทางของประชาชน จงึ เหมอื นแขนขา ของระบบสาธารณปู โภคและบรกิ ารทางสงั คม สามารถ หรือประตูท่ีส�ำคัญอย่างย่ิงต่อการพัฒนาพื้นท่ี ดึงดูดนักท่องเทีย่ วเพม่ิ ขนึ้ ไม่น้อยกวา่ 10 ล้านคนต่อปี ภาคตะวนั ออก เชน่ กอ่ สรา้ งทางหลวงหมายเลข 304 สรา้ งฐานภาษใี หมใ่ หก้ บั ประเทศ สรา้ งฐานรายไดเ้ พม่ิ สายอ�ำเภอกบินทร์บุรี – ปักธงชัย และเตรียมเสนอ “ประชาชนอยดู่ ี มสี ขุ ” ซง่ึ เปน็ รากฐานสำ� คญั ทจ่ี ะทำ� ให้ ใหก้ อ่ สรา้ งทางหลวงพเิ ศษระหวา่ งเมอื งหมายเลข 61 ประเทศกา้ วสกู่ ารเป็น “ประเทศไทย 4.0” ไดอ้ ย่าง เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างจังหวัดนครราชสีมา ย่ังยนื ปราจีนบุรี สแู่ หลมฉบัง เปน็ ตน้ วารสารราชรถ 13
กรารชะดราถนขา่ ว คำ� ชแ้ี จงกรณีญป่ี ่นุ ปฏิเสธและยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูงเสน้ ทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างประเทศและสื่อโซเชียลว่า ญี่ปุ่นไม่สนใจลงทุนหรือยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรงุ เทพฯ - เชียงใหม่ ชว่ งกรงุ เทพฯ – พิษณโุ ลก น้นั กระทรวงคมนาคม ขอเรยี นวา่ การหารอื รว่ มกนั ระหวา่ งกระทรวงคมนาคมของไทย และกระทรวงทดี่ นิ โครงสรา้ ง พนื้ ฐาน การคมนาคมและการทอ่ งเทย่ี วของญป่ี นุ่ เปน็ การรายงานผลการศกึ ษาความเหมาะสมของโครงการความรว่ มมอื ระหว่างสองกระทรวงในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ยังไม่ได้มีการเจรจาการลงทุน แตป่ ระการใด และทางฝา่ ยญป่ี นุ่ ไมไ่ ดย้ กเลกิ โครงการความรว่ มมอื หรอื ตอบปฏเิ สธการรว่ มลงทนุ แตอ่ ยา่ งใด ทง้ั น้ี ทางฝา่ ยญปี่ นุ่ รับที่จะไปพิจารณาจัดท�ำข้อมูลเพ่ิมเติมเพื่อหารูปแบบการลงทุนท่ีเหมาะสมและเป็นภาระการลงทุนของรัฐบาลไทย ใหน้ ้อยที่สดุ ส�ำหรับในประเด็นเร่ืองความเร็วของรถไฟความเร็วสูงชินกันเซ็นของญ่ีปุ่นนั้น ตามมาตรฐานของญ่ีปุ่นจะพัฒนา ความเรว็ ท่ี 300 กโิ ลเมตรตอ่ ชว่ั โมง เปน็ อยา่ งนอ้ ย ซงึ่ เปน็ ทเี่ ขา้ ใจรว่ มกนั วา่ การลดความเรว็ ลงจะไมม่ คี วามแตกตา่ งของ มลู คา่ การลงทนุ รวมทง้ั การลดจำ� นวนสถานี ทงั้ นี้ ในการจดั ทำ� รายงานการศกึ ษาความเหมาะสมไดค้ ำ� นงึ ถงึ การประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายให้มากทีส่ ดุ โดยค�ำนงึ ถงึ ต้นทุนตลอดอายุโครงการ (Life Cycle Cost) ทง้ั น้ี ทางญ่ปี นุ่ รับไปศกึ ษาเพิม่ เติม กระทรวงคมนาคมจึงขอเรียนมาเพื่อทราบโดยท่ัวกัน และมีความมุ่งมั่นท่ีจะพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงให้เกิด ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่กระจายความเจริญไปสู่เมืองต่าง ๆ ในภูมิภาค และให้เกิดความสะดวก สบาย ความรวดเร็ว และปลอดภัยในการเดนิ ทางของพ่นี อ้ งประชาชนและเปิดเสน้ ทางท่องเทีย่ วในภูมภิ าค กรมทางหลวงดำ� เนนิ โครงการกอ่ สรา้ งทางหลวงหมายเลข12สายตาก-แมส่ อดจงั หวดั ตากตอน3 แลว้ เสรจ็ กรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม ด�ำเนนิ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 สายตาก - แมส่ อด จงั หวัดตาก เพอื่ เพ่ิมศักยภาพสายทาง เชื่อมโยงโครงข่ายทางหลวงสายหลกั และสนับสนนุ การเดนิ ทางเขา้ สู่แหลง่ ทอ่ งเท่ียว ปจั จบุ นั การกอ่ สรา้ งตอน3ระหวา่ งกม.49+266-กม.73+891แลว้ เสรจ็ อยรู่ ะหวา่ งการกอ่ สรา้ งตอน4ระหวา่ งกม.22+814-กม. 49+266 คาดวา่ จะแลว้ เสรจ็ ตลอดทง้ั สายทางในปี 2562 เพอ่ื เชอ่ื มตอ่ กบั เสน้ ทางทม่ี งุ่ สสู่ ะพานมติ รภาพไทย - เมยี นมา แหง่ ที่ 1 และแหง่ ท่ี 2 เสน้ ทางระเบยี งเศรษฐกจิ ตะวนั ออก - ตะวนั ตก (East - West Economic Corridor: EWEC) และเสน้ ทางระเบยี งเศรษฐกจิ สายใหม่ (Western Economic Corridor: WEC) ซ่ึงเป็น เส้นทางท่ีมีทิวทัศน์สวยงาม สามารถเช่ือมต่อไปยังแหล่ง ทอ่ งเทยี่ วตา่ ง ๆ ของจงั หวดั ตาก สนบั สนนุ การคา้ การทอ่ งเทยี่ ว แ ล ะ อ� ำ น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใหป้ ระชาชนสามารถเดนิ ทาง ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย มากยงิ่ ข้นึ 16 วารสารราชรถ
ทา่ อากาศยานภูเกต็ เพ่ิมพ้ืนทพ่ี ักคอยผู้โดยสารขาออก อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทา่ อากาศยานภเู กต็ (ทภก.) บรษิ ทั ทา่ อากาศยานไทย จำ� กดั (มหาชน) (ทอท.) กระทรวงคมนาคม เพมิ่ พนื้ ทพี่ กั คอย ผโู้ ดยสารขาออก อาคารผโู้ ดยสารภายในประเทศ เพอื่ รองรบั และแกไ้ ขปญั หาความแออดั ของผโู้ ดยสาร ตงั้ แตว่ นั ท่ี 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2561 เป็นต้นไป ตามที่ ทอท. ได้ด�ำเนินโครงการพัฒนา ทภก. และอยู่ระหว่างการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ปัจจุบัน ทภก. อยรู่ ะหวา่ งดำ� เนนิ การปรบั ปรงุ อาคารผโู้ ดยสาร ภายในประเทศ ระยะที่ 2 ทอท. ได้เร่งรัดการเปิด พื้นที่บริการเพ่ิมเติมเพ่ือบรรเทาความแออัดดังกล่าว ตง้ั แตว่ นั ท่ี 14 กมุ ภาพนั ธ์ 2561 เปน็ ตน้ ไป โดยเพมิ่ พน้ื ท่ี พักคอยบริเวณห้องโถงพักคอยผู้โดยสารขาออก ดา้ นทศิ เหนือ จากเดิมท่ีมพี น้ื ที่ 2,000 ตารางเมตร เพ่ิมเป็นพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร สามารถรองรับ ปริมาณผู้โดยสารในช่ัวโมงแออัดสูงสุด 3,500 คน จั ด เ ก ้ า อี้ พั ก ค อ ย เ พ่ิ ม เ ติ ม ส� ำ ห รั บ ผู ้ โ ด ย ส า ร จ�ำนวน 200 ที่นั่ง รวมทั้งด�ำเนินการแก้ไขปัญหาระบบ ปรับอากาศเบื้องต้นโดยติดต้ังพัดลมระบายอากาศ เพ่ิมเติม เพื่ออำ� นวยความสะดวกแก่ผโู้ ดยสาร ท้ังนี้ ทภก. คาดว่าการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายใน ประเทศจะด�ำเนินการแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2561 กรมท่าอากาศยานสนับสนุนโครงการ “กาดเกษตรกร” เปิดพื้นที่ท่าอากาศยานน่านนคร จ�ำหน่าย สนิ คา้ และผลติ ผลทางการเกษตร กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม ร่วมกับส�ำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดน่าน สถาบันวิจัย และพฒั นาพืน้ ทีส่ งู (องคก์ ารมหาชน) สนับสนนุ โครงการ “กาดเกษตรกร” โดยใชพ้ ้นื ทีท่ ่าอากาศยานน่านนคร จงั หวดั นา่ น จำ� หนา่ ยสนิ คา้ และผลติ ผลทางการเกษตรโครงการหลวงสผู่ บู้ รโิ ภคโดยตรง ภายใตแ้ นวคดิ “ทกุ ครงั้ ทซี่ อ้ื ผกั เสมอื นทา่ นไดร้ ว่ ม เป็นส่วนหนึ่งในโครงการสร้างรายได้ ใหก้ บั ชมุ ชนบนพนื้ ทส่ี งู ” เพอ่ื เพม่ิ ชอ่ งทาง การตลาด ผลิตอาหารปลอดภัย ตาม แนวทางโครงการหลวงและมาตรฐาน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซ่ึงส่งผลดีต่อเกษตรกรและประชาชน ชาวจังหวัดน่าน นักท่องเที่ยว และ ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานน่านนคร ได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพ สะอาด และปลอดภยั โดยจดั จำ� หนา่ ยทกุ วนั ศกุ ร์ ต้ังแตว่ ันศกุ ร์ที่ 16 กุมภาพนั ธ์ 2561 เปน็ ตน้ ไป ณ บรเิ วณหนา้ หอ้ งผโู้ ดยสาร ขาออก ทา่ อากาศยานน่านนคร วารสารราชรถ 17
ร ่ ม หู ก ว า ง นายอาคม เติมพิทยาไพสฐิ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงคมนาคม ตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสายมีนบุรี - ฉะเชงิ เทรา ตอน 2 ทางหลวงหมายเลข 304 ชว่ ง กม.50+300 - 59+900 เมื่อวันท่ี 3 กมุ ภาพนั ธ์ 2561 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม ตรวจเย่ียมการดำ�เนินงาน ของท่าอากาศยานเลย จังหวัดเลย เมื่อวันท่ี 16 กมุ ภาพนั ธ์ 2561 นายไพรนิ ทร์ ชโู ชตถิ าวร รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงคมนาคม ตรวจโครงข่ายคมนาคมเพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียง เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7 สายกรงุ เทพฯ – บา้ นฉาง ชว่ งพทั ยา - มาบตาพดุ ตอน 4 เม่ือวนั ที่ 4 กมุ ภาพันธ์ 2561 นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเย่ียมงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าวัดมังกร และ สถานีรถไฟฟา้ สนามไชย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้�ำเงนิ ส่วนตอ่ ขยาย ชว่ งหัวลำ� โพง – บางแค และชว่ งเตาปนู – ทา่ พระ เมอ่ื วนั ที่ 12 กมุ ภาพันธ์ 2560 18 วารสารราชรถ
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงคมนาคม เปน็ ประธานการประชมุ สัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งท่ี 2 (การสรปุ ผลการพจิ ารณารปู แบบทางเลอื กของโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน�้ำตาล ช่วงแคราย - ล�ำสาลี (บึงกุ่ม) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชนั่ กรงุ เทพฯ นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดการสัมมนาเผยแพร่ ข้อมูลโครงการก่อนประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในการดำ�เนินงาน และบำ�รุงรกั ษา (O&M) โครงการทางหลวงพเิ ศษระหว่างเมอื ง สายบางปะอนิ - นครราชสมี า และสายบางใหญ่ - กาญจนบรุ ี เมอ่ื วนั ที่ 31 มกราคม 2560 ณ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง ทำ�หน้าท่ีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยประชุมคณะทำ�งานร่วมรถไฟไทย - จีน กับ Mr. Zheng Chiping, Deputy Director General, Foreign Capital and Overseas Investment Department เมอื่ วนั ท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2561 ณ กรงุ ปกั กงิ่ สาธารณรฐั ประชาชนจนี วารสารราชรถ 19
กระทรวงคมนาคม 38 ถนนราชด�ำเนินนอก แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100 โทรศัพท์ 0 2281 3000 โทรสาร 0 2281 3959 www.mot.go.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: