มีนาคม 2 5 6 4 แผนโครงการ Land Bridge เชื่อมโครงขา ยโลจ�สตกิ ส สูศูนยกลางขนสง ทางน้าํ ของภมู ิภาค
ถ้ อ ย แ ถ ล ง กลับมาพบกันอีกครั้งกับวารสารราชรถ ที่มาพร้อมข่าวคราวความเคลื่อนไหวด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งดำ�เนินภารกิจเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ที่สำ�คัญในฉบับนี้ได้รับเกียรติ จากนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม มาถ่ายทอดมุมมองการขับเคลื่อนภารกิจแผนงานโครงการของกระทรวงฯ ในคอลัมน์ Voice & Vision และพบกับประโยชน์ความสำ�คัญของโครงการแลนด์บริดจ์และการยกระดับท่าเรือสินค้า ในคอลัมน์ MOT Focus นอกจากนี้ ยังขอชวนไป Check-in เดินชมงานศิลปะกับการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัวของผู้คนในชุมชนรอบกรมเจ้าท่า รับรองว่า จะได้ทั้งความสนุกสนาน ผ่อนคลาย พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายแน่นอน และยังมีเกร็ดความรู้อื่น ๆ ที่สามารถนำ�มาใช้ได้จริง ซ่อนอยู่ในทุกคอลัมน์แน่นอน ส า ร บั ญ 3 MOT FOCUS 12 ราชรถชวน Check-in โครงการแลนด์บริดจ์ ชุมชนรอบกรมเจ้าท่ากับงานศิลปะ ยกระดับท่าเรือสินค้า วางโครงข่ายโลจิสติกส์ และการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน 15 MOT Smart Life 6 Voice & Vision รถ - ราง - เรือ ขนส่งสาธารณะ นายชยธรรม์ พรหมศร จ่ายด้วย “เราชนะ” ได้แล้ววันนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม เดินหน้าแผนงานคมนาคมเป็นหนึ่งเดียวกัน 16 ราชรถ Knowledge เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ “เส้นทางน้ำ�” กับความสำ�คัญทางการค้าของไทยในแต่ละยุค 8 ร่มหูกวาง 10 Update ข่าวคมนาคม 18 Safety Tips Tips ดี ๆ กับการนั่งเรือโดยสารอย่างปลอดภัย ข้อปฏิบัติง่าย ๆ ที่ทุกคนควรรู้ คณะผู้จัดทำ� รองปลดั กระทรวงคมนาคม บรรณาธิการ และโฆษกกระทรวงคมนาคม ผอู้ ำ�นวยการกองเผยแพร่และประชาสมั พันธ์ ที่ปรึกษา ผตู้ รวจราชการกระทรวงคมนาคม กองบรรณาธิการ นายพศิ กั ด์ิ จติ วริ ยิ ะวศนิ และรองโฆษกกระทรวงคมนาคม ฝา่ ยแผนงานและประชาสัมพันธ์ นางสาวดจุ ดาว เจรญิ ผล จดั ทำ�โดย กองเผยแพรแ่ ละประชาสมั พนั ธ์ ส�ำ นักงานปลดั กระทรวงคมนาคม โทรศพั ท์ 0 2283 3024 โทรสาร 0 2281 6300 www.mot.go.th เฟซบ๊กุ แฟนเพจ ประชาสัมพนั ธ์ กระทรวงคมนาคม
MOT FOCUS โครงการแลนด์์บริิดจ์์ ยกระดัับท่า่ เรืือสินิ ค้า้ วางโครงข่า่ ยโลจิิสติิกส์์ เพื่่�อการพััฒนาอย่่างยั่ �งยืนื “การขนส่งทางนํ้า” เป็นวิธีการขนส่งที่มีมา ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยการใช้แม่นํ้าลำ�คลอง เป็นเส้นทางลำ�เลียงสินค้า รวมถึงการขนส่ง ทางทะเล ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำ�หรับการขนส่งสินค้าระหว่าง ประเทศ แน่นอนว่า เมื่อมีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เกิดขึ้น จึงจำ�เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาระบบการคมนาคม ขนส่งทางนํ้าให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย และ มีประสิทธิภาพ มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี ตลอดจน สนับสนุนให้มีการกระจายการขนส่งทางนํ้าอย่างเหมาะสม และมีความเชื่อมโยงอันเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทางการค้าและบริการ นำ�ไปสู่การสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ ของประเทศให้มั่นคง ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของ ประชาชนให้ดีขึ้นตามมา เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพและความพร้อมของ โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไทย กระทรวงคมนาคม มุ่งมั่น เดินหน้าพัฒนา สานต่อโครงการ แลนด์บริดจ์ ท่าเรือชุมพร - ท่าเรือระนอง พร้อมกับ การยกระดับท่าเรือสินค้าสู่ระดับโลก 3
แลนด์์บริิดจ์์เชื่่�อมจากชุุมพรไปยัังระนอง เพื่่�อขนส่่งสิินค้้าออก ไปทางทะเลอัันดามััน ซึ่่�งจะลดระยะเวลาขนส่่งได้้ถึึง 2 วัันครึ่�ง โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและ • การพัฒนาทางหลวงและมอเตอร์เวย์เชื่อมระหว่าง อ่าวไทย (Land Bridge) หรือแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการ จังหวัดระนอง และ จังหวัดชุมพร ที่สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ • การพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่เชื่อมระหว่าง ภาคใต้อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor: SEC) จงั หวดั ระนองและจงั หวดั ชมุ พรระยะทางประมาณ120กโิ ลเมตร ที่ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือ ชุมพร ระนอง ควบคู่กับการพัฒนาเส้นทางมอเตอร์เวย์ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งจะนำ�ไปสู่การเชื่อมโยง ส�ำ หรบั โครงการพฒั นาเสน้ ทางรถไฟชมุ พร-ทา่ เรอื นํา้ ลกึ การขนส่งและคมนาคมอย่างครบถ้วนกับโครงการพัฒนา ระนอง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยยกระดับการเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์ระหว่างชายฝั่งทะเล โดยปัจจุบันกระทรวงคมนาคม ได้ให้หน่วยงานในสังกัด อันดามันกับอ่าวไทยในลักษณะของ Land Bridge (สะพาน ที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมิน เศรษฐกจิ ) รวมทัง้ จะชว่ ยขบั เคลือ่ นการเปลีย่ นรปู แบบการขนสง่ ผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มและวเิ คราะหร์ ปู แบบการพฒั นาการลงทนุ (Mode Shift) จากการขนส่งทางบก เป็นการขนส่งทางราง และให้ความสำ�คัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อเดินหน้า เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล โครงการ ยุทธศาสตร์สำ�คัญของโครงการนี้ คือการเชื่อมโยง โครงการแลนด์บริดจ์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ระหว่าง 2 ภูมิภาค คือ ยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค • การพฒั นาทา่ เรอื นํา้ ลกึ 2 ฝัง่ ทะเลอา่ วไทยและทะเล ขนาดใหญ่ สู่แหล่งผู้ผลิตนํ้ามันในตะวันออกกลาง ไปสู่เอเชีย อันดามันโดยพัฒนาท่าเรือนํ้าลึกระนอง และพัฒนาท่าเรือ ตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฯลฯ ซึ่งเปรียบเสมือน นํ้าลึกชุมพร ผู้บริโภคนํ้ามันและโรงงานโลก โดยผ่านไทย ซึ่งหากใช้เส้นทาง ตอนใต้ของเวียดนามเป็นตัวตั้งจะมีเส้นทางขนส่งทางเรือตัดตรง เขา้ มายงั จงั หวดั ชมุ พรโดยไมต่ อ้ งผา่ นชอ่ งแคบมะละกา (สงิ คโปร)์ 4
จึงมีการพัฒนาแลนด์บริดจ์เชื่อมจาก 2. พฒั นาทา่ เรอื กรงุ เทพยกระดบั สู่ Modern Port City ชุมพรไปยังระนอง เพื่อขนส่งสินค้าออก โดยเปิดใช้ท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G ณ ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ไปทางทะเลอันดามัน ซึ่งจะลดระยะเวลา เพื่อยกระดับการให้บริการเชื่อมโยงการขนส่งภายในประเทศ ขนส่งได้ถึง 2 วันครึ่ง รองรับปริมาณตู้สินค้า 2.4 แสนตู้ต่อปี นอกจากการเร่งพัฒนาโครงการ อีกทั้งยังเน้นการพัฒนาเมืองธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเป็น แลนด์บริดจ์แล้ว กระทรวงคมนาคม แลนด์มาร์กของประเทศ ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวใหม่ ยั ง เ ดิ น ห น้ า ป รั บ ป รุ ง แ ล ะ เ พิ่ ม ขี ด เชื่อมโยงการทอ่ งเทย่ี วทางนา้ํ และ Passenger Terminal โดยมี ความสามารถท่าเรือสินค้าเพื่อให้รองรับ แนวคิดออกแบบเป็นอาคารแบบ Mixed Use ที่มี Shopping การขนส่งสินค้าทางนํ้าในระดับโลก ดังนี้ Mall พื้นที่จอดรถและโรงแรม 1. เพ่ิมขีดความสามารถท่าเรือ 3. ปรับปรุงท่าเรือระนองเป็นท่าเรือหลักฝั่งทะเล แหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพื่อรองรับ อันดามัน เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาร่องนํ้า ความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเล ทางเดนิ เรอื จาก 8 เมตร เปน็ 18 เมตร พรอ้ มกบั เพิม่ ประสทิ ธภิ าพ ระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต การให้บริการ เพื่อยกระดับการให้บริการของท่าเรือระนอง และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ (ทรน.) และพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าสู่ ใ น ก า ร แ ข่ ง ขั น ด้ า น ก า ร ข น ส่ ง สิ น ค้ า กลุ่มประเทศ BIMSTEC ซึ่งประกอบไปด้วย บังคลาเทศ ศรีลังกา ทางนํ้าใหแ้ ก่ประเทศ เพือ่ เนน้ ยํา้ ถึงจดุ ยนื อินเดีย เมียนมา เนปาล ภูฏาน และประเทศไทย การเป็นเกตเวย์หลักในภูมิภาค การเป็นศูนย์กลางทางการค้า อี ก ทั้ ง เ พื่ อ เ พิ่ ม ศั ก ย ภ า พ ก า ร เ ป็ น ท่ า เ รื อ นํ้ า ลึ ก ที่ ลํ้ า ส มั ย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัด ด้วยการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ตลอดจน กระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความสำ�คัญ ผสมผสานให้เป็นท่าเรือที่ให้ความสำ�คัญกับสภาพแวดล้อม ของโครงการแลนด์บริจด์ว่า เป็นหน่ึงใน โดยมีเป้าหมาย คือ โครงการสำ�คัญของกระทรวงคมนาคม 1.1 เพิ่มความสามารถในการขนส่งตู้สินค้า ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มองเห็น จาก 7.7 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18.1 ล้านตู้ต่อปี ชัดเจนว่าประเทศไทยต้ังอยู่ในตำ�แหน่ง 1.2 เพิ่มความสามารถในการขนส่งรถยนต์ ศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก 2 ล้านคันต่อปี เป็น 3 ล้านคันต่อปี ถา้ สามารถเชอื่ มการขนสง่ สนิ คา้ ฝงั่ อา่ วไทย 1.3 เพิ่มสัดส่วนการขนส่งตู้สินค้าโดยรถไฟ และฝั่งทะเลอันดามันเข้าหากันได้จะลด ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 30 เพื่อขนส่ง ระยะทางลงไปได้อย่างน้อยเกือบ 3 วัน ตู้สินค้าผ่านทางชายฝั่งและทางรถไฟ เพื่อบรรเทาการจราจร โดยไมต่ ้องไปผา่ นชอ่ งแคบมะละกา แออัดบริเวณโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง โดยการเดินหน้าแผนโครงการ รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง ค ม น า ค ม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มอบให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องออกแบบโครงการแลนด์บริจด์ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 และเดินหน้า สู่ขั้นตอนดำ�เนินโครงการต่อไป แน่นอนว่าการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานนี้ จะมาเสริมศักยภาพในการเชื่อมโยงการขนส่ง ของประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระทรวงคมนาคม พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง รวมถึงยกระดับศักยภาพ ของท่าเรือขนส่งสินค้าต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง สินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจะทำ�ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง สินค้าในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นส่วนสำ�คัญในการสร้าง ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน 5
Voice & Vision นายชยธรรม์์ พรหมศร ปลััดกระทรวงคมนาคม เดิินหน้้าแผนงานคมนาคมเป็็นหนึ่ �งเดีียวกันั เพื่่�อการพััฒนาอย่่างยั่�งยืืนในทุกุ มิิติิ “ภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคม คือ ทำ�อย่างไรให้เกิดการขนส่งคนและสินค้า จากต้นทางไปสู่ ปลายทาง ทั้งมิติในเมืองและมิติระหว่างเมือง ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย ตรงเวลา และราคา สมเหตุสมผล” เจตจำ�นงค์ในการทำ�งานของปลัดกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ในฐานะปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้นำ�ในภาคปฏิบัติของหน่วยงานในสังกัดที่ขานรับนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไม่หยุดนิ่งสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน ทิศทางของกระทรวงคมนาคม มีความชัดเจน โดยนโยบายจากรัฐบาลภายใต้การนำ�ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งมอบภารกิจนี้มาสู่กระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำ�กับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง คมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่งได้แปลงนโยบายมาเป็นแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน โดยการเดินทางทางบกสามารถเน้นแบ่งออกเป็น 2 มิติ คือ ‘การเดินทางในเมือง’ และ ‘ระหว่างเมือง’ 6
สแกนเพื่อชมวิดีโอสัมภาษณ์ มติ ขิ องการเดนิ ทางในเมือง ในอดีตทีผ่ า่ นมา เราพึ่งพาการเดนิ ทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคล MOT Channel เป็นหลัก เพราะระบบขนส่งสาธารณะยังไม่สามารถตอบโจทย์ในการเดินทางให้แก่ประชาชนได้ดี ทั้งเรื่องความสะดวก ความตรงต่อเวลา ทำ�ให้ประชาชนนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งรัฐบาลมองเห็นภาพนี้ชัดเจน จึงต้องการเร่งแก้ปัญหาและปรับปรุงการเดินทางของประชาชน ในเขตเมือง โดยสิ่งที่แรกที่รัฐบาลกำ�หนดแผนไว้อย่างชัดเจนคือ รถไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงข่าย ระบบรางทที่ �ำ ใหเ้ กดิ ความสะดวกแกป่ ระชาชนหากสามารถสรา้ งรถไฟฟา้ 14สายตามแผนทวี่ างไว้ จะเกิดการเชื่อมโยงเส้นทางให้บริการรถไฟฟ้าที่ครอบคลุม โดยมีแผนแล้วเสร็จภายในปี 2572 สิ่งที่สำ�คัญกว่าเรื่องของความสะดวกคือความปลอดภัย ซึ่งการเดินทางด้วยระบบราง มีความปลอดภัยกว่าเดินทางด้วยรถยนต์แน่นอน พร้อมทั้งลดอุบัติเหตุและการจราจรที่ติดขัด อันส่งผลถึงปัญหามลภาวะในเขตเมือง อีกทั้งความตรงต่อเวลาของระบบราง ก็สามารถควบคุมได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมาศึกษาภาพรวมเรื่องของราคากันอีกครั้ง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ผู้โดยสาร มิติการขนส่งระหว่างเมือง เช่นเดียวกัน เมื่อพึ่งพาการขนส่งทางถนนเป็นหลักนั้น จึงเกิดปัญหา ทั้งเรื่องของอุบัติเหตุ การไม่ตรงต่อเวลา ต้นทุนการขนส่งที่สูง ส่งผลให้ความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศลดลง ฉะนั้น นโยบายของรัฐบาลคือการพึ่งพาการเดินทางขนส่ง ระบบราง จึงมีการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ขึ้น เพื่อความรวดเร็วในการขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิต สู่ผู้บริโภคได้อย่างง่ายดาย ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม โดยในอนาคตยังสามารถสร้างศูนย์กระจายสินค้าสู่ภูมิภาคต่าง ๆ แล้วเชื่อมโยงด้วยระบบ ทางคู่ ทำ�ให้สามารถควบคุมปริมาณการจราจร หรือปริมาณรถบรรทุกขนาดใหญ่ให้อยู่ในพื้นที่ ที่จำ�กัด และยังช่วยเรื่องความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถบรรทุกที่วิ่งระยะทางไกล ที่สำ�คัญการขนส่งด้วยระบบรางสามารถทำ�การขนส่งสินค้าได้ในปริมาณที่มากขึ้นอีกด้วย นัน่ คอื 2 มติ สิ �ำ หรบั การเดนิ ทางทางบก อนั เปน็ กรอบ การทำ�งานระยะสั้น ที่จะอธบิ ายใหเ้ หน็ ว่ากระทรวงคมนาคม ในยุคนี้ จะพัฒนาไปข้างหน้า โดยมีเป้าหมายชัดเจน ซึ่งกระทรวงมีการกำ�หนดเป็นแผนปฏิบัติการที่เป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แต่ระหว่างนี้จะต้องมีการเรียง ลำ�ดับ เพื่อควบคุมวิธีการในการลงทุน และการใช้เงินภาษี ของประชาชนให้คุ้มค่าได้มากที่สุด ด้วยแนวคิดลักษณะ เดยี วกนั นยี้ งั ตอ้ งครอบคลมุ ไปใชถ้ งึ การเดนิ ทางในรปู แบบอนื่ ทั้งทางนํ้าและทางอากาศ ปลดั กระทรวงคมนาคมไมไ่ ดเ้ ปน็ เพยี งผนู้ �ำ ขบั เคลอื่ น รับนโยบายเท่านั้น เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ยังต้องสื่อสาร และส่งต่อ รวมถึงควบคุมการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคมให้เกิดการลงมือปฏิบัติจนเป็นรูปธรรมจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยมอบ แนวทางถึงผูป้ ฏิบัติงานในสังกดั ถึงการเดนิ สูเ่ ปา้ หมายเดยี วกัน แมจ้ ะในหลากหลายบทบาทหน้าที่ “ข้าราชการเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัด มีหน้าที่ที่จะนำ� นโยบายเหล่านั้นไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยทั้งหมดนี้ต้องสื่อสารกำ�หนด แนวทางปฏิบัติ เพื่อให้ทุกภาคส่วนในกระทรวงคมนาคมคิดและเข้าใจ อย่างมีเป้าหมาย ทีช่ ดั เจนรว่ มกนั ถงึ แมแ้ ตล่ ะคน แตล่ ะหนว่ ยงานจะตอ้ งแยกออกไปทำ�ตามภารกจิ หนา้ ทีข่ องตน แต่ภาพสุดท้ายที่มาประกอบกัน จะเป็นภาพเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปรียบเทียบให้ภาพอธิบายที่ชัดเจนมากคือ เปรียบเสมือนทีมฟุตบอล ที่ทุกคนจะมีบทบาท หน้าที่ของตัวเองในทีม อาจทำ�หน้าที่เป็นศูนย์หน้า กองกลาง กองหลัง ผู้รักษาประตู ซึ่งจะ เหน็ วา่ ทุกคนทำ�หนา้ ที่แตกตา่ งกนั แต่ทีส่ ำ�คญั ทกุ คนต้องฟังแผนปฏิบตั กิ ารจากผูจ้ ัดการทมี ว่า เปา้ หมายคอื จะดำ�เนนิ การอยา่ งไรเพอื่ ใหท้ มี ชนะ จงึ ทำ�ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านของกระทรวงคมนาคม ยุคนี้เปรียบเหมือนกับ ทีมคมนาคมยูไนเต็ด” 7
ร่่ ม หูู ก ว า ง นายศักด์ิสยาม ชิดชอบ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ เอกอัครราชทูตไอรแ์ ลนดป์ ระจ�ำ ประเทศไทย เข้าพบ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคม ใหน้ ายโจเซฟแอนโทนีคอตเตอร์ เอกอัครราชทูตไอรแ์ ลนดป์ ระจ�ำ ประเทศไทย เข้าพบเพื่อเยี่ยม ค า ร ว ะ แ ล ะ หารือในประเด็น ความรว่ มมอื ระหวา่ งกนั ดา้ นการ คมนาคมขนส่ง เมื่อวันที่ 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 ณ หอ้ งประชมุ กระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจความพร้อมของสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบ รถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน เพื่อดูความพร้อมก่อนเปิดให้บริการประชาชนในปลายปี 2564 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ณ สถานีกลางบางซื่อ 8
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รั ฐ ม น ต รี ว่ า ก า ร ก ร ะ ท ร ว ง คมนาคม เป็นประธานพิธี ลงนามสัญญาจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ วิ เ ค ร า ะ ห์ รู ป แ บ บ โ ม เ ด ล การพฒั นาการลงทนุ โครงการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้ า น ก า ร ค ม น า ค ม ข น ส่ ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ภาคใต้เพอ่ื เชอ่ื มโยงการขนสง่ ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ระหว่างสำ�นักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 ณ ห้องราชดำ�เนิน อาคาร สโมสรและหอประชมุ กระทรวง คมนาคม นายอธริ ฐั รตั นเศรษฐ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงคมนาคม ลงพืน้ ทีต่ รวจทา่ เทยี บเรอื ท้องศาลาและท่าเทียบเรือหาดริ้น อำ�เภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 9
U p d a t e ข่่ า ว ค ม น า ค ม กระทรวงคมนาคม เดิินหน้า้ พัฒั นาโครงการ Land Bridge ส่ง่ เสริมิ การพััฒนาเศรษฐกิจิ ภาคใต้้ สู่�การเป็็นศูนู ย์ก์ ลางการขนส่่งทางน้ำ�ำ� ของภููมิภิ าค สำ�นักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ร่วมลงนามสัญญาจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่ง ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ปจั จบุ นั การขนสง่ สนิ คา้ ระหวา่ ง ไ ท ย กั บ ก ลุ่ ม ป ร ะ เ ท ศ ท า ง ด้ า น มหาสมุทรอินเดีย ต้องเปลี่ยนถ่าย สิ น ค้ า ทั้ ง นำ � เ ข้ า แ ล ะ ส่ ง อ อ ก ผ่ า น ชอ่ งแคบมะละกา(สงิ คโปร)์ ซงึ่ เสน้ ทาง ดังกล่าว เป็นเส้นทางที่อ้อมและ มีระยะไกล การจราจรทางน้ำ�คับคั่ง มีความหนาแน่นของปริมาณเรือสูง ถงึ 100,000ล�ำ /ปี สนข.จงึ ด�ำ เนนิ การ วา่ จา้ งทป่ี รกึ ษาเพอ่ื ศกึ ษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบ โ ม เ ด ล ก า ร พั ฒ น า ก า ร ล ง ทุ น (Business Development Model) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน การคมนาคมขนสง่ เพอ่ื พฒั นาระเบยี ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ภ า ค ใ ต้ เ พื่ อ เ ชื่ อ ม โ ย ง ก า ร ข น ส่ ง ร ะ ห ว่ า ง อ่ า ว ไ ท ย แ ล ะ อันดามัน (Land Bridge) ซึ่งเป็น หนึ่งในโครงการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานและบริการด้านคมนาคม ขนส่ง คาดว่าจะดำ�เนินการศึกษา แล้วเสร็จภายในปี 2565 สำ�หรับโครงการดังกล่าว ก ร ะ ท ร ว ง ค ม น า ค ม จ ะ บู ร ณ า ก า ร รูปแบบก า ร ข น ส่ ง เ ชื่ อ ม โ ย ง 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือระนองแห่งใหม่ และท่าเรือชุมพร โดยออกแบบ ให้เป็นท่าเรือที่ทันสมัยหรือ Smart Port รวมทั้งการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) และรถไฟทางคู่ ตลอดจนวางระบบการขนส่งทางท่อ โดยทำ�การก่อสร้างไปพร้อมกันในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องตามแผนบูรณาการ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ (MR-MAP) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน ของภาคประชาชน โดยประมาณการวงเงินลงทุนทั้งโครงการ ประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน กับภาครัฐในรูปแบบ PPP ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวดำ�เนินการแล้วเสร็จ จะสามารถลดระยะเวลาการขนส่งทางเรือลงได้ ถึง 2 วัน ช่วยยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำ�ของภูมิภาค เปิดเส้นทางเดินเรือแห่งใหม่ของ มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยสร้างโอกาส สร้างงานและรายได้เพิ่มขึ้น 10
กรมทางหลวง ชนบทเตรียี มสรุปุ ผลการศึกึ ษา ความเหมาะสม EIA พร้อ้ มเดินิ หน้า้ สำ�ำ รวจ ออกแบบ วางแผน การก่อ่ สร้้างสะพาน ทะเลสาบสงขลา เชื่�อมพััทลุุง - สงขลา กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ดำ�เนินโครงการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในขนั้ รายละเอยี ด(EIA)กอ่ สรา้ งสะพานขา้ มทะเลสาบสงขลาต�ำ บลเกาะใหญ่อ�ำ เภอกระแสสนิ ธุ์จงั หวดั สงขลา-ต�ำ บลจองถนน อำ�เภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เพื่อนำ�ไปประกอบแผนการดำ�เนินงานในอนาคต ในการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคม ขนส่งให้เกิดความสมบูรณ์ เพิ่มศักยภาพในการเดินทางเชื่อมระหว่างจังหวัดพัทลุงกับจังหวัดสงขลา ลดระยะทาง การเดินทางประมาณ 80 กิโลเมตร หรือประมาณ 2 ชั่วโมง สนับสนุนอำ�นวยความสะดวกด้านพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม ส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ปัจจุบันโครงการ ดังกล่าวอยู่ระหว่างการสรุปรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการสำ�รวจออกแบบรายละเอียดพร้อม จดั ท�ำ แบบกอ่ สรา้ งและประมาณราคา จากนัน้ จะสง่ ใหส้ �ำ นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มพจิ ารณา ตามขั้นตอนการพิจารณารายงานฯ ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำ�เนินการก่อสร้างได้ในปี 2565 รฟท. เพิ่ม�่ เวลาจำ�ำ หน่า่ ย ตั๋๋ว� โดยสารล่ว่ งหน้า้ จาก 3 วััน เป็น็ 30 วััน ก่่อนวันั เดิินทาง ก า ร ร ถ ไ ฟ แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย กระทรวงคมนาคม เพิ่มระยะเวลา จำ�หน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้า จาก การจองตวั๋ โดยสารลว่ งหนา้ ได้ไมเ่ กนิ 3วนั เป็นจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ 30 วัน ก่อนวันเดินทาง เพื่อให้สอดคล้องกับ การผ่อนปรนนโยบายมาตรการเฝ้าระวัง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา2019(โควดิ -19)ของศนู ยบ์ รหิ าร ส ถ า น ก า ร ณ์ ก า ร แ พ ร่ ร ะ บ า ด ข อ ง โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งให้กิจการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในหลายพื้นที่กลับมาเปิดได้อีกครั้งภายใต้มาตรการ ป้องกันโควิด-19 และเพิ่มการอำ�นวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารในช่วงวันหยุดราชการพิเศษ วันหยุดราชการ ประจำ�ภูมิภาค และการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการประจำ�ปี 2564 ตามมติคณะรัฐมนตรี ตลอดจนบรรเทาภาระ ค่าครองชีพในการเดินทางให้กับผู้ได้รับสิทธิโครงการเราชนะ โดยการปรับเปลี่ยนระยะเวลาจำ�หน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย 11
ราชรถชวน Check-in ชุมุ ชนรอบกรมเจ้า้ ท่า่ กับั งานศิลิ ปะและการอยู่�่ ร่่วมกันั อย่่างลงตััว ชุมชนรอบกรมเจ้าท่า หรือที่เรียกกันว่า “ตลาดน้อย” เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของ ชาวจีนริมแม่นํ้าเจ้าพระยา รวมทั้งเป็นย่าน การค้าตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในชื่อ “ตะลัค เกียะ” โดยยังคงรักษาวิถีชุมชนและศิลปวัฒนธรรม ดั้งเดิมไว้ และได้ส่งต่อคุณค่าเหล่านั้นจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นย่านที่ผู้คนจากที่ต่าง ๆ ทั้ง ชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างนิยมมา Check-in ในวันหยุดแบบสบาย ๆ หมุดหมายที่ห้ามพลาด...แวะแชะภาพเก็บ บรรยากาศเพลิน ๆ บริเวณรอบกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เรียงรายไปด้วยสถานที่ต่าง ๆ ที่แสดงถึงวิถีชุมชน ชาวตลาดน้อย เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความมีชีวิต ชีวาของทั้งผู้คนเชื้อสายจีน ศาลเจ้า โบสถ์คริสต์ และร้านค้าต่าง ๆ สะท้อนถึงอาชีพดั้งเดิมในย่าน เซยี งกงทีป่ จั จบุ นั ชาวตลาดนอ้ ยรุน่ เกา่ ยงั คงประกอบ อาชีพขายอะไหล่รถและเครื่องยนต์เก่า เห็นได้ จากกองอะไหล่และซากเหล็กที่อยู่บริเวณตึกแถว หลาย ๆ ห้อง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นหรือ ปั่นจักรยานเพลิน ๆ ลัดเลาะไปตามเส้นทาง โดย เริ่มสตาร์ทจากซอยเจริญกรุง 22 ไปยังซอยวานิช 2 และซอยโรงเกือก โดยในเสน้ ทางนี้จะพาเราไปพบกับ สถานที่ที่น่าสนใจต่าง ๆ อาทิ 12
• วัดแม่พระลูกประคำ� (โบสถ์กาลหว่าร์) บ้านโซวเฮงไถ่ โบสถ์คริสต์เก่าแก่อายุกว่า 120 ปี ตั้งอยู่ภายใน โรงเรียนกุหลาบวิทยา โบสถ์กาลหว่าร์ • ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ในอดตี คอื “แบงกส์ ยามกมั มาจล” ซึง่ ถอื เปน็ ธนาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย พาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทย โดยตัวอาคาร มคี วามงดงามโดดเดน่ ตามแบบสถาปตั ยกรรมตะวนั ตก 13 และมีอายุยาวนานกว่า 115 ปี • บ้านโซวเฮงไถ่ บ้านจีนสไตล์โบราณ อายุกว่า 200 ปี ก่อสร้างด้วยไม้แบบไม่ใช้ตะปู ปัจจุบันเป็นโรงเรียนสอนดำ�นํ้า ที่มีสระว่ายนํ้าตั้งอยู่ กลางบ้าน • ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง ศาลเจ้าเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ในซอยโรงเกือก โดยภายในซอยจะมีบ้านไม้โบราณ ตั้งเรียงกัน และภาพศิลปะแนวสตรีทอาร์ทอยู่ ตามทางด้วย • ศาลเจ้าโจวซือกง (วัดซุ่นเฮงยี่) ตั้งอยู่ริม แมน่ ํา้ และมที า่ นํา้ อยูใ่ นซอยดวงตะวนั กม็ ภี าพศลิ ปะ แนวสตรีทอาร์ต เรียงรายอยู่เช่นกัน
ของอร่อยขึ้นชื่อ...ไม่ชิมไม่ได้ ในย่านชุมชนนี้มีของอร่อยขึ้นชื่อ เชิญชวน ใหน้ กั ทอ่ งเทีย่ วมาแวะลองชมิ ไมว่ า่ จะเปน็ กะหรปี่ ับ๊ ของขึ้นชื่อประจำ�ตลาดน้อย ขนมเปี๊ยะ ซาลาเปา หอมนุ่ม เป็ดตุ๋น หมี่กระเฉด ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมูแดง อบนํ้าผึ้ง และข้าวหน้าไก่ ฯลฯ เดินทางสะดวก...ด้วยขนส่งสาธารณะหลากหลายเส้นทาง ส�ำ หรบั การเดนิ ทางครัง้ นีเ้ ราเลอื กเดนิ ทางไปชมุ ชนรอบกรมเจา้ ทา่ ดว้ ยเรอื โดยสารโดยขึน้ “เรอื ธงสม้ ” ที่ท่าเรือสาทร ไปลงที่ท่าเรือกรมเจ้าท่า เมื่อเดินเข้าไปในที่ทำ�การกรมเจ้าท่า แล้วเดินตรงไปยังทางออก ก็จะเป็นซอยวานิช 2 ซึ่งเป็นเส้นทางเดินไปยังโซนต่าง ๆ ของย่านตลาดน้อย นอกจากนี้ก็ยังมีการเดินทาง ด้วยขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่นที่สามารถเลือกได้โดยสะดวกและหลากหลาย - รถไฟฟ้า MRT ลงสถานีหัวลำ�โพง จากนั้นเดินมาตามถนนมหาพฤฒาราม ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ตรงมายังซอยเจริญกรุง 22 - รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วลงเรือธงส้มที่ท่าเรือสาทร ไปขึ้นที่ท่ากรมเจ้าท่า หรือจะต่อรถประจำ�ทางสาย 1, 35, 75 ที่สถานีสะพานตากสิน แล้วไปลงตลาดน้อยก็ได้ - รถประจำ�ทาง สาย 36, 93 ลงสี่พระยา หรือ สาย 1, 35, 75 ลงตลาดน้อยได้เลย ไม่นานมานี้ “สตรีท อาร์ท” (Street Art) ได้กลายเป็นสิ่งดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เข้าไปค้นหาคุณค่า ของชุมชนดั้งเดิม และได้เข้ามาสร้างสีสันให้กับชุมชนรอบกรมเจ้าท่า จากที่เคยเงียบเหงาลงเพราะมีแต่ คนรุ่นเก่าที่ยังคงอาศัยอยู่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของ “ความใหม่” กับ “ความเก่า” ได้อย่างผสานกลมกลืนและลงตัว วันหยุดครั้งต่อไป แวะมา Check-in@ตลาดน้อย และ เก็บภาพบรรยากาศชุมชนแห่งนี้ แล้วอย่าลืมในทุกทริปการเดินทาง ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ด้านสุขอนามัยกันด้วยนะครับ 14
MOT Smart Life รถ - ราง - เรืือ ขนส่ง่ สาธารณะ จ่่ายด้ว้ ย “เราชนะ” ได้้แล้ว้ วันั นี้�้ ผู้ได้รับสิทธิ์โครงการ \"เราชนะ\" สามารถชำ�ระค่าโดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ ทุกประเภท (ยกเว้นสายการบิน) ผ่านแอปพลิเคชัน \"เป๋าตัง” และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป๋าตัง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2564 เดินทางแบบไหนก็สะดวกสบายด้วยสวัสดิการแห่งรัฐ การรถไฟแห่งประเทศไทย รถไฟฟ้า MRT รถโดยสาร บขส. • ผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการ “เราชนะ” • สามารถออกเหรียญโดยสารได้ที่ • สามารถชำ�ระค่าโดยสารผา่ นแอปพลิเคชนั “เปา๋ ตัง” และเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการ ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า แห่งรัฐ จะต้องเลือกใช้สิทธิ์จาก MRT สายสีน้ำ�เงิน และสายสีม่วง และ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ได้ที่ช่องจำ�หน่ายตั๋ว โครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ทุกสถานี เท่านั้น ยกเว้นซื้อตั๋วผ่านระบบออนไลน์และ • สิทธิ์ในโครงการฯ ไม่สามารถใช้ เคาน์เตอร์เซอร์วิส รถไฟฟ้า Airport Rail Link ออกเหรียญโดยสารประเภทเด็ก / • ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้สิทธิ์ได้ • ผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการ “เราชนะ” ผูส้ ูงอายุ และไมส่ ามารถใช้ พร้อมกันทั้ง 2 สิทธิ์ หากเงินในบัตรสวัสดิการ เติมเงินได้ แห่งรัฐไม่เพียงพอ สามารถใช้เงินจากโครงการ และเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการ “เราชนะ” ชำ�ระค่าโดยสารแทนได้ แห่งรัฐ จะต้องเลือกใช้สิทธิ์จาก รถโดยสารประจำ�ทาง (รถเมล์ รถมินิบัส รถตู้) โครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น รถไฟฟ้า BTS • สามารถออกบัตรโดยสาร รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า สายสีทอง เฉพาะบัตรโดยสาร เที่ยวเดียวเท่านั้น สำ�หรับผู้ให้บริการด้านขนส่งสาธารณะ สามารถเข้าร่วมโครงการ เรือโดยสารสาธารณะ “เราชนะ” โดยจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com 1. กลุ่มผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะและ ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2564 และดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อรับชำ�ระค่าบริการ ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย - เรือข้ามฟาก - เรือโดยสารในแม่น้ำ�ลำ�คลอง และทะเล 2. ผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการ “เราชนะ” และเป็นผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องเลือกใช้สิทธิ์ จากโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น 15
ราชรถ Knowledge “เส้้นทางน้ำำ��” กัับความสำำ�คััญทางการค้้าของไทย ในแต่่ละยุุค ภาพแม่น้ำ�เจ้าพระยา พ.ศ. ๒๔๐๙ สมัยสุโขทัย การเดินทางทางนํ้าของไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดย การขนส่งทางนํ้าถือได้ว่าเป็นการขนส่งที่สะดวกที่สุดในอดีต สมัยอยุธยา เมื่อกรุงศรีอยุธยามีบทบาทเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครอง โดยตั้งอยู่ ในตำ�แหน่งที่สะดวกต่อการเดินทางทางนํ้า สามารถเดินทางไปยังภูมิภาคตามลำ�นํ้าสำ�คัญ ต่าง ๆ เช่น แม่นํ้าปิง แม่นํ้าน่าน อีกทั้งยังสามารถเดินทางออกทะเลได้ง่าย จึงส่งผลให้ กรงุ ศรอี ยธุ ยากลายเปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ ทสี่ �ำ คญั โดยเฉพาะในรชั สมยั ของสมเดจ็ พระนารายณ์ มหาราช ที่การค้าทางเรือเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก มีการติดต่อค้าขายทางเรือกับต่างชาติ เช่น สเปน ฮอลันดา ญี่ปุ่น อังกฤษ เดนมาร์ก และฝรั่งเศส โดยการค้าขายกับต่างชาติ จะอยูใ่ นความควบคมุ ดแู ลของกรมพระคลงั สนิ คา้ ซึง่ มหี นา้ ทีเ่ รยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มเรอื สนิ คา้ ต่างชาติ ค่าภาษีสินค้า และค่าธรรมเนียมเข้าออก สมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงตั้งเจ้าท่าเพื่อดูแลตรวจตราบรรดาเรือแพ และเก็บค่าธรรมเนียมเรือค้าขายหรือเรือที่เข้าออกประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์ การค้าขายในอดีตอาศัยเส้นทางนํ้าเป็นสำ�คัญ เพราะเป็นการคมนาคม ที่สะดวกที่สุด โดยมีการขุดลอกคลองให้ลึกหรือขุดคลองเพิ่ม หรือเชื่อมโยงแม่นํ้ากับแม่นํ้า หรือแม่นํ้ากับทะเล 16
• สมัยรัชกาลที่ 1 มีการค้าทางทะเลกับประเทศจีนในระบบรัฐบรรณาการ โดย เจ้าท่าในสมัยนั้นนอกจากมีหน้าที่ควบคุมท่าเรือแล้ว ยังควบคุมการเก็บภาษีอากรควบคู่ กันไปด้วย • สมยั รชั กาลที่ 3 เมือ่ ครัง้ ยงั ด�ำ รงพระยศเปน็ พระเจา้ ลกู ยาเธอกรมหมืน่ เจษฎา บดินทร์ ทรงกำ�กับราชการกรมท่า และได้ทรงแต่งสำ�เภาบรรทุกสินค้าออกไปค้าขายใน ต่างประเทศ ทำ�ให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นในท้องพระคลังเป็นอันมาก • สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นสมัยที่เริ่มวางรากฐานการร่องนํ้า และเครื่องหมาย ทางเดินเรือ • สมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2448 มีการปรับปรุงกิจการของกรมเจ้าท่า โดย เริ่มมีการจดทะเบียนออกใบอนุญาตใช้เรือในเขตมณฑลกรุงเทพฯ และยกงานบางส่วน ของกรมคลองมารวมในกิจการของกรมเจ้าท่า คือ การรักษาลำ�นํ้า ลำ�คลอง และกำ�หนด เขตท่าที่ทอดจอดเรือให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 กรมเจ้าท่าได้โอนสังกัด มาขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและบริหารงานเกี่ยวกับการขนส่ง โดยสารทางนํ้าโดยทั่ว ๆ ไป กระทั่งในปี พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นปีแรกของการประกาศใช้ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาระบบถนนหนทางเป็นหลัก ส่งผลให้ การคมนาคมและขนส่งทางนํ้าถูกลดทอนความสำ�คัญลงไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “การขนส่งสินค้าทางนํ้าของไทยในปัจจุบัน” การขนส่งทางลำ�นํ้า แบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือ 1. เส้นทางการขนส่งสินค้าภายในประเทศ ได้แก่ แม่นํ้าเจ้าพระยา แม่นํ้าป่าสัก แม่นํ้าบางปะกง แม่นํ้าแม่กลอง และแม่นํ้าท่าจีน 2. เส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ การขนส่งทางทะเลและ การขนส่งในแม่นํ้าโขง ระหว่างกลุ่มประเทศสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (จีน เมียนมา ไทย ลาว) การขนส่งทางชายฝั่ง ส่วนใหญ่จะมีจุดต้นทางหรือจุดปลายทางอยู่ในชายฝั่งของ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ด้วยเหตุที่การขนส่งทางนํ้านั้นมีข้อดี คือ สามารถขนส่งสินค้าในคราวเดียวได้ในปริมาณมาก และมีต้นทุนตํ่า โดยการขนส่ง ภายในประเทศจะใช้เรือขนาดใหญ่ประมาณ 1,000-2,000 ตัน และการขนส่งระหว่าง ประเทศจะใช้เรือขนาดใหญ่ประมาณ 2,000-30,000 ตัน อีกทั้งการขนส่งทางนํ้ายังมี ความปลอดภยั เนือ่ งจากการจราจรทางนํา้ มนี อ้ ย และการขนสง่ โดยเรอื จะใชค้ วามเรว็ ตํา่ จึงมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างน้อย จึงทำ�ให้ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการขนส่ง ทางนํ้าในปริมาณมากถึงกว่า 350 ล้านตันต่อปี 17
Safety Tips Tips ดีี ๆ กัับการนั่่�งเรืือโดยสารอย่่างปลอดภััย ข้้อปฏิิบััติิง่่าย ๆ ที่่�ทุุกคนควรรู้้� นั่งหรือยืน ไม่นั่งหรือยืนแบบกระจุกตัว ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ แต่งกายด้วยชุดที่ถอด อย่างเป็นระเบียบ อยู่มุมใดมุมหนึ่ง ทั้งก่อนและขณะนั่งเรือ ได้ง่าย และคลายเชือก หาที่ยึดเกาะให้มั่นคง เพราะอาจท�ำ ใหเ้ รอื เสยี สมดลุ เพราะอาจทำ�ให้ปฏิกิริยา รองเท้าให้หลวม เพราะ หลีกเลี่ยงการยืนบริเวณ และพลิกคว่ำ�ได้ ตอบสนองช้าลง หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ท้ายเรือหรือกราบเรือ หากเรือมีการเอียงหรือไหว จะได้ถอดรองเท้าซึ่ง เพราะเสี่ยงต่อ ใหน้ ่ังนิง่ ๆ อย่าต่นื ตระหนก ถ่วงน้ำ�หนักออกได้ทันที การพลัดตกน้ำ� พยายามฝืนอาการเอียง ของเรือ รอให้เรือเทียบท่า จึงทยอยเดิน หากบริเวณโป๊ะหรือท่าเรือมีผู้โดยสาร ควรมองหาหรืออยู่ใกล้จุดที่มีอุปกรณ์ ขึ้น-ลงเรืออย่างเป็นระเบียบ จำ�นวนมาก ไม่ควรเสี่ยงเดินลงไป ช่วยชีวิตทางน้ำ� อาทิ เสื้อชูชีพ เพื่อป้องกันการเดินเบียดเสียด เพราะโป๊ะหรือท่าเรืออาจพลิกคว่ำ�ได้ ห่วงยาง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ จนอาจพลัดตกลงไปในน้ำ� และหากเห็นว่าเรือบรรทุกตามน้ำ�หนัก ไม่คาดคิด จะได้หยิบอุปกรณ์ได้ ส่วนผู้โดยสารที่ยังอยู่ในเรือ หรือจำ�นวนที่กำ�หนดแล้ว ให้รอลงเรือ อย่างรวดเร็ว ให้ขยับที่นั่งใหม่ ลำ�ต่อไป เพื่อให้เรือทรงตัวสมดุล 18
กระทรวงคมนาคม 38 ถนนราชดําเนินนอก แขวงวัดโสมนัส เขตปอมปราบศัตรพู า ย กรงุ เทพฯ 10100 สายดว นศนู ยปลอดภยั คมนาคม : 1356 ประชาสัมพนั ธกระทรวงคมนาคม ประชาสมั พนั ธก ระทรวงคมนาคม MOT Channel
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: