การวจิ ารณค์ วามสมเหตสุ มผล และประเมินความถูกต้อง ของเรอ่ื งท่อี า่ น
การวจิ ารณค์ วามสมเหตสุ มผล และประเมินความถูกต้อง ของเรอ่ื งท่อี า่ น
“ครีมออร่าหน้าใส ใช้แล้วหนา้ ขาว ขึน้ ใน ๗ วนั ” “ผลิตภณั ฑเ์ สรมิ อาหารทานวนั ละ ๑ เมด็ หุน่ เพรยี วจนคุณตอ้ งแปลกใจ”
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. วิเคราะห์รายละเอียดเรือ่ งตามความสมเหตุสมผล และการลาดบั ความ ๒. วิจารณ์ความเป็นไปไดข้ องเรือ่ ง
การวเิ คราะห์ ต่างกนั อยา่ งไร การวจิ ารณ์
หลกั การวิเคราะหว์ จิ ารณว์ รรณกรรมเบ้อื งตน้ การวิเคราะห์ หมายถงึ การพจิ ารณาองค์ประกอบ ทุกสว่ น โดยวิธีแยกแยะรายละเอียดต่าง ๆ ต้ังแต่ ถ้อยคาสานวน การใชค้ า ใชป้ ระโยค ตลอดจนเนือ้ เรื่อง และแนวคิด ทกุ อยา่ งท่ปี รากฏอยูใ่ นข้อเขยี น น้ัน
หลกั การวิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณกรรมเบื้องตน้ การวิจารณ์ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ใหค้ วามหมายไวส้ องความหมาย คอื
หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณว์ รรณกรรมเบือ้ งตน้ ความหมายที่ ๑ เป็นการให้คาตดั สนิ สิ่งทเี่ ป็นศิลปกรรมหรือ วรรณกรรม โดยผูม้ คี วามรเู้ ชื่อถอื ได้วา่ มคี วามงาม ความไพเราะเพยี งใดหรือมีข้อขาดตกบกพรอ่ ง อย่างไรบา้ ง
หลักการวเิ คราะหว์ จิ ารณ์วรรณกรรมเบื้องตน้ ความหมายที่ ๒ เป็นการตชิ มในความหมายโดยทว่ั ไปมกั ใชค้ าวา่ วิพากษว์ จิ ารณ์ เชน่ ผู้ชมมกั วพิ ากษ์วจิ ารณ์วา่ ภาพยนตร์เรือ่ งนด้ี าเนนิ เรื่องช้าทาให้ผู้ชมเบือ่ เปน็ ตน้
หลกั การวิเคราะห์วจิ ารณ์จากการอา่ น ๑. พิจารณารูปแบบการประพนั ธ์ วา่ เป็นวรรณกรรม ประเภทใด เช่น บันเทงิ คดปี ระเภท สารคดี นวนยิ าย นิทาน เร่อื งสนั้ ตาราในสาขาวิชาต่างๆ เปน็ ตน้
หลกั การวิเคราะห์วิจารณ์จากการอ่าน ๒. ศกึ ษาประวตั ิผู้แต่ง จดุ มุ่งหมายในการแตง่ และทมี่ า ของเร่อื ง การร้จู ักผแู้ ต่งจะทาใหผ้ ู้อ่านเข้าใจเรื่องท่ีแตง่ ชัดเจนยิ่งขนึ้ การอา่ นคานาจะทาให้เขา้ ใจจดุ ประสงค์ ในการแตง่ และท่ีมาของเรอื่ ง
หลกั การวิเคราะหว์ ิจารณจ์ ากการอา่ น ๓. พิจารณาองค์ประกอบของเรื่อง วา่ สอดคล้อง เหมาะสมกนั หรือขัดแยง้ กนั เชน่ การวิเคราะห์รอ้ ยแกว้ ประเภทบันเทิงคดี ต้องวเิ คราะหโ์ ครงเร่อื ง ตวั ละคร ฉาก การดาเนินเรอ่ื งปมขดั แยง้ ตลอดจนวเิ คราะห์ ถึงการแสดงความคดิ เห็นความสอดคลอ้ งสมเหตุสมผล
หลักการวิเคราะห์วจิ ารณ์จากการอ่าน ๔. พิจารณาเนื้อหา การนาเสนอและพฤตกิ รรม ของตวั ละคร วา่ มคี วามสอดคล้องกนั หรือไม่ สะท้อนภาพชีวิต สะท้อนสภาพสงั คมในสมยั ทแี่ ต่ง อยา่ งไร
หลักการวเิ คราะห์วิจารณจ์ ากการอ่าน ๕. พิจารณาแกน่ เรอ่ื ง วา่ ผแู้ ตง่ ตั้งใจทจ่ี ะสื่อเรื่องราว เกี่ยวกับอะไร ผ้แู ต่งแสดงความคดิ เหน็ รสนยิ ม และคา่ นยิ มอย่างไร
หลักการวเิ คราะหว์ จิ ารณ์จากการอา่ น ๖. การวิจารณ์ สรุปด้วยความคดิ เห็นของผูว้ ิจารณ์เอง โดยยกขอ้ ดีใหเ้ ห็นกอ่ นว่าดีอยา่ งไร แล้วจงึ ยกขอ้ บกพร่อง วา่ บกพร่องอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร การวจิ ารณค์ วร เปน็ ไปอย่างสร้างสรรค์ เป็นธรรม มใี จเป็นกลาง ไม่มีอคติ
บทอา่ นเรื่อง คาขวญั โน้มจติ ณ ลานใตต้ น้ จามจรุ ีที่แผ่นก่งิ กา้ นสาขาให้รม่ เงาจนทาให้ ใตต้ น้ กลายเปน็ ทพ่ี กั ผอ่ นแสนสบายของเด็ก ๆ ทโ่ี ตะ๊ ตัวหนึ่ง มีเด็กหญิง 3 คน วาสนา พิมพ์พิมล และวันทนีย์ กาลังนั่ง ปรึกษากันถึงงานท่ีเพ่ิงได้รับคาสั่งมาจากครูสอนภาษาไทย ให้เขียนคาขวัญเพ่ือส่งเข้าประกวดท่ีสานักงานเสริมสร้าง เอกลักษณ์ของชาติ
บทอ่านเร่ือง คาขวัญโนม้ จติ (ตอ่ ) “เราคิดไม่ออกเลยว่าจะเขียนคาขวัญว่าอะไรดี จึงจะได้ รางวัล” พมิ พ์พิมลเอย่ ขึน้ “เราก็คิดไม่ออก เราไม่ชอบการประกวดเลย โดยเฉพาะ ตอนน้ี รสู้ ึกวา่ มีการประกวดบ่อยมาก คุณครูของพวกเราก็คง ลาบากใจเหมือนกัน” วันทนยี ์ออกความเหน็
บทอา่ นเรือ่ ง คาขวัญโนม้ จิต (ต่อ) วาสนาแย้งขน้ึ ว่า “ก็ครอู ยากให้เราไดร้ างวัลอยา่ งไรเล่า” “เชอะ! เราไมอ่ ยากได้รางวลั เลย” วันทนีย์พดู ขึน้ “ท่ีจริงครูก็คงไม่นึกถึงรางวัลเท่าไรหรอก คงอยากฝึกเรา คดิ สรา้ งคาขวญั ให้เรารจู้ ักคาขวญั มากกวา่ ” วาสนาอธิบายตอ่ “แน่ะ เจ้าเด็กแนว เด็กเกรียน เดินมาโน่น ชวนมาขยับรอยหยัก สมองหนอ่ ยซิ” พมิ พพ์ มิ ลพยักหน้าไปทางทเ่ี ด็กชาย 2 คนกาลงั เดินมา
บทอ่านเรอ่ื ง คาขวญั โนม้ จิต (ต่อ) “เออ เจ๋ง!” วันทนีย์เห็นด้วย จึงกวักมือเรียกเดชา กบั สทิ ธิศักด์ิ ซง่ึ เดนิ มาพอดี “อยา่ งไร เพ่ือน เรียกหาหวานใจหรอื จ๊ะ” เดชา เริ่มกระเซ้า เพ่ือนสาว “อ้วก ใครให้นายเป็นหวานใจ พูดดี ๆ นะ เดี๋ยวโดน...” พิมพพ์ ิมล ไมย่ อมออ่ นขอ้ ใหเ้ พอ่ื นชาย
บทอา่ นเรอ่ื ง คาขวญั โนม้ จิต (ต่อ) “นี่พูดกันดี ๆ อย่าแซว มาช่วยกันคิดอะไรดี ๆ ดีกว่า” วาสนา ตัดบท “จะให้เราทาอะไรหรือ” สิทธิศักด์ิถามหลังจากท่ีน่ังลง แล้วดงึ แขนเดชาใหน้ ง่ั ลงขา้ งๆ ตน “คืออย่างน้ี...” วาสนา พูดอยา่ งเปน็ งานเปน็ การ
บทอา่ นเรอื่ ง คาขวญั โนม้ จติ (ต่อ) “คืออย่างนี้...” วาสนาพูดอย่างเป็นงานเป็นการ “เรากาลัง คุยกันเรื่องคาขวัญที่ครูดวงใจให้แต่ง ว่าจะแต่งอย่างไรกันดี นายคิดเก่ง ชว่ ยเราคิดบา้ งซิ” “อ๋อ เรอื่ งนเ้ี อง” สทิ ธศิ กั ด์ิ ยม้ิ แสดงท่าเป็นคนเก่ง “เราก็ลอง นึกถึงคาขวัญของโรงเรียน หรือคาขวัญอ่ืนๆ ท่ีเราเคยได้ยินมาซิ แล้วกล็ องเลียนแบบดู
บทอ่านเร่อื ง คาขวัญโน้มจติ (ต่อ) ท้งั 5 คน ชว่ ยกนั นึกถงึ คาขวัญที่เคยได้ยินตดิ หมู า เชน่ โรงเรยี นเราสรา้ งคนดี ถิ่นน้สี ร้างสภุ าพบรุ ุษ เราเปน็ กลุ สตรศี รสี ยาม ปัญญาเป็นแสงสว่างของชีวิต การศกึ ษาสรา้ งคน สร้างงาน สรา้ งชวี ติ
บทอ่านเรือ่ ง คาขวญั โน้มจิต (ต่อ) หนังสือคอื ประทีปส่องทาง ให้ทางสวา่ งสรา้ งปัญญา ก่อนพดู เราเปน็ นายของคาพดู พดู แลว้ คาพูดเป็นนายเรา นกน้อยทารังแตพ่ อตวั ขบั รถดี มนี ้าใจ ภัยไมม่ ี ใจเป็นนาย กายเปน็ บ่าว เด็ดดอกไม้ สะเทอื นถงึ ดวงดาว
บทอา่ นเรือ่ ง คาขวัญโนม้ จติ (ตอ่ ) ซื่อกินไม่หมด คดกินไมน่ าน “ฟังๆ ดู ฉนั ชักจะคดิ ว่า คาขวญั นี่จะเป็นคาสอนให้เราทาดีนะ” วันทนยี ์ พูด “แต่บางทีก็เหมือนคาโฆษณาอย่างไรอย่างนั้นเลย เช่น คาขวัญ ประจาโรงเรียนบางโรงเรียน หรือคาขวัญประจาจังหวัดทุกจังหวัด ทบี่ อกว่าจังหวัดนนั้ มอี ะไรสาคญั บา้ ง คลา้ ยชวนใหไ้ ปเทย่ี วนะ” วาสนา เสริม
บทอา่ นเรื่อง คาขวญั โน้มจิต (ตอ่ ) “แต่บางทกี ็เปน็ คายกยอ่ งเทิดทนู บุคคล อย่างคาขวัญวันครู คาขวัญวันเด็ก หรือเป็นคาเตือนใจ แบบท่เี รยี กวา่ คตพิ จน์ ก็มี” เดชา พดู ขน้ึ บา้ ง “ที่พูดลอย ๆ ไม่โฆษณา กล่าวเพ่ือเตือนใจตนก็มีนะ อยา่ งเชน่ มอื สะอาดชาตไิ มล่ ่ม” วนั ทนยี ์ เสริม “คาขวญั เป็นกลอนหรอื กาพยไ์ ดไ้ หม” พมิ พ์พิมล ถาม
บทอ่านเร่ือง คาขวัญโนม้ จิต (ตอ่ ) “ไม่ได้หรอก กลอนก็กลอน กาพย์ก็กาพย์ คาขวัญต้องไม่ใช่ คาประพันธ์ร้อยกรอง สิ” สทิ ธิศกั ด์ิ ยืนยนั “เราคิดว่า คาขวัญน่าจะเป็นคาพูดอะไรก็ได้ สั้น ๆ ฟังแล้ว ตอ้ งบอกไดว้ า่ มเี น้อื หาสาระหรอื มปี ระเด็นวา่ อะไร” วาสนา กล่าว “น้าขุ่นอยู่ใน น้าใสอยู่นอก” พิมพ์พิมล พูดอ่อยๆ เม่ือนึกถึง คาที่แมพ่ ูดให้เธอฟังบ่อยๆ
บทอ่านเร่อื ง คาขวญั โน้มจิต (ต่อ) “ผดิ แลว้ พมิ พ์” เดชา แย้ง “น่ันมันสุภาษิต ไม่ใช่คาขวัญ สกั หนอ่ ย” “อ้าว! แล้วสุภาษิตกับคาขวัญต่างกันอย่างไรล่ะ เราชักจะ งงแลว้ ” พิมพพ์ ิมล สารภาพ
บทอ่านเร่ือง คาขวญั โนม้ จติ (ต่อ) “คาลักษณะน้ี บา้ งก็เรียกวา่ คาขวญั บางทกี เ็ ป็นคติพจน์ เป็นคติเตือนใจ หรือเปน็ สานวน เปน็ สุภาษิต เปน็ คาคม ทาไม จึงมตี ง้ั หลายช่ืออย่างน้ี” วนั ทนยี ์ เอ่ยขึน้ บ้าง “บางทีเราก็สับสนว่าคาเหลา่ น้ีเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั อยา่ งไร เช่น คาทม่ี ีคนพดู ทางวทิ ยุ ทางโทรทัศน์ เขาบอกวา่ เปน็ คาขวญั บางที เรากค็ ดิ วา่ นา่ จะเปน็ คาคม บางทีก็นา่ จะเรยี กว่า สานวน”
บทอา่ นเรอ่ื ง คาขวัญโน้มจิต (ต่อ) “เออ แลว้ คาพงั เพยอีกละ ต่างกับคาขวญั อย่างไร” วันทนยี ์ หนั ไปทางสทิ ธศิ กั ด์ิ แล้วถามวา่ “สิทธิ์ ตวั แยกออกไหม” “โอย๊ งุงิ งงุ ิ ปญั หาโลกแตกอย่างนไ้ี ปถามครกู นั ดีกว่า เผลอๆ ถ้าครลู ืม เราก็อาจจะไม่ต้องส่งการบา้ นก็ได้ สบายไป แปดอยา่ ง ดไี หมเพอื่ น” เดชา ชงิ สรุป
บทอา่ นเรื่อง คาขวัญโน้มจิต (ต่อ) พอดีมีเสียงออดเป็นสัญญาณให้นักเรียนเข้าเรียนภาคบ่าย เดก็ ทั้ง 5 คน จึงรีบเก็บขา้ วของแลว้ เดนิ ไปเขา้ หอ้ งเรยี น
นกั เรยี นทากจิ กรรม
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: