194 จากภาพ สว นของเสน ตรงระหวางจดุ 2 จดุ บนวงกลมท่ผี า นจดุ ศูนยก ลาง เรยี กวา เสน ผา น ศูนยกลาง ในรปู จดุ ก เปนจุดศนู ยก ลาง กข และ กค เปนรศั มี ขค เปน เสน ผานศนู ยกลาง เร่ืองที่ 3 รูปเรขาคณติ สามมติ ิ รูปเรขาคณิตสามมติ ิ คอื ทรงเรขาคณติ ทม่ี คี วามกวาง ความยาว และความสงู รูปเรขาคณติ สาม มติ ิ เชน ทรงกรม ลกู บาศก พรี ามดิ ปรซิ มึ ทรงกระบอก และกรวย 1. ลักษณะและชนิดของรูปเรขาคณิตสามมติ ิ เม่อื นํากลองวางลงบนกระดาษแลว ใชดนิ สอลากไปรอบของกนกลอ ง จะไดรปู สเ่ี หลย่ี ม ดงั นี้ รปู ใดเกิดจากการใชด นิ สอลากไปตามขอบของกนแกว รูปที่ 1 รูปท่ี 2 นักศกึ ษาจะพบวา รูปท่ี 2 ลากไปตามขอบของกนแกว
195 กลองกระดาษ ลูกเตา แกวนา้ํ กระปอง หมอ ลูกบอล ฯลฯ มีสว นสงู ขึน้ จากระนาบ เราเรยี กสง่ิ เหลาน้วี า รูปเรขาคณิตสามมติ ิ รูปเรขาคณิต สามมิติมหี ลายชนดิ เชน ลูกบาศก เปน ทรงสี่เหลีย่ มมมุ ฉากท่มี ีหนา ทกุ หนาเปนรปู สเี่ หลย่ี มจัตุรัส เชน ลกู เตา ลูกบาศกมหี นา ซงึ่ เปน รปู สี่เหลี่ยมจัตรุ สั ทงั้ หมด 6 หนา ปรซิ มึ เปน ทรงสามมิติ มีดา นขางเปนรปู สีเ่ หล่ียมมุมฉาก แตหนา ตดั อกี 2 ดา น เปน รูปเหลย่ี มใด ๆ เปน สามเหล่ยี ม ส่เี หลยี่ ม หา เหล่ียม เชน ที่อยบู นระนาบทขี่ นานกนั และมขี นาด เทากัน เรียกวา ปริซึม
196 พรี ะมดิ เปน ทรงสามมิตมิ ียอดแหลม ดานขา งเปน รูปสามเหลยี่ มและฐานเปน รูปหลายเหล่ียม หรอื เรียกวา พรี ะมดิ พรี ะมดิ ฐานสเ่ี หลยี่ ม พรี ะมิดฐานหาเหลีย่ ม ทรงกระบอก เปนทรงสามมติ มิ หี นา ตัดเปนรูปวงกลมทัง้ ดา นบนและดานลา งและมีขนาดเทา กนั พนื้ ผวิ โดยรอบมีลักษณะโคง แตถา คล่ผี ิวโดยรอบออกมาจะเปน รปู สี่เหล่ียมผืนผา กรวย เปนรูปเรขาคณติ สามมิติมยี อดแหลมและมีฐานเปนวงกลมผิวดานขา งมลี กั ษณะโคง เรยี กวา กรวย เชน กรวยทําบายศรี กรวยใสขนม ฯลฯ ทรงกลม เปน รปู เรขาคณิตสามมิตทิ ีม่ ีผวิ โคง และทกุ จดุ บนผิวโคง จะหา งจากจุดศูนยกลางของ ทรงสามมิตินี้เปนระยะทางเทา กนั ทรงสามมติ นิ ี้ เรยี กวา ทรงกลม เชน ลกู ปง ปอง ลกู บอล ลูกแกว
197 กิจกรรม ใหผูเรยี นสํารวจสิง่ ของเครื่องใชต า ง ๆ ทีม่ ีรูปทรงสามมิติ พรอ มทั้งบันทกึ ขอ มลู ตามตาราง ทรงสามมติ ิ ส่ิงของเครื่องใชต า ง ๆ ทรงกลม .................................................................................................... .................. ลูกบาศก ....................................................................................................................... ปริซมึ .................................................................................................... .................. พีระมดิ ....................................................................................................................... ทรงกระบอก .................................................................................................... .................. กรวย ....................................................................................................................... เรอ่ื งที่ 4 ลกู บาศก ลูกบาศกเปน รูปเรขาคณติ สามมติ ทิ รงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก มหี นา ทกุ หนาเปนรูปสี่เหลยี่ มจตั ุรัส มี ความกวาง ความยาว ความสูงเทา กนั ลกู บาศกทีม่ คี วามกวา ง ความยาว และความสงู 1 หนว ย 1 หนวย จะมปี รมิ าตร 1 ลกู บาศกห นว ย 1 หนวย 1 ซม. 1 ม. 1 หนวย 1 ซม. 1 ซม. 1 ม. 1 ม. มปี รมิ าตร 1 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร มปี ริมาตร 1 ลกู บาศกเ มตร (ลบ.ซม. หรือ ซม3) (ลบ.ม. หรือ ม3) การหาปริมาตรของทรงสเ่ี หลี่ยมมุมฉาก 1. โดยการพับรปู ลูกบาศก พบั ลูกบาศกได 30 ลกู แตละลกู มปี ริมาตร 1 ลูกบาศก เซนตเิ มตร ดงั นน้ั ทรงส่ีเหลีย่ มมมุ ฉากมปี ริมาตร 30 2 ซม. ลกู บาศกเซนติเมตร ปรมิ าตร 30 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร หรือ 30 ลบ.ซม. หรือ 30 ซม3 5 ซม. 3 ซม. ทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉากขา งบน มคี วามกวา ง 3 ซม. ความยาว 5 ซม. และความสงู 2 ซม. 2. โดยวิธีการคาํ นวณ
198 ดงั นัน้ ทรงสเ่ี หลี่ยมมุมฉากมปี ริมาตร = 35 2 ลบ.ซม. = 30 ลบ.ซม. แบบฝกหดั ตารางหนว ย จงหาปรมิ าตรของทรงส่ีเหลีย่ มมุมฉากตอไปนี้ 1. มีปรมิ าตร 2. มปี ริมาตร ตารางหนว ย
199 เร่ืองท่ี 5 การสรางรปู เรขาคณิต 5.1 การสรางเสนตรงใหย าวเทา กบั เสน ตรงทก่ี าํ หนดให กําหนด PQ ตามรูป จงสราง MN ใหยาวเทา กับ PQ P Q วธิ ีสรา ง 1. ลากเสน SO ใหยาวพอประมาณและยาวกวา PQ S O 2. กางวงเวยี นรัศมีเทา กับ PQ 3. ใช S เปนจดุ ศนู ยก ลางรัศมี PQ เขยี นสว นโคงของวงกลมตดั SO ท่ีจุด Q 4. จะได SQ โดยที่ PQ = SQ ตามตองการ 5.2 การสรา งมุม มุม AMR ทกี่ ําหนดให กาํ หนดให MNR ใหสราง CAB มขี นาดเทากบั มุม MNR มีวธิ สี รางดังน้ี M NR
200 วิธสี รา ง 1. ลากเสน ตรง AB ใหย าวพอสมควร AB 2. ใช N เปน จุดศูนยก ลาง กางวงเวยี น รัศมีพอประมาณเขียนสว นโคงตัด NR และ NM ท่จี ดุ X และ Y ตามลาํ ดับ M X N R Y 3. ใช A เปน จดุ ศูนยก ลาง กางวงเวยี นรศั มีเทาเดมิ เขยี นสว นโคงของวงกลมตดั AB ที่จดุ D (ดัง รูป) A B D 4. ใช D เปนจุดศนู ยก ลางรศั มเี ทา กับ XY เขียนสวนโคงของวงกลมตดั สวนโคง เดมิ ทจ่ี ดุ E (ดงั รูป) E AD B
201 5. ลากเสน AC ผา นจดุ E จะได CAˆB โดยท่ี M (CAˆB ) = M ( MNˆR ) ตามตอ งการดังรปู E B ค AD 5.3 การสรา งรูปสี่เหล่ียม ง กข สําหรบั การสรา งรปู ผืนผา มีวิธีสรางเชน เดยี วกัน แตค วามยาว และความกวา งจะเทากบั โจทยก ําหนด 5.4 การสรางวงกลม การสรางวงกลมใหมีรัศมีตามตอ งการ เราสามารถใชว งเวยี นสรา งดงั น้ี วิธีสราง ขนั้ ที่ 1 กางวงเวียนบนไมบ รรทัดยาว 2 ซม. ขน้ั ที่ 2 กําหนดจุดศูนยก ลาง ใชป ลายแหลมกดทจี่ ดุ ศนู ยก ลาง แลวหมนุ วงเวยี นใหดนิ สอเขียน ไปรอบจุด X กิจกรรม ใหผ ูเรียนประดษิ ฐลวดลายโดยนาํ ความรเู รื่อง และ มาใชป ระดษิ ฐ
202 เรอ่ื งท่ี 6 การประดษิ ฐรปู เรขาคณิตสามมติ ิ รูปเรขาคณิตสามมติ ิ คือ ทรงทมี่ องเหน็ ทง้ั 3 มิติ เหน็ ทรงทเ่ี ปนจริง มีสว นกวาง ยาว และสงู เม่อื นําทรงสามมิติมาคลีอ่ อก จะไดรูปแบน ๆ ซึ่งมีสองมติ ิ เชน รูปปริซึม ลูกบาศก
203 ทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉาก ปรามิด แบบฝก หดั ท่ี 4 ค (2) ป จงเตมิ คาํ ตอบ 3 ซม. (1) 3 ซม. 3 ซม. 4 ซม. ก 3 ซม. ข อ 5 ซม. บ กข = …………………………. ซม. อบ = …………………………. ซม. กค = …………………………. ซม. อป = …………………………. ซม. ขค = …………………………. ซม. บป = …………………………. ซม. กขค เปนรปู สามเหลีย่ ม ........................ อบป เปนรูปสามเหลย่ี ม ........................
204 (3) จ (4) ค 2 ซม. 2 ซม. ง 3 ซม. ฉ กข งจ = …………………………. ซม. ก = …………………………. องศา ข = …………………………. องศา จฉ = …………………………. ซม. ค = …………………………. องศา กขค เปน รูปสามเหลี่ยม ............................. งฉ = …………………………. ซม. ก + ข +ค = ............................................ องศา งจฉ เปนรูปสามเหลย่ี ม ......................... (5) (6) ฉ อ 1 งจ บ 50° 70° ป ง = …………………………. องศา อ = …………………………. องศา จ = …………………………. องศา บ = 50 องศา ฉ = …………………………. องศา ป = 70 องศา งจฉ เปน รูปสามเหล่ียม ......................... อบป เปนรปู สามเหลยี่ ม ............................. ง + จ +ฉ = ............................................ องศา อ + บ + ป = ........................................... องศา
205 (7) ค ฉง ก จข ใน กขค ถา กข เปนฐานแลว ................................................................... เปน สว นสูง ถา กง เปนสว นสูงแลว .............................................................. เปน ฐาน ถา กค เปน ฐานแลว ................................................................... เปนสวนสงู แบบฝกหดั ที่ 5 (1) จงบอกชนดิ ของรูปสเ่ี หล่ยี มตอไปนี้
206
207 (2) จงเขยี น หนาขอที่ถกู และ หนาขอทีผ่ ิด ................... ก. เสนทแยงมมุ 2 เสน ของสี่เหลี่ยมรปู วาวยาวเทา กนั .................. ข. เสนทแยงมุม 2 เสน ของสเ่ี หลีย่ มขนมเปยกปูนตดั กนั เปนมมุ ฉาก .................. ค. เสน ทแยงมมุ เสนหนึ่งของสเ่ี หลีย่ มผนื ผา แบง รปู สเี่ หลย่ี มเปนสามเหล่ียม 2 รูป ท่มี ขี นาดเทากนั ................. ง. เสนทแยงมมุ ของรปู สี่เหล่ยี มคางหมูแบงครง่ึ กนั และกนั ................. จ. รปู สี่เหลีย่ มผืนผา และรปู สี่เหล่ยี มดานขนานมีคณุ สมบตั เิ กย่ี วกบั เสนทแยงมุมเหมอื นกัน แบบฝก หดั ท่ี 6 (1) จงบอกชือ่ สง่ิ ของทม่ี ลี กั ษณะเปน วงกลมมา 3 สง่ิ (2) รปู ขางลา งนี้ประกอบดว ยวงกลมกวี่ ง (3) จงเขยี น หนา ขอทถ่ี ูก และ หนาขอทผ่ี ดิ ................... (1) วงกลมแตล ะวงจะมจี ดุ ศูนยก ลางเพียงจุดเดยี ว .................. (2) วงกลมแตล ะวงจะลากเสน ผานศูนยก ลางไดเ พียงเสนเดียว .................. (3) รศั มีทกุ เสน ของวงกลมจะยาวเทากนั ................. (4) เสน ผา นศูนยก ลางจะยาวเปน 2 เทา ของรศั มีของวงกลมเดียวกนั ................. (5) จดุ ปลายของเสน ผานศนู ยก ลางจะอยูบ นวงกลม
208 แบบฝกหดั ที่ 7 (1) จงเขียนรูปสามเหลีย่ ม กขค ให กข = 4 ซม. กค = 5 ซม. ขค = 6 ซม. (2) จงเขยี นรูปสเ่ี หลีย่ มจตั รุ ัส กขคง ใหยาวดา นละ 4 ซม. (3) จงเขียนรปู สีเ่ หลีย่ มผืนผา กขคง ให กข = 4 ซม. ขค = 3 ซม. (4) จงเขยี นวงกลมใหม ีรัศมียาว 3 ซม. (5) จงประดษิ ฐภ าพทีใ่ ชรูปสามเหลย่ี ม รปู ส่ีเหลยี่ ม และวงกลมมา 1 ภาพ แบบฝก หดั ที่ 8 คาํ ช้แี จง ใหน ักศกึ ษาบอกวา รปู เรขาคณติ สามมติ ติ อ ไปนี้ ประกอบไปดวยรปู สองมิติรปู ใดบาง และมกี ร่ี ูป 1. รปู สามเหลยี่ ม ............................................ รูป รูปสี่เหลี่ยม ................................................ รูป 2. รูปสี่เหลย่ี ม ................................................. รปู รูปส่ีเหลี่ยมคางหมู .................................... รูป 3. รปู สี่เหล่ยี ม ............................................ รูป รูปหาเหลีย่ ม ................................................ รูป
209 4. รูปสเ่ี หลย่ี ม ................................................ รูป รูปสามเหลย่ี ม.............................................รปู
210 บทที่ 7 สถติ ิและความนาจะเปน เบ้ืองตน สาระสําคัญ 1. ขอมูล หมายถงึ ขอเท็จจรงิ ทอ่ี าจเปนตวั เลขหรอื ขอ ความทใี่ ชเปน หลักในการคํานวณ เปรียบเทยี บ หรอื คาดคะเน 2. การเกบ็ รวบรวมขอ มูลอาจใชวิธสี งั เกต สอบถาม สัมภาษณ ทดลอง หรือรวบรวมจาก ทะเบียน 3. การนาํ เสนอขอ มลู อาจใชต าราง แผนภูมริ ปู ภาพ แผนภมู ิแทง แผนภมู ิรูปวงกลม และกราฟ เสน 4. ขอมลู ของสิ่งเดียวกนั และมีลกั ษณะเหมือนกันตัง้ แตสองชดุ ข้นึ ไป อาจแสดงการเปรียบเทยี บ โดยใชแผนภมู แิ ทง เปรยี บเทยี บ 5. กราฟเสน เปน วิธกี ารนาํ เสนอขอ มลู โดยใชจ ดุ และสว นของเสน ตรงท่ีลากเช่ือมตอจดุ ซงึ่ จุดแต ละจุดจะบอกจํานวนหรอื ปริมาณของขอมลู แตล ะรายการนยิ มใชกราฟเสน กับขอ มูลทีแ่ สดง การเปล่ยี นแปลงอยา งตอเนอ่ื งตามลําดับกอ นหลงั ของเวลา 6. การแสดงความสัมพันธระหวางขอ มูล อาจแสดงโดยใชก ราฟเสน 7. แผนภูมิรปู วงกลม เปน การนําเสนอขอ มลู โดยใชพืน้ ทภ่ี ายในรูปวงกลมแทนจาํ นวนหรอื ปริมาณของขอ มลู แตล ะรายการ 8. ความนา จะเปน หมายถงึ โอกาสท่เี หตกุ ารณหน่ึง ๆ จะเกดิ ขน้ึ ซึง่ เหตกุ ารณน น้ั อาจจะ เกดิ ขนึ้ อยา งแนนอน อาจจะเกิดขึน้ หรือไมก ไ็ ด หรอื ไมเกดิ ขน้ึ อยา งแนน อน ผลการเรยี นรูที่คาดหวัง 1. เมอ่ื กาํ หนดประเดน็ ตา ง ๆ ใหสามารถเก็บรวบรวมขอ มูลได 2. เม่อื กําหนดแผนภมู ิแทงเปรียบเทียบให สามารถอานขอ มลู และอภปิ รายประเดน็ ตา ง ๆ ได 3. เม่อื กาํ หนดขอ มูลให สามารถเขียนแผนภูมิแทง เปรยี บเทยี บได 4. เมื่อกาํ หนดกราฟเสน ให สามารถอานขอมูลและอภิปรายประเด็นตาง ๆ ได 5. เมอ่ื กาํ หนดขอมลู ให สามารถเขยี นกราฟเสนได 6. เมื่อกาํ หนดแผนภมู วิ งกลมให สามารถอา นขอมูลและอภปิ รายประเด็นตาง ๆ ได
211 7. เมอ่ื กาํ หนดสถานการณให สามารถอภปิ รายเหตกุ ารณเ พอื่ สรา งความคนุ เคยกบั คําทม่ี ี ความหมายเชน เดยี วกับคําวา “แนน อน” อาจจะใชห รอื ไมใ ช” “เปนไปไมได” และใชค าํ เหลา น้ไี ด ขอบขายเนอ้ื หา เรอ่ื งที่ 1 สถิติเบ้ืองตน เร่ืองที่ 2 ความนาจะเปน เบอื้ งตน
212 เรือ่ งที่ 1 สถิตเิ บือ้ งตน ขอมูล หมายถึง ขอเท็จจรงิ หรอื รายละเอียดของสิง่ ทน่ี า สนใจ อาจเปน ตวั เลขในการคํานวณ เปรียบเทยี บ หรอื คาดคะเนเพ่ือหาความจรงิ ซ่ึงนํามาประกอบการตดั สนิ ใจ หรอื แกป ญ หาตาง ๆ ขอ มูลของสงิ่ ท่เี ราสนใจ อาจรวบรวมไดจ ากการสังเกต สมั ภาษณ ทดลอง สอบถาม หรอื รวบรวมจากทะเบียนตาง ๆ 1.1 การอาน การเขียน เปรียบเทยี บแผนภูมิรูปภาพ และแผนภูมแิ ทง การเขยี นแผนภูมิแทง การเขียนแผนภูมแิ ทง เปน การนาํ ขอ มูลที่ไดจากการเกบ็ รวบรวมขอ มูลมานาํ เสนอในรูปของ แผนภูมแิ ทง การเขียนแผนภูมแิ ทง มสี ว นประกอบดังตอ ไปนี้ 1. แผนภมู ิแทงเปรียบเทยี บเปนการนําเสนอขอมูล โดยใชร ปู สีเ่ หลยี่ มมุมฉากแสดงการ เปรยี บเทียบจาํ นวนหรือปรมิ าณสง่ิ ของตางๆ ของขอ มูลตัง้ แตส องชุดขึน้ ไป 2. มีช่ือแผนภูมกิ ํากับอยูดานบนเพ่อื บอกใหรวู า เปน ขอ มูลเกีย่ วกับอะไร 3. มสี วนของเสนตรงสองเสนต้ังฉากกนั เสน หน่ึง อยใู นแนวตัง้ และอีกเสน อยใู น แนวนอน เสน ท่ีแสดงจํานวนหรือปรมิ าณของขอมูลแตล ะรายการจะมหี ัวลกู ศรอยทู ่ี ปลายขางหนงึ่ 4. รปู สี่เหล่ยี มมุมฉากทใ่ี ชแสดงจํานวนหรือปริมาณของขอ มลู แตล ะรายการ ตองมีความ กวา งเทา กนั และเรมิ่ ตน เขยี นจากระดบั เดียวกนั ถาเขียนในแนวตั้งในเรม่ิ จากดา นลา งข้นึ ดานบน ถาเขยี นในแนวนอนใหเ ร่มิ จากดา นซา ยไปดานขวา 5. ใชค วามสงู หรอื ความยาวของรปู ส่ีเหล่ียมมมุ ฉากแสดงจาํ นวนหรอื ปรมิ าณแตล ะรายการ 6. ระบายสรี ปู สเี่ หลีย่ มมมุ ฉากหรอื ใชสัญลกั ษณแสดงใหเ ห็นความแตกตางของขอมลู แตละ ชดุ โดยขอมลู ชุดเดียวกันใหใชส ีหรอื สญั ลักษณอ ยา งเดยี วกนั พรอมท้งั เขยี นรปู และ คาํ อธิบายไว 7. ถา ขอมลู แตละรายการมจี าํ นวนหรอื ปรมิ าณมากหรอื ใกลเคยี งกันควรยน ระยะบนแกนท่ี แสดงจํานวน 8. เพื่อใหอานขอมลู ไดถูกตอง ควรเขยี นตัวเลขกาํ กบั ไวท่ีปลายสดุ ของรูปส่ีเหลยี่ มแตล ะรูป 9. ถา ขอ มลู เปน ขอ มลู จริงและมีแหลง ที่มาใหระบแุ หลง ที่มาของขอ มลู ไวใตแ ผนภูมิ
213 ตวั อยา งแผนภูมแิ ทง แผนภมู ิแทงแสดงอณุ หภมู ิของอากาศต้งั แตเวลา 13.00 น. – 18.00 น. การอานและเปรยี บเทยี บแผนภูมิแทง ขอมลู ของส่งิ เดียวกัน และมลี กั ษณะเหมอื นกนั ตัง้ แตสองชดุ ขน้ึ ไป อาจแสดงการ เปรียบเทยี บโดยใหแ ผนภูมิแทง เปรียบเทียบ ดังรูปแสดงใหเห็นการเปรียบเทียบจาํ นวนผูเ สยี ชีวิตจาก อบุ ัตเิ หตจุ ราจรในชวงเทศการสงกรานต ระหวา งวนั ท่ี 11 – 17 เมษายน พ.ศ.2545 และ พ.ศ. 2546
214 แผนภมู แิ ทงเปรียบเทยี บดังกลาวทาํ ใหสะดวกในการเปรยี บเทยี บขอมลู ของสง่ิ เดยี วกนั แผนภูมิแทง เปรยี บเทยี บใชแ สดงการเปรยี บเทยี บขอมลู ของส่ิงเดยี วกนั ต้งั แตสองชุดขึ้นไป จงึ ตองมสี ัญลกั ษณร ะบุวา เปนขอ มลู ชดุ ใด จากขอ มลู แทง เปรยี บเทียบเราสามารถแปลความหมายไดด งั น้ี 1. แผนภูมชิ ุดนแี้ สดงจํานวนผเู สยี ชวี ิตจากอุบัตเิ หตจุ ราจรในชวงเทศการสงกรานต ระหวา ง วันที่ 11 – 17 เมษายน พ.ศ.2545 และ พ.ศ. 2546 2. ใน พ.ศ. 2545 วนั ที่มผี ูเ สยี ชีวิตมากทีส่ ุด คอื วนั ที่ 13 เมษายน 2545 3. ใน พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2546 วนั ท่ี 15 เมษายน มผี ูเ สียชวี ติ เทา กนั 4. วันท่ี 13 เมษายน พ.ศ. 2546 มผี เู สยี ชีวติ มากที่สดุ 5. วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2546 มผี ูเ สียชีวติ นอยทสี่ ุด
215 แบบฝก หดั ที่ 1 1) นมชนิดใดมีโปรตีนมากทส่ี ดุ และมีกกี่ รัม 2) นมชนดิ ใดมีโปรตีนเทากบั ไขมนั และมกี ก่ี รมั 3) นมขนหวานและนมขน ไมหวาน นมชนิดใดมโี ปรตีนมากกวา และมากกวา กันกก่ี รมั 4) นมชนิดใดมีไขมันนอยที่สุด และมีกก่ี รัม 5) นมสดและหางนม นมชนิดใดมไี ขมนั นอยกวา และนอ ยกวา กันกี่กรมั
216 1.2 การอานกราฟเสน การวิธอี า นกราฟเสน ใหดวู า ตําแหนงของจดุ บนกราฟตรงกบั คา ใดบนแกนต้ังและ แกนนอน เชน จดุ แรกแสดงวา เวลา 13.00 น. อณุ หภูมิ 32 องศาเซลเซยี ส ใหผ เู รียนดกู ราฟเสน แลว ตอบคาํ ถามตอไปน้ี 1. กราฟเสนแสดงขอ มูลเก่ยี วกับสิ่งใด 2. กราฟเสนแสดงอุณหภูมใิ นชว งเวลาใด 3. อณุ หภูมิสูงสุดเปน เทาใด 4. อณุ หภูมติ ํา่ สดุ เปน เทา ใด 5. เริ่มบนั ทึกขอ มลู ณ เวลาใด 6. อุณหภูมิสูงสดุ และตํา่ สดุ ตา งกันเทาใด แผนภมู ิแสดงอณุ หภมู ิของอากาศตง้ั แตเวลา 13.00 น. - 18.00 น. สรปุ กราฟเสนเปนวิธกี ารนาํ เสนอขอ มูล โดยใชจดุ และสว นของเสนตรงทล่ี าก เช่อื มตอ จดุ ซึ่งจุดแตล ะจดุ จะบอกจํานวนหรอื ปรมิ าณของขอ มลู แตล ะรายการ กราฟเสน นยิ มใชก บั ขอมูลทแี่ สดงการเปลยี่ นแปลงอยา งตอเนอ่ื งตามลาํ ดับเวลากอนหลงั
217 การเขียนกราฟเสน สวนประกอบของกราฟเสน มดี งั นี้ 1. มชี ่ือกราฟเสนอยดู านบน 2. มสี ว นของเสนตรงสองเสน ต้งั ฉากกนั โดยสว นของเสน ตรงทอ่ี ยใู นแนวต้งั แสดงจํานวนหรือปรมิ าณของขอ มลู แตละรายการ สวนของเสน ตรงท่อี ยใู น แนวนอนจะแสดงรายการของขอมูล เชน ชว งเวลาในหนงึ่ วัน ชว งเวลาใน สัปดาห ฯลฯ 3. การสรา งกราฟเสน เร่มิ ดวยจุดซึง่ ใชแสดงจาํ นวนหรอื ปรมิ าณของขอมลู แตละ รายการ และสวนของเสน ตรงจะเชอ่ื มตอจดุ จากจุดแรกไปยงั จุดถดั ๆ ไปจนถงึ จดุ สดุ ทาย ตวั อยา ง ขนั้ ตอนการสรางกราฟเสนมดี งั นี้ ข้ันที่ 1 เขียนชอื่ กราฟเสน ขัน้ ท่ี 2 เขยี นสว นของเสนตรงสองเสน ใหต้ังฉากกนั สวนของเสนตรงในแนวนอนแสดงชอ่ื เดือน และสวนของเสน ตรงในแนวต้ังแสดงนาํ้ หนกั 1. ถาขอ มูลแตละรายการมีจํานวนหรอื ปริมาณมากหรือใกลเ คยี งกนั ควรยนระยะ บนแกนท่ีแสดงจาํ นวนดังนี้
218 ข้ันท่ี 3 เขียนจดุ แสดงนา้ํ หนกั แตล ะเดือน จดุ เกดิ จากสวนของเสน ตรงทแ่ี สดงชอื่ เดอื นตดั กบั สว นของเสน ตรงท่ีแสดงนํา้ หนกั ขั้นท่ี 4 เขียนสว นของเสน ตรงตอ จดุ จากจดุ แรกไปยงั จดุ ถดั ไปจนถึงจุดสุดทาย ดังนี้
219 แบบฝกหดั ท่ี 2 ใหน ักศกึ ษาตอบคําถามตอไปนี้ 1) บริษัทสง สนิ คาไปจาํ หนา ยตา งประเทศมีมูลคา มากทสี่ ุด ในเดือนใด และมลู คา เทาไร 2) บรษิ ทั สงสนิ คาไปจําหนายตางประเทศมมี ลู คาเทากันในเดอื นใด และมมี ูลคา เทา ไร 3) บรษิ ัทสง สินคาไปจาํ หนา ยตางประเทศมีมูลคานอยที่สดุ ในเดือนใด และมีมูลคา เทา ไร 4) ตั้งแตเดือนมกราคม ถงึ เดอื นสิงหาคม บรษิ ัทสง สินคาไปจาํ หนายตา งประเทศมีมูลคา รวมกนั กี่ลานบาท 1.3 การอานแผนภูมวิ งกลม การอา นแผนภูมวิ งกลม มลี กั ษณะเดียวกบั การอานแผนภูมปิ ระเภทอ่ืน ๆ แผนภมู ิรปู วงกลมเปน รปู แบบของการนําเสนอขอ มลู โดยใชพน้ื ท่ีภายในรปู วงกลมแทน จาํ นวนหรือปรมิ าณของขอมลู ทง้ั หมด และแบงรูปวงกลมจากจดุ ศูนยก ลางโดยแบงออกเปน สวน ๆ ตามจํานวนรายการของขอมลู สวนแบงของพ้นื ทีภ่ ายในรูปวงกลม 1 สว น แทนจํานวนหรือปริมาณ ของขอมูล 1 รายการ แผนภูมิวงกลมแสดงจํานวนแสตมปป ระเทศตา ง ๆ ที่ ด.ญ. ธิดารัตนสะสม
220 ขอ มูล 1 รายการ เชน ด.ญ. ธดิ ารตั น มีแสตมป 5 ประเทศ พื้นทรี่ ปู วงกลมจึงถกู แบง เปน 5 สวน สว นละ 1 ประเทศ ซงึ่ สวนแบง ของรปู วงกลมจะมพี ้ืนท่ีมากหรือนอยขน้ึ อยกู บั จาํ นวนหรือปริมาณ ของขอมลู แตล ะรายการ สว นแบง ทม่ี ีพ้ืนทม่ี ากกวา จะแทนจํานวนหรอื ปรมิ าณมากกวา ดงั นัน้ จากตวั อยางแผนภูมิรูปวงกลมนี้ จงึ อา นแผนภมู ไิ ดด งั น้ี 1. แสตมปไทยมีมากทีส่ ดุ 2. แสตมปจีนมีนอยที่สดุ 3. แสตมปญ ่ีปนุ มีนอยกวา แสตมปไทยและสหรฐั อเมรกิ า ฯลฯ แบบฝก หดั ท่ี 3 จงใชแ ผนภมู วิ งกลมตอบคําถามตอ ไปน้ี 1) ถาโรงเรียนน้มี คี รูและนักเรยี นทง้ั หมด 1,200 คน จะเปน นกั เรียนหญงิ กค่ี น 2) ถาโรงเรยี นนี้มีครูและนักเรียนทั้งหมด 1,200 คน จะเปน นกั เรียนชายกคี่ น 3) ถานักเรียนชายมากกวา นกั เรียนหญิง 80 คน โรงเรียนน้ีมคี รูและนกั เรยี นทงั้ หมดกคี่ น
221 4) ถา มนี กั เรียนชาย 100 คน จะมีครกู ค่ี น 5) ถา โรงเรยี นนี้มีครู 30 คน จะมีนกั เรียนก่คี น แบบฝกหดั ที่ 4 1. จงสรางแผนภมู ริ ปู ภาพ แสดงจาํ นวนสม สายนํา้ ผึง้ ที่เกบ็ ขายไดจ ากไรสมแหง หน่งึ ต้งั แต เดอื น มกราคม – มนี าคม ดังนี้ เดอื นมกราคม 7,000 กิโลกรัม เดือนกมุ ภาพนั ธ 6,000 กิโลกรัม เดอื นมีนาคม 6,500 กิโลกรัม เดือนเมษายน 6,500 กิโลกรัม เดอื นพฤษภาคม 5,000 กโิ ลกรัม เดอื นมิถุนายน 5,500 กโิ ลกรัม (กาํ หนดใหจ ํานวนสมสายนาํ้ ผ้ึง 1 ผล แทน 1,000 กิโลกรมั ) 2. จงสรา งแผนภูมิแทงแสดงคาใชจ า ยของครอบครวั หนง่ึ ในเดือนมกราคม จากขอมูลทีส่ ํารวจ ไดด งั น้ี คา อาหาร 6,000 บาท คา เส้ือผา 2,500 บาท คาใชจ ายของบตุ ร 2 คน 5,000 บาท คาเคร่ืองใช/ อุปกรณ 3,000 บาท คา งานสงั คม 2,000 บาท คา ใชจ า ยเบด็ เตลด็ 4,500 บาท
222 เรอื่ งท่ี 2 ความนา จะเปนเบ้ืองตน พจิ ารณาสถานการณตอ ไปนี้ และอภปิ รายรว มกนั กลอ งใบหน่งึ มีลูกปง ปองสขี าว 2 ลกู สเี หลอื ง 1 ลกู สมจิตรตอ งการหยิบลูกปง ปองใน กลอ งโดยไมมอง หรือท่ีเราเรยี กวา เปน การสุมหยบิ โอกาสของเหตุการณท ี่จะเกิดขนึ้ จากการสุมหยิบ ลกู ปง ปองจะเปนดงั นี้ สขี าว สเี หลือง 1. หยิบลกู ปง ปองขึน้ มา 1 ลกู 1) หยบิ แลวไดลูกปงปอง เหตุการณนี้เกดิ ขึ้นอยา งแนนอน 2) หยิบแลว ไดล กู ปงปองสขี าว เหตกุ ารณนอ้ี าจจะเกดิ ขน้ึ หรอื ไมก ไ็ ด 3) หยบิ แลวไดลกู ปง ปองสเี หลือง เหตุการณน ี้อาจจะเกิดขน้ึ หรอื ไมก ไ็ ด 4) หยบิ แลวไดล กู ปง ปองสีแดง เหตกุ ารณน ไ้ี มเกดิ ขน้ึ อยา งแนนอน 2. หยิบลูกปงปองข้นึ มา 2 ลูกพรอ มกนั 1) หยบิ แลวไดส เี หลืองทง้ั สองลูก เหตกุ ารณน้ีไมเกิดขน้ึ อยางแนนอน 2) หยิบแลวไดส ีขาวทั้งสองลกู เหตุการณน ี้อาจจะเกดิ ขน้ึ หรอื ไมก ็ได 3) หยิบแลว ไดสีขาวหนงึ่ ลกู เหตกุ ารณน ้ีเกดิ ขน้ึ อยางแนนอน ความนาจะเปน เบอ้ื งตน หมายถงึ โอกาสที่เหตกุ ารณห นึ่ง ๆ จะเกิดขน้ึ ซงึ่ เหตุการณน ้ัน อาจจะเกดิ ข้ึนอยางแนน อน อาจจะเกิดขน้ึ หรือไมก็ได หรอื ไมเ กิดข้นึ อยางแนน อน
223 แบบฝกหดั ที่ 5 จงตอบคาํ ถามจากสถานการณทกี่ าํ หนดใหต อ ไปน้ี 1. ถงุ ใบหน่ึงมสี มเขยี วหวานสเี หลือง 1 ผล และสีเขยี ว 3 ผล ถาสุม หยบิ สมเขยี วหวานในถงุ ขนึ้ มา 1 ผล (1) โอกาสที่จะหยิบไดส มแนนอนใชห รอื ไม เพราะเหตใุ ด (2) โอกาสท่จี ะหยบิ ไดสม สีเขียวอยางแนน อนใชหรือไม เพราะเหตใุ ด (3) โอกาสทจ่ี ะหยิบไดส ม สีเหลอื งอยา งแนน อนใชหรือไม เพราะเหตใุ ด (4) โอกาสทจ่ี ะหยบิ ไดสม สีใด มากกวา เพราะเหตใุ ด (5) โอกาสท่จี ะหยบิ ไดผ ลไมช นดิ อ่ืนเปน ไปไดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด 2. ใสลูกคดิ สีแดง 3 เม็ด สีนํ้าเงนิ 3 เมด็ ลงในกลองกระดาษถาสุมหยิบลูกคดิ ในกลองขน้ึ มา 1 เมด็ (1) โอกาสทจ่ี ะหยบิ ไดล ูกคดิ สใี ดบาง เพราะเหตใุ ด (2) โอกาสท่จี ะหยิบไดล ูกคดิ สใี ด มากกวา เพราะเหตุใด (3) โอกาสทจี่ ะหยิบไดลกู คิดสีเขียวมหี รอื ไม เพราะเหตุใด 3. ในกลอ งมีบัตรตัวอักษร ก 1 ใบ บตั รตวั อกั ษร ข 5 ใบ และบัตรตัวอักษร ค 2 ใบ ถา สุมหยิบบตั รตวั อกั ษรขนึ้ มา 1 ใบ (1) โอกาสทีจ่ ะหยิบไดบ ตั รตวั อกั ษรใดบา ง เพราะเหตใุ ด (2) โอกาสท่ีจะหยบิ ไดบ ัตรตวั อกั ษรใดมากท่ีสุด (3) โอกาสท่ีจะหยิบไดบตั รตัวอกั ษรใดนอ ยทส่ี ดุ (4) โอกาสทจ่ี ะหยบิ ไดบ ัตรตัวอกั ษร จ เปนไปไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
224 2.1 ความหมายของความนา จะเปน ความนา จะเปน คือจํานวนที่แสดงใหท ราบวา เหตกุ ารณใ ดเหตกุ ารณหนึง่ มโี อกาสเกดิ ขึ้นมาก หรอื นอยเพียงใด โดยพิจารณาจากเหตกุ ารณท ีเ่ กดิ ข้นึ ดงั ตัวอยาง เชน เหตุการณ โอกาสทเี่ กดิ ขนึ้ ได 1. การโยนเหรียญสบิ บาท 1 อัน 1 ครงั้ มี 2 เหตุการณที่เปน ไปได คือ เกดิ หัวหรือกอย 2. การทอดลกู เตา 1 ลกู 1 คร้ัง มี 6 เหตุการณท ีเ่ ปนไปได คือ เกดิ แตม 1, 2, 3, 4, 5 3. การโยนเหรียญบาท 2 อนั 1 ครงั้ พรอ ม หรือ 6 กนั มี 4 เหตกุ ารณท ่ีเปนไปได คือ 1 หัวและกอย 2. หวั และหัว 3. กอ ยและหัว 4. กอ ยและกอย 2.2 การคาดเดาความเปน ไปไดของเหตุการณต า ง ๆ ตัวอยา งที่ 1 ภายในกลอ งใบหนึ่งมีลูกแกว สีขาว 4 ลูก และสเี หลือง 2 ลกู ความนา จะเปนทจ่ี ะหยบิ ลูกแกว 1 ลูก ใหไดสดี ังนี้ 1. สีขาว 2. สีเหลอื ง 3. สแี ดง วิธีคิด 1. ความนา จะเปน หรอื ความเปนไปไดจ ะหยบิ ลูกแกว สขี าว จงึ มคี วามนา จะเปน ไป ไดม าก เพราะมีลกู แกวสขี าว 4 ลูก 2. ความนาจะเปน หรอื ความเปน ไปไดจ ะหยบิ ลูกแกวสเี หลือง จึงมคี วามนา จะเปนไปได นอ ย เพราะมลี กู แกว สเี หลืองเพียง 2 ลูก 3. ความนา จะเปน หรอื ความเปนไปไดจ ะหยบิ ลูกแกวสีแดง จงึ มคี วามนาจะเปนไปไมไ ด แนน อน เพราะไมม ีลกู แกว สีแดงอยใู นกลอ ง ตัวอยางท่ี 2 จงหาโอกาสหรือความนา จะเปน ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ในการโยนเหรียญสบิ บาท 1 อัน และลูกเตา 1 ลูก พรอ มกนั โดยพิจารณาผลทเี่ กดิ ข้นึ ในแตล ะเหตกุ ารณ ดังน้ี 1. เหตกุ ารณทีเ่ หรียญจะออกหวั (H) มกี เี่ หตุการณ 2. เหตุการณท่ีเหรยี ญจะออกกอย (T) มีกีเ่ หตกุ ารณ 3. เหตกุ ารณท ีเ่ หรยี ญจะออกหัวและกอย (H และ T) มกี เี่ หตกุ ารณ 4. เหตกุ ารณท่ลี ูกเตา จะออกแตมมากกวา 5 มกี ่ีเหตกุ ารณ วิธคี ดิ 1. โอกาสท่จี ะเกดิ เหตุการณทเ่ี หรียญจะออกหัว (H) เม่อื โยนเหรยี ญบาท 1 อนั และลกู เตา 1 ลกู พรอ มกัน คือ (H, แตม 1) , (H, แตม 2), (H, แตม 3), (H, แตม 4), (H, แตม 5), (H, แตม 6) = 6
225 เหตกุ ารณ 2. โอกาสที่จะเกิดเหตกุ ารณท ่เี หรยี ญจะออกกอย (T) เม่อื โยนเหรียญบาท 1 อัน เหตกุ ารณ และลกู เตา 1 ลกู พรอมกัน คอื (T, แตม 1) , (T, แตม 2), (T, แตม 3), (T, แตม 4), (T, แตม 5), (T, แตม 6) = 6 3. โอกาสที่จะเกิดเหตกุ ารณทีเ่ หรียญจะออกหัว และกอ ยนั้นไมเ กิดขน้ึ แนน อน เพราะเหรียญจะออกหัวและกอยพรอ มกนั ไมได 4. โอกาสทจ่ี ะเกิดเหตกุ ารณทีล่ กู เตา ออกแตม มากกวา 5 เพยี ง 2 เหตกุ ารณ คอื (H, แตม 6) , (T, แตม 6) แบบฝกหดั ที่ 6 จงเติมคําตอบ ก. ในถงุ ใบหน่ึงบรรจุลกู ปงปองสีน้ําเงิน 4 ลูก ลกู ปงปองสเี หลอื ง 1 ลูก จงพจิ ารณาความนา จะเปน ไป ไดว า มากหรอื นอ ยหรอื ไมไดแนนอน ในการหยิบลกู ปงปอง 1 ลกู ดังนี้ (1) หยิบลกู ปงปองไดส นี ํา้ เงนิ มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอย, ไมไ ดแนน อน) (2) หยิบลูกปง ปองไดสเี หลอื ง มคี วามเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไดแนนอน) (3) หยิบลกู ปงปองไดส ีขาว มคี วามเปน ไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไ ดแ นน อน) ข. ในกระเปาใบหน่งึ ใสเสอ้ื ไว 6 ตัว และกางเกงขาส้นั 2 ตวั จงพจิ ารณาความนาจะเปน ไปไดว ามาก หรือ นอ ยหรือเปนไปไมไดแ นน อน ในการหยบิ 1 คร้ัง 1 ตวั ดงั น้ี (1) โอกาสท่จี ะหยิบเสอ้ื ได มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอย, ไมไดแนน อน) (2) โอกาสท่ีจะหยบิ กางเกงขาส้นั ได มคี วามเปน ไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไดแนนอน) (3) โอกาสที่จะหยิบกางกางขายาวได มีความเปนไปได ___________________ (มาก, นอ ย, ไมไดแ นนอน)
226 ค. จงหาโอกาสหรือความนา จะเปน ที่จะเกดิ เหตุการณขนึ้ ในการทอดลกู เตา 2 ลกู พรอมกนั จงพิจารณาวามีโอกาสเกดิ ขน้ึ กเี่ หตกุ ารณ (1) ลูกเตา แตมรวมกนั แลวตํ่ากวา 5 แตม ม_ี ___________________ เหตุการณ (2) ลูกเตา แตมรวมกนั แลวมากกวา 10 แตม ม_ี ___________________ เหตกุ ารณ (3) ลกู เตา แตมรวมกนั แลว มากกวา 12 แตม ม_ี ___________________ เหตกุ ารณ
227 เฉลยแบบฝก หดั บทท่ี 1 จาํ นวนและการดาํ เนนิ การ แบบฝกหัดท่ี 1 (ก) 1. 5 และ ๕ 2. 7 และ ๗ 3. 9 และ ๙ 4. 4 และ ๔ 5. 8 และ ๘ แบบฝกหดั ที่ 1 (ข) 1234567890 ๑ ๒๓๔๕๖ ๗๘๙ ๐ แบบฝกหัดที่ 2 (ก) 1. 19 และ ๑๙ 2. 22 และ ๒๒ 3. 37 และ ๓๗ 4. 45 และ ๔๕ 5. 68 และ ๖๘ แบบฝกหดั ท่ี 2 (ข) ๒๘ ๓๗ ๔๖ ๕๐ ๑๑ ๑๙ 28 34 46 50 11 19 แบบฝก หดั ที่ 2 (ค) ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๑ ๒๒ ๒๓ ๒๔ ๒๕ ๒๖ ๒๗ ๒๘ ๒๙ ๓๐ 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50
แบบฝกหัดท่ี 2 (ง) 2. 65 228 1. 38 5. 96 4. 81 3. 77 2. หาสบิ สาม 6. 99 แบบฝก หัดที่ 2 (จ) 5. เจ็ดสิบเกา 1. สามสิบหา 3. หกสิบแปด 4. แปดสบิ หก 6. เกาสบิ เจด็ แบบฝก หัดที่ 3 1. สามรอยสี่สบิ หา 2. แปดพันสิบเจด็ 3. สองหม่ืนแปดรอ ยเกา สบิ เจด็ 4. สามแสนสองพันสร่ี อยหกสิบหก 5. หน่งึ ลา นสามแสนหกหม่นื เจ็ดพนั หา รอยแปดสบิ เกา 6. เจ็ดรอ ยสามลานเกา แสนเจด็ หมืน่ หารอ ย แบบฝก หัดท่ี 4 2. 5 อยูใ นหลักพัน มคี า หาพนั 1. 1 อยูใ นหลกั หมืน่ มคี า หนง่ึ หมน่ื 4. 1 อยใู นหลักสบิ ลาน มคี า สิบลาน 3. 9 อยใู นหลักลาน มคี า เกา ลาน 5. 4 อยใู นหลักรอ ยลา น มคี า สรี่ อยลา น แบบฝกหดั ท่ี 5 1. 500,000 + 4,000 + 100 + 20 2. 400,000 + 60,000 + 8,000 + 700 + 90 + 3 3. 10,000,000 + 9,000,000 + 700,000 + 50,000 + 4,000 + 800 + 30 4. 500,000,000 + 60,000,000 + 2,000,000 + 800,000 + 40,000 + 9,000 + 300 + 20 + 1 แบบฝก หดั 6 69,945 659,024 956,420 965,204 1. 69,594 10,500 110,001 111,100 1,001,001 2. 10,050 769,386 893,013 972,142 1,001,900 3. 100,119 2,403,107 2,460,710 2,471,613 2,498,789 4. 999,991
229 แบบฝกหัดท่ี 7 2. 1. 4. 3. 6. 5. 8. 7. = 10. 9. = 6. 720 แบบฝกหดั ท่ี 8 (ก) 7. 900 1. 50 8. 920 2. 130 9. 1,050 3. 380 10. 2,660 4. 560 5. 680 6. 1,000 7. 2,500 แบบฝก หดั ท่ี 8 (ข) 8. 5,100 1. 100 9. 14,300 2. 200 10. 203,100 3. 300 4. 600 2. 55,200,000 5. 600 4. 1,004,000,000 แบบฝก หดั ที่ 8 (ค) 2. = 1. 118,500,000 4. 3. 688,600,000 5. 279,900,000,000 2. 77 4. 626 แบบฝกหัดที่ 9 (ก) 1. 3. แบบฝกหัดท่ี 9 (ข) 1. 68 3. 3,337 5. 5,859
230 แบบฝก หดั ที่ 10 (ก) ตอบ 263 1. 100 +40 + 0 100 + 20 + 3 200 + 60 + 3 2. 200 + 10 + 0 ตอบ 577 300 + 0 + 4 60 + 3 500 + 70 + 7 3. 10,000 + 1,000 + 200 + 0 + 0 ตอบ 37,887 3,000 + 500 + 0 + 4 20,000 + 3,000 + 100 + 80 + 3 30,000 + 7,000 + 800 + 80 + 7 4. 200,000 + 10,000 + 0 + 200 + 50 + 0 ตอบ 697,495 400,000 + 50,000 + 4,000 + 100 + 0 + 4 30,000 + 3,000 + 100 + 40 + 1 600,000 + 90,000 + 7,000 + 400 + 90 + 5 แบบฝก หดั ที่ 10 (ข) 121 1. 100 + 20 + 1 47 40 + 7 168 100 + 60 + 8 ตอบ 168 2. 100 + 30 + 2 132 300 + 20 + 5 325 400 + 50 + 7 457 ตอบ 457
231 3. 10,000 + 2,000 + 100 12,100 400,000 + 50,000 + 4,000 + 100 + 0 + 4 454,104 30,000 + 3,000 + 100 + 40 + 1 33,141 400,000 + 90,000 + 9,000 + 300 + 40 + 5 599,345 ตอบ 599,345 4. 1,000,000 + 100,000 + 50,000 + 2,000 + 100 + 10 + 3 1,152,113 2,000,000 + 100,000 + 10,000 + 2,000 + 400 + 20 + 1 2,112,421 1,000,000 + 300,000 + 20,000 + 0 + 200 + 60 + 0 1,320,260 3,000,000 + 500,000 + 80,000 + 4,000 + 700 + 90 + 4 4,584,794 ตอบ 4,584,794 แบบฝก หดั ที่ 11 (ก) 1. 50,000 + 4,000 + 600 + 20 + 3 + 90,000 + 3,000 + 500 + 40 + 5 = 100,000 +40,000 + 8,000 + 100 + 60 + 8 = 148,168 2. (800,000 + 70,000 + 1,000 + 400 + 90 + 6 ) + ( 200,000 + 40,000 + 7,000 + 300 + 8) = 1,000,000 + 100,000 + 10,000 + 8,000 + 800 + 4 = 1,118,804 แบบฝก หัดท่ี 11 (ข) 3,486,801 1. 3,000,000 + 400,000 + 80,000 + 6,000 + 800 + 0 +1 1,670,528 1,000,000 + 600,000 + 70,000 + 0 + 500 + 20 + 8 5,157,329 5,000,000 + 100,000 + 50,000 + 7,000 + 300 + 20 + 9 ตอบ 5,157,329 584,169 2. 500,000 +80,000 + 4,000 + 100 +60 + 9 958,782 900,000+50,000 + 8,000 + 700 + 80 + 2 321,456 300,000+20,000 + 1,000 + 400 + 50 + 6 1,864,407 1,000,000 + 800,000 + 60,000 + 4,000 + 400 + 0 + 7 ตอบ 1,864,407
232 แบบฝกหัดที่ 12 1. 15,348 2. 47,847 3. 482,496 4. 6,500 แบบฝกหดั ที่ 13 2. 161 1. 500 4. 38 3. 5,010 6. 17,842 5. 6,207 8. 31,230 7. 2,113 แบบฝก หัดท่ี 14 X 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 4 4 8 12 16 20 24 28 32 36 40 44 48 X3 4 5 6 7 13 4 5 6 7 2 6 8 10 12 14 3 9 12 15 18 21 4 12 16 20 24 28 5 15 20 25 30 35 X 9 10 11 12 6 54 60 66 72 7 63 70 77 84 8 72 80 88 96 9 81 90 99 108 10 90 100 110 120
233 แบบฝกหดั ท่ี 15 (ก) 3. 40 + 7 4. 100 , 3 1. 7 2. 3 5. 40 , 9 แบบฝกหัดท่ี 15 (ข) 3. 448 4. 720 1. 84 2. 312 5. 2,624 แบบฝก หดั ท่ี 16 (ก) 3. 2,200 4. 2,370 1. 612 2. 990 5. 2,583 แบบฝกหัดที่ 16 (ข) 2. 1,323 3. 3,696 4. 18,656 1. 1,080 3. 46,200 4. 79,920 3. 93,132 4. 375,124 แบบฝกหัดที่ 16 (ค) 2. 7,056 3. 210,960 4. 293,440 1. 4,680 แบบฝก หัดท่ี 17 (ก) 2. 45,375 1. 15,096 แบบฝกหดั ท่ี 17 (ข) 2. 74,880 1. 49,400 แบบฝก หัดท่ี 18 1. 150 บาท 2. 72 คน 3. 334 ตน 4. 195 คน 5. 193,500 บาท
แบบฝก หดั ที่ 19 234 1. 0 3. 1 2. 4 5. 8 4. 0 7. 210 6. 0 9. 7 8. 50 11. 5,040 10. 69 แบบฝกหดั ที่ 20 (ก) 1. 20 16 12 8 4 0 2. 24 18 12 6 0 3. 35 28 21 14 7 0 4. 3 ตะกรา 5. 9 ทอ น แบบฝก หัดท่ี 20 (ข) 2. 3 3. 6 4. 7 1. 3 6. 9 7. 8 8. 49 5. 5 9. 80 แบบฝก หัดที่ 20 (ค) 1. 21 2. 112 3. 200 4. 1,150 5. 30,796 แบบฝก หดั ที่ 20 (ง) 2. 11 3. 121 4. 121 1. 16 5. 8
235 แบบฝกหัดท่ี 21 (ก) 2. 5 เศษ 0 1. 4 เศษ 1 4. 11 เศษ 1 3. 10 เศษ 5 6. 70 ตวั เหลือเปด 5 ตวั 5. 2 กิโลกรมั 2. 8 เศษ 3 แบบฝกหดั ท่ี 21 (ข) 4. 12 เศษ 6 1. 6 เศษ 2 6. 193 เศษ 38 3. 41 5. 20 เศษ 11 แบบฝกหดั ที่ 22 1. 64,802 บาท 2. 45 บาท 3. 24,434,000 บาท 4. 90,500 บาท 5. 84 บาท แบบฝก หัดที่ 23 1. เปน เพราะ 4 หาร 20 ลงตัว 2. เปน เพราะ 3 หาร 18 ลงตวั 3. ไมเปน เพราะ 7 หาร 37 ไมลงตวั 4. เปน เพราะ 9 หาร 45 ลงตวั 5. 2, 8, 12, 14 6. 3, 6, 15, 24 7. 25, 30, 35 8. 18, 24, 30, 36
236 แบบฝก หัดท่ี 24 1. 1, 2, 3, 4, 6, 12 2. 1, 2, 3, 4, 6, 12 3. 1, 2, 3, 6, 9, 18 4. 1, 2, 3, 6, 9, 18 แบบฝก หดั ท่ี 25 1. เปน เพราะ ไมมีเลขใดหาร 13 ลง ตวั นอกจาก 1 และ 13 2. ไมเ ปน เพราะ 15 มี ( 1, 3, 5 ,15 ) มากกวา 2 ตวั 3. 23, 29 4. 51, 53, 57, 59 5. 91, 93, 97 แบบฝกหัดที่ 26 ตวั ประกอบเฉพาะคือ 3 1. 1, 3, 9 ตวั ประกอบเฉพาะคอื 2, 11 2. 1, 2, 11, 22 ตัวประกอบเฉพาะคือ 2, 3 3. 1, 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18, 36 ตัวประกอบเฉพาะคอื 2, 5 4. 1, 2, 5, 10 ,25 , 50 5. 37 แบบฝกหัดท่ี 27 (ก) 2. 6 x 4 3. 2 x 14 4. 6 x 6 1. 7 x 3 6. 17 x 3 7. 9 x 7 8. 9 x 9 5. 7 x 7 10. 9 x 10 9. 9 x 8 แบบฝกหดั ที่ 27 (ข) ตอบ ไมได เพราะจํานวนทใี่ หมาเปนจาํ นวนเฉพาะ ซึ่งจํานวนเฉพาะจะไมมจี าํ นวนใดหารลง ตวั นอกจาก 1 และตวั มันเอง
แบบฝก หัดท่ี 28 2. 4,416 237 1. 2 x 3 5. 2,950 2. 2 x 7 3. 5,670 3. 2 x 14 2. 8 6. 8,192 4. 7 x 5 5. 2 3. 9 5. 6 x 6 6. 5 6. 26 x 2 7. 9 x 5 8. 10 x 6 9. 9 x 8 10. 10 x 10 แบบฝก หัดที่ 29 1. 3 x 3 x 3 2. 3 x 13 3. 2 x 3 x 7 4. 2 x 2 x 2 x 7 5. 2 x 2 x 7 6. 3x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 7. 5 x 5 x 5 x 2 8. 2 x 2 x 2 x 27 แบบฝก หัดที่ 30 1. 1,656 4. 6,104 แบบฝกหดั ที่ 31 1. 6 4. 3
แบบฝก หดั ที่ 32 238 1. 2 4. 1 2. 3 3. 14 7. 2 5. 4 6. 6 8. 10 9. 9 แบบฝกหัดท่ี 33 1. 4 2. 5 3. 2 4. 1 5. 7 6. 2 7. 7 8. 15 9. 9 แบบฝกหัดที่ 34 2. 4 3. 3 1. 1 5. 2 6. 5 4. 5 2. 4 3. 18 แบบฝก หดั ท่ี 35 5. 24 6. 40 1. 30 4. 30 2. 150 3. 90 5. 60 6. 45 แบบฝก หัดที่ 36 8. 240 1. 30 4. 60 2. 45 3. 72 7. 112 5. 140 6. 240 8. 396 แบบฝก หัดท่ี 37 1. 48 4. 96 7. 196
แบบฝก หัดท่ี 1 เฉลยแบบฝกหดั 239 บทที่ 2 เศษสวน ก. (5) 2 (3) 4 (4) 4 (1) 1 (2) 2 3 86 2 4 3. เศษเจ็ดสว นเกา 2. เศษสี่สวนแปด ข. 5. เศษหกสว นเจด็ 5. 3 1. เศษหา สว นหก 3. 7 4. 6 5 4. เศษหน่งึ สวนเจด็ 97 4. 8. ค. 12. 16. 1. 5 2. 2 20. 83 4. 5 แบบฝก หัดท่ี 2 7 1. 2. 3. 5. 6. 7. 8. 0 9. 10. 11. 12. 0 13. 14. 15. 17. 18. 19. 4. 16 แบบฝกหดั ท่ี 3 2. 9 3. 7 21 1. 5 5 8 7 6. 1 7. 7 5. 1 9 9 10 10. 0 11. 1 9. 3 2. 10 3. 23 7 12 40 แบบฝก หัดท่ี 4 1. 9 6. 47 10 156 5. 13 20
240 แบบฝก หดั ท่ี 5 2. 19 3. 2 4. 25 1. 5 27 5 29 9 6. 19 5. 11 87 23 แบบฝก หัดท่ี 6 2. 3 3. 2 4. 3 1. 2 7 94 5 แบบฝก หัดที่ 7 1. 8 ของถงุ 9 2. 5 ลติ ร 7 3. 5 ถว ยตวง 6 4. 4 แปลง 5 5. 4 ของกระถาง 5 แบบฝกหัดท่ี 8 1. 6 กระสอบ 13 2. สดุ าปลูกไดมากกวา 3 ของแปลง 11 3. 6 ของกลอง 12 4. 1 กิโลเมตร 15 5. 2 กโิ ลเมตร 7 แบบฝกหัดท่ี 9 2. 16 3. 9 11 4. 7 5 6. 815 1. 11 4 12 14 18 15 5. 78 7 10
แบบฝก หัดท่ี 10 2. 6 3. 14 241 1. 16 4. 11 5 45 21 30 2. 4 1 3. 2 4 5. 5 4. 5 5 11 7 9 6 6. 2 1 7. 4 1 แบบฝก หัดท่ี 11 8. 412 1. 5 1 5 3 17 4 5. 3 9 13 แบบฝก หดั ที่ 12 1. 250 ตารางวา 2. 900 คน 3. 40 เมตร 4. 10 ตัว 5. 25 ตน แบบฝกหัดท่ี 13 7. 18 ตอนท่ี 1 25 1. 16 8. 8 2. 7 3. 1 9. 14 2 4 55 9 10. 9 4. 2 62 15 11. 45 58 5. 1 12. 7 2 6. 1 1 55
242 ตอนที่ 2 1. 18 11 2. 6 1 กระสอบ 8 3. 1 ของบอ 6 4. 3 กระปอง แบบฝก หดั ที่ 14 ตอนที่ 1 1. 39 64 2. 7 4 3. 5 49 4. 11 1 7 5. 3 11 6. 12 35 7. 1 26 45 17 8. 27 27 ตอนที่ 2 1. 3 1 กิโลกรมั 12 2. 38 1 เมตร 3 3. 4 ช่ัวโมง 4. 40 แปลง 5. 30 กิโลเมตร 6. 3,000 บาท
243 แบบฝก หัดที่ 1 เฉลยแบบฝก หัด 4. 0.4 ก. บทท่ี 3 ทศนิยม 1. 0.2 2. 0.5 3. 0.3 ข. 2. ศูนยจ ดุ แปดศนู ย 1. ศูนยจ ดุ หกสี่ 4. ศนู ยจ ุดแปดสอง 3. ศนู ยจ ุดศนู ยเ กา 5. ศูนยจดุ สเี่ กา 2. 0.70 3. 0.02 5. 0.95 6. 0.88 ค. 1. 0.89 4. 0.48 แบบฝกหดั ที่ 2 2. 0.7 3. 0.04 ก. 5. 0.6 3. 0.65 1. 0.03 2. 0.31 6. 0.48 4. 0.06 5. 0.12 ข. 1. 0.84 4. 0.29 แบบฝกหดั ที่ 3 2. 3. 1. 5. 6. 4. แบบฝกหัดที่ 4 1. > 2. > 3. > 4. > 5. <
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279