Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 ระบบนิเวศและการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2

หน่วยที่ 4 ระบบนิเวศและการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2

Published by zest.d, 2019-09-27 01:14:53

Description: หน่วยที่ 4 ระบบนิเวศและการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 4 ระบบนเิ วศ และการรกั ษาดลุ ภาพ ของสง่ิ มชี วี ติ ALLPPT.com _ Free PowerPoint Templates, Diagrams and Charts

01 ความหมายของระบบนเิ วศ 02 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ิตในระบบนเิ วศ 03 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ 04 การรักษาดลุ ยภาพของนา้ 05 การรักษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย 06 การรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ริ า่ งกาย

01 ความหมายของระบบนเิ วศ หมายถึง ระบบความสมั พนั ธ์ ระหว่างกลุ่มส่ิงมีชีวิต และกลมุ่ สง่ิ มชี วี ิตกับสงิ่ แวดลอ้ มในแหลง่ ที่ อย่บู รเิ วณหน่ึงท่ีมีอาณาเขตแนน่ อน

02 ความหมายของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.1 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี วี ิตชนดิ เดยี วกนั ผลดีของการรวมกลมุ่ หรือฝูง มดี ังนี 1. ลดอันตรายจากการลา่ ของศัตรู 2. ชว่ ยจัดระบบภายในกลมุ่ 3. ช่วยเพ่ิมโอกาสในการผสมพันธก์ นั ผลเสียของการรวมกล่มุ เนอ่ื งจากสัตว์ชนดิ เดียวกันต้องการปจั จัย คล้ายกนั ผลเสยี เชน่ อาหารไม่เพียงพอ

02 ความหมายของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั การจดั แบ่งความสมั พันธข์ องส่งิ มีชีวติ ต่าง ชนดิ กนั ได้ ดังนี เมือ่ + หมายถงึ การได้ประโยชน์ - หมายถงึ การเสยี ประโยชน์ 0 หมายถงึ ไมไ่ ดแ้ ละไม่เสียประโยชน์

02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธ์ของสงิ่ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพง่ึ พา (Mutualism +/+) เปน็ ความสัมพันธข์ องสิง่ มีชีวิต 2 ชนิดที่อยู่ ร่วมกนั เปน็ ระยะเวลานานจนไมส่ ามารถแยกออก จากกันได้ โดยท่ีทงั สองฝา่ ยตา่ งได้ประโยชนซ์ ึง่ กัน และกัน เช่น

02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพ่งึ พา (Mutualism +/+) - ไมคอรไ์ รซา (Mycorrhiza) เปน็ การอยู่ รว่ มกนั ระหว่างรากับรากพืช โดยพชื จะทา้ หน้าที่ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงและสร้างอาหารใหร้ าเพอื่ ใชใ้ น การเจรญิ เตบิ โต นอกจากนยี ังเปน็ ท่อี ยอู่ าศยั ใหแ้ ก่ รา สว่ นรานนั จะมโี ครงสร้างท่เี ป็นเสน้ ใย เรียกวา่ ไฮฟา (Hyphae) ท้าหน้าท่ีคอยหาแรธ่ าตอุ าหาร จากดินท่ีใชใ้ นการเจริญเตบิ โตของพืช นอกจากนีรา ยังใหค้ วามชนื แก่รากพืชอีกด้วย

02 ความหมายของสง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพึ่งพา (Mutualism +/+) - โปรโตซวั (Trichonympha sp.) ในล้าไส้ ปลวก ภายในโปรโตซวั จะมีแบคทีเรียที่สามารถสร้าง เอนไซม์เซลลเู ลส (Cellulase) ที่สามารถยอ่ ยไมใ้ ห้ ปลวก ส่วนปลวกจะให้ท่อี ย่อู าศยั และอาหาร ซงึ่ ก็ คือ เซลลูโลส แกโ่ ปรโตซวั

02 ความหมายของสิ่งมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพ่งึ พา (Mutualism +/+) - ไลเคนส์ (Lichens) เปน็ สิ่งมีชวี ิต 2 ชนิด คือ ราและสาหร่าย ทม่ี าอาศัยอยู่ดว้ ยกนั โดยที่รา จะใหค้ วามชืนแกส่ าหร่าย ส่วนสาหร่ายสามารถ สงั เคราะหด์ ้วยแสงและสร้างอาหารให้แกร่ าได้



02 ความหมายของส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกัน (Protocooperati on +/+) เปน็ ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี วี ติ 2 ชนดิ ท่อี ยรู่ ่วมกัน โดยที่ตา่ งฝ่ายต่างไดป้ ระโยชนซ์ ง่ึ กนั และกนั แต่ สามารถแยกออกจากกนั เช่น

02 ความหมายของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั (Protocooperati on +/+) - นกเอยี งกบั ควาย นกเอยี งจะกนิ ปรสติ เช่น เหบ็ ไร ที่อยบู่ นตัวควาย ซึ่งควายจะได้ ประโยชน์เนือ่ งจากปรสิตท่ีกอ่ ความรา้ คาญถกู กา้ จัด ขณะเดียวกันนกเอียงกจ็ ะไดร้ บั อาหารจากการกนิ เหบ็ ไร ทอ่ี ยู่บนตวั ควาย

02 ความหมายของสงิ่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั (Protocooperati on +/+) - มดดา้ กบั เพลยี มดนา้ จะน้าไขข่ องเพลยี ไป ไวใ้ นรงั บนตน้ ไม้ เพอ่ื ใหค้ วามอบอนุ่ และฟกั ออกมา เปน็ ตัว เม่ือถึงเวลาออกหาอาหาร มดดา้ จะนา้ เพลยี ไปดว้ ย เพ่อื ให้เพลยี ใช้ปากเจาะและดดู น้าหวานจาก ตน้ ไมแ้ ลว้ ปล่อยใหน้ ้าหวานไหลออกมา ซึ่งท้าใหม้ ด ด้าไดอ้ าหารจากเพลยี อีกทอดหนง่ึ

02 ความหมายของสิ่งมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั (Protocooperati on +/+) - แมลงกับดอกไม้ แมลงจะไดก้ ินนา้ หวาน จากดอกไม้เป็นอาหาร สว่ นดอกไม้จะไดแ้ มลงช่วย ในการผสมเกสร



02 ความหมายของสง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.3 ภาวะองิ อาศยั หรอื ภาวะเกอื กลู (Commensal ism +/0) เป็นความสมั พันธ์ของส่งิ มีชีวิต 2 ชนดิ ทอ่ี ยู่ ร่วมกัน โดยท่ีฝา่ ยหน่ึงไดร้ บั ประโยชน์ สว่ นอกี ฝา่ ย ไม่ไดแ้ ละไม่เสียประโยชน์ใด ๆ เชน่ - ปลาฉลามกบั เหาฉลาม เหาฉลามจะคอยยึดเกาะ กบั ปลาฉลามเพ่ือจะไดร้ ับเศษอาหารทีป่ ลาฉลามกนิ ไมห่ มด แต่กไ็ มไ่ ดส้ ่งผลเสยี ตวั ปลาฉลาม

02 ความหมายของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.3 ภาวะองิ อาศยั หรอื ภาวะเกอื กลู (Commensal ism +/0) - นกกบั ตน้ ไมใ้ หญ่ นกจะฃท้ารังบนตน้ ไม้ ใหญ่ ทา้ ใหไ้ ดท้ ี่อยู่อาศัย ส่วนตน้ ไมน้ ันไมเ่ สยี ประโยชน์ - พชื องิ อาศยั (Epiphyte) เชน่ กระเช้าสดี า เฟริ ์น จะเกาะอยู่บนตน้ ไมเ้ พอ่ื ใชเ้ ป็น แหลง่ ทอ่ี ยู่อาศยั โดยทตี่ น้ ไม้ไมไ่ ดป้ ระโยชน์ แต่ก็ไม่ เสยี ประโยชนใ์ ด ๆ



02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) เปน็ ความสมั พันธ์ของส่งิ มชี ีวิต 2 ชนิดที่อยู่ ร่วมกนั โดยที่จะมฝี า่ ยหนง่ึ เสยี ประโยชน์จากการ เป็นผู้ถูกอาศัย เรยี กว่า โฮสต์ (Host) และจะมีอกี ฝ่ายหน่งึ ท่ีไดป้ ระโยชน์จากการไปอาศยั อย่กู ับโฮสต์ เรียกฝ่ายท่ไี ดป้ ระโยชน์ว่า ปรสิต (Parasite) ปรสติ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื

02 ความหมายของสิง่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) 1. ปรสติ ภายใน (Endoparasite) เชน่ แบคทเี รยี พยาธิตา่ ง ๆ 2. ปรสิตภายนอก (Ectoparasite) เช่น ปลงิ เหบ็ หมัด ยุง



02 ความหมายของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) 3. ปรสิตในเซลล์ (Intracellular parasite) เช่น ไวรัส

02 ความหมายของสิ่งมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) ตัวอย่างของส่งิ มีชวี ติ ในภาวะปรสติ ไดแ้ ก่ - พยาธทิ ่ีอยใู่ นร่างกายมนุษยห์ รอื สตั ว์ - กาฝากกบั ต้นมะมว่ ง รากของกาฝากจะ ชอนไชไปจนถงึ ท่อน้าและทอ่ อาหารของตน้ มะม่วง จากนันกาฝากจะดูดน้าและอาหารจากต้นมะมว่ งท่ี มนั ไปอาศัยอยู่ ส่งผลให้นา้ และอาหารไมเ่ พยี งพอ ส้าหรับใช้ในการเจรญิ เติบโตของต้นมะม่วง



02 ความหมายของส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.5 ภาวะลา่ เหยอื่ (Predation +/-) เปน็ ความสัมพนั ธข์ องสิ่งมชี วี ิต 2 ชนิดทอ่ี ยู่ ร่วมกัน โดยฝ่ายทเ่ี ป็นผลู้ ่า (Predator) จะเป็นฝ่าย ไดร้ บั ประโยชน์ สว่ นผถู้ กู ลา่ หรอื เหยือ่ (Prey) จะ เป็นฝา่ ยเสียประโยชน์



02 ความหมายของส่งิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.6 ภาวะแขง่ ขนั (Competition -/- ) เนอ่ื งจากทงั สองฝา่ ยจ้าเป็นตอ้ งใช้ ทรพั ยากรเดยี วกนั ในการด้าเนนิ ชีวติ จึงท้าใหภ้ าวะ แกง่ แยง่ เป็นความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต 2 ชนดิ ที่ อยู่รว่ มกันโดยตอ้ งแขง่ ขนั เพอ่ื ใหไ้ ด้แหล่งทรัพยากร นันมาเป็นของตน ซง่ึ ส่งผลเสียแกท่ งั สองฝ่าย สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 แบบ คอื

02 ความหมายของสิง่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.6 ภาวะแขง่ ขนั (Competition -/- ) 1. การแขง่ ขนั ระหวา่ งสงิ่ มชี วี ติ ชนดิ เดยี วกนั (Intraspecies competition) เชน่ ฝูงหมาปา่ แยง่ อาหารกนั สิงโตต่อสกู้ นั เพื่อครอบครองอาณา เขต 2. การแขง่ ขนั ระหวา่ งสง่ิ มชี วี ติ คนละชนดิ (I nterspecific competition) เช่น เสอื และสงิ โต ต่อส้กู ันเพ่ือแย่งอาหาร



02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.7 ภาวะหลง่ั สารยบั ยงั การเจรญิ (Antibiosis 0/- ) การอยรู่ ว่ มกันของสงิ่ มีชีวติ ทฝ่ี า่ ยหนงึ่ ฝา่ ย ใดหลั่งสารมา ยับยงั การเจริญของอกี ฝ่าย เชน่ รา เพนซิ ิเลยี ม (penicillum sp.) หลั่งสารออกมาห้าม การเจรญิ เติบโต ในแบคทีเรีย



02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.8 ภาวะมกี ารยอ่ ยสลาย (Saprophytism) ใช้ สญั ลักษณ์ +/0 การอยู่รว่ มกันของส่งิ มีชีวติ โดยมสี ิ่งมีชวี ติ อยู่กับสิ่งมีชีวติ ท่ี ตายแล้ว สง่ิ มชี วี ิตพวกนี ได้แก่ เหด็ รา แบคทีเรีย สิง่ มีชีวติ ท่ี ดา้ รงชีวิตแบบนี เรียกวา่ ผยู้ ่อยสลายอินทรียสาร (Decomposer)



02 ความหมายของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.9 ภาวะเปน็ กลาง (Neutralism 0/0) ความสัมพันธ์ระหวา่ งส่งิ มีชีวิตท่ไี มม่ ีผลอะไร ตอ่ กัน ต่างฝ่ายต่างไม่ไดร้ ับประโยชน์และไมเ่ สีย ประโยชน์



03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ หว่ งโซอ่ าหาร (Food chain) คืออะไร ห่วงโซ่อาหาร คอื การถา่ ยทอดพลงั งาน ของส่งิ มชี วี ติ เปน็ ทอด ๆ เป็นความสมั พนั ธ์ของ สง่ิ มชี วี ติ ท่ีมีการบรโิ ภคตอ่ ๆ กันจากผผู้ ลติ สผู่ ้บู ริโภค ในห่วงโซอ่ าหารประกอบไปด้วยทงั ผผู้ ลิต ผู้บริโภค และผยู้ ่อยสลาย

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลังงานในรปู ของการบริโภคย่ิงมี ขันลา้ ดบั การบรโิ ภคนอ้ ยยิ่งได้รบั พลังงานสูง เพราะแตล่ ะ ระดบั ขันการบริโภคจะมีการสูญเสยี พลงั งานในรปู ของ พลงั งานความรอ้ น และพลงั งานส่วนท่สี ญู เสียเป็น พลังงานท่ีไร้ประโยชน์ เรยี กว่า เอนโทรปี (Entropy ) ซึ่งจากการค้านวณของนกั ชวี วิทยา พบวา่ ผู้บรโิ ภคจะ ไดร้ บั พลงั งานเพยี ง 1 ส่วนจากการบรโิ ภคผู้ถกู บรโิ ภค 1 0 ส่วน ซ่ึงเรียกลักษณะการถ่ายทอดพลังงานนีวา่ กฎ 10% (Ten percent Law) คอื พลังงานทส่ี ะสมอยใู่ น ผูบ้ รโิ ภค แต่ละล้าดบั จะน้อยกวา่ พลงั งานท่ีสะสมให้ ผบู้ รโิ ภคในล้าดบั ถดั ไปลดลงประมาณ 10 เทา่ เช่น

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

04 การรกั ษาดลุ ยภาพของนา้ น้าเป็นองคป์ ระกอบที่ส้าคญั ของส่ิงมีชีวิต สง่ิ มชี วี ติ แต่ละชนดิ จะมีปริมาณน้าในรา่ งกาย แตกต่างกันจะมีน้าประมาณ 40-95% ของนา้ หนกั ตัว และมอี ย่ใู นเนอื เยอ่ื ต่างๆไมเ่ ท่ากัน เชน่ ในฟนั มี น้า 10% ในสมองมนี า้ 95% ถ้าร่างกายเกิดการ สญู เสียน้าเพยี ง 20% จะมีอนั ตรายถงึ ชีวติ ร่างกาย สามารถสูญเสียโปรตีนได้ 50% หรือไขมนั 100% ก็ สามารถมชี วี ติ อยไู่ ด้

05 การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย ความเป็นกรดเบสมคี วามเกี่ยวข้องกับการ หายใจ ในการหายใจมแี ก๊สท่เี ก่ียวขอ้ ง 2 ชนดิ คอื แก๊สออกซเิ จน และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซน์ แก๊ส ทงั 2 ชนิดนีมีปริมาณไมเ่ ทา่ กันในขณะทรี่ า่ งกาย ท้างานตา่ งกนั เชน่ เมอ่ื เราท้างาน หรอื ออกกา้ ลัง กาย จะทา้ ให้ร่างกายมแี กส๊ คารบ์ อนไดออกไซนใ์ น เลอื ดสงู กว่าปกติ

05 การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย

05 การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย

06 การรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ริ า่ งกาย อณุ หภมู จิ ะสง่ ผลตอ่ การทา้ งานของเอนไซมใ์ น ร่างกาย โดยอณุ หภมู ทิ ่สี ูงกว่าปกติจะท้าลายเอนไซม์ได้ และอณุ หภมู ทิ ีต่ ่้าเอนไซมก์ จ็ ะทา้ งานได้ช้าลง ใน สภาพแวดล้อมทม่ี ีอุณหภูมิสงู รา่ งกายจะปรับดลุ ยภาพ ของอุณหภมู ใิ นร่างกาย โดยการกระตุ้นสมองสว่ นไฮโพทา ลามสั ใหล้ ดอตั ราการเผาผลาญอาหารภายในเซลล์เพื่อลด อณุ หภมู ิของเลอื ด หลอดเลือดบรเิ วณผิวหนงั จะขยายตวั ตอ่ มเหงื่อผลติ เหง่ือใหร้ ะบายออกสูส่ ่ิงแวดลอ้ มมากขึน กลา้ มเนอื ยึดเส้นขนบริเวณผิวหนังจะคลายตวั เสน้ ขนท่ี ผวิ หนงั จะเอนราบ ช่วยให้สามารถถ่ายเทความร้อนใน ร่างกายออกสู่ส่งิ แวดลอ้ มภายนอกได้มากขนึ

06 การรักษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ิรา่ งกาย แต่หากรา่ งกายอยใู่ นสภาพแวดลอ้ มที่มี อุณหภมู ติ ้่า ร่างกายจะปรบั สมดุลของอุณหภมู ิใน รา่ งกายโดยกระตนุ้ ใหส้ มองส่วนไฮโพทาลามสั เพ่ิม อตั ราการเผาผลาญภายในเซลล์ หลอดเลือดบรเิ วณ ผวิ หนงั จะหดตัว ตอ่ มเหง่อื หยุดการสร้างเหงือ่ กลา้ มเนอื ยึดเส้นขนบรเิ วณผวิ หนงั หดตวั ดึงเส้นขน บรเิ วณผิวหนงั ให้ตงั ขึน เรียกวา่ ขนลกุ อากาศจะไม่ ผา่ นผิวหนงั เข้าสรู่ ่างกาย ชว่ ยลดการถา่ ยเทความ ร้อนในร่างกายออกสสู่ ิ่งแวดลอ้ มได้มากขึน

06 การรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ริ ่างกาย

ช่อื หอ้ ง

ช่อื ของนกั เรยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook