Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 ระบบนิเวศและการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2

หน่วยที่ 4 ระบบนิเวศและการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2

Published by zest.d, 2019-09-27 05:37:45

Description: หน่วยที่ 4 ระบบนิเวศและการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต2

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 4 ระบบนเิ วศ และการรกั ษาดลุ ภาพ ของสง่ิ มชี วี ติ ALLPPT.com _ Free PowerPoint Templates, Diagrams and Charts

01 ความหมายของระบบนเิ วศ 02 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ิตในระบบนเิ วศ 03 การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ 04 การรักษาดลุ ยภาพของนา้ 05 การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย 06 การรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ริ า่ งกาย

01 ความหมายของระบบนเิ วศ หมายถึง ระบบความสัมพนั ธ์ ระหว่างกล่มุ สง่ิ มีชีวติ และกลุ่ม ส่ิงมีชวี ติ กับสิง่ แวดลอ้ มในแหลง่ ที่ อย่บู ริเวณหน่ึงทม่ี ีอาณาเขตแน่นอน

02 ความหมายของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.1 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี วี ิตชนดิ เดยี วกนั ผลดีของการรวมกลมุ่ หรอื ฝงู มดี งั นี 1. ลดอันตรายจากการลา่ ของศัตรู 2. ชว่ ยจัดระบบภายในกลุ่ม 3. ช่วยเพ่ิมโอกาสในการผสมพันธ์กนั ผลเสียของการรวมกล่มุ เนอ่ื งจากสัตว์ชนดิ เดียวกนั ตอ้ งการปจั จยั คล้ายกนั ผลเสยี เชน่ อาหารไมเ่ พียงพอ

02 ความหมายของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั การจดั แบ่งความสมั พันธข์ องส่งิ มีชีวติ ต่าง ชนดิ กนั ได้ ดังนี เมือ่ + หมายถงึ การได้ประโยชน์ - หมายถงึ การเสยี ประโยชน์ 0 หมายถงึ ไมไ่ ดแ้ ละไม่เสียประโยชน์

02 ความหมายของสิ่งมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพง่ึ พา (Mutualism +/+) เปน็ ความสัมพันธข์ องสิง่ มีชีวิต 2 ชนิดที่อยู่ ร่วมกนั เปน็ ระยะเวลานานจนไมส่ ามารถแยกออก จากกันได้ โดยท่ีทงั สองฝา่ ยต่างได้ประโยชนซ์ ึง่ กัน และกัน เช่น

02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพ่งึ พา (Mutualism +/+) - ไมคอรไ์ รซา (Mycorrhiza) เปน็ การอยู่ รว่ มกนั ระหว่างรากับรากพืช โดยพชื จะทา้ หน้าที่ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงและสร้างอาหารใหร้ าเพอื่ ใชใ้ น การเจรญิ เตบิ โต นอกจากนยี งั เปน็ ท่อี ยอู่ าศยั ใหแ้ ก่ รา สว่ นรานนั จะมโี ครงสร้างทีเ่ ป็นเสน้ ใย เรียกวา่ ไฮฟา (Hyphae) ท้าหน้าท่ีคอยหาแรธ่ าตอุ าหาร จากดินท่ีใชใ้ นการเจริญเตบิ โตของพืช นอกจากนีรา ยังใหค้ วามชนื แก่รากพืชอีกด้วย

02 ความหมายของสง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพึ่งพา (Mutualism +/+) - โปรโตซวั (Trichonympha sp.) ในล้าไส้ ปลวก ภายในโปรโตซวั จะมีแบคทีเรียที่สามารถสร้าง เอนไซม์เซลลเู ลส (Cellulase) ที่สามารถย่อยไมใ้ ห้ ปลวก ส่วนปลวกจะให้ท่อี ย่อู าศยั และอาหาร ซงึ่ ก็ คือ เซลลูโลส แกโ่ ปรโตซวั

02 ความหมายของสิ่งมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.1 ภาวะพ่งึ พา (Mutualism +/+) - ไลเคนส์ (Lichens) เปน็ สิ่งมีชวี ิต 2 ชนิด คือ ราและสาหร่าย ทม่ี าอาศัยอยู่ดว้ ยกัน โดยที่รา จะใหค้ วามชืนแกส่ าหร่าย สว่ นสาหรา่ ยสามารถ สงั เคราะหด์ ้วยแสงและสรา้ งอาหารให้แก่ราได้

รปู ท่ี 1 รูปภาพไลเคนในภาวะพ่งึ พาอาศยั กนั

02 ความหมายของส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกัน (Protocooperati on +/+) เปน็ ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี วี ติ 2 ชนดิ ท่อี ยรู่ ่วมกัน โดยที่ตา่ งฝ่ายต่างไดป้ ระโยชนซ์ ง่ึ กนั และกนั แต่ สามารถแยกออกจากกนั เช่น

02 ความหมายของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั (Protocooperati on +/+) - นกเอยี งกบั ควาย นกเอยี งจะกนิ ปรสติ เช่น เหบ็ ไร ที่อยบู่ นตัวควาย ซึ่งควายจะได้ ประโยชน์เนือ่ งจากปรสิตท่กี อ่ ความรา้ คาญถกู กา้ จัด ขณะเดียวกันนกเอียงกจ็ ะไดร้ บั อาหารจากการกนิ เหบ็ ไร ทอ่ี ยู่บนตัวควาย

02 ความหมายของสิ่งมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั (Protocooperati on +/+) - มดดา้ กบั เพลยี มดน้าจะน้าไขข่ องเพลียไป ไวใ้ นรงั บนตน้ ไม้ เพอ่ื ใหค้ วามอบอนุ่ และฟกั ออกมา เปน็ ตัว เม่ือถงึ เวลาออกหาอาหาร มดดา้ จะนา้ เพลยี ไปดว้ ย เพ่อื ให้เพลยี ใช้ปากเจาะและดดู น้าหวานจาก ตน้ ไมแ้ ลว้ ปล่อยใหน้ ้าหวานไหลออกมา ซึง่ ท้าให้มด ด้าไดอ้ าหารจากเพลยี อกี ทอดหนง่ึ

02 ความหมายของสิ่งมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.2 ภาวะไดป้ ระโยชนร์ ่วมกนั (Protocooperati on +/+) - แมลงกับดอกไม้ แมลงจะไดก้ ินนา้ หวาน จากดอกไม้เป็นอาหาร สว่ นดอกไม้จะไดแ้ มลงช่วย ในการผสมเกสร

รปู ท่ี 2 รปู ภาพแมลงและดอกไมใ้ นภาวะได้ ประโยชนร์ ่วมกัน

02 ความหมายของสง่ิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.3 ภาวะองิ อาศยั หรอื ภาวะเกอื กลู (Commensal ism +/0) เป็นความสมั พันธ์ของส่งิ มีชีวิต 2 ชนดิ ที่อยู่ ร่วมกัน โดยท่ีฝา่ ยหน่ึงไดร้ บั ประโยชน์ สว่ นอกี ฝา่ ย ไม่ไดแ้ ละไม่เสียประโยชน์ใด ๆ เชน่ - ปลาฉลามกบั เหาฉลาม เหาฉลามจะคอยยึดเกาะ กบั ปลาฉลามเพ่ือจะไดร้ ับเศษอาหารทีป่ ลาฉลามกนิ ไมห่ มด แต่กไ็ มไ่ ดส้ ่งผลเสยี ตวั ปลาฉลาม

02 ความหมายของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.3 ภาวะองิ อาศยั หรือภาวะเกอื กลู (Commensal ism +/0) - นกกบั ตน้ ไมใ้ หญ่ นกจะฃท้ารังบนตน้ ไม้ ใหญ่ ทา้ ใหไ้ ดท้ ี่อยู่อาศัย สว่ นตน้ ไมน้ ันไมเ่ สยี ประโยชน์ - พชื องิ อาศัย (Epiphyte) เชน่ กระเช้าสดี า เฟริ ์น จะเกาะอย่บู นตน้ ไมเ้ พอ่ื ใชเ้ ป็น แหลง่ ทอ่ี ยู่อาศยั โดยทตี่ ้นไมไ้ มไ่ ดป้ ระโยชน์ แต่ก็ไม่ เสยี ประโยชนใ์ ด ๆ

รปู ท่ี 3 รปู ภาพเฟริ ์นและต้นไม้ใหญใ่ นภาวะองิ อาศัยกนั

02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) เปน็ ความสมั พันธ์ของส่งิ มชี ีวิต 2 ชนิดที่อยู่ ร่วมกนั โดยที่จะมีฝ่ายหนง่ึ เสยี ประโยชน์จากการ เป็นผู้ถูกอาศัย เรียกว่า โฮสต์ (Host) และจะมีอกี ฝ่ายหน่งึ ท่ีไดป้ ระโยชน์จากการไปอาศยั อย่กู ับโฮสต์ เรียกฝ่ายท่ไี ดป้ ระโยชน์ว่า ปรสิต (Parasite) ปรสติ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื

02 ความหมายของสิง่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) 1. ปรสติ ภายใน (Endoparasite) เชน่ แบคทเี รยี พยาธิตา่ ง ๆ 2. ปรสิตภายนอก (Ectoparasite) เช่น ปลงิ เหบ็ หมัด ยุง

รปู ท่ี 4 รูปภาพเหบ็ กับมนษุ ยใ์ นภาวะปรสติ

02 ความหมายของสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) 3. ปรสิตในเซลล์ (Intracellular parasite) เช่น ไวรัส

02 ความหมายของสิ่งมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.4 ภาวะปรสติ (Parasitism +/-) ตัวอย่างของส่งิ มีชวี ติ ในภาวะปรสิต ได้แก่ - พยาธทิ ่ีอยใู่ นรา่ งกายมนุษยห์ รอื สตั ว์ - กาฝากกบั ต้นมะมว่ ง รากของกาฝากจะ ชอนไชไปจนถงึ ท่อน้าและทอ่ อาหารของตน้ มะม่วง จากนันกาฝากจะดูดน้าและอาหารจากต้นมะมว่ งท่ี มนั ไปอาศัยอยู่ ส่งผลให้นา้ และอาหารไมเ่ พยี งพอ ส้าหรับใช้ในการเจรญิ เติบโตของตน้ มะม่วง

รปู ท่ี 5 รปู ภาพกาฝากบนตน้ มะมว่ งในภาวะ ปรสติ

02 ความหมายของส่ิงมชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.5 ภาวะลา่ เหยอื่ (Predation +/-) เปน็ ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี วี ติ 2 ชนิดทอ่ี ยู่ ร่วมกัน โดยฝ่ายทเ่ี ป็นผลู้ ่า (Predator) จะเป็นฝ่าย ไดร้ บั ประโยชน์ ส่วนผูถ้ กู ลา่ หรอื เหยือ่ (Prey) จะ เป็นฝา่ ยเสียประโยชน์

รปู ท่ี 6 รปู ภาพเสอื ดาวและกวางในภาวะล่า เหยื่อ

02 ความหมายของส่งิ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.6 ภาวะแขง่ ขนั (Competition -/- ) เนอ่ื งจากทงั สองฝา่ ยจ้าเป็นตอ้ งใช้ ทรพั ยากรเดยี วกนั ในการด้าเนนิ ชีวติ จึงท้าใหภ้ าวะ แกง่ แยง่ เป็นความสัมพันธ์ของส่ิงมชี วี ิต 2 ชนดิ ที่ อยู่รว่ มกันโดยตอ้ งแขง่ ขนั เพอ่ื ใหไ้ ด้แหล่งทรัพยากร นันมาเป็นของตน ซง่ึ ส่งผลเสียแกท่ งั สองฝ่าย สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 แบบ คอื

02 ความหมายของสิง่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตา่ งชนดิ กนั 2.2.6 ภาวะแขง่ ขนั (Competition -/- ) 1. การแขง่ ขนั ระหวา่ งสงิ่ มชี วี ติ ชนดิ เดยี วกนั (Intraspecies competition) เชน่ ฝูงหมาปา่ แยง่ อาหารกนั สิงโตต่อสู้กนั เพื่อครอบครองอาณา เขต 2. การแขง่ ขนั ระหวา่ งสง่ิ มชี วี ติ คนละชนดิ (I nterspecific competition) เช่น เสอื และสงิ โต ต่อส้กู ันเพ่ือแย่งอาหาร

รปู ท่ี 7 รูปภาพเสอื และสงิ โตในภาวะแขง่ ขนั

02 ความหมายของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.7 ภาวะหลง่ั สารยบั ยงั การเจรญิ (Antibiosis 0/- ) การอยรู่ ว่ มกันของสงิ่ มีชีวติ ทฝ่ี า่ ยหนงึ่ ฝา่ ย ใดหลั่งสารมา ยับยงั การเจริญของอกี ฝ่าย เชน่ รา เพนซิ ิเลยี ม (penicillum sp.) หลั่งสารออกมาห้าม การเจรญิ เติบโต ในแบคทีเรีย

รปู ท่ี 8 ราในภาวะหลั่งสารยบั ยังการเจรญิ

02 ความหมายของสงิ่ มชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี ีวติ ต่างชนดิ กนั 2.2.8 ภาวะมีการยอ่ ยสลาย (Saprophytism) ใช้ สัญลกั ษณ์ +/0 การอยู่ร่วมกันของส่งิ มีชวี ติ โดยมีสิง่ มีชีวติ อยกู่ บั ส่งิ มีชวี ติ ท่ี ตายแล้ว ส่ิงมีชีวติ พวกนี ไดแ้ ก่ เห็ด รา แบคทเี รยี สง่ิ มชี ีวิตท่ี ดา้ รงชีวิตแบบนี เรียกว่า ผยู้ อ่ ยสลายอินทรยี สาร (Decomposer)

รปู ที่ 9 เหด็ และซากไม้ของภาวะมกี ารย่อย สลาย

02 ความหมายของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ 2.2 ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี วี ติ ต่างชนดิ กนั 2.2.9 ภาวะเปน็ กลาง (Neutralism 0/0) ความสัมพันธ์ระหวา่ งส่งิ มีชีวิตท่ไี มม่ ีผลอะไร ตอ่ กัน ต่างฝ่ายต่างไม่ไดร้ ับประโยชน์และไมเ่ สีย ประโยชน์

รปู ท่ี 10 รปู ภาพสนุ ัขและดอกไม้ของภาวะเป็น กลาง

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ หว่ งโซอ่ าหาร (Food chain) คืออะไร ห่วงโซอ่ าหาร คอื การถา่ ยทอดพลงั งาน ของสิง่ มชี วี ติ เปน็ ทอด ๆ เปน็ ความสมั พนั ธ์ของ สง่ิ มชี ีวติ ท่มี ีการบรโิ ภคตอ่ ๆ กันจากผผู้ ลติ สผู่ ้บู ริโภค ในห่วงโซอ่ าหารประกอบไปด้วยทงั ผผู้ ลิต ผู้บริโภค และผ้ยู ่อยสลาย

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ รูปที่ 11 รูปภาพแสดงการถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลังงานในรปู ของการบริโภคยงิ่ มี ขันลา้ ดบั การบรโิ ภคนอ้ ยยิ่งได้รบั พลังงานสูง เพราะแตล่ ะ ระดบั ขันการบริโภคจะมีการสูญเสยี พลงั งานในรปู ของ พลังงานความรอ้ น และพลงั งานส่วนท่สี ญู เสียเป็น พลังงานท่ีไร้ประโยชน์ เรยี กว่า เอนโทรปี (Entropy ) ซึง่ จากการค้านวณของนกั ชวี วิทยา พบวา่ ผู้บรโิ ภคจะ ได้รบั พลงั งานเพยี ง 1 ส่วนจากการบรโิ ภคผู้ถกู บริโภค 1 0 ส่วน ซ่ึงเรียกลักษณะการถ่ายทอดพลังงานนีว่า กฎ 10% (Ten percent Law) คอื พลังงานทส่ี ะสมอยใู่ น ผูบ้ รโิ ภค แต่ละล้าดบั จะน้อยกวา่ พลงั งานท่ีสะสมให้ ผบู้ รโิ ภคในล้าดบั ถดั ไปลดลงประมาณ 10 เทา่ เช่น

03 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ รูปที่ 12 รูปภาพแสดงการถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ

04 การรกั ษาดลุ ยภาพของนา้ น้าเป็นองคป์ ระกอบที่ส้าคญั ของส่ิงมีชีวิต สิง่ มชี วี ติ แต่ละชนดิ จะมีปริมาณน้าในรา่ งกาย แตกต่างกันจะมีน้าประมาณ 40-95% ของนา้ หนกั ตัว และมอี ย่ใู นเนอื เย่ือต่างๆไมเ่ ท่ากัน เชน่ ในฟนั มี นา้ 10% ในสมองมนี ้า 95% ถ้าร่างกายเกิดการ สูญเสียน้าเพยี ง 20% จะมีอนั ตรายถงึ ชีวติ ร่างกาย สามารถสูญเสียโปรตีนได้ 50% หรือไขมนั 100% ก็ สามารถมชี วี ติ อยไู่ ด้

05 การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย ความเป็นกรดเบสมคี วามเกี่ยวข้องกับการ หายใจ ในการหายใจมแี ก๊สท่เี กย่ี วขอ้ ง 2 ชนดิ คอื แก๊สออกซเิ จน และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซน์ แก๊ส ทงั 2 ชนิดนีมีปริมาณไมเ่ ทา่ กันในขณะทรี่ า่ งกาย ท้างานตา่ งกนั เชน่ เมอ่ื เราท้างาน หรอื ออกกา้ ลัง กาย จะทา้ ให้ร่างกายมแี กส๊ คารบ์ อนไดออกไซนใ์ น เลอื ดสงู กว่าปกติ

05 การรกั ษาดุลยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย รูปท่ี 13 รูปภาพแสดงปฏิกริ ิยาการรักษาดลุ ภาพกรดเบสใน รา่ งกาย

05 การรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย รูปท่ี 14 รปู ภาพแสดงกระบวนการรกั ษาดลุ ยภาพของกรดเบสในรา่ งกาย

06 การรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ริ า่ งกาย อณุ หภูมจิ ะสง่ ผลตอ่ การทา้ งานของเอนไซมใ์ น ร่างกาย โดยอณุ หภมู ทิ ่สี ูงกว่าปกติจะท้าลายเอนไซม์ได้ และอณุ หภมู ทิ ต่ี ้่าเอนไซมก์ จ็ ะทา้ งานได้ช้าลง ใน สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสงู รา่ งกายจะปรับดลุ ยภาพ ของอุณหภมู ใิ นร่างกาย โดยการกระตุ้นสมองสว่ นไฮโพทา ลามสั ให้ลดอตั ราการเผาผลาญอาหารภายในเซลล์เพื่อลด อณุ หภมู ิของเลอื ด หลอดเลือดบรเิ วณผิวหนงั จะขยายตวั ตอ่ มเหงื่อผลิตเหง่อื ใหร้ ะบายออกสูส่ ่ิงแวดลอ้ มมากขึน กลา้ มเนอื ยึดเสน้ ขนบริเวณผิวหนังจะคลายตวั เสน้ ขนท่ี ผวิ หนงั จะเอนราบ ช่วยให้สามารถถ่ายเทความร้อนใน ร่างกายออกสู่ส่งิ แวดลอ้ มภายนอกได้มากขนึ

06 การรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ิร่างกาย แต่หากรา่ งกายอยใู่ นสภาพแวดลอ้ มท่มี ี อณุ หภมู ติ ้่า ร่างกายจะปรับสมดุลของอณุ หภูมิใน รา่ งกายโดยกระตนุ้ ให้สมองส่วนไฮโพทาลามัสเพ่มิ อตั ราการเผาผลาญภายในเซลล์ หลอดเลือดบรเิ วณ ผิวหนังจะหดตัว ต่อมเหงอ่ื หยุดการสร้างเหงือ่ กล้ามเนอื ยึดเสน้ ขนบรเิ วณผิวหนงั หดตวั ดงึ เสน้ ขน บรเิ วณผวิ หนงั ใหต้ ังขึน เรียกวา่ ขนลกุ อากาศจะไม่ ผ่านผวิ หนงั เข้าสู่รา่ งกาย ช่วยลดการถ่ายเทความ ร้อนในร่างกายออกสสู่ ิง่ แวดลอ้ มได้มากขนึ

06 การรักษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ริ า่ งกาย รูปที่ 15 รูปภาพแสดงการรักษาอณุ หภูมิของรา่ งกาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook