0
1 บทท่ี ๑ บทนำ หลกั การและเหตุผล การลอยกระทง เปน็ ประเพณที ม่ี มี าแต่โบราณ แต่ไมป่ รากฏหลกั ฐานแนช่ ดั ว่า ปฏิบัติกัน มาแตเ่ ม่ือไร เพยี งแต่ทอ้ งถ่นิ แตล่ ะแห่ง กจ็ ะมีจดุ ประสงคแ์ ละความเชอื่ ในการลอยกระทงแตกตา่ ง กันไป เช่น ในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ก็จะเป็นการบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชน้ั ดาวดงึ ส์, เปน็ บชู ารอยพระพทุ ธบาท ณ หาดทรายริมฝงั่ แม่น้ำนมั มทา ซึง่ ปัจจุบนั คือแม่น้ำเนรพุท ทาในอินเดีย หรือต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งไปโปรดพระพุทธ มารดา โรงเรียนเป็นสถานที่ให้ความรู้ทั้งทางด้านวิชาการและวิถีการดำเนินชีวิตให้แก่นักเรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนกล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งดีมีประโยชน์ตลอดจนการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมแก่ผู้เรียนควบคู่ไปด้วยเพื่อให้นักเรียนได้รู้ประวัติความสำคัญของ ประเพณีลอยกระทง และสามารถสืบทอดประเพณีสำคัญของไทย จึงได้จัดกิจกรรมลอยกระทงขึ้น เพื่อให้นักเรียน ตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีไทย ตระหนักและรู้คุณค่าความสำคัญของแม่น้ำ ลำธาร ท่ี ตนเองไดอ้ ุปโภค บรโิ ภค วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้นกั เรยี นไดเ้ รยี นรูป้ ระวัตคิ วามเปน็ มาและความสำคญั ของประเพณลี อยกระทง ๒. เพื่อใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้วตั ถปุ ระสงคข์ องการลอยกระทง ๓. เพือ่ ใหน้ กั เรยี นไดเ้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมลอยกระทงรว่ มกันกบั ทางโรงเรยี น ๔. เพื่อให้นักเรยี นไดต้ ระหนักถงึ ความสำคญั ของประเพณีไทย ๕. เพอื่ ใหน้ กั เรยี นไดต้ ระหนักและรคู้ ุณคา่ ความสำคญั ของแม่นำ้ ลำธาร ท่ีตนเองได้ อปุ โภค บริโภค เปา้ หมาย ๑. ด้านปริมาณ ในการจัดโครงการวันลอยกระทง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านพลวง (พรหมบำรงุ ราษฎร์) มผี ูเ้ ขา้ ร่วมโครงการดังนี้ นักเรียน ครแู ละบคุ ลากร เข้ารว่ มกจิ กรรม รอ้ ยละ 100 ๒. ดา้ นคณุ ภาพ - นกั เรยี นเข้ารว่ มกจิ กรรมวนั ลอยกระทง และปฏบิ ัติกิจกรรมอยา่ งถกู ต้อง เรียบรอ้ ย - นกั เรยี น มคี วามพึงพอใจ ในกจิ กรรมวนั ลอยกระทง ของโรงเรยี น
2 ผ้รู บั ผิดชอบ นางสาวกนกนาถ สุชาตสิ นุ ทร ครปู ระจำช้นั ประชากร ผ้ทู ่ีร่วมกิจกรรมวนั ลอยกระทง ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕64 ประกอบไปดว้ ย ๑. นักเรยี นโรงเรียนบ้านพลวง(พรหมบำรุงราษฎร์) ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ จำนวน 36 คน ๒. ครปู ระจำชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ จำนวน ๑ คน กิจกรรม/ระยะเวลาและสถานที่ กจิ กรรมทด่ี ำเนนิ การจัดกจิ กรรม ประเพณีลอยกระทง นอกจากจะเป็นประเพณที ี่มคี ุณค่า ในเรื่องการแสดงออก ถึงความกตัญญกู ตเวที ตอ่ ผูม้ ีพระคุณดงั ท่กี ล่าวมาแล้ว ประเพณีน้ยี งั มีคณุ คา่ ตอ่ ครอบครวั ชุมชน สงั คม และศาสนาดว้ ย เช่น ทำให้สมาชิกในครอบครัวไดใ้ ช้เวลารว่ มกัน ทำใหช้ มุ ชนได้รว่ มมอื ร่วม ใจกันจัดงาน หรือในบางท้องที่ที่มีการทำบุญ ก็ถือว่ามีส่วนช่วยสืบทอดพระศาสนา และใน หลายๆ แห่งก็ถือเป็นโอกาสดีในการรณรงคอ์ นุรักษ์สิ่งแวดล้อมในแม่น้ำลำคลองไปด้วย นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เตรียมอุปกรณ์การทำกระทงด้วยวัสดุธรรมชาติมาร่วมกันทำกระทงที่ โรงเรยี น และนำกระทงของตนเองกลบั ไปเข้าร่วมงานวนั ลอยกระทงรว่ มกันกับผปู้ กครองที่ชุมชน ของตนเอง ระยะเวลาในการดำเนินการจัดกิจกรรม ระยะเวลาในการดำเนนิ การกิจกรรมวนั ลอยกระทง คอื วนั ท่ี 19 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64 สถานท่ดี ำเนินการ ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้กำหนดสถานที่จัดกิจกรรม คือ ห้องเรียนช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรยี นบ้านพลวง(พรหมบำรุงราษฎร)์ ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั ๑. นักเรยี นได้เรยี นรปู้ ระวตั ิความเปน็ มาและความสำคัญของประเพณีลอยกระทง ๒. นักเรียนได้เรยี นรวู้ ตั ถุประสงคข์ องการลอยกระทง ๓. นกั เรียนไดเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมลอยกระทงร่วมกนั กับทางโรงเรยี น ๔. นกั เรียนได้ตระหนักถึงความสำคัญของประเพณไี ทย ๕. นกั เรยี นไดต้ ระหนกั และรคู้ ณุ ค่าความสำคัญของแม่น้ำ ลำธาร ทตี่ นเองไดอ้ ุปโภค บริโภค
3 บทท่ี ๒ เอกสารท่เี กี่ยวขอ้ ง ประเพณีลอยกระทง วันลอยกระทง ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ส่วนปฏิทินจันทรคติล้านนา วันลอยกระทงมักจะตกอยู่ในราวเดือน พฤศจิกายน ส่วนปฏิทินสุริยคติในบางปี เทศกาลลอยกระทงก็มักจะตรงกับเดือน ตลุ าคม อย่างเช่นเม่อื ปี พ.ศ. 2544 ทม่ี ีวนั ลอยกระทงตรงกบั วนั ที่ 31 ตลุ าคมและจะวนกลบั มา ตรงในวนั เดียวกนั นอ้ี ีกคร้ังเม่ือถงึ ปี พ.ศ. 2563 เทศกาลลอยกระทง เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อ พระแมค่ งคา โดยจากการค้นพบในบางหลกั ฐานพบว่า การลอยกระทงเปน็ การบชู ารอยพระพุทธ บาทท่รี มิ ฝั่งแมน่ ำ้ นัมทามหานที แตอ่ กี หลักฐานหนึง่ กก็ ล่าววา่ การลอยกระทงเปน็ การบชู าพระอปุ คุตอรหันต์ หรือพระมหาสาวก สำหรับในประเทศไทย ได้จัดให้มีประเพณลี อยกระทงในทุกพ้นื ที่ โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์และ ความน่าสนใจท่ีเฉพาะตัวแตกตา่ งกันไป นอกจากน้ี ในบางประเทศกม็ กี ารจัดเทศกาลลอยกระทง เช่นกัน ไม่ว่าจะเปน็ • ประเทศลาว มักจะลอยกระทงกันในวันออกษา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ในงานไหลเรือ ไฟของลาว • ประเทศกัมพูชา จะมีการลอยกระทงด้วยกันถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกจะลอยกระทงของหลวง กลางเดือน 11 ส่วนประชาชนทั่วไปก็จะทำกระทงเล็กและบรรจุอาหารไปด้วย ครั้งที่สอง จะเป็นช่วงกลางเดือน 12 หลวงจะทำกระทงใหญ่ ส่วนประชาชนจะไม่ไดท้ ำกระทงเหมือน ในคร้ังแรก แตจ่ ะมกี ารเตรยี มอาหารเพอ่ื บรรจุลงไปในกระทงใหญด่ ้วย โดยเช่อื กันวา่ จะเปน็ การส่งส่วนบญุ ไปให้เปรต มเี ทศกาลน้ำทจี่ ดั ใหม้ ีการแข่งเรอื ยาว การแสดงพลุ ดอกไม้ไฟ ซ่ึง จะจดั ข้นึ ทุกปีตง้ั แต่วันขึน้ 14 คำ่ 15 ค่ำ จนถึงแรม 1 คำ่ ในเดอื นพฤศจิกายน • ประเทศเมียนมาร์ เมื่อถึงวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำกระทงที่ตกแต่งเป็นรูปคล้ายกบั ดอกบัวบาน ปักธูป เทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในน้ำ (หากพืน้ ทีน่ ั้นติดทะเล ก็จะนยิ มลอยกระทงกันริมฝั่งทะเล) โดยเชือ่ กนั วา่ จะเปน็ การลอยเคราะหไ์ ป นอกจากนี้ยงั เชือ่ ว่าการลอยกระทงยงั เปน็ การบูชาและขอขมา พระแม่คงคาอกี ด้วย
4 ประวัตวิ ันลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีโบราณของอินเดียที่ประเทศไทยรับเข้ามาปฏิบัติ แต่ ไม่มีปรากฏหลักฐานแนช่ ัดเจนว่าเริ่มปฏิบัติกันมาตั้งแต่เมือ่ ไหร่ โดยจากข้อมูลบางส่วนที่ปรากฏ ได้ระบุไว้ว่ามีมาตั้งแต่เมื่อครั้ง สุโขทัย เป็นราชธานี โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ได้ทรงสันนิษฐานว่า เดิมทีประเพณีนี้จะเป็นพิธีของพราหมณ์ที่กระทำเพ่ือบูชาพระผู้ เป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้ยึดถือตามแนวทาง พระพุทธศาสนา โดยมีการชักโคมเพือ่ บชู าพระบรมสารีริกธาตุพระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ และมี การลอยโคมเพอื่ บูชารอยพระพทุ ธบาทท่ีประดษิ ฐาน ณ หาดทรายแม่นำ้ นัมทา (แม่น้ำนมั ทา เปน็ แม่น้ำที่อยูค่ ู่ขนานกับทิวเขาวินธัยท่ีไหลลงสู่ภาคตะวันตกของอนิ เดีย แม่น้ำแห่งนีเ้ ป็นตัวแบง่ เขต อนิ เดยี ออกเป็นภาคเหนอื และภาคใต)้ จากตำนานที่หาหลกั ฐานยืนยันมิไดไ้ ด้กล่าวเอาไว้ว่า ในรชั สมัยของพ่อขุนรามคำแหง มี นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เดิมเรียกพิธี จองเปรียง มีการลอยประทีป จากนั้นนางนพมาศนำดอกโคทมซึ่งเป็นดอกบัวบานเฉพาะวันเพ็ญ เดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป ดังปรากฏให้เห็นในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ที่กล่าวถึงพระ ดำรัสของพระร่วงว่า “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนด นักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปอดกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัม มทานทีตราบเท่ากลั ปาวสาน” ในปัจจุบันมีหลักฐานว่า ประเพณีลอยกระทง ไม่น่าจะมีความเก่าแก่กว่าสมัย รัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจติ กรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรชั การที่ 1 ตอ่ มาในสมัยรัชกาลท่ี 2 ไดม้ กี ารเปล่ยี นแปลงการทำกระทงจากดอกบวั มาเปน็ ต้นกล้วย เนื่องจากว่าดอกบัวเป็นวัตถุดิบที่หายากและมีน้อยเลยใช้ต้นกล้วยมาทำเป็นกระทงทดแทน แต่ เมื่อดูๆ แล้วยังขาดความสวยงาม จึงนำใบตองมาพับเป็นกลีบคล้ายดอกบัวเพื่อตกจนเกิดความ สวยงามสืบทอดมาจนถงึ ปจั จุบนั งานลอยกระทงตามประเพณีของท้องถิน่ ภาคเหนือตอนบน มักนิยมทำโคมลอยที่เรยี กว่า ลอยโคม หรือ ว่าวฮม หรือ ว่าวควัน ทำ จากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศคล้ายกับบอลลูน ซึ่งชาวเหนือมักเรียก ประเพณีนี้ว่า ยี่เป็ง หมายถึง การทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่ (เป็นการนับวันตามแบบล้านนา ตรง กับวันเพญ็ เดอื นสบิ สองในแบบไทย) • จังหวัดเชียงใหม่ จะมีประเพณียี่เป็ง เชียงใหม่ ทุกๆ ปีจะมีการจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ตระการคา และมีการปล่อยโคมลอยขน้ึ เต็มทอ้ งฟ้า • จังหวดั ตาก จะมกี ารลอยกระทงขนาดเล็กเรียงรายกนั ไปเป็นสาย เรยี กว่า กระทงสาย • จังหวดั สุโขทัย จะมขี บวนแห่โคมชกั โคมแขวน การเลน่ พลตุ ะไล และไฟพะเนยี ง
5 ภาคอสี าน ในอดีตจะมกี ารเรียกประเพณีลอยกระทงว่า สิบสองเพ็ง หมายถึง วันเพ็ญเดือน สบิ สอง ซ่ึงจะมีเอกลกั ษณท์ ่แี ตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นฐ่ิน • จังหวัดรอ้ ยเอ็ด เปน็ ตัวแทนจดั งานลอยกระทงทใ่ี หญ่ท่ีสดุ ของภาคอสี าน มีชอ่ื งานวา่ สมมา น้ำคืนเพ็งเส็งประทีป มีความหมายตามภาษาถิ่นว่า การขอขมาพระแม่คงคาในคืนวันเพ็ญ เดือนสิบสอง ความพิเศษของงานจะมีการแสดง แสง สี เสียง ตำนานเมืองร้อยเอ็ด มีการ ตกแต่งบริเวณเกาะบึงพลาญชัยให้เป็นเกาะสวรรค์ มีขบวนกระทงอาเซียน มีการประกวด กระทงประทีปใหญ่ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีการประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ การประกวดขบวนแห่กระทงประทีป 12 หัวเมือง ตามตำนานเมืองร้อยเอ็ด การประกวดรำวงสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีป การประกวดธิดา สาเกตนครและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดยังได้รับโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่ทรงพระราชทานพระ ประทีปส่วนพระองคร์ ว่ มลงลอยในบึงพลาญชยั ทกุ ปี ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2542 • จังหวัดสกลนคร ในอดีต จะมีการลอยกระทงจากกาบกล้วยที่มีลักษณะคล้ายกับการทำ ปราสาทผึ้งโบราณ โดยเรียกชื่องานว่า เทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน สิบสองเพ็ง ไทสกล ภาคกลาง จะมีการจัดประเพณีลอยกระทงขึ้นทัว่ ทกุ จังหวัด • กรุงเทพมหานคร จะมีงานภูเขาทอง จัดขึ้นที่วัดสระเกตุ มีลักษณะเป็นงานวัด มักจะเฉลิม ฉลองราว 7 – 10 วันก่อนงานลอยกระทง และงานจะสิน้ สุดลงในชว่ งหลังวันลอยกระทง • จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีการจัดงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ บริเวณอุทยานประวตั ิศาสตรพ์ ระนครศรอี ยุธยา ภายในงานจะมีการแสดงแสง สี เสยี งอยา่ ง งดงามตระการตา ภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จะมีการจัดงานอยา่ งย่ิงใหญ่ นอกจากน้นั ใน จังหวดั อนื่ ๆ ก็จะมกี ารจดั งานลอยกระทงด้วยเช่นกนั นอกจากนี้ ในแต่ละท้องถิ่นก็ยังอาจจะมีประเพณีลอยกระทงที่แตกต่างกัน และสืบทอดต่อกัน เรอื่ ยมาจนถงึ ปจั จบุ นั วัตถปุ ระสงคข์ องวันลอยกระทง นอกจากนี้ ลอยกระทง ก็ยังมีวัตถุประสงค์ เพื่อบูชาพระอุปคุตเถระที่บำเพ็ญบริกรรม คาถาในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล บางแห่งก็ลอยกระทง เพื่อบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของ ตน บางแห่งกเ็ พอื่ แสดงความขอบคุณพระแมค่ งคา ซึง่ เปน็ แหล่งน้ำใหม้ นุษย์ไดใ้ ช้ประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งขอขมาท่ไี ด้ท้งิ สิ่งปฏิกูลลงไป สว่ นบางท้องที่ ก็จะทำเพือ่ ระลึกถงึ บรรพบรุ ุษท่ีล่วงลับ หรือ
6 เพ่ือสะเดาะเคราะห์ ลอยทุกขโ์ ศกโรคภัยต่างๆ และสว่ นใหญก่ จ็ ะอธษิ ฐานขอสิ่งท่ีตนปรารถนาไป ดว้ ย พระยาอนุมานราชธน ได้สันนิษฐานว่า ต้นเหตุแห่งการลอยกระทง อาจมีมูลฐานเป็นไป ได้ว่า การลอยกระทงเป็นคติของชนชาติที่ประกอบกสิกรรม ซึ่งต้องอาศัยน้ำเป็นสำคัญ เมื่อพืช พนั ธ์ุธญั ชาติงอกงามดี และเปน็ เวลาทีน่ ำ้ เจิง่ นองพอดี กท็ ำกระทงลอยไปตามกระแสน้ำไหล เพ่ือ ขอบคุณแม่คงคา หรือเทพเจ้าที่ประทานน้ำมาให้ความอุดมสมบูรณ์ เหตุนี้ จึงได้ลอยกระทงใน ฤดูกาลน้ำมาก และเมือ่ เสร็จแล้ว จงึ เล่นร่นื เรงิ ด้วยความยินดี เทา่ กับเป็นการสมโภชการงานท่ีได้ กระทำว่า ได้ลุล่วงและรอดมาจนเห็นผลแล้ว ท่านว่าการที่ชาวบ้านบอกว่า การลอยกระทงเป็น การขอขมาลาโทษ และขอบคุณต่อแม่คงคา ก็คงมีเคา้ ในทำนองเดยี วกบั การท่ีชาตติ ่างๆ แตด่ ึกดำ บรรพ์ได้แสดงความยินดี ท่ีพชื ผลเก็บเก่ียวได้ จงึ ไดน้ ำผลผลิตแรกที่ได้ ไปบูชาเทพเจ้าท่ีตนนับถือ เพอ่ื ขอบคุณที่บันดาลใหก้ ารเพาะปลูกของตนไดผ้ ลดี รวมท้ังเล้ียงดูผีท่อี ดอยาก และการเซน่ สรวง บรรพบรุ ุษท่ลี ว่ งลบั เสร็จแลว้ กม็ ีการสมโภชเล้ยี งดูกนั เอง ต่อมาเม่อื มนษุ ย์มคี วามเจริญแลว้ การวิตกทุกขร์ ้อน เรื่องเพาะปลูกว่าจะไมไ่ ดผ้ ลก็นอ้ ยลงไป แต่ก็ ยงั ทำการบวงสรวง ตามท่เี คยทำมาจนเปน็ ประเพณี เพยี งแต่ตา่ งก็แกใ้ ห้เข้ากบั คติลัทธทิ างศาสนา ที่ตนนบั ถือ เชน่ มีการทำบุญสนุ ทานเพมิ่ ขึ้นในทางพทุ ธศาสนา เปน็ ตน้ แต่ทสี่ ุด ก็คงเหลอื แต่การ เลน่ สนุกสนานรืน่ เรงิ กันเปน็ ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ด้วยเหตดุ ังกลา่ วขา้ งต้น การลอยกระทงจึงมีอยู่ ในชาติต่างๆทั่วไป และการที่ไปลอยน้ำ ก็คงเป็นความรู้สึกทางจิตวิทยา ที่มนุษย์โดยธรรมดา มักจะเอาอะไรทิง้ ไปในน้ำใหม้ ันลอยไป ทำไมกระทงสว่ นใหญ่เป็นรูปดอกบัว ในหนงั สอื ตำรบั ท้าวศรีจฬุ าลกั ษณ์ หรอื ตำนานนางนพมาศ ซึ่งเป็นพระสนมเอก ของพระ มหาธรรมราชาลิไทยหรือพระร่วง แห่งกรุงสุโขทัย ได้กล่าวถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองว่า เป็นเวลา เสด็จประพาสลำน้ำ ตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน และได้มีรับสั่งให้บรรดาพระสนมนางใน ทั้งหลาย ตกแต่งกระทงประดับดอกไม้ธูปเทียน นำไปลอยน้ำหน้าพระที่นั่ง ในคราวนั้น ท้าวศรี จฬุ าลกั ษณ์ หรอื นางนพมาศพระสนมเอก ก็ได้คดิ ประดษิ ฐ์กระทงเปน็ รปู ดอกบวั กมุทขึ้น ดว้ ยเหน็ วา่ เป็นดอกบัวพเิ ศษ ทบ่ี านในเวลากลางคืนเพยี งปลี ะคร้งั ในวันดังกล่าว สมควรทำเป็นกระทงแต่ง ประทีป ลอยไปถวายสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเมื่อพระร่วงเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็น ก็รับสัง่ ถามถึงความหมาย นางก็ได้ทูลอธิบายจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระองค์จึงมีพระราชดำรัส ว่า \"แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำดับ กษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญ เดือน 12 ให้นำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที ตราบเท่า กลั ปาวสาน\" ด้วยเหตุน้ี เราจึงเหน็ โคมลอยรูปดอกบวั ปรากฏมาจนปัจจบุ ัน
7 ตำนานและความเชือ่ วันลอยกระทง จากที่กล่าวมาข้างต้นวา่ การลอยกระทง ในแต่ละท้องที่กม็ าจากความเชื่อ ความศรัทธา ท่ีแตกตา่ งกัน บางแห่งกม็ ตี ำนานเล่าขานกนั ตอ่ ๆมา ซง่ึ จะยกตัวอย่างบางเร่อื งมาใหท้ ราบ ดงั น้ี เรื่องแรก วา่ กันว่าการลอยกระทง มีตน้ กำเนดิ มาจากศาสนาพุทธนั่นเอง กล่าวคือก่อนท่ี พระพุทธองค์จะตรัสรู้ เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ใกล้แม่น้ำเนรญั ชรา กาลวันหนึ่ง นางสุชาดาอุบาสิกาได้ให้สาวใช้นำข้าวมธุปายาส (ข้าวกวนหุงด้วยน้ำผึ้งหรือ น้ำออ้ ย) ใสถ่ าดทองไปถวาย เมือ่ พระองคเ์ สวยหมดแล้ว ก็ทรงต้ังสัตยาธษิ ฐานวา่ ถ้าหากวนั ใดจะ สำเร็จเป็นพระพุทธเจา้ ก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำ ด้วยแรงสัตยาธิษฐาน และบุญญาภินิหาร ถาดก็ ลอยทวนนำ้ ไปจนถึงสะดอื ทะเล แลว้ กจ็ มไปถกู ขนดหางพระยานาคผู้รักษาบาดาล พระยานาคตื่นขึน้ พอเห็นว่าเป็นอะไร ก็ประกาศก้องว่า บัดนี้ไดม้ ีพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า อุบัติขึ้นในโลกอีกองค์แล้ว ครั้นแล้วเทพยดาทั้งหลายและพระยานาค ก็พากันไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้า และพระยานาคก็ได้ขอให้พระพุทธองค์ ประทับรอยพระบาทไว้บนฝั่งแม่น้ำเนรัญ ชรา เพ่ือพวกเขาจะได้ขนึ้ มาถวายสกั การะได้ พระองคก์ ท็ รงทำตาม ส่วนสาวใชก้ ็นำความไปบอก นางสุชาดา ครั้นถึงวันนั้นของทุกปี นางสุชาดาก็จะนำเครื่องหอม และดอกไม้ใส่ถาดไปลอยน้ำ เพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำเสมอมา และต่อๆ มาก็ได้กลายเป็นประเพณีลอย กระทง ตามทเ่ี หน็ กนั อยูใ่ นปัจจบุ นั ในเรื่องการประทับรอยพระบาทนี้ บางแห่งก็ว่า พญานาคได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้า ไปแสดง ธรรมเทศนาในนาคพิภพ เมื่อจะเสด็จกลับ พญานาคได้ทลู ขออนุสาวรีย์จากพระองค์ไว้บูชา พระ พุทธองค์จึงได้ทรงอธิษฐาน ประทับรอยพระบาทไว้ที่หาดทรายแม่น้ำนัมมทา และพวกนาค ทัง้ หลาย จึงพากนั บชู ารอยพระพทุ ธบาทแทนพระองค์ ตอ่ มาชาวพุทธได้ทราบเร่อื งนี้ จึงได้ทำการ บชู ารอยพระบาทสบื ต่อกนั มา โดยนำเอาเคร่อื งสักการะใส่กระทงลอยน้ำไป สว่ นทวี่ ่าลอยกระทง ในวันเพ็ญ เดอื น 11 หรอื วันออกพรรษา เพอื่ เฉลิมฉลองวนั คล้ายวันทพี่ ระพทุ ธเจ้า เสด็จกลับมา สโู่ ลกมนษุ ย์ หลังการจำพรรษา 3 เดอื น ณ สวรรค์ชั้นดาวดงึ ส์เพือ่ แสดงอภธิ รรมโปรดพทุ ธมารดา น้ัน กด็ ้วยวันดงั กล่าว เหลา่ ทวยเทพและพทุ ธบรษิ ทั พากันมารบั เสดจ็ นับไม่ถ้วน พร้อมดว้ ยเคร่อื ง สักการบูชา และเป็นวันที่พระพุทธองค์ได้เปิดให้ประชาชนได้เห็นสวรรค์ และนรกด้วยฤทธิ์ของ พระองค์ คนจึงพากันลอยกระทง เพื่อเฉลมิ ฉลองรับเสดจ็ พระพทุ ธเจ้า สำหรับคติที่ว่า การลอยกระทงตามประทีป เพื่อไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณี บนสรวง สรรคช์ น้ั ดาวดงึ สน์ น้ั กว็ า่ เปน็ เพราะตรงกับวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ออกบรรพชาทรี่ มิ ฝง่ั แม่น้ำอโน มา ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเกศโมลีขาด ลอยไปในอากาศตามที่ทรงอธิษฐาน พระอินทร์จึงนำ ผอบแก้วมาบรรจุ แล้วนำไปประดิษฐานไว้ในจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (ตามประทีป
8 คือ การจุดประทีป หรือจุดไฟในตะเกียง /โคม หรือผาง-ถ้วยดินเผาเล็กๆ) ซึ่งทางเหนือของเรา มักจะมีการปลอ่ ยโคมลอย หรอื โคมไฟทเี่ รยี กวา่ วา่ วไฟ ขึ้นไปในอากาศเพื่อบชู าพระเกศแก้วจุฬา มณีด้วย เรื่องที่สอง ตามตำราพรหมณ์คณาจารย์กล่าวว่า พิธีลอยประทีปหรือตามประทีปนี้ แต่ เดิมเป็นพิธีทางศาสนาพราหมณ์ ทำขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าทั้งสามคือ พระอิศวร พระนารายณ์และ พระพรหม เป็นประเภทคู่กับลอยกระทง ก่อนจะลอยก็ต้องมีการตามประทีปก่อน ซึ่งตามคัมภีร์ โบราณอินเดียเรียกว่า “ทีปาวลี” โดยกำหนดทางโหราศาสตร์ว่า เมื่อพระอาทิตย์ถึงราศีพิจิก พระจันทร์อย่รู าศพี ฤกษเ์ มอ่ื ใด เมื่อน้ันเปน็ เวลาตามประทปี และเมื่อบูชาไวค้ รบกำหนดวนั แล้ว ก็ เอาโคมไฟน้นั ไปลอยนำ้ เสีย ตอ่ มาชาวพุทธเห็นเป็นเรอ่ื งดี จึงแปลงเป็นการบชู ารอยพระพุทธบาท และการรับเสด็จพระพุทธเจ้า ดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยมักถือเอาเดือน 12 หรือเดือนยี่เป็งเป็น เกณฑ์ (ยี่เป็งคือเดือนสอง ตามการนับทางล้านนา ที่นับเดือนทางจันทรคติ เร็วกว่าภาคกลาง 2 เดือน) เรื่องที่สาม เป็นเรื่องของพม่า เล่าว่า ครั้งหนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงมีพระ ประสงค์จะสร้างเจดีย์ให้ครบ 84,000 องค์ แต่ถูกพระยามารคอยขัดขวางเสมอ พระองค์จึงไป ขอให้พระอรหันต์องค์หนึ่ง คือ พระอุปคุตช่วยเหลือ พระอุปคุตจึงไปขอร้องพระยานาคเมือง บาดาลให้ชว่ ย พระยานาครับปาก และปราบพระยามารจนสำเร็จ พระเจ้าอโศกมหาราช จึงสรา้ ง เจดีย์ได้สำเร็จสมพระประสงค์ ตั้งแต่นั้นมา เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 12 คนทั้งหลายก็จะทำพิธีลอย กระทง เพื่อบูชาคุณพระยานาค เรื่องนี้ บางแห่งก็ว่า พระยานาค ก็คือพระอุปคุตที่อยู่ที่สะดือ ทะเล และมีอิทธิฤทธิ์มาก จึงปราบมารได้ และพระอุปคุตนี้ เป็นที่นับถือของชาวพม่า และชาว พายัพของไทยมาก เรอื่ งทส่ี ี่ เกิดจากความเช่ือแตค่ รัง้ โบราณในล้านนาว่า เกิดอหิวาต์ระบาด ท่อี าณาจักรหริ ภุญชัย ทำให้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกที่ไม่ตายจึงอพยพไปอยู่เมืองสะเทิม และหงสาวดี เป็นเวลา 6 ปี บางคนกม็ คี รอบครัวอย่ทู ่นี ่นั ครั้นเมอ่ื อหวิ าต์ได้สงบลงแลว้ บางส่วนจงึ อพยพกลับ และเม่ือถงึ วนั ครบรอบที่ได้อพยพไป กไ็ ดจ้ ดั ธูปเทยี นสกั การะ พร้อมเครอ่ื งอปุ โภคบริโภคดงั กล่าว ใส่ สะเพา ( อ่านว่า “ สะ - เปา หมายถงึ สำเภาหรอื กระทง ) ล่องตามลำนำ้ เพอ่ื ระลึกถึงญาติท่ี มีอยใู่ นเมืองหงสาวดี ซง่ึ การลอยกระทงดังกลา่ ว จะทำในวนั ย่ีเพง คอื เพ็ญเดือนสิบสอง เรียกกัน ว่า การลอยโขมด แต่มิได้ทำทั่วไปในล้านนา ส่วนใหญ่เทศกาลยีเ่ พงน้ี ชาวล้านนาจะมีพิธีตั้งธัมม์ หลวง หรือการเทศน์คัมภีร์ขนาดยาวอย่างเทศน์มหาชาติ และมีการจุดประทีปโคมไฟอย่าง กวา้ งขวางมากกวา่ (การลอยกระทง ทที่ างโบราณล้านนาเรียกว่า ลอยโขมดนี้ คำว่า “ โขมด อา่ น ว่า ขะ-โหมด เป็นชื่อผีป่า ชอบออกหากินกลางคืน และมีไฟพะเหนียงเห็นเป็นระยะๆ คล้ายผี
9 กระสือ ดังนั้น จึงเรียกเอาตามลักษณะกระทง ที่จุดเทียนลอยในน้ำ เห็นเงาสะท้อนวับๆ แวมๆ คล้ายผโี ขมดวา่ ลอยโขมด ดังกลา่ ว) เรื่องที่ห้า กล่าวกันว่าในประเทศจีนสมัยก่อน ทางตอนเหนือ เมื่อถึงหน้าน้ำ น้ำจะท่วม เสมอ บางปีน้ำท่วมจนชาวบ้านตายนับเป็นแสนๆ และหาศพไม่ได้ก็มี ราษฎรจึงจัดกระทงใส่ อาหารลอยน้ำไป เพื่อเซ่นไหว้ผีเหล่านั้นเป็นงานประจำปี ส่วนที่ลอยในตอนกลางคืน ท่าน สันนิษฐานวา่ อาจจะตอ้ งการความขรมึ และขมกุ ขมัวให้เหน็ ขลัง เพราะเปน็ เร่อื งเกี่ยวกับผีๆสางๆ และผีก็ไม่ชอบปรากฏตวั ในตอนกลางวัน การจุดเทียนก็เพราะหนทางไปเมืองผีมันมดื จึงต้องจดุ ให้แสงสวา่ ง เพ่ือใหผ้ กี ลบั ไปสะดวก ในภาษาจนี เรียกการลอยกระทงวา่ ปล่อยโคมนำ้ (ป่งั จุ๊ยเต็ง) ซึง่ ตรงกบั ของไทยว่า ลอยโคม จากเรื่องข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า การลอยกระทง สว่ นใหญ่จะเป็น การแสดงความกตัญญู ระลึกถึงผู้มีพระคุณต่อมนุษย์ เช่น พระพุทธเจ้า เทพเจ้า พระแม่คงคา และบรรพชน เป็นต้น และแสดงความกตเวที (ตอบแทนคุณ) ด้วยการเคารพบูชาด้วยเครื่อง สกั การะตา่ งๆ โดยเฉพาะการบชู าพระพุทธเจ้า หรือรอยพระพทุ ธบาท ถอื ได้วา่ เป็นคตธิ รรมอย่าง หนึ่ง ที่บอกเป็นนัยให้พุทธศาสนิกชน ได้เจริญรอยตามพระบาทของพระพุทธองค์ ซึ่งเป็น สัญลกั ษณ์แหง่ ความดงี ามท้งั ปวงน่นั เอง
10 บทที่ ๓ วธิ ีการดำเนนิ งาน วธิ กี ารดำเนินการกิจกรรมวนั ไหวค้ รู ในคร้งั นี้ โรงเรยี นได้ดำเนนิ การตามขัน้ ตอนต่อไปนี้ ๑. ผูร้ ับผิดชอบโครงการศึกษาข้อมูลเก่ียวกบั การจดั กิจกรรมวนั ลอยกระทง ๒. ประชุมคณะทำงาน ในการกำหนดกรอบการดำเนนิ งาน ๓. เสนอขออนุมัติโครงการ เพอื่ ดำเนินงาน ๔. ออกคำส่งั แตง่ ต้ังคณะทำงานตา่ งๆ เพอ่ื ใหส้ ามารถเตรยี มงานและดำเนนิ การ ได้ ๕. ดำเนินงานตามโครงการ ๖. สรุปผลการดำเนนิ งาน การดำเนินงานวิชาการในชน้ั เรยี น ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๑. คณุ ครูเล่าประวัติและความสำคญั ของวนั ลอยกระทงให้นกั เรียนฟังและรว่ มกันแสดง ความคดิ เห็นเกี่ยวกับการปฏบิ ตั ิตนในวันลอยกระทง ๒. ใหน้ ักเรียนทำใบกจิ กรรมวนั ลอยกระทง ๓. นกั เรยี นร่วมกนั ทำกระทงรว่ มกันในหอ้ งเรยี น ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากร คอื นกั เรยี นและครู ที่เข้าร่วมกิจกรรมงานวันลอยกระทง กล่มุ ตวั อย่าง คอื นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ทเ่ี ขา้ รว่ มกิจกรรมวันลอยกระทง ท่ีทำ แบบสำรวจความพงึ พอใจ จำนวน 36 คน เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการประเมินผล เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ ผลการดำเนนิ การจดั กจิ กรรมวนั ลอยกระทง ของ นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ โรงเรียนบา้ นพลวง(พรหมบำรุงราษฎร์) ในการจัดกจิ กรรมครงั้ น้ี เป็นแบบสำรวจความพึงพอใจซึง่ ประกอบดว้ ย ๒ ตอนคอื ตอนท่ี ๑ ข้อมลู ความพงึ พอใจท่มี ตี อ่ การดำเนนิ การจดั กจิ กรรม ตอนที่ ๒ ข้อมลู ขอ้ เสนอแนะในการจดั กิจกรรม
11 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ๑. แจกแบบสอบถาม ๒. ช้ีแจงการตอบแบบสอบถาม ๓. เก็บรวบรวมแบบสอบถาม การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผปู้ ระเมนิ ผลได้นำขอ้ มลู จากแบบสอบถามมาวเิ คราะหโ์ ดยใชร้ ูปแบบดงั ตอ่ ไปนี้ ตอนที่ ๑ ความคิดเหน็ เกยี่ วกบั การดำเนนิ การจัดกิจกรรมวนั ลอยกระทง ของโรงเรียน บ้านพลวง(พรหมบำรงุ ราษฎร์) นำข้อมลู มาวเิ คราะห์โดยแจกแจงความถ่เี พอ่ื ดวู า่ แตล่ ะมาตราส่วน มผี ู้ตอบแบบสอบถามจำนวนเท่าใดซึง่ กำหนดคา่ คะแนนจากแบบสอบถามไว้ ๕ ระดบั คอื ความคิดเห็นคะแนน ดมี าก ๕ ดี ๔ ปานกลาง ๓ น้อยท่สี ดุ ๒ นอ้ ย ๑ นำคะแนนของระดับความคดิ เห็นมาหาค่าเฉลย่ี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D) แปล ความหมายของค่าเฉลยี่ ( ) ท่คี ำนวณไดต้ ามเกณฑด์ งั น้ี คา่ เฉล่ยี ความหมาย ๔.๕๐ ขึ้นไปมากท่สี ดุ ๓.๕๐ – ๔.๔๙ มาก ๒.๕๐ – ๓.๔๙ ปานกลาง ๑.๕๐ - ๒.๔๙ น้อย ๑.๔๙ ลงมาน้อยท่ีสดุ ตอนที่ ๒ ขอ้ เสนอแนะเกีย่ วกับการดำเนนิ การจัดงานวันวนั ลอยกระทง ซงึ่ เป็นคำถาม ปลายเปิดได้นำมาจัดกลุ่มและเรยี งลำดบั เป็นลักษณะความเรยี ง สถิติที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ ๑. คา่ ร้อยละ( % ) ๒. ค่าเฉลี่ย ( ) ๓. คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน( S.D )
12 บทท่ี ๔ ผลการดำเนนิ งาน ผลการดำเนนิ งาน ๑. ด้านปริมาณ ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านพลวง(พรหมบำรุง ราษฎร์) จำนวน ๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน 35 คน เข้ารว่ มกจิ กรรมดงั กล่าวทงั้ สน้ิ 33 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 94.28 ๒. ดา้ นคุณภาพ ผลท่เี กดิ กบั ผ้เู รียน ๑. นักเรียนได้เรยี นรปู้ ระวัติความเป็นมาและความสำคญั ของประเพณีลอย กระทง ๒. นักเรียนไดเ้ รยี นรวู้ ตั ถุประสงคข์ องการลอยกระทง ๓. นกั เรียนได้เขา้ รว่ มกจิ กรรมลอยกระทงรว่ มกนั กับทางโรงเรยี น ๔. นักเรียนได้ตระหนักถงึ ความสำคัญของประเพณไี ทย ๕. นักเรียนได้ตระหนกั และรคู้ ุณค่าความสำคญั ของแมน่ ้ำ ลำธาร ทีต่ นเองได้ อปุ โภค บริโภค ผลทเี่ กิดกบั ครู ๑. ครูและนักเรยี นไดร้ ่วมกจิ กรรมลอยกระทงกบั ทางโรงเรียน ๒. ครูที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำแนวทางการจัดกิจกรรมไปประยุกต์ใช้ใน การจัดการเรียนรู้ และนำปัญหาที่เกิดขึน้ พรอ้ มทั้งแนวทางการแก้ปัญหาไปประยุกต์ใช้ในการจัด กจิ กรรมคร้งั ตอ่ ไป ผลที่เกิดกับโรงเรียน โรงเรียนสามารถดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติงานของ โรงเรียนไดส้ ำเร็จลลุ ว่ งดว้ ยดี ผลทเ่ี กดิ กบั ชุมชน ชนุ มชนเกดิ ความม่นั ใจ ศรทั ธาในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ของโรงเรยี น ซึ่งสง่ ผลให้ผเู้ รียนเปน็ บุคคลทมี่ คี ณุ ภาพในสงั คมตอ่ ไป
13 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามเพอื่ ประเมนิ โครงการ ผลการตอบแบบสำรวจความพงึ พอใจของนกั เรยี นท่เี ข้าร่วมกิจกรรม ตามโครงการ ดังน้ี รายการประเมนิ คา่ เฉล่ยี ร้อยละ ระดบั ความคิดเหน็ ๑. นักเรยี นไดเ้ รยี นร้ปู ระวัตคิ วามเป็นมาและความสำคัญ ๔.79 95.80 ของประเพณลี อยกระทง ๔.95 99.00 มคี วามพึงพอใจมาก ๔.30 86.00 ที่สดุ ๒. นกั เรยี นไดเ้ รยี นรวู้ ตั ถปุ ระสงคข์ องการลอยกระทง มคี วามพึงพอใจมาก ๓. นกั เรยี นได้เข้ารว่ มกิจกรรมลอยกระทงรว่ มกันกับทาง ทส่ี ุด โรงเรยี น มคี วามพึงพอใจมาก ๔. นักเรียนได้ตระหนักถงึ ความสำคัญของประเพณไี ทย ๔.80 96.00 มีความพงึ พอใจมาก ๕. นกั เรียนไดต้ ระหนกั และรคู้ ณุ ค่าความสำคญั ของแม่นำ้ ที่สดุ ลำธาร ทีต่ นเองไดอ้ ุปโภค บรโิ ภค ๔.75 95.00 มคี วามพงึ พอใจมาก เฉล่ยี รวม ทส่ี ุด 4.67 93.48 มคี วามพงึ พอใจมาก ทสี่ ดุ จากตารางความพึงพอใจเก่ยี วกบั กิจกรรมวนั ลอยกระทง ของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปี ที่ ๓ โรงเรียนบ้านพลวง (พรหมบำรุงราษฎร์) พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจ ดังนี้ นักเรียนมี ความพึงพอใจที่เรยี นรู้วัตถุประสงค์ของการลอยกระทงมากที่สุด โดยเฉลี่ย ๔.95 คิดเป็นร้อยละ 99.00 ซึ่งมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด และมีความพึงพอใจในด้านการได้เข้าร่วมกิจกรรม ลอยกระทงรว่ มกนั กบั ทางโรงเรยี นนอ้ ยท่ีสดุ เมอ่ื เทยี บกบั ความพึงพอใจในด้านอนื่ ๆ ซ่งึ มีความพงึ พอใจอยู่ในระดับมากและมีค่าเฉลี่ย ๔.30 คิดเป็นร้อยละ 86.00 ซึ่งโดยรวมมีความพึงพอใจ มากทสี่ ุด มีคา่ เฉลย่ี 4.67 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 93.48 ข้อเสนอแนะจากแบบประเมิน - อยากใหค้ ณุ ครูพาไปลอยกระทง - อยากให้ครูพาประกวดกระทงประจำหอ้ งไปแขง่ กันกับหอ้ งอน่ื - อยากไปลอยกระทงทงี่ านแต่กลวั โควดิ
14 บทที่ ๕ สรปุ ผลการดำเนนิ งานและขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการดำเนนิ การ การลอยกระทง เปน็ ประเพณที ีม่ มี าแต่โบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานแนช่ ัดว่า ปฏิบัติกัน มาแต่เมอื่ ไร เพยี งแต่ท้องถ่นิ แต่ละแห่ง ก็จะมีจดุ ประสงคแ์ ละความเชอ่ื ในการลอยกระทงแตกต่าง กันไป เช่น ในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ก็จะเป็นการบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชัน้ ดาวดึงส์, เป็นบูชารอยพระพทุ ธบาท ณ หาดทรายริมฝั่งแมน่ ้ำนัมมทา ซ่ึงปัจจบุ ันคือแม่น้ำเนรพุท ทาในอินเดีย หรือต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งไปโปรดพระพุทธ มารดา ซ่ึงจากการดำเนินงานสรปุ ไดด้ ังนี้ ๑. ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านพลวง(พรหมบำรุงราษฎร์) จำนวน ๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน 35 คน เข้าร่วม กิจกรรมดังกล่าวทั้งสนิ้ 33 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 94.28 ๒. ผลสรปุ จากแบบประเมินโครงการ/กิจกรรม วนั ไหวค้ รู ๒.๑ จำนวนผตู้ อบแบบสอบถาม 35 คน ๒.๒ ผลการประเมิน - นักเรียนมคี วามพงึ พอใจมากทส่ี ุดที่ไดเ้ รียนรู้ประวัติความเป็นมาและ ความสำคญั ของประเพณลี อยกระทง โดยเฉล่ีย ๔.79 - นักเรยี นมคี วามพงึ พอใจมากทส่ี ดุ ที่ไดเ้ รียนรู้วตั ถปุ ระสงคข์ องการลอยกระทง โดยเฉล่ีย ๔.95 - นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจมากท่ีไดเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมลอยกระทงร่วมกนั กบั ทาง โรงเรียน โดยเฉลย่ี ๔.30 - นักเรยี นมีความพึงพอใจมากท่สี ดุ ท่ีได้ตระหนักถงึ ความสำคัญของประเพณี ไทย โดยเฉล่ยี ๔.80 - นักเรียนมีความพงึ พอใจมากทีส่ ดุ ท่ีไดต้ ระหนักและรคู้ ณุ คา่ ความสำคญั ของ แมน่ ำ้ ลำธาร ทตี่ นเองได้อุปโภค บริโภค โดยเฉลี่ย ๔.75 ขอ้ เสนอแนะในการดำเนนิ การ/ โครงการตอ่ ไป - อยากให้คณุ ครูพาไปลอยกระทง - อยากให้ครูพาประกวดกระทงประจำห้องไปแข่งกันกับหอ้ งอน่ื - อยากไปลอยกระทงทงี่ านแต่กลัวโควดิ
15 ภาคผนวก แบบสอบถามความพึงพอใจ บญั ชีรายช่อื นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม ประมวลภาพกจิ กรรม ผลงานนกั เรยี น
16 แบบสอบถาม กจิ กรรมวันลอยกระทง นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3/2 *********************** ส่วนท่ี ๑ ข้อมลู ส่วนตวั โปรดกรอกข้อความและใสเ่ ครอ่ื งหมาย / หนา้ ขอ้ ทตี่ รงกับสภาพของทา่ น ๑. เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง ๒. อายุ …………. ปี ส่วนที่ ๒ โปรดใสเ่ ครอ่ื งหมาย / ลงในชอ่ งทตี่ รงกับความคดิ เหน็ ของนักเรยี น ข้อความ มากท่ีสุด ระดับความคดิ เห็น นอ้ ยทสี่ ดุ ๕ มาก ปานกลาง นอ้ ย ๑ ๑. นกั เรียนได้เรยี นรปู้ ระวัตคิ วามเป็นมาและความสำคญั ของ ๔๓๒ ประเพณลี อยกระทง ๒. นกั เรียนได้เรยี นรวู้ ตั ถปุ ระสงคข์ องการลอยกระทง ๓. นกั เรียนได้เข้ารว่ มกิจกรรมลอยกระทงรว่ มกันกบั ทาง โรงเรยี น ๔. นักเรียนได้ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของประเพณไี ทย ๕. นักเรยี นได้ตระหนักและรคู้ ณุ คา่ ความสำคัญของแมน่ ำ้ ลำธาร ที่ตนเองไดอ้ ุปโภค บรโิ ภค ขอ้ เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………….……………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….
17 รายชื่อนักเรียนทเ่ี ขา้ ร่วมกจิ กรรมวนั ลอยกระทง ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓ ปกี ารศึกษา ๒๕๖4 โรงเรียนบ้านพลวง(พรหมบำรงุ ราษฎร์) ท่ี ชือ่ -สกลุ เขา้ ร่วมกจิ กรรม ไมเ่ ขา้ รว่ มกิจกรรม หมายเหตุ ๑ เดก็ ชายณฐั พล วรรณทอง - ๒ เดก็ ชายกิตติศกั ด์ิ บรรเทงิ ใจ - ๓ เดก็ ชายพงศภัค สำราญสุข - ๔ เด็กชายณฐั ภทั ร สมานทอง - ๕ เดก็ ชายธรี โชติ ศรีนนุ าม ๖ เดก็ ชายมนญั ชัย ฤกษ์รอด - ๗ เด็กชายวงศพทั ธ์ คงถนอม - ๘ เดก็ ชายชาญชยั เรอื งสขุ สดุ - - ๙ เด็กชายเขษมศกั ด์ิ หวงั สำราญ ๑๐ เดก็ ชายกฤษกร บอนประโคน ๑๑ เดก็ ชายชานน เลยี่ มงาม - ๑๒ เดก็ ชายธนภูมิ ทองอาจ - ๑๓ เดก็ ชายวรากร ผกู ดวง - ๑๔ เดก็ ชายธนกฤต ไทยนุกลู - ๑๕ เดก็ ชายจตพุ งศ์ ประไวย์ - ๑๖ เด็กชายคชรตั น์ สำราญสขุ - ๑๗ เด็กหญิงณฐั กานต์ พลวงงาม - ๑๘ เด็กหญิงนนั ทิพร เกสร - 19 เด็กหญิงกรรวี ชะสนรมั ย์ - 20 เด็กหญงิ ชุติมาต โคกรมั ย์ - 21 เดก็ หญงิ ศศนิ ิภา เชน่ ชาย - 22 เด็กหญงิ ธณรัตน์ นพพวง - - -
18 ท่ี ชื่อ-สกลุ เขา้ รว่ มกจิ กรรม ไมเ่ ขา้ รว่ มกิจกรรม หมายเหตุ 23 เดก็ หญิงกันยาพร สสี มบัตร - 24 เด็กหญงิ รชั นกี ร ประชุมฉลาด - 25 เดก็ หญิงธดิ ารตั น์ คลีกร - 26 เด็กหญงิ จฑุ ามณี รสหอม - 27 เดก็ หญงิ รงุ่ ฉตั ร คงทนั ดี - 28 เดก็ หญิงวภิ า ผูกดวง - 29 เด็กหญิงปรู ดิ า เฉลียวไว - 30 เด็กหญิงกมลชนก ต่างประโคน - 31 เดก็ หญิงปณดิ า จนั ทร์สงิ ห์ - 32 เดก็ หญิงสรัลชนา สมใจเรา - 33 เด็กหญิงสกุ ญั ญา จนิ ดาศรี - 34 เด็กหญิงลกั ษกิ า กนั รมั ย์ - 35 เดก็ หญงิ จดิ าภา บุญประสงคท์ นั - 33 2 รวมทง้ั สิ้น
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
Search