หลักการเขียนโปรแก (20204-2004) อาจารย์วชั ราภรณ์ ทองทา วทยาลยั เทคโนโลยอี ดุ มศึกษาพณ
กรม า ณชิ ยการ
แผนการจัดการเรียนรมู้ ่งุ เนน้ สมรรถนะ 22 ช่อื วิชา การเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด ชอื่ หน่วย หลกั การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ หน่วยท่ี 1 สอนครง้ั ที่ 1 จานวน 5 ช่ัวโมง 1. สาระสาคัญ 1. ความรเู้ บอื้ งต้นเกย่ี วกบั การเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 2. การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 3. หลกั การพนื้ ฐานในการเขยี นโปรแกรม 4. ลกั ษณะของโปรแกรมท่ดี ี 2. สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรียนรู้ 1. มีความรูเ้ บื้องตน้ เกย่ี วกบั การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 2. เข้าใจถึงความสาคัญในการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ 3. บอกหลกั การพนื้ ฐานในการเขียนโปรแกรมได้ 4. อธบิ ายลักษณะของโปรแกรมทด่ี ีได้ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ด้านความรู้ 1. อธบิ ายหลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิดเบ้ืองต้น 2. อธบิ ายหลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 3. อธบิ ายหลกั การพนื้ ฐานในการเขยี นโปรแกรม 4. อธิบายลกั ษณะของโปรแกรมท่ีดี ดา้ นทกั ษะ - ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. เขา้ ชั้นเรยี นตรงต่อเวลา 2. มีคณุ ธรรมและเจตคตทิ ่ีดใี นการใชง้ านคอมพวิ เตอร์ไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. ปฏบิ ตั ิงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายเสร็จตามกาหนด 4. สาระการเรยี นรู้ (สรุปเนื้อหาสาคญั ) ความรูเ้ บ้ืองต้นเกย่ี วกับการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิดน้ันมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโปรแกรมท่ีใช้งานง่าย ค่าใช้จ่ายน้อย ไม่มีข้อผิดพลาด และสามารถใช้กับเครื่องใดก็ได้โดยไม่จากัดอยู่กับระบบปฏิบัติการ โปรแกรมมาตรฐานเปิดมีอยู่ด้วยกันหลายโปรแกรม แต่ท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ โปรแกรม ภาษาซี (C Programming) เนื่องจากเป็นพื้นฐานของหลายๆ โปรแกรม ทาหน้าท่ีแปลความหมาย และดาเนินการทีละคาส่ัง ภาษาซีเป็นโปรแกรมโครงสร้างที่เป็นพื้นฐานสาหรับผเู้ ขียนโปรแกรมทั่วไป
22 ดงั นั้นการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นจึงควรฝึกเขียนโปรแกรมภาษาซีก่อน เพ่ือให้สามารถเข้าใจหลักการ เขียนโปรแกรมพื้นฐานและสามารถพัฒนาไปสู่การเขียนโปรแกรมอื่นๆ ได้ เช่น โปรแกรมภาษาจาวา เปน็ ตน้ โปรแกรมมาตรฐานเปิด หมายถึง โปรแกรมที่มีมาตรฐานเดียวกัน มีรูปแบบการเขียนท่ีสามารถใช้ในระบบปฏิบัติการ ที่ต่างกันได้ หากเป็นโปรแกรมทั่วๆ ไป จะต้องรันโปรแกรมน้ันๆ บนเคร่ืองท่ีมีระบบปฏิบัติการ เดียวกัน หากใช้ระบบปฏิบัติการที่ต่างกัน โปรแกรมท่ีเขียนข้ึนก็จะไม่สามารถทางานได้ ดังน้ันการ เขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด จึงสาคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน เน่ืองจากมีการใช้งานของ ระบบปฏิบัติการท่ีหลากหลายในองค์กรต่างๆ การเขียนโปรแกรมท่ีมีมาตรฐานเดียวกันจึงสามารถใช้ งานอย่างแพร่หลายและเป็นท่ีนิยม ดังน้ันจึงจาเป็นต้องมีการศึกษาเก่ียวกับการเขียนโปรแกรมบน มาตรฐานเปิด เพื่อใหเ้ ข้าใจและสามารถนาไปประยุกต์ใชง้ านได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างโปรแกรมบน มาตรฐานเปิด ท่ีนิยมมากในปัจจุบันคือ โปรแกรมภาษาจาวา (JAVA) ซ่ึงเป็นภาษาที่พัฒนามาจาก ภาษาซี และเป็นโปรแกรมท่ีสามารถทางานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการที่ต่างกันได้ ไม่ ว่าจะเป็นระบบปฏิบตั ิการ Windows, Linux เป็นต้น การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิดนั้นจะต้องเข้าใจพื้นฐานของการเขียนโปรแกรมก่อนโดย โปรแกรมท่ีเป็นพื้นฐาน เช่น โปรแกรมภาษาซี ภาษาปาสคาล (Pascal) ฯลฯ ซง่ึ เป็นโปรแกรมภาษาท่ี มีโครงสร้างชัดเจนและง่ายต่อการทาความเข้าใจ ดังน้ันการเขียนโปรแกรมพื้นฐานสาหรับผู้เริ่มต้น ควรเร่ิมจากการเขียนโปรแกรมที่เป็นโครงสร้างเพื่อให้เข้าใจพ้ืนฐานของการเขียนโปรแกรม ซึ่ง ถึงแม้ว่าโปรแกรมภาษาซีจะเป็นโปรแกรมที่พัฒนามานานแล้ว แต่ยังมีใช้อยู่ในปัจจุบัน เน่ืองจาก ภาษาซีมีการพัฒนาโปรแกรมอยู่เรื่อยๆ และมีการทางานร่วมกับระบบปฏิบัติการต่างๆ ได้ซึ่งใน ปัจจุบันภาษาซีจะถูกพัฒนาไปเป็นโปรแกรม ภาษาซีพลัสพลัส (C++) โปรแกรม วิชวลซี (Vixual C) หรือแม้กระท้ังโปรแกรม ภาษาจาวา ก็นาคาสั่งของภาษาซีมาใช้ ดังนั้นผู้ที่เขียนโปรแกรมภาษาซีได้ จะมีความรู้พื้นฐานท่ีดีและสามารถเข้าใจและเรียนรู้การเขียนโปรแกรมอ่ืนๆ ได้ง่ายข้ึน ทั้งนี้ในการ เขียนโปรแกรมทุกประเภทจะมขี ั้นตอนการเขียนโปรแกรมเหมือนกนั ซึ่งจะต้องเข้าใจถึงหลักการเขียน โปรแกรมเสยี กอ่ น ไม่วา่ จะเปน็ ขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรมการวเิ คราะห์ปญั หา เปน็ ต้น หลกั การพืน้ ฐานในการเขยี นโปรแกรม หลักการพ้ืนฐานในการเขยี นโปรแกรมทุกๆ โปรแกรม สิง่ ท่ีสาคัญท่สี ุดคือ การวิเคราะห์ ปัญหา เพราะถ้าหากวเิ คราะหป์ ัญหาไม่ได้ กจ็ ะไม่สามารถเขยี นโปรแกรมได้ องคป์ ระกอบในการวเิ คราะห์มอี ยู่ 3 องคป์ ระกอบ ดังนี้ 1. การระบุข้อมลู เข้า (Input) คอื การพจิ ารณาข้อมลู และเง่ือนไขที่กาหนดมาในปัญหา 2. การระบุข้อมลู ออก (Output) คอื การพจิ ารณาเป้าหมายหรอื สงิ่ ท่ีต้องหาคาตอบ 3. การกาหนดวิธีประมวลผล (Processing) คือ การพิจารณาขั้นตอนและวิธีการไดม้ าซึ่ง คาตอบหรือข้อมลู ออก
22 ลกั ษณะของโปรแกรมทีด่ ี ในสมัยเร่ิมแรกที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ ผู้พัฒนาโปรแกรมต่างสร้างกฎเกณฑ์การพัฒนา โปรแกรมของตนเองโดยใช้ผังงานท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซ่ึงทาให้ผู้อื่นเข้าใจยาก และเมื่อมีความ จาเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมจึงมีความยุ่งยาก เพราะต้องทาความเข้าใจกับสัญลักษณ์ท่ีไม่เป็น มาตรฐาน ปัจจุบันนี้ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมด้วยผังงานได้รับการปรับปรุงให้มีรูปแบบเป็น มาตรฐาน ดังน้ันถ้าพัฒนาโปรแกรมตามขั้นตอนและวิธีท่ีกาหนดแล้วจะได้โปรแกรมท่ีดีซ่ึงมีลักษณะ ดังน้ี 1. ทางานได้ตามทีต่ ้องการ (Expected) 2. มีความถกู ตอ้ งแม่นยา Accuracy) 3. เขา้ ใจงา่ ย (Easily Understood) 4. สามารถปรับปรุงหรือพัฒนาโปรแกรมไดง้ า่ ย (Easily Developed) 5. ใชง้ านง่าย (Easy to Use) 5. กจิ กรรมการเรียนการสอน (ใชว้ ิธกี ารสอนแบบ peer check) สอนครง้ั ที่ 1 (ชัว่ โมงท่ี 1 - 5) การนาเข้าสบู่ ทเรียน 1. ชแี้ จงรายละเอียดเก่ียวกบั หน่วยการเรียนรู้ท้ังหมด การวัดและประเมินผลการเรียน การบูร ณาการค่านิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ และขอ้ ตกลงในการใช้ห้องเรยี น 2. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยที่ 1 3. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ขน้ั นา 4. ครูผูส้ อนสนทนา ถามตอบกบั ผ้เู รียนเร่ืองหลกั การเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ ว่าผู้เรียน เคยมีประสบการณ์เรียนมามากน้อยแค่ไหน และหลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด นั้นสามารถนามาใช้ในการเขียนโปรแกรมอะไรได้บ้าง เพ่ือผู้สอนจะได้ทราบพ้ืนฐานความรู้ เดิม เป็นการกระต้นุ การเรียนรู้ของผู้เรียน และนาเข้าสู่บทเรียนเรอ่ื งหลักการเขียนโปรแกรม บนมาตรฐานเปดิ ขัน้ สาธิต 5. ผู้สอนเปิดไฟล์นาเสนอหน่วยท่ี 1 เร่ืองหลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด ให้ผู้เรียนดู ผ่านโปรเจคเตอร์ โดยผู้สอนจะเร่ิมต้นอธิบายความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับการเขียนโปรแกรมบน มาตรฐานเปิด เพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจ และรู้จักภาษาคอมพิวเตอร์ รวมถึงหลักการพื้นฐานในการ เขยี นโปรแกรม ลกั ษณะของโปรแกรมทด่ี ีอีกดว้ ย ให้ผเู้ รยี นดูประกอบการเรยี นอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน
22 ช้าๆ และให้ผู้เรียนตอบคาถามในขณะที่ครูบรรยายอธิบาย สอดแทรกไปตามหัวข้อท่ีบรรยาย อยา่ งพร้อมเพรียงกัน พร้อมท้งั ใหข้ ้อมลู ย้อนกลบั แก่ผเู้ รยี นอย่างสม่าเสมอ ขน้ั ฝึกหดั 6. ผู้สอนให้ผู้เรียนจับคู่กนั เพอ่ื ช่วยกันเรยี บเรียงเนื้อหาความหมายและหลกั การพ้ืนฐานของการ เขยี นโปรแกรม โดยกาหนดเวลา 20 นาทซี ึ่งผู้สอนจะมสี ว่ นช่วยใหค้ าแนะนาเพ่มิ เติม เม่อื ผูเ้ รียน มปี ัญหาหรืออุปสรรคในการสรปุ เรียบเรยี ง เพื่อจะไดเ้ ป็นการแลกเปล่ียนเรียนรู้ และความเข้าใจ ตรงกนั และเป็นการสรา้ งความสัมพันธร์ ะหวา่ งกันด้วย ขน้ั ฝกึ ความชานาญ 7. ผ้สู อนส่มุ ผ้เู รยี นด้วยการจับสลากเลขท่ี ให้ผู้เรียนออกมาอธิบาย หนว่ ยที่ 1 เร่ืองหลักการเขียน โปรแกรมบนมาตรฐานเปิด จานวน 1 ข้อ จากจานวน 5 ข้อ หน้าห้องเรียนผ่านไมโครโฟน และ เป็นการแสดงให้ผู้เรียนอ่ืนๆ ได้ฟัง เม่ือผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ก็จะกล่าว ชมเชยเพ่ือสร้างขวัญและกาลังใจ กระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนมากยิ่งข้ึน และ เรมิ่ ต้นจบั สลากส่มุ ผเู้ รียนหมุนเวยี นต่อไป จนกระทงั่ ผู้เรียนได้ออกมาอธบิ ายกันครบทุกข้อ ข้ันสรุปและประเมินผล 8. ผู้สอนนาคาถามในข้ันฝึกความชานาญ มาถามผู้เรียนอีกครั้ง พร้อมแจ้งคาตอบและให้ผล ย้อนกลบั จากนน้ั แจ้งผลการประเมนิ ให้ผเู้ รียนทราบ ชมเชยผูเ้ รียนท่ีไดค้ ะแนนสูง และให้กาลงั ใจ ผู้เรยี นท่ไี ด้คะแนนน้อย การสรุป 9. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ บทเรียน 10. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยท่ี 1 11. ทาใบงานที่ 1 ส่งเปน็ รายบคุ คลกาหนดส่งในการเรียนครงั้ ตอ่ ไป 6. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 6.1 ส่ือสิ่งพิมพ์ 6.1.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาการเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด 6.1.2 แบบทดสอบเพือ่ ประเมนิ ผลกอ่ น-หลังเรยี น 6.1.3 แบบประเมนิ ผลการเรียนและแบบประเมินพฤติกรรมพึงประสงค์ 6.2 สื่อโสตทศั น์ 6.2.1 เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 6.2.2 โปรเจคเตอร์
22 7. เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ) 1. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 2. ใบงาน ที่ 1 หน้า เรือ่ งหลกั การเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ 3. แบบสงั เกตพฤติกรรม 4. แบบประเมินผล 8. การบรู ณาการ/ความสัมพันธ์กับวิชาอื่น การบรู ณาการกบั หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความมเี หตุผล 1.1 ผู้เรียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเก่ียวกบั หลักการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ ได้อยา่ ง ถกู ต้องและเหมาะสม 2. ความพอประมาณ 2.1 ผู้เรยี นควบคมุ เวลาการปฏิบตั ิกจิ กรรมตามระยะเวลาท่กี าหนด ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ตา่ งๆดว้ ยความประหยดั และมีความรอบคอบ 3. การมีภมู คิ ุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี 3.1 ผูเ้ รยี นรู้คณุ คา่ ของการนาเคร่ืองคอมพิวเตอรม์ าเป็นตัวกลางในการเขยี นโปรแกรม 4. เงื่อนไขความรู้ 4.1 ผู้เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับความหมายของภาษาคอมพิวเตอร์ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม 4.2 ผเู้ รียนมีความร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของภาษาคอมพิวเตอรช์ นดิ ตา่ งๆ 4.3 ผู้เรียนมคี วามรคู้ วามสามารถในการใช้ภาษาคอมพวิ เตอร์แต่ละภาษา 4.4 ผเู้ รียนมีความรู้ความสามารถในการเลอื กใชภ้ าษาทีเ่ หมาะสมสาหรบั การพัฒนาโปรแกรม 5. เง่ือนไขคุณธรรม 5.1 ผเู้ รยี นมีวินยั มีความสนใจใฝร่ ู้ 5.2 ผเู้ รียนมคี วามรัก ความสามัคคี ความซ่ือสัตย์ 5.3 ผู้เรยี นประพฤติตนให้ห่างไกลยาเสพติด 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 ก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยที่ 1 9.2 ระหวา่ งเรยี น การสงั เกตพฤติกรรมความมีระเบียบวินัย ใฝ่หาความรู้ และรู้จักดารงตนโดยใช้หลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ใบงานท่ี 1
22 9.3 หลังเรียน แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยที่ 1 เกณฑ์การประเมิน นกั ศกึ ษาผ่านเกณฑ์การประเมนิ 70% ขึ้นไป วดั ผลสมั ฤทธจิ์ ากแบบประเมินผลการเรยี นรู้ รอ้ ยละ 80 – 100 หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก ร้อยละ 70 – 79 หมายถึง ผลการเรียนดี ต่าวา่ รอ้ ยละ 70 หมายถึง ผลการเรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์
22 แบบทดสอบก่อนเรียน / หลังเรียน หน่วยท่ี 1 วชิ า การเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปิด จงเลือกคาตอบทีถ่ กู ต้องที่สดุ เพยี งคาตอบเดียว 1. โปรแกรมพ้ืนฐานสาหรับผู้เร่ิมตน้ คือโปรแกรมใด ก. C++ ข. C ค. JAVA ง. HTML 2. โปรแกรมภาษา JAVA พัฒนามาจากโปรแกรมภาษาใด ก. C++ ข. C ค. JAVA ง. HTML 3. หลกั การพ้นื ฐานในการเขียนโปรแกรมที่สาคัญทส่ี ุดคือขอ้ ใด ก. การเลือกใชโ้ ปรแกรม ข. การวเิ คราะหโ์ จทย์ ค. การวเิ คราะหป์ ัญหา ง. การใช้คาส่งั ในการเขยี นโปรแกรม 4. เขยี นโปรแกรมแสดงเลข 1-10 บนจอภาพมีกระบวนการคิดอย่างไร ก. การเพ่ิมทลี ะ 1 ข. การเพิ่มทลี ะ 2 ค. การลดทีละ 1 ง. การลดทีละ 2 5. ปัจจุบนั ภาษาซจี ะถูกพัฒนาไปเป็นโปรแกรมต่างๆ ยกเวน้ ข้อใด ก. C ++ ข. Visual C ค. JAVA ง. HTML 6. ระบบปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ท่ีนยิ มใชก้ นั มากท่ีสดุ ในปจั จุบันคือระบบปฏิบตั กิ ารใด ก. Windows ข. Linux ค. Dos ง. Macintosh
22 7. ลกั ษณะของโปรแกรมทดี่ ขี ้อใดสาคญั ทีส่ ุด ก. ใช้งานง่าย ข. ถูกต้องแม่นยา ค. เขา้ ใจง่าย ง. สามารถปรับปรงุ ได้ง่าย 8. การต้งั ช่ือตัวแปรในการเขยี นโปรแกรมควรตง้ั ช่ืออยา่ งไร ก. ตั้งชื่อใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย ข. ตั้งชอ่ื ให้จางา่ ย ค. ตงั้ ช่อื ให้ส้ันทีส่ ดุ ง. ต้ังชื่อให้สอดคลอ้ งกับการใช้งาน 9. โปรแกรมมาตรฐานเปิดหมายถงึ ข้อใด ก. โปรแกรมทม่ี ีมาตรฐานเดยี วกัน ข. โปรแกรมท่ใี ช้ระบบปฏิบตั ิการเดียวกนั ค. โปรแกรมทงี่ ่ายต่อการใช้งาน ง. โปรแกรมที่มีมาตรฐานเดียวกันใชบ้ นระบบปฏิบตั ิการต่างกันได้ 10. ตวั อยา่ งโปรแกรมบนมาตรฐานเปิดทีน่ ยิ มมากในปจั จุบันคอื ขอ้ ใด ก. โปรแกรมภาษาปาสคาล ข. โปรแกรมภาษาจาวา ค. โปรแกรมภาษาซีพลสั พลัส ง. โปรแกรมภาษาเบสิก
22 ใบงานท่ี 1 วิชา การเขยี นโปรแกรมบนมาตรฐานเปดิ ให้ผูเ้ รยี นค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมตา่ งๆ ว่าในปจั จบุ ันมกี ารเขยี น โปรแกรมด้วยภาษาใดบา้ ง พร้อมใหบ้ อกขอ้ ดีขอ้ เสียของโปรแกรมภาษานัน้ ๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………...…………………………………………………………………………
22 แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ลาดั ชื่อ-สกลุ พฤติกรรม บท่ี ความ การแสดง การตอบ การรบั ฟัง ทางาน สนใจ ความ คาถาม ความ ตามท่ี รวม คดิ เห็น คดิ เห็น ไดร้ บั มอบหมา ย 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20 เกณฑ์การวัดผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดเี ยี่ยม = 4 สนใจฟงั ไม่หลับ ไมพ่ ูดคุยในช้ัน มีคาถามท่ีดี ตอบคาถามถูกต้อง ทางานส่ง ครบตรงเวลา ดีมาก = 3.5 สนใจฟัง มกี ารตั้งคาถามบา้ ง ตอบคาถามบ้าง สง่ งานครบตรงเวลา ดี = 3 สนใจฟงั ไม่ค่อยมกี ารตัง้ คาถาม ตอบคาถามบา้ ง ส่งงานครบตรงเวลา พอใช้ = 2.5 สนใจฟัง แต่ไม่คอ่ ยแสดงออก ส่งงานครบแตไ่ ม่ตรงเวลา ปานกลาง = 2 สนใจฟังบา้ งแตม่ กี ารแสดงออกอยู่ในเกณฑน์ ้อย ประมาณ 50% ควรปรบั ปรงุ = 1.5 เขา้ ชนั้ เรียน แตก่ ารแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมต่ รงเวลา ควรปรบั ปรงุ อย่างยิ่ง = 1 เขา้ ช้นั เรยี นบา้ ง ไม่สนใจฟัง ไม่มีการต้งั คาถาม ไมส่ ง่ งาน และไม่ตรงเวลา ต้องแกไ้ ข = 0 เข้าชั้นเรียนน้อยมาก ไม่สนใจฟัง ไม่มีการต้ังคาถาม ไม่ส่งงานและไม่ตรง เวลา ลงชื่อ……………………………….ผสู้ งั เกต (………………………….……) …………/…………/………..
22 คาสงั่ แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คาช้ีแจง ใหส้ ังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนตามพฤตกิ รรมท่ีกาหนด ใหผ้ ู้สอนประเมนิ และใสเ่ คร่ืองหมาย 3 ลงในช่องท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมของนักเรียนในแต่ละกล่มุ พฤติกรรม ลาดั หวั ข้อเรื่อง ความ การแสดง ความ ทางาน การ รวม บท่ี ความ ตั้งใจใน เสร็จตาม นาเสนอ รว่ มมือ คดิ เหน็ ผลงาน กนั การ เวลา ทางาน 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 20 เกณฑก์ ารให้คะแนน ดเี ยีย่ ม = 4 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 90% ข้นึ ไป ดีมาก = 3.5 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 88% ขึ้นไป ดี = 3 ประสทิ ธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 75% ข้ึนไป พอใช้ = 2.5 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 70% ขน้ึ ไป ปานกลาง = 2 ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ 65% ข้นึ ไป ปรับปรุง = 1.5 ประสทิ ธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 60% ขน้ึ ไป ควรปรบั ปรุง = 1 ประสิทธภิ าพต่ากวา่ เกณฑ์55% ขน้ึ ไป ควรปรับปรุงอยา่ งยง่ิ = 0 ประสทิ ธภิ าพต่ากวา่ เกณฑ์50% ลงชือ่ ………………………………ผ้สู งั เกต (…………………………….) ………./……………/………
22 10. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1) ขอ้ สรุปหลังการจัดการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 2) ปัญหาที่พบ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... 3) แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................................. . .......................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................. .. ......................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ......................................
22 รายการตรวจสอบและอนญุ าตให้ใช้ ควรอนุญาตใหใ้ ชใ้ นการสอนได้ ควรปรับปรุงเกยี่ วกับ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ......................................... (นางสาววรารตั น์ พานชิ กุล) หวั หนา้ หมวดคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 13 พฤษภาคม 2562 เหน็ ควรอนุญาตให้ใชใ้ นการสอนได้ ควรปรบั ปรงุ ดงั เสนอ อื่นๆ ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................... (นายสมภพ จนั ทราช) หัวหนา้ ฝา่ ยวชิ าการ 13 พฤษภาคม 2562 อนญุ าตใหใ้ ชใ้ นการสอนได้ อน่ื ๆ ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชอื่ ......................................... (นางกมรา สะเตโช) ผอู้ านวยการ 13 พฤษภาคม 2562
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: