แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ จัดทาโดย นางสาววรรณพร จนั สีนาค เลขที่ ๒๑ เสนอ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พชั รีภรณ์ บางเขยี ว แผนการจดั การเรียนรูเ้ ล่มนเี้ ปน็ สว่ นหน่ึงของรายวิชาการจัดการเรียนรู้และการจดั การช้นั เรียน รหัสวิชา ๑๑๐๐๓๐๑ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา
คานา แผนการจัดการเรยี นรู้รายวิชาภาษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ จัดทาขึ้นเพื่อกาหนดหรือ วางแผนเรื่องท่ีจะสอนอย่างเป็นระบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัดของกลุ่มสาระ การเรยี นรู้ภาษาไทย ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพ่อื ใช้เปน็ แนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ประกอบด้วยเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้ แผนการจัดการเรียนรู้รายปีซ่ึง ประกอบด้วยมาตรฐานและตวั ช้ีวัดกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย แผนการเรียนรูร้ ายคาบท้ังหมด ๓ แผน จดั การเรยี นรู้ ประกอบด้วย เสนาะสาเนียง เสียงขับขาน สรรคส์ ร้างคา รอ้ ยเรียงนาประโยคความ โชคดี ท่ีมภี าษาไทย ซึง่ แตล่ ะแผนการจัดการเรียนรู้ได้ระบุมาตรฐาน ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระ การเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามรูปแบบการจดั การเรียนรทู้ ่ีหลากหลาย อนั ได้แก่ ใชร้ ปู แบบการเรียนรู้ แบบสาธิต ใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบบรรยาย ใช้รปู แบบการเรียนรู้ SQ4R ใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ ร่วมมือ ซ่ึงแต่ละรูปแบบมีวิธีการจัดการเรียนการ สอนท่ีแตกต่างกันแต่ทั้งหมดนามาซึ่งการบรรลุ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นอกจากนยี้ ังมีใบงานและเกณฑก์ ารวดั และประเมินผล เพ่ือใช้ในการประเมินผล การเรยี นรขู้ องนกั เรยี นแต่ละคนวา่ หลังจากเสร็จสน้ิ การเรียน นักเรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจ เน้ือหาสาระ มากนอ้ ยเพยี งใด ผ่านเกณฑ์การประเมนิ หรือไม่ ผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พชั รภี รณ์ บางเขยี ว เปน็ อย่างยิ่งท่ีให้คาปรึกษา และคาแนะนาตลอดระยะเวลาการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ และหวงั เป็นอย่างย่ิงว่าแผนการจัดการ เรยี นรูเ้ ลม่ นเ้ี ป็นประโยชนก์ บั การจดั การเรียนรู้ในหอ้ งเรยี น ทาใหผ้ ู้เรยี นสามารถพัฒนาการเรยี นรู้ได้อย่าง มีประสิทธภิ าพตอ่ ไป นางสาววรรณพร จันสีนาค ผู้จดั ทา
สารบัญ หนา้ ๑ เร่อื ง ๑๑ แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายปี ๑๕ ตารางโครงสรา้ งรายวชิ า ๓๖ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ เสนาะสาเนยี ง เสยี งขับขาน ๓๗ ๓๘ ใบงานท่ี ๑ ๕๒ ใบงานที่ ๒ ๕๓ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ สรรค์สรา้ งคา รอ้ ยเรยี งนาประโยคความ ๕๔ ใบงานที่ ๑ ๕๕ ใบงานท่ี ๒ ๕๖ ใบงานที่ ๓ ๖๖ ใบงานที่ ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๓ โชคดีท่มี ีภาษาไทย ใบงานที่ ๑
๑ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าภาษาไทย เวลา ๑๒๐ ชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ ครผู สู้ อน นางสาววรรณพร จันสนี าค ๑.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพือ่ นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดาเนินชีวิตและมนี ิสัยรักการอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียน รายงานข้อมูลสาร สนเทศและรา ยงา นกา รศึกษาค้น คว้า อย่า ง มีประสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และสร้างสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคณุ ค่าและนามาประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ ตัวชี้วดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคดิ เพอื่ นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดาเนินชวี ิตและมีนิสยั รกั การอ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสาคญั สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรือ่ งท่อี า่ น ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขยี นแผนผังความคดิ เพื่อแสดงความเขา้ ใจในบทเรียนตา่ งๆที่อา่ น ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเร่อื งทอ่ี ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๕ วิเคราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เทจ็ จริงข้อมูลสนับสนุนและข้อคิดเห็นจากบทความ ทอี่ ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๖ ระบุข้อสังเกตการชวนเชอื่ การโนม้ น้าว หรอื ความสมเหตุสมผลของงานเขียน ท ๑.๑ ม.๒/๗ อ่านหนงั สือ บทความหรอื คาประพันธ์อยา่ งหลากหลายและประเมินคุณค่าหรือ แนวคดิ ทไ่ี ดจ้ ากการอ่าน เพือ่ นาไปใช้แกป้ ัญหาในชีวติ ท ๑.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการอ่าน
๒ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เรื่องรา วในรูปแบบต่างๆ เขียนร ายงานข้อมูลสาร สนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี ประสิทธภิ าพ ท ๒.๑ ม.๒/๑ คดั ลายมือตวั บรรจงคร่งึ บรรทดั ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและเขียนพรรณนา ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขียนเรียงความ ท ๒.๑ ม.๒/๔ เขียนย่อความ ท ๒.๑ ม.๒/๕ การรายงานการศึกษาค้นควา้ ท ๒.๑ ม.๒/๖ เขยี นจดหมายกิจธรุ ะ ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์วจิ ารณแ์ ละแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือโต้แย้งในเร่ืองท่ีอ่าน อยา่ งมเี หตุผล ท ๒.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการเขยี น มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟังและดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สกึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ท ๓.๑ ม.๒/๑ พดู สรปุ ใจความสาคญั ของเร่ืองท่ฟี ังและดู ท ๓.๑ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ข้อเท็จจรงิ ขอ้ คดิ เหน็ แลละความนา่ เชือ่ ถอื ของขา่ วสารจากสื่อตา่ งๆ ท ๓.๑ ม.๒/๓ วเิ คราะห์และวิจารณ์เรือ่ งทฟี่ งั และดอู ยา่ งมีเหตผุ ลเพื่อนาข้อคดิ มาประยุกต์ใช้ ในการดาเนนิ ชีวิต ท ๓.๑ ม.๒/๔ พดู ในโอกาสตา่ งๆได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ท ๓.๑ ม.๒/๕ พดู รายงานเรืองหรอื ประเด็นทีศ่ กึ ษาค้นคว้า ท ๓.๑ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและ พลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ท ๔.๑ ม.๒/๑ สรา้ งคาในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์โครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทรอ้ ยกรอง ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ าราชาศัพท์ ท ๔.๑ ม.๒/๕ รวบรวมและอธิบายความหมายของคาภาษาต่างประเทศทใี่ ชใ้ นภาษาไทย มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณคา่ และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง ท ๕.๑ ม.๒/๑ สรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านในระดับท่ยี ากขนึ้ ท ๕.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นท่ีอ่าน พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณคดีที่อ่าน
๓ ท ๕.๑ ม.๒/๔ สรปุ ความรูแ้ ละข้อคดิ จากการอ่านไปประยุกต์ใช้ชีวติ จรงิ ท ๕.๑ ม.๒/๕ ทอ่ งจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองทีม่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจ ๒.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ ความรู้ (K) ๑. นกั เรียนสามารถบอกหลักการอ่านจับใจความสาคัญ สรุปความ และอ ธิบาย รายละเอยี ดจากเรื่องทอี่ า่ นได้ (K) ๒. นักเรียนสามารถเขียนผังความคิดเพอ่ื แสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นตา่ งๆ ท่อี า่ นได้ (K) ๓. นกั เรียนสามารถอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น และข้อโตแ้ ย้งเกี่ยวกบั เรอ่ื งท่อี า่ นได้ (K) ๔. นักเรยี นสามารถวิเคราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็นจาก บทความที่อ่านได้ (K) ๕. นกั เรยี นสามารถระบุขอ้ สังเกตการชวนเช่ือ การโน้มน้าวหรอื ความสมเหตุสมผลของ งานเขียนได้ (K) ๖. นักเรียน สามา รถอ่า นหนังสือ บทควา ม หรือคาประพัน ธ์อย่า งหลา กหลา ย และประเมินคุณค่าหรือแนวคิดท่ไี ดจ้ ากการอา่ น เพอื่ นาไปใช้แก้ปญั หาในชวี ติ ได้ (K) ๗. นักเรียนสามารถบอกมารยาทในการอา่ นได้ (K) ๘. นักเรียนสามารถบอกวธิ ีการเขียนบรรยายได้ (K) ๙. นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ีการเขียนพรรณนาได้ (K) ๑๐. นักเรียนสามารถอธิบายหลกั การเขยี นเรยี งความได้ (K) ๑๑. นักเรยี นสามารถเขยี นยอ่ ความได้ (K) ๑๒. นักเรยี นสามารถอธบิ ายวิธกี ารเขียนรายงานการศึกษาคน้ คว้าได้ (K) ๑๓. นักเรียนสามารถบอกหลกั การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะได้ (K) ๑๔. นักเรียนสามารถบอกลักษณะการเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรือโต้แยง้ ในเรอ่ื งทอี่ ่านอย่างมเี หตุผลได้ (K) ๑๕. นักเรยี นอธคิ วามหมายของมารยาทในการเขียนได้ (K) ๑๖. นักเรยี นสามารถพูดสรุปใจความสาคัญของเรือ่ งทฟี่ งั และดูได้ (K) ๑๗. นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคดิ เหน็ และความน่าเช่ือถือของข่าวสาร จากสอ่ื ต่างๆได้ (K)
๔ ๑๘. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์และวิจารณเ์ ร่ืองทีฟ่ งั และดูอยา่ งมเี หตผุ ลเพ่ือนาข้อคิดมา ประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนินชวี ิตได้ (K) ๑๙. นกั เรียนสามารถบอกวิธกี ารพูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ (K) ๒๐. นักเรยี นสามารถอธบิ ายหลักการพูดรายงานเรือ่ งหรอื ประเดน็ ทศ่ี ึกษาค้นคว้าได้ (K) ๒๑. นักเรยี นสามารถบอกมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ได้ (K) ๒๒. นักเรียนสามารถอธบิ ายหลักการสรา้ งคาในภาษาไทยได้ (K) ๒๓. นกั เรยี นสามารถอธิบายหลักการสร้างคาในภาษาไทยได้ (K) ๒๔. นกั เรยี นสามารถวิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคสามัญได้ (K) ๒๕. นกั เรียนสามารถวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งประโยครวมได้ (K) ๒๖. นกั เรียนสามารถวิเคราะห์โครงสรา้ งประโยคซอ้ นได้ (K) ๒๗. นักเรียนบอกฉันทลักษณ์การแตง่ บทร้อยกรองได้ (K) ๒๘. นักเรียนสามารถอธบิ ายการใชค้ าราชาศพั ทไ์ ด้ (K) ๒๙. นกั เรยี นสามารถรวบรวมและอธิบายความหมายของ คาภาษาต่างประเทศที่ใช้ใน ภาษาไทยได้ (K) ๓๐. นักเรียนสามารถสรปุ เนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ นในระดับที่ยากขน้ึ ได้ (K) ๓๑. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่ิน ท่อี า่ น พร้อมยกเหตผุ ลประกอบได้ (K) ๓๒. นกั เรียนสามารถอธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมทีอ่ ่านได้ (K) ๓๓. นักเรียนสามารถสรปุ ความร้แู ละขอ้ คิดจากการอา่ น ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จริงได้ (K) ๓๔. นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะการท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดได้ (K) ๓๕. นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจได้ (K) ๒.๒ ทกั ษะ (P) ๑. นกั เรียนสามารถอา่ นบทร้อยแกว้ ไดถ้ กู ต้องและเหมาะสมกับเรื่องทีอ่ ่าน (P) ทอ่ี ่าน (P) ๒. นักเรียนสา มารถอ่านออกเสียงบทร้อยกรองได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเร่ือง ๓. นักเรยี นสามารถอา่ นจบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธบิ ายรายละเอียดจากเรื่อง ทอ่ี ่านได้ (P)
๕ ๔. นักเรียนสามารถนา เสนอผังความคิดเพ่ือแสดงความเข้าใจใน บทเรียนต่างๆ ทอี่ ่านได้ (P) ๕. นักเรียนมสี ว่ นร่วมในการอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น และข้อโต้แย้งเก่ียวกับเรื่องที่ อ่านได้ (P) ๖. นกั เรียนสามารถนาเสนอการวิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และขอ้ คิดเหน็ จากบทความท่อี ่านได้ (P) ๗. นักเรียนสามารถนาเสนอข้อสงั เกตการชวนเช่ือการโน้มนา้ ว หรือความสมเหตุสมผล ของงานเขยี นได้ (P) ๘. นักเรียนสามารถประยุกต์การอ่า นหนังสือ บทความ หรื อคาปร ะพันธ์อย่า ง หลากหลาย และประเมินคณุ ค่าหรือแนวคิดทไ่ี ด้จากการอา่ น เพ่ือนาไปใช้แกป้ ญั หาในชีวิตได้ (P) ๙. นกั เรยี นสามารถปฏิบัตติ ามมารยาทในการอา่ นได้ (P) ๑๐. นักเรียนสามารถคัดลายมือตัวบรรจงครงึ่ บรรทัดได้ (P) ๑๑. นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายได้ (P) ๑๒. นกั เรียนสามารถเขียนพรรณนาได้ (P) ๑๓. นักเรียนสามารถเขียนเรยี งความได้ (P) ๑๔. นกั เรยี นสามารถนาเสนอการเขียนย่อความได้ (P) ๑๕. นกั เรยี นสามารถเขยี นรายงานการศกึ ษาค้นควา้ ได้ (P) ๑๖. นกั เรียนสามารถเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะได้ (P) ๑๗. นักเรียน สามารถแสดงวิธีก ารเขียน วิเครา ะห์ วิจ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเหน็ หรอื โต้แย้งในเรือ่ งท่ีอ่านอยา่ งมีเหตุผลได้ (P) ๑๘. นักเรียนสามารถปฏิบัตติ ามมารยามในการเขียนได้ (P) ๑๙. นกั เรยี นสามารถนาเสนอพูดสรปุ ใจความสาคญั ของเรือ่ งทฟ่ี ังและดไู ด้ (P) ๒๐. นักเรียนสามารถแสดงการวเิ คราะห์ข้อเท็จจริง ขอ้ คดิ เห็น และความน่าเช่ือถือของ ขา่ วสารจากสอ่ื ตา่ ง ๆ (P) ๒๑. นกั เรียนสามารถนาเสนอการวเิ คราะห์และวิจารณ์เร่ืองท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผล เพือ่ นาข้อคิดมาประยุกตใ์ ช้ในการดาเนนิ ชีวิตได้ (P) ๒๒. นักเรียนสามารถแสดงวิธกี ารพูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ (P) ๒๓. นักเรียนสามารถพูดรายงานเรอ่ื งหรอื ประเด็นท่ศี ึกษาค้นคว้าได้ (P) ๒๔. นกั เรียนสามารถปฏบิ ัตมิ ารยาทในการฟัง การดู และการพูดได้ (P)
๖ ๒๕. นกั เรยี นสามารถนาเสนอการสรา้ งคาในภาษาไทยได้ (P) ๒๖. นักเรียนมีส่วน ร่วมในการวิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน (P) ๒๗. นักเรียนสามารถแตง่ บทรอ้ ยกรองได้ (P) ๒๘. นกั เรียนสามารถนาเสนอการใช้คาราชาศัพทไ์ ด้ (P) ๒๙. นักเรยี นสามารถนาเสนอรวบรวมและอธบิ ายความหมายของคาภาษาต่างประเทศ ท่ีใช้ในภาษาไทยได้ (P) ๓๐. นักเรียนสามารถนาเสนอการสรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่านในระดับท่ี ยากขน้ึ ได้ (P) ๓๑. นักเรียน สามารถนาเสนอการ วิเคร าะห์และวิจา รณ์วรรณคดีวรรณกรร ม และวรรณกรรมทอ้ งถิน่ ท่ีอา่ น พร้อมยกเหตผุ ลประกอบได้ (P) ๓๒. นักเรียนสามารถ นาเสน อการ อธิบายคุณค่าของวร รณคดีและวรร ณกรร ม ทอ่ี ่านได้ (P) ๓๓. นักเรียนมีส่วนร่วมในการสรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่าน ไปประยุกต์ใช้ ในชีวติ จริง (P) ๓๔. นักเรียนสามารถท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่า ตามความสนใจได้ (P) ๓.ทศั นคติ (A) ๑. นักเรียนเห็นคณุ ค่าของการอ่านบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองอย่างลกึ ซง้ึ (A) ๒. นกั เรียนเหน็ ประโยชน์การจับใจความสาคญั สรปุ ความ และอธบิ ายรายละเอียดจาก เร่อื งทอี่ ่านได้ (A) ๓. นักเรยี นเหน็ ประโยชนก์ ารเขียนผงั ความคิดเพ่ือแสดงความเข้าใจในบทเรียนต่างๆ ที่อ่านได้ (A) ๔. นักเรียนยอมรับการอภิปรายแสดงความคิดเห็น และข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเร่ือง ทอี่ า่ นได้ (A) ๕. นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการวเิ คราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคดิ เห็นจากบทความท่อี ่าน (A) ๖. นัก เรียน เอา ใ จ ใส่ ใน กา ร ร ะบุ ข้อสัง เกตก า ร ช วน เช่ื อ ก า ร โน้ มน้า ว หรอื ความสมเหตสุ มผลของงานเขยี น (A)
๗ ๗. นักเรียนเหน็ ประโยชน์การอ่านหนงั สือ บทความ หรือคาประพันธ์อย่างหลากหลาย และประเมินคณุ คา่ หรอื แนวคดิ ที่ไดจ้ ากการอา่ น เพื่อนาไปใชแ้ กป้ ญั หาในชีวิต (A) ๘. นกั เรยี นตระหนกั ถงึ ความสาคัญของมารยาทในการอา่ น (A) ๙. นกั เรยี นมคี วามตง้ั ใจในการคดั ลายมอื ตัวบรรจงคร่งึ บรรทดั (A) ๑๐. นักเรยี นเอาใจใส่ในการเขยี นบรรยายและพรรณนา (A) ๑๑. นกั เรียนเหน็ คุณคา่ การเขียนเรียงความ (A) ๑๒. นกั เรียนเห็นความประโยชน์การเขยี นยอ่ ความ (A) ๑๓. นกั เรยี นมคี วามกระตือรือร้นในการเขยี นรายงานการศกึ ษาค้นควา้ (A) ๑๔. นักเรียนเหน็ ความสาคัญการเขยี นจดหมายกิจธุระ (A) ๑๕. นกั เรยี นตระหนักถึงคุณค่าของการเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงควา มรู้ ความคิดเหน็ หรอื โตแ้ ย้งในเร่อื งทีอ่ ่านอย่างมีเหตผุ ล (A) ๑๖. นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของมารยาทในการเขียนได้ (A) ๑๗. นักเรยี นเหน็ คณุ ค่าการพูดสรปุ ใจความสาคญั ของเร่ืองท่ฟี ังและดู (A) ๑๘. นกั เรยี นมีความตงั้ ใจในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเชื่อถือ ของข่าวสารจากส่ือต่างๆ (A) ๑๙. นักเรียนคุณคา่ ของการวิเคราะห์และวิจารณ์เร่ืองท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผลเพ่ือนา ขอ้ คิดมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวติ (A) ๒๐. นักเรียนเห็นคุณค่าและเหน็ ความสาคญั ของการพูดในโอกาสตา่ งๆ (A) ๒๑. นักเรยี นเหน็ ประโยชน์และคุณค่าของการพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกษา คน้ ควา้ (A) ๒๒. นักเรยี นยอมรบั การมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด (A) ๒๓. นักเรยี นมคี วามกระตอื รือรน้ ของการสรา้ งคาในภาษาไทย (A) ๒๔. นักเรียนมีความตั้งใจในการวิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน (A) ๒๕. นักเรยี นเห็นคณุ ค่าและความสาคญั ของการแตง่ บทรอ้ ยกรอง (A) ๒๖. นักเรยี นตระหนักถึงความสาคัญของการรวบรวมและอธิบายความหมายของ คาภาษาต่างประเทศทีใ่ ชใ้ นภาษาไทย (A) ๒๗. นักเรยี นซาบซง้ึ และเห็นคุณค่าของการสรปุ เนอื้ หาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ในระดับทีย่ ากขึน้ (A)
๘ ทอี่ ่าน (A) ๒๘. นักเรียนเห็นความสาคัญของการอธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ๒๙. นักเรียนพึงพอใจในการ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่า น ไปประยุ กต์ใช้ ในชวี ติ จรงิ (A) ๓๐. นกั เรยี นเห็นคณุ คา่ และความสาคญั ของการท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและ บทร้อยกรองทมี่ คี ุณค่าตามความสนใจ (A) สาระสาคัญ การอา่ น เป็นการแปลความหมายของตัวอกั ษรทีอ่ า่ นออกมาเป็นความรู้ความคิด และเกิดความ เข้าใจเรอื่ งราวท่ีอา่ นตรงกับเรอ่ื งราวท่ผี ้เู ขยี นเขยี น ผูอ้ า่ นสามารถนาความรู้ ความคิด หรือสาระจาก เรื่องราวที่อ่านไปใช้ให้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ การเขยี น เป็นการถา่ ยทอดความรสู้ กึ นึกคิดและความต้องการของ บคุ คลออกมาเป็นสัญลักษณ์ คือ ตัวอักษร เพื่อสื่อความหมายให้ผู้อ่ืนเข้าใจ การฟัง เป็นการรับรู้ การเขา้ ใจ จบั ประเด็นและแปลความหมายจากเสียงทเ่ี ป็นคาพูด สญั ญาณต่างๆ ท่ีมนุษย์ใช้ในการสื่อสาร ไดถ้ กู ตอ้ ง การดู เป็นกระบวนการรบั สารโดยผา่ นสื่อ คอื ภาพหรือตวั อักษร ผรู้ ับสารเกดิ การรับรู้ ตีความ จนกระทงั่ เขา้ ใจสาร แลว้ เกดิ ปฏกิ ริ ิยาตอบสนอง การพูด เป็นการถ่ายทอดความรู้ ความคิด อารมณ์ และความรู้สกึ ของผู้พดู โดยใช้ ถ้อยคา นา้ เสียง สีหน้า แววตา รวมทงั้ กริ ิยาทา่ ทางตา่ งๆ เพ่ือให้ผู้ฟังเข้าใจ ความหมายและ ตอบสนองวัตถุประสงค์ที่ต้องการ หลักการใช้ภาษาไทย ใช้คาให้ถูกต้องตรงตาม ความหมาย ใช้คาใหเ้ หมาะสม เลอื กใช้คาให้เหมาะสมกับกาลเทศะและเหมาะสมกับบุคคล การใช้คา ลกั ษณะนาม ใช้คาทบ่ี อกลักษณะของนามต่างๆ ให้ถูกต้อง การเรียงลาดับคาเป็นเรื่องที่สาคัญมาก ในภาษาไทย หากเรียงผิดที่ความหมายก็จะเปลีย่ นไป วรรณคดี เป็นวรรณกรรมท่ีถูกยกย่องว่าเขียนดี มคี ุณคา่ สามารถทาให้ผู้อา่ นเกิดอารมณส์ ะเทือนใจ มีความคดิ เป็นแบบแผน ใช้ภาษาที่ไพเราะ เหมาะแก่ การให้ประชาชนได้รบั รู้ เพราะ สามารถ ยกระดับจิตใจใหส้ ูงข้ึน รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร วรรณกรรม เป็นผลงานศลิ ปะท่ีแสดงออกด้วยการใชภ้ าษา เพือ่ การสอ่ื สารเรอ่ื งราวใหเ้ ขา้ ใจระหว่างมนุษย์ ภาษาเป็น สงิ่ ทีม่ นุษยค์ ิดคน้ และสร้างสรรคข์ ้นึ เพอื่ ใช้ส่ือความหมาย เรอ่ื งราวต่าง ๆ ภาษาทม่ี นุษยใ์ ช้ในการสอื่ สาร สาระการเรยี นรู้ ๑. การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ๒. การอา่ นจบั ใจความจากสือ่ ตา่ ง ๆ ๓. การเขยี นแผนผงั ความคดิ เพื่อแสดงความเข้าใจในบทเรยี นตา่ ง ๆ ทอ่ี า่ น ๔. การอภปิ รายแสดงความคิดเห็นและขอ้ โตแ้ ยง้ เก่ยี วกับเร่ืองท่อี ่าน ๕. วเิ คราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ขอ้ มูลสนบั สนุน และขอ้ คดิ เหน็ จากบทความทีอ่ ่าน ๖. การระบุขอ้ สังเกตการชวนเช่ือ การโนม้ น้าว หรือความสมเหตุสมผลของงานเขียน
๙ ๗. การอ่านตามความสนใจ ๘. การคดั ตัวบรรจงครึ่งบรรทดั ตามรปู แบบการเขียน ตวั อกั ษรไทย ๙. การเขียนบรรยาย การเขียนพรรณนา ๑๐. การเขยี นเรียงความเกยี่ วกบั ประสบการณ์ ๑๑. การเขียนย่อความ ๑๒. การเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า ๑๓. การเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ ๑๔. การเขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความคดิ เหน็ หรอื โต้แย้งในเรอื่ งทอี่ า่ นอยา่ งมเี หตผุ ล ๑๕. การพดู สรปุ ความจากเรือ่ งที่ฟังและดู ๑๖. การวิเคราะห์ขอ้ เท็จจรงิ ข้อคดิ เห็น และความนา่ เช่ือถอื ของขา่ งสารจากสอ่ื ตา่ ง ๆ จากเรื่อง ทีฟ่ ังและดู ๑๗. การพดู วเิ คราะห์และวจิ ารณจ์ าดเรอื่ งทีฟ่ งั และดู ๑๘. การพดู ในโอกาสต่าง ๆ ๑๙. การพดู รายงานเรือ่ งหรอื ประเดน็ ทศ่ี กึ ษาค้นคว้า ๒๐. การสรา้ งคาสมาส ๒๑. ลกั ษณะของประโยคในภาษาไทย ๒๒. การแตง่ บทร้อยกรอง ๒๓. การใชค้ าราชาศัพท์ ๒๔. คาทม่ี าจากตา่ งประเทศ ๒๕. วรรณคดีและวรรณกรรมต่าง ๆ ๒๖. การวเิ คราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมท้องถนิ่ ๒๗. การอธบิ ายคุณค่าของวรรณคดีละวรรณกรรม ๒๘. การสรุปความรู้และขอ้ คดิ จากวรรณคดี วรรณกรรมทอ้ งถิน่ ๒๙. การท่องจาบทอาขยานทีก่ าหนด
๑๐ คาอธิบายรายวิชา ศึกษาหลักการอา่ นออกเสียงให้ถูกต้อง จบั ใจความสาคญั ของเรอ่ื งทอี่ ่าน เขียนแผนผังความคิด แสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นต่าง ๆ อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นและขอ้ โตแ้ ย้งจากการอ่าน ฝึกคัดลายมือ ตัวบรรจงครง่ึ บรรทดั เขยี นบรรยาย พรรณนา เรียงความ ยอ่ ความ เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้า การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ พูดสรุปใจความสาคญั จากการฟังและการดู วิเคราะห์ ข้อเท็จ จริง ข้อคิดเห็นและความน่าเชื่อถือ วิเครา ะห์ วิจ ารณ์เร่ืองท่ีฟังและดูได้อย่าง มีเหตุผล สรา้ งคาสมาส วิเคราะห์โครงสรา้ งของประโยค ฝึกการใชค้ าราชาศพั ท์ สรปุ เนื้อหา วเิ คราะห์และวิจารณ์ วรรณคดแี ละวรรณกรรมท้องถ่นิ ทีอ่ า่ น สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง อธบิ ายคุณค่าวรรณคดีวรรณกรรมทีอ่ า่ น การแตง่ กลอน การท่องจา โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ จัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความคิด เรียนร้แู บบรว่ มมอื ให้รู้วธิ ีการแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ วางแผน คดิ วเิ คราะห์ ประเมินผล ฝึกการเป็น ผู้นาและผู้ตามมีความสามา รถในการ ใช้เทคโนโลยี สามารถสร้างองค์ควา มรู้ไปใช้ประโยชน์ ในชวี ติ ประจาวนั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดูและการพูด เหน็ คณุ ค่าภาษาไทยซ่ึงเปน็ เอกลกั ษณ์ของชาติ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ อย่อู ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ ม่ันในการทางาน รกั ความเปน็ ไทยและมีจิตสาธารณะเพ่ือให้เกิ ดการเรียนรู้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ภาคภูมิใจในภาษาไทย และรกั ษาไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ รหัสตวั ช้วี ัด ท ๑.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๘ ท ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓, ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๘ ท ๓.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๖ ท ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ท ๕.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ รวม ๒๗ ตวั ชว้ี ดั
๑๑ รายวชิ า ภาษาไทยพื้นฐาน โครงสร้างรายวชิ า กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ จานวน ๖๐ ช่ัวโมง / ๑.๕ หนว่ ยกิต รหัสวิชา ท๒๒๑๐๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ หน่วยท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชวั่ โมง) การเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด ๑ เสนาะสาเนียง เสยี งขบั ขาน ๑๒ ๑.๑ การอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว ๑.๒ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง ท๑.๑ ม๒/๑ ๓ ๑.๓ การท่องจาบทอาขยานและบทร้อยกรองที่มคี ุณคา่ ๑.๔ การแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสภุ าพ ท๕.๑ ม๒/๕ ๓ ท๔.๑ ม๒/๓ ๒ - วรรณคดีเรื่องบทเสภาสามคั คีเสวกตอน สามคั คเี สวก ๔ ๒ รักการอา่ นมงุ่ สานความรู้ ท๑.๑ ม๒/๒ ๑๐ ๒.๑ การอา่ นจบั ใจความจากสอื่ ต่างๆ ๓ - วรรณคดเี รื่องกลอนดอกสร้อยราพงึ ในป่าช้า ท๑.๑ ม๒/๓ ๓ ท๑.๑ ม๒/๗ ๓ ๒.๒ การเขยี นผงั ความคดิ เพื่อแสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นตา่ งๆทอ่ี า่ น ท๑.๑ ม๒/๘ ๑ ๒.๓ การอ่านตามความสนใจ ๒ ๒.๔ มารยาทในการอา่ น ท๒.๑ ม๒/๑ ๒ ๓ น้อมบรรจง ลงอักษร ๓.๑ การคดั ลายมือตัวบรรจงครงึ่ บรรทัด ท๒.๑ ม๒/๒ ๑๐ ๒ ๔ ถา่ ยทอดสารผา่ นงานเขยี น ท๒.๑ ม๒/๓ ๒ ๔.๑ การเขียนบรรยาย ท๒.๑ ม๒/๖ ๒ ๔.๒ การเขียนพรรณนา ๒ ๔.๓ การเขยี นเรยี งความเกีย่ วกบั ประสบการณ์ ท๒.๑ ม๒/๔ ๒ ๔.๔ การเขยี นจดหมายเชิญวิทยากร ท๒.๑ ม๒/๕ ๑๒ ๔.๕ การเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์ ๒ ๕ เขยี นดว้ ยใจ ใฝเ่ รยี นรู้ ๕.๑ การเขยี นย่อความ ๓ ๕.๒ การเขียนรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า
๑๒ หนว่ ยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา (ช่วั โมง) ๕.๓ การเขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรือโต้แยง้ ใน การเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด เรอื่ งท่อี ่านอยา่ งมเี หตุผล ท๒.๑ ม๒/๗ ๖ ๕.๔ มารยาทการเขียน ท๒.๑ ม๒/๘ ๑ ๖ ฟังให้ดี ดูให้เหน็ พูดให้เปน็ ท๓.๑ ม๒/๑ ๑๒ ๖.๑ การพดู สรุปความจากเรอื่ งทฟี่ ังและดู ๓ ๖.๒ การวเิ คราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เห็น และความน่าเชื่อถอื ของขา่ วสารจากสื่อ ท๓.๑ ม๒/๒ ๔ ต่างๆจากเร่อื งท่ฟี งั และดู ๔ ๑ ๖.๓ การพูดวเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์จากเรือ่ งที่ฟงั และดู ท๓.๑ ม๒/๓ ๑ ๑ ๖.๔ มารยาทในการฟงั การดู และการพูด ท๓.๑ ม๒/๖ ๖๐ สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวม
๑๓ โครงสรา้ งรายวิชา รายวิชา ภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวชิ า ท๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ จานวน ๖๐ ชว่ั โมง / ๑.๕ หน่วยกติ หนว่ ยที่ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชวั่ โมง) การเรียนร้/ู ตัวชี้วัด ๑ วินิจสาร อา่ นวเิ คราะห์ ๑.๑ การอภิปรายแสดงความคิดเห็น และข้อโต้แย้งเก่ยี วกับเร่อื งท่ีอ่าน ๗ ๑.๒ การวิเคราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ มูลสนบั สนุนและขอ้ คิดเห็นจาก ท๑.๑ ม๒/๔ ๒ บทความที่อา่ น ๑.๓ การระบุขอ้ สงั เกตการชวนเช่อื การโนม้ น้าวหรอื ความสมเหตสุ มผลของ ท๑.๑ ม๒/๕ ๓ งานเขยี น ท๑.๑ ม๒/๖ ๒ ๒ พดู ดมี ีเสน่ห์ ๑๑ ๒.๑ การพดู อวยพร ท๓.๑ ม๒/๔ ๒ ๒.๒ การพูดโนม้ น้าว ท๓.๑ ม๒/๕ ๓ ๒ ๒.๓ การพดู โฆษณา ๔ ๑๐ ๒.๔ การพูดรายงานเรอื่ งหรอื ประเด็นทศี่ กึ ษาคน้ คว้า ๓ สรรค์สร้างคา ร้อยเรยี งนาประโยคความ ๒ ๓.๑ การสรา้ งคาในภาษาไทย ท๔.๑ ม๒/๑ ๒ - การสร้างคาสมาส ท๔.๑ ม๒/๑ ๓ ๓ ๓.๒ ประโยคสามัญ ๓ ๓.๓ ประโยคความรวม ๓ ๓.๔ ประโยคความซ้อน ๔ โชคดที ่มี ภี าษาไทย ๑๙ ๔๑ การใช้คาราชาศัพท์ ท๔.๑ ม๒/๔ ๔ ๕ วรรณกรรมลา้ ค่า ๕.๑ วรรณคดแี ละวรรณกรรมเกี่ยวกบั ศาสนา ประเพณี พธิ ีกรรมสภุ าษติ คาสอน ท๕.๑ ม๒/๑ เหตุการณ์ประวัตศิ าสตร์ บนั เทิงคดี บันทกึ การเดินทาง ๕.๒ การวิเคราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่ิน ท๕.๑ ม๒/๒ ๕ - วรรณคดีเรื่องนริ าศเมืองแกลง - วรรณกรรมท้องถน่ิ เร่ืองตามอ่ งลาย
๑๔ หน่วยที่ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชว่ั โมง) การเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั ๕ วรรณกรรมลา้ คา่ ท๕.๑ ม๒/๓ ๑๙ ๕ ๕.๓ การอธิบายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี า่ น - วรรณคดเี ร่อื งนิราศเมอื งแกลง ๕.๔ การสรปุ ความร้แู ละข้อคดิ จากวรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่ิน ท๕.๑ ม๒/๔ ๕ - วรรณคดีเรอ่ื งนิราศเมอื งแกลง ๘ ๖ สนกุ หรรษา คาภาษาตา่ งประเทศ ๒ ๖.๑ คายืมจากภาษาอังกฤษ ท๔.๑ ม๒/๕ ๒ ๖.๒ คายมื จากภาษาจีน ๒ ๖.๓ คายืมจากภาษาเขมร ๒ ๖.๔ คายืมจากภาษาบาลแี ละสนั สกฤต ๑ ๑ สอบกลางภาค ๖๐ สอบปลายภาค รวม
๑๕
๑๖ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรื่อง เสนาะสาเนยี ง เสียงขับขาน เวลา ๑๒ ชวั่ โมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดาเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอา่ น มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้า ใจ ธร ร มชา ติข องภา ษา และหลักภ า ษา ไทย กา ร เป ลี่ยน แปล ง ของภา ษาและพลังของภา ษา ภูมิปัญญาทางภาษาและรักษาภา ษา ไทยไว้เป็น สมบัติของชา ติ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เหน็ คณุ ค่าและนามาประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จริง ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม ๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองได้ถกู ตอ้ ง ท. ๔.๑ ม ๒/๓ แตง่ บทรอ้ ยกรอง ท. ๕.๑ ม ๒/๕ ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองท่ีมคี ุณคา่ ตามความสนใจ ๒.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนบอกฉันทลกั ษณ์การแต่งบทรอ้ ยกรองได้ (K) - นกั เรยี นสามารถทอ่ งจาบทอาขยานตามทก่ี าหนดได้ (K) - นกั เรยี นสามารถทอ่ งจาบทร้อยกรองทมี่ ีคณุ คา่ ตามความสนใจได้ (K) ดา้ นทักษะ (P) - นักเรยี นสามารถอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเรอ่ื งทีอ่ ่าน (P) - นักเรยี นสามารถอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้องและเหมาะสมกบั เร่ืองทอ่ี ่าน (P) - นกั เรียนสามารถแตง่ บทรอ้ ยกรองได้ (P) ดา้ นจิตพสิ ยั (A) - นักเรียนให้ความรว่ มมือในการอา่ นบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองอยา่ งลกึ ซึ้ง (A) - นกั เรียนให้ความร่วมมอื ในการแต่งบทร้อยกรอง (A) - นักเรียนมคี วามกระตือรอื ร้นในการทอ่ งจาบทอาขยานตามทกี่ าหนดและบทรอ้ ยกรองที่มีคุณค่า ตามความสนใจ (A)
๑๗ ๓.สาระสาคัญ การอา่ นออกเสียงผ้อู ่านตอ้ งมที กั ษะการอ่านออกเสียงท่ีดีท้ังการอ่านบทร้อยแก้ว ท่ีต้องแบ่ง จังหวะวรรคตอนและใช้น้าเสียงให้เหมา ะสม และการ อ่านบทร้อยกรอง ท่ีต้องใช้ลีลาการเอื้อน การทอดเสียง การเนน้ เสยี งสูงเสยี งต่าเปน็ ทานองเสนาะ จึงจะอา่ นบทกวีหรือบทประพันธ์ให้ผู้ฟังรู้เรื่อง และเกดิ ความประทบั ใจ ซึ่งจะทาให้ผู้ฟงั เกิดอารมณ์รว่ มไปกบั เรื่องราวท่ีได้ฟัง อีกท้ังเม่ืออ่านและทราบ ฉันทลักษณ์ ก็จะสามารถแตง่ บทประพันธไ์ ด้ ๔.สาระการเรยี นรู้ ๑. การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว ๒. การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ๓. การแต่งบทรอ้ ยกรอง ๔. การทอ่ งจาบทอาขยานตามที่กาหนด ๕.การทอ่ งจาบทรอ้ ยกรองท่มี ีคุณคา่ ตามความสนใจ ๕.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น (เฉพาะท่เี กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี) ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖.ทักษะของผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จดุ เน้นสูก่ ารพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น) ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทักษะการเขยี น (Writing) ทกั ษะการคิดคานวณ (Arithmetic) ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทักษะด้านความรว่ มมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communication information and media literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing)
๑๘ ทักษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลีย่ นแปลง (Change) ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ า (Leadership) ๗. ชน้ิ งานหรือภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) ๗.๑ ใบงานที่ ๑ การแตง่ บทร้อยกรอง ๗.๒ ใบงานท่ี ๒ การแตง่ บทรอ้ ยกรอง ๘. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยย่อยที่ ๑ เรื่อง การอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ ช่วั โมงที่ ๑-๓ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบสาธิต) ๑.ข้นั เตรียมการสาธิต ๑.ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน และพดู เกริน่ เน้ือหาเกยี่ วกบั การอ่านออกเสยี งร้อยแกว้ เล็กน้อย ๒.ครูสุ่มนักเรียนจานวน ๒-๓ คน อ่านออกเสียงรอ้ ยแกว้ จากบททคี่ รูเตรียมมา ๓.ครอู ธิบายหลักการอา่ นออกเสยี งรอ้ ยแก้ว ๔.ครูเปดิ วดิ โี อการอ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้วท่ถี กู ต้องใหน้ ักเรียนฟัง ๕.ครูเตรยี มบทรอ้ ยแกว้ เพอื่ ใหน้ ักเรียนได้ฝกึ อา่ น ๒.ขัน้ สาธิต ๖.ครูสาธิตการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ ให้นักเรยี นฟงั ๗.ครูใช้โปรแกรมส่มุ จับฉลากลาดบั นักเรียนเพ่อื ทดสอบการอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ จากบทท่ีครู กาหนด ๓.ขนั้ สรุปและวดั ผล ๘.ครสู รปุ ข้อดีและข้อบกพรอ่ งของนกั เรียนจากการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วโดยภาพรวม ๙.ครสู ่งผลการวัดและประเมินยอ้ นกลบั ใหน้ กั เรยี นเป็นรายบุคคล
๑๙ หน่วยย่อยท่ี ๒ เร่อื ง การอ่านออกเสยี งร้อยบทร้อยกรอง ช่ัวโมงที่ ๑-๓ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบสาธิต) ๑.ขนั้ เตรียมการสาธิต ๑.ครกู ล่าวทักทาย และสอบถามนักเรียนว่านักเรียนคนใดมีพ้ืนฐานการอ่านออกเสียง บทร้อยกรองบ้าง ๒.ถา้ มีนกั เรยี นทมี่ พี ้ืนฐานการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ให้นักเรียนคนนั้นออกมาสาธิต ให้เพ่ือน ๆ ฟงั ๓.ครใู ห้นกั เรยี นเปดิ หนังสือวรรณคดีและวรรณกรรมหน้า ๒๓ เพ่ือดบู ทร้อยกรองทีใ่ ช้อ่าน ๔.ครูเปิดวิดีโอการอ่านออกเสียงร้อยกรองจากบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา ใหน้ ักเรียนฟงั ๕.ครใู ห้นักเรยี นฝกึ อ่านออกเสียงบทร้อยกรองพร้อม ๆ กัน ๒.ขั้นสาธติ ๖.ครูให้เรยี นแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ ๔ คน ๗.ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ฝึกซ้อมภายในเวลา ๑๕ นาที ๘.ครูใช้โปรแกรมสมุ่ จดั ลาดบั กล่มุ เพื่อทดสอบการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองจากบทท่ีครู กาหนด ๓.ขนั้ สรปุ และวดั ผล ๙.ครใู หค้ าแนะนาและเสนอแนะขอ้ ควรปรับปรุงเป็นรายกลุม่ ๑๐.ครูพูดสรุปภาพรวมของการอ่านออกเสียงบทร้อยกร องจากท่ีได้ฟังของแต่ละกลุ่ม หนว่ ยยอ่ ยที่ ๓ เร่ือง การทอ่ งจาบทอาขยานและบทร้อยกรองท่มี ีคุณคา่ ช่ัวโมงที่ ๑ (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบบรรยาย) ๑.ข้ันเตรยี ม ๑.ครูกลา่ วทกั ทาย และให้นกั เรียนจับคู่ ๒.ครูเตรียมบทรอ้ ยกรองท่ีตอ้ งการใหน้ ักเรยี นท่องจาประกอบด้วย บทร้อยกรองบทบังคับ ๒ บท และให้นกั เรียนเลือกบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ ๒ บท
๒๐ ๒.ข้นั สอน ๓.ครอู า่ นบทรอ้ ยกรองให้นกั เรยี นฟังเป็นตวั อย่าง ๔.ครใู ห้เวลานักเรียนท่องจาบทร้อยกรองที่กาหนด และบทร้อยกรองตามความสนใจ ภายในคาบ ๕.ครใู หน้ กั เรียนสอบทอ่ งจาตามเลขท่ี ๓.ขน้ั สรุป ๖.ครสู รุปภาพรวมและใหค้ าแนะนาเกี่ยวกบั การท่องจา หนว่ ยยอ่ ยที่ ๔ เรื่อง การแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสภุ าพ ชั่วโมงที่ ๑ (ใช้รูปแบบการเรียนรู้ SQ4R) ข้นั ท่ี ๑ Survey (S) ๑.ครูกล่าวทกั ทายนักเรยี น ๒.ครูให้นักเรียน อ่า น วร รณคดีเร่ือง บทเสภา สา มัคคีเสวก ตอน วิศวกร ร มา และสามคั คีเสวก จากหนังสือวรรณคดีและวรรณกรรมชน้ั มัธยมปีที่ ๒ หรือจาก PowerPoint ภายใน เวลา ๕ นาที เพอื่ ใหน้ ักเรยี นทาความเข้าใจเนือ้ หาจากเร่อื งทอ่ี ่านครา่ ว ๆ ขั้นที่ ๒ Question (Q) ๓.ครูถามว่าวรรณคดีเรือ่ ง บทเสภาสามคั คเี สวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวกมีเนื้อหา แตกต่างกันอยา่ งไร ขน้ั ท่ี ๓ Read (R) ๔.ครใู ห้นักเรยี นอา่ นเน้อื เรื่องซา้ อกี ครงั้ เพ่อื ตอบคาถาม ขน้ั ที่ ๔ Record (R) ๕.ครใู ห้นักเรียนจดบนั ทึกใจความสาคญั จากเรือ่ งทอี่ า่ นอย่างครา่ ว ๆ ขั้นท่ี ๕ Recite (R) ๖.ครูให้นั กเรียน สรุปใจ ความสา คัญ และข้อคิดจ า กเรื่องบทเสภา สา มัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมและสามัคคีเสวกเป็นแผนผงั ความคิดตามความเขา้ ใจ ขัน้ ที่ ๖ Reflect (R) ๗.ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหข์ ้อคดิ และคุณค่าจากเรอื่ งอา่ น
๒๑ ชัว่ โมงท่ี ๓-๔ (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ) ขน้ั ท่ี ๑ ขน้ั เตรียมการ ๑. ครูแบ่งกลมุ่ นกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน ข้ันที่ ๒ ข้นั สอน ๒. ครอู ธบิ ายฉันทลักษณแ์ ละยกตวั อย่างกลอนสุภาพจากวรรณคดีเร่ือง บทเสภาสามัคคี เสวก ตอน วิศวกรรมาและสามคั คีเสวก ขนั้ ที่ ๓ ขั้นกจิ กรรมกลมุ่ ๓.ครใู หน้ กั เรียนแต่งกลอนสุภาพ ในหัวข้อ “ความรกั ” จานวน ๒ บท พร้อมท้ังบอกฉันท ลักษณ์ ๔.นกั เรยี นรว่ มกนั แต่งกลอนสภุ าพในหวั ข้อทกี่ าหนด ภายใน ๓๐ นาที ขั้นท่ี ๔ ขน้ั ตรวจสอบผลงานและทดสอบ ๕.ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สแกนควิ อารโ์ ค้ด เพอื่ นาเสนอผลงานการแตง่ บทร้อยกรอง ๖.ครแู ละเพื่อนร่วมกนั ตรวจสอบฉนั ทลกั ษณแ์ ละใหค้ าแนะนาเพิม่ เติม ขน้ั ท่ี ๕ ข้นั สรุปบทเรียนและประเมนิ ผลการทากิจกรรมกลมุ่ ๗.ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มอภิปรายส่งิ ที่ได้จากการเรยี นและฝกึ แต่งบทรอ้ ยกรอง ๙. สอื่ การสอน ๙.๑ หนังสือเรยี นวรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ๙.๒ สือ่ การเรยี นการสอนประกอบการนาเสนอ PowerPoint ๙.๓ ใบงาน ๑๐. แหลง่ เรียนรูใ้ นหรือนอกสถานท่ี -
๒๒ ๑๑. การวัดและประเมินผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์ การประเมิน ๑. นักเรยี นบอกฉนั ทลักษณ์ ตรวจใบงานท่ี ๑ ใบงานที่ ๑การแตง่ ๔-๕คะแนน = ดมี าก ระดบั พอใช้ขน้ึ การแต่งบทรอ้ ยกรองได้ การแตง่ บทร้อยกรอง บทร้อยกรอง ๓ คะแนน = ดี ไปถอื วา่ ผ่าน ๒ คะแนน = พอใช้ ๑ คะแนน = ปรบั ปรุง ๒.นักเรียนสามารถทอ่ งจาบท ประเมนิ การทอ่ งจาบท แบบประเมนิ การท่องจาบท ๑๘ - ๒๐ = ดีมาก ระดบั พอใช้ขน้ึ อาขยานตามทกี่ าหนดได้ อาขยานตามทกี่ าหนดได้ อาขยานตามท่ีกาหนด ๑๕- ๑๗ = ดี ไปถอื วา่ ผา่ น ๑๒- ๑๔ = พอใช้ ตา่ กว่า ๑๒= ปรับปรุง ๓.นักเรียนสามารถทอ่ งจาบท ประเมนิ การทอ่ งจา แบบประเมินการทอ่ งจาบท ๑๘ - ๒๐ = ดีมาก ระดับพอใช้ขน้ึ รอ้ ยกรองท่ีมีคุณคา่ ตามความ บทรอ้ ยกรองท่มี ีคณุ คา่ รอ้ ยกรองท่มี คี ณุ คา่ ตาม ๑๕- ๑๗ = ดี ไปถอื วา่ ผา่ น สนใจได้ ตามความสนใจ ความสนใจ ๑๒- ๑๔ = พอใช้ ต่ากว่า ๑๒= ปรับปรงุ ๔.นกั เรยี นสามารถอา่ นออก ประเมินการอา่ นออกเสยี ง แบบประเมนิ การอา่ นออก ๑๓ –๑๕คะแนน ระดับพอใชข้ ึ้น เสียงบทรอ้ ยแก้วไดถ้ ูกต้องและ บทร้อยแก้ว เสียงบทรอ้ ยแก้ว = ดีมาก ไปถือวา่ ผา่ น เหมาะสมกบั เรอ่ื งท่อี า่ น ๑๐- ๑๒ คะแนน = ดี ๘- ๙คะแนน = พอใช้ ตา่ กว่า ๘คะแนน = ปรบั ปรงุ ๕.นกั เรียนสามารถอ่านออก ประเมินการอ่านออกเสยี ง แบบประเมนิ การอา่ นออก ๙ - ๑๒ คะแนน = ดี ระดับพอใชข้ ึ้น เสยี งบทร้อยกรองไดถ้ กู ต้อง บทรอ้ ยกรอง เสียงบทร้อยกรอง ๖ – ๘คะแนน= พอใช้ ไปถือว่าผา่ น และเหมาะสมกบั เร่อื งที่อา่ น ตา่ กว่า ๖คะแนน = ปรับปรงุ ๖.นกั เรยี นสามารถแต่งบทรอ้ ย ตรวจใบงานที่ ๒การแต่ง ใบงานท่ี ๒การแตง่ บทร้อย ๔-๕คะแนน = ดี ระดับพอใชข้ น้ึ กรองได้ บทร้อยกรอง กรอง ๒-๓คะแนน = พอใช้ ไปถอื วา่ ผ่าน ๐-๑คะแนน = ปรบั ปรุง ๗.นกั เรียนใหค้ วามร่วมมือใน สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๔-๕คะแนน = ดี ระดบั พอใชข้ ึ้น การอ่านบทร้อยแกว้ และ ๒-๓คะแนน = พอใช้ ไปถอื วา่ ผา่ น การอา่ นบทรอ้ ยแก้วและบท การอา่ นบทร้อยแกว้ บทร้อยกรอง ๐-๑คะแนน = ปรับปรุง ร้อยกรอง และบทรอ้ ยกรอง
๒๓ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธวี ดั เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์ การประเมิน ๘.นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมอื ใน สังเกตพฤตกิ รรมกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมกลมุ่ ๙–๑๐คะแนน = ดมี าก การแต่งบทร้อยกรอง ๗- ๘คะแนน = ดี ระดบั พอใช้ขึ้น การแตง่ บทรอ้ ยกรอง การแต่งบทร้อยกรอง ๕-๖คะแนน = พอใช้ ไปถอื วา่ ผา่ น ตา่ กว่า ๕คะแนน = ปรบั ปรงุ ๙.นกั เรียนมคี วามกระตอื รือร้น สงั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่ ๔-๕คะแนน = ดี ระดับพอใชข้ น้ึ การทอ่ งจาบทอาขยานตามที่ การท่องจาบทอาขยาน การทอ่ งจาบทอาขยานตามที่ ๒-๓คะแนน = พอใช้ ไปถือว่าผ่าน กาหนดและบทรอ้ ยกรองท่มี ี ตามที่กาหนดและบทร้อย กาหนดและบทร้อยกรองท่มี ี ๐-๑คะแนน = ปรับปรงุ คุณค่าตามความสนใจ กรองทมี่ ีคุณค่าตามความ คณุ ค่าตามความสนใจ สนใจ
๒๔ แบบประเมนิ ใบงานท่ี ๑ การแตง่ บทรอ้ ยกรอง ประเด็นการประเมนิ คะแนน ๕-๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรบั ปรงุ ) ผลงานไม่สอดคล้องกบั ๑.ผลงานตามจดุ ประสงค์ ผลงานมีความ ผลงานมคี วาม ผลงานมีความ เน้อื หาทเ่ี รียน สอดคลอ้ งกบั สอดคล้องกับ สอดคล้องกับ จดุ ประสงคข์ องเนอื้ หา จุดประสงค์ของ จุดประสงค์ของ ท่เี รยี นทกุ ประเดน็ เนอ้ื หาท่เี รียนเป็น เนอื้ หาที่เรยี นบาง สว่ นใหญ่ ประเด็น ๒.ผลงานมีความถูกตอ้ ง เนอื้ หาสาระถูกตอ้ ง เนอ้ื หาสาระถกู ต้อง เนอื้ หาสาระถูกต้อง เน้ือหาสาระไมถ่ กู ต้อง สมบรู ณ์ ครบถ้วน เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางประเด็น กับเน้ือหาที่เรียน ๓.ผลงานมีความเป็น ผลงานมีความเป็น ผลงานมีความเปน็ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานไม่มีความเป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ย ระเบยี บเรียบร้อย นา่ อ่าน ระเบียบเรยี บรอ้ ยแต่ ระเบียบเรียบรอ้ ยแต่ ระเบยี บเรยี บร้อย ยงั มขี อ้ บกพรอ่ ง ยงั มีข้อบกพร่อง บางส่วน เลก็ นอ้ ย ๔.การส่งงานตรงตอ่ เวลา ส่งงานตรงตามเวลาท่ี สง่ งานชา้ เลยเวลาท่ี ส่งงานช้าเลยเวลาที่ ส่งงานชา้ เลยเวลาท่ี กาหนด กาหนด๑-๒วัน กาหนด๓-๕วนั กาหนดมากกวา่ ๕วัน
๒๕ แบบประเมนิ ใบงานที่ ๒ การแตง่ บทร้อยกรอง รายงานการประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๑. แต่งบทร้อยกรองไดค้ รบตามจานวน มคี รบทุกขอ้ ได้ ๕คะแนน ๒. แต่งบทร้อยกรองถูกฉนั ทลกั ษณ์ มี ๔ข้อ ขาด๑ข้อได้ ๔ คะแนน ๓. แตง่ บทรอ้ ยกรองตรงประเด็นทีก่ าหนด มี ๓ข้อ ขาด๒ขอ้ ได้ ๓ คะแนน ๔. สง่ งานภายในเวลาทก่ี าหนด มี ๒ขอ้ ขาด๓ข้อได้ ๒ คะแนน ๕.. ใชภ้ าษาถูกตอ้ งเหมาะสมมีความสละสลวย มี ๑ขอ้ ขาด๔ข้อได้ ๑ คะแนน
๒๖ ประเดน็ การประเมิน แบบประเมินการทอ่ งจาบทอาขยานตามที่กาหนด ๑ (ปรับปรงุ ) ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช)้ ๑. การอ่านออกเสียง/ อา่ นออกเสยี งได้ อ่านออกเสียงได้ อ่านออกเสียงได้ อา่ นออกเสยี งได้ ถกู ตอ้ งตามอักขรวิธี ถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี ถูกตอ้ งตามอกั ขรวิธี ถกู ต้องตามอักขรวธิ ี อักขรวธิ ี /ความถกู ต้อง ทกุ ประการ มีจุดผิด ๑ จุด มีจดุ ผิด ๒ - ๓ จดุ มีจดุ ผดิ มากกว่า ๔ ของบทอาขยาน จุด ท่องจาบทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน ได้ถูกต้องครบถว้ น ไดถ้ ูกต้องและมจี ุด ได้ถูกต้องและมี ทอ่ งจาบทอาขยาน ตลอดท้งั บท ผิด ๑ จุด จุดผดิ ๒ - ๓ จุด ได้ถูกต้องและมจี ดุ ผิดมากกว่า ๔ จดุ ๒. การใช้น้าเสียง ใชน้ ้าเสียงได้ ใช้นา้ เสยี งได้ ใช้น้าเสยี งได้ ใช้นา้ เสียงได้ เหมาะสมกับบท เหมาะสมกับบท เหมาะสมกับบทที่ เหมาะสมกบั บท ทที่ ่องมจี ดุ แสดง ที่ท่องตลอดทั้งบท อารมณบ์ กพรอ่ ง ๔ ทอ่ งมีจดุ แสดง มีจดุ แสดงอารมณ์ จุด อารมณบ์ กพร่อง ๑ บกพรอ่ ง ๒ - ๓ จดุ จุด ๓. การเว้นวรรค/ จังหวะ เว้นวรรคตอนในการ เว้นวรรคตอนในการ เว้นวรรคตอนในการ เวน้ วรรคตอนในการ ในการทอ่ ง ทอ่ งและใชจ้ งั หวะใน ท่องและใชจ้ ังหวะ ท่องและใช้จังหวะ ท่องและใชจ้ ังหวะ การทอ่ งได้ถกู ต้อง ในการท่องมีจดุ ผดิ ในการทอ่ งมจี ดุ ผิด ในการทอ่ งมจี ดุ ผิด ท้งั หมด ๑ จดุ ๒ - ๓ จุด ๔ จุด ๔.ความถกู ตอ้ งของบท ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน อาขยาน ได้ถูกต้องครบถ้วน ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง แ ล ะ มี ได้ถูกต้องและมีจุด ได้ถกู ต้องและมจี ุด ตลอดทง้ั บท จุดผดิ ๑ จดุ ผิด ๒ - ๓ จดุ ผดิ มากกวา่ ๔ จุด ๕. การบอกคุณคา่ ของ บอกคุณคา่ บท บอกคณุ คา่ บท บอกคณุ คา่ บท บอกคุณคา่ บท บทอาขยาน อาขยานทท่ี อ่ งจาได้ อาขยานทท่ี อ่ งจาได้ อาขยานทที่ ่องจาได้ อาขยานท่ที อ่ งจาได้ ถกู ต้องครบถ้วน มากกวา่ ๓ ขอ้ มากกวา่ ๒ ข้อ ๑ ข้อ
๒๗ แบบประเมินการทอ่ งจาบทร้อยกรองตามความสนใจ ระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน ประเดน็ การประเมิน ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรบั ปรุง) ๑. การอ่านออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง อักขรวิธี ได้ถกู ต้องตาม ผดิ อักขรวิธี ๑ - ๒ ผดิ อักขรวิธี ๓ - ๔ ผดิ อักขรวธิ ีมากกวา่ อักขรวิธีทกุ คา คา คา ๔ คา ๒. การใชน้ ้าเสยี ง ใชน้ ้าเสยี งได้ ใชน้ า้ เสยี งได้ ใชน้ า้ เสียงได้ ใช้น้าเสียงได้ เหมาะสมกับบทท่ี เหมาะสมกับบทที่ เหมาะสมกบั บทที่ เหมาะสมกบั บทท่ี ทอ่ งมีจดุ แสดง ทอ่ งตลอดท้งั บท อารมณ์บกพรอ่ ง ๔ ท่องมจี ดุ แสดง ท่องมจี ุดแสดง จุด อารมณ์บกพรอ่ ง ๑ อารมณ์บกพรอ่ ง จดุ ๒ - ๓ จดุ ๓. การเว้นวรรค/ จงั หวะ เวน้ วรรคตอนในการ เวน้ วรรคตอนใน เว้นวรรคตอนใน เวน้ วรรคตอนในการ ในการทอ่ ง ท่องและใช้จงั หวะใน การทอ่ งและใช้ การทอ่ งและใช้ ท่องและใชจ้ งั หวะใน การทอ่ งได้ถกู ต้อง จังหวะในการท่องมี จังหวะในการทอ่ งมี การทอ่ งมีจุดผดิ ๔ ท้งั หมด จดุ ผิด ๑ จุด จดุ ผิด ๒ - ๓ จดุ จุด ๔.ความถูกต้องของบท ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยานได้ อาขยาน ไดถ้ กู ต้องครบถว้ น ไดถ้ กู ต้องและมีจดุ ได้ถูกตอ้ งและมีจุด ถกู ตอ้ งและมจี ุดผิด ตลอดทง้ั บท ผิด ๑ จดุ ผิด ๒ - ๓ จุด มากกวา่ ๔ จุด ๕. การบอกคณุ คา่ ของ บอกคุณคา่ บท บอกคุณค่าบท บอกคณุ คา่ บท บอกคณุ ค่าบท บทอาขยาน อาขยานท่ีเลอื ก ท่องจาได้ถูกต้อง อาขยานท่ีท่องจา อาขยานทีท่ อ่ งจา อาขยานท่ที ่องจาได้๑ ครบถ้วน ได้มากกวา่ ๓ ขอ้ ได้มากกวา่ ๒ ขอ้ ข้อ
๒๘ แบบประเมนิ การอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ เกณฑ์การประเมิน ระดบั คะแนน ๕(ดมี าก) ๔(ด)ี ๓(ปานกลาง) ๒(พอใช้) ๑(ปรบั ปรุง) ความถูกตอ้ งในการอา่ นตามอกั ขรวธิ ี อ่านออกเสยี ง อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสยี ง อ่านออกเสยี ง อ่านออกเสยี ง ไดถ้ กู ต้อง ได้ถูกต้อง ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ ูกต้อง ไดถ้ กู ตอ้ ง ตามอกั ขรวิธีและ ตามอกั ขรวธิ เี ป็น ตามอกั ขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ตามอกั ขรวิธี อ่านถูกต้องทุกคา สว่ นมากมจี ุดที่ เป็นสว่ นน้อย นอ้ ยมาก น้อยท่สี ดุ ผิด๑ จดุ มจี ดุ ผดิ ๒-๓ มีจดุ ผิด ๔จุด มีจดุ ผิดมากกว่า ๔ จุด จดุ การแบง่ จงั หวะวรรคตอน แบ่งจงั หวะวรรค แบง่ จังหวะวรรค แบ่งจงั หวะ แบ่งจงั หวะวรรค แบ่งจังหวะวรรค ตอนได้ถกู ต้อง ตอนผดิ ๑ จุด วรรคตอนผดิ ตอนผดิ ตอนผิดมากกวา่ ท้ังหมด ๒ จุด ๓-๔จุด ๕ จุด การใชน้ ้าเสยี ง สามารถอ่านได้ สามารถอา่ นได้ สามารถอา่ นได้ สามารถอ่านได้ สามารถอา่ นได้บ้าง ชดั เจน น้าเสยี งเบา สือ่ ความรู้สกึ ของ ชดั เจน ชัดเจน คอ่ นขา้ งชัดเจน ไม่ชัดเจน เรื่องทีอ่ า่ นได้ดี ไม่สามารถส่อื ส่อื ความรู้สึกของ ส่อื ความรู้สกึ ของ แต่คอ่ นขา้ งช้า ความรูส้ ึกของเรื่อง ไดช้ ดั เจน เรอื่ งทอ่ี ่านได้ เรอื่ งท่อี า่ นได้ ยงั ส่อื ความรูส้ ึก คอ่ นขา้ งดี พอใช้ ของเร่ืองไดไ้ ม่ ชดั เจน
๒๙ แบบประเมินการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง ประเด็นการประเมิน ๔ (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ๑ (ปรับปรงุ ) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑. การอา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อ่านออกเสียง อา่ นออกเสยี ง อกั ขรวิธี ได้ถูกต้องตาม ผิดอกั ขรวิธี ๑ - ๒ ผิดอกั ขรวธิ ี ๓ - ๔ ผดิ อักขรวิธีมากกวา่ อกั ขรวิธีทกุ คา คา คา ๔ คา ๒. การใชน้ ้าเสียง ใชน้ ้าเสยี งได้ ใช้น้าเสียงได้ ใชน้ า้ เสยี งได้ ใช้น้าเสียงได้ เหมาะสมกับบทที่ เหมาะสมกับบทท่ี เหมาะสมกับบทที่ เหมาะสมกับบทที่ ทอ่ งมจี ุดแสดง ท่อง ตลอดทัง้ บท อารมณ์บกพรอ่ ง ๔ ทอ่ งมีจุดแสดง ท่องมีจุดแสดง จดุ อารมณ์บกพรอ่ ง ๑ อารมณ์บกพร่อง จุด ๒ - ๓ จุด ๓. การเวน้ วรรค/ จงั หวะ เว้นวรรคตอนในการ เวน้ วรรคตอนใน เวน้ วรรคตอนใน เว้นวรรคตอนในการ ในการทอ่ ง ท่องและใช้จงั หวะใน การทอ่ งและใช้ การทอ่ งและใช้ ท่องและใช้จังหวะใน การทอ่ งได้ถกู ต้อง จังหวะในการท่องมี จงั หวะในการทอ่ งมี การทอ่ งมจี ุดผดิ ๔ ทัง้ หมด จดุ ผิด ๑ จุด จุดผดิ ๒ - ๓ จดุ จดุ ๔.ความถูกตอ้ งของบท ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยานได้ อาขยาน ได้ถูกตอ้ งครบถว้ น ไดถ้ กู ตอ้ งและมีจุด ไดถ้ ูกตอ้ งและมจี ดุ ถกู ต้องและมีจดุ ผิด ตลอดทง้ั บท ผดิ ๑ จดุ ผิด ๒ - ๓ จดุ มากกวา่ ๔ จดุ ๕. การบอกคุณคา่ ของ บอกคณุ ค่าบท บอกคุณคา่ บท บอกคณุ คา่ บท บอกคณุ คา่ บท บทอาขยาน อาขยานท่ีเลอื ก ทอ่ งจาได้ถกู ต้อง อาขยานทที่ ่องจา อาขยานทีท่ อ่ งจา อาขยาน ท่ีทอ่ งจาได้ ครบถ้วน ได้มากกวา่ ๓ ข้อ ได้มากกวา่ ๒ ขอ้ ๑ ข้อ
๓๐ แบบสังเกตพฤตกิ รรม การอา่ นบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง คาช้แี จง ให้ทาเครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งสังเกตพฤตกิ รรมที่นกั เรยี นปฏบิ ตั ิ รายการประเมนิ พฤติกรรม ปฏบิ ัติ ไม่ปฏิบตั ิ ความสนใจในการเรยี นและการตรงต่อเวลา ความร่วมมอื ในการทางานตามข้นั ตอน ยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของเพื่อน มนี ้าใจ ช่วยเหลอื เพอ่ื นในการทางาน มคี วามรับผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย หมายเหตุ ปฏิบตั ิครบ ๕ ขอ้ ได้ ๕ คะแนน ปฏิบัติ ๔ ข้อ ขาด ๑ ข้อ ได้ ๔ คะแนน ปฏิบตั ิ ๓ ข้อ ขาด ๒ ข้อ ได้ ๓ คะแนน ปฏิบตั ิ ๒ ข้อ ขาด ๑ ขอ้ ได้ ๒ คะแนน ปฏิบตั ิ ๑ ข้อ ขาด ๔ ข้อ ได้ ๑ คะแนน ลงชื่อ……….…………………………..ผ้ปู ระเมนิ (………………………………………..) ..………/…………/…..…….
๓๑ แบบสงั เกตพฤติกรรมกลุม่ การให้ความรว่ มมือการแต่งบทรอ้ ยกรอง คาชแ้ี จง ใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในช่องสงั เกตพฤตกิ รรมท่ีนกั เรยี นปฏบิ ัติ พฤติกรรม ความสนใจใน ความร่วมมือ ยอมรับฟงั มีน้าใจ มีความ คะแนนรวม การเรียนและ ในการทางาน ความคดิ เหน็ ชว่ ยเหลือ รับผิดชอบ ผลการประเมิน การตรงตอ่ ตามข้นั ตอน ของเพ่ือน เพอ่ื นในการ งานท่ีไดร้ ับ ทางาน มอบหมาย ระดับ เวลา ๒๑๐ ๒๑๐ ๑๐ ๒๑๐ ๒๑๐ ๒๑๐ สมาชกิ ในกลุม่ ๑……………………………………………………………………………………………คะแนนทีไ่ ด้…………………….คะแนน ๒…………………………………………………………………………………………...คะแนนทไี่ ด้…………………….คะแนน ๓.……………………………………………………………………………….………….คะแนนท่ไี ด้…………………….คะแนน ๔.………………………………………………………………….……………………….คะแนนทไ่ี ด้…………………….คะแนน ลงช่ือ……….…………………………..ผปู้ ระเมนิ (………………………………………..) ..………/…………/…..…….
๓๒ แบบสังเกตพฤตกิ รรมกลมุ่ การทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองทม่ี ีคุณค่าตามความสนใจ(คู่) คาชี้แจง ให้ทาเครอื่ งหมาย ลงในช่องสงั เกตพฤติกรรมทีน่ กั เรียนปฏิบตั ิ พฤติกรรม ความสนใจใน ความร่วมมือ ยอมรับฟงั มนี ้าใจ มคี วาม คะแนนรวม การเรยี นและ ช่วยเหลอื รับผิดชอบ ผลการประเมิน การตรงต่อ ในการทางาน ความคดิ เหน็ เพื่อนในการ งานท่ีได้รับ ตามข้ันตอน ของเพอ่ื น ทางาน มอบหมาย ระดับ เวลา ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ สมาชกิ ในกลมุ่ ๑……………………………………………………………………………………………คะแนนท่ีได้…………………….คะแนน ๒…………………………………………………………………………………………...คะแนนทไี่ ด้…………………….คะแนน ลงชอ่ื ……….…………………………..ผู้ประเมนิ (………………………………………..) ..………/…………/…..…….
๓๓ ๑๒. กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. ๑๓. บันทึกผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทง้ั หมดจานวน.....................คน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรขู้ อ้ จานวนนกั เรียนทผ่ี า่ น จานวนนกั เรียนท่ีไมผ่ ่าน ท่ี จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๑๔. ปญั หา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. ...............................................................................................................................................................
๓๔ ๑๕. ขอ้ เสนอแนะ ....................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. .................................. . ลงช่อื ........................................................................ (…………………………………………………..............) ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... ลงช่อื ................................................................ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ (………………………………………………….............) ลงชอ่ื .......................................................... รองผอู้ านวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ (………………..………..………………………………..) ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา ได้ทาการตรวจแผนการเรยี นรูข้ อง....................................................แลว้ มีความคดิ เหน็ ดงั น้ี ๑. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๒. การจดั กจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป
๓๕ ๓. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ลงชอ่ื ................................................................... (……………………………………………………………) ผูอ้ านวยการโรงเรยี น………………………………………………………….
๓๖
๓๗ ๒
๓๘
๓๙ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ เรือ่ ง สรรค์สรา้ งคา รอ้ ยเรยี งนาประโยคความ เวลา ๑๐ ชั่วโมง ๑.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและ พลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ตัวชวี้ ดั ท. ๔.๑ ม ๒/๑ สรา้ งคาในภาษาไทย ท. ๕.๑ ม ๒/๒ วเิ คราะหโ์ ครงสร้างประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน ๒.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลักการสรา้ งคาในภาษาไทยได้ (K) - นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์โครงสร้างประโยคสามัญได้ (K) - นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยครวมได้ (K) - นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคซ้อนได้ (K) ดา้ นทกั ษะ (P) - นักเรียนสามารถนาเสนอการสร้างคาในภาษาไทยได้ (P) - นกั เรียนมีส่วนร่วมในการวเิ คราะห์โครงสร้างประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อนได้ (P) ดา้ นจิตพสิ ยั (A) - นักเรียนเหน็ ประโยชน์ของการสรา้ งคาในภาษาไทย (A) - นักเรียนเหน็ ประโยชนข์ องการวเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยค ซ้อน (A)
๔๐ ๓.สาระสาคัญ ภาษาปรียบเสมือนต้น ไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขา งอกงามออกไป การ แตกก่ิงก้านของต้นไม้ก็ เหมือนกบั การเพิ่มคาศพั ท์ใหม่ของภาษา นบั วนั เราจะมคี าใหม่ๆ เพมิ่ มากขนึ้ เพราะมีคนใช้ภาษามากขึ้น คนกส็ ร้างคามารองรับกบั สงิ่ ทเ่ี กดิ ข้ึนใหม่ คาใหม่ทม่ี คี วามหมายใหมจ่ งึ เกดิ ข้นึ ใหมเ่ สมอๆ ซ่ึงแต่ละภาษาก็ จะมวี ธิ กี ารสร้างคาที่แตกตา่ งกนั ออกไป สาหรบั ภาษาไทย การสรา้ งคาใหม่จะเป็นไปตามหลักการสร้างคา การนา “คามลู ” มารวมกนั ในรูปแบบต่างๆ ก็จะทาใหเ้ กิด “คาประสม” “คาซ้อน” “คาซ้า” การผสมคา บาลหี รอื สนั สกฤตกจ็ ะเกดิ คาใหมท่ ีเ่ ปน็ “คาสมาส” หรือ “คาสนธิ” เป็นต้น เม่ือมีคาเป็นฐานอยู่แล้ว ตอ่ มาคือการเรียงเข้าประโยคเป็นประโยคชนิดตา่ ง ๆ ๔.สาระการเรยี นรู้ ๑. การสรา้ งคาในภาษาไทย ไดแ้ ก่ คาสมาส ๒. ลักษณะของประโยคในภาษาไทย ได้แก่ ประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซ้อน ๕.สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น (เฉพาะท่เี กิดในหนว่ ยการเรยี นรู้นี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๖.ทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จุดเน้นสู่การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน) ทกั ษะการอา่ น (Reading) ทกั ษะการเขียน (Writing) ทักษะการคิดคานวณ (Arithmetic) ทกั ษะดา้ นการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical thinking and problem solving) ทักษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทางานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สอ่ื (Communication information and media literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing) ทักษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง (Change) ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผ้นู า (Leadership)
๔๑ ๗. ช้นิ งานหรือภาระงาน ( หลักฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) ๗.๑ ใบงานที่ ๑ การสรา้ งคาสมาส ๗.๒ ใบงานท่ี ๒ ประโยคสามญั ๗.๓ ใบงานท่ี ๓ ประโยคความรวม ๗.๔ ใบงานท่ี ๔ ประโยคความซ้อน ๘. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ เรื่อง การสร้างคาสมาส ช่ัวโมงท่ี ๑-๒(รปู แบบการเรยี นรู้แบบบรรยาย) ๑.ข้ันเตรียม ๑.ครกู ล่าวทักทายและพูดคยุ กบั นักเรียนเลก็ นอ้ ย ๒.ครูเตรยี มส่ือทีใ่ ช้ในการสอนพร้อมท้งั ส่งไฟล์ใบความรู้ให้นกั เรยี นในไลน์กลุ่ม ๒.ข้ันสอน ๓.ครูบรรยายหลักการสรา้ งคาในภาษาไทย และให้นักเรยี นอธิบายอีกครง้ั ๔.ครูสอนการสร้างคาสมาส พร้อมยกตวั อย่างคา ๕.ครูแจกกระดาษรูปหวั ใจคนละ ๑ ดวง ทมี่ ีคาสมาสและคาชนดิ อืน่ ๆ ๖.ครูใหน้ กั เรยี นนาหัวใจท่ไี ด้แยกใส่กล่องคาสมาส และกลอ่ งทไี่ ม่ใช่คาสมาสทลี ะคน ๗.ครูเฉลยคาทีเ่ ป็นคาสมาส ๓.ขัน้ สรปุ ๘.ครูให้นกั เรียนสรปุ ลักษณะคาสมาส และข้อสงั เกต ๙.ครูสรุปใหฟ้ งั อีกคร้งั และให้ใบงานทดสอบความรู้ความเข้าใจ พร้อมทั้งอัดวิดีโอนาเสนอ ใบงาน ๑ คลิป หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ เรอ่ื ง ประโยคสามัญ ชั่วโมงท่ี ๑-๒ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรแู้ บบสาธิต) ๑.ขัน้ เตรยี มการสาธิต ๑.ครูกลา่ วทกั ทาย พรอ้ มทัง้ เกริน่ ลกั ษณะประโยคในภาษาไทย ๒.ครูให้นักเรียนยกตวั อย่างประโยคสามญั ตามความรเู้ ดิม ๓.ครใู หน้ ักเรียนดูเนื้อหาใน PowerPoint พรอ้ มท้งั บรรยายรายละเอยี ด
๔๒ ๒.ข้ันสาธติ ๖.ครูใหเ้ รียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ ๔ คน ๗.ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มแตง่ ประโยคสามญั จากคาท่กี าหนด ในเวลา ๕ นาที ๘.ครใู ชโ้ ปรแกรมสุ่มจัดลาดับกล่มุ เพ่ือนาเสนอ และให้คะแนน ๓.ขั้นสรปุ และวดั ผล ๙.ครูสรุปผลในการเรียนเรอ่ื งประโยคสามัญ ๑๐.ครูใหท้ าใบงานเรื่องประโยคสามญั หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓ เรอ่ื ง การทอ่ งจาบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองที่มีคณุ ค่า ชว่ั โมงท่ี ๑-๓ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรแู้ บบบรรยาย) ๑.ข้ันเตรยี ม ๑.ครูกล่าวทกั ทาย พรอ้ มเกริน่ เขา้ เนื้อหา ๒.ครูเตรยี มตัวอย่างประโยคชนิดตา่ ง ๆ แปะบนกระดาษ ๒.ขั้นสอน ๓.ครูสอนลักษณะโครงสรา้ งของประโยคความรวม และบอกขอ้ สังเกต ๔.ครูใหก้ บั นกั เรียนร่วมกันวิเคราะห์ประโยคในกระดาษที่แปะบนกระดาน ๕.ครูให้นักเรียนแต่งประโยคความรวมคนละ ๕ ประโยค เขยี นใส่ในสมุด ๓.ขั้นสรุป ๖.ครูสรปุ ภาพรวมของการเรยี นเรอ่ื งประโยคความรวม หน่วยยอ่ ยท่ี ๔ เร่อื ง ประโยคความซ้อน) ชวั่ โมงท่ี ๑-๓ (ใชร้ ปู แบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ) ขนั้ ที่ ๑ ขั้นเตรียมการ ๑. ครูแบง่ กลุ่มนกั เรยี นออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ ๔ คน ขนั้ ท่ี ๒ ขนั้ สอน ๒. ครูอธิบายลกั ษณะโครงสร้างประโยคความซ้อน พร้อมยกตวั อยา่ ง
๔๓ ขน้ั ท่ี ๓ ข้ันกจิ กรรมกลมุ่ ๓.ครใู ห้นักเรยี นอา่ นบทความใน PowerPoint ๔.ครูให้นักเรยี นในกลุ่มร่วมกนั วิเคราะห์คน้ หาประโยคความซ้อนในบทความ พร้อมทั้งบอก เหตุผลว่าทาไมถึงเปน็ ประโยคความซ้อน ภายใน ๓๐ นาที ขั้นที่ ๔ ขนั้ ตรวจสอบผลงานและทดสอบ ๕.ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสแกนควิ อาร์โคด้ เพื่อนาเสนอคาตอบของกลมุ่ ตน ๖.ครูและเพอ่ื นรว่ มกันตรวจสอบและให้คาแนะนาเพม่ิ เตมิ ขัน้ ที่ ๕ ข้ันสรุปบทเรียนและประเมินผลการทากจิ กรรมกล่มุ ๗.ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มอภปิ รายส่งิ ท่ีได้จากการเรยี น ๙. ส่อื การสอน ๙.๑ ส่ือการเรียนการสอนประกอบการนาเสนอ PowerPoint ๙.๒ ใบความรู้ ๑๐. แหล่งเรยี นรใู้ นหรือนอกสถานท่ี - ๑๑. การวดั และประเมินผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ วี ดั เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์ การประเมิน ๑.นักเรยี นสามารถอธิบาย ตรวจใบงานท่ี ๑การสร้าง ใบงานท่ี ๑การสรา้ งคาสมาส ๙-๑๐คะแนน = ดีมาก ระดบั พอใชข้ น้ึ หลักการสร้างคาในภาษาไทยได้ คาสมาส ๗-๘คะแนน = ดี ไปถอื วา่ ผ่าน ๔-๖คะแนน = พอใช้ ๐- ๓คะแนน =ปรับปรุง ๒.นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ ตรวจใบงานที่ ๒ประโยค ใบงานที่ ๒ประโยคสามญั ๙-๑๐คะแนน = ดมี าก ระดบั พอใช้ขนึ้ โครงสร้างประโยคสามัญ สามญั ๗-๘คะแนน = ดี ไปถือว่าผา่ น ๔-๖คะแนน = พอใช้ ๐- ๓คะแนน =ปรับปรงุ ๓.นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ ตรวจใบงานท่ี ๓ประโยค ตรวจใบงานท่ี ๓ ประโยค ๙-๑๐คะแนน = ดีมาก ระดบั พอใช้ขึ้น ๗-๘คะแนน = ดี ไปถือวา่ ผา่ น โครงสรา้ งประโยครวม ความรวม ความรวม ๔-๖คะแนน = พอใช้ ๐- ๓คะแนน =ปรับปรงุ
๔๔ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีวดั เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์ ใบงานที่ ๔ประโยค การประเมิน ๔.นักเรยี นสามารถวิเคราะห์ ตรวจใบงานท่ี ๔ ประโยค ความซ้อน โครงสร้างประโยคซอ้ นได้ ความซ้อน ๙-๑๐คะแนน = ดมี าก ระดบั พอใช้ข้นึ แบบประเมนิ การการสรา้ ง ๗-๘คะแนน = ดี ไปถอื วา่ ผ่าน ๕.นกั เรยี นสามารถนาเสนอการ ประเมนิ การนาเสนอการ คาสมาส ๔-๖คะแนน = พอใช้ สร้างคาในภาษาไทยได้ สรา้ งคาสมาส ๐- ๓คะแนน =ปรับปรงุ แบบประเมนิ การมีส่วนร่วม ๖.นกั เรียนมีสว่ นร่วมในการ ประเมนิ การมสี ว่ นรว่ มใน ในการวเิ คราะห์โครงสร้าง ตอบถูก ๔ ข้อ ระดับพอใช้ขึน้ วิเคราะห์โครงสร้างประโยค การวเิ คราะห์โครงสรา้ ง ประโยคสามัญ ประโยครวม ระดบั ดมี าก ไปถอื วา่ ผ่าน สามญั ประโยครวมและ ประโยคสามัญ ประโยค และประโยคซ้อน ตอบถกู ๓ ขอ้ ประโยคซ้อน รวมและประโยคซอ้ น ระดบั ดี ตอบถกู ๒ ขอ้ ระดับพอใช้ ตอบถกู ๐-๑ ขอ้ ระดบั ควรปรบั ปรงุ ตอบครบ ๕ ข้อ ได้ ๕ ระดบั พอใชข้ น้ึ คะแนน ระดับดีมาก ไปถือว่าผ่าน ปฏิบัติ ๔ข้อขาด ๑ ข้อ ได้ ๔ คะแนน ระดับดี ปฏิบตั ิ ๓ข้อขาด ๒ ข้อ ได้ ๓ คะแนน ระดับ พอใช้ ปฏิบตั ิ ๒ขอ้ ขาด ๑ ข้อ ได้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั ิ ๑ขอ้ ขาด ๔ ขอ้ ได้ ๑ คะแนน ระดับปรับปรุง ๗. นกั เรยี นมีความ สังเกตพฤตกิ รรมของ แบบสงั เกตพฤติกรรมของ ๒-๓ คะแนน = ดี ระดับพอใช้ขนึ้ นกั เรยี นในการทากจิ กรรม ๑ คะแนน = พอใช้ ไปถือวา่ ผ่าน กระตอื รือร้นของการสร้างคา นกั เรยี นในการทา ๐ คะแนน = ปรบั ปรุง ในภาษาไทย กิจกรรม
๔๕ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์ การประเมนิ ๘. นักเรยี นมีความตัง้ ใจในการ สังเกตพฤตกิ รรมของ แบบสังเกตพฤติกรรมของ ๒-๓คะแนน = ดี วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยค นักเรียนในการทา นกั เรยี นในการทากจิ กรรม ๑ คะแนน = พอใช้ ระดบั พอใชข้ ึ้น สามญั ประโยครวมและ กิจกรรม ๐ คะแนน = ปรบั ปรุง ไปถือวา่ ผา่ น ประโยคซอ้ น แบบประเมนิ การนาเสนอการสร้างคาในภาษาไทย(คาสมาส) ตัวชีว้ ดั รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน การนาเสนอการสร้างคาในภาษาไทย ๑. มีความพรอ้ มในการนาเสนอ ๕ คะแนน : มคี รบทกุ ขอ้ ๔ คะแนน : มี ๔ ข้อ ขาด๑ ข้อ ๓ คะแนน : มี ๓ ได้ ๒. รกั ษาเวลาตามทีก่ าหนด ข้อ ขาด ๒ ข้อ ๒ คะแนน : มี ๒ ข้อ ขาด๓ ขอ้ ๑ คะแนน : มี ๑ ข้อ ขาด ๓. การใช้ภาษาในการนาเสนอมี ๔ ข้อ ความถูกตอ้ ง เหมาะสม ๔. พดู นาเสนอได้ครบถ้วน สมบรู ณ์ ๕. พูดนาเสนอได้ชัดเจน ตรง ประเดน็ ๑…………………………………………………………………………….. คะแนนที่ได้……………..คะแนน ลงชอ่ื ....................................... ผปู้ ระเมิน (................................................) ............./............./............
๔๖ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การมีส่วนรว่ มในการวเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน คาช้แี จง ใหท้ าเครอื่ งหมาย ลงในช่องสังเกตพฤตกิ รรมทนี่ กั เรยี นปฏิบตั ิ รายการประเมิน พฤตกิ รรม ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ ความสนใจในการเรยี นและการตรงต่อเวลา ความรว่ มมือในการทางานตามข้ันตอน ยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของเพอ่ื น มนี า้ ใจ ช่วยเหลือเพอ่ื นในการทางาน มคี วามรับผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับมอบหมาย หมายเหตุ ปฏบิ ตั คิ รบ ๕ ขอ้ ได้ ๕ คะแนน ปฏบิ ัติ ๔ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้ ได้ ๔ คะแนน ปฏิบตั ิ ๓ ขอ้ ขาด ๒ ข้อ ได้ ๓ คะแนน ปฏบิ ตั ิ ๒ ข้อ ขาด ๑ ข้อ ได้ ๒ คะแนน ปฏิบัติ ๑ ข้อ ขาด ๔ ขอ้ ได้ ๑ คะแนน ชื่อ…………………………………………………………………….….เลขท่ี…..………….คะแนนทไี่ ด้…………….…………. ลงชือ่ ……….…………………………..ผ้ปู ระเมนิ (………………………………………..) ..………/…………/…..…….
Search