ห น่ ว ย ก า ร เ รี ย น รู้ ท่ี การแก้ ปั ญ ห า ความขดั แย้ง
สาระการเรียนรู้ 1 ความหมายของความขดั แยง้ และสาเหตุของความขดั แยง้ 2 ทกั ษะทเ่ี หมาะสมในการป้องกนั ลด และแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ (1) 3 ทกั ษะทเ่ี หมาะสมในการป้องกนั ลด และแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ (2)
ความขดั แย้ง (Conflict) หมายถงึ สภาพทบ่ี คุ คล ทงั้ สองฝ่ายมคี วามคดิ เหน็ หรอื ความเชอ่ื ไมต่ รงกนั และยงั ไมส่ ามารถหาขอ้ ยุติ ทส่ี อดคลอ้ งกนั ได้
“ความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคล” หมายถงึ ความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคลสองคนขน้ึ ไป ซง่ึ เกดิ จากการมี คา่ นิยม ความเช่อื ทศั นคติ และ เป้าหมายทไ่ี มส่ อดคลอ้ งกนั
ความ ขั ด ง
สาเหตุของ 1. 2. 3. ความขดั แยง้ ความคิดเหน็ แตกต่างกนั วิธีการคิด การรบั รู้ ในแตล่ ะบุคคลจะมคี วาม ขดั แย้งกนั แตกต่างกนั ระหวา่ ง แตกตา่ งตามธรรมชาตขิ อง ในแต่ละบุคคลจะมวี ธิ กี ารคดิ เป็นสาเหตุทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ บุคคล หรอื วธิ กี ารแกไ้ ขปัญหาท่ี ปัญหาทไ่ี มส่ ามารถหาขอ้ ยตุ ิ มนุษยร์ วมกบั แตกตา่ งกนั ไดห้ ากต่างฝ่ายต่างยนื ยนั ใน ความแตกตา่ งของ สง่ิ ทต่ี นเหน็ ถูกตอ้ ง ประสบการณ์ และการเรยี นรู้
4. 5. 6. สาเหตุของ ค่านิ ยม “อคติ” การขดั ความขดั แยง้ แตกต่างกนั หมายถงึ หลกั ท่ี ของความรสู้ กึ สว่ นตวั ทม่ี ตี ่อ ผลประโยชน์กนั ปัญหาความ บุคคลยดึ เป็นเกณฑใ์ นการ ระหวา่ ง ตดั สนิ คณุ คา่ เป็นผลมาจาก บุคคลอน่ื ขดั แยง้ น้เี ป็นปัญหาใหญ่ บคุ คล ความเชอ่ื ประสบการณ์ และ อาจเกดิ จากความรสู้ กึ สว่ นตวั ทม่ี กั จะแกไ้ ขไดย้ ากกวา่ ปัญหา การอบรมของบุคคลนนั้ ได้ ประสบการณ์ หรอื คาบอกเลา่ อ่นื รบั มา ของคนอ่นื
สาเหตุของ 1. 2. 3. ความขดั แย้ง ระหว่างวยั รุ่น ผสู้ งู อายกุ ว่าปรบั ตวั ภาพรวมของพอ่ แม่ ค่านิยม สภาพ กบั ครอบครวั ไมท่ นั ต่อความ เมือ่ เป็นวยั ร่นุ เจริญเติบโตของ เศรษฐกจิ สงั คม วยั รนุ่ แตกต่างจากวยั ร่นุ ใน ความกา้ วหน้าทาง ปัจจบุ นั เทคโนโลยี แบบแผน ยงั ใชว้ ธิ กี ารสมั พนั ธก์ บั วยั รนุ่ มกี ารเปลย่ี น วฒั นธรรม ความสมั พนั ธก์ บั พอ่ แม่ เปลี่ยนแปลงไป เชน่ เดยี วกบั วยั เดก็ ทา จากแบบรบั รอู้ ยา่ งเดยี ว ใหว้ ยั รนุ่ ไมม่ อี สิ ระทาง มาเป็นใชก้ ารวเิ คราะห์ ความคดิ ในการใชช้ วี ติ วจิ ารณ์มากยงิ่ ขน้ึ
4. 5. 6. สาเหตุของ ความขดั แย้ง ผใู้ หญ่ใช้ความคิด ในบา้ นมีความสมั พนั ธต์ ่อ วยั ร่นุ รกั ความอิสระ ชอบ ระหว่างวยั รุ่น ความสามารถ กนั ไมร่ าบร่นื หาประสบการณ์ใหม่ ๆ มี กบั ครอบครวั ยอ่ มทาใหเ้ กดิ ความสบั สนทางอารมณ์และ ประสบการณ์ ความรขู้ อง ความขดั แยง้ ความคดิ เป็นสาเหตุของความ ตนเป็ นมาตรฐาน ระหวา่ งวยั โดยงา่ ย ขดั แยง้ ได้ คาดหวงั กบั การกระทาของ วยั รนุ่
ผ ล ข อ ง ค ว า ม ข ัด แ ย้ ง ต่ อ ว ัย รุ่น แ ล ะ ค ร อ บ ค ร ัว 1. เกดิ ความกระวน ผลเสยี ตอ่ อาจนาไปสปู่ ัญหา ทาใหส้ ขุ ภาพจติ กระวายใจ ระบบการ บา้ นแตก เสอ่ื มโทรมทงั้ เกดิ ความสะเทอื น ทางานของ สุขภาพจติ อารมณ์ ทาใหข้ าด ครนุ่ คดิ ไมร่ จู้ กั จบ รา่ งกาย ครอบครวั ประสทิ ธภิ าพในการ สน้ิ เศรษฐกจิ และ สงั คมได้ เรยี น การทางาน และขาด กาลงั ใจ
ขัด
แนวทางแก้ไขปัญหาความขดั แย้งที่ เกิดขึน้ ระหว่างวยั ร่นุ และครอบครวั พจิ ารณาถงึ ปัญหา แลว้ พจิ ารณาสงิ่ ทต่ี นเองตอ้ งการ การนดั หมายเวลา เพอ่ื พดู ถงึ ความขดั แยง้ ทเ่ี กดิ ขน้ึ และขอความ รว่ มมอื ในการแกไ้ ข อธบิ ายถงึ ปัญหาและความตอ้ งการของตนเอง ใหอ้ กี ฝ่ายทราบอยา่ งชดั เจนและตรงไปตรงมา ตรวจสอบความเขา้ ใจของอกี ฝ่ายหน่ึง วา่ เขา้ ใจตรงกนั กบั ทต่ี นเองตอ้ งการบอก
แนวทางแก้ไขปัญหาความขดั แย้งที่ เกิดขึน้ ระหว่างวยั ร่นุ และครอบครวั เปิดโอกาสใหอ้ กี ฝ่ายไดอ้ ธบิ ายความตอ้ งการของเขา ตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองโดยการตงั้ ใจฟัง และใสใ่ จตอ่ ความรสู้ กึ ของอกี ฝ่ายหน่ึงเสมอ รว่ มกนั หาแนวทางและตดั สนิ ใจจดั การกบั ความขดั แยง้ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เพอ่ื ใหท้ งั้ 2 ฝ่ายพงึ พอใจ
สาเหตุของ 1. 2. 3. ความขดั แย้ง การอยใู่ น การมผี ลประโยชน์ การมีอคติ ระหว่างนักเรยี น สภาพแวดล้อม ขดั กนั ความไม่ ทงั้ สองฝ่ายมคี วามรสู้ กึ กบั เยาวชน ต่างกนั เป็นสว่ นทท่ี า ใหเ้ ยาวชนแตล่ ะคนมี สอดคลอ้ งระหวา่ งความ สว่ นตวั ในชุมชน ลกั ษณะตา่ งกนั ออกไป ตอ้ งการของเยาวชนใน ทไ่ี มด่ ตี อ่ กนั และแสดง กลุ่ม เชน่ การรกั ออกมาใหเ้ หน็ สถาบนั ของตน เรอ่ื งชู้ สาว
ผ ล ข อ ง ค ว า ม ข ัด แ ย้ ง ร ะ ห ว่ า ง นั ก เ รี ย น แ ล ะ เ ย า ว ช น ใ น ชุ ม ช น ผลดี ผลเสีย ตระหนกั และรบั รู้ สมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคลเสอ่ื มลง สรา้ งความรสู้ กึ รว่ มในปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ก่อเกดิ การเรยี นรแู้ ละปรบั ปรงุ พฤตกิ รรม เกดิ การตอ่ ตา้ นทงั้ ทางลบั และเปิดเผย ชว่ ยเพมิ่ วฒุ ภิ าวะใหก้ บั เยาวชน หากเกดิ การรวมตวั และใชค้ วามรนุ แรงเป็น กอ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในดา้ นต่าง ๆ เหตุใหเ้ กดิ ความสญู เสยี ผลกระทบดา้ นจติ ใจ จติ ใจบอบชา้ อาจทาใหเ้ กดิ ปัญหาอ่นื ๆ ตามมา
ระหว่างนักเรียนและเยาวชนในชุมชน 1 การเจรจา ใหท้ ุกฝ่ ายท่มี สี ่วนเก่ยี วขอ้ งยนิ ยอมท่จี ะร่วมมอื กนั แก้ไขปั ญหา หาวธิ กี ารให้ เกดิ ความพงึ พอใจทงั้ สองฝ่าย 2 การใช้บุคคลท่สี าม ทาหน้าท่ใี นการช่วยไกล่เกล่ยี ขอ้ ขดั แยง้ อาจเป็นบุคคลท่ที ุกฝ่ายให้ ความเคารพและตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากคกู่ รณี
ระหว่างนักเรียนและเยาวชนในชุมชน 3 การแกไ้ ขความขดั แยง้ ดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี ไมใ่ ชค้ วามรนุ แรง มวี ธิ กี ารดงั น้ี - การเจรจา แสดงออกถงึ ความตงั้ ใจทห่ี าขอ้ ตกลงรว่ มกนั เพอ่ื หาขอ้ ยตุ ิ - การไกลเ่ กลย่ี อาศยั คนกลางเป็นคนตดิ ต่อเชอ่ื มประสาน - การประนปี ระนอม หาขอ้ สรปุ ทส่ี มเหตุสมผลและเป็นทต่ี กลงของทงั้ สองฝ่าย
สรุปความหมายและสาเหตุของความขัดแย้ง ความหมาย สภาพทบ่ี คุ คล 2 ฝ่ายมคี วามคดิ เหน็ หรอื ความเชอ่ื ไมต่ รงกนั และยงั ไมส่ ามารถหาขอ้ ยตุ ไิ ด้ สาเหตุ ประเภท ความขดั แยง้ ความขดั แยง้ ระหวา่ ง ความขดั แยง้ ระหวา่ งนกั เรยี นและ สาเหตุ ระหวา่ งบคุ คล วยั รนุ่ กบั ครอบครวั เยาวชนในชุมชน 1. ความคดิ เหน็ แตกต่างกนั 1. ผสู้ งู อายกุ วา่ ปรบั ตวั ไมท่ นั 1. อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มแตกต่าง 2. วธิ กี ารคดิ ขดั แยง้ กนั 2. ภาพรวมแตกตา่ งกนั กนั 3. การรบั รแู้ ตกตา่ งกนั 3. คา่ นยิ ม แบบแผนเปลย่ี น 4. คา่ นิยมแตกต่างกนั 4. ผใู้ หญ่เป็นมาตรฐาน 2. มผี ลประโยชน์ขดั กนั 5. อคติ 5. ความสมั พนั ธไ์ มร่ าบรน่ื 3. การมอี คตติ ่อกนั 6. การขดั ผลประโยชน์กนั 6. วยั รนุ่ รกั ความอสิ ระ
ทักษะท่ีเหมาะสมในการป้ องกัน ลดและแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง
การสอ่ื สารทส่ี รา้ งสรรค์
การส่ือสารเป็นเคร่ืองมือในการเช่ือมโยงความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คล เป็นวธิ กี าร ทบ่ี อกความรสู้ กึ และความตอ้ งการของเราใหค้ นอน่ื ทราบ รวมทงั้ วธิ กี ารขอรอ้ งอยา่ งเหมาะสมกบั สถานการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ
ส่อื ท่ีใช้ 1. ภาษาพูด ในการ 2. ภาษาเขยี น ส่อื สาร 3. ภาษากาย
1. ภาษาพูด เป็นสอ่ื ทม่ี กี ารใชม้ ากทส่ี ดุ เพราะใชง้ า่ ย สะดวก และประหยดั ควรคานึงถงึ เรอ่ื ง ต่อไปน้ี ถอ้ ยคาทใ่ี ช้ มคี วามสภุ าพ น้าเสยี งนุ่มนวล การแสดงสหี น้า มหี างเสยี ง มจี งั หวะ และมี ดวงตา ยม้ิ แยม้ เป็น ไพเราะ การแสดงออกดว้ ย น่าฟังเขา้ ใจงา่ ย การเวน้ ระยะของแต่ละ ประโยคอยา่ งเหมาะสม ความจรงิ ใจ
2. ภาษาเขียน เป็นสอ่ื ทใ่ี ชร้ องลงมา สามารถใหร้ ายละเอยี ดไดด้ กี วา่ การพดู และผสู้ ง่ สารยงั มโี อกาสขดั เกลาภาษาใหเ้ หมาะสมและถูกตอ้ ง ถา้ มหี ลายวรรคหลาย ตอน ควรมกี ารกลา่ วนาและ สรปุ สาระสาคญั กอ่ นจบ
3. ภาษากาย บคุ คลใชม้ ากและใชอ้ ยตู่ ลอดเวลา บางครงั้ ผใู้ ชไ้ มร่ ะมดั ระวงั หรอื ไมต่ งั้ ใจ อาจ เกดิ ทศั นคตทิ ไ่ี มด่ กี บั ผแู้ สดงออก การสอ่ื สารโดยใชภ้ าษากาย คอื การแสดงออกทางกริ ยิ าอาการ สหี น้า ทา่ ทาง สายตา การสมั ผสั และทกุ อยา่ งทเ่ี หน็ หรอื ไดย้ นิ แลว้ สามารถเขา้ ใจความหมายได้ เชน่ การยม้ิ การโบกมอื การ การกามอื เกรง็ มอื หน้า การจอ้ งหน้า การโอบกอด สา่ ยหน้า แดง ดว้ ยสายตาไมพ่ อใจ ตบบา่ เบา ๆ การนงั่ กอดอก ไมส่ บตาผพู้ ดู
นกั เรยี นลองสงั เกตภาษากายต่อไปน้ี ดนู าฬกิ าบอ่ ยครงั้ สอ่ื ถงึ ความอดึ อดั เบอ่ื ไมส่ นใจ หรอื หรอื นงั่ แกวง่ ขาเลน่ อยากจบบทสนทนา ไมก่ ลา้ สบตา หรอื สอ่ื ถงึ ประหมา่ มคี วามผดิ หรอื มองไปทางอ่นื บอ่ ยครงั้ ไมพ่ อใจในคาพดู บางอยา่ ง
นกั เรยี นลองสงั เกตภาษากายต่อไปน้ี การนงั่ ไขวห่ า้ ง สอ่ื ถงึ ความมนั ่ ใจในตวั เอง การกม้ หน้า สอ่ื ถงึ การซอ่ นความรสู้ กึ บางอยา่ ง หรอื การนงั่ กอดอก ขาดความมนั่ ใจ สอ่ื ถงึ การเรม่ิ ไมไ่ วว้ างใจ หรอื วางอานาจ เหนือคสู่ นทนา
ทกั ษะในการสอ่ื สารทด่ี เี พ่อื สรา้ งสมั พนั ธภาพ จะตอ้ ง ยอมรบั และให้เกียรติผฟู้ ัง เข้าใจความรสู้ ึกและใส่ใจผู้ พดู ดงั นนั้ ถา้ บคุ คลมที กั ษะการ สอ่ื สารทด่ี จี ะชว่ ยใหม้ ที กั ษะอ่นื ทด่ี ตี ามไปดว้ ย
การสอ่ื สารทส่ี รา้ งสรรค์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การส่ือสารอย่างสนั ติมที างเลอื กทจ่ี ะสอ่ื สารได้ 3 ทาง คอื 1. 2. เขา้ ใจตนเองวา่ รสู้ กึ สอ่ื สารใหผ้ อู้ ่นื รบั รู้ และตอ้ งการอะไร ความรสู้ กึ และ 3. ความตอ้ งการทแ่ี ทจ้ รงิ ของเราอยา่ งจรงิ ใจ เขา้ ใจคนอ่นื อยา่ งจรงิ ใจ ทงั้ ในเรอ่ื งทเ่ี ราเหน็ ดว้ ย และไมเ่ หน็ ดว้ ย
อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ก า ร สื่ อ ส า ร อ ย่ า ง สัน ติ 1. ใหข้ อ้ สงั เกตไดว้ า่ 3. คน้ หาและบอก 4. หาขอ้ ตกลงรว่ มกนั ท่ี เกดิ อะไรขน้ึ ความตอ้ งการในสว่ นลกึ ของ ปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ดว้ ยการ โดยไมต่ ดั สนิ เราและคนอ่นื สอ่ื สารทช่ี ดั เจนและเป็น ไมป่ ระเมนิ หรอื ตคี วาม 2. พดู สอ่ื ความรสู้ กึ ทงั้ ของตวั ทางบวก เราและคนอ่นื อยา่ ง ตรงไปตรงมา
ทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพและ ทกั ษะการสอ่ื สารความเขา้ ใจ
ทักษะการสร้างสัมพันธภาพเพื่อให้เกิ ดความมัน่ คง การเปิ ดเผยตนเองและไว้ใจ การเล่าหรอื บอกความไม่ ความไว้วางใจ (Trust) ซ่ึงกนั และกนั ประกอบดว้ ย สบายใจของตนเองกบั ผอู้ ื่น สง่ิ จาเป็นสาหรบั การพฒั นา การถาม จะชว่ ยให้ สมั พนั ธภาพ ระดบั การ การฟัง การทวนเน้อื หา เจา้ ตวั มองเหน็ ปัญหา และการสะทอ้ นความรสู้ กึ ไวว้ างใจเป็นสง่ิ ทเ่ี ปลย่ี นแปลง พรอ้ มกบั เปิดเผยตนเอง ของตนเองชดั ขน้ึ ไดต้ ลอดเวลา (self–disclosure)
ทัก ษ ะ ก า ร สื่ อ ส า ร ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ทกั ษะการฟัง (Listening skill) เป็น ความใส่ใจ (Attention) การทวนเนื้อความ ทกั ษะพน้ื ฐานทส่ี าคญั ทาใหเ้ ขา้ ใจ (Restatement) พดู ทบทวนใน สาระสาคญั ของผพู้ ดู สอ่ื ได้ 2 ชอ่ งทาง แสดงถงึ ความสนใจ การใหค้ วามสาคญั และให้ เกยี รตติ ่อ เน้อื หาทฟ่ี ังเพอ่ื แสดงวา่ เราสนใจ 1) ใชค้ าพดู ควรจบั ใจความ 5 ประเดน็ คสู่ นทนา โดยปราศจากอคติ และเขา้ ใจ และยงั เป็นการ หลกั คอื ใคร ทาอะไร ตรวจสอบความเขา้ ใจในสง่ิ ท่ี ทไ่ี หน เมอ่ื ไร และอยา่ งไร หรอื ใชเ้ จตคตคิ วามเชอ่ื สนทนากนั 2) น้าเสยี ง สหี น้า และทา่ ทาง บอกถงึ สว่ นตวั เขา้ ไป ความรสู้ กึ ของผพู้ ดู การสะท้อนความรสู้ ึก (Refection of feeling) จบั ความรสู้ กึ ของคสู่ นทนาซง่ึ อาจ เขา้ ใจไดจ้ ากเน้อื หาทส่ี นทนา การ สงั เกตสหี น้า ทา่ ทาง หรอื น้าเสยี ง
สรุปทักษะท่ีเหมาะสมในการป้ องกัน ลดและแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง การสอ่ื สารทส่ี รา้ งสรรค์ ทกั ษะการสรา้ ง ความสามารถในการ สมั พนั ธภาพและ ตดั สนิ ใจกบั การ สอ่ื ทใ่ี ช้ การสอ่ื สารอยา่ งสนั ติ ทกั ษะการสอ่ื สารความ แกป้ ัญหา ภาษาพดู เขา้ ใจ The next lesson ภาษาเขยี น ภาษากาย ทางเลอื ก 3 ทาง องคป์ ระกอบ การสรา้ ง การสอ่ื สารความ สมั พนั ธภาพ เขา้ ใจ เขา้ ใจวา่ ตน สงั เกตโดยไมต่ ดั สนิ ตอ้ งการอะไร พดู สอ่ื ความรสู้ กึ การเปิดเผยตนเองและไวใ้ จ ทกั ษะการฟัง ซง่ึ กนั และกนั ความใสใ่ จ สอ่ื สารใหผ้ อู้ ่นื คน้ หาและบอก การทวนเน้ือความ รบั รู้ ความตอ้ งการ การเลา่ หรอื บอกความไม่ การสะทอ้ นความรสู้ กึ สบายใจของตนเอง เขา้ ใจผอู้ ่นื อยา่ ง หาขอ้ ตกลงรว่ มกนั จรงิ ใจ ความไวว้ างใจ (Trust)
ทักษะท่ีเหมาะสมในการป้ องกัน ลดและแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง
ความสามารถในการตดั สนิ ใจกบั การ แกป้ ัญหา
ปัญหา หมายถึง สภาวะหรือสถานการณ์ท่ีไม่พึงประสงค์ อาจเกดิ ความขดั แยง้ ทางความคดิ ความตอ้ งการ หรอื เกดิ อปุ สรรคขน้ึ เชน่ ปัญหาสขุ ภาพ ปัญหาการเดนิ ทาง ปัญหาความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ปัญหาทางการเงนิ
การเข้าใจปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ และตระหนัก รู้ถึงปั ญหาเหล่านั้นจะ นาไปสู่การ แก้ปัญหา เน่ืองจากสามารถเตรียมตัว เพ่ือป้องกัน และสามารถแก้ไขปัญหา สาเรจ็ ไดโ้ ดยงา่ ย
ตวั อยา่ งการเขา้ ใจปัญหา โดย หลกั อริยสจั 4 สิ่งท่ีต้องทา กรณีตวั อย่าง ใชห้ ลกั อรยิ สจั 4 สถานการณ์ : ทะเลาะกบั เพอ่ื น ทุกข์ กาหนดรวู้ า่ ปัญหา ความขดั แยง้ เกดิ จากการทะเลาะ เรอ่ื งทางานกลมุ่ คอื อะไร กนั เพราะมสี มาชกิ ไมช่ ว่ ยทางาน สมทุ ยั หาสาเหตุ หาสาเหตุวา่ เพราะเหตุใดสมาชกิ ไม่ ของปัญหา ชว่ ยทางาน นิโรธ การกาหนด ทางานใหส้ าเรจ็ โดย เป้าหมาย ไมเ่ กดิ ความขดั แยง้ มรรค ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน สมาชกิ ในกลุม่ มาคุยกนั วา่ ทไ่ี ม่ ทว่ี างไว้ ทางานเกดิ จากสาเหตุใด ใหช้ ว่ ยกนั แกไ้ ข
การประเมนิ สถานการณ์เพอ่ื เขา้ ใจปัญหา 1 ประเมนิ สภาพทเ่ี ป็นอยใู่ นปัจจุบนั 2 ประเมนิ โดยการเปรยี บเทยี บ 3 ประเมนิ โดยการสงั เกตปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองของผอู้ น่ื
1 ประเมินสภาพท่ีเป็ นอยู่ในปัจจุบนั มลี กั ษณะทเ่ี ป็นปกตหิ รอื ไมป่ กติ หรอื ดวู า่ มกี ารเปลย่ี นแปลงเกดิ ขน้ึ หรอื ไม่ ถา้ มกี ารเปลย่ี นแปลงนนั้ สง่ ผลตอ่ การทางานหรอื การดารงชวี ติ อยา่ งไร การประเมนิ สภาพความขดั แยง้ กบั บคุ คลใหป้ ระเมนิ ระดบั ความขดั แยง้ และผลกระทบต่อความสมั พนั ธ์ ไดแ้ ก่ ความขดั แย้งมาก ไมส่ ามารถจะเชอ่ื มโยงความสมั พนั ธใ์ ด ๆ ระหวา่ งกนั ได้ ความขดั แย้งปานกลาง เชอ่ื มโยงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั ทาไดย้ ากกวา่ ปกติ ความขดั แยง้ ระดบั น้อย มคี วามสมั พนั ธก์ นั ตามปกติ แตเ่ รมิ่ มคี วามคดิ เหน็ ทไ่ี มต่ รงกนั
2 ประเมินโดยการเปรียบเทียบ 1. การเอาใจเขา 2. ลองปฏิบตั ิต่อผอู้ ่ืน มาใส่ใจเรา เช่นเดียวกบั ท่ีต้องการ ให้ผอู้ ื่นปฏิบตั ิต่อเรา เปรยี บเทยี บ อารมณ์และความรสู้ กึ 3. ลองสวมบทบาทเป็น อีกฝ่ าย แลว้ คาดวา่ ควร ไดร้ บั การปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร
3 ประเมินโดยการสังเกตปฏิ กิ ริยาตอบสนองของผู้อ่ืน • ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง หมายถงึ การแสดงออกของบคุ คลเมอ่ื ไดร้ บั รจู้ าก ประสาทสมั ผสั • บคุ คลจะมปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองในสงิ่ ทไ่ี ดร้ บั รมู้ ากหรอื น้อยไมเ่ ท่ากนั และลกั ษณะการตอบสนองกต็ า่ งกนั ดว้ ย • ดงั นนั้ การสงั เกตปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองของผอู้ ่นื ใหค้ านึงถงึ ความ แตกต่างระหวา่ งบุคคลดว้ ย
การประเมนิ โดยการสงั เกตปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง การจดั ระดบั ความสาคญั ของปัญหาจาก ของผอู้ น่ื ทาไดด้ งั น้ี ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองของผอู้ น่ื เชน่ 1. สงั เกตจากสหี น้าทา่ ทาง เชน่ ยม้ิ แยม้ การแสดงสหี น้าไมพ่ อใจของเพอ่ื น ตกใจ กลวั ทา่ ทางหลุกหลกิ โกรธ หน้าแดง มผี ลตอ่ การทางานของกลุ่ม เสยี งสนั่ เสยี งดงั มากหรอื น้อย 2. สงั เกตจากคาพดู ทโ่ี ตต้ อบวา่ การโตต้ อบแสดงความคดิ เหน็ เป็นมติ ร ไมพ่ อใจ หรอื เสยี ใจ มผี ลต่อความสามคั คภี ายใน 3. การกระทาเป็นไปตามทเ่ี ราคาดหวงั แผนกของเราหรอื ไม่ หรอื เป็นการกระทาทต่ี ่อตา้ น ซง่ึ จะ กลายเป็นปัญหาต่อไป การทเ่ี พอ่ื นในกลุม่ คนหน่งึ ทางาน ไมถ่ กู ตอ้ ง ทาใหง้ านของกลุ่มเกดิ ความ เสยี หายมากหรอื น้อย
สรุปทักษะท่ีเหมาะสมในการป้ องกัน ลดและแก้ไขปั ญหาความขัดแย้ง การสอ่ื สารทส่ี รา้ งสรรค์ ทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพและ ความสามารถในการตดั สนิ ใจกบั การ ทกั ษะการสอ่ื สารความเขา้ ใจ แกป้ ัญหา The last lesson การเขา้ ใจปัญหา การประเมนิ สถานการณ์ The last lesson เพอ่ื เขา้ ใจปัญหา การเขา้ ใจและตระหนกั รนู้ าไปสู่ ประเมนิ สภาพทเ่ี ป็นอยใู่ นปัจจบุ นั การแกป้ ัญหา เชน่ ใชห้ ลกั อรยิ สจั 4 ประเมนิ โดยการเปรยี บเทยี บ ประเมนิ โดยการสงั เกตปฏกิ ริ ยิ า ตอบสนองของผอู้ ่นื
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: