Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือนักเรียน

คู่มือนักเรียน

Published by tiyanan, 2020-03-24 02:56:39

Description: คู่มือนักเรียน

Search

Read the Text Version

45 ฝ่ายกิจการนกั เรยี น ระเบยี บโรงเรยี นป่าตาลบา้ นธพิ ทิ ยา ว่าดว้ ยเคร่อื งแต่งกายและทรงผม ออกเม่อื วันท่ี 1 พฤษภาคม 2561 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อาศัยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 1 พทุ ธศกั ราช 2515 และประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ 132 กฎกระทรวงฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2518 เพอื่ ให้การปกครองนกั เรียนเปน็ ไปด้วยความเรียบร้อยและมี ประสทิ ธิภาพ ส่งเสรมิ ศีลธรรมอันดีและคา่ นยิ มอนั พงึ ประสงคข์ องนกั เรียน โรงเรียนป่าตาลบา้ นธพิ ทิ ยา จึงอาศยั ระเบยี บนคี้ วบคุมดแู ลนักเรียนต้ังแตป่ ีการศึกษานเี้ ปน็ ต้นไป หากมีคาสง่ั ก่อนนน้ั หรือยังไม่มี ให้ใช้ ขอ้ บังคับหรือระเบยี บน้ีแทน ดงั คาสงั่ ไว้ดงั นี้ หมวดที่ 1 หมวดท่วั ไป ข้อที่ 1 ใหย้ กเลิกกฎระเบียบอันทม่ี ีไวเ้ พ่ือควบคุมดแู ลนกั เรยี นด้านการแตง่ กายและทรงผมของนักเรยี นท่ี มีนั้นโดยใช้ระเบยี บต่อไปนี้แทน ขอ้ ท่ี 2 ในระเบียบของโรงเรยี นป่าตาลบา้ นธิพิทยาฉบบั น้ี “โรงเรียน” หมายถึง โรงเรยี นปา่ ตาลบ้านธพิ ิทยา “ฝ่ายกจิ การนกั เรียน” หมายถงึ ฝ่ายกจิ การนกั เรยี นโรงเรยี นป่าตาลบา้ นธพิ ทิ ยาทม่ี ีหน้าท่ี ควบคุมดูแล สอดส่อง ความประพฤติของนักเรียนและให้การส่งเสริมสนบั สนนุ นกั เรยี นในการแสดงออก “นักเรยี น” หมายถงึ นักเรียนชายและหญิง ที่กาลังศึกษาอยูใ่ นระดับชน้ั มัธยมศึกษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย “การแตง่ กาย” หมายถึง การสวมใส่เส้ือผา้ ทรงผมและการปรับแตง่ สว่ นตา่ งๆ ของ รา่ งกาย หมวดท่ี 2 ระเบียบท่ีวา่ ดว้ ยการแต่งกายและทรงผม ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ข้อท่ี 3 เครือ่ งแบบนักเรยี นและทรงผมนักเรยี นหญิง 3.1 เสื้อ ตอ้ งเปน็ ผ้าขาวเกล้ยี งไม่บางเกินควร แบบคอพับในตัว ลกึ พอสวมศีรษะไดส้ ะดวก สาบ ตลบเข้าข้างใน สว่ นบนของสาบให้ใหญ่พอแบะคอแลว้ ไม่เห็นตะเข็บ มปี กขนาด 10 เซนตเิ มตร ใชผ้ า้ สอง ช้นั เยบ็ แนบเข้าแขนยาวเพียงเหนอื ศอก ปลายแขนจีบเลก็ น้อย ประกอบดว้ ยผ้าสองชัน้ กว้าง 2 เซนตเิ มตร ความยาวของแขนเสอ้ื วัดจากข้อมือขึ้นมามรี ะยะห่าง 10-15 เซนตเิ มตร ชายขอบเสอื้ ด้านลา่ ง มคี วามกว้างพอเหมาะกับตัว ไมร่ ัดเอว ริมขอบด้านขวาตดิ กระเปา๋ ขนาดกวา้ ง 8–9 เซนตเิ มตร ยาว 9– 10 เซนติเมตร ตามส่วนขนาดเสือ้ ปากกระเป๋าพบั เป็นรีมกว้างไมเ่ กิน 2 เซนติเมตร

46 3.2 กระโปรงสีกรมทา่ เนอื้ เกลี้ยงไม่มลี วดลาย ดา้ นหนา้ ด้านหลังพบั เปน็ จบี ขา้ งละ 3 จบี หันจีบ ออกดา้ นเว้นระยะความกวา้ งตรงกลางพองามและยาวคลุมเขา่ ห้ามสวมกระโปรงดา 3.3 ผา้ ผูกคอ ให้ใชแ้ บบหกู ระตา่ ย สีเดยี วกับกระโปรงตามทโ่ี รงเรยี นกาหนด 3.4 เคร่ืองหมายของโรงเรียน ใหป้ ักคาว่า ป.พ. และเลขประจาตวั นักเรียนดา้ นขวาตามท่ีโรงเรยี น กาหนดให้ ปกั ช่อื นามสกลุ เป็นพิมพ์ธรรมดา ขนาดโตไมเ่ กิน 0.8 เซนตเิ มตร หนา้ อกซ้าย ทัง้ หมดปักด้วย ดา้ ยหรือไหมสนี ้าเงินเข้ม 3.5 รองเทา้ ใชร้ องเท้าหนงั สีดา ชนิดมีสายรดั หนงั เทา้ ไมม่ ีลวดลาย รองเท้าพละศึกษาให้ใช้ รองเทา้ ผ้าใบสีขาวหมุ้ สน้ ไม่มีลวดลายหรอื แถบสี สวมเฉพาะวนั ท่ีเรยี นพละศึกษาเท่าน้ัน 3.6 ถงุ เท้าสขี าวตามแบบนักเรยี นไม่มีลวดลาย แถบสีหรือลายดอกและให้พับขอบไวเ้ หนอื ตาตุ่ม พองาม 3.7 เครอื่ งประดบั ห้ามสวมใสเ่ คร่ืองประดับทุกชนดิ อนุญาตให้นกั เรยี นใชน้ าฬิกาขอ้ มอื และ สรอ้ ยสาหรับหอ้ ยพระซ่งึ ทาด้วยเงิน หรอื สแตนเลสเ์ ทา่ นัน้ และมคี วามยาวพอสมควร ที่จะซ่อนพระไว้ ไมใ่ หเ้ ห็น 3.8 ผม ตัดผมบอ็ บทรงนักเรยี น ด้านหน้าอยู่เหนอื ระดับค้ิว ถ้าใช้กิบ๊ ใหใ้ ช้ก๊บิ สีดาไมม่ ีลวดลาย กลัดใหเ้ รียบรอ้ ยด้านข้างเสมอติ่งหู หรือเพือ่ ความเหมาะสมสาหรับนักเรยี นบางคนทมี่ ีผมหยกิ ูู ฝา่ ย กิจการนักเรยี นจะอนญุ าตให้ไว้ผมยาวได้เปน็ กรณีตามความเหมาะสม แต่ตอ้ งไมย่ าวเกินต่ิงหู 1 เซนติเมตร ด้านหลังเสมอดา้ นข้าง หากกรณเี พ่ือความเหมาะสมในการปฏิบัตกิ จิ กรรม ฝา่ ยกจิ การนกั เรียน จะอนญุ าตให้เช่นเดยี วกนั ถา้ ยาวกว่าท่กี าหนดต้องตดั ใหถ้ ูกต้องตามระเบียบ หา้ มนกั เรยี นคัด หรือซอยผม หรอื ทาเป็นแบบอื่นท่ีไมเ่ หมาะสมกับสภาพความเปน็ นักเรียน 3.9 ไมก่ นั ไมข่ ดี หรือเขยี นค้วิ ไม่แตง่ หน้า หรอื ทาปาก 3.10 ชดุ พลศึกษา ใหใ้ ช้ตามแบบของโรงเรยี น ขอ้ ที่ 4 เครื่องแบบหรอื ทรงผมของนักเรียนชายระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ 4.1 เสอื้ คอเช้ติ ตั้ง ผา้ ขางเกลี้ยงไม่บางจนเกินควร ตดั ตวั ตรงไม่รดั รปู ไม่มีเกล็ดด้านหลงั แขนส้ัน เหนอื ข้อศอก มีสาบที่อกตลบดา้ นนอกใช้กระดุมขาว มีกระเปา๋ ท่ีอกดา้ นซา้ ยหนึง่ กระเป๋า ขนาดพอเหมาะ กับตวั เสื้อ 4.2 กางเกง ใช้ผ้าสีกากขี าสัน้ ปลายขาสูงเหนือเข่าวัดจากลางสะบ้า ประมาณ 5 เซนติเมตร เมอ่ื ยนื ตรงส่วนกวา้ งของขากางเกงจากขาประมาณ 8–12 เซนติเมตร ขาพับเขา้ ในตรงสว่ นหนา้ มกี ระเป๋าข้าง ตามแนวตะเข็บข้างละ 1 กระเปา๋ ดา้ นขา้ งมีจีบด้านละ 2 จีบ ไมม่ ีกระเปา๋ หลัง ขอบเอวมีหสู าหรับรอยเข็ม ขัด เม่ือสวมให้ขอบเอวอยูร่ ะดบั เอวและต้องสวมทบั ชายเสื้อไวใ้ หเ้ รยี บร้อยจนสามารถมองเหน็ เข็มขัดได้ 4.3 เขม็ ขัด เขม็ ขัดหนังสีนา้ ตาลความกวา้ ง 3.5 เซนติเมตร หัวเขม็ ขดั เป็นสีทองหรอื เงนิ เป็นรปู ส่ีเหล่ียมผนื ผ้าชนดิ หัวกลัด มีปลอกหนงั สีนา้ ตาล 4.4 เครือ่ งหมายโรงเรียน ใหป้ กั คาว่า ป.พ. และเลขประจาตัวด้านขวาตามแบบทีโ่ รงเรียน กาหนดให้ ปกั ชอ่ื นามสกลุ เป็นพิมพ์ธรรมดา ขนาดโตไมเ่ กิน 0.8 เซนตเิ มตรบนอกซ้าย เหนือขอบกระเป๋า ประมาณ 1 เซนตเิ มตรทัง้ หมดปักด้วยด้าย หรือไหมสีน้าเงินเข้ม 4.5 รองเท้า ร้องเท้าผ้าใบสนี า้ ตาล ผูกเชือก ไมม่ ีลวดลาย ไมเ่ ป็นรองเท้าหนงั กลับ ไมใ่ ชร่ องเทา้ หัวแหลมสน้ สงู

47 4.6 ถงุ เทา้ สีน้าตาล ไมม่ ลี วดลาย ไม่มแี ถบสี ไม่มีข้อ พับใหย้ าวเพียงครึ่งน่อง หา้ มใช้ถงุ เทา้ ทท่ี า ดว้ ยูกู ชนิดหนา 4.7 เครื่องประดับ หา้ มสวมใสเ่ คร่ืองประดับทุกชนิด อนุญาตให้นักเรียนใช้นาฬิกาขอ้ มือและ สร้อยสาหรบั ห้อยพระซึ่งทาด้วยเงนิ หรือสแตนเลสส์เท่านั้นและมีความยาวพอสมควรท่ีจะซอ่ นพระไวม้ ิให้ เห็น 4.8 ทรงผม ตดั ผมทรงนักเรยี น ตดั รองทรง ไมย่ อ้ มผมให้แตกต่างจากสีผมธรรมชาติขิงตนเอง 4.9 ห้ามผชู้ ายไว้หนวดเครารุงรงั ห้ามโกนหรือเขียนคิ้ว ห้ามแต่งหนา้ ทาสปี าก 4.10 ชดุ พลศึกษา ใหใ้ ช้ตามแบบของโรงเรียน หมวดท่ี 3 ระเบียบวา่ ด้วยการแต่งกายและทรงผมนักเรยี นระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย ขอ้ ท่ี 5 เครอื่ งแบบและทรงผมนักเรียนหญิง 5.1 เสื้อ แบบคอเชต้ิ ผา้ ขาวเนื้อเกล้ยี ง ผา่ อกตลอด ทีอ่ กเสื้อทาเป็นสาบตลบเข้าข้างในกว้าง 3 เซนตเิ มตร ความกว้างของเสื้อพอเหมาะกบั ตัว ไม่รดั รูปไม่มเี กล็ดขา้ งหลงั สอดชายไวใ้ นกระโปรงให้ เรียบรอ้ ยจนสามารถมองเหน็ หวั เข็มขดั เส้อื ชน้ั ในใชผ้ า้ สีขาว คอบัวเอวยาว หากสวมเส้อื ชัน้ ในหลงั สั้นต้อง สวมเสื้อชน้ั ในสขี าวทับอีกชน้ั หนึ่ง 5.2 เครือ่ งหมายโรงเรียน ให้ปกั คาวา่ ป.พ. และเลขประจาตัวด้านขวาตามแบบทีโ่ รงเรียน กาหนดให้ ปักชอ่ื นามสกุลเป็นพิมพ์ธรรมดา ขนาดโตไม่เกิน 0.8 เซนติเมตรบนอกซ้ายเหนือขอบกระเปา๋ ประมาณ 1 เซนติเมตรท้งั หมดปกั ด้วยดา้ ย หรือไหมสนี า้ เงินเข้ม 5.3 กระโปรง ใช้สีกรมท่าเกลี้ยงไมม่ ลี วดลาย ไมใ่ ชผ้ ้ายนี ส์ หรอื ผ้ามัน ด้านหน้าและดา้ นหลังพบั กลบี ข้างละ 3 กลีบ หันกลบี ออกดา้ นนอก เย็บทบั กลีบขอบล่างลงมาระหว่าง 6–12 เซนตเิ มตร กลบี กระโปรงให้ซ้อนลึก ไมต่ า่ กว่า 1 น้วิ เว้นระยะความกว้างพองาม ความยาวของกระโปรงต้องคลุมเขา่ ประมาณ 10–13 เซนติเมตร เม่ือสวมใหข้ อบกระโปรงอยู่ระดับเอว 5.4 เข็มขดั หนงั สีดา กวา้ ง 2-3 เซนติเมตร หัวส่ีเหลยี่ มผืนผ้า โลหะสีดา สวมคาดทับกระโปรง 5.5 รองเทา้ รองเทา้ หุ้มสน้ สดี า หมุ้ ปลายเทา้ หวั มน มีสายรัดหลงั เทา้ ส้นสูงไมเ่ กิน 3 เซนตเิ มตร 5.6 ถงุ เท้า ขาวเกลย้ี งไมม่ ลี วดลาย ไม่บางเกนิ ไป เวลาสวมให้พับปลายลงมาบนขอ้ เทา้ (เหนอื ตาตมุ่ ) พองาม 5.7 เคร่ืองประดบั หา้ มสวมใส่เครื่องประดับทุกชนิด อนญุ าตใหน้ กั เรียนใชน้ าฬิกาข้อมือและ สรอ้ ยสาหรบั ห้อยพระซึง่ ทาด้วยเงิน หรอื สแตนเลสส์เท่านนั้ และมีความยาวพอสมควรที่จะซ่อนพระไว้มิให้ เห็น

48 5.8 ทรงผม แบ่งเปน็ 2 กรณีคือ 5.8.1 กรณีตดั สั้น ต้องไมเ่ ลยคอปกเส้อื ลงมา หา้ มซอยผม ดดั อบ เกล้า 5.8.2 กรณไี วย้ าว ต้องไมเ่ กินหลงั ผูกด้วยโบว์ไมม่ ีลวดลายสดี า หรือสีขาว ถ้าใช้กบิ๊ ใหใ้ ช้ กิบ๊ สีดา หา้ มใช้เครื่องประดับตดิ ผม 5.9 ชดุ พลศกึ ษา ให้ใช้ตามแบบของโรงเรยี น 5.10 ไม่กัน ไม่ขดี หรือเขยี นคิ้ว ไมแ่ ต่งหน้า หรอื ทาสปี าก ข้อที่ 6 เครื่องแบบและทรงผมนักเรยี นชาย 6.1 เสอื้ เชิต้ คอต้ัง ผา้ ข้างเกลี้ยงไมบ่ างจนเกินควร ตดั ตวั ตรงไม่รัดรูป ไม่มีเกล็ดด้านหลัง แขนสน้ั เหนือข้อศอก มีสาบทอี่ กตลบออกดา้ นนอกใช้กระดุมสีขาว มีกระเป๋าท่ีอกดา้ นซา้ ย 1 กระเปา๋ ขนาด พอเหมาะกบั ตัวเสอ้ื 6.2 กางเกง ใช้ผ้าสีดา ขาสนั้ ปลายขาสงู เหนอื หัวเข่าวดั จาก กลางสะบา้ ประมาณ 5 เซนติเมตร เมื่อยนื ตรงส่วนกว้างของขากางเกงจากขาประมาณ 8–12 เซนติเมตร ขาพบั เข้าในตรงส่วนหน้ามกี ระเปา๋ ข้างตามแนวตะเขบ็ ข้างละ 1 กระเปา๋ ดา้ นขา้ งมจี ีบขา้ งละ 2 จีบ ไม่มีกระเปา๋ หลงั ขอบเอวมีหสู าหรับรอย เขม็ ขดั เมอ่ื สวมให้ขอบเอวอยู่ทรี่ ะดับเอวและต้องสวมทบั ชายเสือ้ ไว้ให้เรยี บร้อยจนสามารถมองเห็นเขม็ ขัดได้ 6.3 เข็มขดั เขม็ ขดั หนังสดี าความกวา้ ง 3.5 เซนตเิ มตร หัวเข้มขัดเปน็ สดี า หรือเงิน เป็นรูป สเี่ หลยี่ มผนื ผา้ ชนดิ หัวกลัด มปี ลอกหนังสีน้าตาล 6.4 เครอ่ื งหมายโรงเรยี น ให้ปกั คาวา่ ป.พ. และเลขประจาตัวด้านขวาตามแบบท่ีโรงเรียน กาหนดให้ ปักช่อื นามสกุลเป็นพมิ พ์ธรรมดา ขนาดโตไม่เกิน 0.8 เซนติเมตรบนอกซ้าย เหนือขอบกระเป๋า ประมาณ 1 เซนติเมตรทง้ั หมดปกั ด้วยด้าย หรอื ไหมสนี า้ เงินเขม้ 6.5 รองเท้า รองเท้าผ้าใบสดี า ผกู เชือก ไมม่ ลี วดลาย ไมเ่ ป็นรองเท้าหวั กลบั ไม่ใช่รองเท้า หัวแหลม หรอื สน้ สงู 6.6 ถุงเท้าสีขาว ไมม่ ลี วดลาย ไมม่ แี ถบสี ไม่พบั ข้อ พบั ให้ยาวเพียงเครื่องน่อง 6.7 เคร่อื งประดบั ห้ามสวมใสเ่ ครอื่ งประดบั ทุกชนดิ อนุญาตให้นักเรียนใช้นาฬิกาข้อมือและ สรอ้ ยสาหรบั ห้อยพระซึง่ ทาด้วยเงนิ หรือสแตนเลสสเ์ ท่านนั้ และมีความยาวพอสมควรท่ีจะซ่อนพระไว้มิให้ เห็น 6.8 ทรงผม รองทรง ไมย่ ้อมผมให้แตกต่างจากสธี รรมชาติของตนเอง 6.9 ห้ามผ้ชู ายไว้หนวดเครารุงรงั ห้ามโกนหรอื เขยี นคว้ิ ห้ามแต่งหนา้ ทาสีปาก 6.10 ชดุ พลศึกษา ใหใ้ ชต้ ามแบบของโรงเรียน ออก ณ วนั ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ลงช่อื (ธีระศักด์ิ แกว้ สขุ ) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นป่าตาลบา้ นธพิ ิท

49 กฎหมายทผี่ ้ปู กครองควรรู้และถอื ปฏิบตั ิ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองเดก็ พ.ศ. 2546 _____________________ ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2546 เปน็ ปที ี่ 58 ในรัชกาลปัจจบุ ัน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรม์ หาภูมิพลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศว่า โดยเป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าดว้ ยการคุม้ ครองเดก็ พระราชบัญญัตินม้ี ีบทบัญญตั ิบางประการเกีย่ วกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึง่ มาตรา 23 ประกอบกับมาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 39 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญตั ิให้กระทาไดโ้ ดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแหง่ กฎหมาย จงึ ทรงพิจารณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบญั ญัติข้นึ ไวโ้ ดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญตั นิ ีเ้ รยี กวา่ “พระราชบญั ญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546” มาตรา 2 พระราชบัญญัตินใี้ หใ้ ช้บังคบั เมื่อพ้นกาหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจา นเุ บกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิก (1) ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั 132 ลงวันท่ี 22 เมษายน พ.ศ. 2515 (2) ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั 294 ลงวันท่ี 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 มาตรา 4 ในพระราชบญั ญัตินี้ “เด็ก” หมายความว่า บคุ คลซ่ึงมอี ายุตา่ วา่ สิบแปดปบี รบิ รู ณ์ แต่ไม่รวมถึงผทู้ ีบ่ รรลุนติ ภิ าวะด้วย การสมรส “เด็กเรร่ ่อน” หมายความว่า เดก็ ท่ีไม่มีบิดามารดาหรือผปู้ กครองหรือมแี ต่ไมเ่ ลย้ี งดูหรือไม่ สามารถเลี้ยงดูได้ จนเป็นเหตุให้ต้องเร่ร่อนไปในที่ตา่ งๆ หรือเด็กทม่ี พี ฤติกรรมใช้ชวี ิตเร่รอ่ นจนนา่ จะเกิด อนั ตรายต่อสวสั ดิภาพของตน “เด็กกาพรา้ ” หมายความวา่ เด็กท่ีบดิ า หรือมารดาเสยี ชีวติ เด็กที่ไมป่ รากฏบิดามารดาหรอื ไม่ สามารถสบื หาบดิ ามารดาได้

50 “เดก็ ท่ีอยใู่ นสภาพยากลาบาก” หมายความว่า เด็กที่อยใู่ นครอบครวั ยากจนหรือบดิ ามารดา หย่ารา้ ง ทง้ิ รา้ ง ถูกคมุ ขัง หรือแยกกันอยู่และได้รับความลาบาก หรือเด็กที่ต้องรบั ภาระหน้าทีใ่ นครอบครวั เกินวยั หรือกาลงั ความสามารถและสตปิ ญั ญา หรอื เด็กทีม่ าสมารถชว่ ยเหลือตัวเองได้ “เดก็ พกิ าร” หมายความวา่ เดก็ ท่มี ีความบกพร่องทางร่างกาย สมอง สติปัญญา หรือจิตใจ ไม่ว่า ความบกพรอ่ งนน้ั จะมีมาตั้งแตก่ าเนดิ หรอื เกิดขนึ้ ภายหลัง “เด็กทเ่ี สีย่ งต่อการกระทาผิด” หมายความว่า เดก็ ท่ีประพฤตติ นไม่สมควร เด็กท่ปี ระกอบอาชพี หรอื คบหาสมาคมกบั บุคคลที่น่าจะชกั นาไปในทางกระทาผิดกฎหมาย หรอื ขัดตอ่ ศลิ ธรรมอันดีหรืออยใู่ น สภาพแวดล้อมที่อันอาจชกั นาไปในทางเสยี หาย ทงั้ น้ี ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง “นกั ศึกษา” หมายความว่า เดก็ ซึ่งกาลงั รบั การศึกษาระดบั อุดมศึกษา หรือเทยี บเท่าอยู่ใน สถานศึกษาของรัฐ หรอื เอกชน “นักเรียน” หมายความว่า เด็กซึง่ กาลงั รบั การศึกษาข้นั พนื้ ฐานระดับประถมศึกษาและ มัธยมศกึ ษา ทั้งประเภทสามัญศึกษาและอาชวี ศกึ ษา หรือเทียบเทา่ อยใู่ นสถานศึกษาของรัฐ หรือเอกชน “บดิ ามารดา” หมายความว่า บดิ ามารดาของเด็กไมว่ า่ จะสมรสกนั หรือไม่ “ผปู้ กครอง” หมายความว่า บิดามารดา ผอู้ นบุ าล ผรู้ ับบุตรบญุ ธรรมและผู้ปกครองตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์และให้หมายความรวมถงึ พ่อเล้ียงแมเ่ ลีย้ ง ผปู้ กครองสวสั ดิภาพ นายจา้ ง ตลอดจนบุคคลอ่ืนซึ่งรบั เดก็ ไว้ในความอุปการะเล้ียงดู หรือซ่งึ เด็กอาศยั อยดู่ ว้ ย “ครอบครัวอุปถมั ภ์” หมายความว่า บคุ คลท่ีรับเด็กไว้อปุ การะเล้ียงดอู ย่างบตุ ร “การเลยี้ งดโู ดยมชิ อบ” หมายความวา่ การไมใ่ ห้การอุปการะเลีย้ งดู อบรมสั่งสอนหรอื พัฒนา เดก็ ตามมาตรฐานขนั้ ต่าที่กาหนดในกฎกระทรวง จนน่าจะเกดิ อันตรายแก่ร่างกายและจติ ใจของเดก็ “ทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทา หรอื ละเว้นการกระทาด้วยประการใดๆ จนเป็นเหตุให้ เดก็ เสือ่ มเสยี เสรภี าพ หรอื เกิดอนั ตรายแกร่ ่างกายหรอื จิตใจ การกระทาผิดทางเพศต่อเด็ก การใช้เดก็ ให้ กระทา หรือประพฤติในลักษณะท่นี ่าจะเปน็ อันตรายแก้ร่างกาย หรอื จติ ใจหรือขัดตอ่ กฎหมาย หรอื ศีลธรรมอนั ดี ท้งั น้ี ไม่วา่ เดก็ จะยินยอม หรือไมก่ ็ตาม “สืบเสาะและพินจิ ” หมายความว่า การค้นหาและรวบรวมข้อเทจ็ จริงเก่ยี วกับบุคคลและนามา วเิ คราะห์วนิ จิ ฉัยตามหลกั วชิ าการทางสงั คมสงเคราะห์ แพทย์ จติ วิทยา กฎหมายและหลักวิชาการอื่นท่ี เกี่ยวข้องบั บุคคลและครอบครัวน้ัน

51 “สถานรบั เล้ียงเดก็ ” หมายความวา่ สถานทรี่ ับเลยี้ งและพัฒนาเด็กทม่ี ีอายุไมเ่ กนิ หกปบี รบิ ูรณ์ และมีจานวนต้ังแตห่ กคนขน้ึ ไป ซง่ึ เดก็ ไมเ่ กย่ี วข้องเปน็ ญาติกับเจา้ ของ หรอื ผู้ดาเนินการสถานรบั เลีย้ งเด็ก ดงั กลา่ วทง้ั นี้ ไมร่ วมถงึ สถานพยาบาล หรอื โรงเรียนทงั้ ของรัฐบาลและเอกชน “สถานแรกรับ” หมายความวา่ สถานทร่ี ับเดก็ ไว้อุปการะเป็นการชว่ั คราวเพ่ือสืบเสาะและพินจิ เดก็ และครอบครวั เพ่ือกาหนดแนวทางในการสงเคราะห์และคุม้ ครองสวัสดิภาพท่ีเหมาะสมแก่เดก็ แต่ละ ราย “สถานสงเคราะห์” หมายความวา่ สถานทใี่ ห้อุปการะเลีย้ งดแู ละพัฒนาเด็กท่จี าตอ้ งได้รับ สงเคราะห์ ซงึ่ มีจานวนตง้ั แต่หกคนขน้ึ ไป “สถานคุม้ ครองสวัสดิภาพ” หมายความว่า สถานท่ีใหก้ ารศกึ ษา อบรม ฝึกอาชพี เพอื่ แกไ้ ข ความประพฤติ บาบัด รักษาและู้นื ูสู มรรถภาพทง้ั ทางด้านรา่ งกายและจิตใจแก้เด็กทีพ่ ึ่งไดร้ บั การ คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพ “สถานพฒั นาและฟน้ื ฟู” หมายความว่า สถานท่ี โรงเรยี น สถาบัน หรือศูนยท์ ีจ่ ัดขึน้ เพ่อื ให้การ บาบัดรักษา การูื้นููสมรรถภาพทง้ั ทางดา้ นรา่ งกายและจิตใจ ตลอดจนการศึกษา แนะแนว และการ ฝกึ อบรมอาชพี แก้เด็กท่ีจาต้องได้รบั การสงเคราะห์หรอื คุ้มครองสวัสดิภาพเปน็ กรณีพิเศษ “สถานพินิจ” หมายความวา่ สถานพนิ ิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครสถาน พินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจงั หวดั และสถานพนิ จิ และคุ้มครองเดก็ และเยาวชนของแผนกคดี เยาวชนและครอบครวั ในศาลจังหวดั ซ่งึ จดั ตัง้ ข้นึ ตามกฎหมายว่าดว้ ยดารจัดต้ังศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดเี ยาวชนและครอบครัว “กองทนุ ” หมายความว่า กองทุนคุ้มครองเดก็ “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแหง่ ชาติ “พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี” หมายความวา่ ผู้ซงึ่ รฐั มนตรแี ต่งตั้งให้ปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี “ผวู้ ่าราชการจังหวดั ” หมายความรวมถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผซู้ ึ่งได้รับมอบหมาย จากผ้วู า่ ราชการจังหวัด “ปลดั กระทรวง” หมายความวา่ ปลดั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนุษยแ์ ละ หมายความรวมถึงผู้ซงึ่ ไดร้ ับมอบหมายจากปลดั กระทรวง “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รฐั มนตรีผู้รักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ มาตรา 5 ใหศ้ าลที่มอี านาจพิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัวตามกฎหมายว่าดว้ ยการ

52 จดั ตัง้ ศาลเยาวชนและครอบครวั และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดี ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ เวน้ แตใ่ นจงั หวัดใดยังมิได้เปดิ ทาการศาลเยาวชนและครอบครัวหรอื แผนกคดี เยาวชนและครอบครัวข้ึนในศาลจังหวดั ใหศ้ าลจังหวดั มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีตามพระราชบญั ญตั ิ มาตรา 6 ใหร้ ฐั มนตรีวา่ การกระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนษุ ย์รัฐมนตรวี ่าการ กระทรวงมหาดไทย รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ ารและรัฐมนตรแี ต่ละกระทรวงมีอานาจแต่งต้ัง พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี กับออกกฎกระทรวงหรือระเบียบเพือ่ ปฏิบัตติ ามพระราชบัญญัตนิ ี้ ท้ังนี้ ในสว่ นท่ี เก่ยี วกับราชการของกระทรวงนน้ั กฎกระทรวง หรือระเบียบนัน้ เม่ือได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้ว ใหใ้ ชบ้ ังคบั ได้ หมวดที่ 2 การปฏิบัติตอ่ เด็ก ______________________________ มาตรา 22 การปฏิบตั ิต่อเด็กไมว่ ่ากรณีใด ให้คานึงถึงประโยชน์สงู สดุ ของเด็กเปน็ สาคัญและไมใ่ ห้ มกี ารเลอื กปฏิบัติโดยไมเ่ ป็นธรรม การกระทาใดเป็นไปเพือ่ ประโยชน์สูงสดุ ของเด็ก หรือเป็นการเลือกปฏบิ ตั โิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรมตอ่ เด็ก ใหพ้ จิ ารณาตามแนวทางที่กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา 23 ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลยี้ งดู อบรมส่งั สอนและพัฒนาเด็กท่ีอยู่ในความ ปกครองดูแลของตนเองตามสมควรแก่ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมแหง่ ท้องถ่ิน แต่ทั้งนีต้ อ้ งไม่ ตา่ กวา่ มาตรฐานขนั้ ตา่ ตามท่ีกาหนด ในกระทรวงและต้องคุ้มครองสวัสดภิ าพเด็กท่ีอยู่ในความปกครอง ดูแลของตนมใิ ห้ตกอยู่ในภาวะอนั นา่ จะเกิดอนั ตรายแกร่ า่ งกาย หรอื จติ ใจ มาตรา 24 ปลัดกระทรวง ผวู้ ่าราชการจงั หวัด ผอู้ านวยการเขต นายอาเภอ ปลัดอาเภอ ผ้เู ป็น หวั หน้าประจาก่งิ อาเภอ หรือผู้บรกิ ารองคก์ ารปกครองส่วนท้องถิ่น มหี น้าท่ีคุม้ ครองสวัสดิภาพเด็กท่ีอยใู่ น เขตพนื้ ทีท่ รี่ บั ผิดชอบ ไมว่ ่าเด็กจะมผี ปู้ กครองหรือไม่กต็ าม รวมทงั้ มอี านาจและหน้าท่ีดแู ลและตรวจสอบ สถานรับเล้ยี งเดก็ สถานรบั แรก สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดภิ าพ สถานพฒั นาและู้นื ูแู ละ สถานพินจิ ทตี่ ั้งอยใู่ นเขตอานาจ แลว้ รายงานผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการ คณะกรรมการคุ้มครอง เดก็ กรงุ เทพมหานคร หรอื คณะกรรมการคุ้มครองเดก็ จังหวัด แลว้ แต่กรณี เพื่อทราบและให้มอี านาจและ หน้าท่เี ช่นเดยี วกับพนักงานเจ้าหนา้ ที่ตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา 25 ผปู้ กครองต้องไม่กระทา ดังต่อไปน้ี (1) ทอดทิ้งเดก็ ไวใ้ นสถานรบั เลีย้ งเด็กหรือสถานพยาบาล หรือไว้กบั บุคคลทรี่ ับจ้างเลีย้ งเดก็ หรอื ท่สี าธารณะ หรือสถานที่ใดๆ โดยเจตนาท่ีจะไมร่ บั เด็กกลบั คืน (2) ละทิ้งเดก็ ไว้ ณ สถานท่ีใดๆ โดยไม่จัดให้มีการปอ้ งกนั ดูแลสวัสดิภาพ หรอื ใหก้ ารเลยี้ งดูท่ี เหมาะสม

53 (3) จงใจ หรอื ละเลยไม่ใหส้ ง่ิ ท่ีจาเปน็ แก่การดารงชีวิต หรอื สขุ ภาพอนามยั จนน่าจะเกิดอันตราย แกร่ า่ งกายหรอื จติ ใจของเด็ก (4) ปฏบิ ตั ิตอ่ เด็กในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการเจริญเติบโต หรือพฒั นาการของเด็ก (5) ปฏบิ ตั ิตอ่ เดก็ ในลักษณะท่ีเปน็ การเลี้ยงดูโดยมิชอบ มาตรา 26 ภายใต้บงั คับบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมายอื่น ไม่วา่ เด็กจะยินยอม หรอื ไม่หา้ มมิให้ผู้ใด กระทาการ ดังต่อไปน้ี (1) กระทา หรือละเว้นการกระทาอนั เป็นการทารุณกรรมต่อรา่ งกาย หรือจติ ใจของเด็ก (2) จงใจ หรือละเลยไม่ใหส้ ิ่งที่จาเปน็ แก่การดารงชีวติ หรอื รักษาพยาบาลแกเ่ ด็กที่อย่ใู นความ ดแู ลของตน จนน่าจะเกิดอันตรายแกร่ ่างกาย หรือจิตใจของเด็ก (3) บงั คบั ขู่เข็ญ ชักจงู ส่งเสริม หรอื ยินยอมให้เด็กประพฤตติ นไมส่ มควร หรอื น่าจะทาให้เดก็ มี ความประพฤติเสีย่ งตอ่ การกระทาผดิ (4) โฆษณาทางส่ือมวลชน หรอื เผยแพร่ดว้ ยประการใด เพ่ือรบั เดก็ หรอื ยกเดก็ ให้แก่บุคคลอน่ื ที่ มิใช่ญาติของเด็ก เว้นแตเ่ ป็นการกระทาของทางราชการ หรือได้รับอนุญาตจากทางราชการแลว้ (5) บังคบั ขู่เขญ็ ชักจงู ส่งเสริม ยินยอม หรอื กระทาด้วยประการใดให้เด็กไปเป็นขอทาน เด็ก เรร่ อ่ น หรอื ใชเ้ ด็กเปน็ เคร่ืองมือในการของทานหรือการกระทาผิด หรือกระทาด้วยประการใดอนั เป็น แสวงหาประโยชนโ์ ดยมิชอบจากเดก็ (6) ใช้ จา้ ง หรือวานเด็กใหท้ างานหรอื กระทาการอนั อาจเป็นอันตรายแกร่ า่ งกายหรือจิตใจมี ผลกระทบต่อการเจรญิ เติบโต หรือขัดขวางต่อพฒั นาการของเดก็ (7) บังคบั ขู่เข็ญ ใช้ ชักจงู ยยุ ง ส่งเสริม หรอื ยินยอมให้เด็กเล่นกีฬา หรอื ให้กระทาการใดเพ่ือ แสวงหาประโยชน์ทางการคา้ อันมีลักษณะเป็นการขดั ขวางตอ่ การเจรญิ เติบโต หรือพัฒนาการของเด็ก หรือมลี ักษณะเปน็ การทารณุ กรรมตอ่ เด็ก (8) ใช้ หรือยินยอมใหเ้ ด็กเลน่ การพนันไมว่ ่าชนดิ ใด หรอื เข้าไปในสถานการณ์ทีเ่ ลน่ การพนัน สถานค้าประเวณี หรือสถานท่ีทห่ี า้ มมใิ ห้เด็กเข้า (9) บังคับ ขู่เขญ็ ใช้ ชกั จูง ยุยง ส่งเสริม หรอื ยนิ ยอมให้เด็กแสดง หรอื กระทาการอนั มีลักษณะ ลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเปน็ ไปเพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ ค่าตอบแทน หรอื เพ่ือการใด (10) จาหนา่ ย แลกเปลี่ยน หรือใหส้ รุ าหรอื บหุ รี่แกเ่ ด็ก เวน้ แต่การปฏบิ ัตทิ างการแพทย์ ถ้า กระทาความผดิ ตามวรรคหนง่ึ มโี ทษตามกฎหมายอืน่ ที่หนักหว่าก็ใหล้ งโทษตามกฎหมายนน้ั มาตรา 27 ห้ามมิให้ผ้ใู ดโฆษณา หรอื เผยแพรท่ างสื่อมวลชน หรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซง่ึ ขอ้ มลู เกีย่ วกับตัวเดก็ หรือผู้ปกครอง โดยเจตนาทีจ่ ะทาให้เดก็ เกดิ ความเสยี หายแกจ่ ติ ใจ ชือ่ เสยี ง เกยี รติ คณุ หรือสิทธปิ ระโยชน์อน่ื ใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชนส์ าหรบั ตนเองหรอื ผูอ้ ืน่ โดยมชิ อบ มาตรา 28 ในกรณีผ้ปู กครองตกอยใู่ นสภาพไม่อาจใหก้ ารอุปการะเลยี้ งดู อบรมส่ังสอนและ พฒั นาเดก็ ได้ไมว่ ่าดว้ ยเหตุใด หรือผูป้ กครองกระทาการใดอันนา่ จะเกดิ อนั ตรายต่อสวัสดิภาพ หรือ ขดั ขวางต่อความเจรญิ เติบโต หรือพัฒนาการของเด็กใหก้ ารเล้ียงดโู ดยมชิ อบ หรอื มีเหตจุ าเปน็ อน่ื ใดเพ่ือ ประโยชน์ในการสงเคราะห์ หรอื คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หรือปอ้ งกันมิให้เดก็ ไดร้ ับอันตราย หรอื ถกู เลือก ปฏบิ ัตโิ ดยไมเ่ ป็นธรรม พนักงานเจ้าหนา้ ทตี่ อ้ งดาเนินการใหก้ ารสงเคราะห์ หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตาม

54 พระราชบัญญัตินี้ มาตรา 29 ผูใ้ ดพบเห็นเดก็ ตกอยู่ในสภาพจาตอ้ งไดร้ บั การสงเคราะห์ หรือคุม้ ครองสวัสดิภาพ ตามหมวด 3 และหมวด 4 จะตอ้ งให้การชว่ ยเหลอื เบ้ืองต้นและแจง้ ต่อพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี พนักงานฝ่าย ปกครองหรอื ตารวจ หรอื ผมู้ ีหนา้ ท่ีคมุ้ ครองสวัสดภิ าพเด็กตามมาตรา 24 โดยมชิ ักช้า แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสงั คมสงเคราะห์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสขุ ท่รี ับตวั เด็กไว้ รักษาพยาบาล ครู อาจารย์ หรือเจ้าหนา้ ท่ี ซึง่ มหี นา้ ทด่ี ูแลเดก็ ท่ีเปน็ ศิษย์หรอื ลูกจ้าง จะต้องรายงานให้ พนักงานเจ้าหนา้ ที่ หรือผมู้ หี นา้ ท่ีคุ้มครองสวสั ดภิ าพเด็กตามมาตรา 24 หรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตารวจทราบโดยมิชกั ชา้ หากเป็นท่ีปรากฏชัด หรือนา่ สงสัยวา่ เด็กถกู ทารณุ กรรมหรอื เจ็บป่วยเนอื่ งจาก การเลยี้ งดูโดยมชิ อบ การแจง้ หรอื การรายงานตามมาตรานี้ เม่อื ได้กระทาโดยสจุ ริตยอ่ มได้รับความค้มุ ครองและไม่ต้อง รับผิดทงั้ ทางแพง่ ทางอาญา หรือทางปกครอง มาตรา 30 เพ่ือประโยชน์ในการปฏบิ ัตติ ามพระราชบญั ญัติน้ี ใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ทีต่ ามหมวด 3 และหมวด 4 มีอานาจและหน้าท่ี ดังตอ่ ไปน้ี (1) เข้าไปในเคหสถาน สถานท่ใี ดๆ หรอื ยานพาหนะใดๆ ในระหวา่ งเวลาพระอาทิตย์ข้นึ ถงึ พระ อาทิตยต์ กเพื่อตรวจค้น ในกรณมี เี หตุอนั ควรสงสัยว่ามกี ารกระทาทารณุ กรรมเด็ก มกี ารกักขังหรอื เลีย้ งดู โดยมชิ อบ แต่ในกรณีมีเหตุอันควรเชอ่ื ว่าหากไมด่ าเนินการในทันทีเด็กอาจไดร้ ับอันตรายแกร่ ่างกายหรอื จติ ใจ หรอื ถูกนาพาไปสถานที่อ่ืนซึ่งยากแก่การติดตามช่วยเหลอื ก็ให้มีอานาจเข้าไปในเวลาหลงั พระ อาทติ ย์ตกได้ (2) ซกั ถามเด็กเม่ือมเี หตุอันควรสงสัยวา่ เดก็ จาต้องไดร้ บั การสงเคราะห์ หรอื คุ้มครองสวสั ดภิ าพ ในกรณจี าเป็นเพ่ือประโยชน์แกก่ ารสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กอาจนาตัวเด็กไปยังที่ทาการของ พนักงานเจ้าหน้าท่ี เพื่อทราบข้อมลู เกี่ยวกับเด็กและครอบครัว รวมท้งั บคุ คลที่อาศยั อยู่ ทั้งนี้ จะต้อง กระทาโดยมิชกั ชา้ แตไ่ มว่ ่ากรณีใดจะกักตวั เด็กไว้นานเกนิ กว่าสบิ สองชว่ั โมงไม่ได้ เม่อื พน้ ระยะเวลา ดังกล่าวใหป้ ฏิบตั ิตาม (3) มีหนงั สือเรยี กผู้ปกครอง หรือบคุ คลอื่นใดมาให้ถ้อยคา หรอื ขอ้ เทจ็ จริงเก่ยี วกบั สภาพความ เป็นอยู่ ความประพฤติ สุขภาพและความสมั พันธ์ในครอบครวั ของเดก็ (4) ออกคาส่ังเปน็ หนังสือให้ผู้ปกครองของเด็ก นายจ้างหรือผู้ประกอบการ เจ้าของ หรือผู้ ครอบครองสถานทท่ี ี่เด็กทางานหรือเคยทางาน อาศยั หรืออาศยั อยู่ เจา้ ของ หรือผู้ครอบครอง หรอื ผู้ดูแล สถานศกึ ษาท่เี ด็กกาลงั ศึกษา หรือเคยศึกษา หรือผู้ปกครองสวัสดิภาพ ส่งเอกสารหรอื หลักฐานเก่ียวกับ สภาพความเปน็ อยู่ การศึกษา การทางานความประพฤติของเดก็ มาให้ (5) เข้าไปในสถานที่อยู่อาศยั ของผ้ปู กครอง สถานท่ีประกอบการของนายจ้างสถานศึกษาของเด็ก หรือสถานท่ที ี่เด็กมคี วามเกี่ยวข้องดว้ ย ในระหวา่ งเวลาพระอาทิตยต์ กเพ่ือสอบถามบุคคลทอี่ ยู่ในท่ีนัน้ ๆ และรวบรวมขอ้ มูล หรอื หลักฐานเกีย่ วกับสภาพความเป็นอยู่ ความสัมพันธใ์ นครอบครัว การเลี้ยงดู อุปนิสัยและความประพฤติของเดก็ (6) มอบตัวเด็กให้แก่ผู้ปกครองพร้อมกับแนะนา หรือตกั เตือนผู้ปกครองใหด้ แู ลและอุปการะเลี้ยง ดูเด็กในทางท่ีถูกต้อง เพ่ือใหเ้ ดก็ ได้รับการพฒั นาในทางท่ีเหมาะสม

55 (7) ทารายการเก่ียวกบั ตัวเด็กเพอ่ื มอบใหแ้ กส่ ถานแรกรบั ในกรณมี ีการส่งเดก็ ไปยังสถานแรกรบั หรอื หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องเม่อื มีการร้องขอ เดก็ ท่ีอยู่ในความดแู ลของพนักงานเจา้ หนา้ ที่ จะตอ้ งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูและไดร้ ับการศกึ ษา อยา่ งเหมาะสมและก่อนท่ีจะจัดให้เดก็ เข้าอยู่ในสถานรบั เล้ียงเดก็ สถานแรกรบั สถานสงเคราะห์ สถาน คุ้มครองสวัสดิภาพและสถานพัฒนาและูื้นูู จะต้องปรึกษากับผู้เช่ยี วชาญในสาขาวิชาชพี สงั คม สงเคราะห์และการแพทยก์ ่อนเทา่ ทสี่ ามารถกระทาได้ ในการปฏบิ ัติหนา้ ทตี่ าม (1) (2) และ (3) พนักงานเจ้าหน้าท่ตี อ้ งแสดงบตั รประจาตัวก่อนและให้ บุคคลท่เี กย่ี วข้องอานวยความสะอาดตามสมควร บัตรประจาตวั พนักงานเจา้ หน้าท่ีให้เปน็ ไปตามแบบที่รัฐมนตรีกาหนดโดยประกาศในราชกิชจา นุเบกษา มาตรา 31 ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีต่ ามพระราชบญั ญัติน้ีใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทเี่ ป็นเจา้ พนักงานตาม ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 7 การส่งเสริมความประพฤตนิ ักเรียนและนักศึกษา ______________________________ มาตรา 63 โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจดั ให้มีระบบงานและกจิ กรรมในการแนะแนวให้ คาปรกึ ษาและฝึกอบรมแก่นักเรยี น นกั ศึกษาและผู้ปกครอง เพอื่ สง่ เสรมิ ความประพฤตทิ ี่เหมาะสม ความ รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมและความปลอดภัยแก่นกั เรียนและนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการและเง่ือนไขท่ี กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา 64 นกั เรยี นและนกั ศึกษาต้องประพฤติตามระเบยี บของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและ ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง มาตรา 65 นกั เรียน หรือนกั ศกึ ษาผู้ใดฝา่ ฝืนมาตรา 64 ให้พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีปฏิบตั ติ ามระเบยี บ ทร่ี ฐั มนตรีกาหนดและมีอานาจนาตวั ไปมอบแกผ่ บู้ ริหารโรงเรียน หรอื สถานศึกษาของนักเรยี น หรอื นักศกึ ษานนั้ เพ่ือดาเนนิ การสอบถามและอบรมสงั่ สอน หรือลงโทษตามระเบยี บ ในกรณีที่ไมส่ ามารถนา ตัวไปมอบได้จะแจง้ ด้วยวาจา หรอื เป็นหนงั สือกไ็ ด้ เมื่อได้อบรมส่ังสอนหรือลงโทษนกั เรยี น หรือนักศึกษาแลว้ ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหาร โรงเรยี น หรอื สถานศึกษาแจ้งให้ผู้ปกครองวา่ กลา่ วตกั เตือน หรือสัง่ สอนเดก็ อกี ชน้ั หนึง่ การลงโทษนกั เรยี น หรือนักศึกษาให้กระทาเทา่ ที่สมควรเพ่ือการอบรมสง่ั สอนตามระเบียบที่ รฐั มนตรกี าหนด มาตรา 66 พนักงานเจา้ หนา้ ทตี่ ามหมวดนี้มีอานาจดาเนนิ การเพื่อสง่ เสริมความประพฤตนิ กั เรยี น และนักศกึ ษา ดงั ตอ่ ไปนี้

56 (1) สอบถามครู อาจารย์ หรือหวั หนา้ สถานศกึ ษา เก่ยี วกบั ความประพฤติ การศกึ ษา นิสัยและ สตปิ ญั ญาของนักเรยี น หรือนักศกึ ษา เพ่ือว่ากล่าวอบรมสัง่ สอนตอ่ ไป (2) เรียกให้ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ หรอื หวั หน้าสถานศึกษาท่ีนกั เรียน หรอื นักศึกษาน้นั กาลงั ศกึ ษาอยูม่ ารับตวั นักเรยี น หรือนักศึกษา เพื่อว่าล่าวอบรมสั่งสอนต่อไป (3) ใหค้ าแนะนาแก่ผปู้ กครองในเรือ่ งการอบรมและส่ังสอนนักเรยี น หรอื นักศึกษา (4) เรียกผปู้ กครองมากลา่ วตักเตอื น หรือทาทัณฑ์บนวา่ จะปกครองดแู ลมใิ ห้นักเรยี น หรือ นักศกึ ษาฝ่าฝนื มาตรา 64 อีก (5) สอดส่องดแู ลรวมท้ังรายงานต่อคณะกรรมการเก่ยี วกบั พฤติกรรมของบคุ คล หรอื แหลง่ ท่ชี กั จงู นักเรียน หรอื นกั ศกึ ษาให้ประพฤติในทางมชิ อบ (6) ประสานงานกับผู้บริหารโรงเรยี น หรือสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ตารวจ หรอื พนกั งาน เจา้ หน้าที่อ่ืนเพ่ือดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามหมวดนี้ มาตรา 67 ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยวา่ มีการฝ่าฝนื กฎหมาย ระเบียบเกีย่ วกับความประพฤติ ของนักเรียน หรือนักศกึ ษา ให้พนกั งานเจา้ หน้าทม่ี ีอานาจเขา้ ไปในเคหสถาน สถานท่ี หรือยานพาหนะ ใดๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขน้ึ ถงึ พระอาทิตยต์ ก หรือในระหวา่ งเวลาทาการเพ่ือทาการตรวจสอบการ ฝา่ ฝนื ดงั กลา่ วได้ ในการปฏิบตั หิ น้าท่ตี ามวรรคหนงึ่ พนักงานเจ้าหน้าทีต่ ้องแสดงบตั รประจาตัวก่อนและใหบ้ คุ คลท่ี เก่ยี วขอ้ งอานวยความสะดวกตามสมควรบัตรประจาตวั พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีใหเ้ ปน็ ไปตามแบบทรี่ ัฐมนตรี กาหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา หมวด 9 บทกาหนดโทษ _________________________ มาตรา 78 ผู้ใดฝา่ ฝืนมาตรา 26 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามเดอื น หรือปรับไมเ่ กนิ สามหมนื่ บาท หรือทัง้ จาทง้ั ปรับ มาตรา 79 ผ้ใู ดฝ่าฝนื มาตรา 27 มาตรา 50 หรือมาตร 61 ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมห่ กสามเดอื น หรอื ปรับไมเ่ กินหกหม่ืนบาท หรือทง้ั จาท้ังปรับ มาตรา 80 ผู้ใดขัดขวางไมใ่ ห้พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีปฏิบัติตามมาตรา 30 (1) หรือ (5) หรอื ไม่ยอมส่ง เอกสาร หรอื สง่ เอกสารโดยรู้อยู่ว่าเป็นเอกสารเท็จแกพ่ นักงานเจา้ หน้าทีเ่ มื่อถูกเรยี กใหส้ ่งตามมาตรา 30 (3) ต้องระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหน่งึ เดอื น หรือปรบั ไม่เกินหนึ่งหมนื่ บาท หรือทัง้ จาท้งั ปรับ แตถ่ า้ ผ้ใู ห้ ถอ้ ยคากลับใหข้ ้อความจรงิ ในขณะท่ีการให้ถอ้ ยคายังไม่เสร็จส้ิน การดาเนนิ คดีอาญาต่อบคุ คลนน้ั ให้เป็น อันระงับไป

57 มาตรา 81 ผู้ใดฝา่ ฝนื ข้อกาหนดของศาลในการคุมความประพฤติ ห้ามเข้าเขตกาหนด หรือห้าม เขา้ ใกลต้ วั เด็กตามาตรา 43 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หนงึ่ เดอื น หรือปรบั ไม่เกนิ หนงึ่ หม่ืนบาท หรอื ทัง้ จาทัง้ ปรบั มาตรา 82 ผ้ใู ดจดั ต้ัง หรือดาเนินการสถานรบั เลยี้ งเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถาน คมุ้ ครองสวัสดภิ าพ หรือสถานพฒั นาและูื้นูตู ามมาตรา 52 โดยมิไดร้ ับใบอนญุ าต หรอื ใบอนุญาตถูก เพิกถอน หรือหมดอายุ ตอ้ งระวงั โทษจาคุกไมเ่ กนิ หน่งึ เดือน หรอื ปรับไมเ่ กนิ หน่ึงหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ ถ้าผ้ฝู ่าฝืนบทบัญญัตใิ นวรรคหนงึ่ ได้ยืน่ คาขออนญุ าต หรือยน่ื คาขอต่อใบอนุญาตในระยะเวลาท่ี พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีกาหนด การดาเนินคดีอาญาต่อบคุ คลนัน้ ใหเ้ ป็นอันระงับไป มาตรา 83 เจ้าของ หรอื ผ้ปู กครองสวัสดิภาพของสถานรับเล้ยี งเด็ก สถานแรกรบั สถาน สงเคราะห์ สถานค้มุ ครองสวัสดิภาพ หรอื สถานพฒั นาและูน้ื ูผู ูใ้ ดไมป่ ฏิบตั ติ ามพระราชบญั ญัตนิ ี้ หรือ กฎกระทรวง หรือระเบยี บท่อี อกตามความในพระราชบัญญัตนิ ี้ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหนง่ึ เดอื น ปรับ ไม่เกินหน่ึงหมื่นบาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรบั ถา้ ผฝู้ า่ ฝนื บทบญั ญตั ิในวรรคหน่งึ ได้ดาเนนิ การแก้ไข หรือปฏิบตั ิตามคาแนะนาของพนักงาน เจา้ หน้าท่ี หรอื ผมู้ หี นา้ ที่คุมครองสวสั ดิภาพเดก็ ตามมาตรา 24 แลว้ การดาเนนิ คดีอาญาต่อบุคคลนน้ั ให้ เป็นอนั ระงับไป มาตรา 84 ผใู้ ดกระทาการเป็นผูป้ กครองสวัสดภิ าพของสถานอรกรับ สถานสงเคราะห์ สถาน คุม้ ครองสวสั ดภิ าพและสถานพัฒนาและูื้นูโู ดยมิไดร้ ับแต่งตั้งตามมาตรา 55 ต้องระวางโทษจาคุกไม่ เกินหน่งึ เดือน หรือปรบั ไมเ่ กินหน่ึงหมนื บาท หรือท้ังจาท้งั ปรับ มาตรา 85 ผู้ใดกระทาการอันเป็นการยยุ ง สง่ เสรมิ ชว่ ยเหลอื หรือสนบั สนุนให้นักเรยี น หรอื นกั ศึกษาฝา่ ฝนื บทบญั ญตั ติ ามมาตรา 64 ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสามเดือน หรือปรับไมเ่ กนิ สามหมน่ื บาท หรอื ท้ังจาทัง้ ปรบั มาตรา 86 ผู้ใดไม่อานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีตามมาตรา 67 ต้องระวางโทษจาคุก ไมเ่ กนิ หนึ่งเดือน หรือปรบั ไม่เกนิ หน่ึงหมนื่ บาท หรือท้ังจาทั้งปรับ บทเฉพาะกาล ________________ มาตรา 87 ให้สถานรบั เลย้ี งเด็ก สถานแรกรบั สถานสงเคราะห์และสถานคมุ้ ครองสวสั ดิภาพเด็ก ของหนว่ ยราชการ หรือของเอกชนทไ่ี ดร้ บั อนุญาต ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294 ลงวนั ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ท่ีดาเนินกิจการอยู่จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินีใ้ ชบ้ ังคบั เป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรบั สถานสงเคราะห์และสถานคุ้มครองสวสั ดภิ าพตามพระราชบัญญัตนิ ้ี

58 มาตรา 88 บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคบั ระเบียบ ประกาศ หรือคาสงั่ ท่ีออกโดยอาศยั อานาจ ตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294 ลงวันท่ี 27 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2515 และประกาศของ คณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 ใหค้ งใชบ้ งั คบั ต่อไปได้เท่าที่ไม่ขดั หรอื แย้งกับ พระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีการออกกฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบยี บ ประกาศ หรอื คาส่ังตาม พระราชบัญญัตินี้ ถูกต้องตามมตขิ องรัฐสภา ( นายสิทธชิ ัย พมิ เสน ) ผ้อู านวยการสานกั ประชมุ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ระเบยี บวา่ ดว้ ยการลงโทษ โรงเรียนปา่ ตาลบา้ นธิพิทยา อาศยั ระเบยี บว่าด้วยการลงโทษนกั เรยี น นกั ศกึ ษา ปี 2550 เพื่อควบคมุ ความประพฤตินักเรียน นักศึกษาให้อยใู่ นระเบียบวินยั มศี ีลธรรมจรรยา มีความประพฤติเหมาะสม มีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ของสงั คมไทยและเกิดความสงบเรยี บรอ้ ยต่อสังคมและชมุ ชน จงึ ขอประกาศดังน้ี ผู้อานวยการสถานศึกษา หมายถงึ ผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนป่าตาลบ้านธพิ ิทยา รองผู้อานวยการสถานศกึ ษา หมายถงึ รองผ้อู านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นป่าตาลบ้านธพิ ทิ ยา ครู หมายถึง ผมู้ หี นา้ ที่ในการจดั การเรียนการสอนให้ความรู้และใหก้ ารบริการทางด้านวิชาการ การเงิน สวสั ดกิ ารแกน่ ักเรยี นในโรงเรยี นป่าตาลบ้านธพิ ทิ ยา ผูป้ กครอง หมายถงึ บิดา มารดา หรอื ผู้ให้ความคุ้มครองดูแล อบรมสง่ั สอนเด็ก ซึ่งเด็กอาศัยอยู่ ด้วยทัง้ น้ตี อ้ งเป็นผู้ทบี่ รรลุนติ ิภาวะ ไม่เป็นบคุ คลตอ้ งห้าม เชน่ วกิ ลจริต สูบ เสพสุรา ยาเสพตดิ จนไม่ สามารถครองตนให้มีสติได้ คณะกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรยี น หมายถึง คณะครผู ู้รับผิดชอบเกี่ยวกบั กิจการนักเรยี นทัง้ ปวง และมหี น้าที่สอดสอ่ งดูแลความประพฤติของนักเรยี น ปรบั ปรุงแก้ไข ลงโทษให้เป็นระเบียบว่าดว้ ยการ ลงโทษ นักเรียนโรงเรียนปา่ ตาลบ้านธิพทิ ยา

59 การลงโทษ หมายถึง การลงโทษนกั เรยี นที่ประพฤติผิดหรือฝา่ ฝืนระเบยี บ ขอ้ บังคับ ของ สถานศึกษา หรอื ของกระทรวงศึกษาธกิ าร หรือฝา่ ฝนื กฎของกระทรวงศึกษาธกิ าร ออกตามความใบ ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับที่ 132 วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 โดยมีความม่งุ หมายเพื่อส่ังสอนให้มี ความประพฤตดิ ี หรือใหเ้ ข็ดหลาบ การกระทาผดิ หมายความวา่ การทน่ี กั เรียน นกั ศกึ ษาประพฤตผิ ดิ หรอื ฝา่ ฝนื ระเบยี บ ข้อบังคับ ของสถานศกึ ษา หรอื ของกระทรวงศึกษาธกิ าร หรือฝ่าฝืนกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ออกตามความใบ ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 132 วนั ท่ี 22 เมษายน พ.ศ. 2515 และระเบยี บวา่ ดว้ ยการลงโทษ นักเรยี น นักศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2543 ทากจิ กรรม หมายความว่า การใหน้ ักเรยี น หรอื นักศึกษาที่กระทาผดิ ทากิจกรรม หรือบาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง สถาบนั การศึกษา หรอื สังคม หมวดท่ี 1 บทบาทหน้าของคณะกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรยี น ขอ้ ท่ี 1 คณะกรรมการฝา่ ยกจิ การนกั เรยี นประกอบด้วย 1.1 ผู้อานวยการสถานศึกษา เป็นประธานคณะกรรมการฝา่ ยกจิ การนกั เรียน 1.2 รองผอู้ านวยการสถานศึกษา เป็นรองประธานคณะกรรมการฝ่ายกิจการนักเรยี น 1.3 หวั หนา้ ฝ่ายกจิ การนกั เรียน ทาหนา้ ทีเ่ ป็นประธานในการดาเนินการในการพิจารณา โทษนกั เรียน เพ่ือเสนอโทษยงั ประธานคณะกรรมการฝ่ายกิจการนกั เรียน หรอื รองประธานคณะกรรมการ ฝา่ ยกิจการนักเรียน ในกรณีที่ประธานกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรียนไม่สามารถดาเนินการได้ หรอื ได้ มอบหมายอานาจให้ 1.4 คณะกรรมการฝา่ ยกจิ การนกั เรียน ประกอบด้วยหวั หนา้ ระดับช้นั ครูท่ปี รึกษาและ ครแู นะแนวหัวหนา้ กิจกรรมนักเรยี น 1.5 หวั หน้าสานกั งานปกครอง เป็นกรรมการและเลขานุการ ข้อ 2 ในการพจิ ารณาโทษนนั้ ให้หัวหน้าฝา่ ยกจิ การนกั เรยี นเป็นประธานดาเนินการพจิ ารณาไต่ สวน สอบถามข้อเทจ็ จริงและขอมตจิ ากท่ปี ระชุมคณะกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรยี น เพื่อเสนอโทษต่อ ประธาน หรือรองประธานคณะกรรมการฝ่ายกิจการนักเรยี นต่อไป ข้อ 3 ในการลงโทษนักเรยี นใหม้ ีโทษตามลาดบั คอื 3.1 ให้ครทู ่ีปรึกษา ครผู ู้สอน ว่ากลา่ วตักเตอื น ลงโทษ ในกรณที ี่ความผดิ ไมร่ ุนแรง เปน็ ความผดิ สถานเบา 3.2 เสนอตอ่ ครูแนะแนวในกรณีท่ี นกั เรยี นมีความผิดเบี่ยงเบนและตอ้ งการคาปรึกษาที่ซับซ้อน

60 3.3 ใหค้ รูทปี่ รกึ ษา ครแู นะแนวและครผู ู้สอน เสนอต่อคณะกรรมการฝา่ ยกิจการนกั เรียน เมอ่ื มี ความเหน็ ว่าความประพฤตขิ องนกั เรยี นผนู้ ้ันสง่ ผลกระทบเสยี หายต่อส่วนรวม เสือ่ มเสยี ต่อศีลธรรมจรรยา หรือช่อื เสยี งของสว่ นรวม หรือมคี วามผิดในสถานกลางจนถงึ สถานหนัก คณะกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรยี น พิจารณาโทษแลว้ ใหห้ วั หนา้ ฝา่ ยกิจการนักเรยี นเสนอต่อประธาน หรอื รองประธานคณะกรรมการฝา่ ย กิจการนกั เรยี นตามลาดับ หมวดที่ 2 การลงโทษนกั เรยี น ข้อที่ 4 การลงโทษนกั เรยี นท่ีกระทาผดิ มี 6 สถาน ดังน้ี 1. วา่ กลา่ วตกั เตอื น 2. ทากิจกรรม 3. ทาทณั ฑบ์ น 4. พกั การเรยี น 5. ใหย้ ้ายสถานศกึ ษา 6. ใหอ้ อก ขอ้ 5 ให้สถานศึกษาพจิ ารณาลงโทษแก่นักเรยี น ดังตอ่ ไปนี้ 5.1 การว่ากลา่ วตกั เตอื นใชส้ าหรับนักเรยี น ท่กี ระทาความผิดไมร่ า้ ยแรงเมอ่ื ผู้อานวยการสถานศกึ ษามอบหมายเห็นว่าเหมาะสมและได้ผลดี 5.2 การกระทากจิ กรรมใช้สาหรับกรณที น่ี ักเรียน กระทาผิดระเบยี บวนิ ยั ของ สถานศึกษา หรอื ศีลธรรมอันดี หรอื เป็นตัวอย่างทไ่ี ม่ดใี ห้นักเรียนอืน่ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ าม ทัง้ น้ี ตอ้ งเปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารทส่ี ถานศึกษากาหนด 5.3 การทาทณั ฑบ์ น ให้ผู้อานวยการสถานศกึ ษาพจิ ารณาลงโทษนกั เรียนท่ีประพฤติตน ไมส่ มควรแก่สภาพนักเรยี นตามกฎกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตามความใบประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ในกรณีทท่ี าใหเ้ สื่อมเสยี ชอ่ื เสียง เกียรติศักดิ์ของสถานศึกษา หรือฝา่ ฝืนระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของสถานศึกษาอย่างรา้ ยแรง หรือได้รับโทษอยา่ งอื่นแลว้ แต่ยังไมเ่ ขด็ หลาบ ให้ทาทณั ฑ์ บนไว้เปน็ หลักฐานและเชิญบิดา มารดา หรอื ผ้ปู กครอง มาบันทึกรบั รองการทาทัณฑ์บนไว้ดว้ ย 5.4 ในกรณที ่นี กั เรยี นได้ทาทัณฑ์บนไว้เป็นหลกั ฐานแลว้ แตย่ งั ไม่เขด็ หลาบ ยงั คงฝ่า ฝืนและกระทาผดิ ซ้า เช่น เลน่ การพนนั ทาลายทรพั ยส์ ินของโรงเรียน ลกั ขโมย ประพฤติตนเรอ่ื ง ชู้สาว กอ่ การทะเลาะววิ าททั้งในและนอกโรงเรียน สูบบหุ รี่ กัญชา ยาเสพตดิ ของมึนเมา หรอื ประพฤติตนท่ีทาให้เสอ่ื มเสียช่อื เสยี งแกโ่ รงเรียน ให้พักการเรยี นตัง้ แต่ 3–5 วนั 5.5 การให้ยา้ ยสถานศึกษาในกรณีท่ีนักเรียนได้กระทาผดิ รว่ มกนั กระทาผดิ ตามขอ้ 5.1 ถงึ ข้อ 5.2 และไมใ่ หเ้ ปน็ ตัวอยา่ งแก่บุคคลอน่ื เพอ่ื รักษาช่ือเสยี งของโรงเรียนและเพ่ือให้นกั เรยี น ไดแ้ ก้ไข พัฒนาตนเองเปน็ บุคคลทีด่ ขี องสงั คมได้ ภายหลงั สามารถกลบั เขา้ มาศึกษาต่อยัง สถานศึกษาได้

61 5.6 การให้ออก ถา้ นักเรียนคนใดประพฤตติ นไม่สมควรแก่สภาพนกั เรียน หรอื ฝ่าฝนื ระเบยี บข้อบังคับของสถานศึกษา หรอื ประพฤติผิดศลี ธรรมจนเปน็ เหตใุ ห้เสื่อมเสียชื่อเสียงของ โรงเรียน ใหผ้ ่านมติของคณะกรรมการฝ่ายกจิ การนักเรียนและนาเสนอผู้อานวยการสถานศกึ ษา เพ่อื พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบดาเนนิ การต่อไป หมวดท่ี 3 ประเภทของความผดิ ขอ้ 6 พฤติกรรมท่ีถูกลงโทษตามระเบียบการลงโทษนักเรยี นและพจิ ารณาโทษมดี ังน้ี 6.1 ความผิดสถานเบา แสดงถงึ การเป็นบุคคลที่มนี ิสัยไมเ่ หมาะสม ไดแ้ ก่ 6.1.1 มาโรงเรียนสายในบางครง้ั โดยไม่มีเหตผุ ลอันสมควร 6.1.2 หลกี เลี่ยงการเข้าแถวเคารพธงชาติและการประชุม 6.1.3 หลกี เล่ยี งการเรียนตามตารางเรยี น 6.1.4 ขดั คาสงั่ ครูอาจารยใ์ นเร่อื งเกย่ี วกบั การเรยี นการสอน 6.1.5 แสดงกริยา วาจา หยาบคาย 6.1.6 ไมใ่ หค้ วามร่วมมอื กับหมู่ คณะเท่าที่ควร 6.1.7 ไม่รักษาความสงบเรียบร้อยในการประชุม 6.1.8 ไม่ชว่ ยกนั รกั ษาสมบตั ิของส่วนรวม ความผดิ สถานเบาพิจารณาโทษโดยการวา่ กล่าวตกั เตือน หรือใหท้ ากิจกรรมและ หรอื บันทกึ เปน็ ลายลักษณ์อักษรแจง้ ให้ผู้ปกครองทราบ 6.2 ความผดิ สถานกลาง เปน็ ความผิดท่ีทาใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่สว่ นรวม แตไ่ ม่ ร้ายแรงหรอื เป็นความผดิ ที่อาจเปน็ สาเหตทุ ี่ทาใหเ้ กดิ ความรา้ ยแรงตอ่ ไปได้ ไดแ้ ก่ 6.2.1 แตง่ กายผดิ ระเบยี บและฝา่ ฝนื ระเบยี บทั้งภายนอกและภายในโรงเรยี น เช่น ดดั ซอย ย้อมสผี ม ไว้หนวดเครารงุ รงั ทาสเี ล็บ สวมเสื้อผา้ ไม่ถูกต้องตามระเบียบว่าด้วยเคร่อื งแต่ง กายของนักเรยี นโรงเรียนป่าตาลบ้านธพิ ทิ ยา 6.2.2 หนอี อกนอกบริเวณโรงเรียนหรอื ไม่อยรู่ ่วมกจิ กรรมท่ีโรงเรยี นนัดหมาย 6.2.3 เสพย์/ดม่ื ของมึนเมาและสารเสพยต์ ิดเป็นครง้ั คราว 6.2.4 ประพฤตติ นไม่เหมาะสมในทางชสู้ าว แตไ่ มถ่ ึงกับรา้ ยแรง 6.2.5 ทาความผิดสถานเบา ตามข้อ 6.1.1–6.1.8 เป็นครงั้ ท่ี 2 ความผิดสถาน กลาง พิจารณาโทษโดยการทาทณั ฑบ์ น หรือสง่ั พักการเรยี นในกรณที น่ี ักเรยี นผูก้ ระทาความผิด ไดก้ ระทา ความผดิ ซา้ โดยไมห่ ลาบจา 6.3 ความผดิ สถานหนักเปน็ ความผิดท่นี าความเส่ือมเสยี มาสู่ ตวั นักเรยี น และสว่ นรวม อยา่ งรา้ ยแรง รวมทั้งความผดิ ตามประมวลกฎหมาย ลกั ษณะกฎหมายอาญากฎหมายตา่ งๆ ทเี่ ก่ยี วกับ นักเรยี นหรือระเบยี บคาสง่ั ต่างๆ ของกระทรวงศกึ ษาธิการได้แก่ 6.3.1 ลักทรพั ย์ หรอื ทรพั ย์สินตา่ งๆ 6.3.2 เล่นการพนัน

62 6.3.3 ประพฤตติ นเป็นอันธพาล ทาร้ายรา่ งกายผู้อนื่ นาอาวุธเข้ามาในโรงเรยี น 6.3.4 ดม่ื สรุ า หรอื เสพย์สง่ิ เสพตดิ ให้โทษ ซ้ือขายจาหน่ายส่ิงเสพตดิ ทุกประเภท 6.3.5 คบค้าสมาคมกับคนชัว่ เข้าไปสถานที่ที่ไมเ่ หมาะสมกับสภาพการเปน็ นักเรียน 6.3.6 ทาลายทรพั ยส์ ินอนั เป็นประโยชนต์ ่อสว่ นรวม 6.3.7 แสดงกรยิ าอาการหลบลหู่ รอื ดูหมิน่ ครู-อาจารย์ 6.3.8 ฝ่าฝืนคาสัง่ ของโรงเรียนทีเ่ กี่ยวข้องกบั ระเบยี บวนิ ัย 6.3.9 กระทาความผดิ อ่นื ทีม่ ีลักษณะอนั ไม่ควรท่ีนกั เรียนจะพึงปฏบิ ตั ิและมี ผลเสยี หายร้ายแรงต่อสงั คม 6.3.10 ความผิดชู้สาว ไดแ้ กจ่ ับมือถือแขน ลว้ งควกั โอบกอดในทสี่ าธารณะ ลักลอบไดเ้ สียกัน อยู่กินฉันสามภี รรยา หรืออยูก่ นิ ระหว่างชายกับหญิงเสมือนกบั บุคคลท่ีสมรสแลว้ 6.3.11 หญงิ เร่ขายประเวณีให้ชาย ชายเร่ขายบรกิ ารให้หญิง หรอื ชาย 6.3.12 หญิงอยู่กนิ กับหญิงด้วยกนั ชายอยู่กินกบั ชายด้วยกัน แสดงออกดว้ ย ความหงึ หวงอย่างคูร่ กั และสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ปกครอง หรือพาไปส่เู หตกุ ารณร์ ุนแรง 6.3.13 กระทาความผิดสถานเบาเปน็ ครั้งท่ี 3 และกระทาความผดิ สถานกลาง เปน็ ครง้ั ที่ 2 ความผดิ สถานหนัก พจิ ารณาโทษโดยการทาทัณฑ์บน พักการเรยี น ให้ย้ายสถานศกึ ษาหรอื ใหอ้ อกจากโรงเรยี นตามทีโ่ รงเรยี นเห็นสมควร หมวดท่ี 4 หมวดเฉพาะกาล ข้อ 7 ระเบยี บใด ทีอ่ อกในคร้ังก่อน ให้ยกเลกิ และใหใ้ ช้ระเบยี บวา่ ดว้ ยการลงโทษฉบับน้ีแทน ขอ้ 8 ในกรณีทตี่ ้องการรักษาช่ือเสยี งของนกั เรยี นที่ได้กระทาผิด ไม่ให้ความผิดทีน่ ักเรียนที่ กระทาผิดเปน็ เยย่ี งอย่างแกน่ ักเรียนคนอน่ื และเพอื่ รักษาชื่อเสยี งของนกั เรียนในกรณีใดกรณีหนึง่ ท่ีได้รับ ผลกระทบจากการกระทาของบคุ คลใดบุคคลหนึง่ แมจ้ ะเป็นความผดิ ขน้ั เบา ข้ันกลาง ให้มกี ารเพิม่ บทการ ลงโทษนกั เรียนดังกลา่ ว ดว้ ย การย้ายสถานศึกษา โดยใหผ้ ปู้ กครองลงลายมือชื่อรบั ทราบและดาเนนิ การ ดังกลา่ ว ทั้งนี้กระทาเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม ขอ้ 9 ในกรณีท่มี ีเหตุรา้ ยเร่งด่วนจาเปน็ ตอ้ งแก้ไข ประธานกรรมการฝา่ ยกิจการนักเรียน หรอื รอง ประธานคณะกรรมการฝา่ ยกิจการนกั เรยี นไมส่ ามารถปฏบิ ัติหน้าที่ได้ ให้หวั หน้าฝ่ายกิจการนกั เรียนเปน็ ผู้ มีอานาจหน้าที่เรยี กประชุมคณะกรรมการฝา่ ยกจิ การนักเรียนเพอ่ื ตัดสิน แกไ้ ขปญั หาแล้วจงึ รายงาน ยอ้ นหลงั ข้อ 10 ความใดทไ่ี ม่ได้กล่าวไวใ้ นระเบยี บนี้ ขอใหเ้ ป็นหนา้ ที่ของฝา่ ยกิจการนักเรยี น เป็นผู้ วินจิ ฉัยและมตขิ องคณะกรรมการฝ่ายกิจการนักเรยี นถือวา่ เปน็ บทส้นิ สุดในเรอื่ งนน้ั ๆ

63 ออก ณ วนั ที่ 1 พฤษภาคม 2561 ลงช่อื (นายธรี ะศักดิ์ แกว้ สุข) ผอู้ านวยการโรงเรยี นปา่ ตาลบ้านธพิ ิทยา

64 หนา้ ท่ีของผู้ปกครองนักเรียน 1. อบรมส่ังสอนบุตรหลานในปกครองให้ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนและขนบธรรมเนียม ประเพณอี นั ดงี ามของทอ้ งถ่นิ และสังคม 2. หมั่นตรวจสอบสมุด อุปกรณ์การเรียน หรืองานของบุตรหลานท่ีได้รับมอบหมายจากครูผู้สอน อยา่ งสม่าเสมอ ถ้าพบสงิ่ ผดิ ปกตใิ ห้รีบประสานกับครูผู้สอนทันที 3. เข้าร่วมประชุมปรึกษาหรือด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้ผู้แทน (บรรลุนิติภาวะแล้ว) กับทาง โรงเรียนทุกครัง้ ท่ีได้รบั การนดั หมาย 4. บันทึกหลักฐานต่างๆ ที่เป็นการติดต่อส่ือสารกับทางโรงเรียนตามท่ีได้รับการประสานจาก โรงเรียนโดยเร่งดว่ น 5. หมั่นตรวจสอบผลการเรียนของนักเรียนในปกครองทุกภาคเรียนหรือทุกปีการศึกษา หากมี ปัญหาให้รีบประสานกับโรงเรยี นทันทที างหมายเลขโทรศพั ท์ 0-5350-1667 6. มีส่วนรว่ มในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรียน 7. หากพบเด็กในปกครอง หรือเด็กอื่นซ่ึงไม่ใช่เด็กในปกครองของตนกระทาผิดระเบียบ หรือ กฎหมายให้รีบประสานกับโรงเรียน หรือหนว่ ยงานอ่ืนที่เก่ียวข้องเพื่อแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน เช่น ปัญหายา เสพติด ปัญหาประพฤติผิดทางเพศ ปัญหาการทะเลาะวิวาท หรือการกระทาท่ีเป็นความเสื่อมเสียทาง ศีลธรรมและวัฒนธรรมอนั ดงี ามของสังคมไทย 8. กระทาตนเป็นแบบอยา่ งทดี่ ีแก่บุตรหลาน โดยการสร้างสรรค์ครอบครัวให้เป็นสุข งดอบายมุข สิ่งเสพติด สุราของมึนเมา การทารุณกรรมต่อคนในครอบครัว อันเป็นการสร้างความบอบช้าทั้งด้าน รา่ งกายและจติ ใจแกบ่ ุตรหลาน 9. การติดต่อกับโรงเรยี นเพ่ือใหด้ าเนินการออกเอกสาร หรอื หลักฐานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เช่น การขอลาออก การขอย้ายสถานท่ีเรียน การจบการศึกษา ให้ผู้ปกครองมาติดต่อกับฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง ล่วงหน้าไม่ต่ากว่า 3 วันทาการ พร้อมเตรียมหลักฐานที่ต้องใช้มาให้พร้อมในวันท่ีย่ืนคาร้องหรือวันที่มา ติดต่อราชการวนั แรก

65 ขอ้ ปฏิบัตปิ ระจาวนั ของนกั เรยี นขณะอยใู่ นโรงเรยี น 1. นักเรยี นตอ้ งปฏบิ ัติตามระเบยี บของทางโรงเรียนโดยเคร่งครดั 2. แตง่ กายให้ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียนทุกประการ 3. ห้ามนารถส่วนตัวมาโรงเรียนยกเวน้ รถจักรยาน ถ้ามีความจาเป็นให้ผู้ปกครองนารถส่วนตัวมา ส่งและรับกลบั หรือขออนุญาตฝา่ ยกิจการนักเรยี นพจิ ารณาอนุญาตเปน็ ครัง้ คราวไป 4. เม่ือมาถึงโรงเรียนให้นักเรียนช่วยกันรักษาความสะอาดบริเวณที่รับผิดชอบจนกว่าจะได้ยิน สญั ญาณเข้าแถวเคารพธงชาตแิ ละในคาบท่ี 8 ให้ช่วยกนั ทาความสะอาดบริเวณที่รบั ผิดชอบจนกว่าจะ เลิกเรยี นยกเวน้ ห้องทค่ี าบการเรยี นการสอน หรอื มกี ิจกรรมทีน่ ัดหมาย 5. เม่ือมีสัญญาณเตรียมเข้าแถว ให้เข้าแถวที่บริเวณหน้าเสาธงตามกาหนด ถ้ามาไม่ทัน 3 ครั้ง ติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลและคารับรองจากผู้ปกครอง ทางโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมารับทราบและ หารอื เพ่อื หาทางแกป้ ญั หาต่อไป 6. ถ้าผู้ปกครองมีเหตุจาเป็นท่ีจะให้นักเรียนมาโรงเรียนสายต้องมีหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์ อกั ษรและเม่ือเสร็จภารกจิ ต้องนานกั เรยี นมาส่งทโ่ี รงเรยี นดว้ ยตนเอง 7. นักเรียนทุกคนเมื่อพบครูต้องยกมือไหว้และทาความเคารพ พร้อมกล่าวคา “สวัสดีครับ” หรือ “สวัสดคี ะ่ ” 8. ในระหว่างคาบเรียนที่ไม่ใช่เวลาพัก ห้ามนักเรียนออกนอกห้องเรียน ยกเว้นครูผู้สอนจะ อนุญาต หรอื นาไปสอนยงั แหล่งเรยี นรู้นอกหอ้ งเรยี นและให้ปฏิบตั ิตามระเบียบการใช้ห้องต่างๆ อย่าง เครง่ ครดั 9. การลากิจ ลาป่วย นกั เรยี นมีความจาเป็นต้องหยุดเรียน ต้องส่งใบลาครูท่ีปรึกษาลว่ งหน้า ถ้ามี ความจาเป็นเร่งด่วนให้โทรศัพท์แจ้งครูท่ีปรึกษา แล้วจัดส่งใบลาทีหลังเม่ือมาโรงเรียนตามปกติ ใบลา น้ันอาจเป็นใบลาท่ีผู้ปกครองเขียนเอง หรือนักเรียนเขียนเองก็ได้ แต่ถ้าเป็นกรณีนักเรียนเขียนเอง จะต้องมีลายมือผู้ปกครองรับรองมาด้วย หากมีการพิสูจน์ว่าลายมือผู้ปกครองปลอม นักเรียนจะได้รับ การพจิ ารณาโทษตามระเบียบของโรงเรียน 10. การนาบคุ คลภายนอกมาร่วมกิจกรรม หรือมาโรงเรยี นด้วยในเวลาราชการ ตอ้ งได้รบั อนญุ าต จากโรงเรียนก่อน มิน้ันจะต้องรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายแก่โรงเรยี นไม่ว่ากรณใี ดๆ 11. หา้ มนาอาหาร ขนม หรือเครือ่ งดื่มไปรับประทานนอกโรงเอาหาร หรือบนอาคารเรียนและไม่ อนุญาตให้ซ้ืออาหาร หรือเคร่ืองดื่มใดๆ นอกเหนือจากท่ีจาหน่ายในโรงอาหารหรือสหกรณ์ของ โรงเรียน 12. นักเรียนป่าตาลบ้านธิพิทยา ต้องตระหนักในความเป็นลูก ป.พ. ต้องมีความสามัคคี ชว่ ยเหลือซึ่งกันและกัน เคารพรุ่นพ่ี ดูแลรุ่นน้อง ยึดศักดศ์ิ รขี องความเป็น ชาวแสด–ดา รจู้ ักแกป้ ัญหา ตา่ งๆ ด้วยสติปัญญา 13. เมื่อถึงเวลากลับบ้านต้องแต่งกายให้เรียนร้อยและเดินทางกลับบ้านด้วยความระมัดระวัง ไม่ ประหมาดเลนิ เลอ่ ไม่วา่ จะเดนิ ทางกลบั บ้านโดยวธิ ใี ดก็ตาม 14. เม่ือมาติดต่อราชการในวันเปิดเรียนต้องแต่งกายในชุดนักเรียน หรือชุดสุภาพในวันหยุด หรอื เมอื่ อยู่ในสถานะภาพศษิ ย์เก่าต้องแต่งกายให้สภุ าพด้วย 15. ห้ามขีดเขียนใดๆ ลงบนผนังห้องเรียน ห้องน้า ประตู หน้าต่าง โต๊ะ เก้าอี้ หรือท่ีอ่ืนใดภายใน บรเิ วณโรงเรยี น

66 16. ห้ามทาลายทรพั ย์สินของทางโรงเรยี น ต้องรบั ผดิ ชอบชดใช้คา่ เสยี หายกรณีทาของเสยี หาย 17. ห้ามเล่น หรือส่งเสียงดังบนอาคารเรียน ในห้องเรียนอันเป็นการทาลายสมาธิและการเรียน ของนกั เรยี นคนอ่นื ๆ 18. ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดของห้องเรียน อาคารเรียน บริเวณโรงเรียนให้อยู่ในสภาพดี สวยงาม รม่ รน่ื เรียบรอ้ ยเสมอสมกับเปน็ โรงเรยี นตน้ แบบโรงเรียนในฝัน 19. ต้องเข้าแถวให้เป็นระเบียบขณะเดินเข้าห้องเรียน เปล่ียนคาบเรียน หรือรับบริการต่างๆ ตลอดจนการเดินกลบั บา้ น 20. ไม่ดึง เด็ดดอกไม้ ใบไม้ ก่ิงไม้ ในบริเวณโรงเรียนและสาธารณะทั่วไป ยกเว้นกรณีมีการ พฒั นา หรอื ตกแต่งให้สวยงามตามคาแนะนาของครทู ่ีปรึกษา 21. การใช้ห้องเรียนในวันหยุดราชการต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าสถานศึกษา หรือผู้ท่ีได้รับ มอบหมายและแจ้งให้หวั หน้างานอาคารสถานท่ีทราบเพ่ือบริการความสะดวกและต้องรับผิดชอบหาก เกิดความเสยี หายในการใช้อาคารสถานที่ดงั กลา่ ว 22. การมาเย่ียมของแขก หรือผู้ปกครองนักเรียน ให้แสดงตัวท่ีห้องประชาสัมพันธ์และรอพบ นกั เรียนเม่ือหมดคาบเรยี น หากจะมีการประกาศเสียงตามสายต้องรอให้ถึงช่วงเปล่ียนคาบเรียน หรือ เวลาพกั เท่าน้ัน

67 ฝา่ ยบริหารทัว่ ไป ระเบียบการใช้บริการสวสั ดิการร้านคา้ โรงเรียนป่าตาลบา้ นธิพทิ ยา 1. เวลาเปิด–ปิด เช้า เปิด 07.30–07.45 น. เที่ยง เปิด 11.40–12.40 น. บา่ ย เปิด 15.30–16.30 น. 2. หา้ มนากระเปา๋ สมั ภาระใดๆ เขา้ ห้องสหกรณ์ 3. หา้ มส่งเสียงดังรบกวนในหอ้ งสหกรณ์ 4. ถอดรองเท้ากอ่ นเข้าหอ้ งสหกรณ์ 5. บอกหมายเลขสมาชกิ ทุกครงั้ ทซี่ อ้ื สนิ ค้าจากสหกรณ์ 6. ห้ามตะโกน แซงควิ เมอื่ รับบริการสหกรณ์ ไม่วา่ กรณใี ดๆ 7. เขา้ แถวให้เป็นระเบียบเรียบร้อยขณะรอชาระเงนิ เมื่อเลอื กสนิ คา้ ไดแ้ ล้ว 8. การขโมยสินค้าใดๆ ปรับ 50 เท่าของราคาสินค้า พร้อมส่งให้ฝ่ายกิจการนักเรียนลงโทษตาม ระเบยี บของสถานศกึ ษาอกี กรณหี น่งึ ข้อปฏบิ ตั กิ ารใชห้ ้องสมดุ โรงเรยี นปา่ ตาลบา้ นธิพทิ ยา 1. เวลาเปิด–ปิดห้องสมุด เปดิ เวลา 07.30–17.30 น. ทกุ วันราชการ จนั ทร์–ศุกร์ เว้น วันหยดุ ราชการ 2. เชค็ ช่ือทุกคร้ังท่ีเขา้ ห้องสมดุ เพื่อเชค็ สถิตกิ ารใช้ห้องสมุดของนักเรียน ผู้มีสทิ ธ์ยิ มื หนังสือของ ห้องสมุดคอื บคุ ลากร ครู นักเรยี นโรงเรยี นป่าตาลบา้ นธพิ ทิ ยา 3. หนงั สือธรรมดายมื ไดค้ รั้งละ 3 วนั หนงั สือจองยมื ได้คร้งั ละ 2 วนั ไมเ่ กินครง้ั ละ 2 เล่ม 4. การสง่ หนงั สือเกินเวลาท่ีกาหนดมกี ารปรับดังนี้ หนังสอื ธรรมดาวนั ละ 1 บาท ตอ่ เลม่ หนังสอื จองวนั ละ 5 บาท ต่อเล่ม 5. หา้ มนากระเปา๋ หรอื สัมภาระใดๆ เขา้ ไปในห้องสมดุ โดยเดด็ ขาด 6. ห้ามนาอาหาร ขนม ของขบเค้ียว หรือเคร่ืองด่ืมใดๆ เข้าไปรับประทานในห้องสมุด โดย เด็ดขาด 7. ถอดรองเทา้ เก็บไวใ้ นช้ันวางรองเท้าให้เป็นระเบยี บเรียบร้อยก่อนเข้าห้องสมดุ ทุกคร้ัง 8. ชว่ ยกันรกั ษาความสงบ ไมส่ ่งเสยี งดังรบกวนผ้อู ่ืน 9. เก็บเก้าอเี้ ข้าใตโ้ ต๊ะและช่วยกันรักษาความสะอาดทุกครั้งก่อนออกจากหอ้ งสมุด

68 ขอ้ ปฏบิ ัตกิ ารใช้โรงอาหารโรงเรยี นป่าตาลบ้านธพิ ทิ ยา 1. ห้ามรับประทานอาหาร หรอื เครอ่ื งด่มื กอ่ นถงึ เวลาจาหน่ายที่โรงเรยี นกาหนด 2. เขา้ แถวเรียงคิวให้เปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ยเมื่อรบั บริการซ้ืออาหาร หรอื เคร่อื งด่มื 3. เม่อื รับประทานอาหารเสร็จใหน้ าภาชนะใส่อาหาร หรือเครอื่ งด่ืมส่งคืน ณ จุดรับภาชนะ 4. ห้ามสง่ เสียงดัง หรือพูดคุยเสยี งดังขณะรับประทานอาหาร 5. เกบ็ โต๊ะ เกา้ อใ้ี หเ้ รยี บร้อยเม่อื รบั ประทานอาหารเสรจ็ เรยี บร้อย 6. ห้ามเข้าไปรบกวนแม่ค้าภายในบริเวณจาหน่ายอาหาร ยกเว้นได้รับอนุญาตจากแม่ค้า กรณี เป็นผู้ช่วยจาหน่ายอาหารหรือเคร่ืองด่ืมและต้องแต่งกายให้เป็นไปตามระเบียบการจาหน่ายอาหาร ของทางโรงเรียนเช่นเดียวกบั แมค่ ้าทุกประการ 7. ห้ามนาอาหาร หรือเครอ่ื งด่ืมออกนอกบรเิ วณโรงอาหาร 8. การจาหนา่ ยอาหารมี 2 ชว่ งเวลา คอื เวลาพกั เทีย่ ง เวลา 11.40–12.40 น. หลังเลกิ เรยี น เวลา 16.00–17.00 น. ระเบียบการใช้หอ้ งพยาบาล 1. เปิดบริการตั้งแต่เวลา 8.00–16.00 น. 2. ตอ้ งขออนญุ าตเจา้ หนา้ ท่ีก่อนเข้าห้องพยาบาล 3. หา้ มนา-อาหารเครื่องดมื่ เข้ามาในห้องพยาบาล 4. ห้ามหยิบยา–เวชภัณฑ์กอ่ นได้รับอนุญาต 5. กรณขี อนอนพักต้องได้รับอนญุ าตจากอาจารยป์ ระจาวชิ า 6. นอนได้เตยี งละ 1 คน 7. หา้ มผู้ท่ไี มป่ ว่ ยนอนพักบนเตยี งพยาบาล 8. อนญุ าตใหเ้ พื่อนเย่ียมผู้ป่วยได้ ครั้งละ 2 คน 9. หา้ มคุย หรอื ส่งเสยี งดงั ขณะนอนพกั 10. ต้องลงชอื่ ทุกครั้งเมื่อใช้บริการ

69 กลุม่ บริหารงบประมาณ งบประมาณ และเกณฑก์ ารจัดสรรงบประมาณ กระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอเร่ือง การเพ่ิมเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายต่อหัวสาหรับการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน เข้าท่ีประชุมคณะรฐั มนตรี เพื่อพจิ ารณาการปรบั อัตราค่าเงินอดุ หนุนคา่ ใช้จา่ ยต่อหวั สาหรับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ทุกระดับการศึกษา ทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน โดยใช้ผลการวิจัย ของกระทรวงศึกษาธิการ การปรับเพิ่มโรงเรียนขนาดเล็ก โดยใช้ผลการวิจัยของสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และมติ คณะรฐั มนตรีได้ประชุมหารือ เม่ือวนั ที่ 21 พฤศจิกายน 2549 อนุมัติให้ปรบั อัตราค่าเงินอุดหนนุ ค่าใช้จ่ายต่อหัว สาหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกระดบั การศึกษา ท้ังใน ระบบโรงเรยี นและนอกระบบโรงเรยี น โดยแบ่งการปรับเพิ่ม เป็น 3 ปกี ารศึกษา อย่างตอ่ เนื่อง ต้ังแต่ปี การศึกษา 2553 ใช้อัตราดังกลา่ วจนถึงปจั จบุ ัน ดงั น้ี การศึกษาในระบบโรงเรียน อตั ราเดิม อัตราใหม่ ป2ี 550 ป2ี 551 ปี2552 ปี2553-ปัจจุบัน มัธยมศกึ ษาตอนต้น 1,800 3,500 2,083 2,649 3,216 3,500 มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ประเภทสามญั ศกึ ษา 2,700 3,800 2,883 3,249 3,616 3,800 มติคณะรัฐมนตรีเมือ่ วันที่ 27 ตลุ าคม 2552 เหน็ ชอบให้เพ่ิมเงนิ อดุ หนนุ รายหัว ให้นักเรยี นในโรงเรียนขนาด เลก็ ตั้งแตภ่ าคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2553 เป็นต้นไป ดงั นี้ โรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาขนาดเลก็ ทมี่ ีนกั เรยี น 300 คนลงมาใหเ้ พ่มิ จากรายหัวทไ่ี ด้รบั ปกติ (ม.ตน้ 3,500 บาท/ม.ปลาย 3,800 บาท) เพมิ่ อีก 500 บาท/คน/ภาคเรียน (1,000 บาท/คน/ป)ี เกณฑ์การจัดสรรงบประมาณ และแนวทางการดาเนินงาน 1. คา่ จดั การเรียนการสอน (เงนิ อดุ หนนุ รายหวั /ปัจจยั พน้ื ฐานสาหรับนกั เรียนยากจน/ค่าอาหารนักเรียน ประจาพักนอน) สาหรบั นักเรียนโรงเรียนปกติ มเี กณฑก์ ารจัดสรร ดังนี้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น - รายหวั โรงเรียนปกติ 1,750บาท/คน/ภาคเรียน (3,500 บาท/คน/ปี) - ปจั จยั พน้ื ฐานสาหรับนกั เรยี นยากจน (30%) 1,500 บาท/คน/ภาคเรยี น (3,000 บาท/ คน/ป)ี ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย - รายหวั โรงเรียนปกติ 1,900 บาท/คน/ภาคเรยี น (3,800 บาท/คน/ปี) 2. คา่ หนังสอื เรยี น 700.00 บาท/คน/ปี งบประมาณคา่ หนังสือ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1

70 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 863.00 บาท/คน/ปี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 949.00 บาท/คน/ปี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 1,257.00 บาท/คน/ปี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 1,263.00 บาท/คน/ปี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 1,109.00 บาท/คน/ปี 3. ค่าอุปกรณ์การเรยี น อปุ กรณก์ ารเรยี นทจี่ าเป็นและสง่ ผลต่อการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ไดแ้ ก่ สมุด ปากกา ดนิ สอ ยางลบ ไม้บรรทดั เคร่อื งมอื เรขาคณิต วสั ดุฝกึ ตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วสั ดฝุ กึ อาชพี วสั ดุ ICT กระดาษ สี เทียน ดนิ นา้ มันไร้สารพิษ กระเปา๋ นกั เรียน ฯลฯ ในอัตราดงั นี้ - ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 210 บาท/ภาคเรยี น (420 บาท/ปี) - ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 230 บาท/ภาคเรียน (460 บาท/ป)ี 4. ค่าเครอ่ื งแบบนักเรียน 450 บาท/คน/ปี - ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ 500 บาท/คน/ปี - ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 5. ค่ากิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น ประกอบดว้ ย 1. กิจกรรมวิชาการ 2. กิจกรรมคณุ ธรรม/ลูกเสอื /เนตรนาร/ี ยุวกาชาด/ผู้บาเพ็ญประโยชน์ 3. กิจกรรมทัศนศึกษา 4. กจิ กรรมการบรกิ ารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (ICT) งบประมาณพฒั นากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนต่อนักเรยี น 1 คน ดงั นี้ - มัธยมศึกษาตอนต้น 440 บาท/ภาคเรยี น (880 บาท/ปี) - มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 475 บาท/ภาคเรียน (950 บาท/ปี)

71 บรรณาธิการ คณะที่ปรึกษา 1. นายณัฏฐยศ ป่าหลวง ผูอ้ านวยการโรงเรียนปา่ ตาลบา้ นธพิ ทิ ยา 2. คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน โรงเรยี นปา่ ตาลบ้านธิพิทยา 3.. หัวหน้าฝา่ ย หวั หน้ากลุ่มสาระ หวั หน้ากลมุ่ งาน โรงเรยี นป่าตาลบ้านธพิ ทิ ยา 4. คณะครูและบุคลากรทางการศกึ ษาโรงเรยี นปา่ ตาลบา้ นธิพทิ ยา คณะทางาน 1. นายปฐพี ธิงาเครอื ประธานกรรมการ 2. นายณัฐพงศ์ อภวิ งศ์วาร กรรมการ 3. นางสาวนาถปรียา เหรียญทอง กรรมการ 4. นายจตุพล อภิวงคง์ าม กรรมการ 5. นายบัญญัติ ปัญญาคา กรรมการและเลขานกุ าร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook