Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือจัดทำโครงการ 2564

คู่มือจัดทำโครงการ 2564

Published by wittaya.mo, 2021-06-28 02:57:15

Description: คู่มือจัดทำโครงการ 2564

Search

Read the Text Version

1 ขน้ั ตอนการจัดทาโครงการ สารวจความพรอ้ มและความสนใจ ระยะเรม่ิ ตน้ ศกึ ษาเอกสารและผลงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง วางแผนและประมาณการโครงการ ไม่อนุมตั ิ เสนอ เค้าโครงของโครงการ ระยะดาเนนิ การ อนมุ ตั ิ ปฏิบัตงิ านตามแผนงาน ปรับปรงุ แก้ไข/ประเมินตนเอง เขยี นรายงาน ไม่ผ่าน สอบโครงการ ระยะสน้ิ สุด ผ่าน แสดงผลงานต่อผู้อน่ื แสดงขน้ั ตอนการทาโครงการ

2 รายละเอียดเกี่ยวกับวิชาโครงการ เอกสารประกอบการทาโครงการ 1) แบบเสนอเค้าโครงโครงการ (คก-01) ใช้สาหรบั นักศึกษาในการวางแผนงานในการทาโครงการ ซ่ึงเรียกว่า “เค้าโครงโครงการ” เพ่ือมาเสนอคณะกรรมการในวันสอบเค้าโครงโครงการและเพื่อขออนุมัติทาโครงการต่อไป โดย ดา้ นหลังของแบบเสนอเคา้ โครงโครงการน้ันมคี าอธบิ ายในแต่ละหัวข้อแนบมาดว้ ย 2) แบบรายงานผลการสอบเค้าโครงโครงการ (คก-02) ใช้สาหรับคณะกรรมการรายงานผลการสอบเค้าโครงโครงการในวันที่สอบว่า ผ่านหรือ ไม่ผ่านหรอื ตอ้ งแก้ไขอย่างไรบ้าง โดยประธานกรรมการเปน็ ผ้ลู งชอ่ื กากบั 3) แบบประเมินเคา้ โครงโครงการ (คก-03) ใช้สาหรับประเมินการสอบเค้าโครงโครงการ โดยอาจารย์ผู้เป็นคณะกรรมการการสอบ ทุกทา่ นจะต้องใชเ้ ปน็ เกณฑ์ประกอบการประเมนิ 4) แบบอนุมัตเิ ค้าโครงโครงการ (คก-04) ใช้สาหรบั ยืนยันว่าเค้าโครงโครงการของนักศึกษานั้นสอบผ่านแล้ว หรือหากมีการแก้ไขก็ ได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยอาจารย์ผู้สอนและอาจารย์ท่ีปรึกษาเป็นผู้ดูแลการแก้ไข และลงชื่อกากับ จากน้ันกรรมการสอบจึงตรวจทานและลงชื่อให้อนุมัติเค้าโครงโครงการเพื่อให้ นักศึกษาได้รับทราบ และดาเนนิ การตอ่ ไป โดยอาจารย์ผู้สอนเกบ็ ไว้เป็นหลักฐาน 5) แบบรายงานความกา้ วหน้าการทาโครงการ (คก-05) ใช้สาหรับนักศกึ ษารายงานความกา้ วหน้าของการทาโครงการแก่อาจารย์ผู้สอน และ/หรือ อาจารย์ทปี่ รกึ ษาโครงการ เพอ่ื การติดตามผลงานและการประเมินผล โดยเฉพาะอย่างย่ิงการให้ความ ช่วยเหลือ ซึ่งช่วงระยะเวลาของการรายงานน้ัน เป็นรายงานประจาสัปดาห์ เพื่อจะได้เห็นปัญหาจาก การทางานและยงั สามารถมีเวลา ท่จี ะแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ได้ ซง่ึ อาจารย์ผู้สอน หรอื ท่ปี รึกษาโครงการ ตกลงกับนักศึกษาแต่ละกลุ่ม ซึ่งผู้รายงานนั้นไม่ควรเป็นนักศึกษาคนใดคนหน่ึง ควรให้นักศึกษาทั้ง กลุ่มรายงานความกา้ วหนา้ ในส่วนทตี่ นเองรับผิดชอบ 6) แบบรายงานผลการสอบโครงการ (คก-06) ใช้สาหรับคณะกรรมการรายงานผลการสอบโครงการในวนั ที่สอบวา่ ผา่ นหรือไม่ผ่าน หรือ ต้องแกไ้ ขอย่างไรบา้ ง โดยประธานกรรมการเป็นผลู้ งช่ือกากบั 7) แบบประเมนิ โครงการระยะดาเนินการ (คก-07) ใช้สาหรับประเมินการสอบโครงการ 3 บท โดยผู้เป็นคณะกรรมการการสอบทุกท่าน จะตอ้ งใชเ้ ป็นเกณฑป์ ระกอบการประเมิน

3 8) แบบประเมนิ โครงการระยะส้ินสดุ (คก-08) ใช้สาหรับประเมินการสอบโครงการ 5 บท โดยผู้เป็นคณะกรรมการการสอบทุกท่าน จะต้องใชเ้ ป็นเกณฑ์ประกอบการประเมิน กาหนดการสอบและรายละเอยี ดเก่ียวกับวชิ าโครงการ 1) วันสอบเค้าโครงโครงการ เริ่มสอบเคา้ โครงโครงการได้ ประมาณสปั ดาห์ท่ี 3 2) เอกสารสอบเค้าโครงโครงการ ประกอบด้วย 2.1 เค้าโครงโครงการ นักศึกษาเป็นผู้ดาเนินการ ให้ยื่นต่ออาจารย์ผู้สอนหรืออาจารย์ท่ี ปรกึ ษาและคณะกรรมการสอบโครงการนน้ั ๆ 2.2 แบบรายงานผลการสอบเค้าโครงโครงการ นักศึกษากรอกข้อมูลให้เรียบร้อยแล้ว มอบให้แก่ประธานกรรมการในวันสอบ เมื่อสอบเสร็จแล้ว ประธานจะกรอกข้อมูลและคืนให้อาจารย์ ผสู้ อน 2.3 แบบประเมนิ เค้าโครงโครงการ อาจารย์ผสู้ อนเป็นผู้มอบให้คณะกรรมการในการสอบ โครงการนน้ั ๆ 3) วันสอบโครงการ เร่ิมสอบได้ต้ังแต่ เปิดเรียนประมาณ 8 สัปดาห์ นักศึกษาจะสอบ โครงการไดจ้ ะตอ้ งผ่านการสอบเคา้ โครงโครงการมาแล้ว 4) เอกสารสอบโครงการ ประกอบด้วย 4.1 เอกสารการสอบ นักศึกษาเป็นผู้ดาเนินการ โดยสรุปเนื้อหาจากรูปเล่มรายงาน และ มอบให้คณะกรรมการร่วมสอบโครงการนัน้ ๆ 4.2 แบบรายงานผลการสอบโครงการ นักศึกษากรอกข้อมูล และมอบให้ประธาน กรรมการในวันสอบ เมือ่ สอบเสร็จแลว้ ประธานจะกรอกขอ้ มลู และคนื ให้อาจารย์ผสู้ อนโครงการน้นั ๆ 4.3 แบบประเมินโครงการ อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้มอบให้คณะกรรมการร่วมสอบโครงการ นนั้ ๆ 4.4 นกั ศกึ ษานาเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ 5) วนั สดุ ทา้ ยการสง่ เล่มโครงการ การสง่ เล่มโครงการสามารถส่งได้หลังจากสอบโครงการ และปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว กาหนดส่งหลงั จากการสอบโครงการ 1 สัปดาห์ แต่ไมเ่ กินวนั สุดทา้ ยของการสอบปลายภาค คณะกรรมการสอบเค้าโครงโครงการและการสอบโครงการ ประกอบด้วย o ประธาน การสอบโครงการ (หวั หน้าแผนกงานวชิ าการ / กรรมการภายนอก ) o กรรมการโครงการ (ผเู้ ช่ยี วชาญเฉพาะทาง (ถ้าม)ี / กรรมการภายนอก) o อาจารย์ผสู้ อนวิชาโครงการ

4 o อาจารย์ท่ปี รึกษาโครงการ หมายเหตุ : อาจารย์ผสู้ อนวชิ าโครงการ และอาจารย์ทปี่ รึกษาโครงการ สามารถเป็นคนเดียวกนั ได้ แนวทางการวดั ผลและประเมินผลวิชาโครงการ 1. ระยะเริม่ ต้น 20 คะแนน จากเค้าโครงโครงการ สอบเค้าโครงโครงการ 15 คะแนน (คก-03) โดยผู้พิจารณา คือ คณะกรรมการการสอบ ทกุ ทา่ น โดยพจิ ารณาจาก เกณฑ์ในการประเมิน คะแนนเต็ม 1. ความสอดคล้องของชื่อโครงการ กับวัตถุประสงค์ของโครงการ 3 คะแนน รวมถึงหลกั การและเหตผุ ล 2. ความยากง่ายของโครงการ สัมพนั ธ์กับจานวนผู้ทาโครงการ 3 คะแนน 3. ความสามารถในการอธบิ ายเคา้ โครงโครงการได้อย่างชัดเจน เข้าใจ 4 คะแนน งา่ ย 4. การวางแผนดาเนินงานอย่างชัดเจน เหมาะสมกับเวลา สถานที่ 5 คะแนน และจานวนผู้ทาโครงการ รวม 15 คะแนน แบบเสนอเค้าโครงโครงการ 5 คะแนน โดยผู้พิจารณา คือ อาจารย์ผู้สอนโครงการ โดย พิจารณาแบบเสนอเค้าโครงโครงการที่ผา่ นการสอบและแก้ไขเรียบร้อยแล้ว 2. ระยะระหว่างดาเนนิ งาน 40 คะแนน จากการทาโครงการ ผ้พู จิ ารณา คอื - อาจารย์ผู้สอน 10 คะแนน - อาจารย์ท่ีปรึกษาโครงการ 10 คะแนน - สอบโครงการ 20 คะแนน โดยพิจารณาจาก : - การปฏิบัติตามเค้าโครงท่ีวางไว้ อย่างเป็นขั้นตอน และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อ แผนงานท่ีวางไว้มปี ญั หาหรืออุปสรรค รวมถงึ การปรบั ปรงุ แก้ไขปญั หาทีเ่ กิดขึ้น - การรายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงการ (คก-05) มีการนาเสนอข้อมูลท่ีเก่ียวกับ ความรอบรู้และทักษะของการทาโครงการ โดยทั้งการปรึกษา และโดยเฉพาะอย่างย่ิงการส่งรายงาน ความก้าวหนา้ การทาโครงการแก่อาจารย์ผู้สอนและอาจารย์ที่ปรกึ ษาฯ อย่างต่อเนอ่ื ง - การรว่ มมือกันในการทางาน การช่วยเหลือกัน รวมถึงความรบั ผดิ ชอบของสมาชิก

5 - สอบโครงการ 20 คะแนน (คก-07) โดยผู้พิจารณา คือ คณะกรรมการการสอบทุกท่าน โดยพิจารณาจาก เกณฑ์ในการประเมนิ คะแนนเต็ม 1. การเตรียมความพร้อมในการนาเสนอโครงการ 3 คะแนน 2. ลาดบั ขน้ั ในการนาเสนอโครงการ 3 คะแนน 3. การศึกษาแนวคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวจิ ัยท่เี กี่ยวข้อง 4 คะแนน 4. ความเหมาะสมของวธิ ีการเกบ็ ข้อมลู และความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู 5 คะแนน 5. ความแม่นยาในเนือ้ หา การตอบคาถามได้ชัดเจน 5 คะแนน รวม 20 คะแนน หมายเหตุ : เกณฑ์ในการพิจารณานั้น อาจารย์ผู้สอนและอาจารย์ท่ีปรึกษาฯ สามารถเพิ่มเติมได้ตาม ความเหมาะสม 3. ระยะส้นิ สุดการดาเนนิ การ 40 คะแนน จากโครงการ สอบโครงการ 20 คะแนน (คก-08) โดยผู้พิจารณา คือ คณะกรรมการการสอบทุกท่าน โดยพิจารณาจาก เกณฑใ์ นการประเมนิ คะแนนเตม็ 1. การเตรียมความพรอ้ มในการนาเสนอโครงการ 3 คะแนน 2. ลาดบั ข้ันในการนาเสนอโครงการ 3 คะแนน 3. ความแม่นยาในเนื้อหา การตอบคาถามไดช้ ัดเจน 4 คะแนน 4. ขอ้ ความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการทาโครงการนา่ สนใจและมีประโยชน์ 5 คะแนน 5. สามารถนาข้อความรู้ท่ีได้ไปปรับใช้แก่สาขาวิชาของตนได้อย่าง 5 คะแนน เหมาะสม รวม 20 คะแนน รายงานโครงการ 20 คะแนน โดยผู้พิจารณา คือ อาจารย์ผู้สอนโครงการโดยพิจารณา รายงานโครงการที่ผ่านการสอบและแกไ้ ขเรียบร้อยแล้ว หมายเหตุ : นักศึกษาต้องดาเนินการตามข้ันตอนอย่างเคร่งครัด ส่งผลงานพร้อมส่งรูปเล่มและข้ึน สอบโครงการตามวันเวลาทีก่ าหนด รปู เล่มตอ้ งไดร้ บั การอนมุ ัติ จงึ สามารถนาไปเขา้ เล่มได้

6 การจัดพิมพโ์ ครงการและการเขียนอ้างอิง ในการพิมพ์เอกสารโครงการ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง เพื่อเสนอวิชาโครงการทาง วิชาชีพ วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน การจัดพิมพ์ควรพิมพ์ให้ ถูกตอ้ งตามรูปแบบที่กาหนดอยา่ งเครง่ ครดั ดงั น้ี กระดาษ กระดาษท่ีใช้พิมพ์และทาสาเนาเอกสารโครงการทางวิชาชีพ ต้องเป็นกระดาษที่มีคุณภาพดี ซึ่งมหาวิทยาลัยกาหนดให้ใช้กระดาษสีขาวไม่มีเส้นบรรทัด ชนิดไม่ต่ากว่า 80 แกรม ขนาดมาตรฐาน A4 ให้พิมพ์เพยี งหน้าเดยี ว การพิมพ์และการทาสาเนา 1. การพิมพใ์ ห้พิมพ์ดา้ นขวาเพียงดา้ นเดยี วในกระดาษหนง่ึ แผ่น 2. ต้นฉบับ ต้องพิมพ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์และพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ซ่ึงหมึกพิมพ์ ตอ้ งเปน็ สดี าเท่าน้นั 3. ฉบับสาเนา ใหใ้ ชว้ ธิ ถี า่ ยสาเนา (Photocopy) จากต้นฉบบั โดยต้องเป็นการถ่ายสาเนาท่ีมี คณุ ภาพดี สะอาด ตัวอักษรและภาพชัดเจนและคงทน เขา้ เลม่ ปกแข็ง (สีกรมท่า) ให้เรียบร้อย แล้วจึง นาสง่ วิทยาลัยนวตั กรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน จานวน 2 เลม่ ตัวพมิ พ์ การพิมพ์เอกสารโครงการภาษาไทย กาหนดให้ใช้การพิมพ์ด้วยแบบชนิดตัวพิมพ์ (Font type) แบบ TH SarabunPSK ดังรายละเอียดดังต่อไปน้ี 1. ส่วนเน้ือหาและรายละเอียดของส่วนต่าง ๆ ภายในเล่ม ให้ใช้ขนาด 16 พอยต์ ตัวพิมพ์ ธรรมดา (Normal) 2. ส่วนหัวขอ้ ใหญใ่ นสว่ นเนื้อเร่อื ง ให้ใช้ขนาด 16 พอยต์ ตวั พิมพ์หนา (Bold) 3. ช่ือบท ช่ือส่วนต่าง ๆ เช่น สารบัญ กิตติกรรมประกาศ กาหนดให้ใช้ขนาด 20 พอยต์ ตัวพิมพ์หนา (Bold)

7 การเวน้ ระยะขอบกระดาษ การเว้นขอบกระดาษหรอื การวางรูปหนา้ กระดาษ กาหนดให้เว้นระยะหา่ งดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ด้านบนหรือหัวกระดาษ ให้เว้น 1.5 น้ิว (3.81 เซนติเมตร) ยกเว้นท่ีข้ึนบทใหม่ของแต่ละ บท ให้เว้น 2 นว้ิ (5.08 เซนติเมตร) 2. ขอบลา่ งใหเ้ วน้ 1 น้ิว (2.54 เซนตเิ มตร) 3. ขอบซา้ ยมือ ใหเ้ วน้ 1.5 นวิ้ (3.81 เซนติเมตร) 4. ขอบขวามือ ใหเ้ วน้ 1 นว้ิ (2.54 เซนติเมตร) การเวน้ ระยะห่างระหว่างบรรทัด 1. กาหนดระยะห่างระหว่างบรรทัด เป็นแบบระยะพิมพ์เดี่ยว (Single Space) หรือกาหนด ระยะห่างระหว่างบรรทัดเปน็ 1 เทา่ 2. ระยะห่างระหว่างชื่อบทกับหัวข้อแรกหรือบรรทัดแรกของเน้ือเรื่อง ให้เว้น 2 บรรทัดของ ตัวอักษรขนาด 16 พอยต์ หรอื 1 บรรทัด ของตวั อักษร 20 พอยต์ 3. เมื่อขึน้ หวั ขอ้ ใหม่ ระยะห่างระหว่างบรรทัดสุดท้ายของหัวข้อเดิมกับหัวข้อใหม่ ให้เว้นว่าง 1 บรรทัด การยอ่ หนา้ การยอ่ หน้าให้เวน้ ระยะห่างจากขอบซ้าย 0.75 นิว้ (1.8 เซนติเมตร) และการย่อหน้าในลาดับ ถัดไปให้เว้นช่วงระยะเปน็ 0.75 นิ้ว (1.8 เซนตเิ มตร) แบบเดียวกนั ท้ังหมด การจดั ตาแหนง่ ข้อความในกระดาษ การพมิ พร์ ายละเอยี ดส่วนเนื้อหา โดยทั่วไปควรจัดตาแหน่งข้อความในหน้ากระดาษเป็นแบบ ชดิ ขอบ (Justified) เพือ่ ความสวยงาม ทั้งนี้ต้องคานึงถึงความถูกต้องเหมาะสมทางด้านภาษา ไม่ควร พิมพ์แยกคา เช่นคาว่า “การจัดกลุ่ม” ไม่ควรพิมพ์คาว่า “การจัด” กับคาว่า “กลุ่ม” แยกคนละ บรรทัดหรือไม่ควรเว้นระยะห่างมากเกินไประหว่างคาท่ีควรพิมพ์ให้ชิดกัน เช่น “การจัดกลุ่ม (Clustering)” เป็นตน้

8 การใส่เลขหน้าและการลาดับหนา้ 1. การลาดับหนา้ ในส่วนตน้ ของโครงการ กาหนดให้ใช้ลาดับของตวั เลขโรมันตัวใหญ่ คอื I, II, III, IV, V,... และพมิ พ์ลาดบั เลขหน้าไว้ ริมขอบขวาบนกระดาษ ห่างจากขอบกระดาษบนและขอบขวาของกระดาษด้านละ 1 น้ิว หรือ 2.54 เซนติเมตร ขนาดอักษร TH SarabunPSK 16 พอยต์ โดยให้เริ่มนับและพิมพ์จากหน้าบทคัดย่อ ภาษาไทยเป็นต้นไป 2. การลาดับหน้าในสว่ นเนื้อหาและสว่ นทา้ ย กาหนดให้ใช้ตัวเลขฮินดูอารบิก 1, 2, 3,... กากับหน้าเรียงลาดับตลอดทั้งเล่ม โดยพิมพ์ ลาดับเลขหน้าไว้ริมขอบขวาบนกระดาษ ห่างจากขอบกระดาษบนและขอบขวาของกระดาษด้านละ 1 นิว้ หรือ 2.54 เซนตเิ มตร ขนาดอกั ษร TH SarabunPSK 16 พอยต์ ยกเวน้ หน้าแรกของแต่ละบทท่ี ขึ้นบทใหม่และหน้าบอกตอนของบรรณานุกรมและภาคผนวก ไม่ต้องใส่เลขหน้ากากับ แต่ให้นับรวม เลขหน้าด้วย การพิมพช์ ่ือบท การพมิ พช์ อ่ื บทคือการพิมพ์คาว่า “บทท่ี” ตามด้วยเลขประจาบท เมื่อขึ้นบทใหม่ กาหนดให้ ขึน้ หน้าใหม่เสมอและมีเลขประจาบท โดยให้ใช้เลขฮินดูอารบิกเท่าน้ัน เช่น การพิมพ์บทท่ี 1 ให้พิมพ์ คาว่า “บทท่ี 1” ไว้ตรงกลางบนสุดของหน้ากระดาษ ส่วนช่ือบทให้พิมพ์ไว้ตรงกลางหน้ากระดาษใน บรรทัดถดั ไปโดยไมต่ ้องเวน้ บรรทัด การพิมพ์บทที่และชื่อบทกาหนดให้ใช้ตัวอักษร TH SarabunPSK ขนาดอักษร 20 พอยต์ตัวหนา สาหรับบรรทัดถัดไปให้เว้น 2 บรรทัด จากช่ือบท (2 บรรทัด ของ ตวั อักษรขนาด 16 พอยต์) การพมิ พห์ ัวข้อในบท 1. การพมิ พ์หัวขอ้ ใหม่ มกี าหนดดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 กรณีพิมพ์หัวข้อใหญ่ กาหนดให้พิมพ์ชิดขอบกระดาษด้านซ้ายมือขนาดอักษร 16 พอยต์ ตัวหนา และให้ใส่ตัวเลขกากับตามบท โดยพิมพ์เว้นห่างจากบรรทัดชื่อบท 2 บรรทัด (2 บรรทดั ของตวั อกั ษรขนาด16 พอยต)์ 1.2 กรณีเมื่อต้องการพิมพ์เนื้อหาของหัวข้อใหญ่ ให้พิมพ์บรรทัดถัดไปโดยไม่ต้องเว้น บรรทัด และกาหนดย่อหน้าเท่ากบั 1.8 เซนติเมตร

9 1.3 กรณกี ารพมิ พภ์ าษาอังกฤษ อักษรตัวแรกของคาแรกและของทุก ๆ คาในหัวข้อสาคัญ เหล่านี้ต้องพิมพ์ด้วยตัวใหญ่เสมอ แต่คาบุพบท (Preposition) คาสันธาน (Conjunction) และ คานาหน้านาม (Article) ไม่ต้องพิมพ์ตวั ใหญ่ ยกเวน้ คาดงั กล่าวจะเปน็ คาแรกของหัวข้อสาคญั 2. การพมิ พ์หวั ข้อยอ่ ย มีขอ้ กาหนดดังตอ่ ไปน้ี 2.1 กรณีการพิมพ์หัวข้อย่อย กาหนดให้พิมพ์ตรงกับตัวอักษรตัวแรกของเนื้อหาหัวข้อ ใหญ่ 2.2 กรณีพิมพ์เน้ือหาของหัวข้อย่อย ให้พิมพ์บรรทัดถัดไปโดยไม่ต้องเว้นบรรทัด และ กาหนดยอ่ หนา้ เท่ากบั 1.8 เซนตเิ มตร 2.3 การพิมพ์ลาดับหัวข้อย่อย กาหนดให้ใช้ระบบตัวเลขท้ังหมด และไม่อนุญาตให้ใช้ สญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ แทนหวั ข้อยอ่ ย การพมิ พ์อญั พจน์ การพมิ พ์อัญพจนห์ รอื ข้อความที่คดั ลอกมา มกี าหนดดงั ต่อไปนี้ 1. กรณีคัดลอกมามีความยาวไม่เกิน 3 บรรทัด ให้พิมพ์ต่อไปกับเน้ือความนั้น โดยพิมพ์ ภายในเครอื่ งหมายอญั ประกาศ (“ ”) 2. กรณีคัดลอกมามีความยาวเกิน 3 บรรทัด ไม่ต้องใส่เครื่องหมายอัญประกาศ แต่ให้พิมพ์ ขึ้นบรรทัดใหม่ โดยย่อหน้าให้ถัดเข้าไปอีก 1 ย่อหน้า จากเน้ือความท่ีอยู่ก่อน โดยพิมพ์ด้วยตัวอักษร แบบตัวเอน (Italic) หากมยี ่อหน้าภายในย่อหนา้ ของข้อความที่คัดลอกมาอีก ให้พิมพ์ย่อหน้าถัดไปอีก 1 ย่อหน้าตามลาดบั 3. กรณีต้องการละเว้นข้อความที่คัดลอกมาบางส่วน ให้พิมพ์เครื่องหมายจุดสามจุด (Ellipsis dots) โดยพมิ พ์เว้นระยะ 1 ช่วงตวั อักษร (…) 4. กรณีต้องการเพ่ิมเติมข้อความของผู้เขียนโครงการ ให้เขียนข้อความนั้นไว้ในเคร่ืองหมาย วงเล็บใหญ่ [ ] 5. การอา้ งอิงทม่ี าของอญั พจน์ ใหอ้ ้างอิงตามรายละเอยี ด ดงั น้ี 5.1 การเขียนอา้ งองิ แบบแทรกในเนื้อหา (In-Text Citation) วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา กาหนดให้ใชก้ ารเขียนอา้ งองิ แบบระบบผแู้ ต่งปี (Author-date System) ซ่งึ เปน็ การระบุถึงแหล่งท่ีมา ของเน้ือหาเฉพาะในส่วนท่ีผู้เขียนได้อ้างถึงสารสนเทศจากงานของผู้อื่น โดยเขียนระบุไว้ใน

10 เครื่องหมายวงเล็บแทรกปนกับข้อความที่อ้างอิง ทั้งนี้ผู้เขียนสามารถเขียนแทรกการอ้างอิงไว้ หน้าขอ้ ความหรอื ท้ายขอ้ ความท่ีนามาอ้างอิงในเนื้อหาได้ตามความเหมาะสม เช่น ตัวอย่าง การเขียน ระบทุ ่มี าของเน้ือหาไว้หน้าข้อความท่ีอา้ งอิง ตั ว อ ย่ า ง ก า ร เ ขี ย น ร ะ บุ ท่ี ม า ข อ ง เ นื้ อ ห า ไ ว้ ด้ า น ห น้ า ข อ ง ข้ อ ค ว า ม ท่ี อ้ า ง อิ ง ถึ ง ประกอบด้วย 2 ตัวอยา่ ง ซ่ึงมีลกั ษณะการอ้างองิ ท่ีแตกตา่ งกัน ดังต่อไปนี้ อ้างองิ ไวห้ น้า ประโยค อัจฉรา กาญจนาไพโรจน์ (2558: 49) พบว่า พนักงานมีการรับรู้ความสุขในการทางาน โดยรวมอยใู่ นระดบั ดี... Osinski (2003: 53) ระบุว่า ในปี 2001 google มีจานวนเอกสารมากกว่า 1.35 พันล้าน หนา้ และในปี 2003 มเี อกสารเพ่มิ ข้ึนมากกวา่ 3.08 พนั ล้านหน้า ตัวอย่าง การเขยี นระบทุ ีม่ าของเนื้อหาไวท้ ้ายขอ้ ความที่อ้างอิง ตัวอย่างการเขียนระบุที่มาของเน้ือหาไว้ตอนท้ายของข้อความที่อ้างอิงถึง ประกอบดว้ ย 2 ตวั อย่าง ซงึ่ มลี กั ษณะการอา้ งองิ ทแี่ ตกตา่ งกัน ดงั ต่อไปน้ี อา้ งองิ ไวท้ ้ายประโยค การศึกษาเป็นสิ่งจาเป็นและสาคัญอย่างมากต่อการประกอบอาชีพ (เปรมชัย สโรบล, 2542: 44-45) ในปี 2001 กูเกิ้ล (google) มีจานวนเอกสารมากกว่า 1.35 พันล้านหน้า และในปี 2003 มี เอกสารเพิ่มข้นึ มากกวา่ 3.08 พันล้านหนา้ (Stanislaw, 2003: 5) จากตัวอย่างการเขียนอ้างอิงแบบแทรกในเน้ือหาทั้งแบบวางด้านหน้าข้อความและวางไว้ ตอนท้ายขอ้ ความที่อ้างถงึ จะประกอบด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้

11 5.1.1 ขอ้ กาหนดในการเขยี นรายการอ้างองิ แบบแทรกในเนื้อหา รูปแบบการเขียน ให้เขียนระบุ ชื่อผู้แต่ง ตามด้วยเคร่ืองหมายจุลภาค “ , ” ปที ่ีพมิ พด์ ว้ ยเครอื่ งหมายมหพั ภาคคู่ “ : ” และเลขที่หน้าท่ีปรากฏสารสนเทศในเอกสารที่อ้างถึงไว้ใน เครือ่ งหมายวงเล็บ “( )” ดงั นี้ (ช่อื ผูแ้ ต่ง, ปีทีพ่ ิมพ์: เลขหนา้ ทอ่ี า้ งถงึ ) กรณีเอกสารอ้างอิงเป็นเอกสารภาษาไทย ให้ข้ึนต้นช่ือผู้แต่งด้วยชื่อ – ชื่อสกุล และถ้า เอกสารอ้างอิงเป็นเอกสารภาษาต่างประเทศ ให้ข้ึนต้นช่ือผู้แต่งด้วยช่ือสกุลตามด้วยช่ือต้นเป็น ภาษาอังกฤษ โดยไม่ตอ้ งกากับชื่อเปน็ ภาษาไทยอกี ตัวอยา่ งเชน่ สุรางค์ เชิดชู, 2552: 3 (Stanislaw, 2003: 278-279) รายละเอยี ดลกั ษณะการเขยี นสว่ นประกอบต่าง ๆ ของการอา้ งองิ ประกอบด้วย 1) การลงรายการช่อื ผู้แต่ง และปีทีพ่ มิ พ์พร้อมเลขท่ีหนา้ ที่อ้างถึง (1) การเขียนคานาหน้าชื่อ ผู้แต่ง ท้ังผู้แต่งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ระบุเฉพาะช่ือ ไมต่ อ้ งระบุคานาหนา้ ตา่ ง ๆ เช่น รศ.ดร. วา่ ท่รี อ้ ยตรี นางสาว เปน็ ต้น ยกเว้น ชื่อผู้แต่งท่ีมีบรรดาศักด์ิ ฐานันดรศกั ดิ์ หรอื สมณศักดิ์ ให้ระบดุ ังน้ี (ชอ่ื ผูแ้ ต่ง, คาระบุบรรดาศักดิ์ ฐานนั ดรศกั ดิ์ หรอื สมณศักดิ์, ปที ีพ่ มิ พ:์ เลขหนา้ ที่อา้ งถึง) ตัวอยา่ งเช่น (นราธิป พงศป์ ระพันธ์, กรมหมื่น, 2515: 19) (สุขมุ พันธ์ บรพิ ัตร, ม.ร.ว., 2545: 29-30)

12 (2) การลงรายการชื่อผู้แต่ง กรณีผู้แต่งเป็นชาวไทย ทั้งช่ือที่เขียนเป็นภาษาไทยและ ภาษาตา่ งประเทศใหร้ ะบุท้ังชอ่ื ตัวและชอ่ื สกลุ ส่วนกรณีชื่อผู้แต่งชาวต่างประเทศให้ระบุชื่อผู้แต่งตาม ธรรมเนียมของแต่ละประเทศ เช่น ผแู้ ต่งชาวอเมริกันและยุโรป ให้ระบุเฉพาะชื่อสกุลเท่านั้น ดังแสดง ตวั อย่างในตารางที่ 5-1 ตารางที่ 5-1 ตัวอยา่ งการลงรายการชื่อผูแ้ ต่ง ตัวอย่างชือ่ ผ้แู ต่งชาวไทย ตวั อยา่ งช่ือผูแ้ ตง่ ชาวอเมรกิ ัน ตัวอยา่ งชื่อผูแ้ ตง่ ชาวจีน (อรชร อรรถบวรพิศาล, 2545: 33) (Kennedy, 1991: 11) (Xia Jian Ching, 1999: 45) (Orachorn Arthabowornpisan, 1989: 59) (3) การลงรายการปที ีพ่ มิ พ์ ใหร้ ะบุเฉพาะตัวเลข ไม่ต้องระบุคาว่า พ.ศ. หรือ ค.ศ. ถ้างาน เขียนนน้ั ไม่ปรากฏปที ี่พมิ พ์ ให้ระบุคาว่า “ม.ป.ป. หรือ n.d.” ซึ่งย่อมาจากคาว่า “ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ หรือ no date” แลว้ แต่กรณีแทนปีที่พิมพ์สาหรับงานเขียนท่ียังไม่ได้ตีพิมพ์แต่ได้รับความเห็นชอบให้ ตีพิมพไ์ ดแ้ ล้ว ให้ระบุคาว่า “กาลังจัดพิมพ์ หรือ in press” แล้วแต่กรณีแทนปีท่ีพิมพ์และไม่ต้องระบุ เลขหน้าทอ่ี า้ งถงึ ตวั อย่างเช่น (วิชติ วงศ์ ณ ปอ้ มเพรช, ม.ป.ป.: 29) (ปรัชญา เวสารัชช์, กาลงั จัดพมิ พ)์ (Perdox, n.d.: 78) (Barry, in press) (4) การลงเลขหนา้ ทอ่ี ้างถึง กาหนดให้ระบุเฉพาะตัวเลข ไม่ต้องระบุคาว่าหน้า หรือ page ถ้างานเขียนนน้ั ไม่ปรากฏเลขหนา้ ใหร้ ะบคุ าว่า “ไม่มีเลขหน้า หรือ unpaged” แล้วแต่กรณีแทนการ ระบุเลขหนา้ ตวั อย่างเช่น (วชิ ิตวงศ์ ณ ป้อมเพรช, ม.ป.ป.: ไม่มีเลขหน้า) (ปรชั ญา เวสารชั ช,์ กาลงั จดั พิมพ์)

13 5.1.2 หลกั การเขยี นอา้ งอิงแบบชือ่ -ปี มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี 1) กรณเี ขยี นอ้างองิ งานเขียนทีผ่ ูแ้ ตง่ คนเดียว กรณีอ้างอิงงานเขียนผู้แต่งคนเดียวให้เขียนระบุ ชื่อผู้แต่ง ตามด้วย เคร่ืองหมายจุลภาค “ , ” ปีท่ีพิมพ์ตามด้วยเคร่ืองหมายมหัพภาคคู่ “ : ” และเลขท่ีหน้าท่ีปรากฏ สารสนเทศในเอกสารที่อา้ งถึง ไว้ในเครือ่ งหมายวงเล็บ “( )” ดงั นี้ (ชอ่ื ผูแ้ ต่ง, ปีท่พี ิมพ์: เลขหน้าท่ีอา้ งถงึ ) ตัวอย่างเช่น ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ก า ร บ ริ ห า ร ง า น แ บ บ มี ส่ ว น ร่ ว ม กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม อ ง ค์ ก า ร ข อ ง โรงเรยี นมัธยมศึกษาสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา (นาฏพมิ ล คณุ เผือก, 2555: 37) ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ก า ร บ ริ ห า ร ง า น แ บ บ มี ส่ ว น ร่ ว ม กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม อ ง ค์ ก า ร ข อ ง โรงเรยี นมัธยมศึกษาสังกัดสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา (Natapimol, 2012) 2) กรณเี ขียนอ้างอิงงานเขียนท่มี ผี ู้แตง่ หลายคน (1) กรณีชือ่ ผแู้ ต่ง 2 คน การเขยี นอ้างองิ ให้ระบดุ งั นี้ (ชือ่ ผู้แตง่ 1 และ หรอื and ชอ่ื ผู้แต่ง 2, ปที พ่ี ิมพ์: เลขหนา้ ท่อี ้างถงึ ) ตวั อย่างเชน่ (วรรณา กาญจนมยูร และ อภริ ดี อม่ิ เอิบ, 2541: 22-23) (2) กรณีชอื่ ผู้แตง่ 3-5 คน การเขียนอา้ งองิ ครง้ั แรก ให้ระบุช่อื ผแู้ ตง่ ทั้งหมด ดงั น้ี (ชื่อผู้แต่ง 1 ช่ือผู้แต่ง 2 ช่ือผู้แต่ง 3 ช่ือผู้แต่ง 4 และ หรือ and ช่ือผู้แต่ง 5, ปีท่ีพิมพ์: เลขหน้าที่ อ้างถงึ )

14 ตัวอยา่ งเชน่ (ประทปี สยามชัย อญั ชญั เกียรติบุตร และเพ็ญพิศ เยน็ สุดใจ, 2526: 255) ศึกษาพบว่า... (Asher, Peterson, Monfort and Bass, 1996: 79) found… และเม่ือกล่าวอ้างอิงซ้าเปน็ คร้ังแรกภายในย่อหน้าเดียวกัน ให้ระบดุ งั นี้ (ชอื่ ผู้แตง่ 1 และคณะ หรือ et al., ปีท่พี ิมพ์: เลขหน้าที่อ้างถึง) ช่ือ et al. ย่อมาจากคาว่า “and others” และหากอ้างอิงซ้าอีกคร้ังภายในย่อหน้าเดิม ไม่ ตอ้ งระบุปีท่ีพมิ พ์และเลขหน้าที่อ้างถงึ อีก ตวั อยา่ ง กรณชี อ่ื ผู้แต่ง 3-5 คน การอ้างอิงครง้ั แรก ประทีป สยามชยั อญั ชัญ เกียรตบิ ตุ ร และเพญ็ พิศ เยน็ สดุ ใจ (2526: 255) ศกึ ษาพบวา่ ... Asher, Peterson, Monfort and Bas (1996: 79) found… การอ้างอิงซ้าเปน็ ครัง้ แรกภายในย่อหน้าเดียวกัน ประทีป สยามชัย และคณะ (2526: 255) ศกึ ษาพบว่า... Asher et al. (1996: 79) found… การอ้างอิงซ้าอกี ครงั้ ภายในยอ่ หนา้ เดียวกัน ประทีป สยามชัย และคณะ ศึกษาพบวา่ ... Asher et al. (1996: 79) found... (3) กรณีช่อื ผ้แู ตง่ มากกว่า 5 คน การเขียนอา้ งอิงทุกครง้ั ให้ระบดุ ังนี้ (ชอ่ื ผแู้ ต่ง 1 และคณะ หรือ et al., ปีทพ่ี ิมพ์: เลขหน้าท่ีอ้างถงึ )

15 ตวั อย่างเช่น (บรรลุ ศิริพานชิ และคณะ, 2541: 13-15) (Ruben et al., 1995: 99) 3) กรณเี ขยี นอ้างองิ งานเขยี นที่ช่ือผูแ้ ตง่ เป็นเป็นกลุ่มบุคคลหรอื นติ บิ ุคคล งานเขียนท่ีช่ือผู้แต่งเป็นกลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคลได้แก่ ชื่อบริษัท สมาคมหน่วยงานราชการ กลมุ่ ทางาน การเขียนอ้างองิ ครงั้ แรก ให้ระบุ ดงั นี้ ชอ่ื เตม็ ของกลุ่มบคุ คลหรอื นติ ิบุคคล [ชอ่ื อักษรย่อ], ปีท่ีพมิ พ์: เลขหน้าทอ่ี ้างอิง และเม่ือมกี ารเขียนอา้ งอิงในครั้งต่อไปให้ใช้เฉพาะช่ืออักษรยอ่ ถา้ ชือ่ อักษรนนั้ เป็นท่ีรู้จักกนั แพร่หลาย (ชอ่ื อักษรย่อ, ปที พ่ี ิมพ์: เลขหนา้ ทีอ่ ้างองิ ) ตวั อยา่ งเชน่ การอ้างอิงครั้งแรกระบุ (สานักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา [สมศ.], 2545: 58) และเมือ่ มกี ารอ้างอิงในคร้งั ต่อมาใหร้ ะบุ (สมศ., 2545: 58) การอ้างอิงครั้งแรกระบุ (Technology Information Access Center [TIAC], 2002: 23) และเมือ่ มีการอา้ งอิงในครั้งต่อมาใหร้ ะบุ (TIAC, 2002: 23) ในกรณีทชี่ อ่ื ผ้แู ตง่ มีทั้งชือ่ หนว่ ยงานใหญแ่ ละหน่วยงานยอ่ ย ใหร้ ะบุช่ือหน่วยงานใหญ่ก่อน แล้วตามด้วยหน่วยงานยอ่ ย (ชื่อหนว่ ยงานใหญ่ ชื่อหน่วยงานยอ่ ย, ปีท่ีพิมพ์: เลขหน้าทีอ่ า้ งอิง) ตัวอยา่ งเช่น (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาลัยนวัตกรรมวิชาชพี , 2560: 12-15)

16 5.1.3 การเขยี นอ้างอิงถงึ งานเขียนหลายเร่อื งพร้อมกนั ใหเ้ ขยี นอา้ งอิงเหมือนข้อ 5.1.1 หากเขียนอ้างอิงหลายเร่ืองไว้ภายในเครื่องหมายวงเล็บเดียวกันให้ใช้ เครอื่ งหมายอัฒภาค “ ; ” คน่ั ระหวา่ งงานเขยี นแตล่ ะเร่อื ง ตัวอยา่ งเชน่ (นราธิป พงศ์ประพนั ธ์, กรมหมื่น, 2515: 19; สขุ ุมพันธ์ บริพตั ร, ม.ร.ว., 2545: 29-30) การเขียนอา้ งองิ ถึงงานเขียนหลายเร่อื งพร้อมกนั ประกอบดว้ ยรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี 1) กรณีงานเขียน 2 เร่ือง ปีท่ีพิมพ์เดียวกันให้ระบุชื่อผู้แต่งเพียงคร้ังเดียว ตามด้วยปีท่ี พิมพพ์ รอ้ มเลขหนา้ ท่อี า้ งถึง ตวั อยา่ งเชน่ สมนึก คีรีโต, สุรศักด์ิ สงวนพงษ์ และสมชาย นาประเสริฐชัย (2537: 224) และมาลี เสียงไทย และคณะ (2537: 27) พบว่า... Blottner, Hings, and Meyer (1999: 49) and Lincoln and Curlewis (1999: 56) found that… หากอ้างอิงงานเขียน 2 เรื่อง ปีท่ีพิมพ์เดียวกัน และมีชื่อผู้แต่ง 6 คนหรือมากกว่าให้ระบุ ชื่อผู้แต่งคนแรกตามด้วยชื่อผู้แต่งคนต่อไปจนกว่าจะพบชื่อที่แตกต่างกัน แล้วตามด้วยคาว่า “และคณะ หรอื et al.” แลว้ แต่กรณี พรอ้ มระบปุ ที ีพ่ ิมพแ์ ละเลขหน้าทอ่ี า้ งถึง ตวั อยา่ งเช่น คณิต ครุฑหงส์ จาลอง พิศนาคะ ดารง กิจกุศล และคณะ (2541: 23) และคณิต ครฑุ หงส์ จาลอง พิศนาคะ บรรลุ ศิรพิ านิช และคณะ (2541: 11-12)... Fisher, Jackson, Lerwis et al. (1995: 45-46) and Fisher, Jackson, Ruben et al. (1995: 89)… 2) กรณงี านเขียนหลายเร่อื งของผูแ้ ตง่ คนเดยี วกนั และตา่ งปีท่พี ิมพ์ ให้ระบุช่ือผแู้ ตง่ เพยี งคร้งั เดียว ตามดว้ ยปีทพี่ ิมพ์พรอ้ มเลขหนา้ ท่ีอ้างถงึ โดยไล่เรียงตามปี ทีพ่ ิมพ์ และใชเ้ ครือ่ งหมายจุลภาคคั่นระหวา่ งปีที่พิมพ์ ตวั อย่างเช่น (วัฒนธรรมองคก์ รกบั การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ (เยาวชล ขุนแก้ว 2551: 37-55, 2551: 49-63)

17 3) กรณีงานเขยี นหลายเรื่องของผแู้ ตง่ คนเดียวกนั และปีทพ่ี ิมพ์เดยี วกนั ใหร้ ะบุช่อื ผแู้ ตง่ เพียงคร้ังเดียว ตามด้วยปที พ่ี มิ พ์พร้อมเลขหน้าทอี่ ้างถึง โดยระบุพยัญชนะ “ก, ข, ค, ง, หรอื a, b, c, d” ตามลาดบั แลว้ แตก่ รณไี วท้ ้ายปที พ่ี มิ พ์ ตัวอย่างเชน่ ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเป็นสมาชิกท่ีดีขององค์กรกับประสิทธิผลการ ปฏิบตั งิ าน (เขมรจุ ริ า ผนิ งเู หลอื ม, 2558ก: 112, 2558ข: 43, 2558ค: 47) (Majority of the researches (Katz, 1999a: 229, 1999b: 54) 4) กรณีงานเขียนหลายเรือ่ งและตา่ งผ้แู ต่ง ให้ระบุช่ือผู้แต่ง ตามด้วยปีท่ีพิมพ์พร้อมเลขหน้าที่อ้างถึง โดยไล่เรียงตามตัวอักษรของ ชือ่ ผู้แตง่ ตวั อย่างเชน่ การวิจัยทางการศึกษาหลายเร่ือง (เกยี รติวรรณ อมาตยกลุ , 2543: 229; ประคอง กรรณสูตร, 2538: 57; ปรชี า ตราดธารทิพย์, 2538: 25; วชริ า เพญ็ โรจน,์ 2544: 9)... Several studies (Almond, 1996: 25; Feldman, 1999: 79; Harre, 1998: 166; Patterson, 2000: 16)... 5.1.4 การเขยี นอ้างอิงถึงตาราง (Tables) หรือ รปู ภาพ (Figures) การนาตารางหรือ รูปภาพมาอา้ งองิ โดยการพมิ พซ์ า้ หรือดัดแปลง ให้ระบุการได้รับอนุญาตให้นามาพิมพ์ซ้าหรือดัดแปลง จากเจา้ ของงานหรอื ผถู้ ือลิขสิทธ์ไิ ว้ทีด่ า้ นล่างของตาราง หรือรูปภาพ ดังนี้ 1) รูปแบบการอ้างองิ ในกรณนี าข้อความจากหนังสือมาอ้างอิง ให้ระบุ หมายเหตุ: จาก ชื่อหนังสือ. (เลขหน้า). โดย ช่ือผู้แต่ง. ปีท่ีพิมพ์. เมืองท่ีพิมพ์: สานักพิมพ์. ลิขสทิ ธป์ิ ี.....โดยชอ่ื เจา้ ของลิขสิทธิ์. พมิ พซ์ า้ [หรือดดั แปลง] โดยได้รบั อนุญาต. ตัวอย่างเช่น หมายเหตุ: จาก ข้อมูลจากอดีต. (หน้า 53). โดยขจร สุขภาพนิช. 2544. กรุงเทพฯ: เคล็ดไทย. ลิขสิทธิ์ปี พ.ศ. 2544 โดยขจร สขุ ภาพนิช. พมิ พซ์ า้ โดยไดร้ บั อนญุ าต.

18 Note: The data in column 1 are from Emotion Marketing. (p. 109). By Scott Robinette and Claire Brand. 2001 New York: McGrew - Hill. Copyright 2001 by Hallmark Cards. Adapted with permission. 2) รปู แบบการอ้างอิงในกรณีนาข้อความจากบทความวารสารมาอ้างอิง หมายเหตุ: จาก [หรือระบุว่า ข้อมูลในคอลัมน์ท่ี 1 จาก] “ช่ือบทความ.” โดย ช่ือผู้เขียน. ปีท่ีพิมพ์. ชือ่ วารสาร, ปีท่,ี ฉบบั ท่ี. เลขหนา้ . ลิขสิทธ์ิป.ี ....โดยช่อื เจ้าของลขิ สิทธิ์. พิมพ์ซ้า [หรือดัดแปลง] โดย ได้รับอนุญาต. ตัวอย่างเช่น Review, 615, 3. 87-90. Copyright 2002 by Melanie Prahalad. Reprinted with permission. Note: From “Co-opting Customer Competence.” By Melanie Prahalad. 2000. Harvard Business. 5.1.5 การเขยี นอา้ งองิ ถึงสารสนเทศจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Sources) สารสนเทศจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง สารสนเทศที่ผู้วิจัยสืบค้นได้จากสื่อที่ใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยในการอ่าน เช่นข้อมูลออนไลน์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ฐานข้อมูลซีดีรอม ฐานขอ้ มูลของหอ้ งสมุด เป็นต้น ให้เขยี นอา้ งอิงโดยระบุ (ชื่อผเู้ ขียน, ปที ่ีเผยแพรเ่ อกสาร, วนั ท่แี ละเดอื นทเี่ ผยแพรเ่ อกสาร) ตวั อยา่ งเชน่ (เสาวลกั ษณ์ ตรีพจน,์ นพวรรณ ยมลยง และ โสภา อนิ สุข, 2545, มิถุนายน) (Barnes and Kevin, Retrieved 2000, October 23)

19 การพิมพ์ตาราง การพิมพ์ตารางมขี ้อกาหนดดงั ต่อไปนี้ 1. ตารางต้องประกอบด้วยเลขท่ีของตาราง ชื่อของตาราง ส่วนข้อความและท่ีมาของตาราง โดยปกตจิ ะต้องพิมพอ์ ยหู่ น้าเดียวกนั ท้งั หมด ซ่งึ ตารางอาจมที ั้งแบบแนวตงั้ หรือแนวนอนก็ได้ 2. การพิมพ์ตาราง ให้พิมพ์คาว่า “ตารางที่” ชิดริมขอบด้านซ้ายมือ ตามด้วยเลขท่ีของบทที่ และคั่นด้วยเคร่ืองหมายขีดบน “-” ตามด้วยเลขที่ของตาราง และชื่อตาราง โดยพิมพ์เป็นตัวหนา กากับไว้ด้านบนของตาราง เช่น ตารางที่ 3-2 (คือตารางที่ 2 ในบทที่ 3) 3. การพมิ พช์ ่อื ตาราง ใหพ้ ิมพ์ตอ่ จากเลขท่ีตาราง โดยเว้นระยะห่าง 2 ช่วงตัวอักษร กรณีช่ือ ตารางยาวเกินกว่า 1 บรรทัด ให้พิมพ์ตัวอักษรตัวแรกของบรรทัดไปตรงกับตัวอักษรตัวแรกของชื่อ ตาราง 4. การพิมพ์ตารางที่อ้างอิงมาจากที่อื่น ให้แจ้งที่มาไว้ท้ายตาราง โดยเขียนบรรณานุกรม แหลง่ ท่มี าไวต้ อนทา้ ยของตาราง 5. การพิมพ์ขนาดของตารางต้องไม่เกินกรอบของหน้าพิมพ์โครงการ สาหรับตารางขนาด ใหญ่ควรย่อขนาดลง แต่ต้องชัดเจนและอ่านง่าย สาหรับตารางที่มีขนาดใหญ่และไม่สามารถย่อขนาด ได้ ให้อยูใ่ นการพจิ ารณาหรอื ดลุ ยพนิ จิ ของอาจารย์ทป่ี รึกษาโครงการ 6. กรณีท่ตี ารางมคี วามยาวหรือกวา้ งมากจนไมส่ ามารถบรรจุในหน้ากระดาษเดียวกันได้ไม่ให้ ยอ่ สว่ นหรอื แยกมากกว่า 1 ตาราง ให้พิมพ์ส่วนท่ีเหลือในหน้าถัดไป โดยจะต้องพิมพ์เลขท่ีตารางและ ตามด้วยคาวา่ ตอ่ ในวงเลบ็ เชน่ ตารางที่ 1-1 (ต่อ) การพมิ พภ์ าพ (Figures) 1. ภาพประกอบ ประกอบด้วย รูปภาพ แผนท่ี กราฟ ฯลฯ 2. ภาพประกอบที่เป็นภาพสี จะต้องนามาทาเป็นภาพอัดสาเนาสีลงบนกระดาษปอนด์ขาว อยา่ งชดั เจนหรอื ภาพใด ๆ ก็ตาม จะต้องทาเปน็ ภาพอัดสาเนาบนกระดาษให้ชัดเจน ห้ามใช้วิธีการติด ภาพ 3. การพิมพ์ภาพประกอบ ให้พิมพ์คาว่า “ภาพที่” เหมือนกับการพิมพ์ตารางแต่ให้พิมพ์ กากับไว้ด้านล่างของภาพ และให้ทาภาพเป็นภาพอัดสาเนาบนกระดาษให้ชัดเจน ห้ามใช้วิธีการติด ภาพ ส่วนที่ปรากฏในภาพผนวกให้พิมพ์ในลักษณะเดียวกัน โดยพิมพ์เป็นอักษรตัวหนา คาว่าภาพท่ี และเลขทีข่ องภาพ เชน่ ภาพที่ 2-1 (คอื ภาพที่ 1 ในบทท่ี 2)

20 การพิมพ์หนา้ บอกตอน สาหรับภาคผนวก ให้ทาหน้าบอกตอนโดยพิมพ์คาว่า “ภาคผนวก” ขนาดอักษร TH SarabunPSK 20 พอยต์ตวั หนา ไว้กลางหน้ากระดาษเปล่าหนา้ ถดั ไปจงึ เปน็ เนอื้ หาของภาคผนวก การพมิ พ์คาภาษาตา่ งประเทศ (Foreign words) การพมิ พค์ าภาษาตา่ งประเทศ มีขอ้ กาหนดในการพมิ พด์ งั น้ี 1. โครงการท่ีเป็นภาษไทย ไม่ควรพิมพ์คาภาษาต่างประเทศเป็นส่วนหน่ึงของเนื้อหา โดยที่ คานั้นมีอยู่แล้วในภาษาไทย เช่น “คอมพิวเตอร์ (Computer)” โดยเขียนกากับไว้ครั้งแรกที่เขียนถึง เทา่ นั้น ส่วนคร้งั ตอ่ ๆ ไป ไมต่ ้องมวี งเลบ็ คาภาษาตา่ งประเทศกากับ 2. หากคาภาษาต่างประเทศนั้น ๆ ยังไม่มีคาที่ใช้ในภาษาไทย ให้เขียนเป็นภาษาไทยใน ลกั ษณะทับศพั ท์ ตามหลักการเทียบพยัญชนะ และสระที่กาหนดโดยราชบัณฑิตยสถาน เช่น เว็บไซต์ มาจากคาวา่ web site สว่ นคาภาษาต่างประเทศทีร่ าชบณั ฑิตยสถานได้มีการบัญญัติวิธีเขียนทับศัพท์ ไวใ้ ห้เขยี นคาภาษาตา่ งประเทศตามที่บญั ญัติไวแ้ ลว้ น้นั 3. การพิมพ์คาภาษาต่างประเท โดยมีการใส่วงเล็บกากับไว้น้ัน กาหนดให้ใส่วงเล็บกากับไว้ เพยี งครงั้ แรกท่เี ขยี นเทา่ นัน้ การพิมพ์ในครั้งตอ่ ๆ ไป ไม่ต้องวงเล็บคาภาษาตา่ งประเทศนนั้ ๆ อีก 4. การพิมพ์คาในวงเล็บ กาหนดให้ใช้ตัวอักษรให้ใช้เป็นรูปแบบเดียวกันตลอดทั้งเล่ม คือ พมิ พอ์ กั ษรตวั แรกของทกุ คาด้วยตวั ใหญ่ เชน่ (Information System) เป็นต้น

21 5.2 การเขียนบรรณานุกรม (Bibliography) บรรณานุกรมเป็นส่วนประกอบหนึ่งของโครงการ ซึ่งปรากฏอยู่ในส่วนท้ายเล่ม เป็นแหล่ง รวบรวมรายการทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมด ที่คณะผู้จัดทาใช้เป็นแหล่งความรู้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ หนังสือ บทความจากวารสารหรือหนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ สารสนเทศในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนรายการอ้างอิงต่าง ๆ ท่ีปรากฏในส่วนเนื้อหาของโครงการ ยกเว้นข้อมูลที่ได้ จากการส่ือสารระหว่างบคุ คลได้แก่ จดหมาย บนั ทกึ การส่อื สารทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่เป็นทางการ จะปรากฏเฉพาะในส่วนเนื้อหาเท่าน้ัน วัตถุประสงค์ที่ให้คณะผู้จัดทาแจ้งรายการบรรณานุกรมของ ทรัพยากรสารสนเทศต่าง ๆ ไว้ในโครงการเพื่อเป็นการแสดงจริยธรรมทางวิชาการ และเพ่ืออานวย ความสะดวกแกผ่ ู้อ่านโครงการ สามารถนาไปใช้ในการสืบค้นสารสนเทศ เม่ือต้องการตรวจสอบความ ถูกต้องหรือศึกษารายละเอียดเพ่ิมเติมตามความต้องการ บรรณานุกรมแต่ละรายการ การเขียน รายละเอียดบางส่วนอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามประเภทของทรัพยากรสารสนเทศ ซ่ึงอาจจะเป็น หนังสือ วารสาร หนังสือพมิ พ์ ฯลฯ ซ่งึ จะมีเกณฑ์มาตรฐานท่ตี อ้ งคานงึ ดังนี้ 5.2.1 การใชเ้ ครอื่ งหมายในรายการบรรณานกุ รม ให้ใส่เครื่องหมายมหัพภาค (.) ท้ายข้อความแต่ละส่วน และให้เว้น 1 ระยะตัวพิมพ์ก่อน ระบุสว่ นถัดไป 5.2.2 การพิมพร์ ายการบรรณานุกรมแต่ละรายการ ให้พมิ พใ์ นลกั ษณะย่อหน้าคาคา้ ง (Indention Form) คอื บรรทัดแรกของรายการให้พิมพ์ ชดิ ขอบซา้ ย และบรรทดั ต่อไปให้พิมพโ์ ดยย่อหน้าเข้าไป 8 ตวั อกั ษร 5.2.3 รปู แบบการเขยี นรายการบรรณานกุ รม รูปแบบการเขียนรายการบรรณานุกรมจะขึ้นอยู่กับ ประเภทและท่ีมาของเอกสาร วิชาการท่ีจะนามาอ้างอิง ซึ่งเป็นตัวกาหนดรายละเอียดในการเขียนเอกสารอ้างอิง ประกอบด้วย รายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 1) รูปแบบการเขียนรายการบรรณานกุ รม กรณีเปน็ หนงั สือ รปู แบบการเขียนนี้รวมถึงทรัพยากรสารสนเทศประเภท รายงาน รายงานการวิจัย แผ่นพบั เอกสาร หนังสอื ค่มู ือ ใหร้ ะบดุ งั นี้ ช่ือผแู้ ต่ง. (ปที ี่พิมพ์). ช่อื เร่อื ง. (ครง้ั ท่ีพมิ พ์). เมืองที่พมิ พ์: สานักพิมพ์.

22 ตวั อยา่ งเช่น วเิ ชยี ร วทิ ยอดุ ม. (2551). พฤติกรรมองค์กร. (พมิ พค์ รง้ั ที่ 4). กรุงเทพมหานคร: ธนธชั การพมิ พ์. Denison, D.R. (1990). Corporate Culture and Organizational Effectiveness. New York: John Wiley & Sons. หมายเหตุ การระบรุ ายการต่าง ๆ ใช้หลกั เกณฑ์ ดงั นี้ (1) การระบุชื่อผู้แต่ง ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการเขียนอ้างอิงแบบแทรกในเน้ือหายกเว้นช่ือผู้ แต่งชาวตา่ งประเทศในรายการบรรณานุกรมให้ระบชุ ื่อสกลุ , ชอื่ ต้น ช่ือกลาง (ถ้าม)ี (2) การระบุปที พ่ี มิ พ์ ใช้หลกั เกณฑ์เดียวกบั การเขยี นอา้ งอิงแบบแทรกในเนื้อหา (3) การระบุช่ือเร่ือง ให้ระบุชื่อเร่ืองโดยใช้ตัวพิมพ์หนา ชื่อเรื่องภาษาต่างประเทศให้ใช้ ตวั พมิ พใ์ หญข่ ึน้ ตน้ ทกุ คา (4) ข้อมลู อื่น ๆ เกย่ี วกบั หนังสือ ให้ระบุไวภ้ ายในเคร่ืองหมายวงเล็บต่อจากช่ือเร่ือง เช่น คร้ัง ทีพ่ ิมพ์ เมื่อเปน็ ฉบบั พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2 เป็นต้นไป งานเขยี นในลักษณะ เอกสาร แผ่นพับ ฯลฯ หากต้องการอธิบาย ให้ระบุคาอธิบายไว้ภายใน เครอ่ื งหมายวงเล็บต่อจากชอ่ื เรื่อง ตวั อย่างเช่น ตลาดหลักทรัพย์แหง่ ประเทศไทย. (ม.ป.ป.). ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (แผน่ พบั ). กรงุ เทพฯ: ผู้แต่ง. 2) รูปแบบการเขยี นรายการบรรณานกุ รม กรณเี ป็นวทิ ยานพิ นธ์ ใหร้ ะบุตามรูปแบบดงั น้ี ชอื่ ผู้เขียน. (ปีที่พิมพ์). ชอ่ื วิทยานิพนธ์. ระดับปรญิ ญา สาขาวชิ า.เมืองที่พมิ พ์: ช่ือสถาบัน.

23 ตัวอย่างเช่น ฌานกิ า วงษ์สรุ ยี ์รัตน.์ (2554). ความสัมพันธ์ระหว่างคณุ ภาพชีวิตการทางาน ความสขุ ในการ ทางานโดยมคี วามเพลินเปน็ ตัวแปรกากบั ความสมั พันธ์: กรณศี กึ ษาบรษิ ทั วิศวกรรม ก่อสรา้ งนอกชายฝ่ังแห่งหนึ่งในกรงุ เทพมหานคร. การศึกษาค้นว้าอิสระศลิ ปะศาสตร์ มหาบณั ฑติ สาขาจิตวทิ ยาอหุ าสกรรมและองค์การ. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. 3) การเขียนรายการบรรณานุกรม กรณีเป็นบทความจากวารสาร (Periodicals) รูปแบบ การเขียนน้ี รวมถึงสิ่งพิมพ์ ประเภทจัดพิมพ์อย่างต่อเนื่อง เช่น นิตยสารจดหมายข่าว หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ชอ่ื ผเู้ ขียน. (ปีท่ีพิมพ์). “ชื่อบทความ.” ชอ่ื วารสาร, ปที ี่, ฉบับท.่ี เลขหนา้ ของบทความ ตัวอยา่ งเชน่ กญั ญา ศริ ิสกลุ . (2546) “วฒั นธรรมองค์กร : ขอ้ ไดเ้ ปรียบในการแขง่ ขันลอกเลยี นทไี่ ด้ยาก.” วารสารรามคาแหง, 20, 2. 32-46. Lu, Luo, and Shih, J.B. (1997). “Source of happiness: A quality approach.” The journal of social psychology, 137, 2. 181-187. 4) การเขียนบรรณานุกรม กรณีเป็นสารสนเทศจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic sources) ประกอบดว้ นรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี (1) สารสนเทศจากอินเทอร์เน็ต (Internet and online source) ได้แก่ บทความจาก วารสารหรอื หนงั สือพมิ พอ์ อนไลน์ Homepage/Web site ฐานขอ้ มลู ออนไลนต์ า่ ง ๆ ใชร้ ปู แบบ ดงั นี้ ชอ่ื ผูเ้ ขยี น. (ป,ี วันท่แี ละเดอื นที่เผยแพร่เอกสาร). ช่ือเร่ือง. (Update ระบปุ ี เดอื น วนั ที่; Retrieved ระบปุ ี เดือน วนั ท)่ี . Available from: ระบทุ ี่อยมู่ ี่ใชส้ บื ค้นบนอนิ เทอรเ์ นต็

24 ตัวอยา่ งเชน่ วีกพิ ีเดยี สารานุกรมเสรี. (2005, 19 กมุ ภาพันธ์). คลงั ข้อมลู . (Update 2007, ตลุ าคม 31; Retrieved 2007, พฤศจิกายน 12). อ้างอิงไดจ้ าก: http://th.wikipedia.org/wiki/ คลงั ขอ้ มลู . International Committee of Medical Journal Editor. (2003, 09 July). Uniform Requirements for Manuscripts Submitted to Biomedical Journals: Writing and Editing for Biomedical. เอกสาร/บทความจากเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษา ให้ระบุว่าทาการสืบค้นจาก สถาบนั การศกึ ษาใด พร้อมทอี่ ยู่บนอินเทอร์เนต็ ตัวอย่างเชน่ จรรยา ดาสา. (2557). ความสขุ ในการทางาน happy workplace. มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยสี ุรนารี Available from: http://web.sut.ac.th/ces/Happy/article/001pdf. Degelman, D. and Harris, M.L. (2000). APA Style Essentials. (Retrieved 2002, December 25). Vanguard University, Department of Psychology. Available from: http://www. Vanguard.edu/faculty/ddegelman 5.2.4 การเรยี งลาดบั รายการบรรณานกุ รม รายการบรรณานุกรมของทรัพยากรสารสนเทศทั้งหมดท่ีผู้เขียนได้ใช้ศึกษาค้นคว้า กาหนดให้จัดแยกเป็นบรรณานุกรมภาษาไทยรียงไว้ก่อนบรรณานุกรมภาษาต่างประเทศ รายการ บรรณานุกรมแต่ละภาษาให้จัดเรียงแยกตามประเภทของทรัพยากรสารสนเทศ ได้แก่ หนังสือ บทความ วิทยานิพนธ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ โดยจัดรียงบรรณานุกรมตามลาดับอักษรของคาท่ี ขึ้นตน้ ในบรรณรานุกรมแต่ละรายการ ซ่ึงคานั้นอาจเป็นชื่อผู้แต่ง ช่ือสกุลของผู้แต่ง หรือช่ือเรื่อง โดย ภาษาไทยใหจ้ ัดเรียงตามแบบพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตสถาน ส่วนภาษาต่างประเทศให้จัดเรียงตาม

25 แบบพจนานุกรม Webster’ s II New College Dictionary ท้ังนี้อาจต้องคานึงถึงหลักเกณฑ์เฉพาะ ดังนี้ 1) รายการบรรณานุกรมที่ขึ้นต้นด้วยช่ือผู้แต่งเดียวกัน แต่ต่างปีพิมพ์ ให้เรียงลาดับ ตามปีพิมพ์จากปีพิมพ์ท่ีน้อยกว่าไปหามาก และรายการบรรณานุกรมลาดับที่สองจะขึ้นต้นด้วยส่วน ของเส้นตรงยาว 0.5 นิ้ว โดยไมต่ ้องระบุชือ่ ซา้ กบั รายการบรรณานกุ รมลาดับแรก เชน่ วาสนา เก้อื กลู . (2539). .. (2545). สมเกียรติ ตง้ั กิจวานชิ ย,์ และนิพนธ์ พวพงศกร. (2540). .. (2545). Bennett, Anna Gray. (1992). .. (1998). 2) รายการบรรณานุกรมท่ีขึ้นต้นด้วยช่ือผู้แต่งคนเดียวกัน และมีช่ือผู้แต่งคนอื่น ๆ ตามมาใหเ้ รยี งลาดับไวด้ ้วยกนั โดยคานึงถึงลาดบั ตัวอักษรของชอ่ื ผ้แู ตง่ ถัดไป นงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั . (2545). นงลักษณ์ วริ ัชชัย, ดรณุ ี รักษ์พุทธ และสวุ มิ ล ว่องวาณิช. (2544). นงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั , และสุวมิ ล ว่องวาณิช. (2545). Hoban, James P. (2001). Hoban, James P., and Sydie, R. A. (1989). Hoban, James P., Yadin, Daniel, and Tabory, Mala. (1999). 3) รายการบรรณานุกรมที่ข้ึนต้นด้วยชื่อผู้แต่งคนเดียวกัน และมีปีพิมพ์เดียวกัน ให้ เรียงตามลาดับอักษรของช่ือเร่ือง และใส่ตัวอักษร ก, ข, ค หรือ a, b, c แล้วแต่กรณี ไว้ท้ายปีพิมพ์ สาหรับบรรณานุกรมภาษาตา่ งประเทศไม่ตอ้ งคานึงถงึ คา A หรอื The ทีข่ ้นึ ต้นชอ่ื เร่ือง ธงชัย สันตวิ งษ.์ (2539ก). การตลาดยคุ โลกาภิวตั น.์ ธงชัย สันติวงษ.์ (2539ข). การบรหิ ารเชิงกลยุทธ์.

26 สว่ นประกอบของโครงการ ส่วนประกอบของโครงการ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น ดงั นี้ 1. ส่วนหน้า (Frontage) ประกอบด้วย ปกนอก ปกใน ใบรับรอง บทคัดย่อ กิตติกรรม ประกาศ สารบัญ สารบญั ภาพ สารบัญตาราง และรายการสัญลักษณ์และคายอ่ 2. ส่วนเน้อื หา (Context) เป็นสว่ นนาเสนอเน้อื หาของโครงการ 3. สว่ นทา้ ย (Citation) ประกอบด้วยบรรณานกุ รม ภาคผนวก 1. รายละเอียดของส่วนประกอบของโครงการ 1.1 สว่ นหน้า (Frontage) มอี งคป์ ระกอบต่างๆ ตามลาดบั ดังตอ่ ไปน้ี 1) ปกนอก (Front Cover) ลักษณะของปกนอกกาหนดให้ใช้ปกแข็งสีน้าเงินเข้มออกดาสาหรับโครงการ ตัวอักษรและ ตรามหาวิทยาลัยใช้สีทอง แบบตัวอักษร TH SarabunPSK ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา บนปกนอกของ โครงการจะต้องมรี ายละเอยี ดตามลาดับจากบนลงล่างดังตอ่ ไปน้ี (1) ตรามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานใช้สีทอง ขนาด 1.5 น้ิว โดยเว้นระยะทาง จากขอบลงมา 1.5 น้ิว (2) ชื่อโครงการท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ กาหนดขนาดตัวอักษรไทยประมาณ 3-4 ตัว/ซม. และตัวอักษรภาษาอังกฤษควรเล็กกว่าหรือเท่ากับภาษาไทยกรณีท่ีมีช่ือเรื่องยาวมากกว่า 1 บรรทัด ให้แบ่งบรรทดั พิมพใ์ นลักษณะรูปสามเหลย่ี มกลบั หัวให้สวยงาม (3) ช่อื -นามสกุลของผูจ้ ัดทาโครงการ ไม่ระบุคานาหน้าช่ือ เช่น นาย นาง นางสาว ยกเว้น มียศ ฐานันดรศักด์ิ ราชทินนาม หรือสมณศักดิ์ ให้ใส่ไว้หน้าช่ือด้วย เช่น พระมหากษัตริย์ หม่อม ราชวงศ์ พันเอก ให้ใชย้ ศนั้นนาหน้าชื่อ สว่ นคุณวุฒหิ รือตาแหนง่ ไมต่ อ้ งใส่ และการพิมพ์ช่ือให้พิมพ์อยู่ กลางหนา้ (4) การระบุประเภทของผลงานและระดับของหลักสูตร ให้ระบุว่าโครงการนี้เป็นส่วนหน่ึง ของการศกึ ษาในวชิ าใด หลกั สูตรใด (5) ชอ่ื สถาบนั ให้ใชช้ ่ือมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมคลอีสาน (6) การระบปุ ีการศึกษาใหใ้ ชป้ ที ี่เรียนรายวชิ าโครงการ

27 2) หนา้ ปกใน (Title page) หน้าปกในของโครงการทพ่ี ิมพเ์ ป็นภาษาไทยตอ้ งประกอบด้วย (1) ชื่อเรือ่ งโครงการ (2) ชือ่ ผู้จัดทา (3) ข้อความระบุประเภทของผลงาน หลักสูตร สาขาวชิ า มหาวทิ ยาลยั ปีการศกึ ษา 3) บทคดั ย่อ (Abstract) บทคัดย่อ คือ ข้อความสรุปของเนื้อหาโครงการ ซ่ึงเป็นการสรุปเนื้อหาของโครงการท่ี กระชับ ชัดเจน ทาให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจโครงการอย่างคร่าวๆ การเขียนบทคัดย่อควรเขียนให้ ตอ่ เน่ืองกันในลักษณะความเรียง ไม่เกิน 1 หนา้ กระดาษ A4 ประกอบด้วย (1) ส่วนหัว (Header) เป็นส่วนที่ใช้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อผู้จัดทา ระดับการศึกษา สาขาวชิ า ปีการศึกษา รายช่อื อาจารยท์ ีป่ รกึ ษา (2) ส่วนเนื้อหาของบทคัดย่อ (Text of abstract) เป็นส่วนเนื้อหาที่ต้องเขียนสรุป รายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์โครงการ วิธีการดาเนินงาน ผลการวเิ คราะห์โดยยอ่ ท้ังน้ีให้พิมพ์บทคัดย่อ ด้วยแบบอักษร TH SarabunPSK ขนาด 16 พอยต์ ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 เป็นภาษาไทย 4) กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgements) เป็นข้อความแสดงความขอบคุณผู้มีส่วนสนับสนุนและช่วยเหลือ ในการทาโครงการ โดย พิมพ์คาว่า กิตติกรรมประกาศ ไว้กลางหน้ากระดาษด้วยแบบอักษร TH SarabunPSK ขนาด 16 พอยต์ แบบหนา ซึ่งก่อนจะเขียนเน้ือหากิตติกรรมประกาศให้เว้นบรรทัด 1 บรรทัด ละเน้ือหาไม่ควร ยาวเกนิ 1 หนา้ กระดาษ A4 5) สารบัญ (Table of Contents) สารบัญเป็นรายการที่แสดงส่วนประกอบสาคัญทั้งหมดของโครงการ หัวข้อที่ต้องระบุไว้ใน สารบญั คอื หวั ขอ้ หลัก และหวั ข้อรอง กรณีทส่ี ารบัญมีมากกว่า 1 หน้า ให้พิมพ์คาว่า “สารบัญ (ต่อ)” ในหน้าถดั ไป

28 6) สารบัญตาราง (List of Table) เป็นส่วนท่ีบ่งบอกตาแหน่งของตารางทั้งหมดท่ีมีอยู่โครงการ รวมท้ังตารางในภาคผนวก โดยท่ีช่ือของตารางปรากฏในสารบัญตารางต้องถูกต้องตรงกันกับช่ือตารางท่ีปรากฏในเน้ือเร่ือง โครงการ และกรณีช่ือตารางยาวเกิน 1 บรรทัดให้พิมพ์ข้อความในบรรทัดถัดไป โดยให้ตรงกับ ข้อความในบรรทัดแรก กรณีที่มีตารางปรากฏในโครงการเพยี ง 1 ตารางนักศกึ ษาไมจ่ าเปน็ ตอ้ งทาสารบัญตาราง 7) สารบัญภาพ (List of Figures) เปน็ ส่วนทบ่ี ง่ บอกตาแหน่งหนา้ ของภาพ (รปู ภาพ แผนท่ี กราฟ และอื่นๆ) ทั้งหมดที่มีอยู่ใน โครงการ โดยท่ีชื่อของรูปภาพซ่ึงปรากฏในสารบัญรูปภาพต้องถูกต้องตรงกันกับชื่อภาพที่ปรากฏใน โครงการ และกรณีช่ือรูปภาพยาวเกิน 1 บรรทัด ให้พิมพ์ข้อความในบรรทัดถัดไป โดยให้ตรงกับ ข้อความในบรรทัดแรก กรณีมีรูปภาพปรากฏในโครงการเพียง 1 รูป นักศึกษาไม่จาเป็นต้องทา สารบัญภาพ 1.2 สว่ นเน้อื หา (Context) เนอื้ หาของวทิ ยานพิ นธ์/การศึกษาค้นควา้ อสิ ระ แบ่งเปน็ 5 บท มรี ายละเอยี ดดังต่อไปนี้ 1) บทนา (Introduction) บทนาเป็น บทที่ 1 บทนา ของโครงการ ครอบคลุมถึงมูลเหตุจูงใจของการทาโครงการ เร่อื งนีป้ ระกอบด้วยหัวขอ้ ดังต่อไปน้ี (1) ท่ีมาและความสาคัญของปญั หา (2) วตั ถุประสงค์ของการจัดทาโครงการ (3) ขอบเขตของโครงการ (4) ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ (5) ข้อมูลท่ัวไปของกจิ การ 2) เอกสารหรือแนวคดิ ท่เี กยี่ วข้อง (Literature Review) เอกสารหรือแนวคิดท่ีเก่ียวข้อง เป็นเนื้อหา บทที่ 2 เอกสารหรือแนวคิดท่ีเกี่ยวข้อง ของ โครงการ ครอบคลุมเนือ้ หาหรือกรอบแนวคดิ พ้ืนฐานที่เป็นต้นแบบก่อให้เกิดแนวความคิด และเพ่ือให้ สามารถเข้าถึงพื้นฐานหรือที่มาของการทาโครงการ ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ ดาเนนิ การ

29 3) วธิ ีดาเนินการ (Research Methodology) ระเบียบวิธีดาเนินงานเป็นเนื้อหาภายใน บทท่ี 3 วิธีดาเนินงานโครงการ ครอบคลุม เน้ือหาท่ีเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการดาเนินงาน นักศึกษาจะต้องระบุแนวทาง ขั้นตอนหรือแผนการ ดาเนินการโครงการ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ วิธีการท่ีใช้ในโครงการ การเก็บรวบรวมข้อมูล และการ วิเคราะห์ข้อมูล เพ่อื ใหส้ ามารถเข้าใจกระบวนการด้านแนวความคิดและการดาเนินงาน ประกอบด้วย รายละเอียดเกี่ยวกับ (1) ขัน้ ตอนในการศึกษาโครงการ (2) ประชากร และกลุม่ ตวั อยา่ ง (3) เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการจดั ทาโครงการ (4) วธิ ีรวบรวมขอ้ มลู (5) การวิเคราะห์ขอ้ มูล 4) ผลการดาเนนิ งาน (Results) ผลการศึกษาเป็นเน้ือหาของ บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน ซ่ึงครอบคลุมเนื้อหาที่เก่ียวข้อง กับการบรรยายและแสดงถึงผลการทดลองหรือผลการดาเนินงาน การบรรยายคุณลักษณะของกลุ่ม ตัวอยา่ งหรอื สถานการณ์ จัดลาดับการนาเสนอตามวตั ถุประสงค์ของโครงการ และการวิเคราะห์ข้อมูล หากใช้สถิติต้องนาเสนอตารางประกอบ พร้อมกับบรรยายตาราง เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงผลจาก แนวความคิดและหลักการดาเนินงานที่ผ่านมา การอภิปรายว่าผลการดาเนินงานที่ได้มาน้ันเป็น อยา่ งไร 5) สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ (Conclusion Discussion and Suggestion) บทสรุปผลการศึกษาเป็นเนื้อหาภายใน บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ครอบคลุมเน้อื หาที่เกี่ยวข้องกับสรุปผลเฉพาะประเด็นสาคัญ ประกอบด้วย รายละเอียดเกี่ยวกับสรุป และอภิปรายผลการศึกษาซึ่งเป็นการนาเสนอโดยย่อตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด ข้อจากัด ประโยชน์ที่ ได้รับ พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะในการจัดทาโครงการน้ีและข้อเสนอแนะสาหรับการจัดทาโครงการใน ครงั้ ต่อไป

30 1.3. สว่ นทา้ ย มอี งคป์ ระกอบต่างๆ ตามลาดับตอ่ ไปนี้ 1) บรรณานุกรม (Bibliography) เป็นส่วนแสดงรายช่ือหนังสือ บทความจากวารสาร โสตทัศนวัสดุหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ ที่ใช้ สาหรับการค้นคว้าอ้างองิ ประกอบการจัดทาโครงการโดยจะอยูถ่ ัดจากสว่ นเนอ้ื หาและก่อนภาคผนวก 2) ภาคผนวก (Appendix) เป็นส่วนที่จะเพ่ิมรายละเอียดของข้อมูล แบบสารวจ/สัมภาษณ์ แบบสอบถาม ผลการ วเิ คราะหข์ ้อมูลทางสถิตทิ ่นี อกเหนอื จากท่รี ะบุไว้ในผลการดาเนินงาน เพ่ือเสริมเนื้อหาให้สมบูรณ์มาก ข้นึ ซง่ึ อาจจะมหี รือไม่มกี ็ได้ ใหด้ ตู ามความเหมาะสมและจาเป็น การพิมพ์ภาคผนวก ให้พิมพ์คาว่า “ภาคผนวก” ไว้กลางหน้า โดยไม่ต้องมีหมายเลข (แตน่ ามานบั จานวนหนา้ ) ก่อนพิมพ์รายละเอยี ดของภาคผนวกยอ่ ยต่างๆ

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก ตวั อย่างการพมิ พส์ ่วนประกอบของเลม่ โครงการ

ตัวอย่างปกนอก 3.81 ซม. (1.5 นวิ้ ) ขนาดตรามหาวิทยาลัย ขนาด 1.5 น้วิ (ชื่อโครงการภาษาไทย) ........................................................................................................................ (ชื่อ-นามสุกล ผู้จดั ทาภาษาไทย) 3.81 ซม. .................................................................... 2.54 ซม. (1.5 นิว้ ) .................................................T..H...S.a.r.a..b.u..n..P.S..K. (1นว้ิ ) ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา .................................................................... โครงการนเ้ี ป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษารายวิชาโครงงานทางการจดั การธรุ กิจคา้ ปลีก ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี ชัน้ สูง โปรแกรมวชิ าการจัดการธรุ กจิ คา้ ปลีก วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชพี TH SarabunPSK มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา ปีการศึกษา 2564 2.54 ซม. (1นิว้ )

ตวั อยา่ งสันปก การพัฒนาสื่อมลั ติมเี ดยี ผา่ นสื่อสงั คมเพ่อื ประชาสมั พนั ธก์ ารท่องเที่ยว อารยา-รญั ชดิ า-สุวนนั ท์ ชอื่ โครงการภาษาไทย 2563 TH SarabunPSK ขนาด 20 พอยตต์ วั หนา ชือ่ ผจู้ ัดทาโครงการ TH SarabunPSK ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา ปีการศึกษา TH SarabunPSK ขนาด 20 พอยตต์ ัวหนา

ตัวอย่างปกใน 3.81 ซม. (1.5 นว้ิ ) (ชอ่ื โครงการภาษาไทย) ........................................................................................................................ (ชอ่ื -นามสกุ ล ผู้จดั ทาภาษาไทย) 3.81 ซม. .................................................................... 2.54 ซม. (1.5 นว้ิ ) .................................................T..H...S.a.r.a..b.u..n..P.S..K. (1นว้ิ ) ขนาด 20 พอยต์ตวั หนา .................................................................... โครงการน้ีเปน็ สว่ นหนึง่ ของการศึกษารายวชิ าโครงการทางการจดั การธรุ กจิ คา้ ปลกี ตามหลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชั้นสูง โปรแกรมวิชาการจดั การธรุ กจิ ค้าปลีก วิทยาลัยนวัตกรรมวชิ าชีพ TH SarabunPSK มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา ปกี ารศกึ ษา 2563 2.54 ซม. (1นวิ้ )

ตัวอย่างหน้าอนุมตั โิ ครงการ อาจารยท์ ี่ปรึกษาและคณะกรรมการสอบโครงการไดพ้ จิ ารณาแล้วเห็นสมควรรับเป็นส่วนหน่งึ ของ การศกึ ษาตามหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ช้ันสูง ของวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านได้ อาจารย์ที่ปรกึ ษาโครงการและผทู้ รงคุณวุฒิ ....................................................... อาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงการ (............................................) ....................................................... ผู้ทรงคุณวุฒิ (............................................) คณะกรรมการสอบโครงการ ....................................................... ประธาน/กรรมการภายนอก (............................................) ....................................................... กรรมการ (............................................) ....................................................... กรรมการ (............................................) ....................................................... กรรมการ (............................................) ....................................................... กรรมการภายนอก (............................................) อนุมตั ใิ หร้ ับโครงการฉบับนี้เป็นส่วนหน่งึ ของการศกึ ษาตามหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี ช้ันสงู โปรแกรมวิชาการจัดการธุรกิจคา้ ปลีก วทิ ยาลยั นวัตกรรมวิชาชพี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน ....................................................... หัวหนา้ โปรแกรมวชิ าการจัดการธุรกิจค้าปลกี (............................................) วันท่ี.........เดอื น.................................พ.ศ............

ตัวอยา่ งการพิมพบ์ ทคดั ย่อภาษาไทย 2.54 ซม. (1น้วิ ) I โครงการ (ช่ือโครงการภาษาไทย) ผจู้ ดั ทาโครงการ (คานาหน้าชอื่ , ช่อื – นามสกุล, รหัสนักศกึ ษา) ระดบั การศึกษา (ช่อื ระดับการศึกษา) สาขาวิชา (ชอื่ โปรแกรมวชิ า) ปีการศึกษา (ปีการศึกษา) อาจารย์ที่ปรกึ ษาโครงการ (ชื่อ – นามสกลุ ) (เว้น 2 บรรทัด) TH SarabunPSK ขนาด 20 พอยต์ตวั หนา บทคดั ย่อ . (เวน้ 1 บรรทดั ) . (ให้เว้นยอ่ หน้า 1.8 เซนติเมตร) . . . . . .

ตัวอย่างการพิมพก์ ิตตกิ รรมประกาศ 2.54 ซม. (1น้วิ ) กติ ตกิ รรมประกาศ II (เวน้ 1 บรรทัด) TH SarabunPSK (ให้เวน้ ย่อหนา้ 1.8 เซนติเมตร) ขนาด 20 พอยต์ตัวหนา . . . . . . . . (เว้น 2 บรรทัด) คณะผ้จู ัดทา

ตวั อยา่ งการพมิ พ์สารบญั 2.54 ซม. (1นิ้ว) III สารบญั (เว้น 1 บรรทัด) หนา้ บทคดั ยอ่ I กิตตกิ รรมประกาศ II สารบญั TH SarabunPSK III สารบญั ตาราง (ถา้ มี) ขนาด 16 พอยต์ตัวหนา IV สารบญั ภาพ (ถ้าม)ี TH SarabunPSK V ขนาด 16 พอยต์ตวั หนา 1 บทที่//1//บทนา 2 1.1//หัวข้อสาคัญ 1.2//หวั ขอ้ สาคัญ 3 บทที่//2//ช่ือบท 5 2.1//หวั ข้อสาคญั 6 2.2//หัวขอ้ สาคญั 7 บทท่/ี /3//ช่ือบท 9 3.1//หวั ขอ้ สาคญั 10 3.2//หัวขอ้ สาคัญ 11 บทท/ี่ /4//ชื่อบท 13 4.1//หวั ข้อสาคัญ 14 4.2//หวั ขอ้ สาคัญ 15 บทที่//5//ช่ือบท 20 บรรณานกุ รม 32 ภาคผนวก ภาคผนวก//ก//................................................. ภาคผนวก//ข//................................................. หมายเหตุ: เคร่ืองหมาย / หมายถึง ให้เวน้ หนึ่งเคาะ // หมายถงึ ให้เว้นสองเคาะ

ตวั อย่างการพิมพส์ ารบัญตาราง สารบัญตาราง 2.54 ซม. (1น้วิ ) ตารางท่ี (เว้น 1 บรรทัด) IV 1-1//(ช่ือตาราง) 2-1//(ชอ่ื ตาราง) หนา้ 2-2//(ชื่อตาราง) 1 2-3//(ชื่อตาราง) 3 3-1//(ชอื่ ตาราง) 3 3-2//(ชือ่ ตาราง) 4 4-1//(ชือ่ ตาราง) 11 4-2//(ชื่อตาราง) 15 29 30 หมายเหตุ: เคร่อื งหมาย / หมายถึง ใหเ้ ว้นหน่งึ เคาะ // หมายถึง ใหเ้ ว้นสองเคาะ

ตวั อยา่ งการพมิ พส์ ารบญั ภาพ สารบัญภาพ 2.54 ซม. (1น้วิ ) ภาพที่ (เว้น 1 บรรทดั ) V 1-1//(ชื่อรปู ภาพ) 2-1//(ชอ่ื รปู ภาพ) หน้า 2-2//(ช่อื รูปภาพ) 2 2-3//(ชื่อรปู ภาพ) 3 3-1//(ชื่อรูปภาพ) 5 3-2//(ชื่อรูปภาพ) 6 4-1//(ช่อื รูปภาพ) 10 4-2//(ชอ่ื รปู ภาพ) 12 28 30 หมายเหตุ: เคร่ืองหมาย / หมายถงึ ให้เวน้ หน่ึงเคาะ // หมายถึง ใหเ้ ว้นสองเคาะ

ตวั อย่างการพมิ พ์ชือ่ บทและการจัดวางเนอ้ื หา ขนาด 16 พอยต์ ตัวหนา บทที่ 1 ขนาด 20 พอยต์ ตัวหนา บทนา กลางหน้ากระดาษ เวน้ 2 บรรทัด . . 1.1 [หัวข้อใหญ่] เวน้ ยอ่ หน้า 1.8 เซนติเมตร แล้วพิมพข์ ้อความของหัวขอ้ ใหญ่ . . 1.1.1 [หวั ข้อย่อย ระดบั ท่ี 1] ขอ้ ความของหัวข้อย่อยระดบั ที่ 1 . . 1) [หวั ขอ้ ย่อย ระดับที่ 2] . ข้อความของหัวข้อย่อยระดับที่ 2 . . (1) ข้อความ . (2) ข้อความ . . 2) [หัวขอ้ ยอ่ ย ระดับท่ี 2] . ข้อความของหวั ข้อย่อยระดบั ที่ 2 . (1) ข้อความ . . 1.1.2 [หวั ขอ้ ย่อย ระดบั ท่ี 1] ขอ้ ความของหัวขอ้ ย่อยระดับที่ 1 . 1.2 [หวั ข้อใหญ่] เว้นยอ่ หนา้ 1.8 เซนตเิ มตร แล้วพมิ พ์ข้อความของหัวข้อใหญ่

ตัวอย่างการพิมพต์ ารางแนวตง้ั กรณีพมิ พ์จบใน 1 หนา้ กระดาษ เป็นการนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของเจ้าหน้าท่ีทีมกากับดูแลผู้เสียภาษีในเขต ท้องท่ีสานักงานสรรพากรภาค 9 และภาค 10 ได้แก่ คุณลักษณะของทีมด้านความสมดุลในบทบาท โดยนาเสนอขอ้ มูลเป็นคา่ ความถี่และร้อยละ ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปนีด้ งั แสดงผลในตารางที่ 4-3 1 2 เคาะ เคตาาะรางท่ี 4-3 การวิเคราะหห์ าคา่ เฉลีย่ คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน และผลของระดบั ความคิดเห็นเกยี่ วกับ คุณลกั ษณะของทมี กากับดูแลผเู้ สียภาษีในเขตท้องท่สี านักงานสรรพากรภาค 9 และ ภาค 10 ด้านความสมดุลในบทบาท ตรงกัน เว้น 1 บรรทัด คุณลกั ษณะของทีมด้านความสมดุลในบทบาท X̅ S.D. ระดับ ความคิดเห็น 1. มีการกาหนดบทบาทหน้าทีข่ องสมาชิกในทีมไว้อย่างชดั เจน 4.01 0.789 มาก 2. สมาชกิ ในทมี ทกุ คนเข้าใจหน้าทีข่ องตนเอง 4.11 0.69 มาก 3. สมาชกิ ในทมี ปฏิบตั ิงานตามบทบาทหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 4.15 0.707 มาก 4. สมาชกิ ในทีมมกี ารปฏบิ ตั ิหนา้ ทไ่ี มซ่ ้าซอ้ นกัน 3.78 0.877 มาก 5. สมาชกิ ในทีมไดร้ ับบทบาทหน้าท่เี หมาะสมกับความถนัดและ 3.59 0.788 มาก ความสามารถของตน รวม 3.90 0.770 มาก เวน้ 1 1 เคาะ หมายเหตุ:บ(ถรร้าทมัด)ี ที่มา: (ถา้ มี) 1 เคาะ

ตัวอย่างการพมิ พต์ ารางแนวตัง้ กรณไี มส่ ามารถพิมพ์จบใน 1 หน้ากระดาษ ตารางท่ี 4-1 แสดงจานวนและร้อยละของประชากร จาแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายไดต้ อ่ เดอื น ขอ้ มูลทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม จานวน (คน) รอ้ ยละ 1. เพศ 160 40.00 ชาย 240 60.00 หญงิ 2. อายุ 109 27.30 ไมเ่ กิน 20 ปี 159 39.80 21-30 ปี 68 17.00 31-40 ปี 43 10.80 41-50 ปี 21 5.30 50 ปีข้นึ ไป 3. ระดบั การศึกษา 43 10.80 ประถมหรือตา่ กว่า 92 23.00 มธั ยมศึกษา 85 21.30 ปวช./ปวส. 160 40.00 ปริญญาตรี 20 5.00 สงู กว่าปริญญาตรี 4. อาชีพ 196 49.00 นกั เรียน/นักศึกษา 36 9.00 รบั ราชการ/รฐั วิสาหกิจ 61 15.30 พนกั งานเอกชน 75 18.80 ธรุ กจิ สว่ นตัว 26 6.50 เกษตรกร 6 1.50 อนื่ ๆ (ระบุ)

ตารางที่ 4-1 (ตอ่ ) จานวน (คน) รอ้ ยละ ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 214 53.50 5. รายได้ต่อเดือน 130 32.50 38 9.50 ไม่เกนิ 10,000 บาท 18 4.50 10,000-20,000 บาท 20,000-30,000 บาท มากกวา่ 30,000 บาท

ตัวอยา่ งการพิมพร์ ปู ภาพ 2) ระบบการปฏิบัติต่าง ๆ ท่ีมาจากพฤติกรรมเชิงบวกท้ัง 5 ประการท่ีจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพของบุคลากรให้เป็นผู้พัฒนาตนให้เกิดศักยภาพในการทางานอย่างเต็มท่ีและที่สาคัญจะ ช่วยสรา้ งความสามคั คีและสัมพนั ธภาพที่ดีของบุคลากรในองค์กรได้เป็นอย่างดีท่ีจะนาไปสู่การพัฒนา ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นอนาคตในองค์กรได้อยา่ งยั่งยนื ดังภาพที่ 2-2 การรับรู้และ พฤติกรรมการเปน็ การยอมรับ เปลีย่ นแปลงทศั นคติ สมาชกิ ที่ดีขององคก์ ร และการเปลยี่ นแปลง พฤตกิ รรมสว่ นบุคคล เกิดการพฒั นา กลายเปน็ วัฒนธรรม องคก์ รอยา่ งยัง่ ยนื ใหม่ขององค์กร ประสทิ ธผิ ลขององค์กร ประสทิ ธภิ าพในการ การยอมรบั และ บรรลเุ ปา้ หมายได้งา่ ยขึน้ ปฏิบัตงิ านของ เปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม สมาชิกสงู ข้ึน ระดับองคก์ ร เวน้ 1 เคาะ เว้น 1 ภาพท่ี 2-2 วัฎจกั รของการพฒั นาองค์กรอย่างยง่ั ยืนบดรว้ รยทกัดารเป็นสมาชกิ ที่ดีขององค์กร เว้น 2 เคาะ เวน้ 1 บรรทดั ถ้ามีข้อความตอ่

ภาคผนวก ข แบบฟอรม์ ต่าง ๆ

แบบฟอร์มระยะเรม่ิ ต้น แบบขออนุญาตสอบเคา้ โครงโครงการ คร้งั ที่.............. ชอ่ื โครงการ : ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................... ....................................................................... ผู้จัดทาโครงการ : 1 ......................................................................................................................... 2 ......................................................................................................................... 3 ......................................................................................................................... วนั ที่นดั สอบ......................................................................................เวลา............................................................ สถานที.่ ................................................................................................................................................................ คณะกรรมการรบั ทราบการสอบเคา้ โครงโครงการ :- ประธานกรรมการ ................................................................ ลงช่อื .................................................................. (............/........................./......................) อาจารย์ผู้สอนโครงการ ....................................................... ลงชอ่ื .................................................................. (............/........................./......................) อาจารย์ทีป่ รึกษาโครงการ..................................................... ลงชอื่ .................................................................. (............/........................./......................) กรรมการโครงการ................................................................ ลงชอ่ื .................................................................. (............/........................./......................) กรรมการโครงการ................................................................ ลงช่ือ.................................................................. (............/........................./......................) กรรมการโครงการ................................................................ ลงช่อื .................................................................. (............/........................./......................) หมายเหตุ : ใช้เพอ่ื ขออนญุ าตสอบเคา้ โครงโครงการร่วมกบั แบบเสนอเค้าโครงโครงการ (คก-01) แบบรายงานผลการสอบเค้าโครงโครงการ (คก-02) และแบบประเมนิ เคา้ โครงโครงการ (คก-03)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook