การเปลย่ี นแปลงทางร่างกาย
การเปลย่ี นแปลงของมารดาและทารก 1. อาการและอาการแสดงเมื่อใกล้คลอด ท้องลด( lightening) สารคดั หลง่ั (show) การเปลยี่ นแปลงของปากมดลูก ถุงนา้ คร่าแตก
ท้องลด( lightening) ครรภ์แรก ประมาณ 1 เดือนก่อนคลอด ครรภ์หลงั 2-3 ชั่วโมงก่อนคลอด หรือเมื่อเข้าสู่ระยะคลอด ส่งผลให้ผู้คลอดอดึ อดั น้อยลง หายใจสะดวกขนึ้ ถ่ายปัสสาวะ บ่อย ปวดหน่วงในอ้งุ เชิงกราน
สารคดั หลงั่ (show) Mucous plug Mucous show Mucous bloody show bloody show
การเปลย่ี นแปลงของปากมดลูก Effacement ความบางของปากมดลูก Dilatation การเปิ ดขยายของปากมดลูก มคี วามนุ่มมากขนึ้
ถุงนา้ คร่าแตก(membrane rupture) Membrane intact ( M I ) Membrane rupture or rupture of membrane ( MR or RM ) S R M = spontaneous rupture of membrane A R M = artificial rupture of membrane P R O M = premature rupture of membrane
อาการเจบ็ ครรภ์จริงและเจบ็ ครรภ์เตือน เจ็บครรภ์จริง(True labor) มดลูกหดรัดตวั สม่าเสมอ และเจบ็ ถขี่ นึ้ เจบ็ จากกระเบนเหน็บร้าวไปหน้าขา ปากมดลูกเริ่มมีการเปิ ดขยายหรือบาง มีมูกออกทางช่ องคลอด
เจบ็ ครรภ์เตือน(False labor) มดลูกหดรัดตวั ไม่สม่าเสมอและไม่รุนแรง เจบ็ บริเวณท้องน้อย ปากมดลูกไม่มีการเปลยี่ นแปลง ( ปิ ด ) มีมูกหรื อเลือดเก่าออกทางช่ องคลอด (2-3 วนั ต่อมามกั มีอาการเจบ็ จริง)
2. การเปลย่ี นแปลงทางสรีรวทิ ยา การเปลยี่ นแปลงเกย่ี วกบั มดลูก การเปลยี่ นแปลงเกย่ี วกบั ปากมดลูก การเปลย่ี นแปลงภายในถุงนา้ คร่า การเปลยี่ นแปลงของข้อกระดูกเชิงกราน การเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ทารกในครรภ์ การเปลยี่ นแปลงในระบบต่างๆ ของร่างกาย
1. การเปลยี่ นแปลงเกยี่ วกบั มดลูก มีการหดรัดตวั ของมดลูก เม่ือเขา้ สู่ระยะคลอด มดลูกถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ มดลูกส่วนบน(upper segment) และมดลูกส่วนล่าง (lower segment) กลา้ มเน้ือมดลูกส่วนบน ซ่ึงมีลกั ษณะหนา จะเกิดการหด ตวั และคลายตวั เป็นระยะๆ หลงั การคลายตวั แต่ละคร้ัง ใย กลา้ มเน้ือมดลูกจะส้นั ลงกวา่ เดิม แต่ยงั คงมีความสามารถในการ หดรัดตวั เช่นเดิม เรียกวา่ \"retraction\"
การหดรัดตวั ของมดลูก
การหดรัดตวั ของมดลูก ระยะ latent คือระยะที่ปากมดลูกเปิ ดไม่เกิน 3 เซนติเมตร การหดรัดตวั เพม่ิ ข้ึนทุก 10-30 นาที หดรัดตวั นาน 15-30 วนิ าที ความรุนแรงระดบั น้อย ระยะ active ตอนต้น และตอนกลาง คือระยะท่ีปากมดลูก เปิ ด 3-9 เซนติเมตรมดลูกหดรัดตวั ทุก 3-5 นาที หดรัดตวั นาน 30-50 วินาที ความรุนแรงระดบั ปานกลาง
การหดรัดตวั ของมดลูก ระยะ active ตอนปลาย คือระยะท่ีปากมดลูกเปิ ด 9-10 ซม. มดลูกหดรัดตวั ทุก 2-3 นาที หดรัดตวั นาน 60 วนิ าที ความ รุนแรงระดบั ปานกลางถึงมาก มดลูกหดรัดตวั ดใี นระยะนคี้ วรมี ความถท่ี ุก 2-3 นาที มคี วามนาน 45-60 วนิ าที หากมีความถ่นี ้อยกว่า 2 นาที หรือมีความนานมากกว่า 60 วนิ าที ควรดูแลอยา่ งใกลช้ ิดมากข้ึนเพราะอาจเกดิ การหดรัดตัว แบบไม่คลายได้(Tetanic contraction) และอาจทา ใหท้ ารกในครรภข์ าด ออกซิเจน ตายได้
การหดรัดตวั ของมดลูก มดลูกหดตวั แต่ละคร้ังควรพจิ ารณาถงึ ส่ิงสาคญั 4 ประการคือ 1. ระยะการหดรัดตวั หรือความนาน (Duration)คือช่วงเวลา ทมี่ ดลูกหดรัดตวั จนถงึ คลายตวั การหดรัดตวั คร้ังหนงึ่ จะมี 3 ระยะ ได้แก่ ระยะทเี่ ริ่มหดรัดตวั (increment) ระยะทม่ี ี การหดรัดตัวเตม็ ท่ี (acme) และระยะทม่ี กี ารหดรัดตวั ลดลง (decrement ) 2. ระยะพกั (resting period) คือช่วงระยะเวลาทมี่ ดลูก คลายตวั จนถงึ หดตวั ในคร้ังต่อไป
การหดรัดตวั ของมดลูก 3. ระยะห่างของการหดรัดตวั และความถี่ (Interval)คือ ช่วงเวลาทมี่ ดลูกหดรัดตวั คร้ังหนึ่งจนถงึ เริ่มหดรัดตวั อกี คร้ัง หน่ึง หรือจากมดลูกคลายตวั จนถงึ คลายตวั คร้ังต่อไป เป็ น ระยะเวลาการหดรัดตวั ของมดลูกรวมกบั ระยะพกั ความถี่ของ การหดรัดตวั ของมดลูก คือ จานวนคร้ังการหดรัดตวั ของมดลูก ในระยะหนึ่งเช่น มกี ารหดรัดตวั 4 คร้ังในเวลา 1 ช่ัวโมง 4. ความรุนแรง (Severity)คือความแรงในการหดรัดตวั ของ กล้ามเนื้อมดลูกในแต่ละคร้ัง
การหดรัดตวั ของมดลูก
ความแรงการหดรัดตวั ของมดลูก ระดับความรุนแรงน้อย( S+ ) คือ มดลูกหดรัดตวั เลก็ น้อย ขณะหดรัด ตัวสามารถคลาส่วนต่างๆ ของทารกและฟัง FHS ได้ชัดเจน ระดบั ความรุนแรงปานกลาง( S+ +) คือ มดลกู หดรัดตัวแข็ง ขณะหด รัดตวั สามารถคลาส่วนต่างๆ ของทารกและฟัง FHS ได้เพยี งเบาๆ หรืออาจฟังไม่ได้เลย ระดับความแรงมาก ( S+ ++) คือ มดลกู หดรัดตวั แขง็ มาก ขณะหด รัดตัวไม่สามารถคลาส่วนต่างๆ ของทารกและไม่สามารถฟัง FHS ได้ ระดบั ความรุนแรงมากผดิ ปกต(ิ S++++ ) หรือหดรัดตัวแบบไม่ คลาย คือ มดลกู หดรัดตวั แรงมากผดิ ปกตนิ านกว่า 1 นาที
การหดรัดตวั ของมดลูก
2. การเปลย่ี นแปลงเกย่ี วกบั ปากมดลูก การส้ันบางของปากมดลูก (effacement) เกิดจากการที่ใยกลา้ มเน้ือมดลูกส่วนบน มีการหดรัดตวั ทาให้ กลา้ มเน้ือมดลูกส่วนล่างถูกดึงร้ังข้ึน จึงเกิดการบางตวั ลง และมี การเปิ ดขยายออกดว้ ย
การส้ันบางของปากมดลูก (effacement) การคานวณความบางของปากมดลูก Effacement =100– (50X(ความหนาของปากมดลูกเป็ น ซม.)) ตวั อย่าง การประเมินความบางของปากมดลูก 1.ปากมดลูกหนา 1 ซม. ความบางของปากมดลูก คิดเป็ นเท่าใด Effacement = 100-50 (1) = 50 % 2.ปากมดลูกหนา 0.5 ซม. ความบางของปากมดลูก คดิ เป็ นเท่าใด Effacement = 100-50(0.5) = 75 %
Effacement ความบางของปากมดลูก บาง 0% บาง 75% บาง 100%
2. การเปลย่ี นแปลงเกยี่ วกบั ปากมดลูก มีการถ่างขยายของปากมดลูก (dilatation of cervical os) ส่งผลใหม้ ีการหลงั่ Oxytocin มากข้ึน ทาใหม้ ดลูกมีการหดรัด ตวั เพ่ิมมากข้ึน ปากมดลูกกเ็ ปิ ดขยายและบางตวั เพ่มิ ข้นึ เร่ือยๆ เกิด เป็นวงจรเรียกวา่ Ferguson’s Reflex
3. การเปลย่ี นแปลงภายในถุงนา้ คร่า เมื่อมดลูกหดรัดตวั โพรงมดลูกถูกบีบ ให้เลก็ ลงส่งผลให้ ความดนั ภายใน โพรงมดลูกเพมิ่ ขนึ้ และแพร่กระจาย ไปทว่ั ในโพรงมดลูกโดยผ่านไปใน นา้ คร่า เรียกว่า \"hydrostatic action\"
การเปลยี่ นแปลงภายในถุงนา้ คร่า ทารกทม่ี ีส่วนนาเป็ นศรีษะ และอยู่ ในท่าก้ม ส่วนของ SOB ที่มี ลกั ษณะกลม จะอดุ ก้นั กระแสนา้ คร่า ในลกั ษณะ \" Ball valve action \" ถุงนา้ คร่าจงึ ถูกแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน คือ Fore water และ Hind water
4. การเปลยี่ นแปลงของข้อกระดูกเชิงกราน * ท่บี ริเวณ symphysis pubis เมื่อใกล้คลอด จะยืดขยายออกได้เลก็ น้อย * cocyx ซ่ึงเชื่อมกบั กระดูกก้นกบด้วย sacrococcygeal joint ขณะทารกเคลื่อนผ่าน สามารถกระดกไปข้างหลงั ได้เลก็ น้อย
5.การเปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ทารกในครรภ์ แรงดนั ทเี่ กดิ จากมดลูกหดรัดตวั ศีรษะทารกจะเปลยี่ นแปลงให้เข้ากบั สภาพของ อุ้งเชิงกรานมารดา เช่น Molding fetal axis pressure
ลกั ษณะของ Caput succedaneum ข้อสังเกตของลกั ษณะ Caput succedaneum คือ - จะเกดิ ทนั ทีหลงั คลอด - จะนุ่ม กดบุ๋ม - บวม ขอบเขตไม่ชัดเจน - ตาแหน่งทเ่ี กดิ มกั เกดิ ข้ามรอยต่อระหว่างกระดูก parietal - ขนาดจะโตเม่ือคลอด และค่อยๆเลก็ ลงหลงั คลอด - เม่ือคลาดูจะพบว่าสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ - จะหายไปภายใน 24-36 ช่ัวโมง
6. การเปลยี่ นแปลงระบบต่างๆของร่างกาย 1.การเปลย่ี นแปลงระบบหัวใจและหลอดเลือด Cardiac output ในการหดรัดตวั ของมดลูกแต่ละคร้ังจะมีเลือด จากมดลูกเข้าสู่ระบบไหลเวยี นโลหิตของมารดาประมาณ 400 มิลลลิ ติ ร ทาให้ Cardiac output เพม่ิ ขนึ้ ตลอดระยะการคลอด โดยตอนต้นระยะทหี่ นึ่งของการคลอดขณะมดลกู หดรัดตวั จะ เพม่ิ ขนึ้ เป็ นร้อยละ 15-20 ส่วนตอนท้ายระยะทห่ี นึ่งจะเพมิ่ ขนึ้ เป็ นร้อยละ 35-40
1.การเปลย่ี นแปลงระบบหัวใจและหลอดเลือด Blood pressure ขณะมดลกู หดรัดตัวความดัน systolic เพม่ิ ขนึ้ เฉลยี่ 10-15 mmHg ส่วน diastolic เพมิ่ ขนึ้ 5-10 mmHg ขณะมดลูกคลายตัว ความดนั โลหิตเปลยี่ นแปลงเลก็ น้อย Pulse ขณะมดลูกหดรัดตวั ชีพจรจะไม่เปลย่ี นแปลงเมื่ออยู่ในท่านอน ตะแคง ส่วนท่านอนหงายชีพจรจะลดลงเม่ือมดลกู หดรัดตัวระยะ increment ชีพจรจะเพม่ิ ขนึ้ เมื่อมดลกู หดรัดตัวในระยะ acme และ decrement ส่วนระยะพกั ชีพจรจะสูงกว่าก่อนเข้าสู่การคลอด โดยทวั่ ไปชีพจรจะอยู่ระหว่าง 80-90 คร้ัง/นาที
2. การเปลยี่ นแปลงของระบบเลือดและเม็ดเลือด ตลอดการคลอดจะมี hemoglobin เพม่ิ ข้ึนประมาณ 1.2 gm% และ ลดลงในวนั แรกหลงั คลอด ส่วนระยะเวลาในการแขง็ ตวั ของเลือด ลงเลก็ นอ้ ย แต่มีระดบั ของ fibrinogen ในกระแสเลือดเพ่ิมข้ึน ใน ระยะที่หน่ึงของการคลอดเมด็ เลือดขาวจะเพิ่มข้ึนเป็นประมาณ 15,000 cell/mm3
3. การเปลย่ี นแปลงของระบบหายใจ ขณะมดลูกหดรัดตวั เต็มทผี่ ู้คลอดบางรายอาจมอี ตั ราการหายใจเพม่ิ ขนึ้ ถึง 60-70 คร้ัง/นาที และกลบั สู่ปกติ เม่ือมดลูกคลายตัว ความสมดุลของกรด-ด่าง พบมคี ่า PH สูงขึน้ เลก็ น้อย โดยมีค่าประมาณ 7.55-7.60 ประกอบกบั ผู้คลอดทไ่ี ด้รับสารนา้ และอาหารไม่เพยี งพอทาให้ มีคโี ตนในกระแสโลหิต บางรายเจบ็ ปวดและกลวั มากมีการระบายอากาศ หายใจมากกว่าปกติ ถ้าเป็ นอยู่นานจะทาให้มกี ารขับคาร์บอนไดออกไซด์ ออกมามากเกนิ ไป ค่าความดนั ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดลง จงึ เกดิ ภาวะ hyperventilation ได้
4. การเปลยี่ นแปลงของระบบทางเดนิ อาหาร และการเผาผลาญพลงั งาน การทางานของกระเพาะอาหารช้าหรือหยุดไป มกี ารเคลื่อนไหวและการ ดูดซึมของลาไส้เลก็ ลดลง มีการคัง่ ค้างในกระเพาะอาหารนาน ประกอบ กบั มคี วามไม่สุขสบายจากการเจ็บครรภ์ทาให้ความอยากอาหารลดลง อาจมอี าการคลื่นไส้และอาเจยี นได้ โดยเฉพาะปลายระยะทหี่ น่ึงของการ คลอด metabolism ของคาร์โบไฮเดรตสูงขนึ้ เน่ืองจากกล้ามเนื้อลาย ทางานมากขึน้ และมีความเครียดจากการเจ็บครรภ์ ทาให้อณุ หภูมริ ่างกาย สูงขึน้ เลก็ น้อย แต่ไม่เกนิ 0.5-1.0 องศาเซลเซียส ถ้าเป็ นเวลานานอาจมี อาการแสดงของภาวะขาดนา้ และสารอาหาร
5. การเปลยี่ นแปลงของระบบขบั ถ่าย ไตมอี ตั ราการกรองเพม่ิ ขนึ้ เนื่องจากมี cardiac output เพม่ิ ขนึ้ มี ปัสสาวะมากและมกั พบโปรตนี ในปัสสาวะระดบั trace ถึง + 1 บางคร้ัง อาจพบว่าถ่ายปัสสาวะลาบาก เน่ืองจากกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะมี ความตึงตวั ลดลงและถูกมดลูกหรือทารกกดเบยี ด โดยเฉพาะในปลาย ระยะท่ีหน่ึงซึ่งส่วนนาของทารกเคลื่อนตา่ ลงมาก การขับถ่ายอุจจาระใน ปลายระยะทหี่ น่ึงจะรู้สึกอยากเบ่งถ่ายอจุ าระเน่ืองจากส่วนนาของทารก ไปกดเบยี ดทวารหนัก จึงควรพจิ ารณาแยกว่าเป็ นการเบ่งถ่ายอจุ จาระ จริงหรือแรงเบ่งจากทารกเคลื่อนมากดทวารหนัก
6. การเปลย่ี นแปลงของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก มกี ารทางานของกล้ามเนื้อมากขนึ้ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมดลูก มี อาการปวดหลงั และปวดตามข้อต่าง ๆ เนื่องจากมกี ารคลายตวั ของเอน็ ยดึ กระดูก และอาจเป็ นตะคริวบริเวณขาหรือนิว้ เท้าได้
7. การเปลย่ี นแปลงของระบบต่อมไร้ท่อ ระบบต่อมไร้ท่อทางานมากขนึ้ มีการหลง่ั estrogen ลดลง ส่วน progesterone, prostaglandins และ oxytocin เพม่ิ มากขนึ้ รวมท้งั มกี ารเผาผลาญพลงั งานเพม่ิ ขนึ้
การเปลย่ี นแปลงทางด้านจิตสังคม
การเปลย่ี นแปลงทางด้านจิตสังคม สภาพจติ ใจของผู้คลอดมีความแตกต่างกนั ตามภูมหิ ลงั ของแต่ ละคน เช่น ความรู้ ความคดิ ความกลวั ความวติ กกงั วล ประสบการณ์การคลอด ความเชื่อทางศาสนา ซึ่งอาจมีผลทาให้ การดาเนินการคลอดไม่ก้าวหน้า เกดิ การคลอดล่าช้าได้
การเปลย่ี นแปลงทางด้านจิตสังคม 1.ความวติ กกงั วลหรือ ความเครียด ความวติ กกงั วลหรือเครียด หลงั่ สาร epinephrine การทางานของกล้ามเนื้อมดลูก ระยะการคลอดยาวนานขนึ้ สาเหตุ: ถูกแยกจากสังคม การเจบ็ ครรภ์ ขาดความรู้ เหตุการณ์ไม่ เป็ นไปตามทคี่ าดหวงั สิ่งแวดล้อมใหม่
การเปลยี่ นแปลงทางด้านจิตสังคม 2. ความกลวั (Fear) เป็ นปฏกิ ริ ิยา ทส่ี ร้างขึน้ เพื่อป้องกนั ตนเองในการเผชิญ เหตุการณ์ต่างๆทคี่ ุกคามตนเอง ความกลวั ส่งผลให้เกดิ ความตึงเครียด ด้านจติ ใจ และกล้ามเนื้อท่วั ร่างกาย รวมท้งั กล้ามเนื้อมดลกู ร่างกายมี การหลงั่ สาร catecholamine, cortisol และ adrenaline เพม่ิ สูงขึน้ ส่งผลให้การทางานของกล้ามเนื้อมดลกู ลดลง หดรัดตัวไม่ดี เกดิ การ คลอดล่าช้า ระยะเวลาการคลอดยาวนาน ผู้คลอดเหน่ือยอ่อนเพลยี หมดแรง ซ่ึงเพมิ่ ความเส่ียงต่อการใช้สูตศิ าสตร์หัตถการในการช่วย คลอด การไหลเวยี นไปยงั ทารกลดลง อาจทาให้ทารกขาดออกซิเจนได้
การเปลย่ี นแปลงทางด้านจติ สังคม ความกลวั เกดิ จากความไม่รู้ ดังน้ัน ผู้คลอดทไ่ี ม่เข้าใจกระบวนการคลอด ไม่ได้เตรียมตัวในการคลอด จะมคี วามต่ืนตกใจและกลวั มากกว่าคนที่ได้รับ การเตรียม สาเหตุของความกลวั : มเี จตคตทิ างลบกบั การคลอด รู้สึกถูกคุกคามความ เป็ นตัวของตัวเอง ความเจบ็ ปวดทรี่ ุนแรง 3. ความอ่อนล้า หมดแรง (exhaustion) นอนไม่หลบั ได้รับสารนา้ สารอาหารไม่พอ มีภาวะแทรกซ้อน รอคลอดยาวนาน เจบ็ ปวดจาก มดลูกหดรัดตัว ไม่สุขสบายพกั ผ่อนไม่ได้
พฤตกิ รรมการเผชญิ ความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด
พฤตกิ รรมการเผชญิ ความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะคลอด พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด พฤติกรรมทเี่ หมาะสม พฤติกรรมทไี่ ม่เหมาะสม 2.ระยะปากมดลูกเปิ ดเร็ว ซักถามพูดคุยกบั พยาบาล ปฏิเสธกจิ กรรมทพี่ ยาบาลทา (Active phase) น้อยลง วติ กกงั วลมากขึน้ ให้ เช่น ไม่ให้ฟังเสียงหัวใจ มดลกู หดรัดตวั แรงขึน้ ปวด ปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆลดลง ทารกในครรภ์ ไม่ให้แตะหน้า มากขึน้ รู้สึกอ่อนเพลยี และ สนใจผู้อ่ืนน้อยลง สนใจ ท้อง แยกตวั เอง ซึมเศร้า เหน่ือยล้า มีความเครียดและ เฉพาะตนเอง เริ่มการขอ วติ กกงั วลมากขนึ้ ความช่วยเหลือจากพยาบาล มากขนึ้ อยากให้ช่วยขจดั ความปวดออกไป
พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะคลอด พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะเปลยี่ นผ่าน พฤติกรรมทเี่ หมาะสม พฤตกิ รรมทไ่ี ม่เหมาะสม (Transitional phase) แยกตวั ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมก้าวราว ไม่ฟัง ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมลดลง คาอธิบาย เรียกร้องต้องการ เม่ือมดลกู คลายตวั ผู้คลอดจะ ผ่าตดั คลอด ไม่ปฏบิ ตั ิตาม สงบน่ิง หรือเคลมิ้ หลบั ได้บ้าง คาแนะนา ไม่ให้ความร่วมมือ เรียกร้องส่ิงบรรเทาความ ในการพยาบาล เจ็บปวด กลวั ทตี่ ้องอยู่คนเดยี ว บางคร้ังควบคุมตนเองไม่ได้
พฤตกิ รรมการเผชญิ ความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะคลอด พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะที่ 2 ของการคลอด พฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม พฤตกิ รรมทไ่ี ม่เหมาะสม พฤตกิ รรมคล้ายระยะเปลย่ี น เอะอะ ไม่ให้ความร่วมมือ ผ่าน ผู้คลอดอยากเบ่ง ตลอดเวลา รู้สึกไม่ได้พกั เน่ืองจากเจบ็ ครรภ์เกือบ ตลอดเวลา บางคร้ังควบคุม ตนเองไม่ได้ รู้สึกเหนื่อยล้าและ อ่อนเพลยี มาก
พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะคลอด พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะที่ 3 ของการคลอด พฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม พฤติกรรมทไ่ี ม่เหมาะสม มคี วามตึงเครียดลดลง ความกลวั เอะอะ โวยวาย และความวติ กกงั วลลดลง รู้สึก ไม่ให้ความร่วมมือ ผ่อนคลายอยากพกั ต้องการ ไม่ให้เยบ็ แผล สัมผสั และเห็นหน้าบุตร
พฤตกิ รรมการเผชญิ ความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด ระยะคลอด พฤตกิ รรมการเผชิญความเครียดของผู้คลอดในระยะคลอด พฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม พฤตกิ รรมทไี่ ม่เหมาะสม ระยะท่ี 4 ของการคลอด รู้สึกผ่อนคลายมากขึน้ รู้สึกมี ไม่ค่อยพบพฤติกรรมไม่ ความสุขทก่ี ารคลอดสิ้นสุดลง เหมาะสม ต้องการพกั ผ่อน ต้องการ แต่ถ้ามภี าวะแทรกซ้อน อาหาร ต้องการอยู่กบั บุตร เกดิ ขึน้ เช่น ตกเลือด ล้วงรก อาจทาให้ผู้คลอดเครียดได้
การพยาบาลผู้คลอดทางด้านจิตสังคมในระยะคลอด ระยะของการคลอด การพยาบาลทางด้านจิตสังคม ❖ระยะที่ 1 ของการคลอด • ระยะ Latent phase พยาบาลควรรับฟังส่ิงทผ่ี ้คู ลอดพดู คุย มดลกู หดรัดตัวไม่รุนแรง ปวดไม่ ด้วยท่าทที ่สี นใจ ตอบข้อซักถามทผ่ี ู้ มาก ผู้คลอดมีความเครียดและวติ ก คลอดสงสัย ด้วยการให้ข้อมูลทถี่ ูกต้อง กงั วลน้อย มีการซักถามพดู คุยกบั เพ่ือลดความวติ กกงั วลและป้องกนั การ พยาบาล และคนอื่น สนใจ รับรู้ทไ่ี ม่ถูกต้อง สิ่งแวดล้อม พยายามทากจิ กรรม ต่างๆได้ด้วยตนเอง
การพยาบาลผู้คลอดทางด้านจิตสังคมในระยะคลอด ระยะของการคลอด การพยาบาลทางด้านจิตสังคม ❖ระยะท่ี 1 ของการคลอด • ระยะ Active phase พยาบาลควรให้กาลงั ใจและความมน่ั ใจว่าจะ มดลกู หดรัดตวั แรงขนึ้ ปวดมากขึน้ สามารถผ่านการคลอดไปได้ด้วยดี ใช้เทคนิค มีความเครียดและวติ กกงั วลมากขึน้ ผ่อนคลายความเจบ็ ปวด และกระตุ้นให้ผู้ ต้องการอยู่คนเดยี ว สนใจคนอ่ืนน้อยลง คลอดปฏบิ ัติ กล่าวชมเชยเม่ือทาได้ ช่วยเหลือ สนใจเฉพาะตนเอง และต้องการความ กจิ กรรมบางอย่าง เช่น เช็ดหน้าให้ อยู่ใกล้ชิด ช่วยเหลือจากพยาบาลมากขึน้ อยากให้ ผู้คลอดและไม่แสดงพฤตกิ รรมก้าวร้าว หรือ ช่วยขจดั ความปวดออกไป ดุด่าโต้ตอบผ้คู ลอด อาจมพี ฤตกิ รรมก้าวร้าว โวยวาย
Search