การทีเรามีผใู้ ต้บงั คบั บญั ชาจาํ นวนมาก แต่เราทาํ งานโดยลาํ พงั คนเดียว ไมถ่ อื ว่าเป็นทีม
หากเราไม่เปิ ดโอกาสให้คนอืน เข้ามามีส่วนในงานของเรา หรือเราไม่เข้าไปปฏิสมั พนั ธก์ บั ผอู้ ืน กย็ งั ไม่เกิดทีมขึน
การทาํ งานแบบฉายเดียว ยอ่ มไม่ทาํ ให้เกิดทีม การทาํ งานเป็นทีม คือ การทาํ งานรว่ มกนั โดยทกุ คนมสี ่วนผลกั ดนั ให้งานทีทาํ นัน ไปถึงเป้ าหมายเดียวกนั
การทาํ งานเป็นทีม คือ ความพรอ้ มทีจะเป็นส่วนหนึง ในกล่มุ คนทีมี ความตงั ใจรว่ มกนั เพือให้งานทีทาํ อยนู่ ันสาํ เรจ็
การทาํ งานเป็นทีม คือ การไมเ่ อาตวั เองเป็ นศนู ยก์ ลาง ในการทาํ งาน แต่ยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของเพือนรว่ มทีมเสมอ
การทาํ งานเป็นทีม คือ การช่วยกนั คนละไมล้ ะมอื โดยการเสริมจดุ แขง็ และลบจดุ อ่อนของกนั และกนั
การทาํ งานเป็นทีม เป็ นการรวมสิงทีดีทีสดุ ของแต่ละคน มาใช้เพอื ทาํ ภารกิจให้สาํ เรจ็ ลลุ ว่ ง
การทาํ งานเป็นทีม คือ ประสบการณ์และความผกู พนั ทีร่วมกนั สร้างผ่านการทาํ งาน อนั ก่อให้เกิด ความรกั สามคั คี และการท่มุ เท อทุ ิศชีวิตร่วมกนั เปรียบดงั การแข่งชกั เย่อ แต่ละทีมมคี นเป็นสิบ ช่วยกนั ดึงเชือก แม้ต่างคนต่างดึงกนั คนละพนั ครงั กไ็ มเ่ กิดแรง มากเท่ากบั ทุกคนออกแรงพร้อมๆ กนั ในครงั เดียวและพลงั มหาศาลนีจะนํามาซึงชยั ชนะ
ทศั นคติไม่ดีทาํ ลายทีม ความสามารถ ทศั นคติ ความสามารถ ฝี มอื ดีเยียม ทศั นคติแย่มากๆ ฝี มือดีเยียม ทมี ทแี ย่ ฝี มือดีเยียม ทศั นคติไม่ดี ทมี ฝี มือปานกลาง ฝี มอื ดีเยียม ทศั นคติกลางๆ ทีมทดี ี ทศั นคติดีดี ทีมทดี เี ยยี ม
ความเป็ นผนู้ ําคือการได้เปรียบ ค้นหาความเป็ นต่อ ทคน้าํ ททหีมาาํใคหทวาก้ มีมา้ วเปให็นหนตา้ ้ก่อก่อ้านวผหอู้ ืนน้าก่อนผอู้ ืน
ลงทุนกบั ทีม • เลือกคนฝีมือดีทีสดุ เท่าทีจะทาํ ได้ • ยอมจ่ายเพือการพฒั นา • ทาํ สิงต่างๆ รว่ มกนั • มอบอาํ นาจพรอ้ มกบั ความรบั ผิดชอบ • ให้เครดิตความสาํ เรจ็ ของทีม • ยตุ ิการลงทุนกบั ผเู้ ล่นทีไม่มีการพฒั นา • สรา้ งโอกาสใหมๆ่ ให้กบั ทีม
การทาํ งานร่วม กนั เป็นทีม
ลงทนุ กบั ทีม การทาํ งานให้สาํ เรจ็ ขึนอยู่กบั ความสามารถสองอย่างเป็ น สาํ คญั คือ สามารถในการใช้วิชาความรู้ อย่างหนึง สามารถใน การประสานสมั พนั ธก์ บั ผอู้ ืนอีกอย่างหนึง ทงั สองประการนีต้อง ดําเนิ นคู่กันไป และจําเป็ นต้องกระทําด้วยความสุจริตกาย สุจริตใจ ด้วยความคิด ความเห็นทีเป็ นอิสระ ปราศจากอคติ และด้วยความถกู ต้อง ตามเหตุตามผลด้วย จึงจะช่วยให้งาน บรรลจุ ดุ หมายและประโยชน์ทีพงึ ประสงคโ์ ดยครบถว้ น (พระบรมราโชวาทพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั )
การทาํ งานไมจ่ าํ เป็นต้องเป็นอจั ฉริยะ ไม่จาํ เป็นต้องเหนือผอู้ ืน แต่ขอให้ทาํ งานรว่ มกบั เขาได้ งานนันกจ็ ะสาํ เรจ็
ทาํ ไมจะต้องทาํ งานเป็ นทีม ทาํ งานเก่งคนเดียว เอาความเก่งของแต่ หลายหวั ดีกว่าหวั เก่งได้ไมน่ าน ละคนมารวมกนั เดียว
การทาํ งานเป็นทีม หมายถึง • บคุ คลตงั แต่ 2 คน ขึนไป • มีเป้ าหมายรว่ มกนั • บคุ คลเหลา่ นันต้องมีการติดต่อสมั พนั ธก์ นั • แต่ละคนต้องมีความร้สู ึกเป็ นสมาชิกคนหนึงของทีม • สมาชิกต้องมคี วามเกียวเนืองกนั จากการเป็นสมาชิก ของทีม
ประเดน็ ทีสาํ คญั • แนวคิดและหลกั การเกียวกบั การทาํ งานร่วมกนั • ขนั ตอนการทาํ งานเป็นทีม • ปัญหาและอปุ สรรคของการทาํ งานเป็นทีม • ลกั ษณะของทีมทีมปี ระสิทธิภาพ • ความสาํ คญั ในการสือสาร • การเพิมพนู ประสิทธิภาพในการสือสารเพอื ประสานงานในการทาํ งานเป็ นทีม
ความสาํ คญั ของทีม • การสร้างทีมงานและการพฒั นาองคก์ รนันเป็ นกิจกรรมทีดีทีสดุ • การทาํ งานเป็นทีม จะเป็นประโยชน์สงู สดุ ขององคก์ ร และมี โอกาสประสบผลสาํ เรจ็ มากกว่าการทาํ งานคนเดียว • แต่การสร้างทีมงานนันต้องใช้ เวลา ในการพฒั นาบคุ คล และ พฒั นาทีมงานพอสมควร จึงจะเป็ นทีมทีมปี ระสิทธิภาพ
ลกั ษณะการทาํ งานร่วมกนั • ทาํ งานแบบเอาบคุ คลมารวมกลุ่ม ไม่มีการแบง่ หน้าทีไมม่ ีกฏระเบียบ ไมม่ ีวตั ถปุ ระสงคผ์ ลงาน อาจสงู หรือตาํ • ทาํ งานแบบเอาบุคคลมารวมกลุ่ม ไม่มี การแบ่งหน้าทีไม่มีกฏระเบียบ ไมม่ ี วตั ถปุ ระสงคผ์ ลงานอาจสงู หรือตาํ
แนวคิดและหลกั การเกียวกบั การทาํ งานร่วมกนั ของบคุ คล “No two persons are alike” ไม่มคี นสองคนทีเหมอื นกนั
1. การยอมรบั ความแตกต่างของบคุ คล ทางด้านร่างกาย ความเชือถือ จิตใจ ค่านิ ยม อารมณ์ ด้านการรบั รู้ ความรสู้ ึก ด้านประสบการณ์ บคุ ลิกภาพ อืนๆ
หวั ใจของการทาํ งานเป็ นทีมทีมปี ระสิทธิภาพ สามคั คี พึงพากนั ร้งู านดี ใช้ปัญญา มีวินัย ส้ดู ้วยใจ
การปรึกษาหารือทีมีประสิทธิภาพ การกระจา่ ง ในปัญหา ได้แผนงาน ปรกึ ษาหารือ เข้าใจตรงกนั ทียอมรบั ในเป้ าหมาย ตดั สินใจ ช่วยกนั คิด ร่วมกนั หาทางแก้ปัญหา
การแก้ปัญหา วตั ถุประสงค์ ข้อขดั แย้ง และเป้ าหมาย การสร้าง กจิ กรรม ความร่วมมือ องค์ประกอบการ ทํางานเป็ นทีม การตดิ ต่อสือสาร วธิ ีทาํ งาน • ผลงานสูง • ความพอใจ ความเข้าใจซึง หน้าทแี ละ กนั และกนั กฎ บทบาท ผ้นู ํา ระเบียบ
ทีมงานทีมีประสิทธิภาพ สมาชิกทกุ คน • เข้าใจวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายชดั เจน • เปิ ดเผยจริงใจและรว่ มกนั แก้ปัญหา • สนับสนุนไว้วางใจ ยอมรบั และรบั ฟังกนั • ร่วมมือกนั ใช้ความขดั แย้งในเชิงสร้างสรรค์ • ทบทวนการปฏิบตั ิงานและตืนตวั ตลอดเวลา • มีการพฒั นาตนเอง • รจู้ กั ตนเองและรจู้ กั ผ้อู ืน เข้าใจต่อเพือนร่วมงานและ สามารถร่วมกล่มุ กนั ได้เป็นอยา่ งดี
ขนั ตอนการทาํ งานเป็นทีม ประเมินขนั สุดท้าย ติดตามผล และนิเทศงาน ปฏิบตั ิจริงตามแผน แบง่ งานให้สมาชิกของทีม กาํ หนดกิจกรรม วางแผนการทาํ งาน กาํ หนดเป้ าหมายร่วมกนั วิเคราะห์งาน
ปัจจยั ทีทาํ ให้ทีมไม่ประสบความสาํ เรจ็ คน วิธีการทาํ งาน
อปุ สรรคการทาํ งานเป็นทีม 1. ขาดการตกลงกนั ตงั แต่เริมต้น ขาดการพดู กนั ไม่แจ้งเป้ าหมายของงาน 2. มีการปกปิ ดข้อมลู ผิดพลาดทีผา่ นมา สมาชิกหลีกเลียงทีจะเผชิญปัญหาแล ร่วมกนั วิเคราะหป์ ัญหา 3. ไม่ได้ใช้วิธีการประชมุ หารือ เป็ นเครืองกระตุ้นเพือให้สมาชิกเกิดความร้สู ึก ผกู ผนั 4. ขาดการวางแผนงานและเวลา 5. ไมม่ ีการแบง่ ความรบั ผิดชอบ เพือให้สมาชิกได้รบู้ ทบาททีชดั เจน 6. ขาดการประเมินผลการทาํ งานของทีม ตารางตรวจติดตามประเมินผล
แนวทางการลดปัญหาในการทาํ งานเป็นทีม 1. สรา้ งบรรยากาศในการทาํ งานทีดี 2. มอบหมายงานต้องชดั เจนแน่นอน 3. ยอมรบั ในเรอื งความแตกต่างของสมาชิก 4. ให้ใช้ประสบการณ์ทีมีอย่ใู ห้เกิดประโยชน์สงู สุด 5. ให้ทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาํ หนดเป้ าหมาย 6. กาํ หนดจาํ นวนผ้ทู าํ งานให้เหมาะสม 7. ให้ทุกคนมีวินัยในการทาํ งาน และทาํ ตามกฎระเบียบ 8. จะต้องกาํ หนดกิจกรรมนันๆ จะมีวิธีปฏิบตั ิอย่างไร 9. จะต้องทาํ ทีไหน อย่างไร เพืออะไร เวลาใด โดยใคร 10. จะต้องใช้ทรพั ยากรอะไรบ้าง 11. จะประสานกบั กิจกรรมอืน ๆ อยา่ งไร
ทีมทีดีควรเป็ นอย่างไร 1. สมาชิกทุ่มเทกาํ ลงั กาย ความคิด เพืองานและความสาํ เรจ็ 2. ทกุ คนตระหนักว่าเป็นผลงานของทีม ไม่ใช่ของคนใดคนหนึง 3. ทกุ คนแสดงความคิดเหน็ อยา่ งจริงใจ เปิ ดเผย 4. ไม่มีการเลน่ การเมอื ง 5. แกป้ ัญหาโดยเรว็ 6. แขง่ ขนั กนั เพือดีกวา่ หรือมากกวา่ ไมใ่ ช่ เพือเด่นหรือทาํ ลาย 7. เชือมนั และไวว้ างใจกนั 8. มีบรรยากาศของการช่วยเหลอื เกือกลู 9. มคี วามผิดพลาดจะต้องช่วยกนั แก้ไขเหมือนของตนเอง 10. ถือความสาํ เรจ็ ของงานเป็นหลกั เปิ ดโอกาสให้มกี ารเรียนรู้
ทีมงานสรา้ งผลสมั ฤทธิ ขนั ที 1 เป็นหนึงเดียวกนั (ONENESS) ขนั ที 2 ประชุมสมาํ เสมอ ขนั ที 3 สือสารทวั ถึง และหาแนวรว่ ม ขนั ที 4 นําเสนอเป็ นระยะ พบปัญหา ทบทวนใหม่ (เป้ าหมาย วตั ถปุ ระสงค์ ผลสมั ฤทธิที ขนั ที 5 คาดหมาย) ประเมินตรวจสอบเป็ นระยะ ขนั ที 6 ตรวจสอบความร้สู ึก ความคิด สร้างบรรยากาศร่วมกนั ในการทาํ งาน ขนั ที 7
ยทุ ธวิธีเสริมสรา้ งตวั เราให้ผอู้ ืนอยากร่วมงานด้วย •••••••••• มอี ารมณ์มนั คง มคี วามเป็ นประชาธิปไตย มคี วามรบั ผิดชอบสงู มีความมุ่งมนั ทีจะทาํ ให้สาํ เรจ็ ไมจ่ จู้ ีจกุ จิกเจ้าระเบียบเกินไป ไมเ่ ป็ นคนดถู กู ดหู มินผอู้ ืน มคี วามสุภาพ อ่อนโยน เมตตา เหน็ ประโยชน์ส่วนรวม มคี วามซือสตั ย์ สจุ ริต ร้จู กั ชมเชยให้กาํ ลงั ใจเพอื นร่วมงาน
การสือสาร คือ การถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคิด ความร้สู ึก และประสบการณ์ จากผพู้ ดู ไปส่ผู ฟู้ ังโดยใช้ ถอ้ ยคาํ ภาษา นําเสียงและกิริยาท่าทาง
ยทุ ธวิธีเสริมสรา้ งตวั เราให้ผ้อู ืนอยากรว่ มงานด้วย • คณุ ลกั ษณะและตวั ชีวดั การ สือสารทีมีประสิทธิภาพ • การพดู เพือโน้มน้าวและสร้าง การยอมรบั • การสือสารดว้ ยภาษาเขียน รายงานผลกระชบั และเป็นที ยอมรบั • เทคนิ คการนําเสนอต่อกล่มุ
ปัจจยั ความสาํ เรจ็ ของผพู้ ดู 1. ทาํ ความเข้าใจกบั ผ้รู บั ข่าว 2. ทาํ ให้เป็นเรอื งง่าย 3. ตรงประเดน็ 4. สร้างความมนั ใจให้ตวั เอง
ขอ้ ปฏิบตั ิของผรู้ บั ขา่ วหรอื ผฟู้ ังขอ้ มูลข่าวสาร • สบตาผ้พู ดู ระหวา่ งฟัง • ใช้ภาษาท่าทางและสีหน้า แสดงให้เหน็ วา่ ตงั ใจฟัง เช่น สบตา • หลกี เลียงพฤติกรรมทีเบยี งเบนความสนใจหรือแสดงการเบอื • ถามคาํ ถามทีเกียวขอ้ ง • ทบทวนด้วยการใช้คาํ พดู ของผฟู้ ัง • หลกี เลียงการขดั จงั หวะผ้พู ดู • อยา่ พดู มากกว่าผใู้ ห้ขอ้ มลู หรือ ผสู้ ือสาร • เชือมโยงบทบาทอย่างนุ่มนวล ระหวา่ ง ผสู้ ือสารและผ้รู บั สารด้วย การทบทวนความเข้าใจ ถามคาํ ถาม ฯลฯ
พดู โน้มน้าวหรือจงู ใจ การพดู ในเชิงชกั ชวน เกลียกลอ่ ม โน้มน้าว ให้ผฟู้ ัง เชือถือ ศรทั ธา มีความคิดเหน็ คล้อยตาม ยอมรบั และปฏิบตั ิตาม ในสิงทีเป็ นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็ น สาํ คญั
Search