Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 การศึกษาชีววิทยา.

บทที่ 1 การศึกษาชีววิทยา.

Published by sirada.seeda, 2020-06-11 04:15:05

Description: 1บทที่ 1 การศึกษาชีววิทยา.

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียนวชิ าชวี วิทยาเพิม่ เติม1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA)

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาชวี วิทยาเพิ่มเติม1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) บทท่ี 1 การศึกษาชวี วทิ ยา 1.1 ธรรมชาตขิ องสงิ่ มชี วี ติ 1.2 ชวี วทิ ยาคอื อะไร 1.3 การศกึ ษาชวี วทิ ยาและวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 1.1 ธรรมชาตขิ องสง่ิ มชี วี ติ ส่ิงมีชีวติ มีองคป์ ระกอบและคณุ สมบัติ ดังนี้ 1)........................................................................................................................................ แบ่งออกเปน็  การสืบพันธ์ุแบบ........................... -ใชเ้ ซลล์ร่างกาย: ได้ลักษณะเหมอื นต้นแบบทุกประการ การแบ่งออกเป็นสองส่วน การแตกหนอ่ การงอกใหม่ การสรา้ งสปอร์ ( )( ) ( ) ( ) การสบื พนั ธ์ุแบบ....................... -ใชเ้ ซลล์สืบพนั ธุ์: เกดิ ความแปรผนั ทางพนั ธกุ รรม - ปฏสิ นธิภายใน เชน่ .................................................................................................................. - ปฏสิ นธภิ ายนอก เชน่ ................................................................................................................. 2)........................................................................................................................... ....................... กระบวนการเมตาบอลิซมึ (Metabolism) : ปฏิกิริยาเคมที ่เี กดิ ขึ้นในส่ิงมชี ีวติ แบ่งเปน็ Catabolism; การสลายโมเลกลุ ของสารจากขนาดใหญ่ให้............. ได้พลังงานออกมาดว้ ยคอื ATP Anabolism ; การสังเคราะห์สารจากโมเลกลุ ขนาดเล็กให.้ ............ เช่น การสังเคราะหโ์ ปรตนี จากกรดอะมโิ น การสะสมไกลโคเจนในกล้ามเนื้อและตับจากกลูโคส เป็นตน้ 3) มกี ารเจรญิ เตบิ โต อายขุ ยั และขนาดจากดั การเจรญิ เติบโต ประกอบดว้ ยขน้ั ตอน คอื การเพมิ่ จานวนเซลล์  การขยายขนาดของเซลล์ การเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งไปทาหนา้ ทเี่ ฉพาะ  เกิดรปู รา่ งทแ่ี นน่ อน  สตั ว์บางชนดิ มีการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างขณะมกี ารเจริญเตบิ โต

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาชีววทิ ยาเพ่มิ เตมิ 1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) เรียกว่า.......................................... พืช สามารถแบ่งตามอายขุ ัยได้ ดังนี้ พืชอายุสั้น (Ephemeral Plant) เช่น ถัว่ เขยี ว ถวั่ ลิสง พืชตระกลู แตง พืชอายุ 1 ปี (Annual Plant) เชน่ ข้าว ออ้ ย สบั ปะรด พชื อายุ 2 ปี (Biennial Plant) ลาต้นใตด้ ิน เช่น หอม กระเทียม พืชอายมุ ากกวา่ 2 ปี (Perennial Plant) ไมพ้ มุ่ ไม้ยนื ต้น 4) ......................................................................................... พารามเี ซยี ม : ใช้............................................................ในการรกั ษาสมดุลน้า พืช : ใชก้ ารคายนา้ ออกทาง........................................................... ปลานา้ จืด : รักษา......................... แต่ ขับ......................ออก ปลาน้าเคม็ : รักษา........................ แต่ ขบั ......................ออก 5)............................................................................................................................. ..................... สตั ว์ ใช้ระบบประสาทในการตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้า แต่ พืชใช้การตอบสนองตอ่ ปัจจัยภายนอก เชน่ แสง อุณหภูมิ ฯลฯ 6)............................................................................... สิ่งมชี วี ติ แตล่ ะชนิดมลี กั ษณะเฉพาะตวั เป็นเอกลักษณ์ ทา ให้สามารถบอกความแตกต่างได้ 7)............................................................................................................................. .....................

กิจกรรม 1.1 ลองทำโจทยด์ ูซิ เอกสารประกอบการเรียนวชิ าชวี วิทยาเพมิ่ เติม1 ว 31241 คำสัง่ จงเลือกคำตอบทีถ่ ูกตอ้ งทีส่ ุด By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) 1.คุณสมบตั ใิ ดเป็นเกณฑท์ ่ีสาคญั ทสี่ ดุ ในการตดั สิน 6. ข้อใดเปน็ กระบวนการ Metabolism ทเี่ ปน็ ว่าเป็นส่ิงมีชวี ติ หรือไม่ Catabolism 1. มีการเจริญเตบิ โต 1. การหายใจระดบั เซลล์ (Cellular respiration) 2. สามารถสบื พนั ธุไ์ ด้ 2. กระบวนการสร้างสารพันธกุ รรม 3. มกี ารตอบสนองตอ่ ส่งิ เรา้ 3. การดูดซมึ นา้ และแรธ่ าตุ 4. สามารถเคลื่อนทไี่ ปอกี ท่ีหน่งึ ไดด้ ว้ ยตนเอง 4. ผิดทุกข้อ 2. เหตุใด นกั วทิ ยาศาสตรจ์ งึ จัดวา่ ไวรสั และไว รอยด์ เปน็ ส่ิงมชี ีวิต 7. การสังเคราะห์สารประกอบทีม่ ขี นาดเลก็ ลง ได้แก่ 1. เพราะ สามารถทาอันตรายแกม่ นุษย์ได้ การสร้างสารพลงั งานสงู ในรปู ATP นน้ั เรียกวา่ 2. เพราะ สามารถแพร่พันธุไ์ ด้ อะไร 3. เพราะ ตอ้ งอาศัยในเซลล์ส่งิ มชี วี ติ ในการ 1. Catabolism 2. Anabolism เจรญิ เตบิ โต 3. Ametabolism 4. Enabolism 4. เพราะ เปน็ ส่งิ มีชีวิตเหมอื น แบคทเี รีย และ อะมบี า 8. ขอ้ ใดเรยี งการจัดระบบโครงสรา้ งของส่ิงมชี ีวิต 3. ขอ้ ใดไม่ใชก่ ารสบื พนั ธุ์แบบไมอ่ าศัยเพศ (Specific Organization) ทไี่ ม่ถกู ต้องจากเล็กไป 1. Regeneration 2. Binary Fission ใหญ่ 3. Conjugation 4. Sporulation 1. Organism Population  Ecosystem 4. Binary Fission เป็นการสบื พันธ์ุลกั ษณะใด 2. Cell  Organism  Biosphere 1. การสรา้ งตัวออ่ นไวภ้ ายในแล้วจึงคลอดออกมา 3. Organ  Organism  System 2. การแตกหนอ่ แลว้ สลัดออกมา 4. Organ  System  Organism 3. การแบง่ เซลลเ์ ปน็ 2 ส่วน 4. การซอ่ มแซมส่วนทข่ี าดไปจนเต็มตวั 9. ภาพดังกล่าวแสดงวา่ สง่ิ มชี วี ติ มีคุณสมบตั ิประการใด 5. ขอ้ ใดเปน็ กระบวนการ Metabolism ทเี่ ปน็ Anabolism 1. การเจริญเตบิ โต 2. การปรบั ตวั 1. กระบวนการการสังเคราะหด์ ้วยแสง 2. การย่อยโปรตนี 3. การสืบพนั ธุ์ 4. ข้อ 1 และ 3 ถกู 3. การขบั ถา่ ยของเสีย 4. ถกู ทกุ ข้อ 10. สิง่ มีชวี ติ ชนดิ เดยี วกันมาอยูร่ วมกันมากๆ เราจะ เรยี กว่าอะไร 1. ประชาชน 2. ประชากร 3. ฝงู สงิ่ มชี วี ิต 4. กลมุ่ สิ่งมชี ีวิต

เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าชวี วิทยาเพ่มิ เติม1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) 1.2 ชวี วทิ ยาคอื อะไร ชวี วทิ ยา (Biology) มาจากรากศพั ทภ์ าษากรีก 2 คา คือ .................................... .................................................. ดังน้นั Biology หมายถงึ การศึกษาความคิดทีเ่ กีย่ วกับสิ่งมีชวี ติ แขนงวชิ าหลกั สัตววิทยา (Zoology) พฤกษศาสตร์ (Botany) จลุ ชีววทิ ยา (Microbiology) แขนงวชิ ายอ่ ย กายวภิ าคศาสตร์) สรรี วทิ ยา) สัณฐานวทิ ยา) คพั ภะวิทยา) โปรโตซวั วทิ ยา) กฏี วทิ ยา) มนี วิทยา) ปกั ษีวทิ ยา) เลี้ยงลกู ด้วยนม) พนั ธุศาสตร์) พชื ไม่มที ่อลาเลยี ง) ไวรสั วทิ ยา) plant (พชื มที ่อลาเลียง) ราวิทยา) แบคทเี รียวทิ ยา) สาหร่ายวิทยา) นิเวศวทิ ยา) วิวฒั นาการ) บรรพชีวนิ วิทยา) พฤตกิ รรมวทิ ยา) วทิ ยาเซลล)์ Parasitology (ปรสิตวทิ ยา) กิจกรรม 1.2 ฉัน คือ ใคร ? คำส่ัง : ให้นักเรียนตอบคาถามดังต่อไปนี้ ให้ถูกต้อง 1. วิชาทว่ี ่าด้วยการผ่าเข้าไปศกึ ษาโครงสร้างภายในของสง่ิ มชี วี ิต คือ ........................................................ 2. ฉนั เป็นนกั วทิ ยาศาสตร์ท่ีศกึ ษาเกยี่ วชวี โมเลกลุ ภายในส่ิงมีชีวิต ฉนั คือ .................................................. 3. วิชา .......................................... เป็นวชิ าทว่ี ่าดว้ ยเรื่องของการศกึ ษาการถ่ายทอดลักษณะท่ีถา่ ยทอดจาก รุ่นหนึ่งไปส่อู ีกรุ่นหนง่ึ เรยี กนกั ชวี วทิ ยาท่ศี ึกษาเกี่ยวกบั วิชาน้วี า่ ................................................... 4. วิชา Parasitology มีชอ่ื เรยี กภาษาไทยว่า ........................ ศึกษาเกี่ยวกบั ........................................... 5. ถา้ ฉนั อยากศกึ ษาเกีย่ วกับส่งิ มชี ีวิตเลก็ ๆ เช่น แบคทีเรยี และไวรัส ฉันต้องเรียนวิชา ............................ 6. ฉนั คือ ..................................... เป็นสาขาของวชิ าชวี วทิ ยาท่ีศึกษาเกย่ี วกบั แมลง 7. ฉนั คอื ............................................. เป็นนกั ชีววิทยาทีศ่ ึกษาเก่ยี วกบั ซากของสิ่งมชี ีวิตในฟอสซลิ 8. วชิ าทีว่ า่ ด้วยการศกึ ษาเอม็ บรโิ อของส่ิงมชี ีวิตชนดิ ตา่ งๆ เรยี กว่า วิชา ................................................... 9. นกั ชีววิทยาทที่ าการศกึ ษาในวิชา Physiology เรียกวา่ ........................................................................ 10. วิชาทีศ่ กึ ษาเกย่ี วกับพยาธิตวั ตืด พยาธิใบไมใ้ นตบั และพยาธิชนดิ ตา่ งๆ เรียกว่า ..................................

1.3 การศกึ ษาชวี ทิ ยาและวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ เอกสารประกอบการเรียนวชิ าชวี วิทยาเพ่ิมเตมิ 1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) ความรู้ (Knowledge) องคป์ ระกอบของชวี วทิ ยำ .................... คอื ปรากฏการณห์ รอื สงิ่ ใดๆทเี่ ปน็ ประจกั ษพ์ ยานจรงิ เปน็ สงิ่ ทสี่ งั เกตไดโ้ ดยตรง ขอ้ เทจ็ จรงิ มอี ยใู่ นธรรมชาติ กระบวนการค้นหาความรู้ (Process) .................... คอื ขอ้ เทจ็ จรงิ ทรี่ วบรวมได้ หรอื ไดม้ าจากการทดลองใน หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร .................... คอื ความคดิ เหน็ ท่ีไดจ้ ากสมมตฐิ านทผี่ า่ นการตรวจสอบ แลว้ หลายๆครง้ั สามารถเปลย่ี นแปลงได้ .................... คอื ความจรงิ ทเ่ี นน้ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเหตแุ ละผล ไม่ เปลย่ี นแปลงหรอื มขี อ้ โตแ้ ยง้ ........................... ; (อเลก็ ซานเดอร์ เฟลมม่งิ : เลยี้ งเชือ้ รากับแบคทีเรยี >>ยาปฏชิ ีวนะ) 1...........................; เกิดจากการสังเกต (ไอสไตน์ : การตง้ั ปญั หายอ่ มสาคัญกวา่ การแกป้ ัญหา) 2...........................; คาตอบทั้งหมดทอ่ี าจเปน็ ไปได้ของปัญหาน้ัน ตอ้ งวัดได้ มักจะใชร้ ปู แบบประโยควา่ “ถา้ ...ดงั นัน้ ...” (แนะแนวทางหาคาตอบได้) 3...........................; > โดยการทดลอง แบ่งชุดการทดลองเป็น 2 ชดุ คอื ชุดทดลอง และชุดควบคมุ > มี การกาหนดตัวแปร 3 ชนิด คอื ตวั แปรต้น : ต้องการศึกษา ตวั แปรตาม : ผลจากตัวแปรต้น ตวั แปรควบคุม : ถกู กาหนดใหค้ งท่ี ไมใ่ หม้ ผี ลตอ่ ตวั แปรตาม 4...........................; หาความสมั พันธข์ องข้อมลู เพ่ือนาไปสรุปผล 5........................... ตวั อยา่ ง การศกึ ษาหาขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตรต์ ามกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เมอ่ื เราต้องการศึกษา ระดบั ความเขม้ แสงมผี ลต่อ อตั ราการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื หรอื ไม่ เราสามารถหา ข้อเท็จจริงตามขนั้ ตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. กาหนดปญั หา : ระดบั ความเข้มแสงมีผลตอ่ อัตราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื หรือไม่ 2. ตง้ั สมมตฐิ าน : ถา้ ความเข้มของแสงมีผลต่อการสงั เคราะหแ์ สงของพชื ดงั นนั้ ใบของพชื ทไ่ี ดร้ ับความเข้มแสง มาก จงึ มี อัตราการสงั เคราะหแ์ สงมาก *** สมมตฐิ านข้างตน้ เราสามารถคาดคะเนกอ่ นได้ว่า ผลจะเปน็ ไปตามทิศทางใดไดบ้ า้ ง โดยท่ี สมมตฐิ านอาจจะไม่ถกู ตอ้ งเสมอไป *** 3. ตรวจสอบสมมตฐิ าน : 3.1 แบ่งการทดลองเป็น 2 กลุ่ม คือ - กลุ่มทดลอง : นา ต้นไม้ 2 ตน้ อยู่ในทีท่ ี่มีความเขม้ แสงต่างกันโดยตน้ หน่ึงอยูใ่ นท่ีที่มี ความเขม้ แสงมากๆ และอีกต้นหนึง่ ไปอยู่ในทที่ ่มี ีความเขม้ แสงนอ้ ยๆ - กล่มุ ควบคมุ : นาต้นไม้ ไปอย่ใู นท่ที ่ีมรี ะดบั ความเข้มแสงปกติ (แสงอาทติ ย)์

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาชวี วทิ ยาเพิม่ เติม1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) โดนแดดจัดมากกกกกก ไว้ในทร่ี ม่ จ้า อนั นช้ี ุดควบคุมปลกู ปกติ 3.2 กาหนดตวั แปร 3 ชนิด คอื - ตวั แปรตน้ : ระดับความเขม้ แสง - ตัวแปรตาม : อัตราการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (ซง่ึ เราจะใชว้ ิธีการหาปริมาณแป้งในใบ) - ตวั แปรควบคุม : ชนดิ พันธต์ุ น้ พชื น้าหนักตน้ พชื อุณหภมู ิ ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ปริมาณนา้ และคา่ กรด-เบส ในดนิ และระยะเวลาทใ่ี ช้ในการทาการทดลอง 4. ขน้ั แปลและสรปุ ผล : เมอ่ื เราทาการทดลองเสร็จสมบรู ณแ์ ลว้ จากการทดลองเราจะพบปริมาณแป้งในใบต้นพชื มาก ในชุดการทดลองที่ ได้รบั ระดับความเขม้ แสงมาก และ พบปริมาณแปง้ ในใบต้นพชื น้อย ในชุดการทดลองท่ไี ดร้ บั ระดับความเข้มแสงน้อย ทา ใหเ้ ราสรุปผลได้วา่ ระดับความเข้มแสงมผี ลตอ่ อตั ราการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช กจิ กรรม 1.3 ลองทำโจทย์ดูซิ 3. กฎ (law) คอื อะไร คำสัง่ จงเลือกคำตอบที่ถูกตอ้ งทีส่ ุด 1. ขอ้ เทจ็ จรงิ ทพ่ี สิ ูจนแ์ ลว้ และถกู ตอ้ งเสมอ 1. ขอ้ ใดเปน็ สาขาของชวี วทิ ยาที่ศกึ ษาเกยี่ วกบั 2. ข้อมูลทร่ี วบรวมและสงั เกตไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง โครงสรา้ งของใบของตน้ ทานตะวนั (โควตา มข. 51) 1. สัณฐานวทิ ยา (Morphology) 3. คาตอบท่ีอาจเป็นไปได้เกย่ี วกบั ปัญหาท่ีตัง้ ขึ้น 2. กายวภิ าคศาสตร์ (Anatomy) 3. สรีรวิทยา (Physiology) 4. หลักการทีเ่ นน้ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งเหตกุ ับผล 4. คพั ภะวทิ ยา (Embryology) 4. การนาผลท่ไี ด้จากการทดลองมาตรวจสอบดวู ่าผล 2. ทฤษฎี (Theory) คืออะไร 1. ความรทู้ ี่แน่นอนตายตวั ท่ที กุ คนยอมรับ ทีไ่ ดเ้ ปน็ ไปตามสมมติฐานหรอื ไม่ เรยี กว่าอะไร 2. ข้อเทจ็ จรงิ ท่ีได้รบั การสงั เกตประสบการณต์ ่าง ๆ 3. ขอ้ มลู ทไ่ี ด้รบั การตรวจสอบแล้วหลายครั้งว่า 1. ทฤษฎี 2. การวิจัย ถูกต้อง 3. การตง้ั ปญั หา 4. การวิเคราะหข์ อ้ มลู 4. สมมตฐิ านทไี่ ดร้ ับการตรวจสอบแลว้ หลายคร้ังวา่ 5. ขอ้ ใดผดิ จากความเปน็ จริง ถกู ต้อง 1. การตัง้ ปญั หายอ่ มสาคัญกว่าการแกป้ ัญหา 2. การตง้ั ปัญหาทดี่ ีจะชีแ้ นะถึงวิธีการ ตั้งสมมติฐาน 3. การตง้ั ปัญหาที่ดไี ม่จาเปน็ ต้องอาศยั การสังเกตกไ็ ด้ 4. การต้งั ปญั หานัน้ เป็นการกาหนดเป้าหมายของคาตอบ

เอกสารประกอบการเรียนวชิ าชวี วทิ ยาเพิ่มเติม1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) 6. กลุ่มควบคุมในการทดลองวทิ ยาศาสตรจ์ ะเปน็ 10. จากการศกึ ษาอัตราการงอกของเมล็ด ประโยชน์ตอ่ ผู้ทดลองดา้ นใด เปรยี บเทยี บกันระหวา่ ง 3 ชนิดพบวา่ พืช ก งอก 1. ชว่ ยควบคุมตวั แปรอน่ื ทัง้ ส้ิน 500 เมลด็ พืช ข งอกทั้งส้นิ 340 เมล็ด 2. ชว่ ยยืนยันการทดลอง พืช ค งอกทง้ั สนิ้ 467 เมลด็ ตัวเลขบอกอัตรา 3. ช่วยอา้ งองิ ในการสรปุ ผลการทดลอง การงอกคือ 4. ชว่ ยป้องกนั การผิดพลาดในการทดลอง 1. ผลจากการทดลอง 2. ข้อมลู 7. ในการศึกษาชวี วทิ ยาเกีย่ วกบั กาเนิดของสิง่ มีชีวิต 3. ขอ้ เท็จจรงิ 4. ทฤษฎี ของนักวิทยาศาสตร์คนหนง่ึ ขอ้ ใดคือสมมติฐาน 11.เมือ่ นักชวี วทิ ยาทาการทดลองผสมพันธ์ุเสือกบั ของการศึกษานี้ ( 9 วชิ าสามัญ 62) สิงโตได้ลกู ออกมาแขง็ แรง ผลงานนีจ้ ะมีการ 1. “ นกั วิทยาศาสตรไ์ ม่พบจลุ ินทรยี ์เกดิ ขน้ึ ใน รับรองว่าเป็นจริงเมอ่ื ขวดปดิ สนิทท่ีบรรจสุ ารสกัดจากฟางขา้ วหลัง 1. มงี านวจิ ัยอ่ืนยนื ยันวา่ การผสมข้ามพันธุท์ าได้ นามาทดลองผ่านความร้อน ” 2. สามารถตัง้ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ใหก้ บั ลกู ทเ่ี กิดจาก 2. “ นกั วิทยาศาสตร์ไม่เคยพบเลยวา่ จุลินทรีย์ การผสมนไี้ ด้ เกดิ จากสง่ิ แวดลอ้ มท่ีไม่มีจลุ นิ ทรยี ์มาก่อน ” 3. การผสมพนั ธมุ์ ตี วั เปรียบเทียบ 3. “ จากผลการทดลอง นักวิทยาศาสตรส์ รุปว่า 4. นกั วจิ ัยอ่นื ทาซ้าการผสมพันธ์เุ สือกบั สิงโตได้ จุลนิ ทรยี เ์ กดิ จากจุลนิ ทรีย์ทมี่ ีมากอ่ น ” ลูกเชน่ เดียวกนั กับการทดลองเดิม 4. “ สิ่งมชี ีวิตเกดิ จากส่งิ มชี ีวติ เท่านน้ั ” 12. สมมติวา่ ไกท่ นี่ กั เรียนเลีย้ งไวท้ ่ีบา้ นเกดิ อาการทอ้ งเสีย 5. “ ส่ิงมชี ีวิตเกดิ มาอย่างไร ” นักเรียนใช้วธิ กี ารของ Robert Koch เพ่ือพิสูจน์ว่า อาการ 8.“พืชเอียงเข้าหาแสงเพราะต้องการแสงใน ท้องเสียของไกเ่ กิดจากแบคทีเรีย A เมื่อแยกแบคทเี รยี A กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง” คากล่าวน้ี ออกมาเปน็ เช้ือบริสุทิธ์ได้แล้ว จึงปอ้ นแบคทเี รยี นเ้ี ข้า ไป จัดเปน็ ในไกต่ ัวใหม่ ปรากฏว่าไมเ่ กดิ อาการทอ้ งเสยี นกั เรียนคิด 1. การตัง้ สมมติฐาน วา่ เป็นเพราะอะไร 2. ขอ้ เท็จจริง 1. แบคทีเรยี A ไมใ่ ชต่ ัว การท่ที าให้เกิดท้องเสีย 3. เหตุและผลท่ีถกู ตอ้ ง 2. การทาให้เกดิ โรคของแบคทเี รีย A ถูกต้านโดย 4. ประโยคหลงั ไมไ่ ดอ้ ธบิ ายปรากฏการณใ์ น บางอย่างในไก่ ประโยคแรก 3. อาจมีการเปล่ยี นแปลงเกดิ ข้ึนในแบคทีเรยี 9. ส่ิงมชี ีวิตประกอบขนึ้ มาด้วยเซลล์ คากลา่ วนเ้ี ป็น 4. เป็นไปไดท้ ุกข้อ 1. ขอ้ เทจ็ จริง 2. ข้อสรปุ 3. ทฤษฎี 4. หลักการ

เอกสารประกอบการเรยี นวิชาชวี วทิ ยาเพม่ิ เตมิ 1 ว 31241 By…Sirada Chaisuwan (SEEDA) ตกุ๊ แกตาหนาม (Crested geckos) มชี อ่ื วทิ ยาศาสตร์ว่า Correlophus ciliatus เปน็ สายพันธุ์ตกุ๊ แกที่ ครัง้ หนึ่งเคยคาดการกันวา่ พวกมันได้สูญพันธุ์ไปแลว้ จนถูก พบอกี ครง้ั ในปี 1994 พวกมันกระจายพันธุ์เฉพาะพนื้ ทน่ี ิวแคลิ โดเนีย ซึ่งเปน็ ดินแดนโพ้นทะเลของประเทศฝรง่ั เศส ต้งั อย่ทู าง ตะวนั ตกเฉยี งใตข้ องมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ลักษณะตกุ๊ มี หลากหลายสี ลกั ษณะพิเศษจะมหี งอนมีคล้ายผมอยเู่ หนือ ดวงตา จึงดูเสมอื นเป็นดวงตา ภาพ Igor ทีม่ า : https://web.facebook.com/samrujlok


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook