Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พฤติกรรมการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

พฤติกรรมการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

Published by Chattrawat Wangsirikamchok, 2022-06-14 09:52:04

Description: ประกอบรายวิชาการสอนภาษาญี่ปุ่นในฐานะภาษาต่างประเทศ
จัดทำโดย อ.ฉัตรวัฒน์ หวังศิริกำโชค
สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์

Search

Read the Text Version

Warm Up สมองก่อนเรียน •มนษุ ย์มีขั้นตอนการเรียนรภู้ าษาอย่างไร •การเรยี นภาษาที่หน่ึงกับภาษาท่สี องแตกตา่ งกันอย่างไร •ทฤษฎีการเรียนร้ภู าษาที่หน่ึงมีอะไรบ้าง •ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ภาษาที่สองและภาษาตา่ งประเทศ มีอะไรบ้าง •ลีลาการเรยี นร้คู ืออะไร

ขั้นตอนการเรยี นร้ภู าษาของมนุษย์ ขั้นออก ข้นั พดู คา ขน้ั พดู สอง ขั้นพดู แบบ พูดได้เตม็ เสียงออ้ แอ้ เดยี ว คา โทรเลข ประโยค

ข้ันตอนการเรียนร้ภู าษาของมนษุ ย์ • ขั้นออกเสียงอ้อแอ้ (2 – 12 เดือน) พูดได้แค่เป็นเสียงต่าง ๆ • ขั้นพูดคาเดียว (1 – 1.5 ปี) เริ่มเรียนรู้คาศัพท์ง่าย ๆ ทอ่ี ยใู่ กล้ตวั • ขั้นพูดสองคา (1.5 – 2 ปี) สามารถนาคามาเรียงกันแบบไม่ถูกไวยากรณ์ • ข้ันพูดแบบโทรเลข (2 – 3 ปี) สามารถนาคามาเรียงกันเป็นประโยคส้ัน ๆ ได้ แตย่ ังไม่ถูก ตามแบบแผนนัก • ขั้นพูดได้เต็มประโยค (3 ปขี ึ้นไป) เริ่มเรียนรู้โครงสร้างประโยคและสามารถเรยี บเรยี งคา พูดได้

ข้ันตอนการเรียนรภู้ าษาของมนุษย์ • แตถ่ ้าเปน็ ภาษาต่างประเทศ พิณทิพย์ ทวยเจริญ (2528) ไดก้ ล่าวถึงปัญหาในการเรียน ภาษาต่างประเทศที่ยึดโยงอยู่กับผลของการเรียนภาษาแม่ของมนุษย์ไว้ว่า ผ้เู รียนไมป่ ระสบความสาเรจ็ เนือ่ งจากผู้เรยี นมีชุดความคิดทีส่ ัมพันธก์ บั ภาษาแม่ ผ้เู รียนประสบปญั หาทางภาษาเก่ียวกับความแตกต่างในระบบคา ไวยากรณ์ รวมถึง วฒั นธรรมของเจ้าของภาษาต่างประเทศนัน้ ๆ ผู้เรียนมกั จะเรียนภาษาตา่ งประเทศเมอ่ื อายุมากขนึ้ ย่งิ เรยี นเมือ่ อายุมากขน้ึ ก็ยิ่งมี ความเคยชนิ กับโครงสรา้ งของภาษาแม่ ทาใหเ้ กดิ “การแทรกซ้อนของภาษา” ผู้เรียน ภาษาต่างประเทศท่มี อี ายุมากจึงควรสนใจ ใสใ่ จ และพยายามใหม้ ากขึน้

การเรยี นภาษาท่ีหน่งึ กับภาษาท่สี องแตกต่างกันอยา่ งไร ประเด็น การเรยี นภาษาที่หนง่ึ การเรยี นภาษาท่สี อง ความสาเรจ็ ในการเรยี น งา่ ยดาย สมบูรณ์แบบ สามารถพูดได้ เต็มท่ีเม่ืออายไุ มเ่ กนิ 5 ปี แลว้ แตป่ จั จัยของแต่ละคน แต่ไม่ ปัจจัยทางกายภาพ สามารถพดู ไดเ้ ทา่ เจ้าของภาษา อย่าง หากไมม่ คี วามบกพร่องทางกายภาพ มากท่สี ดุ คอื “ใกลเ้ คยี ง” เจา้ ของภาษา จุดมุ่งหมาย สามารถเรียนได้ สภาวะชะงกั งนั แมไ้ ม่มีความบกพรอ่ งทางกายภาพ แต่ ความรู้ความสามารถในการใชภ้ าษา อาจเกดิ ปญั หาในการเรยี นได้ ขึ้นอยู่กับ สามารถอธิบายกฎเกณฑ์ได้ดี พฤตกิ รรมการเรยี น ไม่พบ วัตถุประสงคเ์ ฉพาะ เช่น เพ่อื การศกึ ษาต่อ เพอ่ื การสื่อสารระยะสน้ั พบได้มาก

การเรียนภาษาท่ีหน่ึงกับภาษาทสี่ องแตกต่างกนั อยา่ งไร ประเดน็ การเรียนภาษาที่หนึง่ การเรยี นภาษาทีส่ อง ความรเู้ ก่ยี วกับภาษา สามารถตดั สนิ ไดท้ ันทวี า่ ใช้ภาษาถูก ถ้าไมไ่ ดเ้ รียนมาก็ไมส่ ามารถตดั สินได้ การเรยี นการสอน หรือผดิ เพราะเป็นสัญชาตญาณ วา่ ใชภ้ าษาถกู หรือผิด การพฒั นาและแกไ้ ขทกั ษะ แทบไม่ตอ้ งอาศยั การเรยี นในชั้นเรยี น ตอ้ งอาศัยการเรยี นการสอนในชน้ั เรียน ปัจจัยดา้ นอารมณ์ ความรสู้ กึ เพราะสามารถฝึกฝนได้ในสถานการณ์ ทศั นคติ แรงจงู ใจ จรงิ และสามารถพฒั นาได้ตามอายุ สามารถพฒั นาและแกไ้ ขได้ด้วยตนเอง จาเป็นตอ้ งมีการพฒั นาและแก้ไขโดย ผสู้ อน ไมม่ ีผล มผี ลอยา่ งมาก

ทฤษฎกี ารเรียนรภู้ าษา พฤติกรรมนิยม • การเรียนร้ภู าษาเกดิ ขึ้นไดเ้ มื่อมีส่งิ เร้า • การเสรมิ แรงจะชว่ ยใหม้ ีแนวโนม้ ที่จะใช้ภาษา ธรรมชาตินิยม • การเรียนรู้ภาษาอาศยั กลไกท่เี ป็นธรรมชาตใิ นตัวมนษุ ย์ • มนษุ ย์สามารถเรยี นรภู้ าษาได้ตง้ั แต่กาเนดิ พทุ ธินิยม • การเรยี นรู้ภาษาเกิดจากกลไกของสมอง • กลไกภายนอกเปน็ ตัวกระตนุ้ ให้สมองเกิดการประมวลผล

ทฤษฎีการเรียนรภู้ าษาแนวพฤติกรรมนยิ ม • ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาแนวพฤติกรรมนิยม (Behaviorism Learning Theory: こう どう しゅ ぎ がく しゅう り ろん ) เปน็ ทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการเสริมแรงที่กระต้นุ การ 行動主義学習理論 เรียนรู้ เม่ือเดก็ ใช้ภาษาต่อไปก็จะทาให้เกดิ การเรยี นร้จู นเป็นนิสัย • ทฤษฎีนี้บ้างก็เรียกตามเจ้าของทฤษฎีว่า ทฤษฎีของสกินเนอร์ (Skinner) มี องค์ประกอบสาคัญ 3 ประการ ไดแ้ ก่ สิ่งเร้า พฤติกรรม และการเสริมแรงหรือ รางวัล

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ภาษาแนวพฤติกรรมนิยม สิ่งเรา้ พฤติกรรม การเสริมแรง/ (คาพูด) รางวัล

https://uxdaystokyo.com/articles/glossary/operant-conditioning/

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ภาษาแนวธรรมชาตินยิ ม • ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาแนวธรรมชาตนิ ิยม (Innatism Learning Theory: せい とく しゅ ぎ がく しゅう り ろん ) เป็นทฤษฎีที่เก่ียวข้องกับการเรียนรู้ภาษาผ่านกลไก 生得主義学習理論 ธรรมชาติที่มีอย่ใู นตวั มนุษย์ • ทฤษฎีนี้บ้างก็เรียกตามเจ้าของทฤษฎีวา่ ทฤษฎีของโชมสกี้ (Chomsky) ซึ่งได้ เสนอแนวคิดว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกลไกการเรียนรู้ภาษา (Language Acquisition Device: LAD) เม่ือมนุษย์อย่ใู นสภาพแวดล้อมของภาษาใด ก็จะ ตั้งค่าของ LAD ให้เขา้ กับภาษานั้น

https://www.fbbva.es/en/galardonados/noam-chomsky-2/

ทฤษฎกี ารเรยี นรภู้ าษาแนวพุทธินยิ ม • ทฤษฎกี ารเรียนรู้ภาษาแนวพุทธินิยม (Cognitivism Learning Theory: )にん ち しゅ ぎ がく しゅう り ろん เป็นทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกับการเรียนรู้ภาษาในฐานะพัฒนาการของ 認知主義学習理論 มนุษย์ที่เกิดขึ้นตามวัย • ทฤษฎนี ้ีบา้ งก็เรียกตามเจ้าของทฤษฎวี ่า ทฤษฎีของเพียเจต์ (Piaget) ซ่ึงไดเ้ สนอแนวคิด ว่า ไม่มีกลไกใดในตวั มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนภาษา สิ่งท่ีทาให้มนุษย์เรียนร้ภู าษาได้ ดคี ือ สติปัญญา เด็กจะสามารถเรียนภาษาได้ก็ต่อเมื่อมีพัฒนาการท่ถี ึงพร้อม นอกจากนี้ เพียเจต์ยังไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกับพัฒนาการการรับรู้ของมนุษย์ไว้ ดังน้ี

แรกเกิด – 2 ปี 7 – 11 ปี • เรียนรกู้ ารเคลือ่ นไหว • การคดิ อย่างเปน็ เหตุ ประสาทสัมผัส วตั ถุ เป็นผล การกระทา • การวัด เปรียบเทยี บ ประเมนิ ผล จดั กลุ่ม จัดลาดบั 2 – 7 ปี 11 ปขี น้ึ ไป • การใชส้ ัญลกั ษณ์ • สามารถคดิ อย่างเป็น • เรม่ิ พดู เปน็ คาได้ ใช้ นามธรรมได้ ภาษาเป็นสือ่ ได้ • สามารถคาดการณ์และ ตงั้ สมมตฐิ านได้

https://sites.google.com/site/thvsdikhxngpheiycet/

ทฤษฎีการเรียนรภู้ าษาทีส่ องและภาษาตา่ งประเทศ • คราเชน (Krashen) ได้เสนอสมมติฐาน 5 ข้อเกี่ยวกับการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศไว้ดงั ต่อไปนี้

สมมตฐิ านว่าด้วยการรับและการ • การรับคอื การซมึ ซับในชวี ิตประจาวนั เรยี นรู้ภาษา • การเรียนรคู้ อื การทาความเข้าใจอย่างเป็นทางการ สมมติฐานเกีย่ วกับข้ันตอนการ • การเรียนภาษาควรเปน็ ไปตามธรรมชาตขิ องผู้เรยี น เรียนรภู้ าษาตามธรรมชาติ • ไมค่ วรสอนอยา่ งผดิ ธรรมชาติ สมมตฐิ านเกีย่ วกับกลไกการ • การรบั ภาษาชว่ ยให้ผูเ้ รียนไดร้ ถู้ งึ วธื ีการใช้จริง ทดสอบภาษา • การเรียนรภู้ าษาชว่ ยใหส้ ามารถตรวจสอบภาษาได้ สมมตฐิ านเก่ยี วกบั การรบั รขู้ ้อมลู • ปจั จยั ท่ีจาเปน็ ในการเรยี นรภู้ าษา คือขอ้ มูลรบั เข้า (Input) ทางภาษา • ข้อมลู รบั เข้าควรสงู กว่าพ้ืนความร้ขู องผ้เู รยี นเลก็ น้อย สมมติฐานเก่ยี วกบั ความแตกตา่ ง • ทัศนคตแิ ละแรงจูงใจมีผลตอ่ การเรยี นภาษา ด้านจติ ใจ • ถา้ ผเู้ รียนมีทัศนคตเิ ชงิ บวก จะมแี รงจูงใจในการเรยี นภาษาและในทางกลับกัน

ลลี าการเรียนรู้ • ลีลาการเรียนรู้ (Learning Style: 学習スタイル) หมายถึง ลักษณะของ พฤตกิ รรมการเรียนรู้ซึ่งแสดงออกมาตามแต่ละบคุ คลทั้งในด้านการเรียนรู้ การ คิด การแสดงออก และการแก้ปัญหา (รุ่งฤดี แผลงศร, 2560: 55) • ลลี าการเรียนรู้เป็นส่ิงที่สามารถฝึกฝนได้ โดยท่ีผูส้ อนสามารถสร้างบรรยากาศ ในการเรียน ทาให้ผลสมั ฤทธ์ิมีแนวโน้มที่จะดขี ึ้น • บางแห่งเรียกลลี าการเรียนรู้ว่า วิธีการเรียนรู้ หรือแบบแผนการเรียนรู้

ลลี าการเรียนรู้ •ลีลาการเรียนรู้มีหลายรูปแบบ แต่แบบทีน่ ิยมศึกษาวิเคราะหก์ ัน อย่างแพร่หลาย เปน็ ลีลาการเรียนรู้ตามแนวคดิ ของกราชาและ ไรชแ์ มน (Grasha & Reichman) •ลีลาการเรียนรู้แบบน้จี าแนกตามปัจจัยภายในหรือสภาพภายใน ตวั ผเู้ รียน •ประกอบด้วย 6 รูปแบบ ได้แก่

แบบอสิ ระ แบบพงึ่ พา แบบร่วมมือ (Independent) (Dependent) (Collaborative) • ชอบคดิ เองทาเอง • มีความอยากรนู้ อ้ ย • ใหค้ วามร่วมมอื ดี • เชอื่ มน่ั ในตนเองสงู • เรียนเฉพาะที่ • ชอบแสดงความคดิ เหน็ • ไม่คอ่ ยฟงั ใคร • ชอบหาเพ่อื น ทางาน • เหมาะกับการเรียนการ กาหนดให้ • ตอ้ งการการช้นี า เป็นกลุ่ม สอนแบบอิสระ เชน่ • เหมาะกับการสอน • เหมาะกับการสอน เรยี นออนไลน์ เรยี น ผ่านโมดลู โปรแกรม แบบบรรยาย สาธิต แบบนงั่ เป็นกล่มุ ชุดการสอน โครงงาน ทางานกลุ่ม

แบบหลีกเลยี่ ง แบบแข่งขัน แบบมีสว่ นรว่ ม (Avoidance) (Competitive) (Participant) • ไม่สนใจเน้อื หาวิชา • ชอบแขง่ ขนั กบั เพอ่ื นรว่ ม • ต้ังใจเรียนและมีความ • ไม่ชอบมีส่วนรว่ มในชนั้ ชนั้ รับผิดชอบ เรยี น • ต้องการรางวัล คาชมเชย • ชอบทากิจกรรมที่ • มักคดิ ว่าการเรยี นในชน้ั คะแนน เกี่ยวข้องกบั การเรยี น เรยี นน่าเบื่อไม่น่าสนใจ • มกั คิดว่า หอ้ งเรยี นคือ • ไม่ชอบทากจิ กรรมนอก • เหมาะกับการเรียนแบบ สนามแขง่ ขัน ตอ้ งมแี พช้ ะ ช้ันเรียน ทัศนศกึ ษา เล่นปนเรยี น • เหมาะกับการเรยี นการ • เหมาะกบั การเรียนการ สอนแบบเกม การแขง่ ขัน สอนแบบมสี ่วนร่วม การ แสดงบทบาทสมมติ การ สมั มนา และการอภปิ ราย

ถามตอบข้อสงสยั และสรปุ บทเรยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook